I’M THE BOSS ลูกพี่หุ่นเทวะ 43 ประสบการณ์ความตาย!

Now you are reading I’M THE BOSS ลูกพี่หุ่นเทวะ Chapter 43 ประสบการณ์ความตาย! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เดิมทีหลิงหลานคิดว่าตัวเองต้องอยู่ในป่าจำลองของมิติการเรียนรู้สักสองสามปีถึงจะค่อยคุ้นชินมีประสิทธิผล แต่ความจริงก็พิสูจน์แล้วว่า มนุษย์เป็นสายพันธุ์ที่ฉลาดปราดเปรื่องสุดขีด โดยเฉพาะสำหรับคนที่มีความสามารถโจมตีและป้องกัน การปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมที่อันตรายอย่างยิ่งแบบนี้ก็ยิ่งง่ายดายกว่าที่จินตนาการไว้ ผ่านไปหนึ่งเดือน เธอก็สามารถเคลื่อนไหวได้อย่างคล่องแคล่วในป่าดึกดำบรรพ์แห่งนี้

เดิมทีหลิงหลานก็ไม่ใช่คนที่บุ่มบ่ามมุทะลุ ดังนั้นหลังจากที่อาจารย์หมายเลขหนึ่งหายตัวไป เธอก็ระมัดระวังทุกฝีก้าวอย่างยิ่ง ถึงอย่างไรสำหรับเธอที่ไม่เคยสัมผัสกับป่าดึกดำบรรพ์มาก่อน ก็ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับที่นี่เลย นอกจากนี้เธอเชื่อว่าป่าดึกดำบรรพ์แห่งนี้จะต้องน่ากลัวมากแน่นอน ความคิดแรกเริ่มของเธอไม่ใช้การล่าเหยื่ออะไร หากแต่เป็นจะประคับประคองตัวเองให้รอดจนเธอตื่นในวันที่สองต่อไปได้อย่างไรต่างหาก

อันที่จริงเธอยังคิดใสซื่อมากเกินไป ความน่ากลัวของป่าดึกดำบรรพ์จะเป็นสิ่งที่เธอจินตนาการได้ที่ไหนกัน เธอไม่อาจยืนหยัดได้จนฟ้ามืดก็ถูกแมลงมีพิษที่ไม่รู้จักที่ซ่อนตัวอย่างระมัดระวังอยู่ในพุ่มหญ้าลึกๆ กัดเข้าให้ นี่เป็นการตายครั้งแรกของเธอ ถ้าใช้ศัพท์อินเทอร์เน็ตในชาติก่อน นั่นก็คือเวอร์จินความตาย

ความจริงแล้วเวอร์จินความตายของหลิงหลานไม่ได้สบายเลย ถึงขนาดที่หลั่งเลือดจนทำให้คนเห็นแล้วทานข้าวไม่ลง สภาพดูน่ากลัวอย่างหาใดเปรียบ

ชาตินี้หลิงหลานไม่อยากลองวิธีการตายแบบนี้อีกแล้วแน่นอน พิษที่รุนแรงของแมลงนั่นร้ายกาจมาก มันจะสร้างความเจ็บปวดที่น่ากลัวขึ้นมา ความเจ็บปวดแบบนี้ทรมานกว่าอาการป่วยของเธอในชาติก่อน และยังซึมลึกลงไปถึงไขกระดูกมากกว่าความเจ็บปวดในตอนที่อาบน้ำยาในชาตินี้เสียอีก เนื่องจากมันไม่ได้อยู่ในขอบเขตความเจ็บปวดเพียงอย่างเดียว มันยังมีอาการคันที่ไม่สามารถควบคุมได้รบกวนอยู่ในส่วนลึกของหัวใจ…ทำเอาเธอลืมไม่ลงไปทั้งชาติ

หลิงหลานทรมานไปสามวันและก็คันไปสามวันเต็มๆ เช่นกัน เธอเห็นกับตาว่าเธอเกาเนื้อของตัวเองจนหลุดออกจากร่างกายทีละเล็กทีละน้อย ไม่นึกเลยว่าในใจจะรู้สึกมีความสุข สุดท้ายร่างกายของเธอก็เปลี่ยนเป็นเศษกระจัดกระจายจนแทบจะกลายเป็นโครงกระดูกเปล่าๆ เธอถึงค่อยสิ้นลมหายใจเฮือกสุดท้าย

