I’M THE BOSS ลูกพี่หุ่นเทวะ 108 ผู้ชายอันตราย!

Now you are reading I’M THE BOSS ลูกพี่หุ่นเทวะ Chapter 108 ผู้ชายอันตราย! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“ก็ใช่ แต่พอเทียบกับเทคโนโลยีสมัยใหม่แล้ว ฉันชอบที่นี่มากกว่า” หลิงหลานยิ้ม อาคารที่คุ้นเคย สภาพแวดล้อมที่คุ้นเคยทำให้ร่างกายและจิตใจเธอผ่อนคลายลงทันที ความรู้สึกเหนื่อยล้าจากการฝึกฝนอย่างหนักหลายเดือนถูกขจัดหายไปจนหมด

พอเสี่ยวซื่อได้ยินว่าหลิงหลานชอบที่นี่ ความเครียดกังวลก็หนีหายไปทันที นี่ถือว่าเป็นการทำพลาดที่ถูกต้องหรือเปล่านะ เสี่ยวซื่อคิดถึงตรงนี้ก็รู้สึกภาคภูมิใจขึ้นมาเล็กน้อย ‘ฉันเป็นสิ่งมีชีวิตปัญญาประดิษฐ์ที่ฉลาดที่สุดจริงๆ ด้วย ต่อให้ทำพลาดโดยไม่ระวัง ก็เป็นการทำพลาดที่ดีเลิศขนาดนี้!’

ไม่พูดถึงเสี่ยวซื่อที่ดีอกดีใจแล้ว หลิงหลานพาเสี่ยวซื่อไปเที่ยวเล่นในเมืองหลวงแห่งนี้ แน่นอนว่าเธอเพียงแต่ดูเท่านั้น ไม่ซื้อ ประการแรก สถานะนี้ไม่มีบัญชีธนาคารกลางที่ผูกไว้ และก็ไม่สามารถใช้แต้มเครดิตจ่ายเงินได้ ถึงแม้ว่าเสี่ยวซื่อจะมีวิธีจัดการให้ได้ แต่หลิงหลานคิดว่าเรื่องยิ่งน้อยยิ่งดี สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ เธอกลัวว่าธนาคารกลางจะทำการสแกนแบบเอาเวลาแน่นอนไม่ได้ ถ้าเกิดถูกเปิดเผยขึ้นมา มันจะเป็นปัญหาต่อเธอและเสี่ยวซื่อ

ส่วนประการที่สอง สถานะนี้ไม่มีที่อยู่ที่ปิดบังซ่อนเร้นอย่างปลอดภัย จะให้ร้านค้าส่งตรงไปที่คฤหาสน์ตระกูลหลิงหรือไง? ถ้าอย่างนั้นสถานะตัวปลอมที่เธอทำออกมาแบบนี้จะไม่ได้เป็นการสิ้นเปลืองแรงไปโดยเปล่าประโยชน์เหรอ?

หลิงหลานดูเหมือนนกในกรงที่เพิ่งจะถูกปลดปล่อยออกมา ไม่ว่าจะเป็นของอะไรก็ตาม เธอก็มองดูด้วยความตื่นเต้นมาก การเดินเที่ยวบนถนนอย่างอิสระครั้งนี้ได้เติมเต็มความฝันสองชาติของเธอแล้ว

ชาติก่อนเธออยู่บนเตียงคนไข้มาตลอด ทุกวันเธอฝันว่าจะสามารถมีโอกาสออกไปเดินเที่ยวเล่นบนถนนสักครั้ง น่าเสียดายที่สุดท้ายมันยังคงไม่เกิดขึ้นจริง และตั้งแต่ที่เกิดมาในชาตินี้เธอก็ถูกจำกัดให้อยู่ในบ้านมาตลอด ต่อมาก็ถูกจำกัดให้อยู่ในสถาบันลูกเสือ ถึงแม้ว่าในโลกเสมือนจริงของสถาบันลูกเสือจะมีร้านค้าเหมือนกัน แต่ว่าของด้านในซ้ำซากจำเจมาก มีแต่ของที่เกี่ยวข้องกับด้านการเรียนเท่านั้น นอกจากนี้ร้านค้าด้านในก็ทำออกมาไซไฟมากเกินไป ทำให้หลิงหลานไม่มีอารมณ์จะเดินเล่นเลยสักนิดเดียว

อย่างไรก็ตาม เมืองหลวงนี้ไม่เหมือนกันเลย อาคารกลิ่นอายโบราณ ของตกแต่งในร้านค้าก็ใกล้เคียงกับชาติก่อนของเธอมาก ทำให้หลิงหลานเกิดความรู้สึกอยากเดินเที่ยวชมในพริบตา อารมณ์ของเธอเบิกบานอย่างไร้ที่สิ้นสุดจริงๆ

ถ้าหากไม่ใช่เพราะทุกครั้งที่เธอเข้าไปในร้านค้า แล้วคำแนะนำร้านค้าเด้งออกมาตรงหน้าเธอแล้วละก็ เธอคงจะคิดจริงๆ ว่าตัวเองกำลังเดินเที่ยวเล่นอยู่บนถนนในโลกความเป็นจริง

เมืองหลวงช่างสมกับที่เป็นเมืองหลวงอย่างที่คาดคิดไว้ ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า อาหาร ที่พัก ถนนหนทาง ทุกอย่างต่างครบครันและละลานตา ในขณะที่หลิงหลานมองดูด้วยความสนใจอย่างยิ่ง ทันใดนั้นคนเดินถนนที่อยู่รอบข้างเธอก็เหมือนกับได้รับข้อความอะไรบางอย่าง พวกเขาหยุดฝีเท้าทำหน้าตื่นเต้น มีหลายคนในนั้นถึงขนาดที่ส่งเสียงร้องตะโกนตกใจยากที่จะควบคุมออกมา

พวกเขาเปลี่ยนแผนการเดิมของตัวเองอย่างรวดเร็ว และกรูไปยังสถานที่แห่งหนึ่งราวกับรู้กันเอง

“เกิดเรื่องอะไรขึ้น?” หลิงหลานเห็นแล้วก็รู้สึกแปลกใจอยู่บ้าง ก่อนจะรีบเอ่ยถามเสี่ยวซื่อ

เสี่ยวซื่อไม่พูดอะไร เขาตรวจสอบก่อนสักพัก หลังจากนั้นก็พูดด้วยสีหน้าประหลาดใจว่า “ที่นี่มีการแข่งขันประลองหุ่นรบด้วยล่ะ นอกจากนี้ยังเป็น J6 ท้าประลองข้ามระดับกับ J8 ด้วย เรื่องจริงหรือเปล่าเนี่ย?”

