I’M THE BOSS ลูกพี่หุ่นเทวะ 309 ระดับ SSS!

Now you are reading I’M THE BOSS ลูกพี่หุ่นเทวะ Chapter 309 ระดับ SSS! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

หลิงหลานไม่มีทางเลือกจริงๆ ได้แต่เอ่ยปากออกไปตรงๆ ว่า “เจ้าเมืองหลัวอี้ซวน ผมมารับภารกิจตั้งหน่วยรบ พวกเราอย่าอ้อมไปอ้อมมาสิ้นเปลืองเวลาของทั้งสองฝ่ายอีกเลยครับ”

เจ้าเมืองหลัวอี้ซวนได้ยินหลิงหลานเรียกชื่อของเขาออกมาโดยตรงก็รู้ว่าตัวเองถูกอีกฝ่ายมองออกแล้วแน่นอน เพราะว่าข้อมูลของเขาต่อคนภายนอกคือเจ้าเมืองของเมืองหงหยาง ชื่อนามสกุลไม่ได้ถูกแสดงขึ้นมา มีความเป็นไปได้สูงว่าอีกฝ่ายค้นหาสิ่งที่แสดงตัวตนที่แท้จริงของเขาเจอแล้ว นี่ก็หมายความว่าเขาไม่อาจไม่มอบภารกิจก่อตั้งหน่วยรบได้

แต่เขาก็ไม่อยากให้ไอ้เด็กอวดดีที่ไม่รู้จักมารยาทคนนี้สะดวกสบายแบบนี้ เขาผุดความคิดหนึ่ง ก่อนจะวางวงล้อหมุนออกมาอันหนึ่ง เอ่ยอย่างเย็นชาว่า “ฉันให้ภารกิจกับเธอก็ได้ แต่ว่าจะรับภารกิจได้หรือไม่ ก็ต้องดูที่โชคของตัวเธอแล้ว”

หลิงหลานมองไปยังวงล้อหมุนที่ดูคุ้นเคยอีกครั้ง เพียงแต่สิ่งที่ทำเครื่องหมายอยู่ด้านในไม่ใช่หุ่นรบประเภทต่างๆ อีกต่อไป หากแต่เป็นตัวเลือกภารกิจก่อตั้งหน่วยรบ มากกว่าครึ่งต่างเป็นคำว่าล้มเหลว ก็รู้ว่านี่ย่อมเป็นฝีมือของเจ้าเมืองหลัวอี้ซวน เธอนึกถึงหุ่นรบกระต่ายที่หมุนได้สองครั้งก็อดรู้สึกประหม่าในใจไม่ได้ ถ้าเกิดเธอโชคร้ายล่ะ…

หลิงหลานไม่ได้กังวลเรื่องหมุนได้คำว่าล้มเหลว เพราะว่าถ้าหากล้มเหลวขึ้นมา รอไปอีกหนึ่งอาทิตย์ก็สามารถรับภารกิจต่อได้แล้ว เธอเหลือบมองภารกิจระดับ SSS ที่น่าสยองในวงล้อหมุนขนาดใหญ่ก่อนจะอดลอบกลืนน้ำลายหนึ่งอึกไม่ได้ แม่งเอ๊ย ถ้าเกิดหมุนได้อันนี้ละก็ มันย่อมน่าสลดกว่าล้มเหลวแน่นอน จากที่เธอรู้มาภารกิจระดับ SSS ยังไม่มีใครเคยทำสำเร็จมาก่อน…เธอไม่อยากเสียเวลาทั้งชีวิตกับภารกิจนี้หรอกนะ

“ว่าไง? ถ้ากลัวเธอก็เลือกยอมแพ้ได้ทันทีแล้วรอมาใหม่อีกทีอาทิตย์หน้าละกัน” เจ้าเมืองหลัวอี้ซวนเอามือสองข้างกอดอก เอ่ยอย่างเย็นชา

แม่งเอ๊ย โชคของเธอคงไม่แย่แบบนี้ไปตลอดหรอกน่า! หลิงหลานไม่มีทางเลือกยอมแพ้เองอยู่แล้ว เธอกดคันจับของวงล้อหมุนโดยไม่ลังเล จากนั้นก็เห็นวงล้อเริ่มทำการหมุนอย่างรวดเร็ว หลิงหลานเม้มริมฝีปากแน่น ในใจภาวนาว่าภารกิจระดับ SSS อย่ามาจริงๆ นะ…ในที่สุดวงล้อหมุนก็หยุดลง

หลิงหลานมองมือของตัวเองทันที มือของเธอขาวเนียนชัดเจนขนาดนี้ ทำไมโชคถึงได้ดำมืดขนาดนั้นล่ะ ถึงขนาดที่เธอเริ่มแอบแค้นเคืองตัวเองที่คิดถึงภารกิจระดับ SSS อะไรนั่นตอนที่หมุนวงล้อ ไม่รู้หรือไงว่ายิ่งไม่อยากได้อะไร มันก็จะมาอย่างนั้น?