เดิมทีเธอคิดว่าในที่สุดก็จะหลุดพ้นสามารถออกจากป่าที่น่ากลัวและกลับเข้าไปในโลกความเป็นจริงได้แล้ว แต่นึกไม่ถึงว่าเมื่อลืมตาขึ้นมา เธอจะกลับมายังสถานที่ที่อาจารย์หมายเลขหนึ่งทิ้งเธอไว้ในตอนแรกอีกครั้ง หลิงหลานถึงค่อยเข้าใจว่าโลกที่มิติการเรียนรู้จำลองขึ้นมานี้ไม่ได้ธรรมดาอย่างที่เธอจินตนาการไว้ในตอนแรกที่ยืนหยัดอยู่ได้ช่วงเวลาหนึ่งก็สามารถกลับไปยังมิติความเป็นจริง

มันอาจจะเป็นภารกิจ ถ้าหากไม่สำเร็จก็จะติดอยู่ข้างในไม่สามารถกลับไปได้

ถึงแม้ว่าหลิงหลานจะไม่สามารถลืมเลือนช่วงเวลาการตายครั้งแรกที่นำพาความหวาดกลัวมาให้เธอได้ แต่เธอต้องฝืนทำตัวให้สดชื่นเข้าไว้และสำรวจส่วนลึกของป่าต่อไปทำภารกิจของตัวเองให้สำเร็จ เพื่อที่จะให้ตัวเองกลับไปสู่โลกความเป็นจริงให้เร็วที่สุด หลิงหลานยังไม่ลืมคำพูดที่อาจารย์หมายเลขหนึ่งกล่าวไว้ ความหมายของคำพูดเขาชัดเจนมาก นั่นก็คือต้องเรียนรู้ว่าจะล่าเหยื่ออย่างไร

อย่างไรก็ตาม ตอนที่หลิงหลานสังหารสัตว์ในป่าที่อ่อนแอกว่าเธอได้แล้ว เธอกลับไม่เห็นมิติการเรียนรู้มีการตอบสนองเลยสักนิดเดียว เธอก็รู้ว่าภารกิจนี้ไม่อนุญาตให้เธอใช้วิธีเล่นตุกติก เกรงว่าอาจจะต้องฆ่าสัตว์ร้ายที่แข็งแกร่งกว่าเธอหลายเท่าถึงจะได้

ดังนั้นเธอเริ่มท้าทายป่าดึกดำบรรพ์แห่งนี้ ตลอดทางเธอพบเจอสถานการณ์อันตรายมากมายนับไม่ถ้วน มีบางครั้งที่โชคดีหลบหนีได้ แน่นอนว่าผลสรุปส่วนใหญ่ก็คือความตาย

เธอถูกฝูงมดกลืนกินกลายเป็นกองกระดูกทั้งๆ ที่ยังมีชีวิตอยู่ และเคยถูกสัตว์ตัวเล็กที่รูปลักษณ์ภายนอกดูน่ารักลอบโจมตี สุดท้ายก็กลายเป็นอาหารของอีกฝ่าย ยิ่งไปกว่านั้นยังเคยกินผลไม้มีพิษเนื่องจากความตะกละและติดพิษจนตาย และยังเคยเจอยุงที่แพร่เชื้อโรคในป่ากัดจนสุดท้ายก็ติดเชื้อโรคตาย

ทว่าการเสียชีวิตนับครั้งไม่ถ้วนก็ไม่ใช่การตายโดยเปล่าประโยชน์ หลิงหลานค่อยๆ เรียนรู้ว่าจะเอาตัวรอดในป่าดึกดำบรรพ์แห่งนี้ได้อย่างไร เธอสรุปประสบการณ์ละทิ้งความอ่อนแอและความเมตตาอันดีงามที่ไม่จำเป็นต่อที่นี่ทิ้งไป เหลือไว้เพียงแต่ความเยือกเย็นและโหดเหี้ยมเท่านั้น จากนี้ไปสิ่งมีชีวิตทุกอย่างในสายตาเธอมีเพียงสองป้ายเท่านั้น นั่นก็คืออันตรายและอาหาร

