I’M THE BOSS ลูกพี่หุ่นเทวะ 141 บทเรียนแรกของการล่าสัตว์

Now you are reading I’M THE BOSS ลูกพี่หุ่นเทวะ Chapter 141 บทเรียนแรกของการล่าสัตว์ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ฉากนี้ทำให้นายทหารยิ้มฝืดเฝื่อนขึ้นมา พูดในใจว่าลูกเสือปีนี้แปลกพิกลมากเกินไปแล้ว ลูกเสือส่วนใหญ่ที่มาล่าสัตว์ก่อนหน้านี้ต่างมีทีมของตัวเองแล้ว นอกจากนี้โดยพื้นฐานแล้วต่างเป็นทีมที่มีสมาชิกเต็มแล้ว แต่ว่ารุ่นนี้ไม่เพียงมีทีมน้อยสุดขีด จำนวนคนยังไม่เต็มอีกด้วย จำนวนคนบางตาทำให้เขามองแล้วรู้สึกหงุดหงิด

“ทำไมจำนวนคนในทีมน้อยขนาดนี้ล่ะ?” นายทหารเอ่ยถามหัวหน้าทีมแต่ละคนด้วยความไม่พอใจ

“เดิมทีทีมมีสมาชิกเต็มแล้วครับ แต่ว่ามีอยู่สองคนที่ไม่ใช่คนของห้องเอเรา” หลี่อิงเจี๋ยตอบเป็นคนแรก

“อยู่ในระหว่างการเลือก ยังไม่ได้ทำการตัดสินใจครั้งสุดท้ายครับ” นี่เป็นคำพูดของอู่จย่ง

“อืม…คนที่ผมสนใจก็เข้าร่วมทีมแล้ว คนอื่นๆ ที่ไม่ได้เข้าร่วมทีม ผมก็ไม่ได้สนใจ” ฉีหลงลูบศีรษะเอ่ยด้วยรอยยิ้มกว้าง เพิ่มท่าทีโง่เง่าออกมาหลายส่วน

“ผมอยากรับคนนะครับ แต่ว่าพวกเขาไม่อยากเข้าร่วมกับผม” หัวหน้าทีมคนหนึ่งกล่าวพลางทำหน้ายุ่ง ใครใช้ให้คนพวกนั้นจ้องทีมของหลิงหลานกับอู่จย่งล่ะ

“เหมือนกัน+1!” หัวหน้าทีมอีกคนก็เบ้หน้าด้วยเหมือนกัน

“เหมือนกัน+2!” หัวหน้าทีมคนสุดท้ายก็เป็นหนึ่งในกลุ่มคนที่ทำหน้าบูดเช่นเดียวกัน

คำพูดติดตลกของหัวหน้าทีมสามคนสุดท้ายทำให้นายทหารทั้งฉุนทั้งขำ เขาหันหน้าไปถามลูกเสือคนอื่นๆ ว่า “แล้วพวกเธอล่ะ? ทำไมถึงไม่เลือกเข้าร่วมทีม หรือว่าตั้งทีมของตัวเอง?”

ต่อมาก็เป็นความเงียบงัน นายทหารยื่นนิ้วชี้ไปยังนักเรียนคนหนึ่ง “เธอตอบ!”

นักเรียนคนนั้นรู้สึกว่าตัวเองโชคร้ายมากจริงๆ ถูกเรียกให้มาตอบเสียได้ ดังนั้นเขาจึงเอ่ยด้วยความหดหู่ใจว่า “ถ้าเกิดตั้งทีมเองหรือว่าเข้าร่วมทีมคนอื่นๆ ก็จะเสียโอกาสเข้าร่วมทีมของหลิงหลานกับอู่จย่งครับ พวกเราไม่อยากเสียสามโอกาสสุดท้ายนี้ไป”

“ได้ๆ มีการคิดใคร่ครวญมากแล้วจริงๆ” นายทหารจ้องฉีหลงกับอู่จย่งด้วยความงุนงง ไม่รู้ว่าพวกเขามีเสน่ห์อะไรทำให้พวกลูกเสือดึงดันได้ขนาดนี้ อย่างไรก็ตาม ต่างฝ่ายต่างไม่ยอมอ่อนข้อให้กันแบบนี้ต่อไปก็ไม่ใช่วิธีการเหมือนกัน ดังนั้นเขาจึงกล่าวด้วยรอยยิ้มหยันว่า “ฉันไม่สนความคิดมั่วซั่วของพวกเธอหรอกนะ เมื่ออยู่ที่นี่ คำพูดของฉันก็คือคำสั่ง ตอนนี้ฉันสั่งให้พวกเธอรีบตั้งทีมชั่วคราวห้าคนขึ้นมา อีกสามนาทีส่งรายชื่อมาให้ฉัน ถ้าเกิดยังไม่มีทีมอีกละก็ ฉันจะสุ่มจัดให้”

นายทหารกวาดสายตาไปที่ฉีหลงและเอ่ยว่า “ในเมื่อสมาชิกทีมของพวกเธอครบแล้ว ฉันก็จะไม่เปลี่ยน พวกเธอไปรอตรงนั้นก่อน” นายทหารชี้ไปยังทิศทางหนึ่ง บ่งบอกให้พวกฉีหลงเข้าไปตรงนั้น

ฉีหลงและคนอื่นๆ มีความสุขมากที่ได้อยู่กับลูกพี่หลิงหลาน ในใจพวกเขารู้สึกมั่นใจขึ้นมากแล้ว

บรรดาลูกเสือมีปฏิกิริยาตอบสนองรวดเร็วมาก ไม่ถึงห้านาทีก็ตั้งทีมขึ้นมาได้สิบทีม อู่จย่งเลือกเพื่อนร่วมชั้นที่อยู่ในสิบอันดับแรกเข้าทีมหนึ่งคนเพื่อรักษาพลังรบไว้ ส่วนหลี่อิงเจี๋ยก็รับมือดีที่อยู่อันดับสิบสามเข้ามา นักเรียนคนอื่นๆ ต่างก็ตั้งทีมกับคนที่มีความสัมพันธ์ค่อนข้างดีด้วย

นายทหารเห็นเหล่าลูกเสือเตรียมการเรียบร้อยแล้วก็ค่อยโบกมือกว้างๆ ตะโกนว่า “ออกเดินทาง!”