เวลานี้หลิงหลานอยากร้องไห้แต่ไร้น้ำตา อดแหงนหน้าถอนหายใจยาวๆ ไม่ได้ ความจริงพิสูจน์แล้วว่าวงล้อหมุนกับเธอเป็นปฏิปักษ์ต่อกันอย่างที่คิดไว้จริงๆ สุดท้ายเข็มก็ชี้ไปยังภารกิจความยากระดับ SSS อย่างเฉียบขาด ความคิดแวบแรกของหลิงหลานคือ เธอควรจะเลือกยอมแพ้แล้วรอมาใหม่อีกทีอาทิตย์หน้าดีหรือไม่

อย่างไรก็ตาม ยังไม่ทันที่หลิงหลานจะตัดสินใจ เธอก็เห็นเจ้าเมืองที่ตกตะลึงเพราะผลลัพธ์นี้เหมือนกันได้สติกลับมาอย่างรวดเร็ว เขาหยิบป้ายคำสั่งออกมาจากในกระเป๋าแล้วโยนใส่อ้อมอกของหลิงหลานท่ามกลางเสียงหัวเราะสะใจของเขา หลังจากนั้น….ก็เผ่นหนีไปทันที

เสียงหัวเราะดีอกดีใจที่คนอื่นโชคร้ายของเจ้าเมืองยังไม่ทันหายไป หลิงหลานมองป้ายคำสั่งภารกิจในมือด้วยความพูดไม่ออก เส้นเลือดในสมองอดกระตุกขึ้นมาไม่ได้…ต่อให้เจ้าเมืองไม่ชอบเธออีกสักแค่ไหน ก็โยนป้ายคำสั่งภารกิจและก็วิ่งหนีไปอย่างไร้ความรับผิดชอบแบบนี้ไม่ได้นะ อย่างน้อยที่สุดก็มาอธิบายภารกิจ ให้ข้อแนะนำที่มีประโยชน์บ้างเถอะ เป็น NPC ที่ไร้ความรับผิดชอบอย่างยิ่งยวดจริงๆ หลิงหลานตัดสินใจแล้วว่าเธอจะต้องร้องเรียนเจ้าเมืองหงหยางคนนี้ เป็น NPC จะไร้ยางอายแบบนี้ไม่ได้

หลิงหลานที่ไม่มีทางเลือกได้แต่อ่านข้อมูลของป้ายคำสั่งของตัวเอง เธอเพิ่งจะตั้งป้ายคำสั่ง ข้อมูลก็เด้งขึ้นจากบนหน้าจอของหุ่นรบ

“ภารกิจก่อตั้งหน่วยรบ ระดับภารกิจ: ระดับ SSS เนื้อหาภารกิจ: หนึ่งเดือนก่อนกองยานรบซวิ่นหลงที่รักษาการณ์อยู่ตรงชายแดนเนบิวลาเคยส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือที่ปกปิดไว้อย่างยิ่งยวดมาหนหนึ่ง เนื่องจากระยะเวลาสั้นมากเกินไป กองทัพสหพันธรัฐไม่สามารถยืนยันว่าเป็นการส่งผิดหรือว่าเป็นเรื่องจริงกันแน่ ถึงแม้ว่าเคยส่งหน่วยตรวจสอบไปเข้าไปตรวจดูแล้ว แต่ก็ไม่พบความผิดปกติ แม้ว่าทุกอย่างจะดูปกติ แต่ทางกองทัพสหพันธรัฐไม่ได้เชื่อทั้งหมด จึงตัดสินใจลอบส่งทีมนักผจญภัยที่ไม่ใช่คนของทางการไปตรวจสอบที่ชายแดนเนบิวลาว่า สัญญาณขอความช่วยเหลือนี้ทำเพื่ออะไรกันแน่ เมื่อทำภารกิจสำเร็จ สหพันธรัฐจะมอบรางวัลให้กับทีมนักผจญภัยพลเรือนตั้งเป็นหน่วยรบของกองทัพอย่างเป็นทางการ ในขณะเดียวกันก็สามารถได้รับสวัสดิการระดับเดียวกันของกองทัพ…”

“อย่างที่คาดไว้เลยภารกิจระดับ SSS ยุ่งยากจริงๆ ด้วย” หลิงหลานเห็นคำอธิบายของภารกิจ อารมณ์ก็เปลี่ยนเป็นย่ำแย่มาก ภารกิจนี้ไม่ง่ายเลย ประการแรก คนที่ต้องไปติดต่อก็ไม่ชัดเจน ประการที่สอง สถานการณ์ของชายแดนเนบิวลาก็ไม่แน่ชัด ประการที่สาม การจะเข้าไปในสถานที่ที่อยู่ในการควบคุมดูแลของกองทัพสหพันธรัฐด้วยฐานะนักผจญภัยพลเรือนแล้ว…นั่นเป็นการรนหาที่ตายแน่นอน ต่อให้คนในกองยานรบถ่มน้ำลายส่งๆ ก็สามารถทำให้ทีมเล็กๆ ของพวกเขาจมน้ำตายได้หมด

ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขาจะลอบไปชายแดนเนบิวลาได้ยังไงนั้นก็เป็นเรื่องที่ยากลำบากสุดขีด สรุปคือภารกิจนี้จัดการยากมากตั้งแต่เริ่มต้นแล้ว ยิ่งไปถึงช่วงหลังก็ยิ่งยากมากขึ้น อีกอย่างหลิงหลานไม่เชื่อว่า กองทัพจะส่งไปแค่ทีมพวกเขาทีมเดียวจริงๆ มีความเป็นไปได้สูงว่ากองทัพจะส่งหน่วยตรวจสอบลอบแฝงตัวเข้าไปตรวจสอบที่ชายแดนเนบิวลาพร้อมกันในตอนที่พวกเขาปฏิบัติการ พูดตามตรง พวกเขาเป็นแค่เป้าดึงดูดทหารคุ้มกันชายแดนเนบิวลาเท่านั้น

“บางทียอมแพ้จะดีกับพวกเรามากกว่า” หลิงหลานคิดว่าจากความสามารถของทีมในตอนนี้ไม่มีทางทำภารกิจนี้สำเร็จแน่นอน

