I’M THE BOSS ลูกพี่หุ่นเทวะ 169 ปีศาจ?

Now you are reading I’M THE BOSS ลูกพี่หุ่นเทวะ Chapter 169 ปีศาจ? at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

หลิงหลานเห็นฉากนี้ก็มีความคิดหนึ่งผุดขึ้นมา กลิ่นอายของหัวหน้าคนนี้ดูสับสน สูญเสียความเยือกเย็นก่อนหน้านี้ไปแล้ว นี่เป็นโอกาสดีในการลอบสังหาร ในตอนที่หลิงหลานกำลังคิดจะเคลื่อนไหวนั้น…ร่างเงาสามคนก็พุ่งมาจากทิศทางที่แตกต่างกัน

“หัวหน้า!” หนึ่งในลูกทีมตะโกนขึ้น

ส่วนลูกทีมอีกคนเห็นเสี่ยวล่ายนอนชุ่มโชกไปด้วยเลือดอยู่ในอ้อมอกของหัวหน้าทีมก็อดส่งเสียงร้องโศกเศร้าไม่ได้ “เสี่ยวล่าย!”

หลิงหลานที่ซ่อนอยู่ด้านข้างลอบเสียดายอยู่ในใจ ถ้าหากสามคนนั้นมาช้ากว่านี้ห้าวินาที เธอก็มีโอกาสลงมือแล้ว หลิงหลานเป็นคนตัดสินใจเด็ดขาดเช่นกัน เมื่อเห็นว่าที่นี่ไม่มีความเป็นไปได้ในการซุ่มโจมตีแล้ว เธอก็เก็บกลิ่นอายทั้งหมดอีกครั้งและดักซุ่มราวกับสิ่งไม่มีชีวิต

หัวหน้าทีมฝืนข่มกลั้นความโศกเศร้าในใจและกัดฟันกล่าวว่า “เสี่ยวล่ายถูกฝ่ายตรงข้ามลอบโจมตี พลีชีพแล้ว! ฝ่ายตรงข้ามเชี่ยวชาญด้านการอำพรางตัวและลอบสังหาร พวกนายต้องระวังตัวไว้” เขารู้สึกปั่นป่วนแค่ครู่เดียวเท่านั้น เวลานี้เขากลับมาเยือกเย็นแล้ว จากนั้นก็คาดคะเนตำแหน่งคร่าวๆ ของหลิงหลานทันที “เขาน่าจะอยู่ไม่ไกลจากที่นี่ จากที่ฉันสัมผัสจิตสังหารได้จนมาถึงที่นี่เป็นแค่เวลาสามวินาทีสั้นๆ เท่านั้น เขาไม่มีโอกาสหนีไปได้ไกลมากนัก”

หัวหน้าทีมเชื่อว่า ถึงแม้เขาจะจิตใจปั่นป่วนเพราะการพลีชีพของเสี่ยวล่าย แต่เขาไม่ได้สูญเสียความสามารถในการรับรู้ที่ควรมีไป ถ้าหากตอนนั้นหลิงหลานยังเลือกหลบหนี เขาต้องสังเกตการเคลื่อนไหวได้แน่นอน ทว่าหลังจากที่เขามาที่นี่ บริเวณรอบๆ กลับเงียบสนิท นี่ก็หมายความว่า อีกฝ่ายเลือกดักซุ่มอยู่ใกล้ๆ

บางทีเขาอาจจะอยู่ข้างๆ พวกเขารอคอยโอกาสสังหารในครั้งเดียว

“จากนี้ไป พวกนายสามคนเกาะกลุ่มกันไว้ เวลาที่ค้นหาก็อย่าอยู่ห่างจากกันมากเกินไป ทางที่ดีที่สุดคือพวกนายสามารถเฝ้าระวังกันเองได้” หัวหน้าทีมรู้ว่าความสามารถของลูกทีมสามคนของเขากับเสี่ยวล่ายอยู่ในระดับเดียวกัน เมื่ออยู่คนเดียวก็จะเป็นอันตรายมาก ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจให้พวกเขาสามคนค้นหาเป็นกลุ่ม ส่วนเขา…ถ้าหากฝ่ายตรงข้ามคิดว่าเขาที่อยู่คนเดียวเป็นเป้าหมายที่ลงมือง่ายแล้วละก็ เขาจะทำให้ไอ้หนูนั่นรู้ว่า เมื่ออยู่ต่อหน้าพลังที่แท้จริงแล้ว ไม่ว่าจะเป็นการลอบโจมตีกับการลอบสังหารที่ยอดเยี่ยมอะไรก็ไม่มีประโยชน์ทั้งนั้น

“ครับ หัวหน้า!” ทั้งสามคนเอ่ยรับคำสั่งด้วยสีหน้าจริงจัง การเสียชีวิตของเสี่ยวล่ายทำให้พวกเขาระวังตัวขึ้นมา พวกเขาไม่มั่นใจว่าจะหลบการลอบโจมตีอย่างไร้สุ้มไร้เสียงของฝ่ายตรงข้ามพ้น

หลิงหลานเห็นทั้งสี่คนแยกเป็นสองกลุ่มไปค้นหาสองทาง หลิงหลานโชคดีสุดขีดอย่างไม่ต้องสงสัย ทิศทางที่ฝ่ายตรงข้ามเลือกสำรวจอันดับแรกบังเอิญไม่ใช่ที่ที่เธออยู่ แน่นอนว่านี่เป็นแค่โชคดีชั่วคราวเท่านั้น เมื่อค้นหาอะไรไม่เจอในสองทิศนั้น พวกเขาจะต้องกลับมาอีกครั้งเพื่อสำรวจสถานที่ที่ยังไม่ได้สำรวจแน่นอน หรือพูดอีกอย่างก็คือ ถ้าหากหลิงหลานซุ่มอยู่ที่นี่ตลอดก็จะต้องถูกอีกฝ่ายหาตัวเจอ