ลูกเสือกรูกันไปที่หน้าประตูค่ายอย่างห้าวหาญ ก่อนจะพบรถขนาดใหญ่ที่ปิดสนิทคล้ายคลึงกับรถหุ้มเกราะในชาติก่อนแต่ว่ามีขนาดใหญ่กว่ารถหุ้มเกราะห้าหกเท่า นายทหารส่งสัญญาณให้เหล่าลูกเสือขึ้นรถไปให้หมด

หลิงหลานรู้สึกได้ว่ารถติดเครื่องยนต์แล่นออกไปแล้ว ระหว่างทางเธอถึงกับสัมผัสได้ว่าตัวรถถูกพลังมหาศาลอะไรบางอย่างกระแทกจนเกิดเสียงปังๆๆ พอเห็นพวกลูกเสือทำหน้าเคร่งเครียดและสงสัยใคร่รู้แล่ว ทหารที่อยู่ในตู้รถเดียวกันก็อธิบายว่า “นี่เป็นการโจมตีของสัตว์อสูร ไม่ต้องห่วง ปกติแล้วเขตนี้เป็นเขตของสัตว์อสูรระดับ G ลงไป ไม่สามารถสร้างความเสียหายให้กับรถลำเลียงหุ้มเหราะได้”

“คงไม่มีสัตว์อสูรระดับสูงกว่านี้ปรากฎตัวขึ้นมาหรอกใช่ไหมครับ?” มีลูกเสือคนหนึ่งเอ่ยถาม

“ฉันใช้ชีวิตอยู่ที่นี่มาสามปีแล้ว ไม่เคยเจอสถานการณ์แบบนี้มาก่อน สัตว์อสูรของดาวดวงนี้มีการตระหนักถึงเขตอิทธิพลอยู่ ดังนั้นปกติแล้วสัตว์อสูรจะไม่ออกจากเขตที่พวกมันอยู่อาศัย” นายทหารอธิบาย พอเห็นใบหน้าทุกคนยังคงตึงเครียดมาก ก็เอ่ยไพ่ตายที่ใหญ่ที่สุดของค่ายออกมา “บนรถลำเลียงหุ้มเกราะขนอาวุธหนักมา สามารถฆ่าสัตว์อสูรระดับ E ลงไปได้”

พวกลูกเสือค่อยถอนหายใจเบาๆ เฮือกหนึ่ง รอคอยรถลำเลียงหุ้มเกราะพาพวกเขาไปส่งที่จุดหมายปลายทางของการล่าสัตว์ด้วยความสบายใจ

รถลำเลียงหุ้มเกราะแล่นไปประมาณไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก็หยุดลง ประตูรถถูกเปิดออก พวกหลิงหลานลงจากรถไปทีละคนภายใต้คำสั่งของนายทหาร ก่อนจะพบว่าที่นี่มีฐานที่มั่นชั่วคราวอยู่แห่งหนึ่ง

นายทหารชี้ไปยังป่าทึบที่อยู่ด้านหน้าและเอ่ยแนะนำว่า “ที่นี่ก็คือเขตล่าสัตว์ระดับ H เป็นเขตที่เปิดออกมาให้พวกเธอโดยเฉพาะ ตอนนี้บันทึกพิกัดไว้ จะเลยรัศมีภายในสิบกิโลเมตรของพิกัดนี้ไม่ได้เป็นอันขาด”

เขาชี้ไปยังฐานที่มั่นชั่วคราวด้านหลังอีกครั้งและกล่าวว่า “ที่นี่คือเขตพักผ่อนที่จัดให้พวกเธอชั่วคราว รั้วที่ล้อมรอบด้านนอกเป็นบาเรียแม่เหล็กไฟฟ้าแบบเดียวกัน สามารถต้านทานการจู่โจมของสัตว์อสูรระดับ H ได้หลายครั้งแน่นอน ด้านในมีจุดแลกเปลี่ยนเช่นเดียวกัน และถ้าคิดจะกลับไปยังฐานที่มั่นหลัก ถ้าไม่เดินกลับก็ต้องซื้อตั๋วขากลับ นอกจากนี้ตั๋วขากลับทุกใบต้องใช้เครดิต 500 แต้ม….”

นายทหารแสยะยิ้ม เอ่ยด้วยความยินดีในความโชคร้ายของคนอื่นอยู่บ้าง “ดังนั้น รบกวนพวกเธอพยายามหาเงินเข้าล่ะ!”