หลิงหลานไม่ใช่คนที่มั่นใจในตัวเองอย่างไม่ลืมหูลืมตา เมื่อระดับความยากของภารกิจกับความสามารถของทีมแตกต่างกันราวฟ้ากับเหว หลิงหลานก็ตัดสินใจยอมแพ้อย่างใจเย็น เพราะเธอไม่อยากพาพวกเพื่อนๆ ไปเสี่ยง ต่อให้อยู่ในเกมก็เช่นเดียวกัน ถึงแม้การเสียชีวิตในเกมไม่ใช่การเสียชีวิตอย่างแท้จริง แต่หลิงหลานกลัวว่าตัวเองจะบ่มเพาะนิสัยชอบเสี่ยงอันตรายเพราะเหตุนี้ นิสัยแบบนี้ไม่ดีเนื่องจากมีความเป็นไปได้สูงว่าจะทำร้ายทุกคนในชีวิตจริง หลิงหลานเตือนสติตัวเองอยู่เสมอ

หลิงหลานที่ตัดสินใจแล้วก็โยนป้ายคำสั่งลงพื้นทันทีโดยไม่ใคร่ครวญเลยสักนิดเดียว ในโลกหุ่นรบ ไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์ สิ่งของ ยารักษาหรือว่าวัตถุดิบ ขอเพียงโยนทิ้งลงพื้น เมื่อถึงเวลาก็จะถูกรีเฟรช ป้ายคำสั่งภารกิจก็เป็นแบบนี้เช่นกัน ขอเพียงโยนทิ้ง ออปติคัลคอมพิวเตอร์หลักจะตัดสินว่าภารกิจล้มเหลว…อีกหนึ่งอาทิตย์ให้หลังถึงจะสามารถรับภารกิจได้อีกครั้ง แน่นอนว่าหลังจากที่ล้มเหลว คนที่รับภารกิจจะต้องจ่ายค่าตอบแทนบางอย่างเพราะเหตุนี้ด้วย หลิงหลานคิดว่านี่คุ้มค่ามากกว่าการสละชีพเสี่ยงชีวิตอย่างไร้ความผิด

แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต่อมาบ่งบอกชัดเจนว่าแผนการที่หลิงหลานวางไว้ผิดพลาดไปแล้ว เพราะว่าเมื่อหลิงหลานตัดสินใจโยนทิ้ง ระบบก็แจ้งเตือนว่าภารกิจนี้ถูกผูกมัดไว้แล้ว ไม่สามารถล้มเลิกได้…หรือพูดอีกอย่างก็คือ ภารกิจที่เธอรับคือคำสั่งตาย ไม่อนุญาตให้ปฏิเสธ

เมื่อหลิงหลานที่นั่งอยู่ในห้องคนขับเห็นข้อความแจ้งเตือนนี้ก็อดชูนิ้วกลางใส่หน้าจออย่างรุนแรงไม่ได้ ‘เชี่ย ออปติคัลคอมพิวเตอร์หลัก แกมันไร้ยางอายเกินไปแล้วจริงๆ!’

อย่างไรก็ตาม ในเมื่อเป็นเรื่องจริงไปแล้ว หลิงหลานก็ไม่ได้หดหู่ใจและตื่นตระหนก เธอตัดสินใจกลับไปปรึกษากับพวกเพื่อนๆ ดูว่าจะทำภารกิจนี้ให้สำเร็จอย่างไร

หลิงหลานกลับมาจากเส้นทางเดิม เธอวาร์ปจากตรงทางเข้ามาที่หน้าประตูคฤหาสน์เจ้าเมือง หลิงหลานที่กลับมายังด้านนอกคฤหาสน์ก็คืนสู่รูปลักษณ์ของหุ่นรบระดับกลางอีกครั้ง พวกฉีหลงเห็นลูกพี่ปรากฏตัวออกมาก็ถามหลิงหลานด้วยความตื่นเต้นว่า รับภารกิจได้แล้วใช่ไหม

หลิงหลานไม่ได้ตอบ หากแต่ให้พวกเขาหาสถานที่เงียบๆ สักแห่ง หลังจากนั้นค่อยแชร์ข้อมูลภารกิจให้พวกเขาดู พอทุกคนเห็นเนื้อหาของภารกิจก็เงียบไปทันที

หลิงหลานยิ้มเจื่อน ดูเหมือนว่าภารกิจนี้ยังคงทำให้พวกเพื่อนๆ ตกใจกลัวอยู่ดี ขณะที่เธอกำลังคิดจะเอ่ยปากอธิบายก็ได้ยินฉีหลงร้องตะโกนด้วยความตื่นเต้นว่า “ลูกพี่ นายเจ๋งมากเกินไปแล้วจริงๆ ไม่นึกเลยว่าจะรับภารกิจระดับ SSS ที่ไม่เคยโผล่ขึ้นมาก่อนตลอดหลายร้อยปีที่ผ่านมา ติดตามลูกพี่ก็จะได้ทำเรื่องที่เจ๋งสุดยอดอย่างที่คาดไว้เลย…”

“ใช่แล้ว ไม่นึกเลยว่าจะได้ทำเรื่องที่น่าตื่นเต้นอีกครั้งเร็วขนาดนี้” เซี่ยอี๋ตื่นเต้นมากเช่นกัน

“เมื่อตะกี้ฉันคิดว่าลูกพี่อาจจะรับภารกิจความยากระดับสูงสุดขีดมาให้พวกเราก็ได้ นึกไม่ถึงเลยว่าลูกพี่มาครั้งแรกก็เป็นระดับ SSS เลย ความกล้าของฉันยังเทียบชั้นลูกพี่ไม่ได้อยู่ดีสินะ” หานจี้จวินเอ่ยพลางทอดถอนใจ

