I’M THE BOSS ลูกพี่หุ่นเทวะ 180 ภูมิใจในตัวลูก!

Now you are reading I’M THE BOSS ลูกพี่หุ่นเทวะ Chapter 180 ภูมิใจในตัวลูก! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เวลานี้หลิงเซียวค่อยคล้ายกับรู้สึกได้ถึงการไหลของเวลา เขาเอ่ยด้วยสีหน้าเหมือนตระหนักขึ้นมาได้ว่า “อ้อ ที่แท้ก็ดึกขนาดนี้แล้ว?” เขามองไปทางหลิงหลานและเอ่ยถามว่า “ลูกจะออกไปแล้วใช่ไหม?”

 หลิงหลานอยากบอกมากๆ ว่า เธออยู่ที่นี่มานานมากเกินไปแล้ว คาดว่าต้องมีคนด้านนอกมาหาเธอแล้ว แต่ไม่รู้เพราะอะไร ไม่ว่ายังไงหลิงหลานก็พูดคำนี้ไม่ออกเลย

อันที่จริงการเงียบกริบของหลิงหลานก็เป็นการบอกหลิงเซียวว่า เธอไม่สามารถอยู่ต่อได้

“อย่าลืมนะ หนึ่งเดือนนี้พยายามหาเวลาเข้ามาให้ได้มากที่สุด!” หลิงเซียวย้ำเรื่องนี้อีกครั้ง ราวกับกลัวว่าหลิงหลานจะลืมก็ไม่ปาน

หลิงหลานพยักหน้าหนักๆ นี่เป็นครั้งแรกที่รู้สึกว่าการออกจากที่นี่เป็นเรื่องยากขนาดนี้ รู้สึกอาลัยอาวรณ์ขนาดนี้…

“ไปเถอะ!” หลิงเซียวกล่าวจบก็โบกมือ หลิงหลานรู้สึกว่าตัวเองถูกพลังสายหนึ่งผลักออกมา เมื่อรู้สึกตัว เธอก็มาถึงด้านนอกของมิติมรดกแล้ว

“ลูกพี่ พวกเราไปกันเถอะ!” ไม่เพียงหลิงหลานที่อาลัยอาวรณ์ เสี่ยวซื่อเองก็ไม่อยากจากไปเช่นกัน แต่พวกเขาไม่มีเวลาแล้วจริงๆ

ทั้งสองคนกลับมาที่แคปซูลรักษาอย่างรวดเร็ว พวกเขาเพิ่งจะกลับมาได้ไม่ถึงสามนาที แคปซูลรักษาก็ถูกเปิด เผยให้เห็นดวงหน้ากังวลเคร่งเครียดของหลานลั่วเฟิ่ง

หลิงหลานยิ้มกว้างให้แม่ตัวเอง และเอ่ยปลอบโยนเธอว่า “แม่ครับ ผมตื่นแล้ว ผมไม่เป็นไร!” หลิงหลานอยากยิ้มเจิดจรัสงดงามชัดๆ ทว่าน้ำตาในดวงตากลับไหลลงมาโดยที่ไม่อาจควบคุมได้…

แม่คะ แม่รู้ไหมคะว่าหนูกับพ่อคุยแต่เรื่องแม่มาตลอดทั้งบ่าย แม่รู้ไหมคะว่า พ่อได้ยินเรื่องของแม่แล้ว หน้าของเขาเปล่งรัศมีเจิดจ้าจนตาพร่า แม่รู้ไหมคะว่า พ่อฝืนข่มกลั้นความโศกเศร้าเสียใจเพราะพวกคำพูดที่ว่าแม่คิดถึงเขา…

ทั้งสองคนรักกันอย่างชัดเจนขนาดนั้น ทำไมถึงต้องแยกกันอยู่คนละภพอย่างโหดร้ายขนาดนี้ด้วยนะ? นี่เป็นครั้งแรกที่หลิงหลานรู้สึกเจ็บปวดจนถึงขั้วหัวใจเพื่อพ่อกับแม่ที่รักเธอในชาตินี้

“หลิงหลาน เจ็บมากเลยเหรอ?” น้ำตาของหลิงหลานทำให้หลานลั่วเฟิ่งตกใจกลัว คิดว่าหลิงหลานเจ็บปวดจนยากจะทานทน หลิงหลานส่ายหน้ากล่าวว่า “ไม่เจ็บครับ แค่ดีใจที่ผมยังมีชีวิตอยู่…แม่ครับ การมีชีวิตอยู่เป็นเรื่องดีจริงๆ ใช่ไหม?” ถ้าหากหลิงเซียวยังมีชีวิตอยู่ ชีวิตของหลานลั่วเฟิ่งคงไม่มีความเสียใจเลยใช่หรือเปล่า?