เขากล่าวจบก็กระโดดขึ้นรถลำเลียงหุ้มเกราะโดยที่ไม่รอให้ลูกเสือมีปฏิกิริยาตอบสนอง รถลำเลียงหุ้มเกราะแล่นออกจากที่นี่ราวกับบินไปก็ไม่ปาน ทิ้งไว้เพียงเหล่าลูกเสือที่ใบหน้าเปื้อนฝุ่น

พวกลูกเสือรู้ตัวอีกทีก็ค่อยตระหนักได้ว่าพวกเขาถูกทหารใจร้ายทอดทิ้งไว้แล้ว จากนั้นก็ทยอยกันด่าทอด้วยความโกรธเกรี้ยวขึ้นมา ตะโกนว่าอีกฝ่ายต่ำช้าไร้ยางอาย ทำไมถึงจากไปแบบนี้โดยที่ไม่สอนอะไรเลย

หานจี้จวินไม่สนใจเสียงเอะอะรอบข้าง เอ่ยถามหลิงหลานที่อยู่ข้างกายว่า “ตรวจสอบฐานที่มั่นที่นี่หรือว่าไปล่าสัตว์ทันทีเลย?”

หลิงหลานเอ่ยอย่างเฉยชาว่า “ฐานที่มั่นหนีไม่ได้ ไว้พวกเขากลับมาแล้วค่อยตรวจสอบดูก็ยังไม่สาย พวกเราต้องทำความเข้าใจเขตพื้นที่นี้ให้ดีก่อนฟ้ามืด พอตกกลางคืนก็สามารถวางแผนการล่าสัตว์ได้แล้ว”

การตัดสินใจของหลิงหลานได้รับการเห็นชอบจากทุกคน ควรพูดว่า ขอเพียงหลิงหลานตัดสินใจแล้ว คนอื่นๆ ในทีมย่อมไม่มีความคิดเห็นอะไร ดังนั้น ทั้งห้าคนแบกกระเป๋าเดินทางแล้วเดินไปที่ป่าด้านหน้าอย่างรวดเร็วมาก

ทีมอื่นๆ เห็นทีมหลิงหลานเคลื่อนไหวก็เก็บงำความโกรธและเริ่มเคลื่อนไหวเช่นกัน บางทีมเลือกเข้าไปในฐานที่มั่นชั่วคราวเพื่อตรวจสอบดูสักรอบ บางทีมก็เหมือนกับทีมหลิงหลาน เข้าไปในเขตล่าสัตว์ เตรียมการล่าสัตว์ครั้งแรกของพวกเขา

………….

เวลานี้เอง บนท้องฟ้าที่อยู่ห่างจากพวกหลิงหลานไปหลายกิโลเมตร หน่วยหุ่นรบที่กำลังตรวจตราเฝ้าดูที่นี่เห็นว่ามีทีมของพวกลูกเสือเริ่มล่าสัตว์แล้ว หัวหน้าของพวกเขาก็สั่งการลูกน้องว่า “ทุกคนรับผิดชอบหนึ่งทีม อย่าให้พวกเขาเกิดอันตรายได้”

“รับทราบแล้ว หัวหน้า!”

“M1702 เลือกทีมหนึ่ง!”

“M1703 เลือกทีมสอง!”

“M1704 เลือกทีมห้า!”

“M1705 เลือกทีม….!”

…………

ส่วนอีกทางด้านหนึ่ง บนเนินเขาที่อยู่ห่างไปหลายกิโลเมตร มีหุ่นรบสัตว์ป่าหนึ่งกองกำลังเฝ้าจับตามองที่นี่เช่นกัน

“ไอ้หนูทั้งหลาย หาเป้าหมายของพวกนายได้หรือยัง?”

“ลูกพี่วางใจได้เลย เราหาได้แล้ว….”

“น่าเสียดายที่ไม่มีโลลิ จับกดไม่ได้เลย…”

“โชตะก็มีประโยชน์เหมือนกันเถอะ นายมันตาลุงลามก”

“อย่ามองฉันแบบนี้สิ ฉันแค่มีความรักของพ่ออยู่เต็มเปี่ยมนะ…”

“เหอะ….” คนกลุ่มนี้ส่งเสียงเอะอะพูดคุยหยอกล้อโดยไม่ได้ห้ามปรามคำพูดอะไรเลย แต่ว่ามือกลับเคลื่อนไหวได้แม่นยำมาก ควบคุมหุ่นรบสัตว์ป่าเหล่านี้กระโดดเข้าไปในป่าอย่างคล่องแคล่ว ลอบตามเข้าไปปกป้องทีมลูกเสือที่พวกเขาจะต้องคุ้มครอง

………..

ทีมหลิงหลานมีฉีหลงเป็นหัวหอก  ตรงกลางคือหานจี้จวิน สองข้างคือลั่วล่างกับหลินจงชิง และด้านหลังก็คือหลิงหลานที่รั้งท้ายขบวน ทักษะการต่อสู้ของหานจี้จวินแย่ที่สุดในกลุ่ม ถ้ายังไม่รู้ความสามารถที่แท้จริงของสัตว์อสูรเขตพื้นที่นี้ หลิงหลานจำเป็นต้องจัดรูปแบบขบวนที่รับประกันความปลอดภัยมากที่สุด

ตลอดทางที่ผ่านมาของพวกเขาสงบราบเรียบมาก ไม่ได้เจอสิ่งที่เรียกว่าสัตว์อสูรเลย หลังจากที่เดินเข้าไปในป่าลึกประมาณสามร้อยสี่ร้อยเมตรแล้ว สายตาของหลิงหลานพลันไหววูบขึ้นมา ศีรษะหันไปทางด้านซ้ายเล็กน้อย เธอรู้ดีว่าตรงทางด้านนั้นมีสัตว์อสูรเข้ามาใกล้แล้ว

ผ่านไปหลายวินาที ฉีหลงก็สัมผัสได้เช่นกัน เขารีบเอ่ยปากเตือนว่า “ดูเหมือนจะมีสัตว์อสูรเข้ามาใกล้แล้ว ทุกคนระวังตัวไว้”