หานจี้จวินคาดคะเนความคิดของหลิงหลานมาเป็นเป้าหมายสูงสุดมาโดยตลอด แต่ความจริงก็พิสูจน์แล้วว่าครั้งนี้เขายังคงล้มเหลวอยู่ดี ลูกพี่ยังคงโหดเหี้ยมกว่าที่เขาจินตนาการไว้ แต่นี่ก็คือลูกพี่ของพวกเขา ทำเรื่องที่คนอื่นไม่กล้าทำมาตลอด หานจี้จวินย่อมไม่รู้ว่าภารกิจนี้หล่นใส่หัวหลิงหลาน ไม่ใช่สิ่งที่หลิงหลานขอมาเอง

“ไม่ว่ายังไง ลูกพี่ตัดสินใจทำอะไร ฉันก็จะทำอย่างนั้น” ลั่วล่างไม่คิดอะไร เขาตัดสินใจติดตามลูกพี่อย่างแน่วแน่มานานแล้ว

“ถ้าเกิดเป็นภารกิจระดับนี้ ของที่ฉันเตรียมไว้ก่อนหน้านี้ก็ยังไม่พอ ต้องรีบไปเติมให้เรียบร้อยโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้” เวลานี้หลินจงชิงคิดว่าตัวเองควรจะเสริมวัตถุดิบอุปกรณ์อย่างไร ไม่ได้คิดเรื่องภารกิจระดับนี้เลยสักนิดเดียว

หลิงหลานมองคนที่ใจกล้ากลุ่มนี้ หน้าผากก็ขึ้นขีดดำหลายเส้น ‘เอาเถอะ เธอลืมไปว่าเพื่อนๆ ของเธอมีคนปกติไม่กี่คน เมื่อตะกี้นี้การที่เธอคิดว่าพวกเขาจะกลัวจนเซ่อซ่าไปจะต้องเป็นเพราะสมองของเธอลัดวงจรแน่นอนถึงได้มีความแบบนี้’

หลิงหลานหันหน้ามองไปยังสามคนที่เหลือที่ยังคงเงียบไม่พูดไม่จา คิดในใจว่าสามคนนี้น่าจะกลัวไปแล้ว…ถึงอย่างไรคนที่ผิดปกติเหมือนเพื่อนๆ ของเธอยังคงเป็นคนส่วนน้อยอยู่

ดังนั้นหลิงหลานจึงเอ่ยปากกล่าวกับจีอู๋ปู้ซิวว่า “จีอู๋ปู้ซิว ภารกิจคราวนี้ยากกว่าที่คิด เรื่องที่ฉันเชิญนายเข้าร่วมหน่วยรบ นายสามารถคิดดูใหม่อีกทีได้นะ” ถึงอย่างไรจีอู๋ปู้ซิวกับพวกเขาก็มีความสัมพันธ์ทั่วๆ ไป ถ้าเกิดพวกเขาไม่สามารถทำภารกิจให้สำเร็จได้ หลิงหลานก็ไม่อยากทำให้จีอู๋ปู้ซิวเดือดร้อนไปด้วย

“ไม่ ฉันอยากเข้าร่วมหน่วยรบ นอกจากนี้ฉันยังอยากไปกับพวกนายด้วย…” จีอู๋ปู้ซิวได้ยินคำพูดของหลิงหลานก็รีบตอบกลับอย่างกระตือรือร้น “เมื่อตะกี้นี้ฉันแค่ตื่นเต้นน่ะ ไม่นึกเลยว่าฉันจะมีส่วนได้เข้าร่วมภารกิจระดับ SSS ด้วย นี่มันน่าเหลือเชื่อมากเกินไปแล้วจริงๆ” เสียงของจีอู๋ปู้ซิวเต็มเปี่ยมไปด้วยความเพ้อฝัน

“ภารกิจระดับ SSS ที่ร้อยปียากจะเห็นสักครั้ง ต้องไปเห็นให้ได้จริงๆ นอกจากนี้ฉันเชื่อว่าพวกนายยิ่งต้องการความสามารถในการรักษาของฉันด้วย” ฉิงอี้อู๋เจี้ยเปลี่ยนจากท่าทีเฉยชาก่อนหน้านี้มาเป็นกระตือรือร้นอย่างหาใดเปรียบ เห็นได้ว่าภารกิจระดับ SSS มีแรงดึงดูดต่อพวกเขาอย่างไร้ขีดจำกัดเช่นกัน

มุมปากของหลิงหลานอดกระตุกขึ้นมาไม่ได้ เชี่ยเอ๊ย เธอรับลูกทีมอะไรมาบ้างเนี่ย แต่ละคนผิดปกติมากขึ้นเรื่อยๆ แล้ว ถึงได้มีความคิดต่อภารกิจที่คนทั่วไปไม่อยากแตะต้องแบบนี้…เธออดมองไปยังเนี่ยนเทียนโหยวเหรินไม่ได้ เสือชีตาห์ของเธอน่าจะเหมือนคนปกติใช่ไหม…

หลี่หลานเฟิงลูบคาง เอ่ยถามด้วยสีหน้าสนอกสนใจว่า “พวกนายว่า ทำภารกิจนี้สำเร็จแล้ว รางวัลที่ได้รับจะเป็นระดับตำนานเหมือนกันหรือเปล่า?”

“ระดับตำนาน?” ทุกคนต่างสูดลมหายใจเฮือกหนึ่ง…หลิงหลานคล้ายกับได้ยินเสียงน้ำลายหยดดังติ๋งๆ ติดต่อกันไม่หยุดในช่องสื่อสารของหุ่นรบ

หลิงหลานแหงนหน้ามองฟ้าด้วยความพูดไม่ออก เธอไม่อาจคาดหวังกับสมาชิกทีมของเธอได้สูงอย่างที่คาดไว้จริงๆ สมาชิกทีมที่นำโดยคนผิดปกติ (คนข้ามเพศ) ย่อมไม่มีทางเป็นคนปกติได้เช่นกัน…

—————–

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

I’M THE BOSS ลูกพี่หุ่นเทวะ 309 ระดับ SSS!