“อื้อ แค่มีชีวิตอยู่ก็เป็นเรื่องดีแล้ว!” หลานลั่วเฟิ่งพยักหน้าแรงๆ น้ำตาร่วงตาม ขอเพียงหลิงหลานมีชีวิตรอดต่อไป ต่อให้เธอต้องตายทันที เธอก็ยินดี…

บางครั้งหลานลั่วเฟิ่งคิดว่า ถ้าหากหลิงเซียวยังอยู่ ย่อมไม่มีใครกล้ายื่นมือมาทำร้ายหลิงหลานของเธอแน่นอน แต่หลิงเซียวพลีชีพไปเร็วขนาดนั้น เมื่อไม่มีการปกป้องคุ้มครองของเขาแล้ว คนละโมบชั่วช้าพวกนั้นก็ลงมือใส่ลูกของพวกเขาโดยไม่มีความกังวลใจเลยสักนิดเดียว หลิงหลานเรียนรู้คนเดียวตั้งแต่เด็กๆ ว่าเธอต้องแบกรับทุกสิ่งทุกอย่างด้วยตัวเอง….

หลิงเซียวคะ หลิงเซียว ทำไมคุณถึงแยกจากพวกเราได้ลงคอ? ฉันรักคุณมากแค่ไหน ก็แค้นคุณมากเท่านั้น! ดวงตาสองข้างที่ชุ่มน้ำของหลานลั่วเฟิ่งฉายแววขุ่นเคืองออกมาแวบหนึ่ง นี่เป็นครั้งแรกที่ในใจเธอเกิดความแค้นต่อหลิงเซียว

……………..

นับตั้งแต่ที่หลิงหลานฟื้นคืนสติ ร่างกายเธอในแคปซูลรักษาก็ค่อยๆ ฟื้นฟูขึ้นมา ข่าวนี้ทำให้ทุกคนในตระกูลหลิงดีใจแทบบ้า ถ้าหากผู้นำตระกูลที่ค้ำจุนตระกูลไว้เกิดเรื่องขึ้นมา ตระกูลนั้นก็จะล่มได้ง่ายมาก

หลังจากที่หลิงฉินรู้ว่าหลิงหลานไม่เป็นไรแล้ว เขาก็เริ่มตรวจสอบการทำงานรอบใหม่ในคฤหาสน์ตระกูลหลิง สำหรับพวกผู้คุ้มกันบางคนที่ไม่สามารถรับประกันเรื่องความจงรักภักดีของเขาได้ หลิงฉินก็จะจัดการให้พวกเขาออกไปจากดาวโดฮา ส่งพวกเขาไปยังดาวอื่นเพื่อไปบุกเบิกกิจการของตระกูลหลิง เขาจำเป็นต้องรับประกันให้แน่ใจว่าสมาชิกของตระกูลหลิงทุกคนที่อยู่ในโดฮาต่างเป็นคนที่จงรักภักดี ไม่มีปัญหาใดๆ ก่อนหน้าที่หลิงหลานจะกลับมายังคฤหาสน์ตระกูลหลิง

หลิงหลานพบเจออันตรายติดต่อกันหลายครั้ง ทำให้พ่อบ้านใหญ่ตระกูลหลิงคนนี้ตกใจกลัวเช่นกัน เขาไม่อยากให้หลิงหลานตกอยู่ในวิกฤติอีกครั้งเพราะการสะเพร่าบางอย่าง หลิงฉินรู้ดีว่า โชคมีแค่ครั้งสองครั้งเท่านั้น ทว่าไม่อาจมีสามครั้งสี่ครั้ง เขาจำเป็นต้องทำงานอย่างรอบคอบให้เรียบร้อยล่วงหน้าก่อนถึงจะสามารถคุ้มครองความปลอดภัยของหลิงหลานได้

เวลานี้หลิงหลานไม่รู้เลยว่า ทุกคนในตระกูลหลิงเริ่มเคลื่อนไหวเพราะเธอ พยายามสร้างบ้านที่ปลอดภัยสำหรับการพักฟื้นร่างกายได้อย่างสบายใจเพื่อเธอ ในหนึ่งเดือนนี้เธอกับเสี่ยวซื่อยุ่งอยู่กับการแอบซ่อนตัวเข้าไปในมิติมรดกของหลิงเซียวเพื่อพบเขา

อย่างไรก็ตาม หนึ่งเดือนนี้หลิงเซียวดูเข้มงวดกว่าเมื่อก่อนมากอย่างเห็นได้ชัด ขอเพียงหลิงหลานเข้ามาที่มิติมรดก หลิงเซียวก็จะโยนเธอเข้าไปที่มิติทดสอบเพื่อทดสอบความสามารถทุกอย่างที่ตอนนี้เธอเรียนรู้มา ต่อให้เธอผ่านการทดสอบสักด้าน ก็ไม่ได้หมายความว่าหลิงหลานจะหลุดพ้น เพราะว่าครั้งหน้าการทดสองยังคงอยู่ เพียงแต่เนื้อหาข้างในทั้งหมดถูกเพิ่มระดับความยากขึ้น….