หลิงหลานครุ่นคิดแล้วตัดสินใจหาโอกาสตามทีมสามคนนนั้นไป ถึงแม้ภายนอกดูเหมือนว่าใช้แผนการลอบสังหารกับหัวหน้าทีมจะดูสำเร็จง่ายกว่า แต่ในใจหลิงหลานมีความรู้สึกที่ไม่อาจพรรณนาได้ว่าบนตัวหัวหน้าทีมคนนั้นมีตัวตนบางอย่างที่อันตรายอยู่รางๆ สัมผัสถึงวิกฤตินี้ทำให้เธอทิ้งความคิดเรื่องลอบโจมตีหัวหน้าทีมไปทันที

แน่นอนว่าการที่หลิงหลานคิดจะลอบโจมตีทีมสามคนนั้นเงียบๆ ก็เป็นเรื่องที่ยากมากเหมือนกัน แต่หลิงหลานเชื่อว่า ขอเพียงอดทนค้นหา ไม่มีทางที่มันจะไม่มีโอกาสเลยสักนิดเดียว

เวลานี้เอง สวมลมหอบหนึ่งพัดเข้ามาจนใบไม้บนต้นไม้สั่นไหว เกิดเป็นเสียงกรอบแกรบดังขึ้น หลิงหลานประทับฝ่ามือเบาๆ ทั่วทั้งร่างของเธอก็พุ่งไปยังทิศทางที่ทีมสามคนนั้นหายตัวไปดุจดั่งปีศาจร้ายก็ไม่ปาน….

เมื่อเสียงสายลมลดระดับลง หลิงหลานตกลงมาเบาๆ เหมือนกับใบไม้ จากนั้นเธอก็พุ่งเข้าไปยังบริเวณที่ดูซ่อนเร้นแห่งหนึ่งเพื่อดักซุ่มเงียบๆ อีกครั้ง…ความอดทนของหลิงหลานสูงมาก ต่อให้ยังไม่เห็นเงาทีมสามคนนั้น เมื่อลมหยุดพัดลง เธอก็ไม่ขยับเขยื้อนอีก นอกเสียจากสายลมลูกต่อไปจะพัดขึ้นอีกครั้ง

หัวหน้าทีมกำลังก้มหน้าสำรวจอยู่อีกทางด้านหนึ่ง ใบหูของเขาขยับไปตามเสียงลม ถึงแม้ว่าใบหน้าจะดูไร้ความรู้สึก แต่แววตากลับมีความสงสัยแวบผ่านเข้ามา…

เขาไม่ได้ยินเสียงผิดปกติอะไรเลยจริงๆ นอกจากพวกเสียงลม เสียงใบไม้สั่นไหว ก็เหลือแค่เสียงเดินของพวกเขาที่เหยียบซากใบไม้ต้นหญ้า หรือว่าเขาคาดการณ์ผิดไป? อีกฝ่ายยังคงเลือกดักซุ่มอยู่ที่เดิม ไม่ได้ตามมาลอบโจมตี? หรือว่าเขาตามเข้ามาแล้ว แต่ว่าเขาไม่ได้ยิน?

สีหน้าของหัวหน้าทีมเคร่งขรึมขึ้นมา ในตอนนี้เอง หมอกสายหนึ่งปรากฏตัวในป่า หลังจากนั้นมันค่อยๆ เปลี่ยนเป็นหนาขึ้น จนร่างของหัวหน้าทีมหายไปในหมอกขาวเช่นนี้เอง

…..

สมาชิกของทีมสามคนจดจำคำสั่งของหัวหน้าทีมไว้มั่น ระยะห่างระหว่างพวกเขาไม่มีทางเกินสิบเมตรเลย ไม่เพียงเท่านั้น พวกเขายังเก็บสมาชิกทีมคนหนึ่งไว้ในระยะสายตาเสมอ นี่เป็นรูปขบวนสามเหลี่ยมมีเฉพาะในกองทัพสหพันธรัฐ เป็นขบวนทัพป้องกันที่ไม่มีจุดอับสายตา

หลิงหลานใช้เสียงลมอำพรางตัวตามทีมสามคนนี้ไปอย่างเงียบเชียบต่อ อย่างไรก็ตาม เธอไม่ได้มีความสุข  หากแต่ขมวดคิ้วแน่น เนื่องจากเธอพบว่า เธอไม่มีโอกาสลอบโจมตีภายใต้ขบวนรบนี้เลย

ต้องรีบทำลายขบวนทัพนี้ให้เร็วที่สุด! หลิงหลานรู้ว่าเธอมีเวลาไม่มากแล้ว เสี่ยวซื่อที่เดิมทีจับตามองหัวหน้าทีมอย่างไม่ละสายตานั้นเพิ่งจะบอกเธอว่า หาหัวหน้าทีมไม่เจอแล้ว ถึงแม้ว่าเสี่ยวซื่อจะใช้ดาวเทียมที่มีความคมชัดสูงสอดแนมค้นหาทั่วบริเวณที่หัวหน้าทีมหายตัวไป แต่พื้นที่นั้นเปลี่ยนเป็นหมอกหนาแล้ว ต่อให้ดาวเทียมจะคมชัดสูงอีกสักแค่ไหน ภายใต้สถานการณ์แบบนี้ก็สูญเสียความสามารถไปแล้ว