หลิงหลานเริ่มต้นจากความหวาดหวั่นพรั่นพรึงวิตกกังวลจนมาถึงความสงบเยือกเย็นในตอนนี้ ยามเผชิญหน้ากับอันตรายใดๆ ก็ไม่มีความรู้สึกหวาดกลัวเลย และลงมือโดยไม่ต้องคิด ทั่วทั้งป่าดึกดำบรรพ์เหมือนกับสวนหลังบ้านของเธอ เธอรู้จักสิ่งมีชีวิตและสถานที่อันตรายทั้งหมดราวกับนิ้วบนฝ่ามือ

ราชาแห่งหนองน้ำที่เธอเลือกล่าในครั้งนี้ก็เป็นสิ่งที่เธอไตร่ตรองอย่างดีแล้วค่อยตัดสินใจ แม้ว่าหนองน้ำจะอยู่ในภูมิประเทศที่อันตรายมากกว่าพื้นที่ส่วนอื่น แต่ก็เป็นเพราะจุดนี้เองทำให้เมื่อเทียบกับพลังของราชาของเขตพื้นที่อื่นๆ แล้ว ราชาแห่งหนองน้ำอ่อนแอกว่าเล็กน้อย นอกจากนี้ต่อให้ภูมิประเทศยังเอื้ออำนวยต่อราชาแห่งหนองน้ำก็ไม่แน่ว่าจะไม่เอื้ออำนวยต่อเธอ

ด้วยเหตุนี้เองหลิงหลานก็เลยดักซุ่มโจมตี เริ่มแรกเธอล้มเหลวอยู่หลายครั้ง ผลสุดท้ายส่วนใหญ่เธอก็กลายเป็นมูลสัตว์ของราชาแห่งหนองน้ำ มีเพียงไม่กี่ครั้งที่โชคดีหลบหนีออกจากสถานการณ์ที่ยากลำบากได้ อย่างไรก็ตามความล้มเหลวแต่ละครั้งก็เป็นประสบการณ์อย่างหนึ่ง หลิงหลานค่อยๆ คุ้นชินกับการล่าราชาแห่งหนองน้ำ ถึงแม้ว่าหลิงหลานจะมาดักซุ่มที่หนองน้ำทุกวัน แต่เธอกลับอดทนไม่ลงมือติดต่อกันหนึ่งอาทิตย์เพื่อที่จะทำให้ราชาแห่งหนองน้ำประมาทเลินเล่อ….

หลิงหลานยังจำคำต่อว่าที่อาจารย์หมายเลขหนึ่งตำหนิเธอในตอนนั้นได้ บอกว่าเธอไม่รู้จักลูกล่อลูกชน ลอบโจมตีติดต่อกันครั้งแล้วครั้งเล่าไม่หยุดก็ไม่ใช่การลอบโจมตีแล้ว และหลิงหลานย่อมไม่อาจทำผิดพลาดเดิมๆ เป็นครั้งที่สอง

และวันนี้หลิงหลานกลับเห็นโอกาสที่ปรากฏขึ้นยากสุดขีด บางทีอาจจะเป็นเพราะอาทิตย์นี้หลิงหลานไม่ได้ลงมือ ทำให้ราชาแห่งหนองน้ำคิดว่าสิ่งมีชีวิตที่มีตาหามีแววไม่ถูกมันกินจนเกลี้ยงก่อนหน้านี้ทุกวัน ทำให้มันผ่อนคลายความระแวดระวังที่มีอยู่แต่เดิมลงในชั่วพริบตา…

ดังนั้นหลิงหลานเลยลงมืออย่างเฉียบขาด และครั้งนี้หลิงหลานก็ทำการสังหารในการโจมตีเดียวอย่างเรียบร้อย และเป็นเพราะความสำเร็จในครั้งนี้เองก็ได้พิสูจน์ว่า หลิงหลานได้เรียนรู้ว่าจะปกปิดจิตสังหารและการล่าเหยื่อจริงๆ อย่างไร