การทดสอบรูปแบบกดดันเช่นนี้ทำให้หลิงหลานมีความเข้าใจเกี่ยวกับความสามารถทุกอย่างที่เธอเรียนรู้ลึกขึ้นไปอีกขั้น เดิมทีเธอรู้สึกผ่อนคลายอยู่บ้าง พลังปราณที่อยู่ขั้นในสุดยอดได้ทะลวงจุดคอขวดมาอย่างราบรื่นภายใต้การกดดันหนึ่งเดือนมานี้ เข้าสู่ระดับพลังปราณขั้นสุดยอดโดยสมบูรณ์อย่างเป็นทางการ ขอเพียงหลิงหลานสั่งสมพลังต่อไปก็จะสามารถสอดส่องความลับของระดับเขตแดนได้

อย่างไรก็ตาม ในใจหลิงหลานกลับมีความรู้สึกรางๆ ว่าเธอคล้ายกับเข้าใจแล้วว่าความลับของระดับเขตแดนคืออะไร เพียงแต่ตอนนี้มันยังเหมือนแสงส่องประกายที่เธอไม่สามารถคว้ามันมาได้ชั่วคราว แต่หลิงหลานเชื่อว่า ขอเพียงพลังงานในร่างกายสั่งสมจนไปถึงระดับหนึ่ง บางทีเธออาจจะรู้ได้ว่าความลับของระดับเขตแดนคืออะไร

ด่านนั้นกีดขวางอยู่ 99. 9999999999% การที่ผู้มีพรแสวงจะเลื่อนขั้นไปสู่ยอดฝีมือระดับเขตแดนที่สวรรค์ประทานนั้นเป็นด่านที่ใหญ่มาก แต่สำหรับเธอแล้ว บางทีมันอาจจะไม่ได้ยากลำบากขนาดนั้น….

ความรู้สึกนี้น่าประหลาดมาก ราวกับว่าสัญชาตญาณของร่างกายบอกหลิงหลาน นี่ทำให้หลิงหลานตื่นเต้นยินดีอย่างมาก เดิมทีเธอคิดว่าการเลื่อนขั้นสู่ระดับขอบเขตนั้นจำเป็นต้องดูจังหวะและโชค บางทีอาจจะต้องหยุดอยู่ด่านนี้ห้าปีสิบปีจนไม่แน่ว่าอาจจะถึงขนาดชั่วชีวิต ไม่นึกเลยว่าสวรรค์จะรักเอ็นดูเธอขนาดนี้ ถึงได้เปิดใช้นิ้วทองคำให้…

หลิงหลานตื่นเต้นและเล่าความรู้สึกของเธอให้หลิงเซียวผู้เป็นพ่อฟัง ความรู้สึกประหลาดของหลิงหลานทำให้หลิงเซียวประหลาดใจนิดหน่อยเหมือนกัน แต่หลิงเซียวไม่คิดว่าสิ่งเหล่านี้เป็นของที่เสาะหาได้โดยไม่มีร่องรอย ดังนั้นเขาจึงสอบถามเธออย่างละเอียดมากๆ เกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ เมื่อได้ยินว่าเคยมีคนยืมใช้ร่างกายของเธอระเบิดพลังของเขตแดนออกมา หลิงเซียวก็เข้าใจอยู่บ้าง

หลิงเซียวเดาว่า มีความเป็นไปได้สูงว่าเป็นเพราะร่างกายของหลิงหลานเคยสัมผัสถึงพลังงานระดับของเขตที่แท้จริงมาก่อน ดังนั้นร่างกายจึงเกิดการจดจำพลังงานของเขตแดนไว้ และความทรงจำเหล่านี้ช่วยหลิงหลานคว้าความลับของระดับเขตแดน เพราะฉะนั้นมันจะทำให้หลิงหลานกลายเป็นยอดฝีมือระดับเขตแดนอย่างแท้จริง ด้วยเหตุนี้เอง หลิงเซียวจึงจำเป็นต้องยอมรับว่าหลิงหลานโชคดีอย่างยิ่งยวด สามารถมีทุกขลาภภายใต้สถานการณ์แบบนั้นได้

อย่างไรก็ตามหลิงเซียวก็คิดเหมือนกันว่า ความทรงจำของร่างกายจะหายไปตามกาลเวลา ดังนั้นหากหลิงหลานอยากจะเลื่อนขั้นไปสู่ระดับขอบเขตได้อย่างราบรื่นนั้น จำเป็นต้องเลื่อนขั้นก่อนที่ความทรงจำจะหายไปจนหมด ไม่อย่างนั้น เมื่อเวลาผ่านไปนานเข้า ความทรงจำร่างกายก็จะหายไป เช่นนั้นโอกาสนี้ก็จะสูญเสียไปเหมือนกัน เวลานั้นหลิงหลานอยากจะเลื่อนขั้นสู่ระดับเขตแดนอีกก็ต้องทำเหมือนกับคนอื่น หาโอกาสและจังหวะโดยบังเอิญต่อไปเพื่อให้ได้รับความเป็นไปได้ในการตระหนักรู้ฉับพลัน

คำพูดของหลิงเซียวทำให้หลิงหลานตื่นเต้นยินดี ในขณะเดียวกันก็รู้สึกว่าแรงกดดันหนักอึ้งมากเหมือนกัน นี่เป็นโอกาสของเธอจริงๆ แต่เธอจะคว้าโอกาสครั้งนี้ได้หรือเปล่า ก็ยังต้องดูที่ความพยายามของเธอแล้ว

…………..