หลิงหลานที่รู้เรื่องโลกภายนอกแทบจะเป็นศูนย์พูดด้วยสีหน้ามึนงงว่า “J6? J8? มันคืออะไร?”

เสี่ยวซื่อตบหน้าผากตัวเองแรงๆ เขาค่อยจำได้ว่าตัวเองลืมบอกความรู้ด้านนี้ให้กับหลิงหลาน ดังนั้นเขาก็เลยบอกข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการแข่งขันประลองหุ่นรบคร่าวๆ

ความจริงแล้วการแข่งขันประลองหุ่นรบที่ประชาชนสามารถเข้าร่วมยังไงก็ได้ในโลกเสมือนจริงนี้คือเกมต่อสู้อย่างหนึ่ง ขอเพียงประชาชนอายุครบสิบสามปีบริบูรณ์ก็สามารถเข้าร่วมเกมประลองหุ่นรบได้ ส่วนสถาบันลูกเสือ นักเรียนจะสามารถปลดผนึกของสถาบันลูกเสือ และเข้าสู่โลกเสมือนที่แท้จริงได้หลังจากที่อายุสิบสามปี พูดอีกอย่างก็คือ ถ้าไปตามระเบียบขั้นตอนแล้ว หลิงหลานต้องอายุสิบสามก่อนถึงจะสามารถปลดล็อกที่นี่ได้

ไม่ว่ามือใหม่ที่เพิ่งเข้าเกมจะมีอายุเท่าไหร่ ทุกคนต่างอยู่ในระดับ J0 พวกเขาต้องเรียนรู้การควบคุมหุ่นรบ ทำการฝึกฝนที่เกี่ยวข้องกับการต่อสู้ถึงจะเปิดสังเวียนมือใหม่ได้ หลังจากที่ได้รับ 100 คะแนนแล้วก็จะเข้าสู่ระดับ J1 ได้สำเร็จ พอสะสมคะแนนได้ 1000 ก็จะเข้าสู่ระดับ J2 เป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ คะแนนสะสมที่จะเข้าสู่ระดับ J9 ย่อมต้องเป็นตัวเลขที่มหาศาล

เสี่ยวซื่อบอกหลิงหลาน ผู้ควบคุมหุ่นรบที่สามารถเลื่อนขั้นสู่ระดับ J9 มีน้อยมาก มีแค่สามพันสี่พันคนอันน้อยนิดเท่านั้นจากในประชากรหลายหมื่นล้านคนทั่วทั้งสหพันธรัฐ แน่นอนว่าคนที่อยู่เหนือ J9 หนึ่งระดับก็มีอยู่เช่นกัน เพียงแต่ว่าคนพวกนี้ไม่ได้ปรากฎตัวขึ้นในเกมประลองหุ่นรบของประชาชนแบบนี้ เสี่ยวซื่อไม่ได้อธิบายเรื่องนี้ให้ละเอียด เขาคิดว่าเรื่องพวกนี้ยังห่างไกลจากหลิงหลานมากไปหน่อย

“ท้าประลองข้ามระดับได้ก็ดีแล้วนี่นา?” ไม่อย่างนั้นว่าตามขั้นตอนแล้ว อยากจะเข้าสู่ J9 ไม่รู้ว่าต้องสะสมคะแนนทีละนิดไปจนถึงเมื่อไหร่ ดูแค่เลขศูนย์นับไม่ถ้วนด้านหลังตัวเลขพวกนั้นแล้ว หลิงหลานก็รู้สึกเวียนหัวอยู่บ้าง

“มันก็ได้แหละ แต่การท้าประลองข้ามระดับมีข้อเรียกร้องสูงมาก ถ้าเกิดพ่ายแพ้ขึ้นมา บทลงโทษสามารถทำให้คนเสียใจจนฆ่าตัวตายได้เลย…” เสี่ยวซื่อบอกหลิงหลานด้วยเสียงนิ่งเรียบ ผลประโยชน์ใช่ว่าจะได้รับมาง่ายมากขนาดนั้น

“การท้าประลองข้ามระดับไม่ใช่ว่าแค่ท้าประลองสักครั้งก็ทำได้แล้ว เธอต้องเอาชนะคู่ต่อสู้ระดับสูงที่สุ่มเลือกมาติดต่อกันสามครั้งภายในสามวัน ถึงจะถือว่าเธอท้าประลองข้ามระดับสำเร็จ แล้วเข้าสู่ระดับนั้นได้อย่างแท้จริง แต่ถ้าเกิดแพ้ขึ้นมา คะแนนย่อมถูกหักอย่างหนักหน่วงแน่นอน ยกตัวอย่างเช่น มีความเป็นไปได้สูงว่าคนที่อยู่ J6 จะถูกหักคะแนนจนร่วงลงไปอยู่ระดับ J3 ทันที แม้กระทั่ง J2 ก็มีความเป็นไปได้” เสี่ยวซื่ออธิบายกฎและบทลงโทษที่เกี่ยวข้องกับการท้าประลองข้ามระดับนี้

“ก็ยังคุ้มอยู่นะ ต่อให้ตกลงไปที่ J2 J3 ครั้งหน้าเขาท้าประลองกับ J7 J8 ใหม่สามครั้ง ก็กลับมาได้อีกไม่ใช่เหรอ?” หลิงหลานเอ่ยคัดค้าน

