I’M THE BOSS ลูกพี่หุ่นเทวะ 56 แผนการที่ต่างคนต่างก็วางไว้

Now you are reading I’M THE BOSS ลูกพี่หุ่นเทวะ Chapter 56 แผนการที่ต่างคนต่างก็วางไว้ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ทั้งสองฝ่ายประจันหน้ากันตกอยู่ในสภาพชะงักงัน ถึงแม้ว่าหุ่นรบสามตัวจะใช้ปืนเลเซอร์เล็งมาที่พวกหลิงหลานสามคน แต่เนื่องจากหลิงหัวตกอยู่ในมือของหลิงหลาน พวกเขาจึงไม่กล้าเหนี่ยวไกปืนจริงๆ เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้หลิงหลานลงมืออย่างโหดเหี้ยม

ถึงแม้ว่าหลิงฉินกับหลิงอวี่อยากจะขึ้นหน้าไปช่วยหลิงหลานคุมตัวหลิงหัวไว้ ทว่าหุ่นรบสามตัวรู้ดีว่าให้พวกเขาสามคนรวมตัวกันได้ย่อมไม่ใช่เรื่องดีแน่นอน เมื่อเห็นพวกเขาสองคนอยากขยับตัว ก็ใช้ปืนเลเซอร์ยิงไปที่ใต้เท้าของคนทั้งสอง เตือนว่าพวกเขาอย่าบุ่มบ่ามขยับไม่ดูตาม้าตาเรือ ไม่เช่นนั้นก็ยินดีตายตกกันไปข้างหนึ่ง

ทั้งสองฝ่ายต่างกังวลกันเอง ไม่กล้าขยับเขยื้อน…

“เพราะอะไร” สถานการณ์ที่หยุดชะงักทำให้หลิงหัวมีเวลาเอ่ยถามคำถามที่อยู่ในใจออกมา

“มีความเป็นไปได้เพียงอย่างเดียวที่สามารถทำให้ผู้คุ้มกันของตระกูลหลิงมาช่วยเหลือไม่ทัน นั่นก็คือถูกดักซุ่มโจมตีต่อสู้กันจนถึงตาย ฉันคิดว่านายน่าจะรู้ดี” นับตั้งแต่ที่หลิงหลานเริ่มถูกสอนให้เขียนอ่าน เธอก็เปิดอ่านตำราโบราณรวมไปถึงเอกสารทางประวัติศาสตร์ที่ตระกูลหลิงเก็บรักษามาอย่างเปิดเผย แน่นอนว่าเธอต้องรู้เรื่องราวของตระกูลหลิงที่เกี่ยวข้องกับการอบรมบ่มเพาะผู้คุ้มกันอยู่แล้ว ผู้คุ้มกันที่จงรักภักดีต่อตระกูลหลิงจะไม่มีทางเลือกออกห่างจากข้างกายเจ้าบ้านเองแน่นอน

ในสถานการณ์ที่เหมือนกับหลิงหัวว่าไว้แบบนี้ ผู้คุ้มกันของตระกูลหลิงจะเลือกต่อสู้กับศัตรูจนตัวตาย แต่จะไม่หลบหนีไป พวกเขาไม่มีทางให้เจ้าบ้านหลุดพ้นจากระยะสายตาของพวกเขาแน่นอน นอกเสียจากทุกคนจะถูกกำจัดเรียบไปแล้ว

หลิงหัวได้ยินคำพูดก็ยิ้มหยัน “คุณไม่รู้หรือไงว่าตระกูลหลิงยังมีกฎประจำตระกูลอีกข้อหนึ่ง เจ้าบ้านคนใหม่อยากได้รับการปกป้องคุ้มครองด้วยชีวิตจากผู้คุ้มกัน เขายังต้องได้รับการยอมรับจากพวกเราที่เป็นผู้คุ้มกันด้วย คุณชายหลานคิดว่าคุณทำได้แล้วเหรอ” มุมปากเขาเผยรอยยิ้มเหน็บแนมออกมา หลิงหลานคาดเดามั่วซั่วไม่ได้อิงตามความเป็นจริง มีความเป็นไปได้สูงว่านิสัยขี้ระแวงจะทำให้คนใกล้ชิดทรยศตีตัวออกห่าง ทำลายตระกูลหลิงทั้งตระกูล เขาเลือกไม่ผิดเลย เพียงแต่ทำไม่สำเร็จเท่านั้น

หลิงหัวถอนหายใจกล่าวว่า “คุณชายหลาน ครั้งนี้นับว่าคุณทำผิดพลาดได้ถูกต้อง” วันนี้เทพีแห่งความโชคดียืนอยู่ฝั่งหลิงหลาน เขาโชคร้ายมากเกินไป ทว่าเขาไม่อยากให้หลิงหลานลำพองใจก็เลยกล่าวต่อว่า “แต่นิสัยขี้ระแวง ไม่ยอมเชื่อใจคนรอบข้างแบบนี้ของคุณช่างน่าเหลือทนจริงๆ ต่อไปผู้คุ้มกันของตระกูลหลิงคนไหนจะกล้าใช้ชีวิตมาคุ้มครองคุณ บางทีคนต่อไปที่จะถูกคุณสงสัยอาจจะเป็นเขาก็ได้”

คำพูดของหลิงหัวทำให้หลิงฉินกับหลิงอวี่ที่อยู่ข้างกายเขาสีหน้าเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง หลิงฉินรู้ดีว่าหลิงหัวพูดแบบนี้ก็เพื่ออยากจะฝังเมล็ดพันธุ์แห่งความสงสัยไว้ในผู้คุ้มกันของตระกูลหลิง ทำให้พวกเขาไม่สามารถไว้ใจหลิงหลาน เขาอยากให้หลิงหลานไม่สามารถได้รับการยอมรับจากผู้คุ้มกันของตระกูลหลิงไปตลอดกาล…ทว่าหลิงอวี่กลับกังวลว่าเขาถูกหลิงหลานสงสัยเหมือนกันหรือเปล่า