Now you are reading I’M THE BOSS ลูกพี่หุ่นเทวะ Chapter 309 ระดับ SSS! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

หลิงหลานไม่มีทางเลือกจริงๆ ได้แต่เอ่ยปากออกไปตรงๆ ว่า “เจ้าเมืองหลัวอี้ซวน ผมมารับภารกิจตั้งหน่วยรบ พวกเราอย่าอ้อมไปอ้อมมาสิ้นเปลืองเวลาของทั้งสองฝ่ายอีกเลยครับ”

เจ้าเมืองหลัวอี้ซวนได้ยินหลิงหลานเรียกชื่อของเขาออกมาโดยตรงก็รู้ว่าตัวเองถูกอีกฝ่ายมองออกแล้วแน่นอน เพราะว่าข้อมูลของเขาต่อคนภายนอกคือเจ้าเมืองของเมืองหงหยาง ชื่อนามสกุลไม่ได้ถูกแสดงขึ้นมา มีความเป็นไปได้สูงว่าอีกฝ่ายค้นหาสิ่งที่แสดงตัวตนที่แท้จริงของเขาเจอแล้ว นี่ก็หมายความว่าเขาไม่อาจไม่มอบภารกิจก่อตั้งหน่วยรบได้

แต่เขาก็ไม่อยากให้ไอ้เด็กอวดดีที่ไม่รู้จักมารยาทคนนี้สะดวกสบายแบบนี้ เขาผุดความคิดหนึ่ง ก่อนจะวางวงล้อหมุนออกมาอันหนึ่ง เอ่ยอย่างเย็นชาว่า “ฉันให้ภารกิจกับเธอก็ได้ แต่ว่าจะรับภารกิจได้หรือไม่ ก็ต้องดูที่โชคของตัวเธอแล้ว”

หลิงหลานมองไปยังวงล้อหมุนที่ดูคุ้นเคยอีกครั้ง เพียงแต่สิ่งที่ทำเครื่องหมายอยู่ด้านในไม่ใช่หุ่นรบประเภทต่างๆ อีกต่อไป หากแต่เป็นตัวเลือกภารกิจก่อตั้งหน่วยรบ มากกว่าครึ่งต่างเป็นคำว่าล้มเหลว ก็รู้ว่านี่ย่อมเป็นฝีมือของเจ้าเมืองหลัวอี้ซวน เธอนึกถึงหุ่นรบกระต่ายที่หมุนได้สองครั้งก็อดรู้สึกประหม่าในใจไม่ได้ ถ้าเกิดเธอโชคร้ายล่ะ…

หลิงหลานไม่ได้กังวลเรื่องหมุนได้คำว่าล้มเหลว เพราะว่าถ้าหากล้มเหลวขึ้นมา รอไปอีกหนึ่งอาทิตย์ก็สามารถรับภารกิจต่อได้แล้ว เธอเหลือบมองภารกิจระดับ SSS ที่น่าสยองในวงล้อหมุนขนาดใหญ่ก่อนจะอดลอบกลืนน้ำลายหนึ่งอึกไม่ได้ แม่งเอ๊ย ถ้าเกิดหมุนได้อันนี้ละก็ มันย่อมน่าสลดกว่าล้มเหลวแน่นอน จากที่เธอรู้มาภารกิจระดับ SSS ยังไม่มีใครเคยทำสำเร็จมาก่อน…เธอไม่อยากเสียเวลาทั้งชีวิตกับภารกิจนี้หรอกนะ

“ว่าไง? ถ้ากลัวเธอก็เลือกยอมแพ้ได้ทันทีแล้วรอมาใหม่อีกทีอาทิตย์หน้าละกัน” เจ้าเมืองหลัวอี้ซวนเอามือสองข้างกอดอก เอ่ยอย่างเย็นชา

แม่งเอ๊ย โชคของเธอคงไม่แย่แบบนี้ไปตลอดหรอกน่า! หลิงหลานไม่มีทางเลือกยอมแพ้เองอยู่แล้ว เธอกดคันจับของวงล้อหมุนโดยไม่ลังเล จากนั้นก็เห็นวงล้อเริ่มทำการหมุนอย่างรวดเร็ว หลิงหลานเม้มริมฝีปากแน่น ในใจภาวนาว่าภารกิจระดับ SSS อย่ามาจริงๆ นะ…ในที่สุดวงล้อหมุนก็หยุดลง

หลิงหลานมองมือของตัวเองทันที มือของเธอขาวเนียนชัดเจนขนาดนี้ ทำไมโชคถึงได้ดำมืดขนาดนั้นล่ะ ถึงขนาดที่เธอเริ่มแอบแค้นเคืองตัวเองที่คิดถึงภารกิจระดับ SSS อะไรนั่นตอนที่หมุนวงล้อ ไม่รู้หรือไงว่ายิ่งไม่อยากได้อะไร มันก็จะมาอย่างนั้น?