ราชาแห่งหนองน้ำเสียชีวิต หลิงหลานหรี่ตาเรียวทำความเข้าใจรับรู้ถึงชั่วพริบตาที่สังหารมันเมื่อสักครู่นี้ เธอไม่ได้ตื่นเต้น ไม่ได้ฮึกเหิม มีเพียงความเยือกเย็นและมุ่งมั่นเท่านั้น หลิงหลานสังเกตเห็นความแตกต่างระหว่างการโจมตีเมื่อสักครู่นี้กับในเวลาปกติ รู้แล้วว่าเมื่อก่อนตัวเองสนใจเรื่องผลลัพธ์มากเกินไป ดังนั้นก็เลยรักษาสภาพใจเย็นดุจน้ำแข็งเอาไว้ไม่ได้ เมื่อโจมตี จิตสังหารก็ไหลล้นออกมา

หลิงหลานหัวเราะ เธอกำหมัดตัวเองแน่นๆ บางทีเธออาจจะกลับไปได้แล้ว ออกไปจากสถานที่โหดร้ายแห่งนี้ ถึงแม้ว่าเวลานี้หลิงหลานไม่กลัวป่าดึกดำบรรพ์นี้แล้ว แต่เธอยังคงไม่ชอบที่แห่งนี้ ที่นี่เงียบเหงามาก ไม่มีคนพูดคุยเป็นเพื่อนเธอ และก็ไม่มีคนให้ความอบอุ่นแก่เธอได้เลยเช่นกัน เธอใกล้จะถูกอารมณ์ที่เรียกว่าความเหงาครอบงำแล้ว โชคดีที่ความอดทนของเธอดีเยี่ยมมาก ไม่อย่างนั้นเธอไม่ตายก็บ้าไปแล้ว

เวลานี้เองหลิงหลานก็สัมผัสได้ถึงความผิดปกติบางอย่างที่ด้านหลัง เธอไม่ได้หันตัวไป ทว่าร่างกายกลับเปลี่ยนท่วงท่าอย่างเงียบเชียบ จากนั้นเธอก็เตรียมพร้อมป้องกันและโจมตีกลับในชั่วพริบตา

“ทำได้ไม่เลว!” เสียงที่คุ้นเคยดังมาจากด้านหลัง เสียงนี้ทำให้หลิงหลานทั้งตื่นเต้นทั้งเคียดแค้นอย่างมาก

เธอกระทืบเท้าข้างหนึ่ง ใช้แรงนี้ทำให้ร่างกายของตัวเองลอยไปด้านหลังโดยไม่ไตร่ตรองอะไรทั้งสิ้น จากนั้นก็ตีลังกาอยู่กลางอากาศก่อนจะประจันหน้ากับคนผู้นั้น เธอยื่นขาออกไปโดยไม่ลังเลและเตะใส่เขาอย่างดุดัน…

แม่งเอ๊ย ไอ้เชี่ยหมายเลขหนึ่ง! ฉันจะเตะแกให้ตาย! หลิงหลานที่ทนทรมานมามากก็รักษาความสงบนิ่งไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว

อาจารย์หมายเลขหนึ่งที่มีสีหน้าไร้ความรู้สึกเห็นการโจมตีของหลิงหลานก็ไม่ขยับเขยื้อนสักนิดเดียว เขาเพียงแต่ยื่นนิ้วออกมาสองนิ้วและแตะเท้าเนียนดั่งหยกน้อยๆ ของหลิงหลานที่เตะเข้ามา

ปัง! เสียงหนึ่งดังขึ้นเบาๆ ทั้งสองฝ่ายสัมผัสกัน หลิงหลานรู้สึกได้ว่ามีพลังมหาศาลสายหนึ่งโจมตีมาที่ใต้เท้า ร่างของเธอกระเด็นลอยกลับไป เท้าข้างที่สามารถเตะกะโหลกศีรษะของราชาแห่งหนองน้ำที่ไม่มีความสามารถป้องกันแตกเป็นเสี่ยงๆ รู้สึกชาขึ้นมา ก่อนจะสูญเสียความสามารถในการต่อสู้ไปในชั่วพริบตา

หลิงหลานบิดเอวอยู่กลางอากาศ ควบคุมร่างกายของตัวเองไว้ ทำให้เธอร่วงลงตรงตำแหน่งที่เธอยืนอยู่แต่เดิม ซึ่งก็คือบนศีรษะของราชาแห่งหนองน้ำที่ตายไปแล้ว

……………………………………….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

I’M THE BOSS ลูกพี่หุ่นเทวะ 43 ประสบการณ์ความตาย!