หลิงหลานมองเห็นสีหน้าของหลิงฉินกับหลิงอวี่ที่เปลี่ยนไปได้อย่างชัดเจนมาก การควบคุมสังเกตการณ์ทั่วทุกด้านของเสี่ยวซื่อยอมเยี่ยมมาก ไม่ว่าจะเป็นการเคลื่อนไหวเล็กๆ ของใครก็ไม่อาจรอดพ้นไปได้ รวมไปถึงกริชในมือของหลิงหัวที่เลื่อนลงจากในแขนเสื้อของเขาอย่างเงียบเชียบ

หลิงหลานเตรียมป้องกันอย่างลับๆ ในปากก็เอ่ยด้วยรอยยิ้มหยันว่า “ทำผิดพลาดได้ถูกต้อง? ถ้าหุ่นรบของนายมีรอยไหม้บ้างสักนิด บางทีฉันอาจจะสงสัยการคาดเดาของตัวเอง…แต่น่าเสียดาย นายลืมไปเล่นลูกไม้ตรงจุดที่ควรทำ นายควรจะเปรียบเทียบกับหุ่นรบของหลิงอวี่ เพิ่มร่องรอยถูกเลเซอร์ยิงใส่นับไม่ถ้วนให้กับหุ่นรบของตัวเอง บางทีแบบนี้อาจจะพิสูจน์คำพูดของนายได้ว่าฉันเป็นคนขี้ระแวงจริงๆ”

หลิงหลานพูดข้อผิดพลาดที่สำคัญของหลิงหัวออกมาอย่างเฉยชา หลิงฉินได้ยินคำพูดของหลิงหลาน ใบหน้าก็เต็มไปด้วยความตื่นเต้น ที่แท้คุณชายหลานของเขาก็เปลี่ยนกลายเป็นคนที่ร้ายกาจขนาดนี้โดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว เจ้าบ้านหลิงเซียวมีผู้สืบทอดอย่างแท้จริงแล้ว ความรู้สึกเศร้าใจแล่นวาบเข้ามาในใจของหลิงฉินอย่างรวดเร็ว ถ้าหากคุณชายหลานเป็นคุณชายจริงๆ เช่นนั้นก็คงจะดีมาก!

หลิงอวี่ตระหนักขึ้นมาได้ฉับพลัน ที่แท้พวกการกระทำที่ดูเหมือนเด็กๆ ของคุณชายหลานมีเจตนาอื่นแฝงลึกอยู่ เขามองร่างเล็กที่ห้อยอยู่ด้านหลังหลิงหัว จับตัวหลิงหัวเอาไว้แน่นๆ แววตาของเขาก็ส่องประกายพราวพร่าง

คุณชายหลานชาญฉลาดเยือกเย็นขนาดนี้ สมภาคภูมิกับที่เป็นผู้นำตระกูลของพวกเขา อายุเพิ่งจะหกขวบก็ร้ายกาจกว่าพวกเขาแล้ว เขาเชื่อว่าต่อไปหลิงหลานจะต้องเก่งกาจมากยิ่งขึ้น หลิงอวี่รู้สึกเคารพเลื่อมใสโดยไม่รู้ตัว เวลานี้เอง เขาเห็นหลิงหลานเป็นเจ้านายที่เขาปวารณาตัวรับใช้ด้วยความซื่อสัตย์อย่างแท้จริง ด้วยเหตุนี้เขาจึงเต็มใจมอบชีวิตให้

“ที่แท้ คุณแตะหุ่นรบของพวกเราสองตัวก็เพื่อจะตรวจสอบร่องรอยการต่อสู้บนหุ่นรบสินะ” ตอนนี้หลิงหัวเข้าใจจุดที่เขาเผยพิรุธแล้ว ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกเสียใจภายหลังอย่างหาใดเปรียบ

เขาถูกหลิงหลานหลอกไปแล้ว คิดว่าเขาเป็นแค่เด็กน้อย ต่อให้ฉลาดอีกแค่ไหนก็ไม่สามารถมองแผนการของเขาออกได้ ไม่นึกเลยว่าอีกฝ่ายจะเป็นสัตว์ประหลาดถึงขั้นนี้ ตั้งแต่ที่พวกเขาพบกัน เขาไม่เพียงตบตาอีกฝ่ายไม่ได้ ทว่ายังเข้าไปสู่แผนการที่อีกฝ่ายตั้งใจวางเอาไว้โดยไม่ทันรู้ตัว

ความจริงแล้ว ตอนแรกหลิงหลานไม่แน่ใจว่าใครทรยศ ดังนั้นเธอถึงได้วางแผนเอาปืนพกเลเซอร์ของหลิงหัวกับหลิงอวี่มาเพื่อรับประกันความปลอดภัยของตัวเองกับหลิงฉิน จากนั้นก็แสร้งทำเป็นหลงใหลหุ่นรบ ในขณะที่เธอแตะผิวนอกของหุ่นรบก็ฉวยโอกาสตรวจสอบภายนอกของหุ่นรบไปด้วย ดังนั้นเธอถึงได้คาดเดาเป้าหมายได้แน่นอน

หลิงหัวยิ้มขื่น ถ้าหากเขาเห็นหลิงหลานเป็นคู่ต่อสู้ในระดับเดียวกับตนเองตั้งแต่แรก เขาไม่มีทางให้หลิงหลานมีโอกาสเข้าใกล้หุ่นรบของเขา มองคำลวงของเขาออก และยิ่งไม่มีทางพ่ายแพ้อย่างน่าสังเวชขนาดนี้

“คุณไม่คิดว่าสาเหตุเป็นเพราะความสามารถของผมแข็งแกร่งเลยหรือไง หัวหน้าทีมย่อมเก่งกาจกว่าลูกทีมอยู่แล้ว” หลิงหัวเอ่ยถามขึ้นอีกโดยไม่ยอมแพ้

หลิงหลานเงียบไปสักพัก จากนั้นก็ค่อยพูดด้วยความเสียใจว่า “ความจริงแล้ว ฉันเองก็อยากคิดแบบนั้น ฉันหวังจริงๆ ว่าผู้คุ้มกันของตระกูลหลิงจะไม่มีวันทรยศตระกูลหลิง ทรยศฉัน…แต่ นายกลับลืมจุดสำคัญที่สุดไป กฎประจำตระกูลที่สำคัญที่สุดของตระกูลหลิงเรา”

