I’M THE BOSS ลูกพี่หุ่นเทวะ 235 ถึงเวลาเปลี่ยนแปลงแล้ว!

Now you are reading I’M THE BOSS ลูกพี่หุ่นเทวะ Chapter 235 ถึงเวลาเปลี่ยนแปลงแล้ว! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

จีอู๋ปู้ซิวได้ยินคำถามของหลิงหลานก็หันหน้าเอ่ยด้วยรอยยิ้มฝืดเฝื่อนว่า “ราชันสายฟ้าคือผู้นำของกลุ่มอำนาจที่ใหญ่ที่สุดของโรงเรียนเรา กลุ่มของเขาจัดอยู่ระดับต้นๆ ในโลกหุ่นรบด้วย…”

คำพูดของจีอู๋ปู้ซิวทำให้หลิงหลานใจกระตุก ทันใดนั้นเธอก็นึกได้ว่าในโรงเรียนทหารชายที่หนึ่งที่เธอเรียนอยู่ก็มีคนที่มีฉายาว่าราชันสายฟ้าอยู่ไม่ใช่เหรอ? หรือว่าจะเป็นเขา? หลิงหลานอดหรี่ตาไม่ได้ เอ่ยถามช้าๆ ว่า “ใช่…โรงเรียนทหารชายที่หนึ่งหรือเปล่า?”

“เอ๋? ที่แท้คุณก็รู้จักเขาด้วยเหรอ? ใช่แล้ว พวกเราก็คือนักเรียนของโรงเรียนทหารชายที่หนึ่ง” จีอู๋ปู้ซิวประหลาดใจ หลังจากนั้นก็เอ่ยด้วยอารมณ์ที่ดิ่งลงอย่างรวดเร็ว

“พวกคุณเป็นเพื่อนนักเรียนกันไม่ใช่เหรอ? ทำไมความสัมพันธ์ถึงย่ำแย่ขนาดนี้ล่ะ ถึงกับส่งคนเฝ้าจับตามองคุณไม่ปล่อยเลยเหรอ?” หลิงหลานอยากรู้นิดหน่อยแล้วว่าจีอู๋ปู้ซิวล่วงเกินราชันสายฟ้ายังไงกันแน่ ถึงทำให้อีกฝ่ายสิ้นเปลืองแรงเฝ้าจับตามองเขา แต่ไม่เอาให้ตายแบบนี้

“ความจริงแล้ว ผมกับราชันสายฟ้าไม่มีความแค้นส่วนตัวอะไรหรอกครับ เพียงแต่ตอนนั้นผมปฏิเสธเข้าร่วมกลุ่มของเขา เดิมทีคิดว่าต่อให้อีกฝ่ายไม่พอใจ ก็คงไม่ทำเกินไปเหมือนกัน ไม่นึกเลยว่าพวกเขาจะควบคุมผมทุกด้านในโลกหุ่นรบ ทำให้ผมออกไปจากหมู่บ้านซานหยางไม่ได้” จีอู๋ปู้ซิวอธิบาย “ผมไม่ใช่ผู้ควบคุมหุ่นรบด้านต่อสู้ ดังนั้นส่วนใหญ่แล้วผมเลยไม่ได้ออกไปข้างนอก และขอเพียงผมไม่ไปสนามประลองในหมู่บ้าน พวกเขาก็ลงมือกับผมไม่ได้เลย พวกเขาทำอะไรไม่ได้ ทำได้แค่ใช้วิธีจำกัดการไปหมู่บ้านอื่นของผม ขังผมเอาไว้”

จีอู๋ปู้ซิวกล่าวถึงตรงนี้น้ำเสียงก็แฝงไปด้วยร่องรอยความขมขื่น “คุณไม่รู้หรอกว่า โรงเรียนทหารพวกเรามีผลคะแนนส่วนหนึ่งที่ได้รับจากในโลกหุ่นรบ ขีดเส้นตายผลคะแนนทุกอันคือสามปี ถ้าหากภายในสามปีไม่สามารถไปถึงมาตรฐานต่ำสุดของโรงเรียนทหาร ก็จะโดนทางโรงเรียนไล่ออก และปีนี้ก็คือปีที่สามของผมแล้ว…” ตอนนี้แววตาของจีอู๋ปู้ซิวดูสับสนอย่างยิ่ง มันมีความดื้อรั้นและก็มีความสงสัยในตัวเอง เขาพลันกัดฟันกล่าวว่า “ปีนี้ผมต้องออกไปจากหมู่บ้านซานหยางและไปที่เมืองซิ่นหยางให้ได้ นี่เป็นโอกาสสุดท้ายของผมแล้ว ผมจะยอมแพ้แบบนี้ไม่ได้เด็ดขาด”

จีอู๋ปู้ซิวดึงดันไม่ยอมก้มหัวแบบนี้ทำให้หลิงหลานประทับใจเล็กน้อย ความประทับใจของเธอที่มีต่อราชันสายฟ้าได้เปลี่ยนจากเฉยชาในตอนแรกมาเป็นไม่ชอบนิดหน่อยแล้ว หลิงหลานขมวดคิ้วถามว่า “ราชันสายฟ้าวางอำนาจบาตรใหญ่ขนาดนี้เชียว?”

ถ้าหากรูปแบบวิธีการของอีกฝ่ายเป็นแบบนี้จริงๆ ละก็ หลิงหลานแทบจะมั่นใจได้เลยว่ากลุ่มนักเรียนใหม่ของพวกเธอจะต้องโดนอีกฝ่ายโจมตีอย่างไร้ความปรานีแน่นอน คนที่วางอำนาจบาตรใหญ่ไม่มีทางยอมให้กลุ่มนักเรียนใหม่ที่ควบคุมไม่ได้โผล่ขึ้นมาเด็ดขาด ดูท่าเธอต้องใคร่ครวญให้ดีซะแล้ว

“วางอำนาจบาตรใหญ่เหรอ?” จีอู๋ปู้ซิวส่ายหน้า “เขาไม่สนใจนักเรียนธรรมดา ไม่เคยแตะพวกเขาเลย แต่เขากลับให้ความสำคัญกับนักเรียนที่มีพรสวรรค์บางคนมาก ถึงขนาดที่ใช้วิธีการบีบบังคับให้อีกฝ่ายเข้าร่วมกลุ่ม แต่ได้ยินว่าเขาเอาใจใส่คนที่เข้าร่วมกลุ่มของเขามาก ไม่ว่าจะเป็นคนที่ยินดีเข้าร่วมหรือว่าถูกบีบให้เข้าร่วม มีเพื่อนร่วมชั้นหลายคนที่โดนบีบให้เข้าร่วมกลุ่มพร้อมฉัน ตอนนี้กลับไม่มีคำบ่นขุ่นเคืองอะไรแล้ว ตรงกันข้ามพวกเขากลับเตือนให้ฉันอย่าพลาดโอกาส…” จีอู๋ปู้ซิวเอ่ยด้วยรอยยิ้มขื่น นี่ก็คือสาเหตุที่เขาเริ่มลังเล

“แน่นอนว่า ถ้าคนที่มีพรสวรรค์พวกนั้นมีกลุ่มอำนาจอื่นปกป้อง เขาก็ไม่สอดมือเข้าไปยุ่งเกี่ยว” จีอู๋ปู้ซิวเอ่ยเสริมต่อ

หลิงหลานฟังแล้ว คิ้วเรียวสองข้างของเธอก็ขมวดแน่น จากคำพูดของจีอู๋ปู้ซิว หลิงหลานรู้ว่าราชันสายฟ้าคนนี้เป็นคนที่ชาญฉลาดแน่นอน รู้ว่าต้องทำยังไงถึงจะรับประกันความแข็งแกร่งของตัวเอง ในขณะเดียวกันก็ไม่ทำให้กลุ่มอำนาจอื่นรวมกลุ่มกันต่อต้านเขาด้วย…ถ้าจะต่อกรกับคู่ต่อสู้แบบนี้ก็ยุ่งยากอยู่บ้างจริงๆ

เวลานี้ในใจหลิงหลานรู้สึกนึกเสียใจอยู่บ้างว่าทำไมเธอถึงรับภารกิจแบบนี้ด้วยนะ เธอเชื่อว่าต่อให้จีอู๋ปู้ซิวไม่เปิดเผยชื่อของเธอ แต่อาศัยความสามารถของราชันสายฟ้าก็สามารถหาตัวเธอออกมาจากเบาะแสเล็กๆ น้อยๆ ได้ นี่ไม่ได้บอกว่าหลิงหลานกลัวราชันสายฟ้านะ แต่หลิงหลานยังไม่อยากล่วงเกินราชันสายฟ้าที่เป็นกลุ่มอำนาจใหญ่ที่สุดโดยที่เธอยังไม่รู้สถานการณ์ของโรงเรียนทหารอย่างแน่ชัด สำหรับหลิงหลานแล้ว ยิ่งเปิดเผยตัวตนช้าเท่าไหร่ ก็ยิ่งปลอดภัยต่อเธอมากขึ้นเท่านั้น ถึงยังไงความลับบนตัวเธอก็ไม่เหมาะให้เธอยืนอยู่ต่อหน้าผู้คน…