“จะง่ายแบบนี้ที่ไหนกันล่ะ ทุกปีหนึ่งคนจะมีโอกาสท้าประลองข้ามระดับสามครั้ง นอกเสียจากเขาจะเอาชนะครบสามครั้งแล้ว ไม่อย่างนั้นขอแค่พ่ายแพ้สักครั้ง เขาก็จะต้องกลับไปที่จุดเริ่มต้นแล้วเริ่มสะสมคะแนนใหม่ ทุกคนต่างก็รู้ว่าคะแนนของการแข่งขันประลองหุ่นรบได้รับโคตรยาก ต้องอาศัยเวลาและการแข่งขันมาสะสมคะแนน สิ่งที่สำคัญยิ่งกว่านั้นคือสิ่งที่เรียกว่าการประลองข้ามระดับนี้ อันที่จริงทำได้แต่ท้าประลองข้ามไปหนึ่งระดับเท่านั้น หรือพูดอีกอย่างก็คือ J2 ทำได้แค่ท้าประลองกับ J4 J3 ก็ท้าประลองได้แค่ J5….ต่อให้รอไปปีนึง เขาก็ยังกลับไปตำแหน่งเดิมไม่ได้ ลูกพี่ เธอว่าการท้าประลองข้ามระดับแบบนี้คุ้มหรือไม่คุ้มล่ะ?”

คำพูดของเสี่ยวซื่อทำให้หลิงหลานพูดไม่ออก “ที่แท้ก็เป็นอย่างนี้ งั้นการท้าประลองข้ามระดับไม่กลายเป็นของตั้งโชว์ไปแล้วเหรอ? ดูท่าคงจะมีคนน้อยมากที่เลือกการท้าประลองข้ามระดับใช่ไหม?” ดูเหมือนว่าคนสร้างเกมจะเกลียดพวกคนที่ไปทางลัดมาก ถึงได้ตั้งให้มันมีความยากและข้อจำกัดเยอะมากขนาดนี้

“แน่นอนอยู่แล้ว ไม่อย่างนั้นคนที่นี่จะตื่นเต้นขนาดนั้นได้ยังไงล่ะ ช่วงระดับต้นๆ อาจจะยังมีการแข่งขันท้าประลองข้ามระดับอยู่มากมาย แต่ช่วงระดับสูงจะเจอการท้าประลองข้ามระดับได้น้อยมาก โดยเฉพาะการที่ J6 ท้าประลองข้ามระดับกับ J8 แบบนี้ ว่ากันว่าในหนึ่งร้อยปียากจะเห็นสักครั้ง ลูกพี่ เธอนี่ดวงดีมากจริงๆ” เสี่ยวซื่อบอกข้อมูลที่เขาค้นหาเจอให้กับหลิงหลาน บอกว่าการประลองหุ่นรบในครั้งนี้หายากมากจริงๆ

“งั้นก็ไปดูกันเถอะ” หลิงหลานถูกคำพูดของเสี่ยวซื่อชักจูงให้สนใจขึ้นมา แล้วก็เดินตามผู้คนไปยังจุดหมาย ซึ่งก็คือเจดีย์สูงเจ็ดชั้น

“ให้ตายเถอะ ไม่นึกเลยว่ายังต้องซื้อตั๋วด้วย” หลิงหลานกำลังคิดจะเดินเข้าไปที่ทางเข้า ตัวอักษรแถวหนึ่งก็เด้งขึ้นมาตรงหน้าทำให้เธอกลุ้มใจมาก ที่แท้การจะเข้าไปที่นี่จำเป็นต้องซื้อตั๋วเข้าไปด้วย

เสี่ยวซื่อเองก็เข้าสนามประลองชมการประลองหุ่นรบเป็นครั้งแรก ดังนั้นเขาเลยไม่รู้ว่ายังต้องมีตั๋วด้วย เมื่อเขาได้ยินคำพูดของหลิงหลานก็ทิ้งท้ายไว้ประโยคหนึ่งทันทีว่า “รอเดี๋ยวนะ” หลังจากนั้นเขาก็หายตัวไป

หลิงหลานคิดว่าเสี่ยวซื่อจะจากไปสักพัก ไม่นึกเลยว่าผ่านไปได้ไม่กี่วินาที เสี่ยวซื่อก็กลับมาแล้ว เขาชูมือเป็นรูปตัว V พลางเอ่ยด้วยความภาคภูมิใจว่า “ลูกพี่ ทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว”

ในตอนที่เสี่ยวซื่อพูดนั้น คนที่สวมเสื้อกันลมสีดำปิดทั้งตัวกำลังจะซื้อหมายเลขตั๋วที่เขาถูกใจก็เห็นข้อความแถวหนึ่งปรากฎขึ้นในอุปกรณ์สื่อสาร “ขออภัยด้วย หมายเลขตั๋วที่คุณเลือกเป็นหมายเลขที่ไม่สามารถใช้งานได้ โปรดเลือกใหม่อีกครั้ง”

“เอ๋? แปลกจัง ไม่นึกเลยว่าจะมีคนที่เร็วกว่าฉันด้วย? ถูกแย่งไปก่อนซะแล้ว….” คนผู้นั้นพึมพำอยู่สักพัก เขาจำใจต้องเลือกที่นั่งข้างๆ ที่นั่งนี้ เมื่อเห็นตัวอักษรคำว่า ‘ซื้อสำเร็จ’ โผล่ขึ้นมาก็ค่อยปิดอุปกรณ์สื่อสารเดินเข้าไปในสนามประลอง

ตอนนี้เสี่ยวซื่อรู้สึกอิ่มอกอิ่มใจมาก ในที่สุดเขาก็คว้าโอกาสแสดงความสามารถสารพัดนึกที่ลูกน้องควรมีออกมาต่อหน้าหลิงหลาน เขาที่มีตัวตนเหมือนกับเทพ การจะแอบเข้าไปโดยที่ไม่ซื้อตั๋วนั้นเป็นเรื่องที่สบายมาก