เสียงของหลิงหลานเบาหวิว ทว่ากลับดังสนั่นอยู่ข้างหูของหลิงหัวราวกับสายฟ้าขนาดยักษ์ “ตอนที่เรายังมีพลัง เราไม่อาจทอดทิ้งสมาชิกในครอบครัวตัวเองได้ หลิงหัว ผู้คุ้มกันของตระกูลหลิงไม่จำเป็นต้องขายชีวิตของเขาในตอนที่ยังไม่ได้ยอมรับผู้นำตระกูลคนปัจจุบันจริงๆ ดังนั้น ฉันจึงไม่สงสัยความจงรักภักดีของหลิงอวี่ เนื่องจากหุ่นรบของเขามีร่องรอยของเลเซอร์อยู่หลายจุด จนเกือบจะทะลุห้องคนขับของเขา นี่ก็หมายความว่า เขาเกือบจะตายตรงนั้น เขาทำเรื่องที่เขาสามารถทำได้ทุกอย่างแล้ว…” หลิงอวี่ได้ยินคำพูดนี้ ความร้อนก็ไหลนองขึ้นในหัวใจเขา ขอบตาฉ่ำรื้นขึ้นมาทันที

“แต่นายไม่เหมือนกัน หุ่นรบของนายไม่มีร่องรอยความเสียหายสักนิดเดียว นั่นก็หมายความว่าสถานการณ์ในตอนนั้นนายยังคงจัดการได้อย่างง่ายดาย ถึงแม้ว่าฉันจะไม่ได้การยอมรับจากนาย แต่ฉันก็ยังเป็นหนึ่งในสมาชิกของตระกูลหลิง ยังคงเป็นคนในครอบครัวของนาย แต่นายกลับทอดทิ้งฉันในสถานการณ์แบบนั้น การกระทำแบบนี้หมายความว่ายังไง”

หลิงหัวพูดไม่ออก ที่แท้เขาเปิดเผยความคิดของตัวเองออกมาทั้งหมดโดยไม่ได้ตั้งใจ เขาดูถูกหลิงหลานที่มีอายุแค่หกขวบตรงหน้ามากเกินไป เขานึกเสียใจอยู่รางๆ ถ้าหากรู้แต่แรกว่าหลิงหลานชาญฉลาดแบบนี้ เขาน่าจะคุ้มครองหลิงหลานด้วยความซื่อสัตย์ ไม่ไปรับการล่อลวงเสี่ยงทำเรื่องอันตรายอย่างใหญ่หลวงนี้ บางทีลูกของเขาอาจจะยังได้รับการอบรมสั่งสอนที่ดีที่สุดจากตระกูลหลิงเนื่องจากการทุ่มเททำงานอย่างสุดความสามารถของเขา….

“คุณชายหลาน ผมเสียใจมาก ถ้ารู้แต่แรกว่าคุณเป็นเด็กที่ฉลาดแบบนี้ ผมก็คงไม่รับคำล่อลวงของฝ่ายตรงข้ามให้มาทรยศคุณ น่าเสียดายที่มันสายไปแล้ว ผมไม่กล้าขอให้คุณยกโทษให้ หวังแค่เพียงคุณจะไม่ระบายความโกรธกับลูกและคนในครอบครัวผม นี่เป็นความผิดของผมคนเดียว” หลิงหัวถอนหายใจเบาๆ กล่าวด้วยสีหน้านอบน้อมจริงใจ ยากจะปกปิดความเสียใจที่อยู่ในแววตาได้

หลิงหลานตอบด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ว่า “ฉันไม่เคยระบายความโกรธใส่คนอื่น”

“ขอบคุณคุณชายหลาน!” เสียงขอบคุณของหลิงหัวเพิ่งจะดังขึ้นมา ทันใดนั้นเองก็เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น มือซ้ายของเขาคว้ามือของหลิงหลานที่ล็อกคอของเขาอยู่ ส่วนมือขวาก็เสือกขึ้นมาอย่างรุนแรง เป้าหมายของกริชคือข้อมือข้างขวาของหลิงหลาน ปืนเลเซอร์ที่จ่อข้างศีรษะเขาคือสิ่งที่อันตรายต่อเขามากที่สุด เขาต้องฉวยโอกาสจัดการภัยร้ายที่แฝงเร้นนี้ในตอนที่หลิงหลานไม่ได้ตั้งตัว

แต่แล้วเขาก็รู้สึกถึงความร้อนแผดเผาที่วาบเข้ามาในศีรษะของตัวเอง หลังจากนั้นก็เป็นความว่างเปล่าอย่างไร้ขอบเขต…มือขวาของเขาไม่รู้สึกอะไรแล้ว ลงมือพลาดไป? ทำไมมือซ้ายของเขาถึงคว้ามือเล็กๆ ที่อยู่ตรงหน้าลำคอของเขาไม่ถึง

หลังจากนั้นเขาก็เห็นภาพที่อยู่ในสายตาของเขาเปลี่ยนไปเช่นกัน จากหุ่นรบสามตัวเปลี่ยนเป็นสีฟ้าที่ไม่มีที่สิ้นสุด…นี่คือความรู้สึกสุดท้ายของเขา

“หัวหน้า!” เสียงตะโกนโหยหวนดังออกมาจากในหุ่นรบสามตัว

หลังจากนั้นหุ่นรบสามตัวก็เหนี่ยวไกปืนที่อยู่ในมืออย่างเด็ดขาด…

หลิงฉินกับหลิงอวี่พุ่งไปหาหลิงหลานด้วยความตื่นตระหนก อยากจะบังหลิงหลานก่อนที่เลเซอร์จะโจมตีมา

มีเพียงหลิงหลานเท่านั้นที่มองหุ่นรบสามตัวนั้นด้วยความเย็นชาโดยไม่หลบสักนิดเดียว

หลิงฉินกับหลิงอวี่โถมตัวพาหลิงหลานล้มลงไปกับพื้นอย่างรุนแรง ทั้งสองคนใช้ร่างกายของตัวเองกำบังหลิงหลานไว้อย่างแน่นหนา แทบจะทำให้หลิงหลานอึดอัดตาย