“หลิงหลาน ทองย่อมส่องประกายเสมอ นี่ไม่ใช่สิ่งที่เธออยากปิดก็ปิดได้ ถึงแม้ว่าสถานะตัวตนของเธอจะไม่ชัดเจน มีความพะว้าพะวงตอนที่อยู่ในโรงเรียนทหารบ้างจริงๆ แต่นี่ไม่ได้หมายความว่าเธอจำเป็นต้องข่มกลั้นหรือว่าอดทนต่อการเหยียดหยาม เธอต้องรู้ว่าลูกของฉัน หลิงเซียว ไม่จำเป็นต้องกลัวอะไรทั้งนั้น เมื่อเธออยากทำอะไร ก็ไปทำด้วยความกล้าหาญเถอะ! ฉัน หลิงเซียวพ่อของเธอมีความสามารถพอที่จะแบกรับผลทุกอย่าง” เวลานี้เอง บทสนทนาที่หลิงเซียวกล่าวกับเธอตอนที่เธอออกจากบ้านได้แวบขึ้นมาในความคิดอีกครั้ง ทำให้หัวใจของหลิงหลานสั่นสะท้านฉับพลัน

หลิงหลานอดใช้มือปิดหน้าไม่ได้ มุมปากยกขึ้นเล็กน้อย ‘ตอนนี้เธอไม่เหมือนเดิมแล้วจริงๆ ไม่ใช่คนที่พยายามดิ้นรนต่อสู้เพื่อปกป้องหลานลั่วเฟิ่งและตระกูลหลิงทั้งตระกูลคนเดียว ตอนนี้ด้านหลังเธอมีภูเขาลูกใหญ่ตั้งอยู่ นายพลหลิงเซียวแห่งสหพันธรัฐ พ่อที่ยอดเยี่ยมที่สุดในชีวิตของเธอ’

หลิงหลานอดเย้ยหยันตัวเองในใจไม่ได้ ‘หลิงหลาน เธอต้องปรับตัวให้เข้ากับสถานะนี้ได้แล้ว ตอนนี้เธอไม่ใช่คนจืดจางที่นอนป่วยรอความตายอยู่บนเตียงเหมือนในชาติก่อนแล้ว แต่เธอเป็น ‘ลูกชาย’ นายพลหลิงเซียวแห่งสหพันธรัฐ ผู้ควบคุมหุ่นรบขั้นเทวะที่แข็งแกร่งที่สุดของสหพันธรัฐ เธอมีกำลังมากพอที่จะต่อกรกับการยั่วยุของใครๆ ต่อให้ราชันสายฟ้าโหดเหี้ยมแข็งแกร่งอีกสักแค่ไหนแล้วเป็นยังไง? ทายาทรุ่นสองอย่างเธอยังต้องกลัวด้วยเหรอ?’

ตอนนั้นเธอเคยบอกพวกฉีหลงกับอู่จย่งไม่ใช่เหรอว่า ถ้าอยากใช้ชีวิตอย่างอิสระในโรงเรียนทหาร นอกจากต้องอดทนแล้ว ควรมีการวางอำนาจบาตรใหญ่และอวดดีด้วยเหมือนกัน จะขาดอะไรไปไม่ได้เลย ในฐานะที่เธอเป็นคนเอ่ยคำพูดนี้ เธอจะหัวหดเพราะการวางอำนาจบาตรใหญ่ลำพองตนของราชันสายฟ้าได้ยังไง? เธอต้องทิ้งตัวเองในชาติก่อนไป และกลายเป็นหลิงหลานในชาตินี้อย่างแท้จริง…

ในที่สุดตอนนี้หลิงหลานก็รู้แล้วว่า เป้าหมายที่จะใช้ชีวิตอย่างสงบสุขมั่นคงที่เธอวางไว้เมื่อตอนนั้นได้สิ้นสุกลงตั้งแต่ที่หลิงเซียวฟื้นคืนชีพกลับมาแล้ว ในฐานะที่เป็นลูกของผู้ควบคุมหุ่นรบขั้นเทวะหนึ่งในนายพลของสหพันธรัฐ เธอถูกกำหนดให้ไม่สามารถใช้ชีวิตที่ธรรมดาได้ ต่อให้เธอกลับคืนสู่เพศสภาพเดิม ก็กลับไปใช้ชีวิตที่มั่นคงสงบสุขในตอนแรกไม่ได้เช่นกัน อนาคตของเธอถูกกำหนดให้ใช้ชีวิตที่ระทึกใจ….

ถึงเวลาเปลี่ยนแปลงแล้ว! แววตาของหลิงหลานส่องแสงเย็นเยียบออกมาแวบหนึ่ง มีความแน่วแน่อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน!

จีอู๋ปู้ซิวไม่รู้ว่าหลิงหลานขบคิดเรื่องบางอย่างกระจ่างแล้ว การเปลี่ยนแปลงท่าทีของเธอนับตั้งแต่นี้เป็นต้นไปทำให้เธอดูแข็งกร้าวขึ้นมา เขาถูกความละอายใจซัดใส่แล้ว จึงเริ่มกล่าวขอโทษว่า “ขอโทษจริงๆ นะ คุณส่งผมไปเมืองซิ่นหยางในครั้งนี้จะต้องล่วงเกินราชันสายฟ้าแน่นอน”

“ไม่เป็นไร!” หลิงหลานที่ไม่มีความกังวลแล้วเอ่ยด้วยความเฉยชา “ราชันสายฟ้า? บางทีคนอื่นอาจจะเกรงกลัวเขาบ้าง…แต่ฉันไม่กลัวหรอก”

หลิงหลานกล่าวจบก็มองไปยังจีอู๋ปู้ซิวและพูดว่า “ถ้าเกิดมีปัญหาอะไร นายก็มาหาฉันได้ นายยังมีโอกาสจ้างฉันหนึ่งครั้ง อย่าให้เสียเปล่าล่ะ” ความหมายของหลิงหลานชัดเจนมาก ถ้าหากราชันสายฟ้ามากดดันเขาอีก จีอู๋ปู้ซิวสามารถไปหาเธอเพื่อขอความช่วยเหลือได้

คำพูดของหลิงหลานทำให้แววตาของจีอู๋ปู้ซิวโชนแสงขึ้นมาทันใด แต่มันก็มืดลงอย่างรวดเร็ว เขารู้ดีว่ากลุ่มของราชันสายฟ้ายิ่งใหญ่ระดับไหน ถึงแม้ว่าทักษะการต่อสู้ด้านหุ่นรบของหลิงเทียนอีเซี่ยนเก่งกาจมาก แต่ว่าต่อให้แข็งแกร่งอีกสักแค่ไหนก็ต้านทานกลุ่มของราชันสายฟ้าไม่ไหว เขาไม่อาจเห็นแก่ตัวทำให้เพื่อนตกอยู่ท่ามกลางหายนะได้

หลิงหลานเห็นจีอู๋ปู้ซิวเงียบกริบไม่พูดจา เธอย่อมรู้ความกังวลของจีอู๋ปู้ซิวดี นี่ทำให้ความประทับใจของเธอที่มีต่อจีอู๋ปู้ซิวดีมากขึ้นไปอีกเล็กน้อย เลยอดกล่าวไม่ได้ว่า “พวกเราก็มีคนเหมือนกัน”

ถ้าหากเธอบอกพวกฉีหลงว่าหลังจากนี้อีกไม่นานอาจจะต้องสู้กับกลุ่มอำนาจที่แข็งแกร่งที่สุดของโรงเรียน เด็กกลุ่มนั้นจะต้องดีใจแทบบ้าแน่นอน…หลิงหลานคล้ายกับมองเห็นพวกฉีหลงถูกำปั้นเตรียมพร้อมทำท่าหาเรื่อง ในใจก็รู้สึกเลือดร้อนขึ้นมา

คำพูดของหลิงหลานทำให้จีอู๋ปู้ซิวเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง แต่เขากลับสัมผัสได้ถึงเจตนาดีของหลิงหลานอย่างลึกซึ้ง ในใจอดรู้สึกซาบซึ้งต่อยอดฝีมือหุ่นรบที่พบกันโดยบังเอิญคนนี้ไม่ได้ ถึงแม้เขาไม่คิดว่าหลิงเทียนอีเซี่ยนจะแก้ไขสภาวะวิกฤติของเขาได้จริงๆ แต่เขายังคงตื้นตันใจมาก

จีอู๋ปู้ซิวร้องอื้อหนักๆ หัวใจที่เดิมทีลังเลอยู่บ้างพลันสงบนิ่งลง ต่อให้รู้แน่ชัดว่าอนาคตไม่แน่นอน แต่ตอนนี้เขาจุดความมั่นใจขึ้นมาอีกครั้ง กลับมามีจิตวิญญาณต่อสู้ เดินต่อไปด้วยความกล้าหาญ เขาขอบคุณสวรรค์ที่เขาไม่ได้โดนโลกใบนี้ทอดทิ้ง ยังมีคนยินดียื่นมือช่วยเหลือเขา!