เวลานี้หลิงหลานอยากร้องไห้แต่ไร้น้ำตา อดแหงนหน้าถอนหายใจยาวๆ ไม่ได้ ความจริงพิสูจน์แล้วว่าวงล้อหมุนกับเธอเป็นปฏิปักษ์ต่อกันอย่างที่คิดไว้จริงๆ สุดท้ายเข็มก็ชี้ไปยังภารกิจความยากระดับ SSS อย่างเฉียบขาด ความคิดแวบแรกของหลิงหลานคือ เธอควรจะเลือกยอมแพ้แล้วรอมาใหม่อีกทีอาทิตย์หน้าดีหรือไม่

อย่างไรก็ตาม ยังไม่ทันที่หลิงหลานจะตัดสินใจ เธอก็เห็นเจ้าเมืองที่ตกตะลึงเพราะผลลัพธ์นี้เหมือนกันได้สติกลับมาอย่างรวดเร็ว เขาหยิบป้ายคำสั่งออกมาจากในกระเป๋าแล้วโยนใส่อ้อมอกของหลิงหลานท่ามกลางเสียงหัวเราะสะใจของเขา หลังจากนั้น….ก็เผ่นหนีไปทันที

เสียงหัวเราะดีอกดีใจที่คนอื่นโชคร้ายของเจ้าเมืองยังไม่ทันหายไป หลิงหลานมองป้ายคำสั่งภารกิจในมือด้วยความพูดไม่ออก เส้นเลือดในสมองอดกระตุกขึ้นมาไม่ได้…ต่อให้เจ้าเมืองไม่ชอบเธออีกสักแค่ไหน ก็โยนป้ายคำสั่งภารกิจและก็วิ่งหนีไปอย่างไร้ความรับผิดชอบแบบนี้ไม่ได้นะ อย่างน้อยที่สุดก็มาอธิบายภารกิจ ให้ข้อแนะนำที่มีประโยชน์บ้างเถอะ เป็น NPC ที่ไร้ความรับผิดชอบอย่างยิ่งยวดจริงๆ หลิงหลานตัดสินใจแล้วว่าเธอจะต้องร้องเรียนเจ้าเมืองหงหยางคนนี้ เป็น NPC จะไร้ยางอายแบบนี้ไม่ได้

หลิงหลานที่ไม่มีทางเลือกได้แต่อ่านข้อมูลของป้ายคำสั่งของตัวเอง เธอเพิ่งจะตั้งป้ายคำสั่ง ข้อมูลก็เด้งขึ้นจากบนหน้าจอของหุ่นรบ

“ภารกิจก่อตั้งหน่วยรบ ระดับภารกิจ: ระดับ SSS เนื้อหาภารกิจ: หนึ่งเดือนก่อนกองยานรบซวิ่นหลงที่รักษาการณ์อยู่ตรงชายแดนเนบิวลาเคยส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือที่ปกปิดไว้อย่างยิ่งยวดมาหนหนึ่ง เนื่องจากระยะเวลาสั้นมากเกินไป กองทัพสหพันธรัฐไม่สามารถยืนยันว่าเป็นการส่งผิดหรือว่าเป็นเรื่องจริงกันแน่ ถึงแม้ว่าเคยส่งหน่วยตรวจสอบไปเข้าไปตรวจดูแล้ว แต่ก็ไม่พบความผิดปกติ แม้ว่าทุกอย่างจะดูปกติ แต่ทางกองทัพสหพันธรัฐไม่ได้เชื่อทั้งหมด จึงตัดสินใจลอบส่งทีมนักผจญภัยที่ไม่ใช่คนของทางการไปตรวจสอบที่ชายแดนเนบิวลาว่า สัญญาณขอความช่วยเหลือนี้ทำเพื่ออะไรกันแน่ เมื่อทำภารกิจสำเร็จ สหพันธรัฐจะมอบรางวัลให้กับทีมนักผจญภัยพลเรือนตั้งเป็นหน่วยรบของกองทัพอย่างเป็นทางการ ในขณะเดียวกันก็สามารถได้รับสวัสดิการระดับเดียวกันของกองทัพ…”

“อย่างที่คาดไว้เลยภารกิจระดับ SSS ยุ่งยากจริงๆ ด้วย” หลิงหลานเห็นคำอธิบายของภารกิจ อารมณ์ก็เปลี่ยนเป็นย่ำแย่มาก ภารกิจนี้ไม่ง่ายเลย ประการแรก คนที่ต้องไปติดต่อก็ไม่ชัดเจน ประการที่สอง สถานการณ์ของชายแดนเนบิวลาก็ไม่แน่ชัด ประการที่สาม การจะเข้าไปในสถานที่ที่อยู่ในการควบคุมดูแลของกองทัพสหพันธรัฐด้วยฐานะนักผจญภัยพลเรือนแล้ว…นั่นเป็นการรนหาที่ตายแน่นอน ต่อให้คนในกองยานรบถ่มน้ำลายส่งๆ ก็สามารถทำให้ทีมเล็กๆ ของพวกเขาจมน้ำตายได้หมด

ยิ่งไปกว่านั้น พวกเขาจะลอบไปชายแดนเนบิวลาได้ยังไงนั้นก็เป็นเรื่องที่ยากลำบากสุดขีด สรุปคือภารกิจนี้จัดการยากมากตั้งแต่เริ่มต้นแล้ว ยิ่งไปถึงช่วงหลังก็ยิ่งยากมากขึ้น อีกอย่างหลิงหลานไม่เชื่อว่า กองทัพจะส่งไปแค่ทีมพวกเขาทีมเดียวจริงๆ มีความเป็นไปได้สูงว่ากองทัพจะส่งหน่วยตรวจสอบลอบแฝงตัวเข้าไปตรวจสอบที่ชายแดนเนบิวลาพร้อมกันในตอนที่พวกเขาปฏิบัติการ พูดตามตรง พวกเขาเป็นแค่เป้าดึงดูดทหารคุ้มกันชายแดนเนบิวลาเท่านั้น

“บางทียอมแพ้จะดีกับพวกเรามากกว่า” หลิงหลานคิดว่าจากความสามารถของทีมในตอนนี้ไม่มีทางทำภารกิจนี้สำเร็จแน่นอน