ทุกคนได้ยินคำพูดก็กุมอาวุธในมือไว้แน่น สังเกตทิศทางที่ตัวเองคุ้มกันอย่างระมัดระวัง ไม่มีใครรู้ว่าสัตว์อสูรระดับ H ตัวแรกที่เจอคืออะไร มันจะจู่โจมจากทางไหน

รอคอยไม่นานนักประมาณไม่กี่วินาที ทันใดนั้นเองก็มีร่างสีเทาแข็งแรงปราดเปรียวพุ่งออกมาจากในพุ่มหญ้าเตี้ยๆ ทางด้านซ้าย เป้าหมายการโจมตีที่มันเลือกไว้คือลั่วล่างที่ยืนอยู่ใกล้มันมากที่สุด

ลั่วล่างที่เตรียมตัวมาตั้งแต่แรกแล้วก็ใช้มีดคลื่นแม่เหล็กในมือฟันเข้าไปยังร่างสีเทาที่พุ่งมาอย่างว่องไว บางทีการโจมตีกลับของลั่วล่างปราดเปรียวมากเกินไป และอีกฝ่ายไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้ก็เลยโดนลั่วล่างฟันเข้าไปตรงๆ

เสียงร้องโหยหวนดังขึ้น ร่างสีเทาที่บินออกไปนั้นบิดตัวอยู่กลางอากาศก่อนจะร่วงลงสู่พื้นอย่างรวดเร็ว การโจมตีอันทรงพลังของลั่วล่างไม่ได้สร้างความเสียหายอะไรให้มันเลย

ในตอนนี้เอง ทุกคนค่อยมองเห็นร่างที่แท้จริงของมัน รูปร่างของมันมีขนาดเท่าสุนัขตัวใหญ่ ทั่วทั้งร่างปกคลุมด้วยขนยาวสีเทา ศีรษะเหมือนกับกระต่ายในชาติก่อนของหลิงหลาน ทว่าใหญ่กว่าศีรษะของกระต่ายสี่ห้าเท่าได้ นอกจากนี้หางของมันไม่ได้เล็กสั้น แต่ว่ายาวเรียวมาก บนหางไม่มีขน ด้านบนเต็มไปด้วยเกล็ดมากมายนับไม่ถ้วน มันสะบัดหางโดยไม่ได้ตั้งใจจนส่งเสียงเพียะดังกังวาน พื้นแข็งๆ ปรากฏรอยเรียวบางเป็นสายๆ ดูออกว่าพละกำลังของหางแข็งแกร่งสุดขีด

“กระต่ายสายฟ้า สัตว์อสูรระดับ H รูปแบบความเร็ว ทักษะการโจมตีคือ ปาก กรงเล็บ หาง จุดแข็งคือ รวดเร็วสุดขีด แทบจะทำให้คนจับสังเกตไม่ได้ ผิวหนังแข็งทนทาน พละกำลังตามปกติไม่สามารถโจมตีสร้างความเสียหายได้ จุดด้อยคือ วิธีการโจมตีไม่หลากหลาย ความอดทนต่ำสุดขีด ราคาแลกเปลี่ยน หนังสัตว์อยู่ที่ 10-100 ไม่เท่ากัน (กำหนดราคาตามความสมบูรณ์ของหนังสัตว์) กรงเล็บ (สมบูรณ์) 20 แต้มต่ออัน หาง (สมบูรณ์) 100 แต้ม”

หลิงหลานพูดข้อมูลของกระต่ายสายฟ้าออกมาทันที ความทรงจำของหลิงหลานดีเยี่ยมมาก แทบจะถึงขั้นดูผ่านตาก็จำได้ แน่นอนว่าต่อให้เธอลืม เสี่ยวซื่อที่บันทึกข้อมูลของสัตว์อสูรไว้แต่แรกก็จะเตือนเธอตามหน้าที่

หลังจากเสียงของหลิงหลาน แววตาของฉีหลงก็โชนแสงมากยิ่งขึ้น นี่มันเป็นเงินทั้งนั้นเลยนี่นา

“ดูเหมือนว่ามันคือเหยื่อตัวแรกของเรานะ” หลินจงชิงตื่นเต้นมากเช่นเดียวกัน

กระต่ายสายฟ้าอ่อนแอที่สุดในหมู่สัตว์อสูรระดับ H ทั้งหมด แน่นอนว่าของที่มีค่าบนตัวมันก็มีไม่เยอะเช่นกัน มีแค่สามอย่างเท่านั้น แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ามันเป็นสัตว์อสูรที่ล่าง่ายมากที่สุด ไม่เพียงให้พวกเขาได้ฝึกฝนจนคุ้นเคยก่อน มันยังให้กำไรได้นิดหน่อย นี่เป็นเรื่องที่ดีเยี่ยมมาก

“ในเมื่อเป็นแบบนี้ หลินจงชิง ฉันมอบเหยื่อตัวนี้ให้นายจัดการ” หลิงหลานพูดอย่างสงบนิ่ง

ภายในทีมพวกเขามีหลินจงชิงที่ไปทางสายความเร็วว่องไว ดังนั้นการล่ากระต่ายสายฟ้าเพื่อฝึกฝนจึงเหมาะสมกับเขาอย่างยิ่งยวด มีความเป็นไปได้สูงว่าจะให้เขาบรรลุอะไรได้บ้าง

เป้าหมายของการล่าสัตว์ไม่ใช่แค่การล่าเหยื่อเพียงอย่างเดียวเท่านั้น หากแต่ต้องเรียนรู้ว่าจะไปล่าเหยื่อที่เหมาะสมกับตัวเองได้มากที่สุดยังไง นี่เป็นบทเรียนแรกของการล่าสัตว์ เรียกว่า รู้เขารู้เรา

……………………………………….