ทั้งสองคนหยุดสนทนาและเดินทางต่อ ก่อนออกเดินทางจีอู๋ปู้ซิวไม่ลืมเก็บอุปกรณ์ที่ฝ่ายตรงข้ามดรอปลงมา ถึงยังไงเขาก็มีเรื่องกับราชันสายฟ้าไปแล้ว เขาไม่กังวลเรื่องเพิ่มหนี้แค้นแล้ว

บางทีคนที่ตามรอยมากอาจจะตายระหว่างทางกันหมดแล้ว หลิงหลานกับจีอู๋ปู้ซิวจึงไม่เห็นร่องรอยไล่ตามใดๆ ตลอดการเดินทางเลย พวกเขามาถึงเมืองซิ่นหยางอย่างราบรื่น

หลิงหลานได้รับ 200 คะแนนของเธอท่ามกลางเสียงขอบคุณของจีอู๋ปู้ซิว หลังจากนั้นพวกเขาก็บอกลากัน

พอเห็นคะแนนสะสมที่เดิมทีคือตัวเลข 0 เปลี่ยนมาเป็น 200 คะแนนฉับพลัน หลิงหลานก็อารมณ์ดีอย่างยิ่ง จากนั้นเธอก็วิ่งไปที่ศาลาการ เมื่อทำภารกิจส่งจดหมายเสร็จ เธอก็รีบกลับไปที่หมู่บ้านซานหยางโดยไม่หยุดพัก

เมื่อหลิงหลานมาถึงหมู่บ้านซานหยาง เธอก็พบว่ามีคนไม่น้อยกำลังลอบมองเธออยู่ หลิงหลานไม่ต้องคาดเดาก็รู้ว่าคนเหล่านี้ต้องเป็นคนของราชันสายฟ้าแน่นอน เธอเข้ามาที่โลกหุ่นรบได้แค่ไม่กี่ชั่วโมง นอกจากทำภารกิจช่วยเหลือจีอู๋ปู้ซิวไปส่งที่เมืองซิ่นหยางสำเร็จและล่วงเกินราชันสายฟ้าแล้ว คนอื่นๆ ไม่น่าสนใจเธอจริงๆ

หลิงหลานไม่เกรงกลัวพวกเขา ถ้าหากคนของราชันสายฟ้าไม่มาหาเรื่องเธอ เธอก็ไม่ไปลงมือหาเรื่องอีกฝ่ายก่อน ถึงยังไงราชันสายฟ้าก็เป็นกลุ่มอำนาจอันดับหนึ่งของโรงเรียนทหาร ท้ายที่สุดหลิงหลานไม่อยากไปหาเรื่องราชันสายฟ้าในสภาพที่เสียเปรียบทุกด้านหรอกนะ หลิงหลานที่ชินกับการลงมือก่อนคาดหวังว่าเธอจะได้รับข้อมูลของอีกฝ่ายโดยตรงก่อนแล้วค่อยทำการตัดสินใจอีกที ยิ่งไปกว่านั้น กลุ่มอำนาจอื่นกำลังจ้องมองอยู่ด้านข้างอย่างเย็นชา หลิงหลานไม่อยากสร้างความเสียหายให้ตัวเองและทำให้พวกเขาได้ประโยชน์

หลิงหลานแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่องอะไรแล้วไปส่งภารกิจที่ผู้ใหญ่บ้าน ได้รับอุปกรณ์บางอย่างและคะแนนอีก 900 แต้ม ในที่สุดสำเร็จเงื่อนไขคะแนนต่ำสุดของการแข่งขันท้าประลองแล้ว หลิงหลานเลือกเข้าไปในสังเวียนต่อสู้ทันทีแล้วทำการท้าประลองบนสังเวียนเร่งสะสมคะแนน เธอต้องเลื่อนระดับและแลกหุ่นรบที่มีเงื่อนไขต่ำสุดให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ หลังจากนั้นก็ออกไปจากที่นี่แล้วไปรวมกลุ่มกับพวกฉีหลง นี่เป็นภารกิจที่หลิงหลานต้องทำให้เสร็จก่อน

เมื่อหลิงหลานเข้าไปสู้การแข่งขันบนสังเวียน ก็เห็นหลายคนที่อยู่ด้านหลังเปิดอุปกรณ์สื่อสารติดต่อกับคนอื่นๆ

“หัวหน้า อีกฝ่ายเข้าไปในการแข่งขันท้าประลองบนสังเวียนแล้ว ตอนนี้ควรทำยังไงดี?”

“เหอะ กล้าเป็นศัตรูกับเหลยถิงของพวกเรา รนหาที่ตายจริงๆ นายแจ้งลงไป ให้ผู้ควบคุมหุ่นรบฝึกหัดที่เพิ่งเข้าร่วมกลุ่มของเราในเขตนี้หยุดกิจกรรมทุกอย่างแล้วเข้าไปแข่งขันท้าประลองให้หมด ขอเพียงเห็นหุ่นรบกระต่ายก็ทรมานมันให้หนักๆ ฉันอยากให้เขาไม่มีโอกาสเลื่อนระดับ เป็นหุ่นรบฝึกหัดในหมู่บ้านซานหยางตลอดไป” ปลายสายของอุปกรณ์สื่อสารส่งเสียงน่าสะพรึงกลัวออกมา ประกาศจุดจบของหลิงหลานอย่างเย็นชา

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

I’M THE BOSS ลูกพี่หุ่นเทวะ 235 ถึงเวลาเปลี่ยนแปลงแล้ว!

Now you are reading I’M THE BOSS ลูกพี่หุ่นเทวะ Chapter 235 ถึงเวลาเปลี่ยนแปลงแล้ว! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

จีอู๋ปู้ซิวได้ยินคำถามของหลิงหลานก็หันหน้าเอ่ยด้วยรอยยิ้มฝืดเฝื่อนว่า “ราชันสายฟ้าคือผู้นำของกลุ่มอำนาจที่ใหญ่ที่สุดของโรงเรียนเรา กลุ่มของเขาจัดอยู่ระดับต้นๆ ในโลกหุ่นรบด้วย…”

คำพูดของจีอู๋ปู้ซิวทำให้หลิงหลานใจกระตุก ทันใดนั้นเธอก็นึกได้ว่าในโรงเรียนทหารชายที่หนึ่งที่เธอเรียนอยู่ก็มีคนที่มีฉายาว่าราชันสายฟ้าอยู่ไม่ใช่เหรอ? หรือว่าจะเป็นเขา? หลิงหลานอดหรี่ตาไม่ได้ เอ่ยถามช้าๆ ว่า “ใช่…โรงเรียนทหารชายที่หนึ่งหรือเปล่า?”

“เอ๋? ที่แท้คุณก็รู้จักเขาด้วยเหรอ? ใช่แล้ว พวกเราก็คือนักเรียนของโรงเรียนทหารชายที่หนึ่ง” จีอู๋ปู้ซิวประหลาดใจ หลังจากนั้นก็เอ่ยด้วยอารมณ์ที่ดิ่งลงอย่างรวดเร็ว

“พวกคุณเป็นเพื่อนนักเรียนกันไม่ใช่เหรอ? ทำไมความสัมพันธ์ถึงย่ำแย่ขนาดนี้ล่ะ ถึงกับส่งคนเฝ้าจับตามองคุณไม่ปล่อยเลยเหรอ?” หลิงหลานอยากรู้นิดหน่อยแล้วว่าจีอู๋ปู้ซิวล่วงเกินราชันสายฟ้ายังไงกันแน่ ถึงทำให้อีกฝ่ายสิ้นเปลืองแรงเฝ้าจับตามองเขา แต่ไม่เอาให้ตายแบบนี้

“ความจริงแล้ว ผมกับราชันสายฟ้าไม่มีความแค้นส่วนตัวอะไรหรอกครับ เพียงแต่ตอนนั้นผมปฏิเสธเข้าร่วมกลุ่มของเขา เดิมทีคิดว่าต่อให้อีกฝ่ายไม่พอใจ ก็คงไม่ทำเกินไปเหมือนกัน ไม่นึกเลยว่าพวกเขาจะควบคุมผมทุกด้านในโลกหุ่นรบ ทำให้ผมออกไปจากหมู่บ้านซานหยางไม่ได้” จีอู๋ปู้ซิวอธิบาย “ผมไม่ใช่ผู้ควบคุมหุ่นรบด้านต่อสู้ ดังนั้นส่วนใหญ่แล้วผมเลยไม่ได้ออกไปข้างนอก และขอเพียงผมไม่ไปสนามประลองในหมู่บ้าน พวกเขาก็ลงมือกับผมไม่ได้เลย พวกเขาทำอะไรไม่ได้ ทำได้แค่ใช้วิธีจำกัดการไปหมู่บ้านอื่นของผม ขังผมเอาไว้”