หลิงหลานคาดเดาว่าหมอกหนานั้นคือความสามารถของพรสวรรค์อีกฝ่าย บางทีตอนนี้ฝ่ายตรงข้ามอาจจะหันกลับมาแล้วกำลังรีบร้อนเข้ามาอยู่ก็ได้ ส่วนเธอไม่เพียงต้องรีบหาโอกาสจัดการสามคนตรงหน้านี้ให้เร็วที่สุด เธอยังต้องระวังสถานการณ์ด้านหลังด้วย จะให้เกิดโศกนาฎกรรมอย่างตั๊กแตนจับจั๊กจั่นแล้วนกขมิ้นอยู่ด้านหลัง[1]ไม่ได้เด็ดขาด

ลมพัดเข้ามาหอบหนึ่ง พุ่มไม้ต้นไม้ต่างขยับเบาๆ ตามสายลมหอบนี้จนเกิดเสียงกรอบแกรบซอกแซก ทีมสามคนที่ตอนแรกเคร่งเครียดจริงจังหวาดระแวงไปหมด พอถึงตอนนี้ก็ใจเย็นลง พวกเขาแค่หยุดฝีเท้าลงและกวาดตามองไปยังจุดเกิดเสียงตามจิตใต้สำนึก

หลิงหลานเห็นฉากนี้ ในใจก็ผุดความคิดขึ้น…

เมื่อทั้งสามคนพบว่าไม่มีสิ่งผิดปกติอะไรก็ค่อยเดินสำรวจต่อ ไม่นานสายลมก้พัดพาเข้ามาอีกหอบเหมือนกับก่อนหน้านี้ พุ่มหญ้าใบไม้เกิดเสียงดังเล็กๆ ทว่าคราวนี้มีของสิ่งหนึ่งที่แทบจะมองไม่เห็นซัดออกมาตามสายลมหอบนี้ด้วย

หลิงหลานฉวยโอกาสเอานิ้วดีดเข็มน้ำแข็งเรียวเล็กทว่าแหลมคมสุดขีดออกไปหนึ่งเล่มตามสายลมหอบนี้ เป้าหมายของเธอคือลูกทีมคนหนึ่งที่อยู่ใกล้กับเธอมากที่สุด ในตอนนี้เอง เนื่องจากสายตาของอีกฝ่ายหันไปยังจุดที่เสียงดังพอดี และทิศทางนี้บังเอิญเปิดเผยขมับของเขาซึ่งเป็นจุดที่ความสามารถในการป้องกันอ่อนแอที่สุดต่อหน้าหลิงหลาน

นับตั้งแต่ที่มนุษย์ใช้ยากระตุ้นยีนพัฒนาร่างกาย พลังชีวิตและความสามารถในการป้องกันของร่างกายแข็งแกร่งกว่าโลกของหลิงหลานเมื่อหนึ่งหมื่นปีก่อนมาก ดังนั้นนอกจากส่วนศีรษะและสมองแล้ว ส่วนอื่นๆ ไม่ได้เป็นจุดอ่อนถึงแก่ชีวิตอีก

ถ้าหลิงหลานอยากอาศัยเข็มน้ำแข็งที่เรียวเล็กสุดขีดนี้ทำร้ายจุดอื่นๆ ของฝ่ายตรงข้ามจนถึงแก่ชีวิตนั้นแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย มีเพียงซัดใส่ส่วนศีรษะทำลายสมองของอีกฝ่ายเท่านั้นถึงจะมีโอกาสฆ่าได้ ก็เหมือนกับที่หลิงหลานสังหารผู้ควบคุมหุ่นรบของจักรวรรดิฮิงูเระในดาวสัตว์อสูร เธอใช้เข็มไม้สั้นซัดเอียงจากกรามด้านล่างของอีกฝ่ายจนทำลายสมองและฆ่าเขาได้ ไม่อย่างนั้นแทงแค่ลำคอเพียงอย่างเดียว ยังไม่แน่ว่าจะทำให้อีกฝ่ายตายได้

เมื่อเทียบกับการป้องกันเป็นชั้นๆ ตรงส่วนศีรษะของผู้ควบคุมหุ่นรบแล้ว เนื่องจากทีมสามคนตรงหน้านี้ปลอมตัวเป็นอาจารย์ พวกเขาจึงไม่ได้ทำการป้องกันอะไรที่ส่วนศีรษะเลย นี่จึงทำให้หลิงหลานมีโอกาสสังหารอีกฝ่ายในการโจมตีเดียว

เข็มน้ำแข็งของหลิงหลานเรียวเล็กมากเกินไปจริงๆ บวกกับเธอใช้เสียงลมด้วย มันจึงมาอย่างไร้สุ้มไร้เสียง เมื่อเข็มน้ำแข็งซัดเข้าไปใกล้อีกฝ่ายจนเหลือระยะห่างไม่ถึงสิบเซนติเมตรนั้น สีหน้าของฝ่ายพลันเปลี่ยนไปทันที

ต่อให้ยืมเสียงสายลมมาปกปิดอีกยังไง บนตัวยอดฝีมือด้านการต่อสู้ระดับพลังปราณมีกระแสปราณป้องกันของตัวเองอยู่ เมื่อเข้าใกล้กระแสปราณของอีกฝ่ายก็จะถูกเขาสังเกตได้ นี่ก็คือเหตุผลว่าทำไมหลิงหลานถึงเลือกลอบสังหารในระยะประชิด ถึงยังไงอาวุธลับก็ไม่มีประสิทธิภาพดีนักสำหรับการจัดการยอดฝีมือระดับพลังปราณที่มีการป้องกันอย่างเต็มที่ทั้งกายและใจ

ชายคนนั้นกำลังคิดจะขยับศีรษะหลบ การโจมตีทางจิตที่หลิงหลานเตรียมไว้นานแล้วก็ตามเข้ามา การโจมตีทางจิตนี้ไม่ได้รุนแรงทรงพลังทำให้คนหมดสติไปทันทีเหมือนกับตอนที่จัดการเสี่ยวล่าย ตรงกันข้ามมันทำให้คนรู้สึกว่าศีรษะสั่นสะเทือนฉับพลัน จู่ๆ ก็สูญเสียการควบคุมการเคลื่อนไหวที่คิดจะทำในตอนแรกและเป็นอัมพาตไปชั่วคราว

นี่เป็นแค่เวลาในชั่วพริบตาเท่านั้น หลังจากที่ชายคนนั้นมึนศีรษะแล้วก็กลับมาได้สติทันที ทว่าการชะงักงันนี้กลับทำให้เขาตระหนักขึ้นมาด้วยความตกใจกลัวได้ว่า มันสายเกินไปแล้ว!