หนึ่งเดือนผ่านไปอย่างรีบเร่ง วันนี้หลิงหลานมาที่มิติมรดกของหลิงเซียวอีกครั้ง หลิงเซียวไม่ได้มีท่าทีเหมือนกับก่อนหน้านี้ที่โยนหลิงหลานไปในมิติทดสอบ หรือว่าให้คำชี้แนะเกี่ยวกับจุดอ่อนหรือปัญหาความเคยชินด้านการต่อสู้ของหลิงหลาน เวลานี้เขานั่งอยู่ด้านหลังโต๊ะหนังสือขณะที่กำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง

เขาเห็นหลิงหลานมาถึงก็ลุกขึ้นยืนก่อนจะเดินไปที่ข้างกายหลิงหลานช้าๆ จากนั้นก็กอดเธอเบาๆ “หลิงหลาน ลูกพ่อ หนึ่งเดือนมานี้ ลูกพยายามดีมาก พ่อดีใจมากที่ได้เห็นการเติบโตของลูก”

หลิงหลานถูกหลิงเซียวกอดไว้ในอ้อมอก กลิ่นอายอบอุ่นของพ่อปกคลุมทั่วทั้งร่างเธอไว้ ทำให้หลิงหลานลอบสูดลมหายใจเฮือกหนึ่ง นี่เป็นครั้งแรกที่หลิงเซียวกอดเธอไว้ในอ้อมอก รู้สึกดีจนแทบจะทำให้เธอเคลิบเคลิ้ม

อ้อมกอดอบอุ่นและเต็มไปด้วยความปลอดภัยแบบนี้ช่างห่างไกลกับในความทรงจำของหลิงหลาน มันแทบจะทำให้เธอลืมไปแล้ว…เมื่อได้สัมผัสอีกครั้ง หลิงหลานถึงได้รู้ว่า ความจริงแล้วในใจเธอมีความปรารถนาเช่นนี้มาตลอด เธอปรารถนาที่จะได้รับทุกอย่างนี้…. เธอยังเป็นเด็กผู้หญิงที่มีอารมณ์เปราะบางอยู่นิดหน่อยจริงๆ ด้วย! นี่ไม่ใช่เรื่องดีจริงๆ สถานะของเธอในตอนนี้ไม่อนุญาตให้เธออ่อนแอได้….

แต่ว่า ขอแค่ครั้งนี้ ให้เธอได้ปลดปล่อย ให้เธอกลับไปเป็นเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ ที่เสพสุขในอ้อมกอดที่อบอุ่นปลอดภัยของพ่อตามใจชอบ ก็เหมือนกับให้ผู้ชายที่แข็งแกร่งอ่อนโยนตรงหน้ามากำบังเธอจากพายุฝนด้านนอก ส่วนเธอก็ซ่อนตัวอยู่ในอ้อมกอดของพ่อด้วยความสบายใจก็พอ

“เวลาผ่านไปเร็วมาก ดูเหมือนพ่อไม่อยากจากไปเลย…” อ้อมกอดของหลิงเซียวพลันกระชับแน่นขึ้น กลิ่นอายทั่วทั้งร่างที่เดิมทีอ่อนโยนพลันเปลี่ยนเป็นเย็นชาขึ้นมา “แต่ลูกเหยี่ยวต้องออกจากรังไปโบยบินด้วยตัวเอง…”

หลิงเซียวค่อยๆ ผลักหลิงหลานออก “สิ่งที่ควรสอนลูกก็สอนไปหมดแล้ว สุดท้าย…” หลิงเซียวยื่นมือขวาออกมาช้าๆ นิ้วมือแตะที่หน้าผากของหลิงหลานเบาๆ หลิงหลานนิ่งอึ้ง รู้สึกว่ามีความทรงจะไม่คุ้นตาพุ่งเข้าใส่สมองฉับพลัน รวมไปถึงเรื่องบางอย่างที่หลิงเซียวต้องการให้เธอทำต่อ

หลิงหลานมองไปทางหลิงเซียวด้วยความตกตะลึง ไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงใช้วิธีการแบบนี้ทิ้งคำสอนสุดท้ายของเขาไว้