หลิงหลานกล่าวด้วยความจนใจว่า “คุณปู่หลิงฉิน แล้วก็หลิงอวี่ พวกคุณใกล้จะทับฉันจนตายแล้วนะ ลุกขึ้นมาคุยกันก่อนได้ไหม”

หลิงฉินพูดด้วยความโมโหว่า “คุณซ่อนตัวไว้ให้ดี ต่อให้พวกเราตายไป คุณก็ตายไม่ได้เด็ดขาด คุณเป็นความหวังของตระกูลหลิงเรานะครับ”

หลิงอวี่พยักหน้าสุดชีวิต “ผมเป็นผู้คุ้มกันของคุณชาย ตายเพื่อคุณคือหน้าที่และเกียรติยศของผมครับ” เขากล่าวจบก็ยังไม่ลืมกดศีรษะของหลิงหลานลงไปอีกครั้ง กลัวว่าหลิงหลานจะไม่ระวังถูกเลเซอร์ที่ยิงมาถี่ๆ โจมตีใส่ หลิงอวี่แปลกใจมากว่าตัวเองมีชีวิตรอดภายใต้การโจมตีของปืนเลเซอร์สามกระบอกนานขนาดนี้ได้อย่างไร แถมยังมีเวลาตอบคำพูดของคุณชายหลานด้วย

หลิงหลานอดทนไม่ไหวอีกแล้ว เขากลอกตาแรงๆ เอ่ยว่า “พวกคุณไม่รู้สึกตัวเลยหรือไงว่าไม่เจ็บสักนิดเดียว”

หลิงฉินอึ้งไป ใช่แล้ว ทำไมถึงไม่รู้สึกเจ็บเลยล่ะ หรือว่าทั่วทั้งร่างกายถูกยิงจนพรุน ก็เลยไม่รู้สึกเจ็บแล้ว? เขาย่อมรู้ว่านี่เป็นไปไม่ได้แน่นอน มีความเป็นไปได้เพียงอย่างเดียวก็คืออีกฝ่ายไม่ได้โจมตีมา….

หลิงอวี่เองก็เข้าใจแล้วเช่นกัน พวกเขาหันหน้าไปมองก็เห็นหุ่นรบสามตัวนั้นยืนอยู่ตรงนั้นและยังคงรักษาท่วงท่าโจมตีไว้ ไม่ขยับเขยื้อนสักนิดเดียว ราวกับว่าถูกล็อกร่างกายไว้ก็ไม่ปาน

เมื่อพวกเขามองไปที่ตรงกลางของหุ่นรบก็เข้าใจทันที ที่แท้ห้องคนขับของหุ่นรบสามตัวนั้นหายไปตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ เหลือเพียงโพรงว่างเปล่าใหญ่ๆ สามรู

ห้องคนขับของหุ่นรบสามตัวนั้นกำลังกระจายร่วงลงมาไม่ไกลจากหุ่นรบ เวลานี้เองสัญญาณขอความช่วยเหลือก็กำลังเปล่งแสง ห้องคนขับทั้งสามแห่งถูกตั้งเป็นโหมดขอความช่วยเหลือบนอวกาศ คนด้านในเปิดออกมาเองไม่ได้

ดูทรงแล้ว ห้องคนขับสามแห่งนั้นถูกหุ่นรบตั้งค่าเป็นโหมดขอความช่วยเหลือและเด้งตัวออกมาอัตโนมัติ ตอนนี้พวกเขากลายเป็นลูกไก่ในกำมือแล้ว

หลิงฉินกับหลิงอวี่เห็นแบบนี้ก็ตื่นเต้นดีใจมาก พวกเขาลุกขึ้นมาอย่างรวดเร็วก่อนจะดึงหลิงหลานขึ้นมา หลังจากนั้นหลิงอวี่ก็วิ่งไปตรวจสอบห้องคนขับสามแห่งนั้น เขาต้องมั่นใจก่อนว่าอีกฝ่ายถูกล็อกอยู่ด้านในออกมาไม่ได้จริงๆ ถึงอย่างไรบนตัวพวกเขาก็มีอาวุธอยู่ เขาไม่สามารถประมาทเลินเล่อได้แม้แต่น้อย

ส่วนหลิงฉินก็เดินไปที่ตรงหน้าศพของหลิงหัว ดวงหน้าเขาดูโศกเศร้าเสียใจ หลิงหัวเป็นผู้รับช่วงต่อที่เขาอบรมสั่งสอนมากับมือ ทุกด้านล้วนโดดเด่นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นความสามารถหรือเสน่ห์ดึงดูดต่างเหนือกว่าคนอื่นขั้นหนึ่ง เนื่องจากหลายปีมานี้หลิงฉินค่อยๆ ปล่อยวางอำนาจ หลิงหัวจึงค่อยๆ ได้รับความไว้ใจจากผู้คุ้มกันของตระกูลหลิง ยอมรับช้าๆ ว่าเขาจะกลายเป็นหัวหน้าคนถัดไปของผู้คุ้มกันของตระกูลหลิง

เดิมทีหลิงฉินวางแผนไว้ว่า ขอเพียงหลิงหัวยอมรับหลิงหลานแล้ว เขาก็จะลงจากหน้าที่หัวหน้าผู้คุ้มกันของตระกูลหลิง และให้หลิงหัวรับหน้าที่ต่อ เขาเชื่อว่าขอเพียงหลิงหัวคุ้มครองหลิงหลานให้ดี เกียรติยศของตระกูลหลิงก็จะคงอยู่ต่อไป และเมื่อเขาตายไปก็ยังสามารถเผชิญหน้ากับเจ้าบ้านตระกูลหลิงสองรุ่นก่อนโดยไม่ต้องละอายใจ

แต่เขาไม่นึกเลยว่า ผู้สืบทอดที่เขาเลือกเฟ้นมาอย่างระมัดระวังจะทรยศพวกเขาได้ ทำให้เขาเจ็บปวดใจอย่างมากจนอดรู้สึกอกสั่นขวัญแขวนไม่ได้

หลิงหัว การล่อลวงอะไรที่ทำให้นายเลือกทรยศหลิงหลาน ทรยศตระกูลหลิง หรือว่าตระกูลหลิงยังมีคนแบบนายอยู่อีก?