เข็มน้ำแข็งเสียบเข้าไปที่ขมับของอีกฝ่ายอย่างเงียบงันโดยที่ไม่มีร่องรอยเลยสักนิดเดียว มีเพียงจุดสีแดงเล็กสุดขีดเท่านั้นที่ปรากฏออกมาตรงบริเวณนั้นเล็กน้อย รวมไปถึงสีหน้าหวาดสะพรึงก่อนที่จะเผชิญหน้ากับความตาย!

ลูกทีมอีกสองคนไม่สังเกตเห็นเรื่องที่เกิดขึ้นที่นี่เลย พวกเขายังคงมุ่งหน้าสำรวจค้นหาตามรูปแบบขบวนสามเหลี่ยมป้องกันต่อไป ทว่าเมื่อเดินไปได้ไม่กี่ก้าวก็พบว่าสมาชิกทีมที่อยู่อีกมุมหนึ่งไม่ได้ตามมาด้วย….

สมาชิกทีมหนึ่งในนั้นหยุดฝีเท้าลงด้วยความสงสัยและตะโกนว่า “เสี่ยวหลิน นายเจออะไรแล้วเหรอ? ทำไมถึงไม่ตามมาล่ะ?”

เสี่ยวหลินยังคงยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น ทว่าจ้องมองไปยังที่หนึ่งราวกับพบอะไรบางอย่าง

สองคนที่เหลือสบตากัน แววตาบ่งบอกว่าให้เข้าไปดูด้วยกัน พวกเขาเดินเข้าไปอย่างระมัดระวัง หนึ่งในนั้นก็เดินไปที่ข้างๆ เสี่ยวหลินแล้วผลักไหล่เขาพูดว่า “เฮ้ ถามแล้วทำไมนายไม่ตอบเลยวะ?”

ไม่นึกเลยว่าเขาผลักแบบนี้ไปหนึ่งที ร่างของเสี่ยวหลินก็ล้มลงไปข้างหน้า ทั้งสองคนสะดุ้งด้วยความตกใจ ชายคนหนึ่งทำการป้องกันด้วยความตึงเครียด ส่วนอีกคนก็รีบขึ้นหน้าไปตรวจสอบดู แต่ก็เห็นว่าร่างของเสี่ยวหลินไม่มีลมหายใจแล้ว…

“อ๊ากก…ไอ้สารเลวสมควรตาย แกแม่งรีบไสหัวออกมาซะ ลอบโจมตียังนับว่าเป็นวีรบุรุษประสาอะไร ถ้าแกกล้าก็มาสู้กับฉันตัวต่อตัวสิวะ…”  ชายคนนั้นกระโดดขึ้นมาฉับพลัน ตะโกนเสียงดังลั่นไปยังป่าที่มืดมิดด้วยอารมณ์รุนแรง การเสียชีวิตอย่างเงียบงันของเสี่ยวหลินทำให้เขาตกใจกลัว

“เสี่ยวฉง ใจเย็นไว้!” สมาชิกทีมอีกคนตะโกนดังลั่นด้วยความเคร่งเครียด และมองไปรอบๆ ด้วยความระมัดระวัง บริเวณรอบด้านเงียบวังเวง ไม่มีเงาใครเลยสักคน…

“หัวหน้า! หัวหน้า!” ลูกทีมที่อารมณ์รุนแรงตะโกนเสียงดังทันที หวังว่าหัวหน้าจะเข้ามาหาสาเหตุการตายของเสี่ยวหลินเจอ

ทว่าคำตอบที่เขาได้ยังคงเป็นความเงียบงัน กระทั่งหัวหน้าทีมก็ไม่มีทั้งเสียงและเงา ลูกทีมที่อารมณ์รุนแรงค่อยๆ ใจเย็นลง แต่ใบหน้าของเขาซีดเผือดขึ้นเรื่อยๆ เช่นกัน เขาอดคิดไม่ได้ว่า ‘หัวหน้าของพวกเขาก็ถูกฆ่าตายเงียบๆ ไปเหมือนกันเหรอ?’

เขาส่ายศีรษะ ไม่สิ หัวหน้าแข็งแกร่งขนาดนั้น ไม่มีทางโดนเด็กอายุ 13 กำจัดแน่นอน…เพียงแต่ นั่นเป็นแค่เด็กอายุ 13 เท่านั้นจริงๆ เหรอ? หรือว่าคนที่ลงมือจะไม่ใช่คนที่พวกเขาคิดไว้? หากแต่เป็นปีศาจ?

เขานึกถึงรูกลมๆ ขนาดใหญ่บนหน้าอกของเสี่ยวล่ายที่ถูกอาวุธไม่รู้จักแทง และก็มองไปที่เสี่ยวหลินที่นอนอยู่บนพื้น ทั่วทั้งร่างไม่มีบาดแผลใดๆ มีเพียงสีหน้าหวาดกลัวถึงขีดสุดราวกับว่าเห็นอะไรบางอย่างที่น่ากลัวก่อนตาย…

……………………………………………..

[1] หมายถึง จ้องจะทำร้ายหรือจัดการอีกฝ่าย โดยลืมไปว่าตัวองก็อาจจะถูกจ้องจัดการอยู่เหมือนกัน

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

I’M THE BOSS ลูกพี่หุ่นเทวะ 169 ปีศาจ?