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

I’M THE BOSS ลูกพี่หุ่นเทวะ 141 บทเรียนแรกของการล่าสัตว์

Now you are reading I’M THE BOSS ลูกพี่หุ่นเทวะ Chapter 141 บทเรียนแรกของการล่าสัตว์ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ฉากนี้ทำให้นายทหารยิ้มฝืดเฝื่อนขึ้นมา พูดในใจว่าลูกเสือปีนี้แปลกพิกลมากเกินไปแล้ว ลูกเสือส่วนใหญ่ที่มาล่าสัตว์ก่อนหน้านี้ต่างมีทีมของตัวเองแล้ว นอกจากนี้โดยพื้นฐานแล้วต่างเป็นทีมที่มีสมาชิกเต็มแล้ว แต่ว่ารุ่นนี้ไม่เพียงมีทีมน้อยสุดขีด จำนวนคนยังไม่เต็มอีกด้วย จำนวนคนบางตาทำให้เขามองแล้วรู้สึกหงุดหงิด

“ทำไมจำนวนคนในทีมน้อยขนาดนี้ล่ะ?” นายทหารเอ่ยถามหัวหน้าทีมแต่ละคนด้วยความไม่พอใจ

“เดิมทีทีมมีสมาชิกเต็มแล้วครับ แต่ว่ามีอยู่สองคนที่ไม่ใช่คนของห้องเอเรา” หลี่อิงเจี๋ยตอบเป็นคนแรก

“อยู่ในระหว่างการเลือก ยังไม่ได้ทำการตัดสินใจครั้งสุดท้ายครับ” นี่เป็นคำพูดของอู่จย่ง

“อืม…คนที่ผมสนใจก็เข้าร่วมทีมแล้ว คนอื่นๆ ที่ไม่ได้เข้าร่วมทีม ผมก็ไม่ได้สนใจ” ฉีหลงลูบศีรษะเอ่ยด้วยรอยยิ้มกว้าง เพิ่มท่าทีโง่เง่าออกมาหลายส่วน

“ผมอยากรับคนนะครับ แต่ว่าพวกเขาไม่อยากเข้าร่วมกับผม” หัวหน้าทีมคนหนึ่งกล่าวพลางทำหน้ายุ่ง ใครใช้ให้คนพวกนั้นจ้องทีมของหลิงหลานกับอู่จย่งล่ะ

“เหมือนกัน+1!” หัวหน้าทีมอีกคนก็เบ้หน้าด้วยเหมือนกัน

“เหมือนกัน+2!” หัวหน้าทีมคนสุดท้ายก็เป็นหนึ่งในกลุ่มคนที่ทำหน้าบูดเช่นเดียวกัน

คำพูดติดตลกของหัวหน้าทีมสามคนสุดท้ายทำให้นายทหารทั้งฉุนทั้งขำ เขาหันหน้าไปถามลูกเสือคนอื่นๆ ว่า “แล้วพวกเธอล่ะ? ทำไมถึงไม่เลือกเข้าร่วมทีม หรือว่าตั้งทีมของตัวเอง?”

ต่อมาก็เป็นความเงียบงัน นายทหารยื่นนิ้วชี้ไปยังนักเรียนคนหนึ่ง “เธอตอบ!”

นักเรียนคนนั้นรู้สึกว่าตัวเองโชคร้ายมากจริงๆ ถูกเรียกให้มาตอบเสียได้ ดังนั้นเขาจึงเอ่ยด้วยความหดหู่ใจว่า “ถ้าเกิดตั้งทีมเองหรือว่าเข้าร่วมทีมคนอื่นๆ ก็จะเสียโอกาสเข้าร่วมทีมของหลิงหลานกับอู่จย่งครับ พวกเราไม่อยากเสียสามโอกาสสุดท้ายนี้ไป”

“ได้ๆ มีการคิดใคร่ครวญมากแล้วจริงๆ” นายทหารจ้องฉีหลงกับอู่จย่งด้วยความงุนงง ไม่รู้ว่าพวกเขามีเสน่ห์อะไรทำให้พวกลูกเสือดึงดันได้ขนาดนี้ อย่างไรก็ตาม ต่างฝ่ายต่างไม่ยอมอ่อนข้อให้กันแบบนี้ต่อไปก็ไม่ใช่วิธีการเหมือนกัน ดังนั้นเขาจึงกล่าวด้วยรอยยิ้มหยันว่า “ฉันไม่สนความคิดมั่วซั่วของพวกเธอหรอกนะ เมื่ออยู่ที่นี่ คำพูดของฉันก็คือคำสั่ง ตอนนี้ฉันสั่งให้พวกเธอรีบตั้งทีมชั่วคราวห้าคนขึ้นมา อีกสามนาทีส่งรายชื่อมาให้ฉัน ถ้าเกิดยังไม่มีทีมอีกละก็ ฉันจะสุ่มจัดให้”

นายทหารกวาดสายตาไปที่ฉีหลงและเอ่ยว่า “ในเมื่อสมาชิกทีมของพวกเธอครบแล้ว ฉันก็จะไม่เปลี่ยน พวกเธอไปรอตรงนั้นก่อน” นายทหารชี้ไปยังทิศทางหนึ่ง บ่งบอกให้พวกฉีหลงเข้าไปตรงนั้น

ฉีหลงและคนอื่นๆ มีความสุขมากที่ได้อยู่กับลูกพี่หลิงหลาน ในใจพวกเขารู้สึกมั่นใจขึ้นมากแล้ว

บรรดาลูกเสือมีปฏิกิริยาตอบสนองรวดเร็วมาก ไม่ถึงห้านาทีก็ตั้งทีมขึ้นมาได้สิบทีม อู่จย่งเลือกเพื่อนร่วมชั้นที่อยู่ในสิบอันดับแรกเข้าทีมหนึ่งคนเพื่อรักษาพลังรบไว้ ส่วนหลี่อิงเจี๋ยก็รับมือดีที่อยู่อันดับสิบสามเข้ามา นักเรียนคนอื่นๆ ต่างก็ตั้งทีมกับคนที่มีความสัมพันธ์ค่อนข้างดีด้วย

นายทหารเห็นเหล่าลูกเสือเตรียมการเรียบร้อยแล้วก็ค่อยโบกมือกว้างๆ ตะโกนว่า “ออกเดินทาง!”