หลิงเซียวยิ้มน้อยๆ นิ้วมือกดที่ริมฝีปากตัวเองเบาๆ ทำท่าส่งเสียงชู่ออกมา บ่งบอกว่าหลิงหลานอย่าพูดอย่าถามอะไร แววตาของเขาถึงขนาดยังมีความเจ้าเล่ห์แฝงอยู่ด้วย

“พ่อเชื่อว่ากองทัพคอยสอดแนมที่นี่มาตลอด ความจริงแล้วพ่อเองก็สัมผัสได้ว่ามีตัวตนของร่างจิตแปลกหน้าอยู่ แต่ว่าร่างจิตนั้นไม่มีเจตนาร้ายอะไร พ่อเองก็ไม่สนใจเขาเหมือนกัน แต่ว่ามีของบางอย่าง มรดกบางอย่างที่ไม่สามารถให้คนอื่นรู้ได้…ลูกเข้าใจก็พอ ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว”

เวลานี้ข้อความของหลิงเซียวดังขึ้นมาในสมองของหลิงหลาน นี่เป็นร่างจิตที่หลิงเซียวเพิ่งจะใส่เข้าไปในสมองเธอ

หลิงหลานลอบปาดเหงื่อที่หน้าผาก ไม่รู้ว่าควรจะบอกเรื่องตัวตนของเสี่ยวซื่อให้หลิงเซียวดีหรือไม่ แต่หลิงเซียวไม่ให้โอกาสหลิงหลานพูดเลย จู่ๆ เขาก็เงยหน้าขึ้นและมองไปยังด้านนอกประตูห้อง กล่าวว่า “ถึงแม้ว่าพ่อแยกจากลูกไม่ลงจริงๆ แต่เพื่อความปลอดภัยของลูก พ่อจำเป็นต้องหายไปแล้ว….”

หลิงเซียวก้มศีรษะมองหลิงหลานอย่างใจใจจ่ออีกครั้ง แววตาเผยความปลื้มใจและสุขใจ “หลิงหลาน พ่อภูมิใจที่พ่อเป็นพ่อของลูก ต้องมีสักวันที่ลูกจะสร้างตำนานของลูกออกมา พ่อภูมิใจในตัวลูกนะ!”

หลิงเซียวกล่าวจบก็ยิ้มขึ้นมา รอยยิ้มนี้ดูเจิดจรัสกว่ารอยยิ้มใดๆ ในก่อนหน้านี้ ทำให้คนดวงตาพร่าเบลอ แต่คราวนี้หลิงหลานกลับไม่ได้ใจลอย เพราะว่าในใจเธอมีความเสียใจที่ยากจะอธิบายกำลังพุ่งขึ้นมา เธอมองเห็นความรู้สึกเศร้าและความรู้สึกเสียใจซ่อนอยู่ในส่วนลึกของรอยยิ้มหลิงเซียว ถ้าหากเป็นไปได้ หลิงหลานเชื่อว่าหลิงเซียวไม่มีทางอยากตาย ไม่อยากหายไปจากในโลกใบนี้

………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

I’M THE BOSS ลูกพี่หุ่นเทวะ 180 ภูมิใจในตัวลูก!

Now you are reading I’M THE BOSS ลูกพี่หุ่นเทวะ Chapter 180 ภูมิใจในตัวลูก! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เวลานี้หลิงเซียวค่อยคล้ายกับรู้สึกได้ถึงการไหลของเวลา เขาเอ่ยด้วยสีหน้าเหมือนตระหนักขึ้นมาได้ว่า “อ้อ ที่แท้ก็ดึกขนาดนี้แล้ว?” เขามองไปทางหลิงหลานและเอ่ยถามว่า “ลูกจะออกไปแล้วใช่ไหม?”

 หลิงหลานอยากบอกมากๆ ว่า เธออยู่ที่นี่มานานมากเกินไปแล้ว คาดว่าต้องมีคนด้านนอกมาหาเธอแล้ว แต่ไม่รู้เพราะอะไร ไม่ว่ายังไงหลิงหลานก็พูดคำนี้ไม่ออกเลย

อันที่จริงการเงียบกริบของหลิงหลานก็เป็นการบอกหลิงเซียวว่า เธอไม่สามารถอยู่ต่อได้

“อย่าลืมนะ หนึ่งเดือนนี้พยายามหาเวลาเข้ามาให้ได้มากที่สุด!” หลิงเซียวย้ำเรื่องนี้อีกครั้ง ราวกับกลัวว่าหลิงหลานจะลืมก็ไม่ปาน

หลิงหลานพยักหน้าหนักๆ นี่เป็นครั้งแรกที่รู้สึกว่าการออกจากที่นี่เป็นเรื่องยากขนาดนี้ รู้สึกอาลัยอาวรณ์ขนาดนี้…

“ไปเถอะ!” หลิงเซียวกล่าวจบก็โบกมือ หลิงหลานรู้สึกว่าตัวเองถูกพลังสายหนึ่งผลักออกมา เมื่อรู้สึกตัว เธอก็มาถึงด้านนอกของมิติมรดกแล้ว