เอ่อ…ไม่ถูกสิ เสี่ยวซื่อเป็นเด็กดีว่านอนสอนง่าย เขาไม่ทำเรื่องเข้าไปโดยไม่ซื้อตั๋วหรอก เขาแค่แสดงความกตัญญู แสดงความช่วยเหลือออกมา

หลิงหลานได้รับคำยืนยันของเสี่ยวซื่อแล้วก็เดินเข้าไปที่หน้าประตูสนามประลองอีกครั้ง คราวนี้ตัวอักษรตรงหน้าไม่ใช่ข้อความว่าเข้าไม่ได้ต้องซื้อตั๋วอีกต่อไปแล้ว หากแต่เป็น ขอบคุณที่มาอุดหนุน หมายเลขที่นั่งของคุณคือ โซน xx แถว xx หมายเลข xx

หลิงหลานถอนหายใจอีกครั้ง เสี่ยวซื่อมีประโยชน์มากจริงๆ ตอนนี้ไม่ว่าจะเป็นโลกความเป็นจริงหรือว่าโลกเสมือนจริง เธอก็หนีจากความช่วยเหลือของเสี่ยวซื่อไปไม่ได้แล้ว

  หลิงหลานย่างเท้าเข้าไปที่หน้าประตูก็รู้สึกได้ว่าฉากตรงหน้าเปลี่ยนไป หลังจากนั้นเธอก็พบว่าตัวเองยืนอยู่บนปากทางเดินแห่งหนึ่ง ด้านหน้าต่างก็เป็นที่นั่งที่อยู่เรียงเป็นแถวๆ

“ขอทางหน่อยได้ไหม?” เสียงเย็นเยียบดังขึ้นจากทางด้านหลังหลิงหลาน หลิงหลานรีบหันตัวกลับไปก่อนจะเห็นชายสวมเสื้อกันลมสีดำคนหนึ่งยืนอยู่ด้านหลังเธอ สิ่งที่ทำให้หลิงหลานประหลาดใจคือ ใบหน้าของชายคนนี้ถูกหมวกคลุมของเสื้อกันลมปกปิดไว้อย่างแน่นหนา เผยเพียงแค่คางรวมไปถึงริมฝีปากบางที่ยกขึ้นน้อยๆ

“เอ่อ…ขอโทษที” หลิงหลานก้มหน้าลงด้วยความเกรงใจ เธอรีบเบี่ยงกายเปิดทางให้ หลิงหลานก้มหน้าไม่ให้อีกฝ่ายสังเกตเห็นความตกตะลึงของเธอ เธอกำหมัดทั้งสองข้างของตัวเองไว้แน่นๆ รู้สึกหงุดหงิดที่ตัวเองประมาทไป

เมื่อสักครู่นี้หลิงหลานไม่รู้สึกเลยว่ามีคนอยู่ด้านหลังเธอ นี่เป็นครั้งแรกที่เธอถูกคนเข้าใกล้อย่างไร้สุ้มไร้เสียงโดยที่เธอไม่รู้ตัว ถ้าหากอีกฝ่ายมีเจตนาร้ายลอบโจมตีเธอละก็ เธอคงจะถูก KO ตายจนไม่อาจตายได้อีกแน่นอน

นอกจากนี้ตอนที่เธอเผชิญหน้ากับชายคนนี้อย่างจริงจัง หัวใจของหลิงหลานก็ผุดตัวคำว่าอันตรายขึ้นมา นี่เป็นครั้งแรกที่เธอสัมผัสได้ถึงอันตรายจากตัวของคนผู้หนึ่ง

ชายคนนี้ไม่พูดอะไร เขาเพียงแค่พยักหน้าให้หลิงหลานน้อยๆ เพื่อแสดงความขอบคุณ ก่อนจะเดินผ่านหลิงหลานไปทันที ดูท่าเขาเองก็เป็นผู้ชมที่มาดูการแข่งขันประลองเช่นกัน

หลิงหลานไม่ได้ตามออกไปทันที เธอเลี่ยงชายคนนั้นอยู่บ้าง ตัดสินใจว่ารักษาระยะห่างไว้หน่อยจะดีกว่า ในที่สุดเมื่อชายคนนั้นเดินไปไกลจนมองไม่เห็นร่างของเขาแล้ว เวลานี้เองเธอก็ได้ยินเสี่ยวซื่อพูดว่า “เชรด หมอนี่เป็นแฮคเกอร์แหละ…ไม่สิ มีความเป็นไปได้สูงว่าเขาคือผีซวีในตำนาน”

“เสี่ยวซื่อ ผีซวีที่นายพูดคือตัวตนที่สามารถกำจัดสติของมนุษย์ในโลกเสมือนจริงได้ใช่ไหม?”

“ใช่เลย กลิ่นอายบนตัวคนผู้นั้นดูเหมือนมาก มันคือการกลายพันธุ์ทางจิตที่เป็นของแฮคเกอร์ผีซวี” เสี่ยวซื่อพูดยืนยัน

ต่อให้เธออยู่ในโลกเสมือนจริง หลิงหลานได้ยินคำพูดนี้ก็รู้สึกว่าหน้าผากเธอหลั่งเหงื่อเย็นๆ ออกมาจนเปียกชุ่ม มิน่าล่ะเธอถึงรู้สึกว่าหมอนั่นอันตรายมาก ที่แท้ก็เป็นตัวตนที่สามารถกำจัดคนได้อย่างไร้สุ้มไร้เสียงนี่เอง  แงๆๆ โลกเสมือนจริงนี้อันตรายจริงๆ เลย

ต่อให้ในโลกความเป็นจริงหลิงหลานสามารถ KO คนแบบนี้ได้ร้อยพัน แต่ว่าพออยู่ในโลกเสมือนจริง เธอต้องถอยเก้าสิบลี้[1]ให้คนพวกนี้

………………………………………..