ลูกเสือกรูกันไปที่หน้าประตูค่ายอย่างห้าวหาญ ก่อนจะพบรถขนาดใหญ่ที่ปิดสนิทคล้ายคลึงกับรถหุ้มเกราะในชาติก่อนแต่ว่ามีขนาดใหญ่กว่ารถหุ้มเกราะห้าหกเท่า นายทหารส่งสัญญาณให้เหล่าลูกเสือขึ้นรถไปให้หมด

หลิงหลานรู้สึกได้ว่ารถติดเครื่องยนต์แล่นออกไปแล้ว ระหว่างทางเธอถึงกับสัมผัสได้ว่าตัวรถถูกพลังมหาศาลอะไรบางอย่างกระแทกจนเกิดเสียงปังๆๆ พอเห็นพวกลูกเสือทำหน้าเคร่งเครียดและสงสัยใคร่รู้แล่ว ทหารที่อยู่ในตู้รถเดียวกันก็อธิบายว่า “นี่เป็นการโจมตีของสัตว์อสูร ไม่ต้องห่วง ปกติแล้วเขตนี้เป็นเขตของสัตว์อสูรระดับ G ลงไป ไม่สามารถสร้างความเสียหายให้กับรถลำเลียงหุ้มเหราะได้”

“คงไม่มีสัตว์อสูรระดับสูงกว่านี้ปรากฎตัวขึ้นมาหรอกใช่ไหมครับ?” มีลูกเสือคนหนึ่งเอ่ยถาม

“ฉันใช้ชีวิตอยู่ที่นี่มาสามปีแล้ว ไม่เคยเจอสถานการณ์แบบนี้มาก่อน สัตว์อสูรของดาวดวงนี้มีการตระหนักถึงเขตอิทธิพลอยู่ ดังนั้นปกติแล้วสัตว์อสูรจะไม่ออกจากเขตที่พวกมันอยู่อาศัย” นายทหารอธิบาย พอเห็นใบหน้าทุกคนยังคงตึงเครียดมาก ก็เอ่ยไพ่ตายที่ใหญ่ที่สุดของค่ายออกมา “บนรถลำเลียงหุ้มเกราะขนอาวุธหนักมา สามารถฆ่าสัตว์อสูรระดับ E ลงไปได้”

พวกลูกเสือค่อยถอนหายใจเบาๆ เฮือกหนึ่ง รอคอยรถลำเลียงหุ้มเกราะพาพวกเขาไปส่งที่จุดหมายปลายทางของการล่าสัตว์ด้วยความสบายใจ

รถลำเลียงหุ้มเกราะแล่นไปประมาณไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก็หยุดลง ประตูรถถูกเปิดออก พวกหลิงหลานลงจากรถไปทีละคนภายใต้คำสั่งของนายทหาร ก่อนจะพบว่าที่นี่มีฐานที่มั่นชั่วคราวอยู่แห่งหนึ่ง

นายทหารชี้ไปยังป่าทึบที่อยู่ด้านหน้าและเอ่ยแนะนำว่า “ที่นี่ก็คือเขตล่าสัตว์ระดับ H เป็นเขตที่เปิดออกมาให้พวกเธอโดยเฉพาะ ตอนนี้บันทึกพิกัดไว้ จะเลยรัศมีภายในสิบกิโลเมตรของพิกัดนี้ไม่ได้เป็นอันขาด”

เขาชี้ไปยังฐานที่มั่นชั่วคราวด้านหลังอีกครั้งและกล่าวว่า “ที่นี่คือเขตพักผ่อนที่จัดให้พวกเธอชั่วคราว รั้วที่ล้อมรอบด้านนอกเป็นบาเรียแม่เหล็กไฟฟ้าแบบเดียวกัน สามารถต้านทานการจู่โจมของสัตว์อสูรระดับ H ได้หลายครั้งแน่นอน ด้านในมีจุดแลกเปลี่ยนเช่นเดียวกัน และถ้าคิดจะกลับไปยังฐานที่มั่นหลัก ถ้าไม่เดินกลับก็ต้องซื้อตั๋วขากลับ นอกจากนี้ตั๋วขากลับทุกใบต้องใช้เครดิต 500 แต้ม….”

นายทหารแสยะยิ้ม เอ่ยด้วยความยินดีในความโชคร้ายของคนอื่นอยู่บ้าง “ดังนั้น รบกวนพวกเธอพยายามหาเงินเข้าล่ะ!”