Now you are reading I’M THE BOSS ลูกพี่หุ่นเทวะ Chapter 43 ประสบการณ์ความตาย! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เดิมทีหลิงหลานคิดว่าตัวเองต้องอยู่ในป่าจำลองของมิติการเรียนรู้สักสองสามปีถึงจะค่อยคุ้นชินมีประสิทธิผล แต่ความจริงก็พิสูจน์แล้วว่า มนุษย์เป็นสายพันธุ์ที่ฉลาดปราดเปรื่องสุดขีด โดยเฉพาะสำหรับคนที่มีความสามารถโจมตีและป้องกัน การปรับตัวให้เข้ากับสภาพแวดล้อมที่อันตรายอย่างยิ่งแบบนี้ก็ยิ่งง่ายดายกว่าที่จินตนาการไว้ ผ่านไปหนึ่งเดือน เธอก็สามารถเคลื่อนไหวได้อย่างคล่องแคล่วในป่าดึกดำบรรพ์แห่งนี้

เดิมทีหลิงหลานก็ไม่ใช่คนที่บุ่มบ่ามมุทะลุ ดังนั้นหลังจากที่อาจารย์หมายเลขหนึ่งหายตัวไป เธอก็ระมัดระวังทุกฝีก้าวอย่างยิ่ง ถึงอย่างไรสำหรับเธอที่ไม่เคยสัมผัสกับป่าดึกดำบรรพ์มาก่อน ก็ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับที่นี่เลย นอกจากนี้เธอเชื่อว่าป่าดึกดำบรรพ์แห่งนี้จะต้องน่ากลัวมากแน่นอน ความคิดแรกเริ่มของเธอไม่ใช้การล่าเหยื่ออะไร หากแต่เป็นจะประคับประคองตัวเองให้รอดจนเธอตื่นในวันที่สองต่อไปได้อย่างไรต่างหาก

อันที่จริงเธอยังคิดใสซื่อมากเกินไป ความน่ากลัวของป่าดึกดำบรรพ์จะเป็นสิ่งที่เธอจินตนาการได้ที่ไหนกัน เธอไม่อาจยืนหยัดได้จนฟ้ามืดก็ถูกแมลงมีพิษที่ไม่รู้จักที่ซ่อนตัวอย่างระมัดระวังอยู่ในพุ่มหญ้าลึกๆ กัดเข้าให้ นี่เป็นการตายครั้งแรกของเธอ ถ้าใช้ศัพท์อินเทอร์เน็ตในชาติก่อน นั่นก็คือเวอร์จินความตาย

ความจริงแล้วเวอร์จินความตายของหลิงหลานไม่ได้สบายเลย ถึงขนาดที่หลั่งเลือดจนทำให้คนเห็นแล้วทานข้าวไม่ลง สภาพดูน่ากลัวอย่างหาใดเปรียบ

ชาตินี้หลิงหลานไม่อยากลองวิธีการตายแบบนี้อีกแล้วแน่นอน พิษที่รุนแรงของแมลงนั่นร้ายกาจมาก มันจะสร้างความเจ็บปวดที่น่ากลัวขึ้นมา ความเจ็บปวดแบบนี้ทรมานกว่าอาการป่วยของเธอในชาติก่อน และยังซึมลึกลงไปถึงไขกระดูกมากกว่าความเจ็บปวดในตอนที่อาบน้ำยาในชาตินี้เสียอีก เนื่องจากมันไม่ได้อยู่ในขอบเขตความเจ็บปวดเพียงอย่างเดียว มันยังมีอาการคันที่ไม่สามารถควบคุมได้รบกวนอยู่ในส่วนลึกของหัวใจ…ทำเอาเธอลืมไม่ลงไปทั้งชาติ

หลิงหลานทรมานไปสามวันและก็คันไปสามวันเต็มๆ เช่นกัน เธอเห็นกับตาว่าเธอเกาเนื้อของตัวเองจนหลุดออกจากร่างกายทีละเล็กทีละน้อย ไม่นึกเลยว่าในใจจะรู้สึกมีความสุข สุดท้ายร่างกายของเธอก็เปลี่ยนเป็นเศษกระจัดกระจายจนแทบจะกลายเป็นโครงกระดูกเปล่าๆ เธอถึงค่อยสิ้นลมหายใจเฮือกสุดท้าย