“ลูกพี่ พวกเราไปกันเถอะ!” ไม่เพียงหลิงหลานที่อาลัยอาวรณ์ เสี่ยวซื่อเองก็ไม่อยากจากไปเช่นกัน แต่พวกเขาไม่มีเวลาแล้วจริงๆ

ทั้งสองคนกลับมาที่แคปซูลรักษาอย่างรวดเร็ว พวกเขาเพิ่งจะกลับมาได้ไม่ถึงสามนาที แคปซูลรักษาก็ถูกเปิด เผยให้เห็นดวงหน้ากังวลเคร่งเครียดของหลานลั่วเฟิ่ง

หลิงหลานยิ้มกว้างให้แม่ตัวเอง และเอ่ยปลอบโยนเธอว่า “แม่ครับ ผมตื่นแล้ว ผมไม่เป็นไร!” หลิงหลานอยากยิ้มเจิดจรัสงดงามชัดๆ ทว่าน้ำตาในดวงตากลับไหลลงมาโดยที่ไม่อาจควบคุมได้…

แม่คะ แม่รู้ไหมคะว่าหนูกับพ่อคุยแต่เรื่องแม่มาตลอดทั้งบ่าย แม่รู้ไหมคะว่า พ่อได้ยินเรื่องของแม่แล้ว หน้าของเขาเปล่งรัศมีเจิดจ้าจนตาพร่า แม่รู้ไหมคะว่า พ่อฝืนข่มกลั้นความโศกเศร้าเสียใจเพราะพวกคำพูดที่ว่าแม่คิดถึงเขา…

ทั้งสองคนรักกันอย่างชัดเจนขนาดนั้น ทำไมถึงต้องแยกกันอยู่คนละภพอย่างโหดร้ายขนาดนี้ด้วยนะ? นี่เป็นครั้งแรกที่หลิงหลานรู้สึกเจ็บปวดจนถึงขั้วหัวใจเพื่อพ่อกับแม่ที่รักเธอในชาตินี้

“หลิงหลาน เจ็บมากเลยเหรอ?” น้ำตาของหลิงหลานทำให้หลานลั่วเฟิ่งตกใจกลัว คิดว่าหลิงหลานเจ็บปวดจนยากจะทานทน หลิงหลานส่ายหน้ากล่าวว่า “ไม่เจ็บครับ แค่ดีใจที่ผมยังมีชีวิตอยู่…แม่ครับ การมีชีวิตอยู่เป็นเรื่องดีจริงๆ ใช่ไหม?” ถ้าหากหลิงเซียวยังมีชีวิตอยู่ ชีวิตของหลานลั่วเฟิ่งคงไม่มีความเสียใจเลยใช่หรือเปล่า?

“อื้อ แค่มีชีวิตอยู่ก็เป็นเรื่องดีแล้ว!” หลานลั่วเฟิ่งพยักหน้าแรงๆ น้ำตาร่วงตาม ขอเพียงหลิงหลานมีชีวิตรอดต่อไป ต่อให้เธอต้องตายทันที เธอก็ยินดี…

บางครั้งหลานลั่วเฟิ่งคิดว่า ถ้าหากหลิงเซียวยังอยู่ ย่อมไม่มีใครกล้ายื่นมือมาทำร้ายหลิงหลานของเธอแน่นอน แต่หลิงเซียวพลีชีพไปเร็วขนาดนั้น เมื่อไม่มีการปกป้องคุ้มครองของเขาแล้ว คนละโมบชั่วช้าพวกนั้นก็ลงมือใส่ลูกของพวกเขาโดยไม่มีความกังวลใจเลยสักนิดเดียว หลิงหลานเรียนรู้คนเดียวตั้งแต่เด็กๆ ว่าเธอต้องแบกรับทุกสิ่งทุกอย่างด้วยตัวเอง….

หลิงเซียวคะ หลิงเซียว ทำไมคุณถึงแยกจากพวกเราได้ลงคอ? ฉันรักคุณมากแค่ไหน ก็แค้นคุณมากเท่านั้น! ดวงตาสองข้างที่ชุ่มน้ำของหลานลั่วเฟิ่งฉายแววขุ่นเคืองออกมาแวบหนึ่ง นี่เป็นครั้งแรกที่ในใจเธอเกิดความแค้นต่อหลิงเซียว

……………..