เขากล่าวจบก็กระโดดขึ้นรถลำเลียงหุ้มเกราะโดยที่ไม่รอให้ลูกเสือมีปฏิกิริยาตอบสนอง รถลำเลียงหุ้มเกราะแล่นออกจากที่นี่ราวกับบินไปก็ไม่ปาน ทิ้งไว้เพียงเหล่าลูกเสือที่ใบหน้าเปื้อนฝุ่น

พวกลูกเสือรู้ตัวอีกทีก็ค่อยตระหนักได้ว่าพวกเขาถูกทหารใจร้ายทอดทิ้งไว้แล้ว จากนั้นก็ทยอยกันด่าทอด้วยความโกรธเกรี้ยวขึ้นมา ตะโกนว่าอีกฝ่ายต่ำช้าไร้ยางอาย ทำไมถึงจากไปแบบนี้โดยที่ไม่สอนอะไรเลย

หานจี้จวินไม่สนใจเสียงเอะอะรอบข้าง เอ่ยถามหลิงหลานที่อยู่ข้างกายว่า “ตรวจสอบฐานที่มั่นที่นี่หรือว่าไปล่าสัตว์ทันทีเลย?”

หลิงหลานเอ่ยอย่างเฉยชาว่า “ฐานที่มั่นหนีไม่ได้ ไว้พวกเขากลับมาแล้วค่อยตรวจสอบดูก็ยังไม่สาย พวกเราต้องทำความเข้าใจเขตพื้นที่นี้ให้ดีก่อนฟ้ามืด พอตกกลางคืนก็สามารถวางแผนการล่าสัตว์ได้แล้ว”

การตัดสินใจของหลิงหลานได้รับการเห็นชอบจากทุกคน ควรพูดว่า ขอเพียงหลิงหลานตัดสินใจแล้ว คนอื่นๆ ในทีมย่อมไม่มีความคิดเห็นอะไร ดังนั้น ทั้งห้าคนแบกกระเป๋าเดินทางแล้วเดินไปที่ป่าด้านหน้าอย่างรวดเร็วมาก

ทีมอื่นๆ เห็นทีมหลิงหลานเคลื่อนไหวก็เก็บงำความโกรธและเริ่มเคลื่อนไหวเช่นกัน บางทีมเลือกเข้าไปในฐานที่มั่นชั่วคราวเพื่อตรวจสอบดูสักรอบ บางทีมก็เหมือนกับทีมหลิงหลาน เข้าไปในเขตล่าสัตว์ เตรียมการล่าสัตว์ครั้งแรกของพวกเขา

………….

เวลานี้เอง บนท้องฟ้าที่อยู่ห่างจากพวกหลิงหลานไปหลายกิโลเมตร หน่วยหุ่นรบที่กำลังตรวจตราเฝ้าดูที่นี่เห็นว่ามีทีมของพวกลูกเสือเริ่มล่าสัตว์แล้ว หัวหน้าของพวกเขาก็สั่งการลูกน้องว่า “ทุกคนรับผิดชอบหนึ่งทีม อย่าให้พวกเขาเกิดอันตรายได้”

“รับทราบแล้ว หัวหน้า!”

“M1702 เลือกทีมหนึ่ง!”

“M1703 เลือกทีมสอง!”

“M1704 เลือกทีมห้า!”

“M1705 เลือกทีม….!”

…………

ส่วนอีกทางด้านหนึ่ง บนเนินเขาที่อยู่ห่างไปหลายกิโลเมตร มีหุ่นรบสัตว์ป่าหนึ่งกองกำลังเฝ้าจับตามองที่นี่เช่นกัน

“ไอ้หนูทั้งหลาย หาเป้าหมายของพวกนายได้หรือยัง?”

“ลูกพี่วางใจได้เลย เราหาได้แล้ว….”

“น่าเสียดายที่ไม่มีโลลิ จับกดไม่ได้เลย…”

“โชตะก็มีประโยชน์เหมือนกันเถอะ นายมันตาลุงลามก”

“อย่ามองฉันแบบนี้สิ ฉันแค่มีความรักของพ่ออยู่เต็มเปี่ยมนะ…”

“เหอะ….” คนกลุ่มนี้ส่งเสียงเอะอะพูดคุยหยอกล้อโดยไม่ได้ห้ามปรามคำพูดอะไรเลย แต่ว่ามือกลับเคลื่อนไหวได้แม่นยำมาก ควบคุมหุ่นรบสัตว์ป่าเหล่านี้กระโดดเข้าไปในป่าอย่างคล่องแคล่ว ลอบตามเข้าไปปกป้องทีมลูกเสือที่พวกเขาจะต้องคุ้มครอง

………..

ทีมหลิงหลานมีฉีหลงเป็นหัวหอก  ตรงกลางคือหานจี้จวิน สองข้างคือลั่วล่างกับหลินจงชิง และด้านหลังก็คือหลิงหลานที่รั้งท้ายขบวน ทักษะการต่อสู้ของหานจี้จวินแย่ที่สุดในกลุ่ม ถ้ายังไม่รู้ความสามารถที่แท้จริงของสัตว์อสูรเขตพื้นที่นี้ หลิงหลานจำเป็นต้องจัดรูปแบบขบวนที่รับประกันความปลอดภัยมากที่สุด

ตลอดทางที่ผ่านมาของพวกเขาสงบราบเรียบมาก ไม่ได้เจอสิ่งที่เรียกว่าสัตว์อสูรเลย หลังจากที่เดินเข้าไปในป่าลึกประมาณสามร้อยสี่ร้อยเมตรแล้ว สายตาของหลิงหลานพลันไหววูบขึ้นมา ศีรษะหันไปทางด้านซ้ายเล็กน้อย เธอรู้ดีว่าตรงทางด้านนั้นมีสัตว์อสูรเข้ามาใกล้แล้ว

ผ่านไปหลายวินาที ฉีหลงก็สัมผัสได้เช่นกัน เขารีบเอ่ยปากเตือนว่า “ดูเหมือนจะมีสัตว์อสูรเข้ามาใกล้แล้ว ทุกคนระวังตัวไว้”