จีอู๋ปู้ซิวกล่าวถึงตรงนี้น้ำเสียงก็แฝงไปด้วยร่องรอยความขมขื่น “คุณไม่รู้หรอกว่า โรงเรียนทหารพวกเรามีผลคะแนนส่วนหนึ่งที่ได้รับจากในโลกหุ่นรบ ขีดเส้นตายผลคะแนนทุกอันคือสามปี ถ้าหากภายในสามปีไม่สามารถไปถึงมาตรฐานต่ำสุดของโรงเรียนทหาร ก็จะโดนทางโรงเรียนไล่ออก และปีนี้ก็คือปีที่สามของผมแล้ว…” ตอนนี้แววตาของจีอู๋ปู้ซิวดูสับสนอย่างยิ่ง มันมีความดื้อรั้นและก็มีความสงสัยในตัวเอง เขาพลันกัดฟันกล่าวว่า “ปีนี้ผมต้องออกไปจากหมู่บ้านซานหยางและไปที่เมืองซิ่นหยางให้ได้ นี่เป็นโอกาสสุดท้ายของผมแล้ว ผมจะยอมแพ้แบบนี้ไม่ได้เด็ดขาด”

จีอู๋ปู้ซิวดึงดันไม่ยอมก้มหัวแบบนี้ทำให้หลิงหลานประทับใจเล็กน้อย ความประทับใจของเธอที่มีต่อราชันสายฟ้าได้เปลี่ยนจากเฉยชาในตอนแรกมาเป็นไม่ชอบนิดหน่อยแล้ว หลิงหลานขมวดคิ้วถามว่า “ราชันสายฟ้าวางอำนาจบาตรใหญ่ขนาดนี้เชียว?”

ถ้าหากรูปแบบวิธีการของอีกฝ่ายเป็นแบบนี้จริงๆ ละก็ หลิงหลานแทบจะมั่นใจได้เลยว่ากลุ่มนักเรียนใหม่ของพวกเธอจะต้องโดนอีกฝ่ายโจมตีอย่างไร้ความปรานีแน่นอน คนที่วางอำนาจบาตรใหญ่ไม่มีทางยอมให้กลุ่มนักเรียนใหม่ที่ควบคุมไม่ได้โผล่ขึ้นมาเด็ดขาด ดูท่าเธอต้องใคร่ครวญให้ดีซะแล้ว

“วางอำนาจบาตรใหญ่เหรอ?” จีอู๋ปู้ซิวส่ายหน้า “เขาไม่สนใจนักเรียนธรรมดา ไม่เคยแตะพวกเขาเลย แต่เขากลับให้ความสำคัญกับนักเรียนที่มีพรสวรรค์บางคนมาก ถึงขนาดที่ใช้วิธีการบีบบังคับให้อีกฝ่ายเข้าร่วมกลุ่ม แต่ได้ยินว่าเขาเอาใจใส่คนที่เข้าร่วมกลุ่มของเขามาก ไม่ว่าจะเป็นคนที่ยินดีเข้าร่วมหรือว่าถูกบีบให้เข้าร่วม มีเพื่อนร่วมชั้นหลายคนที่โดนบีบให้เข้าร่วมกลุ่มพร้อมฉัน ตอนนี้กลับไม่มีคำบ่นขุ่นเคืองอะไรแล้ว ตรงกันข้ามพวกเขากลับเตือนให้ฉันอย่าพลาดโอกาส…” จีอู๋ปู้ซิวเอ่ยด้วยรอยยิ้มขื่น นี่ก็คือสาเหตุที่เขาเริ่มลังเล

“แน่นอนว่า ถ้าคนที่มีพรสวรรค์พวกนั้นมีกลุ่มอำนาจอื่นปกป้อง เขาก็ไม่สอดมือเข้าไปยุ่งเกี่ยว” จีอู๋ปู้ซิวเอ่ยเสริมต่อ

หลิงหลานฟังแล้ว คิ้วเรียวสองข้างของเธอก็ขมวดแน่น จากคำพูดของจีอู๋ปู้ซิว หลิงหลานรู้ว่าราชันสายฟ้าคนนี้เป็นคนที่ชาญฉลาดแน่นอน รู้ว่าต้องทำยังไงถึงจะรับประกันความแข็งแกร่งของตัวเอง ในขณะเดียวกันก็ไม่ทำให้กลุ่มอำนาจอื่นรวมกลุ่มกันต่อต้านเขาด้วย…ถ้าจะต่อกรกับคู่ต่อสู้แบบนี้ก็ยุ่งยากอยู่บ้างจริงๆ

เวลานี้ในใจหลิงหลานรู้สึกนึกเสียใจอยู่บ้างว่าทำไมเธอถึงรับภารกิจแบบนี้ด้วยนะ เธอเชื่อว่าต่อให้จีอู๋ปู้ซิวไม่เปิดเผยชื่อของเธอ แต่อาศัยความสามารถของราชันสายฟ้าก็สามารถหาตัวเธอออกมาจากเบาะแสเล็กๆ น้อยๆ ได้ นี่ไม่ได้บอกว่าหลิงหลานกลัวราชันสายฟ้านะ แต่หลิงหลานยังไม่อยากล่วงเกินราชันสายฟ้าที่เป็นกลุ่มอำนาจใหญ่ที่สุดโดยที่เธอยังไม่รู้สถานการณ์ของโรงเรียนทหารอย่างแน่ชัด สำหรับหลิงหลานแล้ว ยิ่งเปิดเผยตัวตนช้าเท่าไหร่ ก็ยิ่งปลอดภัยต่อเธอมากขึ้นเท่านั้น ถึงยังไงความลับบนตัวเธอก็ไม่เหมาะให้เธอยืนอยู่ต่อหน้าผู้คน…

“หลิงหลาน ทองย่อมส่องประกายเสมอ นี่ไม่ใช่สิ่งที่เธออยากปิดก็ปิดได้ ถึงแม้ว่าสถานะตัวตนของเธอจะไม่ชัดเจน มีความพะว้าพะวงตอนที่อยู่ในโรงเรียนทหารบ้างจริงๆ แต่นี่ไม่ได้หมายความว่าเธอจำเป็นต้องข่มกลั้นหรือว่าอดทนต่อการเหยียดหยาม เธอต้องรู้ว่าลูกของฉัน หลิงเซียว ไม่จำเป็นต้องกลัวอะไรทั้งนั้น เมื่อเธออยากทำอะไร ก็ไปทำด้วยความกล้าหาญเถอะ! ฉัน หลิงเซียวพ่อของเธอมีความสามารถพอที่จะแบกรับผลทุกอย่าง” เวลานี้เอง บทสนทนาที่หลิงเซียวกล่าวกับเธอตอนที่เธอออกจากบ้านได้แวบขึ้นมาในความคิดอีกครั้ง ทำให้หัวใจของหลิงหลานสั่นสะท้านฉับพลัน

หลิงหลานอดใช้มือปิดหน้าไม่ได้ มุมปากยกขึ้นเล็กน้อย ‘ตอนนี้เธอไม่เหมือนเดิมแล้วจริงๆ ไม่ใช่คนที่พยายามดิ้นรนต่อสู้เพื่อปกป้องหลานลั่วเฟิ่งและตระกูลหลิงทั้งตระกูลคนเดียว ตอนนี้ด้านหลังเธอมีภูเขาลูกใหญ่ตั้งอยู่ นายพลหลิงเซียวแห่งสหพันธรัฐ พ่อที่ยอดเยี่ยมที่สุดในชีวิตของเธอ’

หลิงหลานอดเย้ยหยันตัวเองในใจไม่ได้ ‘หลิงหลาน เธอต้องปรับตัวให้เข้ากับสถานะนี้ได้แล้ว ตอนนี้เธอไม่ใช่คนจืดจางที่นอนป่วยรอความตายอยู่บนเตียงเหมือนในชาติก่อนแล้ว แต่เธอเป็น ‘ลูกชาย’ นายพลหลิงเซียวแห่งสหพันธรัฐ ผู้ควบคุมหุ่นรบขั้นเทวะที่แข็งแกร่งที่สุดของสหพันธรัฐ เธอมีกำลังมากพอที่จะต่อกรกับการยั่วยุของใครๆ ต่อให้ราชันสายฟ้าโหดเหี้ยมแข็งแกร่งอีกสักแค่ไหนแล้วเป็นยังไง? ทายาทรุ่นสองอย่างเธอยังต้องกลัวด้วยเหรอ?’