[1] หมายถึง พยายามถอยให้เพื่อหลีกเลี่ยงการปะทะ

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

I’M THE BOSS ลูกพี่หุ่นเทวะ 108 ผู้ชายอันตราย!

Now you are reading I’M THE BOSS ลูกพี่หุ่นเทวะ Chapter 108 ผู้ชายอันตราย! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“ก็ใช่ แต่พอเทียบกับเทคโนโลยีสมัยใหม่แล้ว ฉันชอบที่นี่มากกว่า” หลิงหลานยิ้ม อาคารที่คุ้นเคย สภาพแวดล้อมที่คุ้นเคยทำให้ร่างกายและจิตใจเธอผ่อนคลายลงทันที ความรู้สึกเหนื่อยล้าจากการฝึกฝนอย่างหนักหลายเดือนถูกขจัดหายไปจนหมด

พอเสี่ยวซื่อได้ยินว่าหลิงหลานชอบที่นี่ ความเครียดกังวลก็หนีหายไปทันที นี่ถือว่าเป็นการทำพลาดที่ถูกต้องหรือเปล่านะ เสี่ยวซื่อคิดถึงตรงนี้ก็รู้สึกภาคภูมิใจขึ้นมาเล็กน้อย ‘ฉันเป็นสิ่งมีชีวิตปัญญาประดิษฐ์ที่ฉลาดที่สุดจริงๆ ด้วย ต่อให้ทำพลาดโดยไม่ระวัง ก็เป็นการทำพลาดที่ดีเลิศขนาดนี้!’

ไม่พูดถึงเสี่ยวซื่อที่ดีอกดีใจแล้ว หลิงหลานพาเสี่ยวซื่อไปเที่ยวเล่นในเมืองหลวงแห่งนี้ แน่นอนว่าเธอเพียงแต่ดูเท่านั้น ไม่ซื้อ ประการแรก สถานะนี้ไม่มีบัญชีธนาคารกลางที่ผูกไว้ และก็ไม่สามารถใช้แต้มเครดิตจ่ายเงินได้ ถึงแม้ว่าเสี่ยวซื่อจะมีวิธีจัดการให้ได้ แต่หลิงหลานคิดว่าเรื่องยิ่งน้อยยิ่งดี สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ เธอกลัวว่าธนาคารกลางจะทำการสแกนแบบเอาเวลาแน่นอนไม่ได้ ถ้าเกิดถูกเปิดเผยขึ้นมา มันจะเป็นปัญหาต่อเธอและเสี่ยวซื่อ

ส่วนประการที่สอง สถานะนี้ไม่มีที่อยู่ที่ปิดบังซ่อนเร้นอย่างปลอดภัย จะให้ร้านค้าส่งตรงไปที่คฤหาสน์ตระกูลหลิงหรือไง? ถ้าอย่างนั้นสถานะตัวปลอมที่เธอทำออกมาแบบนี้จะไม่ได้เป็นการสิ้นเปลืองแรงไปโดยเปล่าประโยชน์เหรอ?

หลิงหลานดูเหมือนนกในกรงที่เพิ่งจะถูกปลดปล่อยออกมา ไม่ว่าจะเป็นของอะไรก็ตาม เธอก็มองดูด้วยความตื่นเต้นมาก การเดินเที่ยวบนถนนอย่างอิสระครั้งนี้ได้เติมเต็มความฝันสองชาติของเธอแล้ว

ชาติก่อนเธออยู่บนเตียงคนไข้มาตลอด ทุกวันเธอฝันว่าจะสามารถมีโอกาสออกไปเดินเที่ยวเล่นบนถนนสักครั้ง น่าเสียดายที่สุดท้ายมันยังคงไม่เกิดขึ้นจริง และตั้งแต่ที่เกิดมาในชาตินี้เธอก็ถูกจำกัดให้อยู่ในบ้านมาตลอด ต่อมาก็ถูกจำกัดให้อยู่ในสถาบันลูกเสือ ถึงแม้ว่าในโลกเสมือนจริงของสถาบันลูกเสือจะมีร้านค้าเหมือนกัน แต่ว่าของด้านในซ้ำซากจำเจมาก มีแต่ของที่เกี่ยวข้องกับด้านการเรียนเท่านั้น นอกจากนี้ร้านค้าด้านในก็ทำออกมาไซไฟมากเกินไป ทำให้หลิงหลานไม่มีอารมณ์จะเดินเล่นเลยสักนิดเดียว

อย่างไรก็ตาม เมืองหลวงนี้ไม่เหมือนกันเลย อาคารกลิ่นอายโบราณ ของตกแต่งในร้านค้าก็ใกล้เคียงกับชาติก่อนของเธอมาก ทำให้หลิงหลานเกิดความรู้สึกอยากเดินเที่ยวชมในพริบตา อารมณ์ของเธอเบิกบานอย่างไร้ที่สิ้นสุดจริงๆ

ถ้าหากไม่ใช่เพราะทุกครั้งที่เธอเข้าไปในร้านค้า แล้วคำแนะนำร้านค้าเด้งออกมาตรงหน้าเธอแล้วละก็ เธอคงจะคิดจริงๆ ว่าตัวเองกำลังเดินเที่ยวเล่นอยู่บนถนนในโลกความเป็นจริง

เมืองหลวงช่างสมกับที่เป็นเมืองหลวงอย่างที่คาดคิดไว้ ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า อาหาร ที่พัก ถนนหนทาง ทุกอย่างต่างครบครันและละลานตา ในขณะที่หลิงหลานมองดูด้วยความสนใจอย่างยิ่ง ทันใดนั้นคนเดินถนนที่อยู่รอบข้างเธอก็เหมือนกับได้รับข้อความอะไรบางอย่าง พวกเขาหยุดฝีเท้าทำหน้าตื่นเต้น มีหลายคนในนั้นถึงขนาดที่ส่งเสียงร้องตะโกนตกใจยากที่จะควบคุมออกมา

พวกเขาเปลี่ยนแผนการเดิมของตัวเองอย่างรวดเร็ว และกรูไปยังสถานที่แห่งหนึ่งราวกับรู้กันเอง

“เกิดเรื่องอะไรขึ้น?” หลิงหลานเห็นแล้วก็รู้สึกแปลกใจอยู่บ้าง ก่อนจะรีบเอ่ยถามเสี่ยวซื่อ

เสี่ยวซื่อไม่พูดอะไร เขาตรวจสอบก่อนสักพัก หลังจากนั้นก็พูดด้วยสีหน้าประหลาดใจว่า “ที่นี่มีการแข่งขันประลองหุ่นรบด้วยล่ะ นอกจากนี้ยังเป็น J6 ท้าประลองข้ามระดับกับ J8 ด้วย เรื่องจริงหรือเปล่าเนี่ย?”