หลิงหลานไม่ใช่คนที่มั่นใจในตัวเองอย่างไม่ลืมหูลืมตา เมื่อระดับความยากของภารกิจกับความสามารถของทีมแตกต่างกันราวฟ้ากับเหว หลิงหลานก็ตัดสินใจยอมแพ้อย่างใจเย็น เพราะเธอไม่อยากพาพวกเพื่อนๆ ไปเสี่ยง ต่อให้อยู่ในเกมก็เช่นเดียวกัน ถึงแม้การเสียชีวิตในเกมไม่ใช่การเสียชีวิตอย่างแท้จริง แต่หลิงหลานกลัวว่าตัวเองจะบ่มเพาะนิสัยชอบเสี่ยงอันตรายเพราะเหตุนี้ นิสัยแบบนี้ไม่ดีเนื่องจากมีความเป็นไปได้สูงว่าจะทำร้ายทุกคนในชีวิตจริง หลิงหลานเตือนสติตัวเองอยู่เสมอ

หลิงหลานที่ตัดสินใจแล้วก็โยนป้ายคำสั่งลงพื้นทันทีโดยไม่ใคร่ครวญเลยสักนิดเดียว ในโลกหุ่นรบ ไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์ สิ่งของ ยารักษาหรือว่าวัตถุดิบ ขอเพียงโยนทิ้งลงพื้น เมื่อถึงเวลาก็จะถูกรีเฟรช ป้ายคำสั่งภารกิจก็เป็นแบบนี้เช่นกัน ขอเพียงโยนทิ้ง ออปติคัลคอมพิวเตอร์หลักจะตัดสินว่าภารกิจล้มเหลว…อีกหนึ่งอาทิตย์ให้หลังถึงจะสามารถรับภารกิจได้อีกครั้ง แน่นอนว่าหลังจากที่ล้มเหลว คนที่รับภารกิจจะต้องจ่ายค่าตอบแทนบางอย่างเพราะเหตุนี้ด้วย หลิงหลานคิดว่านี่คุ้มค่ามากกว่าการสละชีพเสี่ยงชีวิตอย่างไร้ความผิด

แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นต่อมาบ่งบอกชัดเจนว่าแผนการที่หลิงหลานวางไว้ผิดพลาดไปแล้ว เพราะว่าเมื่อหลิงหลานตัดสินใจโยนทิ้ง ระบบก็แจ้งเตือนว่าภารกิจนี้ถูกผูกมัดไว้แล้ว ไม่สามารถล้มเลิกได้…หรือพูดอีกอย่างก็คือ ภารกิจที่เธอรับคือคำสั่งตาย ไม่อนุญาตให้ปฏิเสธ

เมื่อหลิงหลานที่นั่งอยู่ในห้องคนขับเห็นข้อความแจ้งเตือนนี้ก็อดชูนิ้วกลางใส่หน้าจออย่างรุนแรงไม่ได้ ‘เชี่ย ออปติคัลคอมพิวเตอร์หลัก แกมันไร้ยางอายเกินไปแล้วจริงๆ!’

อย่างไรก็ตาม ในเมื่อเป็นเรื่องจริงไปแล้ว หลิงหลานก็ไม่ได้หดหู่ใจและตื่นตระหนก เธอตัดสินใจกลับไปปรึกษากับพวกเพื่อนๆ ดูว่าจะทำภารกิจนี้ให้สำเร็จอย่างไร

หลิงหลานกลับมาจากเส้นทางเดิม เธอวาร์ปจากตรงทางเข้ามาที่หน้าประตูคฤหาสน์เจ้าเมือง หลิงหลานที่กลับมายังด้านนอกคฤหาสน์ก็คืนสู่รูปลักษณ์ของหุ่นรบระดับกลางอีกครั้ง พวกฉีหลงเห็นลูกพี่ปรากฏตัวออกมาก็ถามหลิงหลานด้วยความตื่นเต้นว่า รับภารกิจได้แล้วใช่ไหม

หลิงหลานไม่ได้ตอบ หากแต่ให้พวกเขาหาสถานที่เงียบๆ สักแห่ง หลังจากนั้นค่อยแชร์ข้อมูลภารกิจให้พวกเขาดู พอทุกคนเห็นเนื้อหาของภารกิจก็เงียบไปทันที

หลิงหลานยิ้มเจื่อน ดูเหมือนว่าภารกิจนี้ยังคงทำให้พวกเพื่อนๆ ตกใจกลัวอยู่ดี ขณะที่เธอกำลังคิดจะเอ่ยปากอธิบายก็ได้ยินฉีหลงร้องตะโกนด้วยความตื่นเต้นว่า “ลูกพี่ นายเจ๋งมากเกินไปแล้วจริงๆ ไม่นึกเลยว่าจะรับภารกิจระดับ SSS ที่ไม่เคยโผล่ขึ้นมาก่อนตลอดหลายร้อยปีที่ผ่านมา ติดตามลูกพี่ก็จะได้ทำเรื่องที่เจ๋งสุดยอดอย่างที่คาดไว้เลย…”

“ใช่แล้ว ไม่นึกเลยว่าจะได้ทำเรื่องที่น่าตื่นเต้นอีกครั้งเร็วขนาดนี้” เซี่ยอี๋ตื่นเต้นมากเช่นกัน

“เมื่อตะกี้ฉันคิดว่าลูกพี่อาจจะรับภารกิจความยากระดับสูงสุดขีดมาให้พวกเราก็ได้ นึกไม่ถึงเลยว่าลูกพี่มาครั้งแรกก็เป็นระดับ SSS เลย ความกล้าของฉันยังเทียบชั้นลูกพี่ไม่ได้อยู่ดีสินะ” หานจี้จวินเอ่ยพลางทอดถอนใจ