ตอนนั้นเธอเคยบอกพวกฉีหลงกับอู่จย่งไม่ใช่เหรอว่า ถ้าอยากใช้ชีวิตอย่างอิสระในโรงเรียนทหาร นอกจากต้องอดทนแล้ว ควรมีการวางอำนาจบาตรใหญ่และอวดดีด้วยเหมือนกัน จะขาดอะไรไปไม่ได้เลย ในฐานะที่เธอเป็นคนเอ่ยคำพูดนี้ เธอจะหัวหดเพราะการวางอำนาจบาตรใหญ่ลำพองตนของราชันสายฟ้าได้ยังไง? เธอต้องทิ้งตัวเองในชาติก่อนไป และกลายเป็นหลิงหลานในชาตินี้อย่างแท้จริง…

ในที่สุดตอนนี้หลิงหลานก็รู้แล้วว่า เป้าหมายที่จะใช้ชีวิตอย่างสงบสุขมั่นคงที่เธอวางไว้เมื่อตอนนั้นได้สิ้นสุกลงตั้งแต่ที่หลิงเซียวฟื้นคืนชีพกลับมาแล้ว ในฐานะที่เป็นลูกของผู้ควบคุมหุ่นรบขั้นเทวะหนึ่งในนายพลของสหพันธรัฐ เธอถูกกำหนดให้ไม่สามารถใช้ชีวิตที่ธรรมดาได้ ต่อให้เธอกลับคืนสู่เพศสภาพเดิม ก็กลับไปใช้ชีวิตที่มั่นคงสงบสุขในตอนแรกไม่ได้เช่นกัน อนาคตของเธอถูกกำหนดให้ใช้ชีวิตที่ระทึกใจ….

ถึงเวลาเปลี่ยนแปลงแล้ว! แววตาของหลิงหลานส่องแสงเย็นเยียบออกมาแวบหนึ่ง มีความแน่วแน่อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน!

จีอู๋ปู้ซิวไม่รู้ว่าหลิงหลานขบคิดเรื่องบางอย่างกระจ่างแล้ว การเปลี่ยนแปลงท่าทีของเธอนับตั้งแต่นี้เป็นต้นไปทำให้เธอดูแข็งกร้าวขึ้นมา เขาถูกความละอายใจซัดใส่แล้ว จึงเริ่มกล่าวขอโทษว่า “ขอโทษจริงๆ นะ คุณส่งผมไปเมืองซิ่นหยางในครั้งนี้จะต้องล่วงเกินราชันสายฟ้าแน่นอน”

“ไม่เป็นไร!” หลิงหลานที่ไม่มีความกังวลแล้วเอ่ยด้วยความเฉยชา “ราชันสายฟ้า? บางทีคนอื่นอาจจะเกรงกลัวเขาบ้าง…แต่ฉันไม่กลัวหรอก”

หลิงหลานกล่าวจบก็มองไปยังจีอู๋ปู้ซิวและพูดว่า “ถ้าเกิดมีปัญหาอะไร นายก็มาหาฉันได้ นายยังมีโอกาสจ้างฉันหนึ่งครั้ง อย่าให้เสียเปล่าล่ะ” ความหมายของหลิงหลานชัดเจนมาก ถ้าหากราชันสายฟ้ามากดดันเขาอีก จีอู๋ปู้ซิวสามารถไปหาเธอเพื่อขอความช่วยเหลือได้

คำพูดของหลิงหลานทำให้แววตาของจีอู๋ปู้ซิวโชนแสงขึ้นมาทันใด แต่มันก็มืดลงอย่างรวดเร็ว เขารู้ดีว่ากลุ่มของราชันสายฟ้ายิ่งใหญ่ระดับไหน ถึงแม้ว่าทักษะการต่อสู้ด้านหุ่นรบของหลิงเทียนอีเซี่ยนเก่งกาจมาก แต่ว่าต่อให้แข็งแกร่งอีกสักแค่ไหนก็ต้านทานกลุ่มของราชันสายฟ้าไม่ไหว เขาไม่อาจเห็นแก่ตัวทำให้เพื่อนตกอยู่ท่ามกลางหายนะได้

หลิงหลานเห็นจีอู๋ปู้ซิวเงียบกริบไม่พูดจา เธอย่อมรู้ความกังวลของจีอู๋ปู้ซิวดี นี่ทำให้ความประทับใจของเธอที่มีต่อจีอู๋ปู้ซิวดีมากขึ้นไปอีกเล็กน้อย เลยอดกล่าวไม่ได้ว่า “พวกเราก็มีคนเหมือนกัน”

ถ้าหากเธอบอกพวกฉีหลงว่าหลังจากนี้อีกไม่นานอาจจะต้องสู้กับกลุ่มอำนาจที่แข็งแกร่งที่สุดของโรงเรียน เด็กกลุ่มนั้นจะต้องดีใจแทบบ้าแน่นอน…หลิงหลานคล้ายกับมองเห็นพวกฉีหลงถูกำปั้นเตรียมพร้อมทำท่าหาเรื่อง ในใจก็รู้สึกเลือดร้อนขึ้นมา

คำพูดของหลิงหลานทำให้จีอู๋ปู้ซิวเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง แต่เขากลับสัมผัสได้ถึงเจตนาดีของหลิงหลานอย่างลึกซึ้ง ในใจอดรู้สึกซาบซึ้งต่อยอดฝีมือหุ่นรบที่พบกันโดยบังเอิญคนนี้ไม่ได้ ถึงแม้เขาไม่คิดว่าหลิงเทียนอีเซี่ยนจะแก้ไขสภาวะวิกฤติของเขาได้จริงๆ แต่เขายังคงตื้นตันใจมาก

จีอู๋ปู้ซิวร้องอื้อหนักๆ หัวใจที่เดิมทีลังเลอยู่บ้างพลันสงบนิ่งลง ต่อให้รู้แน่ชัดว่าอนาคตไม่แน่นอน แต่ตอนนี้เขาจุดความมั่นใจขึ้นมาอีกครั้ง กลับมามีจิตวิญญาณต่อสู้ เดินต่อไปด้วยความกล้าหาญ เขาขอบคุณสวรรค์ที่เขาไม่ได้โดนโลกใบนี้ทอดทิ้ง ยังมีคนยินดียื่นมือช่วยเหลือเขา!

ทั้งสองคนหยุดสนทนาและเดินทางต่อ ก่อนออกเดินทางจีอู๋ปู้ซิวไม่ลืมเก็บอุปกรณ์ที่ฝ่ายตรงข้ามดรอปลงมา ถึงยังไงเขาก็มีเรื่องกับราชันสายฟ้าไปแล้ว เขาไม่กังวลเรื่องเพิ่มหนี้แค้นแล้ว

บางทีคนที่ตามรอยมากอาจจะตายระหว่างทางกันหมดแล้ว หลิงหลานกับจีอู๋ปู้ซิวจึงไม่เห็นร่องรอยไล่ตามใดๆ ตลอดการเดินทางเลย พวกเขามาถึงเมืองซิ่นหยางอย่างราบรื่น

หลิงหลานได้รับ 200 คะแนนของเธอท่ามกลางเสียงขอบคุณของจีอู๋ปู้ซิว หลังจากนั้นพวกเขาก็บอกลากัน

พอเห็นคะแนนสะสมที่เดิมทีคือตัวเลข 0 เปลี่ยนมาเป็น 200 คะแนนฉับพลัน หลิงหลานก็อารมณ์ดีอย่างยิ่ง จากนั้นเธอก็วิ่งไปที่ศาลาการ เมื่อทำภารกิจส่งจดหมายเสร็จ เธอก็รีบกลับไปที่หมู่บ้านซานหยางโดยไม่หยุดพัก

เมื่อหลิงหลานมาถึงหมู่บ้านซานหยาง เธอก็พบว่ามีคนไม่น้อยกำลังลอบมองเธออยู่ หลิงหลานไม่ต้องคาดเดาก็รู้ว่าคนเหล่านี้ต้องเป็นคนของราชันสายฟ้าแน่นอน เธอเข้ามาที่โลกหุ่นรบได้แค่ไม่กี่ชั่วโมง นอกจากทำภารกิจช่วยเหลือจีอู๋ปู้ซิวไปส่งที่เมืองซิ่นหยางสำเร็จและล่วงเกินราชันสายฟ้าแล้ว คนอื่นๆ ไม่น่าสนใจเธอจริงๆ