เดิมทีเธอคิดว่าในที่สุดก็จะหลุดพ้นสามารถออกจากป่าที่น่ากลัวและกลับเข้าไปในโลกความเป็นจริงได้แล้ว แต่นึกไม่ถึงว่าเมื่อลืมตาขึ้นมา เธอจะกลับมายังสถานที่ที่อาจารย์หมายเลขหนึ่งทิ้งเธอไว้ในตอนแรกอีกครั้ง หลิงหลานถึงค่อยเข้าใจว่าโลกที่มิติการเรียนรู้จำลองขึ้นมานี้ไม่ได้ธรรมดาอย่างที่เธอจินตนาการไว้ในตอนแรกที่ยืนหยัดอยู่ได้ช่วงเวลาหนึ่งก็สามารถกลับไปยังมิติความเป็นจริง

มันอาจจะเป็นภารกิจ ถ้าหากไม่สำเร็จก็จะติดอยู่ข้างในไม่สามารถกลับไปได้

ถึงแม้ว่าหลิงหลานจะไม่สามารถลืมเลือนช่วงเวลาการตายครั้งแรกที่นำพาความหวาดกลัวมาให้เธอได้ แต่เธอต้องฝืนทำตัวให้สดชื่นเข้าไว้และสำรวจส่วนลึกของป่าต่อไปทำภารกิจของตัวเองให้สำเร็จ เพื่อที่จะให้ตัวเองกลับไปสู่โลกความเป็นจริงให้เร็วที่สุด หลิงหลานยังไม่ลืมคำพูดที่อาจารย์หมายเลขหนึ่งกล่าวไว้ ความหมายของคำพูดเขาชัดเจนมาก นั่นก็คือต้องเรียนรู้ว่าจะล่าเหยื่ออย่างไร

อย่างไรก็ตาม ตอนที่หลิงหลานสังหารสัตว์ในป่าที่อ่อนแอกว่าเธอได้แล้ว เธอกลับไม่เห็นมิติการเรียนรู้มีการตอบสนองเลยสักนิดเดียว เธอก็รู้ว่าภารกิจนี้ไม่อนุญาตให้เธอใช้วิธีเล่นตุกติก เกรงว่าอาจจะต้องฆ่าสัตว์ร้ายที่แข็งแกร่งกว่าเธอหลายเท่าถึงจะได้

ดังนั้นเธอเริ่มท้าทายป่าดึกดำบรรพ์แห่งนี้ ตลอดทางเธอพบเจอสถานการณ์อันตรายมากมายนับไม่ถ้วน มีบางครั้งที่โชคดีหลบหนีได้ แน่นอนว่าผลสรุปส่วนใหญ่ก็คือความตาย

เธอถูกฝูงมดกลืนกินกลายเป็นกองกระดูกทั้งๆ ที่ยังมีชีวิตอยู่ และเคยถูกสัตว์ตัวเล็กที่รูปลักษณ์ภายนอกดูน่ารักลอบโจมตี สุดท้ายก็กลายเป็นอาหารของอีกฝ่าย ยิ่งไปกว่านั้นยังเคยกินผลไม้มีพิษเนื่องจากความตะกละและติดพิษจนตาย และยังเคยเจอยุงที่แพร่เชื้อโรคในป่ากัดจนสุดท้ายก็ติดเชื้อโรคตาย

ทว่าการเสียชีวิตนับครั้งไม่ถ้วนก็ไม่ใช่การตายโดยเปล่าประโยชน์ หลิงหลานค่อยๆ เรียนรู้ว่าจะเอาตัวรอดในป่าดึกดำบรรพ์แห่งนี้ได้อย่างไร เธอสรุปประสบการณ์ละทิ้งความอ่อนแอและความเมตตาอันดีงามที่ไม่จำเป็นต่อที่นี่ทิ้งไป เหลือไว้เพียงแต่ความเยือกเย็นและโหดเหี้ยมเท่านั้น จากนี้ไปสิ่งมีชีวิตทุกอย่างในสายตาเธอมีเพียงสองป้ายเท่านั้น นั่นก็คืออันตรายและอาหาร