………………………………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

I’M THE BOSS ลูกพี่หุ่นเทวะ 56 แผนการที่ต่างคนต่างก็วางไว้

Now you are reading I’M THE BOSS ลูกพี่หุ่นเทวะ Chapter 56 แผนการที่ต่างคนต่างก็วางไว้ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ทั้งสองฝ่ายประจันหน้ากันตกอยู่ในสภาพชะงักงัน ถึงแม้ว่าหุ่นรบสามตัวจะใช้ปืนเลเซอร์เล็งมาที่พวกหลิงหลานสามคน แต่เนื่องจากหลิงหัวตกอยู่ในมือของหลิงหลาน พวกเขาจึงไม่กล้าเหนี่ยวไกปืนจริงๆ เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้หลิงหลานลงมืออย่างโหดเหี้ยม

ถึงแม้ว่าหลิงฉินกับหลิงอวี่อยากจะขึ้นหน้าไปช่วยหลิงหลานคุมตัวหลิงหัวไว้ ทว่าหุ่นรบสามตัวรู้ดีว่าให้พวกเขาสามคนรวมตัวกันได้ย่อมไม่ใช่เรื่องดีแน่นอน เมื่อเห็นพวกเขาสองคนอยากขยับตัว ก็ใช้ปืนเลเซอร์ยิงไปที่ใต้เท้าของคนทั้งสอง เตือนว่าพวกเขาอย่าบุ่มบ่ามขยับไม่ดูตาม้าตาเรือ ไม่เช่นนั้นก็ยินดีตายตกกันไปข้างหนึ่ง

ทั้งสองฝ่ายต่างกังวลกันเอง ไม่กล้าขยับเขยื้อน…

“เพราะอะไร” สถานการณ์ที่หยุดชะงักทำให้หลิงหัวมีเวลาเอ่ยถามคำถามที่อยู่ในใจออกมา

“มีความเป็นไปได้เพียงอย่างเดียวที่สามารถทำให้ผู้คุ้มกันของตระกูลหลิงมาช่วยเหลือไม่ทัน นั่นก็คือถูกดักซุ่มโจมตีต่อสู้กันจนถึงตาย ฉันคิดว่านายน่าจะรู้ดี” นับตั้งแต่ที่หลิงหลานเริ่มถูกสอนให้เขียนอ่าน เธอก็เปิดอ่านตำราโบราณรวมไปถึงเอกสารทางประวัติศาสตร์ที่ตระกูลหลิงเก็บรักษามาอย่างเปิดเผย แน่นอนว่าเธอต้องรู้เรื่องราวของตระกูลหลิงที่เกี่ยวข้องกับการอบรมบ่มเพาะผู้คุ้มกันอยู่แล้ว ผู้คุ้มกันที่จงรักภักดีต่อตระกูลหลิงจะไม่มีทางเลือกออกห่างจากข้างกายเจ้าบ้านเองแน่นอน

ในสถานการณ์ที่เหมือนกับหลิงหัวว่าไว้แบบนี้ ผู้คุ้มกันของตระกูลหลิงจะเลือกต่อสู้กับศัตรูจนตัวตาย แต่จะไม่หลบหนีไป พวกเขาไม่มีทางให้เจ้าบ้านหลุดพ้นจากระยะสายตาของพวกเขาแน่นอน นอกเสียจากทุกคนจะถูกกำจัดเรียบไปแล้ว

หลิงหัวได้ยินคำพูดก็ยิ้มหยัน “คุณไม่รู้หรือไงว่าตระกูลหลิงยังมีกฎประจำตระกูลอีกข้อหนึ่ง เจ้าบ้านคนใหม่อยากได้รับการปกป้องคุ้มครองด้วยชีวิตจากผู้คุ้มกัน เขายังต้องได้รับการยอมรับจากพวกเราที่เป็นผู้คุ้มกันด้วย คุณชายหลานคิดว่าคุณทำได้แล้วเหรอ” มุมปากเขาเผยรอยยิ้มเหน็บแนมออกมา หลิงหลานคาดเดามั่วซั่วไม่ได้อิงตามความเป็นจริง มีความเป็นไปได้สูงว่านิสัยขี้ระแวงจะทำให้คนใกล้ชิดทรยศตีตัวออกห่าง ทำลายตระกูลหลิงทั้งตระกูล เขาเลือกไม่ผิดเลย เพียงแต่ทำไม่สำเร็จเท่านั้น

หลิงหัวถอนหายใจกล่าวว่า “คุณชายหลาน ครั้งนี้นับว่าคุณทำผิดพลาดได้ถูกต้อง” วันนี้เทพีแห่งความโชคดียืนอยู่ฝั่งหลิงหลาน เขาโชคร้ายมากเกินไป ทว่าเขาไม่อยากให้หลิงหลานลำพองใจก็เลยกล่าวต่อว่า “แต่นิสัยขี้ระแวง ไม่ยอมเชื่อใจคนรอบข้างแบบนี้ของคุณช่างน่าเหลือทนจริงๆ ต่อไปผู้คุ้มกันของตระกูลหลิงคนไหนจะกล้าใช้ชีวิตมาคุ้มครองคุณ บางทีคนต่อไปที่จะถูกคุณสงสัยอาจจะเป็นเขาก็ได้”

คำพูดของหลิงหัวทำให้หลิงฉินกับหลิงอวี่ที่อยู่ข้างกายเขาสีหน้าเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง หลิงฉินรู้ดีว่าหลิงหัวพูดแบบนี้ก็เพื่ออยากจะฝังเมล็ดพันธุ์แห่งความสงสัยไว้ในผู้คุ้มกันของตระกูลหลิง ทำให้พวกเขาไม่สามารถไว้ใจหลิงหลาน เขาอยากให้หลิงหลานไม่สามารถได้รับการยอมรับจากผู้คุ้มกันของตระกูลหลิงไปตลอดกาล…ทว่าหลิงอวี่กลับกังวลว่าเขาถูกหลิงหลานสงสัยเหมือนกันหรือเปล่า