หานจี้จวินคาดคะเนความคิดของหลิงหลานมาเป็นเป้าหมายสูงสุดมาโดยตลอด แต่ความจริงก็พิสูจน์แล้วว่าครั้งนี้เขายังคงล้มเหลวอยู่ดี ลูกพี่ยังคงโหดเหี้ยมกว่าที่เขาจินตนาการไว้ แต่นี่ก็คือลูกพี่ของพวกเขา ทำเรื่องที่คนอื่นไม่กล้าทำมาตลอด หานจี้จวินย่อมไม่รู้ว่าภารกิจนี้หล่นใส่หัวหลิงหลาน ไม่ใช่สิ่งที่หลิงหลานขอมาเอง

“ไม่ว่ายังไง ลูกพี่ตัดสินใจทำอะไร ฉันก็จะทำอย่างนั้น” ลั่วล่างไม่คิดอะไร เขาตัดสินใจติดตามลูกพี่อย่างแน่วแน่มานานแล้ว

“ถ้าเกิดเป็นภารกิจระดับนี้ ของที่ฉันเตรียมไว้ก่อนหน้านี้ก็ยังไม่พอ ต้องรีบไปเติมให้เรียบร้อยโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้” เวลานี้หลินจงชิงคิดว่าตัวเองควรจะเสริมวัตถุดิบอุปกรณ์อย่างไร ไม่ได้คิดเรื่องภารกิจระดับนี้เลยสักนิดเดียว

หลิงหลานมองคนที่ใจกล้ากลุ่มนี้ หน้าผากก็ขึ้นขีดดำหลายเส้น ‘เอาเถอะ เธอลืมไปว่าเพื่อนๆ ของเธอมีคนปกติไม่กี่คน เมื่อตะกี้นี้การที่เธอคิดว่าพวกเขาจะกลัวจนเซ่อซ่าไปจะต้องเป็นเพราะสมองของเธอลัดวงจรแน่นอนถึงได้มีความแบบนี้’

หลิงหลานหันหน้ามองไปยังสามคนที่เหลือที่ยังคงเงียบไม่พูดไม่จา คิดในใจว่าสามคนนี้น่าจะกลัวไปแล้ว…ถึงอย่างไรคนที่ผิดปกติเหมือนเพื่อนๆ ของเธอยังคงเป็นคนส่วนน้อยอยู่

ดังนั้นหลิงหลานจึงเอ่ยปากกล่าวกับจีอู๋ปู้ซิวว่า “จีอู๋ปู้ซิว ภารกิจคราวนี้ยากกว่าที่คิด เรื่องที่ฉันเชิญนายเข้าร่วมหน่วยรบ นายสามารถคิดดูใหม่อีกทีได้นะ” ถึงอย่างไรจีอู๋ปู้ซิวกับพวกเขาก็มีความสัมพันธ์ทั่วๆ ไป ถ้าเกิดพวกเขาไม่สามารถทำภารกิจให้สำเร็จได้ หลิงหลานก็ไม่อยากทำให้จีอู๋ปู้ซิวเดือดร้อนไปด้วย

“ไม่ ฉันอยากเข้าร่วมหน่วยรบ นอกจากนี้ฉันยังอยากไปกับพวกนายด้วย…” จีอู๋ปู้ซิวได้ยินคำพูดของหลิงหลานก็รีบตอบกลับอย่างกระตือรือร้น “เมื่อตะกี้นี้ฉันแค่ตื่นเต้นน่ะ ไม่นึกเลยว่าฉันจะมีส่วนได้เข้าร่วมภารกิจระดับ SSS ด้วย นี่มันน่าเหลือเชื่อมากเกินไปแล้วจริงๆ” เสียงของจีอู๋ปู้ซิวเต็มเปี่ยมไปด้วยความเพ้อฝัน

“ภารกิจระดับ SSS ที่ร้อยปียากจะเห็นสักครั้ง ต้องไปเห็นให้ได้จริงๆ นอกจากนี้ฉันเชื่อว่าพวกนายยิ่งต้องการความสามารถในการรักษาของฉันด้วย” ฉิงอี้อู๋เจี้ยเปลี่ยนจากท่าทีเฉยชาก่อนหน้านี้มาเป็นกระตือรือร้นอย่างหาใดเปรียบ เห็นได้ว่าภารกิจระดับ SSS มีแรงดึงดูดต่อพวกเขาอย่างไร้ขีดจำกัดเช่นกัน

มุมปากของหลิงหลานอดกระตุกขึ้นมาไม่ได้ เชี่ยเอ๊ย เธอรับลูกทีมอะไรมาบ้างเนี่ย แต่ละคนผิดปกติมากขึ้นเรื่อยๆ แล้ว ถึงได้มีความคิดต่อภารกิจที่คนทั่วไปไม่อยากแตะต้องแบบนี้…เธออดมองไปยังเนี่ยนเทียนโหยวเหรินไม่ได้ เสือชีตาห์ของเธอน่าจะเหมือนคนปกติใช่ไหม…

หลี่หลานเฟิงลูบคาง เอ่ยถามด้วยสีหน้าสนอกสนใจว่า “พวกนายว่า ทำภารกิจนี้สำเร็จแล้ว รางวัลที่ได้รับจะเป็นระดับตำนานเหมือนกันหรือเปล่า?”

“ระดับตำนาน?” ทุกคนต่างสูดลมหายใจเฮือกหนึ่ง…หลิงหลานคล้ายกับได้ยินเสียงน้ำลายหยดดังติ๋งๆ ติดต่อกันไม่หยุดในช่องสื่อสารของหุ่นรบ

หลิงหลานแหงนหน้ามองฟ้าด้วยความพูดไม่ออก เธอไม่อาจคาดหวังกับสมาชิกทีมของเธอได้สูงอย่างที่คาดไว้จริงๆ สมาชิกทีมที่นำโดยคนผิดปกติ (คนข้ามเพศ) ย่อมไม่มีทางเป็นคนปกติได้เช่นกัน…

—————–

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+