ทุกคนได้ยินคำพูดก็กุมอาวุธในมือไว้แน่น สังเกตทิศทางที่ตัวเองคุ้มกันอย่างระมัดระวัง ไม่มีใครรู้ว่าสัตว์อสูรระดับ H ตัวแรกที่เจอคืออะไร มันจะจู่โจมจากทางไหน

รอคอยไม่นานนักประมาณไม่กี่วินาที ทันใดนั้นเองก็มีร่างสีเทาแข็งแรงปราดเปรียวพุ่งออกมาจากในพุ่มหญ้าเตี้ยๆ ทางด้านซ้าย เป้าหมายการโจมตีที่มันเลือกไว้คือลั่วล่างที่ยืนอยู่ใกล้มันมากที่สุด

ลั่วล่างที่เตรียมตัวมาตั้งแต่แรกแล้วก็ใช้มีดคลื่นแม่เหล็กในมือฟันเข้าไปยังร่างสีเทาที่พุ่งมาอย่างว่องไว บางทีการโจมตีกลับของลั่วล่างปราดเปรียวมากเกินไป และอีกฝ่ายไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้ก็เลยโดนลั่วล่างฟันเข้าไปตรงๆ

เสียงร้องโหยหวนดังขึ้น ร่างสีเทาที่บินออกไปนั้นบิดตัวอยู่กลางอากาศก่อนจะร่วงลงสู่พื้นอย่างรวดเร็ว การโจมตีอันทรงพลังของลั่วล่างไม่ได้สร้างความเสียหายอะไรให้มันเลย

ในตอนนี้เอง ทุกคนค่อยมองเห็นร่างที่แท้จริงของมัน รูปร่างของมันมีขนาดเท่าสุนัขตัวใหญ่ ทั่วทั้งร่างปกคลุมด้วยขนยาวสีเทา ศีรษะเหมือนกับกระต่ายในชาติก่อนของหลิงหลาน ทว่าใหญ่กว่าศีรษะของกระต่ายสี่ห้าเท่าได้ นอกจากนี้หางของมันไม่ได้เล็กสั้น แต่ว่ายาวเรียวมาก บนหางไม่มีขน ด้านบนเต็มไปด้วยเกล็ดมากมายนับไม่ถ้วน มันสะบัดหางโดยไม่ได้ตั้งใจจนส่งเสียงเพียะดังกังวาน พื้นแข็งๆ ปรากฏรอยเรียวบางเป็นสายๆ ดูออกว่าพละกำลังของหางแข็งแกร่งสุดขีด

“กระต่ายสายฟ้า สัตว์อสูรระดับ H รูปแบบความเร็ว ทักษะการโจมตีคือ ปาก กรงเล็บ หาง จุดแข็งคือ รวดเร็วสุดขีด แทบจะทำให้คนจับสังเกตไม่ได้ ผิวหนังแข็งทนทาน พละกำลังตามปกติไม่สามารถโจมตีสร้างความเสียหายได้ จุดด้อยคือ วิธีการโจมตีไม่หลากหลาย ความอดทนต่ำสุดขีด ราคาแลกเปลี่ยน หนังสัตว์อยู่ที่ 10-100 ไม่เท่ากัน (กำหนดราคาตามความสมบูรณ์ของหนังสัตว์) กรงเล็บ (สมบูรณ์) 20 แต้มต่ออัน หาง (สมบูรณ์) 100 แต้ม”

หลิงหลานพูดข้อมูลของกระต่ายสายฟ้าออกมาทันที ความทรงจำของหลิงหลานดีเยี่ยมมาก แทบจะถึงขั้นดูผ่านตาก็จำได้ แน่นอนว่าต่อให้เธอลืม เสี่ยวซื่อที่บันทึกข้อมูลของสัตว์อสูรไว้แต่แรกก็จะเตือนเธอตามหน้าที่

หลังจากเสียงของหลิงหลาน แววตาของฉีหลงก็โชนแสงมากยิ่งขึ้น นี่มันเป็นเงินทั้งนั้นเลยนี่นา

“ดูเหมือนว่ามันคือเหยื่อตัวแรกของเรานะ” หลินจงชิงตื่นเต้นมากเช่นเดียวกัน

กระต่ายสายฟ้าอ่อนแอที่สุดในหมู่สัตว์อสูรระดับ H ทั้งหมด แน่นอนว่าของที่มีค่าบนตัวมันก็มีไม่เยอะเช่นกัน มีแค่สามอย่างเท่านั้น แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ามันเป็นสัตว์อสูรที่ล่าง่ายมากที่สุด ไม่เพียงให้พวกเขาได้ฝึกฝนจนคุ้นเคยก่อน มันยังให้กำไรได้นิดหน่อย นี่เป็นเรื่องที่ดีเยี่ยมมาก

“ในเมื่อเป็นแบบนี้ หลินจงชิง ฉันมอบเหยื่อตัวนี้ให้นายจัดการ” หลิงหลานพูดอย่างสงบนิ่ง

ภายในทีมพวกเขามีหลินจงชิงที่ไปทางสายความเร็วว่องไว ดังนั้นการล่ากระต่ายสายฟ้าเพื่อฝึกฝนจึงเหมาะสมกับเขาอย่างยิ่งยวด มีความเป็นไปได้สูงว่าจะให้เขาบรรลุอะไรได้บ้าง

เป้าหมายของการล่าสัตว์ไม่ใช่แค่การล่าเหยื่อเพียงอย่างเดียวเท่านั้น หากแต่ต้องเรียนรู้ว่าจะไปล่าเหยื่อที่เหมาะสมกับตัวเองได้มากที่สุดยังไง นี่เป็นบทเรียนแรกของการล่าสัตว์ เรียกว่า รู้เขารู้เรา

……………………………………….

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+