หลิงหลานมองเห็นสีหน้าของหลิงฉินกับหลิงอวี่ที่เปลี่ยนไปได้อย่างชัดเจนมาก การควบคุมสังเกตการณ์ทั่วทุกด้านของเสี่ยวซื่อยอมเยี่ยมมาก ไม่ว่าจะเป็นการเคลื่อนไหวเล็กๆ ของใครก็ไม่อาจรอดพ้นไปได้ รวมไปถึงกริชในมือของหลิงหัวที่เลื่อนลงจากในแขนเสื้อของเขาอย่างเงียบเชียบ

หลิงหลานเตรียมป้องกันอย่างลับๆ ในปากก็เอ่ยด้วยรอยยิ้มหยันว่า “ทำผิดพลาดได้ถูกต้อง? ถ้าหุ่นรบของนายมีรอยไหม้บ้างสักนิด บางทีฉันอาจจะสงสัยการคาดเดาของตัวเอง…แต่น่าเสียดาย นายลืมไปเล่นลูกไม้ตรงจุดที่ควรทำ นายควรจะเปรียบเทียบกับหุ่นรบของหลิงอวี่ เพิ่มร่องรอยถูกเลเซอร์ยิงใส่นับไม่ถ้วนให้กับหุ่นรบของตัวเอง บางทีแบบนี้อาจจะพิสูจน์คำพูดของนายได้ว่าฉันเป็นคนขี้ระแวงจริงๆ”

หลิงหลานพูดข้อผิดพลาดที่สำคัญของหลิงหัวออกมาอย่างเฉยชา หลิงฉินได้ยินคำพูดของหลิงหลาน ใบหน้าก็เต็มไปด้วยความตื่นเต้น ที่แท้คุณชายหลานของเขาก็เปลี่ยนกลายเป็นคนที่ร้ายกาจขนาดนี้โดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว เจ้าบ้านหลิงเซียวมีผู้สืบทอดอย่างแท้จริงแล้ว ความรู้สึกเศร้าใจแล่นวาบเข้ามาในใจของหลิงฉินอย่างรวดเร็ว ถ้าหากคุณชายหลานเป็นคุณชายจริงๆ เช่นนั้นก็คงจะดีมาก!

หลิงอวี่ตระหนักขึ้นมาได้ฉับพลัน ที่แท้พวกการกระทำที่ดูเหมือนเด็กๆ ของคุณชายหลานมีเจตนาอื่นแฝงลึกอยู่ เขามองร่างเล็กที่ห้อยอยู่ด้านหลังหลิงหัว จับตัวหลิงหัวเอาไว้แน่นๆ แววตาของเขาก็ส่องประกายพราวพร่าง

คุณชายหลานชาญฉลาดเยือกเย็นขนาดนี้ สมภาคภูมิกับที่เป็นผู้นำตระกูลของพวกเขา อายุเพิ่งจะหกขวบก็ร้ายกาจกว่าพวกเขาแล้ว เขาเชื่อว่าต่อไปหลิงหลานจะต้องเก่งกาจมากยิ่งขึ้น หลิงอวี่รู้สึกเคารพเลื่อมใสโดยไม่รู้ตัว เวลานี้เอง เขาเห็นหลิงหลานเป็นเจ้านายที่เขาปวารณาตัวรับใช้ด้วยความซื่อสัตย์อย่างแท้จริง ด้วยเหตุนี้เขาจึงเต็มใจมอบชีวิตให้

“ที่แท้ คุณแตะหุ่นรบของพวกเราสองตัวก็เพื่อจะตรวจสอบร่องรอยการต่อสู้บนหุ่นรบสินะ” ตอนนี้หลิงหัวเข้าใจจุดที่เขาเผยพิรุธแล้ว ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกเสียใจภายหลังอย่างหาใดเปรียบ

เขาถูกหลิงหลานหลอกไปแล้ว คิดว่าเขาเป็นแค่เด็กน้อย ต่อให้ฉลาดอีกแค่ไหนก็ไม่สามารถมองแผนการของเขาออกได้ ไม่นึกเลยว่าอีกฝ่ายจะเป็นสัตว์ประหลาดถึงขั้นนี้ ตั้งแต่ที่พวกเขาพบกัน เขาไม่เพียงตบตาอีกฝ่ายไม่ได้ ทว่ายังเข้าไปสู่แผนการที่อีกฝ่ายตั้งใจวางเอาไว้โดยไม่ทันรู้ตัว

ความจริงแล้ว ตอนแรกหลิงหลานไม่แน่ใจว่าใครทรยศ ดังนั้นเธอถึงได้วางแผนเอาปืนพกเลเซอร์ของหลิงหัวกับหลิงอวี่มาเพื่อรับประกันความปลอดภัยของตัวเองกับหลิงฉิน จากนั้นก็แสร้งทำเป็นหลงใหลหุ่นรบ ในขณะที่เธอแตะผิวนอกของหุ่นรบก็ฉวยโอกาสตรวจสอบภายนอกของหุ่นรบไปด้วย ดังนั้นเธอถึงได้คาดเดาเป้าหมายได้แน่นอน

หลิงหัวยิ้มขื่น ถ้าหากเขาเห็นหลิงหลานเป็นคู่ต่อสู้ในระดับเดียวกับตนเองตั้งแต่แรก เขาไม่มีทางให้หลิงหลานมีโอกาสเข้าใกล้หุ่นรบของเขา มองคำลวงของเขาออก และยิ่งไม่มีทางพ่ายแพ้อย่างน่าสังเวชขนาดนี้

“คุณไม่คิดว่าสาเหตุเป็นเพราะความสามารถของผมแข็งแกร่งเลยหรือไง หัวหน้าทีมย่อมเก่งกาจกว่าลูกทีมอยู่แล้ว” หลิงหัวเอ่ยถามขึ้นอีกโดยไม่ยอมแพ้

หลิงหลานเงียบไปสักพัก จากนั้นก็ค่อยพูดด้วยความเสียใจว่า “ความจริงแล้ว ฉันเองก็อยากคิดแบบนั้น ฉันหวังจริงๆ ว่าผู้คุ้มกันของตระกูลหลิงจะไม่มีวันทรยศตระกูลหลิง ทรยศฉัน…แต่ นายกลับลืมจุดสำคัญที่สุดไป กฎประจำตระกูลที่สำคัญที่สุดของตระกูลหลิงเรา”