หลิงหลานที่รู้เรื่องโลกภายนอกแทบจะเป็นศูนย์พูดด้วยสีหน้ามึนงงว่า “J6? J8? มันคืออะไร?”

เสี่ยวซื่อตบหน้าผากตัวเองแรงๆ เขาค่อยจำได้ว่าตัวเองลืมบอกความรู้ด้านนี้ให้กับหลิงหลาน ดังนั้นเขาก็เลยบอกข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการแข่งขันประลองหุ่นรบคร่าวๆ

ความจริงแล้วการแข่งขันประลองหุ่นรบที่ประชาชนสามารถเข้าร่วมยังไงก็ได้ในโลกเสมือนจริงนี้คือเกมต่อสู้อย่างหนึ่ง ขอเพียงประชาชนอายุครบสิบสามปีบริบูรณ์ก็สามารถเข้าร่วมเกมประลองหุ่นรบได้ ส่วนสถาบันลูกเสือ นักเรียนจะสามารถปลดผนึกของสถาบันลูกเสือ และเข้าสู่โลกเสมือนที่แท้จริงได้หลังจากที่อายุสิบสามปี พูดอีกอย่างก็คือ ถ้าไปตามระเบียบขั้นตอนแล้ว หลิงหลานต้องอายุสิบสามก่อนถึงจะสามารถปลดล็อกที่นี่ได้

ไม่ว่ามือใหม่ที่เพิ่งเข้าเกมจะมีอายุเท่าไหร่ ทุกคนต่างอยู่ในระดับ J0 พวกเขาต้องเรียนรู้การควบคุมหุ่นรบ ทำการฝึกฝนที่เกี่ยวข้องกับการต่อสู้ถึงจะเปิดสังเวียนมือใหม่ได้ หลังจากที่ได้รับ 100 คะแนนแล้วก็จะเข้าสู่ระดับ J1 ได้สำเร็จ พอสะสมคะแนนได้ 1000 ก็จะเข้าสู่ระดับ J2 เป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ คะแนนสะสมที่จะเข้าสู่ระดับ J9 ย่อมต้องเป็นตัวเลขที่มหาศาล

เสี่ยวซื่อบอกหลิงหลาน ผู้ควบคุมหุ่นรบที่สามารถเลื่อนขั้นสู่ระดับ J9 มีน้อยมาก มีแค่สามพันสี่พันคนอันน้อยนิดเท่านั้นจากในประชากรหลายหมื่นล้านคนทั่วทั้งสหพันธรัฐ แน่นอนว่าคนที่อยู่เหนือ J9 หนึ่งระดับก็มีอยู่เช่นกัน เพียงแต่ว่าคนพวกนี้ไม่ได้ปรากฎตัวขึ้นในเกมประลองหุ่นรบของประชาชนแบบนี้ เสี่ยวซื่อไม่ได้อธิบายเรื่องนี้ให้ละเอียด เขาคิดว่าเรื่องพวกนี้ยังห่างไกลจากหลิงหลานมากไปหน่อย

“ท้าประลองข้ามระดับได้ก็ดีแล้วนี่นา?” ไม่อย่างนั้นว่าตามขั้นตอนแล้ว อยากจะเข้าสู่ J9 ไม่รู้ว่าต้องสะสมคะแนนทีละนิดไปจนถึงเมื่อไหร่ ดูแค่เลขศูนย์นับไม่ถ้วนด้านหลังตัวเลขพวกนั้นแล้ว หลิงหลานก็รู้สึกเวียนหัวอยู่บ้าง

“มันก็ได้แหละ แต่การท้าประลองข้ามระดับมีข้อเรียกร้องสูงมาก ถ้าเกิดพ่ายแพ้ขึ้นมา บทลงโทษสามารถทำให้คนเสียใจจนฆ่าตัวตายได้เลย…” เสี่ยวซื่อบอกหลิงหลานด้วยเสียงนิ่งเรียบ ผลประโยชน์ใช่ว่าจะได้รับมาง่ายมากขนาดนั้น

“การท้าประลองข้ามระดับไม่ใช่ว่าแค่ท้าประลองสักครั้งก็ทำได้แล้ว เธอต้องเอาชนะคู่ต่อสู้ระดับสูงที่สุ่มเลือกมาติดต่อกันสามครั้งภายในสามวัน ถึงจะถือว่าเธอท้าประลองข้ามระดับสำเร็จ แล้วเข้าสู่ระดับนั้นได้อย่างแท้จริง แต่ถ้าเกิดแพ้ขึ้นมา คะแนนย่อมถูกหักอย่างหนักหน่วงแน่นอน ยกตัวอย่างเช่น มีความเป็นไปได้สูงว่าคนที่อยู่ J6 จะถูกหักคะแนนจนร่วงลงไปอยู่ระดับ J3 ทันที แม้กระทั่ง J2 ก็มีความเป็นไปได้” เสี่ยวซื่ออธิบายกฎและบทลงโทษที่เกี่ยวข้องกับการท้าประลองข้ามระดับนี้

“ก็ยังคุ้มอยู่นะ ต่อให้ตกลงไปที่ J2 J3 ครั้งหน้าเขาท้าประลองกับ J7 J8 ใหม่สามครั้ง ก็กลับมาได้อีกไม่ใช่เหรอ?” หลิงหลานเอ่ยคัดค้าน