Now you are reading I’M THE BOSS ลูกพี่หุ่นเทวะ Chapter 169 ปีศาจ? at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

หลิงหลานเห็นฉากนี้ก็มีความคิดหนึ่งผุดขึ้นมา กลิ่นอายของหัวหน้าคนนี้ดูสับสน สูญเสียความเยือกเย็นก่อนหน้านี้ไปแล้ว นี่เป็นโอกาสดีในการลอบสังหาร ในตอนที่หลิงหลานกำลังคิดจะเคลื่อนไหวนั้น…ร่างเงาสามคนก็พุ่งมาจากทิศทางที่แตกต่างกัน

“หัวหน้า!” หนึ่งในลูกทีมตะโกนขึ้น

ส่วนลูกทีมอีกคนเห็นเสี่ยวล่ายนอนชุ่มโชกไปด้วยเลือดอยู่ในอ้อมอกของหัวหน้าทีมก็อดส่งเสียงร้องโศกเศร้าไม่ได้ “เสี่ยวล่าย!”

หลิงหลานที่ซ่อนอยู่ด้านข้างลอบเสียดายอยู่ในใจ ถ้าหากสามคนนั้นมาช้ากว่านี้ห้าวินาที เธอก็มีโอกาสลงมือแล้ว หลิงหลานเป็นคนตัดสินใจเด็ดขาดเช่นกัน เมื่อเห็นว่าที่นี่ไม่มีความเป็นไปได้ในการซุ่มโจมตีแล้ว เธอก็เก็บกลิ่นอายทั้งหมดอีกครั้งและดักซุ่มราวกับสิ่งไม่มีชีวิต

หัวหน้าทีมฝืนข่มกลั้นความโศกเศร้าในใจและกัดฟันกล่าวว่า “เสี่ยวล่ายถูกฝ่ายตรงข้ามลอบโจมตี พลีชีพแล้ว! ฝ่ายตรงข้ามเชี่ยวชาญด้านการอำพรางตัวและลอบสังหาร พวกนายต้องระวังตัวไว้” เขารู้สึกปั่นป่วนแค่ครู่เดียวเท่านั้น เวลานี้เขากลับมาเยือกเย็นแล้ว จากนั้นก็คาดคะเนตำแหน่งคร่าวๆ ของหลิงหลานทันที “เขาน่าจะอยู่ไม่ไกลจากที่นี่ จากที่ฉันสัมผัสจิตสังหารได้จนมาถึงที่นี่เป็นแค่เวลาสามวินาทีสั้นๆ เท่านั้น เขาไม่มีโอกาสหนีไปได้ไกลมากนัก”

หัวหน้าทีมเชื่อว่า ถึงแม้เขาจะจิตใจปั่นป่วนเพราะการพลีชีพของเสี่ยวล่าย แต่เขาไม่ได้สูญเสียความสามารถในการรับรู้ที่ควรมีไป ถ้าหากตอนนั้นหลิงหลานยังเลือกหลบหนี เขาต้องสังเกตการเคลื่อนไหวได้แน่นอน ทว่าหลังจากที่เขามาที่นี่ บริเวณรอบๆ กลับเงียบสนิท นี่ก็หมายความว่า อีกฝ่ายเลือกดักซุ่มอยู่ใกล้ๆ

บางทีเขาอาจจะอยู่ข้างๆ พวกเขารอคอยโอกาสสังหารในครั้งเดียว

“จากนี้ไป พวกนายสามคนเกาะกลุ่มกันไว้ เวลาที่ค้นหาก็อย่าอยู่ห่างจากกันมากเกินไป ทางที่ดีที่สุดคือพวกนายสามารถเฝ้าระวังกันเองได้” หัวหน้าทีมรู้ว่าความสามารถของลูกทีมสามคนของเขากับเสี่ยวล่ายอยู่ในระดับเดียวกัน เมื่ออยู่คนเดียวก็จะเป็นอันตรายมาก ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจให้พวกเขาสามคนค้นหาเป็นกลุ่ม ส่วนเขา…ถ้าหากฝ่ายตรงข้ามคิดว่าเขาที่อยู่คนเดียวเป็นเป้าหมายที่ลงมือง่ายแล้วละก็ เขาจะทำให้ไอ้หนูนั่นรู้ว่า เมื่ออยู่ต่อหน้าพลังที่แท้จริงแล้ว ไม่ว่าจะเป็นการลอบโจมตีกับการลอบสังหารที่ยอดเยี่ยมอะไรก็ไม่มีประโยชน์ทั้งนั้น

“ครับ หัวหน้า!” ทั้งสามคนเอ่ยรับคำสั่งด้วยสีหน้าจริงจัง การเสียชีวิตของเสี่ยวล่ายทำให้พวกเขาระวังตัวขึ้นมา พวกเขาไม่มั่นใจว่าจะหลบการลอบโจมตีอย่างไร้สุ้มไร้เสียงของฝ่ายตรงข้ามพ้น

หลิงหลานเห็นทั้งสี่คนแยกเป็นสองกลุ่มไปค้นหาสองทาง หลิงหลานโชคดีสุดขีดอย่างไม่ต้องสงสัย ทิศทางที่ฝ่ายตรงข้ามเลือกสำรวจอันดับแรกบังเอิญไม่ใช่ที่ที่เธออยู่ แน่นอนว่านี่เป็นแค่โชคดีชั่วคราวเท่านั้น เมื่อค้นหาอะไรไม่เจอในสองทิศนั้น พวกเขาจะต้องกลับมาอีกครั้งเพื่อสำรวจสถานที่ที่ยังไม่ได้สำรวจแน่นอน หรือพูดอีกอย่างก็คือ ถ้าหากหลิงหลานซุ่มอยู่ที่นี่ตลอดก็จะต้องถูกอีกฝ่ายหาตัวเจอ