เสียงของหลิงหลานเบาหวิว ทว่ากลับดังสนั่นอยู่ข้างหูของหลิงหัวราวกับสายฟ้าขนาดยักษ์ “ตอนที่เรายังมีพลัง เราไม่อาจทอดทิ้งสมาชิกในครอบครัวตัวเองได้ หลิงหัว ผู้คุ้มกันของตระกูลหลิงไม่จำเป็นต้องขายชีวิตของเขาในตอนที่ยังไม่ได้ยอมรับผู้นำตระกูลคนปัจจุบันจริงๆ ดังนั้น ฉันจึงไม่สงสัยความจงรักภักดีของหลิงอวี่ เนื่องจากหุ่นรบของเขามีร่องรอยของเลเซอร์อยู่หลายจุด จนเกือบจะทะลุห้องคนขับของเขา นี่ก็หมายความว่า เขาเกือบจะตายตรงนั้น เขาทำเรื่องที่เขาสามารถทำได้ทุกอย่างแล้ว…” หลิงอวี่ได้ยินคำพูดนี้ ความร้อนก็ไหลนองขึ้นในหัวใจเขา ขอบตาฉ่ำรื้นขึ้นมาทันที

“แต่นายไม่เหมือนกัน หุ่นรบของนายไม่มีร่องรอยความเสียหายสักนิดเดียว นั่นก็หมายความว่าสถานการณ์ในตอนนั้นนายยังคงจัดการได้อย่างง่ายดาย ถึงแม้ว่าฉันจะไม่ได้การยอมรับจากนาย แต่ฉันก็ยังเป็นหนึ่งในสมาชิกของตระกูลหลิง ยังคงเป็นคนในครอบครัวของนาย แต่นายกลับทอดทิ้งฉันในสถานการณ์แบบนั้น การกระทำแบบนี้หมายความว่ายังไง”

หลิงหัวพูดไม่ออก ที่แท้เขาเปิดเผยความคิดของตัวเองออกมาทั้งหมดโดยไม่ได้ตั้งใจ เขาดูถูกหลิงหลานที่มีอายุแค่หกขวบตรงหน้ามากเกินไป เขานึกเสียใจอยู่รางๆ ถ้าหากรู้แต่แรกว่าหลิงหลานชาญฉลาดแบบนี้ เขาน่าจะคุ้มครองหลิงหลานด้วยความซื่อสัตย์ ไม่ไปรับการล่อลวงเสี่ยงทำเรื่องอันตรายอย่างใหญ่หลวงนี้ บางทีลูกของเขาอาจจะยังได้รับการอบรมสั่งสอนที่ดีที่สุดจากตระกูลหลิงเนื่องจากการทุ่มเททำงานอย่างสุดความสามารถของเขา….

“คุณชายหลาน ผมเสียใจมาก ถ้ารู้แต่แรกว่าคุณเป็นเด็กที่ฉลาดแบบนี้ ผมก็คงไม่รับคำล่อลวงของฝ่ายตรงข้ามให้มาทรยศคุณ น่าเสียดายที่มันสายไปแล้ว ผมไม่กล้าขอให้คุณยกโทษให้ หวังแค่เพียงคุณจะไม่ระบายความโกรธกับลูกและคนในครอบครัวผม นี่เป็นความผิดของผมคนเดียว” หลิงหัวถอนหายใจเบาๆ กล่าวด้วยสีหน้านอบน้อมจริงใจ ยากจะปกปิดความเสียใจที่อยู่ในแววตาได้

หลิงหลานตอบด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ว่า “ฉันไม่เคยระบายความโกรธใส่คนอื่น”

“ขอบคุณคุณชายหลาน!” เสียงขอบคุณของหลิงหัวเพิ่งจะดังขึ้นมา ทันใดนั้นเองก็เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น มือซ้ายของเขาคว้ามือของหลิงหลานที่ล็อกคอของเขาอยู่ ส่วนมือขวาก็เสือกขึ้นมาอย่างรุนแรง เป้าหมายของกริชคือข้อมือข้างขวาของหลิงหลาน ปืนเลเซอร์ที่จ่อข้างศีรษะเขาคือสิ่งที่อันตรายต่อเขามากที่สุด เขาต้องฉวยโอกาสจัดการภัยร้ายที่แฝงเร้นนี้ในตอนที่หลิงหลานไม่ได้ตั้งตัว

แต่แล้วเขาก็รู้สึกถึงความร้อนแผดเผาที่วาบเข้ามาในศีรษะของตัวเอง หลังจากนั้นก็เป็นความว่างเปล่าอย่างไร้ขอบเขต…มือขวาของเขาไม่รู้สึกอะไรแล้ว ลงมือพลาดไป? ทำไมมือซ้ายของเขาถึงคว้ามือเล็กๆ ที่อยู่ตรงหน้าลำคอของเขาไม่ถึง

หลังจากนั้นเขาก็เห็นภาพที่อยู่ในสายตาของเขาเปลี่ยนไปเช่นกัน จากหุ่นรบสามตัวเปลี่ยนเป็นสีฟ้าที่ไม่มีที่สิ้นสุด…นี่คือความรู้สึกสุดท้ายของเขา

“หัวหน้า!” เสียงตะโกนโหยหวนดังออกมาจากในหุ่นรบสามตัว

หลังจากนั้นหุ่นรบสามตัวก็เหนี่ยวไกปืนที่อยู่ในมืออย่างเด็ดขาด…

หลิงฉินกับหลิงอวี่พุ่งไปหาหลิงหลานด้วยความตื่นตระหนก อยากจะบังหลิงหลานก่อนที่เลเซอร์จะโจมตีมา

มีเพียงหลิงหลานเท่านั้นที่มองหุ่นรบสามตัวนั้นด้วยความเย็นชาโดยไม่หลบสักนิดเดียว

หลิงฉินกับหลิงอวี่โถมตัวพาหลิงหลานล้มลงไปกับพื้นอย่างรุนแรง ทั้งสองคนใช้ร่างกายของตัวเองกำบังหลิงหลานไว้อย่างแน่นหนา แทบจะทำให้หลิงหลานอึดอัดตาย