“จะง่ายแบบนี้ที่ไหนกันล่ะ ทุกปีหนึ่งคนจะมีโอกาสท้าประลองข้ามระดับสามครั้ง นอกเสียจากเขาจะเอาชนะครบสามครั้งแล้ว ไม่อย่างนั้นขอแค่พ่ายแพ้สักครั้ง เขาก็จะต้องกลับไปที่จุดเริ่มต้นแล้วเริ่มสะสมคะแนนใหม่ ทุกคนต่างก็รู้ว่าคะแนนของการแข่งขันประลองหุ่นรบได้รับโคตรยาก ต้องอาศัยเวลาและการแข่งขันมาสะสมคะแนน สิ่งที่สำคัญยิ่งกว่านั้นคือสิ่งที่เรียกว่าการประลองข้ามระดับนี้ อันที่จริงทำได้แต่ท้าประลองข้ามไปหนึ่งระดับเท่านั้น หรือพูดอีกอย่างก็คือ J2 ทำได้แค่ท้าประลองกับ J4 J3 ก็ท้าประลองได้แค่ J5….ต่อให้รอไปปีนึง เขาก็ยังกลับไปตำแหน่งเดิมไม่ได้ ลูกพี่ เธอว่าการท้าประลองข้ามระดับแบบนี้คุ้มหรือไม่คุ้มล่ะ?”

คำพูดของเสี่ยวซื่อทำให้หลิงหลานพูดไม่ออก “ที่แท้ก็เป็นอย่างนี้ งั้นการท้าประลองข้ามระดับไม่กลายเป็นของตั้งโชว์ไปแล้วเหรอ? ดูท่าคงจะมีคนน้อยมากที่เลือกการท้าประลองข้ามระดับใช่ไหม?” ดูเหมือนว่าคนสร้างเกมจะเกลียดพวกคนที่ไปทางลัดมาก ถึงได้ตั้งให้มันมีความยากและข้อจำกัดเยอะมากขนาดนี้

“แน่นอนอยู่แล้ว ไม่อย่างนั้นคนที่นี่จะตื่นเต้นขนาดนั้นได้ยังไงล่ะ ช่วงระดับต้นๆ อาจจะยังมีการแข่งขันท้าประลองข้ามระดับอยู่มากมาย แต่ช่วงระดับสูงจะเจอการท้าประลองข้ามระดับได้น้อยมาก โดยเฉพาะการที่ J6 ท้าประลองข้ามระดับกับ J8 แบบนี้ ว่ากันว่าในหนึ่งร้อยปียากจะเห็นสักครั้ง ลูกพี่ เธอนี่ดวงดีมากจริงๆ” เสี่ยวซื่อบอกข้อมูลที่เขาค้นหาเจอให้กับหลิงหลาน บอกว่าการประลองหุ่นรบในครั้งนี้หายากมากจริงๆ

“งั้นก็ไปดูกันเถอะ” หลิงหลานถูกคำพูดของเสี่ยวซื่อชักจูงให้สนใจขึ้นมา แล้วก็เดินตามผู้คนไปยังจุดหมาย ซึ่งก็คือเจดีย์สูงเจ็ดชั้น

“ให้ตายเถอะ ไม่นึกเลยว่ายังต้องซื้อตั๋วด้วย” หลิงหลานกำลังคิดจะเดินเข้าไปที่ทางเข้า ตัวอักษรแถวหนึ่งก็เด้งขึ้นมาตรงหน้าทำให้เธอกลุ้มใจมาก ที่แท้การจะเข้าไปที่นี่จำเป็นต้องซื้อตั๋วเข้าไปด้วย

เสี่ยวซื่อเองก็เข้าสนามประลองชมการประลองหุ่นรบเป็นครั้งแรก ดังนั้นเขาเลยไม่รู้ว่ายังต้องมีตั๋วด้วย เมื่อเขาได้ยินคำพูดของหลิงหลานก็ทิ้งท้ายไว้ประโยคหนึ่งทันทีว่า “รอเดี๋ยวนะ” หลังจากนั้นเขาก็หายตัวไป

หลิงหลานคิดว่าเสี่ยวซื่อจะจากไปสักพัก ไม่นึกเลยว่าผ่านไปได้ไม่กี่วินาที เสี่ยวซื่อก็กลับมาแล้ว เขาชูมือเป็นรูปตัว V พลางเอ่ยด้วยความภาคภูมิใจว่า “ลูกพี่ ทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว”

ในตอนที่เสี่ยวซื่อพูดนั้น คนที่สวมเสื้อกันลมสีดำปิดทั้งตัวกำลังจะซื้อหมายเลขตั๋วที่เขาถูกใจก็เห็นข้อความแถวหนึ่งปรากฎขึ้นในอุปกรณ์สื่อสาร “ขออภัยด้วย หมายเลขตั๋วที่คุณเลือกเป็นหมายเลขที่ไม่สามารถใช้งานได้ โปรดเลือกใหม่อีกครั้ง”

“เอ๋? แปลกจัง ไม่นึกเลยว่าจะมีคนที่เร็วกว่าฉันด้วย? ถูกแย่งไปก่อนซะแล้ว….” คนผู้นั้นพึมพำอยู่สักพัก เขาจำใจต้องเลือกที่นั่งข้างๆ ที่นั่งนี้ เมื่อเห็นตัวอักษรคำว่า ‘ซื้อสำเร็จ’ โผล่ขึ้นมาก็ค่อยปิดอุปกรณ์สื่อสารเดินเข้าไปในสนามประลอง

ตอนนี้เสี่ยวซื่อรู้สึกอิ่มอกอิ่มใจมาก ในที่สุดเขาก็คว้าโอกาสแสดงความสามารถสารพัดนึกที่ลูกน้องควรมีออกมาต่อหน้าหลิงหลาน เขาที่มีตัวตนเหมือนกับเทพ การจะแอบเข้าไปโดยที่ไม่ซื้อตั๋วนั้นเป็นเรื่องที่สบายมาก