หลิงหลานครุ่นคิดแล้วตัดสินใจหาโอกาสตามทีมสามคนนนั้นไป ถึงแม้ภายนอกดูเหมือนว่าใช้แผนการลอบสังหารกับหัวหน้าทีมจะดูสำเร็จง่ายกว่า แต่ในใจหลิงหลานมีความรู้สึกที่ไม่อาจพรรณนาได้ว่าบนตัวหัวหน้าทีมคนนั้นมีตัวตนบางอย่างที่อันตรายอยู่รางๆ สัมผัสถึงวิกฤตินี้ทำให้เธอทิ้งความคิดเรื่องลอบโจมตีหัวหน้าทีมไปทันที

แน่นอนว่าการที่หลิงหลานคิดจะลอบโจมตีทีมสามคนนั้นเงียบๆ ก็เป็นเรื่องที่ยากมากเหมือนกัน แต่หลิงหลานเชื่อว่า ขอเพียงอดทนค้นหา ไม่มีทางที่มันจะไม่มีโอกาสเลยสักนิดเดียว

เวลานี้เอง สวมลมหอบหนึ่งพัดเข้ามาจนใบไม้บนต้นไม้สั่นไหว เกิดเป็นเสียงกรอบแกรบดังขึ้น หลิงหลานประทับฝ่ามือเบาๆ ทั่วทั้งร่างของเธอก็พุ่งไปยังทิศทางที่ทีมสามคนนั้นหายตัวไปดุจดั่งปีศาจร้ายก็ไม่ปาน….

เมื่อเสียงสายลมลดระดับลง หลิงหลานตกลงมาเบาๆ เหมือนกับใบไม้ จากนั้นเธอก็พุ่งเข้าไปยังบริเวณที่ดูซ่อนเร้นแห่งหนึ่งเพื่อดักซุ่มเงียบๆ อีกครั้ง…ความอดทนของหลิงหลานสูงมาก ต่อให้ยังไม่เห็นเงาทีมสามคนนั้น เมื่อลมหยุดพัดลง เธอก็ไม่ขยับเขยื้อนอีก นอกเสียจากสายลมลูกต่อไปจะพัดขึ้นอีกครั้ง

หัวหน้าทีมกำลังก้มหน้าสำรวจอยู่อีกทางด้านหนึ่ง ใบหูของเขาขยับไปตามเสียงลม ถึงแม้ว่าใบหน้าจะดูไร้ความรู้สึก แต่แววตากลับมีความสงสัยแวบผ่านเข้ามา…

เขาไม่ได้ยินเสียงผิดปกติอะไรเลยจริงๆ นอกจากพวกเสียงลม เสียงใบไม้สั่นไหว ก็เหลือแค่เสียงเดินของพวกเขาที่เหยียบซากใบไม้ต้นหญ้า หรือว่าเขาคาดการณ์ผิดไป? อีกฝ่ายยังคงเลือกดักซุ่มอยู่ที่เดิม ไม่ได้ตามมาลอบโจมตี? หรือว่าเขาตามเข้ามาแล้ว แต่ว่าเขาไม่ได้ยิน?

สีหน้าของหัวหน้าทีมเคร่งขรึมขึ้นมา ในตอนนี้เอง หมอกสายหนึ่งปรากฏตัวในป่า หลังจากนั้นมันค่อยๆ เปลี่ยนเป็นหนาขึ้น จนร่างของหัวหน้าทีมหายไปในหมอกขาวเช่นนี้เอง

…..

สมาชิกของทีมสามคนจดจำคำสั่งของหัวหน้าทีมไว้มั่น ระยะห่างระหว่างพวกเขาไม่มีทางเกินสิบเมตรเลย ไม่เพียงเท่านั้น พวกเขายังเก็บสมาชิกทีมคนหนึ่งไว้ในระยะสายตาเสมอ นี่เป็นรูปขบวนสามเหลี่ยมมีเฉพาะในกองทัพสหพันธรัฐ เป็นขบวนทัพป้องกันที่ไม่มีจุดอับสายตา

หลิงหลานใช้เสียงลมอำพรางตัวตามทีมสามคนนี้ไปอย่างเงียบเชียบต่อ อย่างไรก็ตาม เธอไม่ได้มีความสุข  หากแต่ขมวดคิ้วแน่น เนื่องจากเธอพบว่า เธอไม่มีโอกาสลอบโจมตีภายใต้ขบวนรบนี้เลย

ต้องรีบทำลายขบวนทัพนี้ให้เร็วที่สุด! หลิงหลานรู้ว่าเธอมีเวลาไม่มากแล้ว เสี่ยวซื่อที่เดิมทีจับตามองหัวหน้าทีมอย่างไม่ละสายตานั้นเพิ่งจะบอกเธอว่า หาหัวหน้าทีมไม่เจอแล้ว ถึงแม้ว่าเสี่ยวซื่อจะใช้ดาวเทียมที่มีความคมชัดสูงสอดแนมค้นหาทั่วบริเวณที่หัวหน้าทีมหายตัวไป แต่พื้นที่นั้นเปลี่ยนเป็นหมอกหนาแล้ว ต่อให้ดาวเทียมจะคมชัดสูงอีกสักแค่ไหน ภายใต้สถานการณ์แบบนี้ก็สูญเสียความสามารถไปแล้ว