หลิงหลานเริ่มต้นจากความหวาดหวั่นพรั่นพรึงวิตกกังวลจนมาถึงความสงบเยือกเย็นในตอนนี้ ยามเผชิญหน้ากับอันตรายใดๆ ก็ไม่มีความรู้สึกหวาดกลัวเลย และลงมือโดยไม่ต้องคิด ทั่วทั้งป่าดึกดำบรรพ์เหมือนกับสวนหลังบ้านของเธอ เธอรู้จักสิ่งมีชีวิตและสถานที่อันตรายทั้งหมดราวกับนิ้วบนฝ่ามือ

ราชาแห่งหนองน้ำที่เธอเลือกล่าในครั้งนี้ก็เป็นสิ่งที่เธอไตร่ตรองอย่างดีแล้วค่อยตัดสินใจ แม้ว่าหนองน้ำจะอยู่ในภูมิประเทศที่อันตรายมากกว่าพื้นที่ส่วนอื่น แต่ก็เป็นเพราะจุดนี้เองทำให้เมื่อเทียบกับพลังของราชาของเขตพื้นที่อื่นๆ แล้ว ราชาแห่งหนองน้ำอ่อนแอกว่าเล็กน้อย นอกจากนี้ต่อให้ภูมิประเทศยังเอื้ออำนวยต่อราชาแห่งหนองน้ำก็ไม่แน่ว่าจะไม่เอื้ออำนวยต่อเธอ

ด้วยเหตุนี้เองหลิงหลานก็เลยดักซุ่มโจมตี เริ่มแรกเธอล้มเหลวอยู่หลายครั้ง ผลสุดท้ายส่วนใหญ่เธอก็กลายเป็นมูลสัตว์ของราชาแห่งหนองน้ำ มีเพียงไม่กี่ครั้งที่โชคดีหลบหนีออกจากสถานการณ์ที่ยากลำบากได้ อย่างไรก็ตามความล้มเหลวแต่ละครั้งก็เป็นประสบการณ์อย่างหนึ่ง หลิงหลานค่อยๆ คุ้นชินกับการล่าราชาแห่งหนองน้ำ ถึงแม้ว่าหลิงหลานจะมาดักซุ่มที่หนองน้ำทุกวัน แต่เธอกลับอดทนไม่ลงมือติดต่อกันหนึ่งอาทิตย์เพื่อที่จะทำให้ราชาแห่งหนองน้ำประมาทเลินเล่อ….

หลิงหลานยังจำคำต่อว่าที่อาจารย์หมายเลขหนึ่งตำหนิเธอในตอนนั้นได้ บอกว่าเธอไม่รู้จักลูกล่อลูกชน ลอบโจมตีติดต่อกันครั้งแล้วครั้งเล่าไม่หยุดก็ไม่ใช่การลอบโจมตีแล้ว และหลิงหลานย่อมไม่อาจทำผิดพลาดเดิมๆ เป็นครั้งที่สอง

และวันนี้หลิงหลานกลับเห็นโอกาสที่ปรากฏขึ้นยากสุดขีด บางทีอาจจะเป็นเพราะอาทิตย์นี้หลิงหลานไม่ได้ลงมือ ทำให้ราชาแห่งหนองน้ำคิดว่าสิ่งมีชีวิตที่มีตาหามีแววไม่ถูกมันกินจนเกลี้ยงก่อนหน้านี้ทุกวัน ทำให้มันผ่อนคลายความระแวดระวังที่มีอยู่แต่เดิมลงในชั่วพริบตา…

ดังนั้นหลิงหลานเลยลงมืออย่างเฉียบขาด และครั้งนี้หลิงหลานก็ทำการสังหารในการโจมตีเดียวอย่างเรียบร้อย และเป็นเพราะความสำเร็จในครั้งนี้เองก็ได้พิสูจน์ว่า หลิงหลานได้เรียนรู้ว่าจะปกปิดจิตสังหารและการล่าเหยื่อจริงๆ อย่างไร