เอ่อ…ไม่ถูกสิ เสี่ยวซื่อเป็นเด็กดีว่านอนสอนง่าย เขาไม่ทำเรื่องเข้าไปโดยไม่ซื้อตั๋วหรอก เขาแค่แสดงความกตัญญู แสดงความช่วยเหลือออกมา

หลิงหลานได้รับคำยืนยันของเสี่ยวซื่อแล้วก็เดินเข้าไปที่หน้าประตูสนามประลองอีกครั้ง คราวนี้ตัวอักษรตรงหน้าไม่ใช่ข้อความว่าเข้าไม่ได้ต้องซื้อตั๋วอีกต่อไปแล้ว หากแต่เป็น ขอบคุณที่มาอุดหนุน หมายเลขที่นั่งของคุณคือ โซน xx แถว xx หมายเลข xx

หลิงหลานถอนหายใจอีกครั้ง เสี่ยวซื่อมีประโยชน์มากจริงๆ ตอนนี้ไม่ว่าจะเป็นโลกความเป็นจริงหรือว่าโลกเสมือนจริง เธอก็หนีจากความช่วยเหลือของเสี่ยวซื่อไปไม่ได้แล้ว

  หลิงหลานย่างเท้าเข้าไปที่หน้าประตูก็รู้สึกได้ว่าฉากตรงหน้าเปลี่ยนไป หลังจากนั้นเธอก็พบว่าตัวเองยืนอยู่บนปากทางเดินแห่งหนึ่ง ด้านหน้าต่างก็เป็นที่นั่งที่อยู่เรียงเป็นแถวๆ

“ขอทางหน่อยได้ไหม?” เสียงเย็นเยียบดังขึ้นจากทางด้านหลังหลิงหลาน หลิงหลานรีบหันตัวกลับไปก่อนจะเห็นชายสวมเสื้อกันลมสีดำคนหนึ่งยืนอยู่ด้านหลังเธอ สิ่งที่ทำให้หลิงหลานประหลาดใจคือ ใบหน้าของชายคนนี้ถูกหมวกคลุมของเสื้อกันลมปกปิดไว้อย่างแน่นหนา เผยเพียงแค่คางรวมไปถึงริมฝีปากบางที่ยกขึ้นน้อยๆ

“เอ่อ…ขอโทษที” หลิงหลานก้มหน้าลงด้วยความเกรงใจ เธอรีบเบี่ยงกายเปิดทางให้ หลิงหลานก้มหน้าไม่ให้อีกฝ่ายสังเกตเห็นความตกตะลึงของเธอ เธอกำหมัดทั้งสองข้างของตัวเองไว้แน่นๆ รู้สึกหงุดหงิดที่ตัวเองประมาทไป

เมื่อสักครู่นี้หลิงหลานไม่รู้สึกเลยว่ามีคนอยู่ด้านหลังเธอ นี่เป็นครั้งแรกที่เธอถูกคนเข้าใกล้อย่างไร้สุ้มไร้เสียงโดยที่เธอไม่รู้ตัว ถ้าหากอีกฝ่ายมีเจตนาร้ายลอบโจมตีเธอละก็ เธอคงจะถูก KO ตายจนไม่อาจตายได้อีกแน่นอน

นอกจากนี้ตอนที่เธอเผชิญหน้ากับชายคนนี้อย่างจริงจัง หัวใจของหลิงหลานก็ผุดตัวคำว่าอันตรายขึ้นมา นี่เป็นครั้งแรกที่เธอสัมผัสได้ถึงอันตรายจากตัวของคนผู้หนึ่ง

ชายคนนี้ไม่พูดอะไร เขาเพียงแค่พยักหน้าให้หลิงหลานน้อยๆ เพื่อแสดงความขอบคุณ ก่อนจะเดินผ่านหลิงหลานไปทันที ดูท่าเขาเองก็เป็นผู้ชมที่มาดูการแข่งขันประลองเช่นกัน

หลิงหลานไม่ได้ตามออกไปทันที เธอเลี่ยงชายคนนั้นอยู่บ้าง ตัดสินใจว่ารักษาระยะห่างไว้หน่อยจะดีกว่า ในที่สุดเมื่อชายคนนั้นเดินไปไกลจนมองไม่เห็นร่างของเขาแล้ว เวลานี้เองเธอก็ได้ยินเสี่ยวซื่อพูดว่า “เชรด หมอนี่เป็นแฮคเกอร์แหละ…ไม่สิ มีความเป็นไปได้สูงว่าเขาคือผีซวีในตำนาน”

“เสี่ยวซื่อ ผีซวีที่นายพูดคือตัวตนที่สามารถกำจัดสติของมนุษย์ในโลกเสมือนจริงได้ใช่ไหม?”

“ใช่เลย กลิ่นอายบนตัวคนผู้นั้นดูเหมือนมาก มันคือการกลายพันธุ์ทางจิตที่เป็นของแฮคเกอร์ผีซวี” เสี่ยวซื่อพูดยืนยัน

ต่อให้เธออยู่ในโลกเสมือนจริง หลิงหลานได้ยินคำพูดนี้ก็รู้สึกว่าหน้าผากเธอหลั่งเหงื่อเย็นๆ ออกมาจนเปียกชุ่ม มิน่าล่ะเธอถึงรู้สึกว่าหมอนั่นอันตรายมาก ที่แท้ก็เป็นตัวตนที่สามารถกำจัดคนได้อย่างไร้สุ้มไร้เสียงนี่เอง  แงๆๆ โลกเสมือนจริงนี้อันตรายจริงๆ เลย

ต่อให้ในโลกความเป็นจริงหลิงหลานสามารถ KO คนแบบนี้ได้ร้อยพัน แต่ว่าพออยู่ในโลกเสมือนจริง เธอต้องถอยเก้าสิบลี้[1]ให้คนพวกนี้

………………………………………..

[1] หมายถึง พยายามถอยให้เพื่อหลีกเลี่ยงการปะทะ

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+