หลิงหลานกล่าวด้วยความจนใจว่า “คุณปู่หลิงฉิน แล้วก็หลิงอวี่ พวกคุณใกล้จะทับฉันจนตายแล้วนะ ลุกขึ้นมาคุยกันก่อนได้ไหม”

หลิงฉินพูดด้วยความโมโหว่า “คุณซ่อนตัวไว้ให้ดี ต่อให้พวกเราตายไป คุณก็ตายไม่ได้เด็ดขาด คุณเป็นความหวังของตระกูลหลิงเรานะครับ”

หลิงอวี่พยักหน้าสุดชีวิต “ผมเป็นผู้คุ้มกันของคุณชาย ตายเพื่อคุณคือหน้าที่และเกียรติยศของผมครับ” เขากล่าวจบก็ยังไม่ลืมกดศีรษะของหลิงหลานลงไปอีกครั้ง กลัวว่าหลิงหลานจะไม่ระวังถูกเลเซอร์ที่ยิงมาถี่ๆ โจมตีใส่ หลิงอวี่แปลกใจมากว่าตัวเองมีชีวิตรอดภายใต้การโจมตีของปืนเลเซอร์สามกระบอกนานขนาดนี้ได้อย่างไร แถมยังมีเวลาตอบคำพูดของคุณชายหลานด้วย

หลิงหลานอดทนไม่ไหวอีกแล้ว เขากลอกตาแรงๆ เอ่ยว่า “พวกคุณไม่รู้สึกตัวเลยหรือไงว่าไม่เจ็บสักนิดเดียว”

หลิงฉินอึ้งไป ใช่แล้ว ทำไมถึงไม่รู้สึกเจ็บเลยล่ะ หรือว่าทั่วทั้งร่างกายถูกยิงจนพรุน ก็เลยไม่รู้สึกเจ็บแล้ว? เขาย่อมรู้ว่านี่เป็นไปไม่ได้แน่นอน มีความเป็นไปได้เพียงอย่างเดียวก็คืออีกฝ่ายไม่ได้โจมตีมา….

หลิงอวี่เองก็เข้าใจแล้วเช่นกัน พวกเขาหันหน้าไปมองก็เห็นหุ่นรบสามตัวนั้นยืนอยู่ตรงนั้นและยังคงรักษาท่วงท่าโจมตีไว้ ไม่ขยับเขยื้อนสักนิดเดียว ราวกับว่าถูกล็อกร่างกายไว้ก็ไม่ปาน

เมื่อพวกเขามองไปที่ตรงกลางของหุ่นรบก็เข้าใจทันที ที่แท้ห้องคนขับของหุ่นรบสามตัวนั้นหายไปตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ เหลือเพียงโพรงว่างเปล่าใหญ่ๆ สามรู

ห้องคนขับของหุ่นรบสามตัวนั้นกำลังกระจายร่วงลงมาไม่ไกลจากหุ่นรบ เวลานี้เองสัญญาณขอความช่วยเหลือก็กำลังเปล่งแสง ห้องคนขับทั้งสามแห่งถูกตั้งเป็นโหมดขอความช่วยเหลือบนอวกาศ คนด้านในเปิดออกมาเองไม่ได้

ดูทรงแล้ว ห้องคนขับสามแห่งนั้นถูกหุ่นรบตั้งค่าเป็นโหมดขอความช่วยเหลือและเด้งตัวออกมาอัตโนมัติ ตอนนี้พวกเขากลายเป็นลูกไก่ในกำมือแล้ว

หลิงฉินกับหลิงอวี่เห็นแบบนี้ก็ตื่นเต้นดีใจมาก พวกเขาลุกขึ้นมาอย่างรวดเร็วก่อนจะดึงหลิงหลานขึ้นมา หลังจากนั้นหลิงอวี่ก็วิ่งไปตรวจสอบห้องคนขับสามแห่งนั้น เขาต้องมั่นใจก่อนว่าอีกฝ่ายถูกล็อกอยู่ด้านในออกมาไม่ได้จริงๆ ถึงอย่างไรบนตัวพวกเขาก็มีอาวุธอยู่ เขาไม่สามารถประมาทเลินเล่อได้แม้แต่น้อย

ส่วนหลิงฉินก็เดินไปที่ตรงหน้าศพของหลิงหัว ดวงหน้าเขาดูโศกเศร้าเสียใจ หลิงหัวเป็นผู้รับช่วงต่อที่เขาอบรมสั่งสอนมากับมือ ทุกด้านล้วนโดดเด่นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นความสามารถหรือเสน่ห์ดึงดูดต่างเหนือกว่าคนอื่นขั้นหนึ่ง เนื่องจากหลายปีมานี้หลิงฉินค่อยๆ ปล่อยวางอำนาจ หลิงหัวจึงค่อยๆ ได้รับความไว้ใจจากผู้คุ้มกันของตระกูลหลิง ยอมรับช้าๆ ว่าเขาจะกลายเป็นหัวหน้าคนถัดไปของผู้คุ้มกันของตระกูลหลิง

เดิมทีหลิงฉินวางแผนไว้ว่า ขอเพียงหลิงหัวยอมรับหลิงหลานแล้ว เขาก็จะลงจากหน้าที่หัวหน้าผู้คุ้มกันของตระกูลหลิง และให้หลิงหัวรับหน้าที่ต่อ เขาเชื่อว่าขอเพียงหลิงหัวคุ้มครองหลิงหลานให้ดี เกียรติยศของตระกูลหลิงก็จะคงอยู่ต่อไป และเมื่อเขาตายไปก็ยังสามารถเผชิญหน้ากับเจ้าบ้านตระกูลหลิงสองรุ่นก่อนโดยไม่ต้องละอายใจ

แต่เขาไม่นึกเลยว่า ผู้สืบทอดที่เขาเลือกเฟ้นมาอย่างระมัดระวังจะทรยศพวกเขาได้ ทำให้เขาเจ็บปวดใจอย่างมากจนอดรู้สึกอกสั่นขวัญแขวนไม่ได้

หลิงหัว การล่อลวงอะไรที่ทำให้นายเลือกทรยศหลิงหลาน ทรยศตระกูลหลิง หรือว่าตระกูลหลิงยังมีคนแบบนายอยู่อีก?

………………………………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+