หลิงหลานไม่เกรงกลัวพวกเขา ถ้าหากคนของราชันสายฟ้าไม่มาหาเรื่องเธอ เธอก็ไม่ไปลงมือหาเรื่องอีกฝ่ายก่อน ถึงยังไงราชันสายฟ้าก็เป็นกลุ่มอำนาจอันดับหนึ่งของโรงเรียนทหาร ท้ายที่สุดหลิงหลานไม่อยากไปหาเรื่องราชันสายฟ้าในสภาพที่เสียเปรียบทุกด้านหรอกนะ หลิงหลานที่ชินกับการลงมือก่อนคาดหวังว่าเธอจะได้รับข้อมูลของอีกฝ่ายโดยตรงก่อนแล้วค่อยทำการตัดสินใจอีกที ยิ่งไปกว่านั้น กลุ่มอำนาจอื่นกำลังจ้องมองอยู่ด้านข้างอย่างเย็นชา หลิงหลานไม่อยากสร้างความเสียหายให้ตัวเองและทำให้พวกเขาได้ประโยชน์

หลิงหลานแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่องอะไรแล้วไปส่งภารกิจที่ผู้ใหญ่บ้าน ได้รับอุปกรณ์บางอย่างและคะแนนอีก 900 แต้ม ในที่สุดสำเร็จเงื่อนไขคะแนนต่ำสุดของการแข่งขันท้าประลองแล้ว หลิงหลานเลือกเข้าไปในสังเวียนต่อสู้ทันทีแล้วทำการท้าประลองบนสังเวียนเร่งสะสมคะแนน เธอต้องเลื่อนระดับและแลกหุ่นรบที่มีเงื่อนไขต่ำสุดให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ หลังจากนั้นก็ออกไปจากที่นี่แล้วไปรวมกลุ่มกับพวกฉีหลง นี่เป็นภารกิจที่หลิงหลานต้องทำให้เสร็จก่อน

เมื่อหลิงหลานเข้าไปสู้การแข่งขันบนสังเวียน ก็เห็นหลายคนที่อยู่ด้านหลังเปิดอุปกรณ์สื่อสารติดต่อกับคนอื่นๆ

“หัวหน้า อีกฝ่ายเข้าไปในการแข่งขันท้าประลองบนสังเวียนแล้ว ตอนนี้ควรทำยังไงดี?”

“เหอะ กล้าเป็นศัตรูกับเหลยถิงของพวกเรา รนหาที่ตายจริงๆ นายแจ้งลงไป ให้ผู้ควบคุมหุ่นรบฝึกหัดที่เพิ่งเข้าร่วมกลุ่มของเราในเขตนี้หยุดกิจกรรมทุกอย่างแล้วเข้าไปแข่งขันท้าประลองให้หมด ขอเพียงเห็นหุ่นรบกระต่ายก็ทรมานมันให้หนักๆ ฉันอยากให้เขาไม่มีโอกาสเลื่อนระดับ เป็นหุ่นรบฝึกหัดในหมู่บ้านซานหยางตลอดไป” ปลายสายของอุปกรณ์สื่อสารส่งเสียงน่าสะพรึงกลัวออกมา ประกาศจุดจบของหลิงหลานอย่างเย็นชา

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

I’M THE BOSS ลูกพี่หุ่นเทวะ 235 ถึงเวลาเปลี่ยนแปลงแล้ว!

Now you are reading I’M THE BOSS ลูกพี่หุ่นเทวะ Chapter 235 ถึงเวลาเปลี่ยนแปลงแล้ว! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

จีอู๋ปู้ซิวได้ยินคำถามของหลิงหลานก็หันหน้าเอ่ยด้วยรอยยิ้มฝืดเฝื่อนว่า “ราชันสายฟ้าคือผู้นำของกลุ่มอำนาจที่ใหญ่ที่สุดของโรงเรียนเรา กลุ่มของเขาจัดอยู่ระดับต้นๆ ในโลกหุ่นรบด้วย…”

คำพูดของจีอู๋ปู้ซิวทำให้หลิงหลานใจกระตุก ทันใดนั้นเธอก็นึกได้ว่าในโรงเรียนทหารชายที่หนึ่งที่เธอเรียนอยู่ก็มีคนที่มีฉายาว่าราชันสายฟ้าอยู่ไม่ใช่เหรอ? หรือว่าจะเป็นเขา? หลิงหลานอดหรี่ตาไม่ได้ เอ่ยถามช้าๆ ว่า “ใช่…โรงเรียนทหารชายที่หนึ่งหรือเปล่า?”

“เอ๋? ที่แท้คุณก็รู้จักเขาด้วยเหรอ? ใช่แล้ว พวกเราก็คือนักเรียนของโรงเรียนทหารชายที่หนึ่ง” จีอู๋ปู้ซิวประหลาดใจ หลังจากนั้นก็เอ่ยด้วยอารมณ์ที่ดิ่งลงอย่างรวดเร็ว

“พวกคุณเป็นเพื่อนนักเรียนกันไม่ใช่เหรอ? ทำไมความสัมพันธ์ถึงย่ำแย่ขนาดนี้ล่ะ ถึงกับส่งคนเฝ้าจับตามองคุณไม่ปล่อยเลยเหรอ?” หลิงหลานอยากรู้นิดหน่อยแล้วว่าจีอู๋ปู้ซิวล่วงเกินราชันสายฟ้ายังไงกันแน่ ถึงทำให้อีกฝ่ายสิ้นเปลืองแรงเฝ้าจับตามองเขา แต่ไม่เอาให้ตายแบบนี้

“ความจริงแล้ว ผมกับราชันสายฟ้าไม่มีความแค้นส่วนตัวอะไรหรอกครับ เพียงแต่ตอนนั้นผมปฏิเสธเข้าร่วมกลุ่มของเขา เดิมทีคิดว่าต่อให้อีกฝ่ายไม่พอใจ ก็คงไม่ทำเกินไปเหมือนกัน ไม่นึกเลยว่าพวกเขาจะควบคุมผมทุกด้านในโลกหุ่นรบ ทำให้ผมออกไปจากหมู่บ้านซานหยางไม่ได้” จีอู๋ปู้ซิวอธิบาย “ผมไม่ใช่ผู้ควบคุมหุ่นรบด้านต่อสู้ ดังนั้นส่วนใหญ่แล้วผมเลยไม่ได้ออกไปข้างนอก และขอเพียงผมไม่ไปสนามประลองในหมู่บ้าน พวกเขาก็ลงมือกับผมไม่ได้เลย พวกเขาทำอะไรไม่ได้ ทำได้แค่ใช้วิธีจำกัดการไปหมู่บ้านอื่นของผม ขังผมเอาไว้”

จีอู๋ปู้ซิวกล่าวถึงตรงนี้น้ำเสียงก็แฝงไปด้วยร่องรอยความขมขื่น “คุณไม่รู้หรอกว่า โรงเรียนทหารพวกเรามีผลคะแนนส่วนหนึ่งที่ได้รับจากในโลกหุ่นรบ ขีดเส้นตายผลคะแนนทุกอันคือสามปี ถ้าหากภายในสามปีไม่สามารถไปถึงมาตรฐานต่ำสุดของโรงเรียนทหาร ก็จะโดนทางโรงเรียนไล่ออก และปีนี้ก็คือปีที่สามของผมแล้ว…” ตอนนี้แววตาของจีอู๋ปู้ซิวดูสับสนอย่างยิ่ง มันมีความดื้อรั้นและก็มีความสงสัยในตัวเอง เขาพลันกัดฟันกล่าวว่า “ปีนี้ผมต้องออกไปจากหมู่บ้านซานหยางและไปที่เมืองซิ่นหยางให้ได้ นี่เป็นโอกาสสุดท้ายของผมแล้ว ผมจะยอมแพ้แบบนี้ไม่ได้เด็ดขาด”

จีอู๋ปู้ซิวดึงดันไม่ยอมก้มหัวแบบนี้ทำให้หลิงหลานประทับใจเล็กน้อย ความประทับใจของเธอที่มีต่อราชันสายฟ้าได้เปลี่ยนจากเฉยชาในตอนแรกมาเป็นไม่ชอบนิดหน่อยแล้ว หลิงหลานขมวดคิ้วถามว่า “ราชันสายฟ้าวางอำนาจบาตรใหญ่ขนาดนี้เชียว?”