นับตั้งแต่ที่หลิงหลานฟื้นคืนสติ ร่างกายเธอในแคปซูลรักษาก็ค่อยๆ ฟื้นฟูขึ้นมา ข่าวนี้ทำให้ทุกคนในตระกูลหลิงดีใจแทบบ้า ถ้าหากผู้นำตระกูลที่ค้ำจุนตระกูลไว้เกิดเรื่องขึ้นมา ตระกูลนั้นก็จะล่มได้ง่ายมาก

หลังจากที่หลิงฉินรู้ว่าหลิงหลานไม่เป็นไรแล้ว เขาก็เริ่มตรวจสอบการทำงานรอบใหม่ในคฤหาสน์ตระกูลหลิง สำหรับพวกผู้คุ้มกันบางคนที่ไม่สามารถรับประกันเรื่องความจงรักภักดีของเขาได้ หลิงฉินก็จะจัดการให้พวกเขาออกไปจากดาวโดฮา ส่งพวกเขาไปยังดาวอื่นเพื่อไปบุกเบิกกิจการของตระกูลหลิง เขาจำเป็นต้องรับประกันให้แน่ใจว่าสมาชิกของตระกูลหลิงทุกคนที่อยู่ในโดฮาต่างเป็นคนที่จงรักภักดี ไม่มีปัญหาใดๆ ก่อนหน้าที่หลิงหลานจะกลับมายังคฤหาสน์ตระกูลหลิง

หลิงหลานพบเจออันตรายติดต่อกันหลายครั้ง ทำให้พ่อบ้านใหญ่ตระกูลหลิงคนนี้ตกใจกลัวเช่นกัน เขาไม่อยากให้หลิงหลานตกอยู่ในวิกฤติอีกครั้งเพราะการสะเพร่าบางอย่าง หลิงฉินรู้ดีว่า โชคมีแค่ครั้งสองครั้งเท่านั้น ทว่าไม่อาจมีสามครั้งสี่ครั้ง เขาจำเป็นต้องทำงานอย่างรอบคอบให้เรียบร้อยล่วงหน้าก่อนถึงจะสามารถคุ้มครองความปลอดภัยของหลิงหลานได้

เวลานี้หลิงหลานไม่รู้เลยว่า ทุกคนในตระกูลหลิงเริ่มเคลื่อนไหวเพราะเธอ พยายามสร้างบ้านที่ปลอดภัยสำหรับการพักฟื้นร่างกายได้อย่างสบายใจเพื่อเธอ ในหนึ่งเดือนนี้เธอกับเสี่ยวซื่อยุ่งอยู่กับการแอบซ่อนตัวเข้าไปในมิติมรดกของหลิงเซียวเพื่อพบเขา

อย่างไรก็ตาม หนึ่งเดือนนี้หลิงเซียวดูเข้มงวดกว่าเมื่อก่อนมากอย่างเห็นได้ชัด ขอเพียงหลิงหลานเข้ามาที่มิติมรดก หลิงเซียวก็จะโยนเธอเข้าไปที่มิติทดสอบเพื่อทดสอบความสามารถทุกอย่างที่ตอนนี้เธอเรียนรู้มา ต่อให้เธอผ่านการทดสอบสักด้าน ก็ไม่ได้หมายความว่าหลิงหลานจะหลุดพ้น เพราะว่าครั้งหน้าการทดสองยังคงอยู่ เพียงแต่เนื้อหาข้างในทั้งหมดถูกเพิ่มระดับความยากขึ้น….

การทดสอบรูปแบบกดดันเช่นนี้ทำให้หลิงหลานมีความเข้าใจเกี่ยวกับความสามารถทุกอย่างที่เธอเรียนรู้ลึกขึ้นไปอีกขั้น เดิมทีเธอรู้สึกผ่อนคลายอยู่บ้าง พลังปราณที่อยู่ขั้นในสุดยอดได้ทะลวงจุดคอขวดมาอย่างราบรื่นภายใต้การกดดันหนึ่งเดือนมานี้ เข้าสู่ระดับพลังปราณขั้นสุดยอดโดยสมบูรณ์อย่างเป็นทางการ ขอเพียงหลิงหลานสั่งสมพลังต่อไปก็จะสามารถสอดส่องความลับของระดับเขตแดนได้

อย่างไรก็ตาม ในใจหลิงหลานกลับมีความรู้สึกรางๆ ว่าเธอคล้ายกับเข้าใจแล้วว่าความลับของระดับเขตแดนคืออะไร เพียงแต่ตอนนี้มันยังเหมือนแสงส่องประกายที่เธอไม่สามารถคว้ามันมาได้ชั่วคราว แต่หลิงหลานเชื่อว่า ขอเพียงพลังงานในร่างกายสั่งสมจนไปถึงระดับหนึ่ง บางทีเธออาจจะรู้ได้ว่าความลับของระดับเขตแดนคืออะไร

ด่านนั้นกีดขวางอยู่ 99. 9999999999% การที่ผู้มีพรแสวงจะเลื่อนขั้นไปสู่ยอดฝีมือระดับเขตแดนที่สวรรค์ประทานนั้นเป็นด่านที่ใหญ่มาก แต่สำหรับเธอแล้ว บางทีมันอาจจะไม่ได้ยากลำบากขนาดนั้น….