หลิงหลานคาดเดาว่าหมอกหนานั้นคือความสามารถของพรสวรรค์อีกฝ่าย บางทีตอนนี้ฝ่ายตรงข้ามอาจจะหันกลับมาแล้วกำลังรีบร้อนเข้ามาอยู่ก็ได้ ส่วนเธอไม่เพียงต้องรีบหาโอกาสจัดการสามคนตรงหน้านี้ให้เร็วที่สุด เธอยังต้องระวังสถานการณ์ด้านหลังด้วย จะให้เกิดโศกนาฎกรรมอย่างตั๊กแตนจับจั๊กจั่นแล้วนกขมิ้นอยู่ด้านหลัง[1]ไม่ได้เด็ดขาด

ลมพัดเข้ามาหอบหนึ่ง พุ่มไม้ต้นไม้ต่างขยับเบาๆ ตามสายลมหอบนี้จนเกิดเสียงกรอบแกรบซอกแซก ทีมสามคนที่ตอนแรกเคร่งเครียดจริงจังหวาดระแวงไปหมด พอถึงตอนนี้ก็ใจเย็นลง พวกเขาแค่หยุดฝีเท้าลงและกวาดตามองไปยังจุดเกิดเสียงตามจิตใต้สำนึก

หลิงหลานเห็นฉากนี้ ในใจก็ผุดความคิดขึ้น…

เมื่อทั้งสามคนพบว่าไม่มีสิ่งผิดปกติอะไรก็ค่อยเดินสำรวจต่อ ไม่นานสายลมก้พัดพาเข้ามาอีกหอบเหมือนกับก่อนหน้านี้ พุ่มหญ้าใบไม้เกิดเสียงดังเล็กๆ ทว่าคราวนี้มีของสิ่งหนึ่งที่แทบจะมองไม่เห็นซัดออกมาตามสายลมหอบนี้ด้วย

หลิงหลานฉวยโอกาสเอานิ้วดีดเข็มน้ำแข็งเรียวเล็กทว่าแหลมคมสุดขีดออกไปหนึ่งเล่มตามสายลมหอบนี้ เป้าหมายของเธอคือลูกทีมคนหนึ่งที่อยู่ใกล้กับเธอมากที่สุด ในตอนนี้เอง เนื่องจากสายตาของอีกฝ่ายหันไปยังจุดที่เสียงดังพอดี และทิศทางนี้บังเอิญเปิดเผยขมับของเขาซึ่งเป็นจุดที่ความสามารถในการป้องกันอ่อนแอที่สุดต่อหน้าหลิงหลาน

นับตั้งแต่ที่มนุษย์ใช้ยากระตุ้นยีนพัฒนาร่างกาย พลังชีวิตและความสามารถในการป้องกันของร่างกายแข็งแกร่งกว่าโลกของหลิงหลานเมื่อหนึ่งหมื่นปีก่อนมาก ดังนั้นนอกจากส่วนศีรษะและสมองแล้ว ส่วนอื่นๆ ไม่ได้เป็นจุดอ่อนถึงแก่ชีวิตอีก

ถ้าหลิงหลานอยากอาศัยเข็มน้ำแข็งที่เรียวเล็กสุดขีดนี้ทำร้ายจุดอื่นๆ ของฝ่ายตรงข้ามจนถึงแก่ชีวิตนั้นแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย มีเพียงซัดใส่ส่วนศีรษะทำลายสมองของอีกฝ่ายเท่านั้นถึงจะมีโอกาสฆ่าได้ ก็เหมือนกับที่หลิงหลานสังหารผู้ควบคุมหุ่นรบของจักรวรรดิฮิงูเระในดาวสัตว์อสูร เธอใช้เข็มไม้สั้นซัดเอียงจากกรามด้านล่างของอีกฝ่ายจนทำลายสมองและฆ่าเขาได้ ไม่อย่างนั้นแทงแค่ลำคอเพียงอย่างเดียว ยังไม่แน่ว่าจะทำให้อีกฝ่ายตายได้

เมื่อเทียบกับการป้องกันเป็นชั้นๆ ตรงส่วนศีรษะของผู้ควบคุมหุ่นรบแล้ว เนื่องจากทีมสามคนตรงหน้านี้ปลอมตัวเป็นอาจารย์ พวกเขาจึงไม่ได้ทำการป้องกันอะไรที่ส่วนศีรษะเลย นี่จึงทำให้หลิงหลานมีโอกาสสังหารอีกฝ่ายในการโจมตีเดียว

เข็มน้ำแข็งของหลิงหลานเรียวเล็กมากเกินไปจริงๆ บวกกับเธอใช้เสียงลมด้วย มันจึงมาอย่างไร้สุ้มไร้เสียง เมื่อเข็มน้ำแข็งซัดเข้าไปใกล้อีกฝ่ายจนเหลือระยะห่างไม่ถึงสิบเซนติเมตรนั้น สีหน้าของฝ่ายพลันเปลี่ยนไปทันที

ต่อให้ยืมเสียงสายลมมาปกปิดอีกยังไง บนตัวยอดฝีมือด้านการต่อสู้ระดับพลังปราณมีกระแสปราณป้องกันของตัวเองอยู่ เมื่อเข้าใกล้กระแสปราณของอีกฝ่ายก็จะถูกเขาสังเกตได้ นี่ก็คือเหตุผลว่าทำไมหลิงหลานถึงเลือกลอบสังหารในระยะประชิด ถึงยังไงอาวุธลับก็ไม่มีประสิทธิภาพดีนักสำหรับการจัดการยอดฝีมือระดับพลังปราณที่มีการป้องกันอย่างเต็มที่ทั้งกายและใจ

ชายคนนั้นกำลังคิดจะขยับศีรษะหลบ การโจมตีทางจิตที่หลิงหลานเตรียมไว้นานแล้วก็ตามเข้ามา การโจมตีทางจิตนี้ไม่ได้รุนแรงทรงพลังทำให้คนหมดสติไปทันทีเหมือนกับตอนที่จัดการเสี่ยวล่าย ตรงกันข้ามมันทำให้คนรู้สึกว่าศีรษะสั่นสะเทือนฉับพลัน จู่ๆ ก็สูญเสียการควบคุมการเคลื่อนไหวที่คิดจะทำในตอนแรกและเป็นอัมพาตไปชั่วคราว

นี่เป็นแค่เวลาในชั่วพริบตาเท่านั้น หลังจากที่ชายคนนั้นมึนศีรษะแล้วก็กลับมาได้สติทันที ทว่าการชะงักงันนี้กลับทำให้เขาตระหนักขึ้นมาด้วยความตกใจกลัวได้ว่า มันสายเกินไปแล้ว!