ถ้าหากรูปแบบวิธีการของอีกฝ่ายเป็นแบบนี้จริงๆ ละก็ หลิงหลานแทบจะมั่นใจได้เลยว่ากลุ่มนักเรียนใหม่ของพวกเธอจะต้องโดนอีกฝ่ายโจมตีอย่างไร้ความปรานีแน่นอน คนที่วางอำนาจบาตรใหญ่ไม่มีทางยอมให้กลุ่มนักเรียนใหม่ที่ควบคุมไม่ได้โผล่ขึ้นมาเด็ดขาด ดูท่าเธอต้องใคร่ครวญให้ดีซะแล้ว

“วางอำนาจบาตรใหญ่เหรอ?” จีอู๋ปู้ซิวส่ายหน้า “เขาไม่สนใจนักเรียนธรรมดา ไม่เคยแตะพวกเขาเลย แต่เขากลับให้ความสำคัญกับนักเรียนที่มีพรสวรรค์บางคนมาก ถึงขนาดที่ใช้วิธีการบีบบังคับให้อีกฝ่ายเข้าร่วมกลุ่ม แต่ได้ยินว่าเขาเอาใจใส่คนที่เข้าร่วมกลุ่มของเขามาก ไม่ว่าจะเป็นคนที่ยินดีเข้าร่วมหรือว่าถูกบีบให้เข้าร่วม มีเพื่อนร่วมชั้นหลายคนที่โดนบีบให้เข้าร่วมกลุ่มพร้อมฉัน ตอนนี้กลับไม่มีคำบ่นขุ่นเคืองอะไรแล้ว ตรงกันข้ามพวกเขากลับเตือนให้ฉันอย่าพลาดโอกาส…” จีอู๋ปู้ซิวเอ่ยด้วยรอยยิ้มขื่น นี่ก็คือสาเหตุที่เขาเริ่มลังเล

“แน่นอนว่า ถ้าคนที่มีพรสวรรค์พวกนั้นมีกลุ่มอำนาจอื่นปกป้อง เขาก็ไม่สอดมือเข้าไปยุ่งเกี่ยว” จีอู๋ปู้ซิวเอ่ยเสริมต่อ

หลิงหลานฟังแล้ว คิ้วเรียวสองข้างของเธอก็ขมวดแน่น จากคำพูดของจีอู๋ปู้ซิว หลิงหลานรู้ว่าราชันสายฟ้าคนนี้เป็นคนที่ชาญฉลาดแน่นอน รู้ว่าต้องทำยังไงถึงจะรับประกันความแข็งแกร่งของตัวเอง ในขณะเดียวกันก็ไม่ทำให้กลุ่มอำนาจอื่นรวมกลุ่มกันต่อต้านเขาด้วย…ถ้าจะต่อกรกับคู่ต่อสู้แบบนี้ก็ยุ่งยากอยู่บ้างจริงๆ

เวลานี้ในใจหลิงหลานรู้สึกนึกเสียใจอยู่บ้างว่าทำไมเธอถึงรับภารกิจแบบนี้ด้วยนะ เธอเชื่อว่าต่อให้จีอู๋ปู้ซิวไม่เปิดเผยชื่อของเธอ แต่อาศัยความสามารถของราชันสายฟ้าก็สามารถหาตัวเธอออกมาจากเบาะแสเล็กๆ น้อยๆ ได้ นี่ไม่ได้บอกว่าหลิงหลานกลัวราชันสายฟ้านะ แต่หลิงหลานยังไม่อยากล่วงเกินราชันสายฟ้าที่เป็นกลุ่มอำนาจใหญ่ที่สุดโดยที่เธอยังไม่รู้สถานการณ์ของโรงเรียนทหารอย่างแน่ชัด สำหรับหลิงหลานแล้ว ยิ่งเปิดเผยตัวตนช้าเท่าไหร่ ก็ยิ่งปลอดภัยต่อเธอมากขึ้นเท่านั้น ถึงยังไงความลับบนตัวเธอก็ไม่เหมาะให้เธอยืนอยู่ต่อหน้าผู้คน…

“หลิงหลาน ทองย่อมส่องประกายเสมอ นี่ไม่ใช่สิ่งที่เธออยากปิดก็ปิดได้ ถึงแม้ว่าสถานะตัวตนของเธอจะไม่ชัดเจน มีความพะว้าพะวงตอนที่อยู่ในโรงเรียนทหารบ้างจริงๆ แต่นี่ไม่ได้หมายความว่าเธอจำเป็นต้องข่มกลั้นหรือว่าอดทนต่อการเหยียดหยาม เธอต้องรู้ว่าลูกของฉัน หลิงเซียว ไม่จำเป็นต้องกลัวอะไรทั้งนั้น เมื่อเธออยากทำอะไร ก็ไปทำด้วยความกล้าหาญเถอะ! ฉัน หลิงเซียวพ่อของเธอมีความสามารถพอที่จะแบกรับผลทุกอย่าง” เวลานี้เอง บทสนทนาที่หลิงเซียวกล่าวกับเธอตอนที่เธอออกจากบ้านได้แวบขึ้นมาในความคิดอีกครั้ง ทำให้หัวใจของหลิงหลานสั่นสะท้านฉับพลัน

หลิงหลานอดใช้มือปิดหน้าไม่ได้ มุมปากยกขึ้นเล็กน้อย ‘ตอนนี้เธอไม่เหมือนเดิมแล้วจริงๆ ไม่ใช่คนที่พยายามดิ้นรนต่อสู้เพื่อปกป้องหลานลั่วเฟิ่งและตระกูลหลิงทั้งตระกูลคนเดียว ตอนนี้ด้านหลังเธอมีภูเขาลูกใหญ่ตั้งอยู่ นายพลหลิงเซียวแห่งสหพันธรัฐ พ่อที่ยอดเยี่ยมที่สุดในชีวิตของเธอ’

หลิงหลานอดเย้ยหยันตัวเองในใจไม่ได้ ‘หลิงหลาน เธอต้องปรับตัวให้เข้ากับสถานะนี้ได้แล้ว ตอนนี้เธอไม่ใช่คนจืดจางที่นอนป่วยรอความตายอยู่บนเตียงเหมือนในชาติก่อนแล้ว แต่เธอเป็น ‘ลูกชาย’ นายพลหลิงเซียวแห่งสหพันธรัฐ ผู้ควบคุมหุ่นรบขั้นเทวะที่แข็งแกร่งที่สุดของสหพันธรัฐ เธอมีกำลังมากพอที่จะต่อกรกับการยั่วยุของใครๆ ต่อให้ราชันสายฟ้าโหดเหี้ยมแข็งแกร่งอีกสักแค่ไหนแล้วเป็นยังไง? ทายาทรุ่นสองอย่างเธอยังต้องกลัวด้วยเหรอ?’

ตอนนั้นเธอเคยบอกพวกฉีหลงกับอู่จย่งไม่ใช่เหรอว่า ถ้าอยากใช้ชีวิตอย่างอิสระในโรงเรียนทหาร นอกจากต้องอดทนแล้ว ควรมีการวางอำนาจบาตรใหญ่และอวดดีด้วยเหมือนกัน จะขาดอะไรไปไม่ได้เลย ในฐานะที่เธอเป็นคนเอ่ยคำพูดนี้ เธอจะหัวหดเพราะการวางอำนาจบาตรใหญ่ลำพองตนของราชันสายฟ้าได้ยังไง? เธอต้องทิ้งตัวเองในชาติก่อนไป และกลายเป็นหลิงหลานในชาตินี้อย่างแท้จริง…

ในที่สุดตอนนี้หลิงหลานก็รู้แล้วว่า เป้าหมายที่จะใช้ชีวิตอย่างสงบสุขมั่นคงที่เธอวางไว้เมื่อตอนนั้นได้สิ้นสุกลงตั้งแต่ที่หลิงเซียวฟื้นคืนชีพกลับมาแล้ว ในฐานะที่เป็นลูกของผู้ควบคุมหุ่นรบขั้นเทวะหนึ่งในนายพลของสหพันธรัฐ เธอถูกกำหนดให้ไม่สามารถใช้ชีวิตที่ธรรมดาได้ ต่อให้เธอกลับคืนสู่เพศสภาพเดิม ก็กลับไปใช้ชีวิตที่มั่นคงสงบสุขในตอนแรกไม่ได้เช่นกัน อนาคตของเธอถูกกำหนดให้ใช้ชีวิตที่ระทึกใจ….

ถึงเวลาเปลี่ยนแปลงแล้ว! แววตาของหลิงหลานส่องแสงเย็นเยียบออกมาแวบหนึ่ง มีความแน่วแน่อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน!