ราชาแห่งหนองน้ำเสียชีวิต หลิงหลานหรี่ตาเรียวทำความเข้าใจรับรู้ถึงชั่วพริบตาที่สังหารมันเมื่อสักครู่นี้ เธอไม่ได้ตื่นเต้น ไม่ได้ฮึกเหิม มีเพียงความเยือกเย็นและมุ่งมั่นเท่านั้น หลิงหลานสังเกตเห็นความแตกต่างระหว่างการโจมตีเมื่อสักครู่นี้กับในเวลาปกติ รู้แล้วว่าเมื่อก่อนตัวเองสนใจเรื่องผลลัพธ์มากเกินไป ดังนั้นก็เลยรักษาสภาพใจเย็นดุจน้ำแข็งเอาไว้ไม่ได้ เมื่อโจมตี จิตสังหารก็ไหลล้นออกมา

หลิงหลานหัวเราะ เธอกำหมัดตัวเองแน่นๆ บางทีเธออาจจะกลับไปได้แล้ว ออกไปจากสถานที่โหดร้ายแห่งนี้ ถึงแม้ว่าเวลานี้หลิงหลานไม่กลัวป่าดึกดำบรรพ์นี้แล้ว แต่เธอยังคงไม่ชอบที่แห่งนี้ ที่นี่เงียบเหงามาก ไม่มีคนพูดคุยเป็นเพื่อนเธอ และก็ไม่มีคนให้ความอบอุ่นแก่เธอได้เลยเช่นกัน เธอใกล้จะถูกอารมณ์ที่เรียกว่าความเหงาครอบงำแล้ว โชคดีที่ความอดทนของเธอดีเยี่ยมมาก ไม่อย่างนั้นเธอไม่ตายก็บ้าไปแล้ว

เวลานี้เองหลิงหลานก็สัมผัสได้ถึงความผิดปกติบางอย่างที่ด้านหลัง เธอไม่ได้หันตัวไป ทว่าร่างกายกลับเปลี่ยนท่วงท่าอย่างเงียบเชียบ จากนั้นเธอก็เตรียมพร้อมป้องกันและโจมตีกลับในชั่วพริบตา

“ทำได้ไม่เลว!” เสียงที่คุ้นเคยดังมาจากด้านหลัง เสียงนี้ทำให้หลิงหลานทั้งตื่นเต้นทั้งเคียดแค้นอย่างมาก

เธอกระทืบเท้าข้างหนึ่ง ใช้แรงนี้ทำให้ร่างกายของตัวเองลอยไปด้านหลังโดยไม่ไตร่ตรองอะไรทั้งสิ้น จากนั้นก็ตีลังกาอยู่กลางอากาศก่อนจะประจันหน้ากับคนผู้นั้น เธอยื่นขาออกไปโดยไม่ลังเลและเตะใส่เขาอย่างดุดัน…

แม่งเอ๊ย ไอ้เชี่ยหมายเลขหนึ่ง! ฉันจะเตะแกให้ตาย! หลิงหลานที่ทนทรมานมามากก็รักษาความสงบนิ่งไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว

อาจารย์หมายเลขหนึ่งที่มีสีหน้าไร้ความรู้สึกเห็นการโจมตีของหลิงหลานก็ไม่ขยับเขยื้อนสักนิดเดียว เขาเพียงแต่ยื่นนิ้วออกมาสองนิ้วและแตะเท้าเนียนดั่งหยกน้อยๆ ของหลิงหลานที่เตะเข้ามา

ปัง! เสียงหนึ่งดังขึ้นเบาๆ ทั้งสองฝ่ายสัมผัสกัน หลิงหลานรู้สึกได้ว่ามีพลังมหาศาลสายหนึ่งโจมตีมาที่ใต้เท้า ร่างของเธอกระเด็นลอยกลับไป เท้าข้างที่สามารถเตะกะโหลกศีรษะของราชาแห่งหนองน้ำที่ไม่มีความสามารถป้องกันแตกเป็นเสี่ยงๆ รู้สึกชาขึ้นมา ก่อนจะสูญเสียความสามารถในการต่อสู้ไปในชั่วพริบตา

หลิงหลานบิดเอวอยู่กลางอากาศ ควบคุมร่างกายของตัวเองไว้ ทำให้เธอร่วงลงตรงตำแหน่งที่เธอยืนอยู่แต่เดิม ซึ่งก็คือบนศีรษะของราชาแห่งหนองน้ำที่ตายไปแล้ว

……………………………………….

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+