เข็มน้ำแข็งเสียบเข้าไปที่ขมับของอีกฝ่ายอย่างเงียบงันโดยที่ไม่มีร่องรอยเลยสักนิดเดียว มีเพียงจุดสีแดงเล็กสุดขีดเท่านั้นที่ปรากฏออกมาตรงบริเวณนั้นเล็กน้อย รวมไปถึงสีหน้าหวาดสะพรึงก่อนที่จะเผชิญหน้ากับความตาย!

ลูกทีมอีกสองคนไม่สังเกตเห็นเรื่องที่เกิดขึ้นที่นี่เลย พวกเขายังคงมุ่งหน้าสำรวจค้นหาตามรูปแบบขบวนสามเหลี่ยมป้องกันต่อไป ทว่าเมื่อเดินไปได้ไม่กี่ก้าวก็พบว่าสมาชิกทีมที่อยู่อีกมุมหนึ่งไม่ได้ตามมาด้วย….

สมาชิกทีมหนึ่งในนั้นหยุดฝีเท้าลงด้วยความสงสัยและตะโกนว่า “เสี่ยวหลิน นายเจออะไรแล้วเหรอ? ทำไมถึงไม่ตามมาล่ะ?”

เสี่ยวหลินยังคงยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น ทว่าจ้องมองไปยังที่หนึ่งราวกับพบอะไรบางอย่าง

สองคนที่เหลือสบตากัน แววตาบ่งบอกว่าให้เข้าไปดูด้วยกัน พวกเขาเดินเข้าไปอย่างระมัดระวัง หนึ่งในนั้นก็เดินไปที่ข้างๆ เสี่ยวหลินแล้วผลักไหล่เขาพูดว่า “เฮ้ ถามแล้วทำไมนายไม่ตอบเลยวะ?”

ไม่นึกเลยว่าเขาผลักแบบนี้ไปหนึ่งที ร่างของเสี่ยวหลินก็ล้มลงไปข้างหน้า ทั้งสองคนสะดุ้งด้วยความตกใจ ชายคนหนึ่งทำการป้องกันด้วยความตึงเครียด ส่วนอีกคนก็รีบขึ้นหน้าไปตรวจสอบดู แต่ก็เห็นว่าร่างของเสี่ยวหลินไม่มีลมหายใจแล้ว…

“อ๊ากก…ไอ้สารเลวสมควรตาย แกแม่งรีบไสหัวออกมาซะ ลอบโจมตียังนับว่าเป็นวีรบุรุษประสาอะไร ถ้าแกกล้าก็มาสู้กับฉันตัวต่อตัวสิวะ…”  ชายคนนั้นกระโดดขึ้นมาฉับพลัน ตะโกนเสียงดังลั่นไปยังป่าที่มืดมิดด้วยอารมณ์รุนแรง การเสียชีวิตอย่างเงียบงันของเสี่ยวหลินทำให้เขาตกใจกลัว

“เสี่ยวฉง ใจเย็นไว้!” สมาชิกทีมอีกคนตะโกนดังลั่นด้วยความเคร่งเครียด และมองไปรอบๆ ด้วยความระมัดระวัง บริเวณรอบด้านเงียบวังเวง ไม่มีเงาใครเลยสักคน…

“หัวหน้า! หัวหน้า!” ลูกทีมที่อารมณ์รุนแรงตะโกนเสียงดังทันที หวังว่าหัวหน้าจะเข้ามาหาสาเหตุการตายของเสี่ยวหลินเจอ

ทว่าคำตอบที่เขาได้ยังคงเป็นความเงียบงัน กระทั่งหัวหน้าทีมก็ไม่มีทั้งเสียงและเงา ลูกทีมที่อารมณ์รุนแรงค่อยๆ ใจเย็นลง แต่ใบหน้าของเขาซีดเผือดขึ้นเรื่อยๆ เช่นกัน เขาอดคิดไม่ได้ว่า ‘หัวหน้าของพวกเขาก็ถูกฆ่าตายเงียบๆ ไปเหมือนกันเหรอ?’

เขาส่ายศีรษะ ไม่สิ หัวหน้าแข็งแกร่งขนาดนั้น ไม่มีทางโดนเด็กอายุ 13 กำจัดแน่นอน…เพียงแต่ นั่นเป็นแค่เด็กอายุ 13 เท่านั้นจริงๆ เหรอ? หรือว่าคนที่ลงมือจะไม่ใช่คนที่พวกเขาคิดไว้? หากแต่เป็นปีศาจ?

เขานึกถึงรูกลมๆ ขนาดใหญ่บนหน้าอกของเสี่ยวล่ายที่ถูกอาวุธไม่รู้จักแทง และก็มองไปที่เสี่ยวหลินที่นอนอยู่บนพื้น ทั่วทั้งร่างไม่มีบาดแผลใดๆ มีเพียงสีหน้าหวาดกลัวถึงขีดสุดราวกับว่าเห็นอะไรบางอย่างที่น่ากลัวก่อนตาย…

……………………………………………..

[1] หมายถึง จ้องจะทำร้ายหรือจัดการอีกฝ่าย โดยลืมไปว่าตัวองก็อาจจะถูกจ้องจัดการอยู่เหมือนกัน

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+