จีอู๋ปู้ซิวไม่รู้ว่าหลิงหลานขบคิดเรื่องบางอย่างกระจ่างแล้ว การเปลี่ยนแปลงท่าทีของเธอนับตั้งแต่นี้เป็นต้นไปทำให้เธอดูแข็งกร้าวขึ้นมา เขาถูกความละอายใจซัดใส่แล้ว จึงเริ่มกล่าวขอโทษว่า “ขอโทษจริงๆ นะ คุณส่งผมไปเมืองซิ่นหยางในครั้งนี้จะต้องล่วงเกินราชันสายฟ้าแน่นอน”

“ไม่เป็นไร!” หลิงหลานที่ไม่มีความกังวลแล้วเอ่ยด้วยความเฉยชา “ราชันสายฟ้า? บางทีคนอื่นอาจจะเกรงกลัวเขาบ้าง…แต่ฉันไม่กลัวหรอก”

หลิงหลานกล่าวจบก็มองไปยังจีอู๋ปู้ซิวและพูดว่า “ถ้าเกิดมีปัญหาอะไร นายก็มาหาฉันได้ นายยังมีโอกาสจ้างฉันหนึ่งครั้ง อย่าให้เสียเปล่าล่ะ” ความหมายของหลิงหลานชัดเจนมาก ถ้าหากราชันสายฟ้ามากดดันเขาอีก จีอู๋ปู้ซิวสามารถไปหาเธอเพื่อขอความช่วยเหลือได้

คำพูดของหลิงหลานทำให้แววตาของจีอู๋ปู้ซิวโชนแสงขึ้นมาทันใด แต่มันก็มืดลงอย่างรวดเร็ว เขารู้ดีว่ากลุ่มของราชันสายฟ้ายิ่งใหญ่ระดับไหน ถึงแม้ว่าทักษะการต่อสู้ด้านหุ่นรบของหลิงเทียนอีเซี่ยนเก่งกาจมาก แต่ว่าต่อให้แข็งแกร่งอีกสักแค่ไหนก็ต้านทานกลุ่มของราชันสายฟ้าไม่ไหว เขาไม่อาจเห็นแก่ตัวทำให้เพื่อนตกอยู่ท่ามกลางหายนะได้

หลิงหลานเห็นจีอู๋ปู้ซิวเงียบกริบไม่พูดจา เธอย่อมรู้ความกังวลของจีอู๋ปู้ซิวดี นี่ทำให้ความประทับใจของเธอที่มีต่อจีอู๋ปู้ซิวดีมากขึ้นไปอีกเล็กน้อย เลยอดกล่าวไม่ได้ว่า “พวกเราก็มีคนเหมือนกัน”

ถ้าหากเธอบอกพวกฉีหลงว่าหลังจากนี้อีกไม่นานอาจจะต้องสู้กับกลุ่มอำนาจที่แข็งแกร่งที่สุดของโรงเรียน เด็กกลุ่มนั้นจะต้องดีใจแทบบ้าแน่นอน…หลิงหลานคล้ายกับมองเห็นพวกฉีหลงถูกำปั้นเตรียมพร้อมทำท่าหาเรื่อง ในใจก็รู้สึกเลือดร้อนขึ้นมา

คำพูดของหลิงหลานทำให้จีอู๋ปู้ซิวเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง แต่เขากลับสัมผัสได้ถึงเจตนาดีของหลิงหลานอย่างลึกซึ้ง ในใจอดรู้สึกซาบซึ้งต่อยอดฝีมือหุ่นรบที่พบกันโดยบังเอิญคนนี้ไม่ได้ ถึงแม้เขาไม่คิดว่าหลิงเทียนอีเซี่ยนจะแก้ไขสภาวะวิกฤติของเขาได้จริงๆ แต่เขายังคงตื้นตันใจมาก

จีอู๋ปู้ซิวร้องอื้อหนักๆ หัวใจที่เดิมทีลังเลอยู่บ้างพลันสงบนิ่งลง ต่อให้รู้แน่ชัดว่าอนาคตไม่แน่นอน แต่ตอนนี้เขาจุดความมั่นใจขึ้นมาอีกครั้ง กลับมามีจิตวิญญาณต่อสู้ เดินต่อไปด้วยความกล้าหาญ เขาขอบคุณสวรรค์ที่เขาไม่ได้โดนโลกใบนี้ทอดทิ้ง ยังมีคนยินดียื่นมือช่วยเหลือเขา!

ทั้งสองคนหยุดสนทนาและเดินทางต่อ ก่อนออกเดินทางจีอู๋ปู้ซิวไม่ลืมเก็บอุปกรณ์ที่ฝ่ายตรงข้ามดรอปลงมา ถึงยังไงเขาก็มีเรื่องกับราชันสายฟ้าไปแล้ว เขาไม่กังวลเรื่องเพิ่มหนี้แค้นแล้ว

บางทีคนที่ตามรอยมากอาจจะตายระหว่างทางกันหมดแล้ว หลิงหลานกับจีอู๋ปู้ซิวจึงไม่เห็นร่องรอยไล่ตามใดๆ ตลอดการเดินทางเลย พวกเขามาถึงเมืองซิ่นหยางอย่างราบรื่น

หลิงหลานได้รับ 200 คะแนนของเธอท่ามกลางเสียงขอบคุณของจีอู๋ปู้ซิว หลังจากนั้นพวกเขาก็บอกลากัน

พอเห็นคะแนนสะสมที่เดิมทีคือตัวเลข 0 เปลี่ยนมาเป็น 200 คะแนนฉับพลัน หลิงหลานก็อารมณ์ดีอย่างยิ่ง จากนั้นเธอก็วิ่งไปที่ศาลาการ เมื่อทำภารกิจส่งจดหมายเสร็จ เธอก็รีบกลับไปที่หมู่บ้านซานหยางโดยไม่หยุดพัก

เมื่อหลิงหลานมาถึงหมู่บ้านซานหยาง เธอก็พบว่ามีคนไม่น้อยกำลังลอบมองเธออยู่ หลิงหลานไม่ต้องคาดเดาก็รู้ว่าคนเหล่านี้ต้องเป็นคนของราชันสายฟ้าแน่นอน เธอเข้ามาที่โลกหุ่นรบได้แค่ไม่กี่ชั่วโมง นอกจากทำภารกิจช่วยเหลือจีอู๋ปู้ซิวไปส่งที่เมืองซิ่นหยางสำเร็จและล่วงเกินราชันสายฟ้าแล้ว คนอื่นๆ ไม่น่าสนใจเธอจริงๆ

หลิงหลานไม่เกรงกลัวพวกเขา ถ้าหากคนของราชันสายฟ้าไม่มาหาเรื่องเธอ เธอก็ไม่ไปลงมือหาเรื่องอีกฝ่ายก่อน ถึงยังไงราชันสายฟ้าก็เป็นกลุ่มอำนาจอันดับหนึ่งของโรงเรียนทหาร ท้ายที่สุดหลิงหลานไม่อยากไปหาเรื่องราชันสายฟ้าในสภาพที่เสียเปรียบทุกด้านหรอกนะ หลิงหลานที่ชินกับการลงมือก่อนคาดหวังว่าเธอจะได้รับข้อมูลของอีกฝ่ายโดยตรงก่อนแล้วค่อยทำการตัดสินใจอีกที ยิ่งไปกว่านั้น กลุ่มอำนาจอื่นกำลังจ้องมองอยู่ด้านข้างอย่างเย็นชา หลิงหลานไม่อยากสร้างความเสียหายให้ตัวเองและทำให้พวกเขาได้ประโยชน์

หลิงหลานแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่องอะไรแล้วไปส่งภารกิจที่ผู้ใหญ่บ้าน ได้รับอุปกรณ์บางอย่างและคะแนนอีก 900 แต้ม ในที่สุดสำเร็จเงื่อนไขคะแนนต่ำสุดของการแข่งขันท้าประลองแล้ว หลิงหลานเลือกเข้าไปในสังเวียนต่อสู้ทันทีแล้วทำการท้าประลองบนสังเวียนเร่งสะสมคะแนน เธอต้องเลื่อนระดับและแลกหุ่นรบที่มีเงื่อนไขต่ำสุดให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ หลังจากนั้นก็ออกไปจากที่นี่แล้วไปรวมกลุ่มกับพวกฉีหลง นี่เป็นภารกิจที่หลิงหลานต้องทำให้เสร็จก่อน

เมื่อหลิงหลานเข้าไปสู้การแข่งขันบนสังเวียน ก็เห็นหลายคนที่อยู่ด้านหลังเปิดอุปกรณ์สื่อสารติดต่อกับคนอื่นๆ

“หัวหน้า อีกฝ่ายเข้าไปในการแข่งขันท้าประลองบนสังเวียนแล้ว ตอนนี้ควรทำยังไงดี?”

“เหอะ กล้าเป็นศัตรูกับเหลยถิงของพวกเรา รนหาที่ตายจริงๆ นายแจ้งลงไป ให้ผู้ควบคุมหุ่นรบฝึกหัดที่เพิ่งเข้าร่วมกลุ่มของเราในเขตนี้หยุดกิจกรรมทุกอย่างแล้วเข้าไปแข่งขันท้าประลองให้หมด ขอเพียงเห็นหุ่นรบกระต่ายก็ทรมานมันให้หนักๆ ฉันอยากให้เขาไม่มีโอกาสเลื่อนระดับ เป็นหุ่นรบฝึกหัดในหมู่บ้านซานหยางตลอดไป” ปลายสายของอุปกรณ์สื่อสารส่งเสียงน่าสะพรึงกลัวออกมา ประกาศจุดจบของหลิงหลานอย่างเย็นชา

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+