ความรู้สึกนี้น่าประหลาดมาก ราวกับว่าสัญชาตญาณของร่างกายบอกหลิงหลาน นี่ทำให้หลิงหลานตื่นเต้นยินดีอย่างมาก เดิมทีเธอคิดว่าการเลื่อนขั้นสู่ระดับขอบเขตนั้นจำเป็นต้องดูจังหวะและโชค บางทีอาจจะต้องหยุดอยู่ด่านนี้ห้าปีสิบปีจนไม่แน่ว่าอาจจะถึงขนาดชั่วชีวิต ไม่นึกเลยว่าสวรรค์จะรักเอ็นดูเธอขนาดนี้ ถึงได้เปิดใช้นิ้วทองคำให้…

หลิงหลานตื่นเต้นและเล่าความรู้สึกของเธอให้หลิงเซียวผู้เป็นพ่อฟัง ความรู้สึกประหลาดของหลิงหลานทำให้หลิงเซียวประหลาดใจนิดหน่อยเหมือนกัน แต่หลิงเซียวไม่คิดว่าสิ่งเหล่านี้เป็นของที่เสาะหาได้โดยไม่มีร่องรอย ดังนั้นเขาจึงสอบถามเธออย่างละเอียดมากๆ เกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ เมื่อได้ยินว่าเคยมีคนยืมใช้ร่างกายของเธอระเบิดพลังของเขตแดนออกมา หลิงเซียวก็เข้าใจอยู่บ้าง

หลิงเซียวเดาว่า มีความเป็นไปได้สูงว่าเป็นเพราะร่างกายของหลิงหลานเคยสัมผัสถึงพลังงานระดับของเขตที่แท้จริงมาก่อน ดังนั้นร่างกายจึงเกิดการจดจำพลังงานของเขตแดนไว้ และความทรงจำเหล่านี้ช่วยหลิงหลานคว้าความลับของระดับเขตแดน เพราะฉะนั้นมันจะทำให้หลิงหลานกลายเป็นยอดฝีมือระดับเขตแดนอย่างแท้จริง ด้วยเหตุนี้เอง หลิงเซียวจึงจำเป็นต้องยอมรับว่าหลิงหลานโชคดีอย่างยิ่งยวด สามารถมีทุกขลาภภายใต้สถานการณ์แบบนั้นได้

อย่างไรก็ตามหลิงเซียวก็คิดเหมือนกันว่า ความทรงจำของร่างกายจะหายไปตามกาลเวลา ดังนั้นหากหลิงหลานอยากจะเลื่อนขั้นไปสู่ระดับขอบเขตได้อย่างราบรื่นนั้น จำเป็นต้องเลื่อนขั้นก่อนที่ความทรงจำจะหายไปจนหมด ไม่อย่างนั้น เมื่อเวลาผ่านไปนานเข้า ความทรงจำร่างกายก็จะหายไป เช่นนั้นโอกาสนี้ก็จะสูญเสียไปเหมือนกัน เวลานั้นหลิงหลานอยากจะเลื่อนขั้นสู่ระดับเขตแดนอีกก็ต้องทำเหมือนกับคนอื่น หาโอกาสและจังหวะโดยบังเอิญต่อไปเพื่อให้ได้รับความเป็นไปได้ในการตระหนักรู้ฉับพลัน

คำพูดของหลิงเซียวทำให้หลิงหลานตื่นเต้นยินดี ในขณะเดียวกันก็รู้สึกว่าแรงกดดันหนักอึ้งมากเหมือนกัน นี่เป็นโอกาสของเธอจริงๆ แต่เธอจะคว้าโอกาสครั้งนี้ได้หรือเปล่า ก็ยังต้องดูที่ความพยายามของเธอแล้ว

…………..

หนึ่งเดือนผ่านไปอย่างรีบเร่ง วันนี้หลิงหลานมาที่มิติมรดกของหลิงเซียวอีกครั้ง หลิงเซียวไม่ได้มีท่าทีเหมือนกับก่อนหน้านี้ที่โยนหลิงหลานไปในมิติทดสอบ หรือว่าให้คำชี้แนะเกี่ยวกับจุดอ่อนหรือปัญหาความเคยชินด้านการต่อสู้ของหลิงหลาน เวลานี้เขานั่งอยู่ด้านหลังโต๊ะหนังสือขณะที่กำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่าง

เขาเห็นหลิงหลานมาถึงก็ลุกขึ้นยืนก่อนจะเดินไปที่ข้างกายหลิงหลานช้าๆ จากนั้นก็กอดเธอเบาๆ “หลิงหลาน ลูกพ่อ หนึ่งเดือนมานี้ ลูกพยายามดีมาก พ่อดีใจมากที่ได้เห็นการเติบโตของลูก”

หลิงหลานถูกหลิงเซียวกอดไว้ในอ้อมอก กลิ่นอายอบอุ่นของพ่อปกคลุมทั่วทั้งร่างเธอไว้ ทำให้หลิงหลานลอบสูดลมหายใจเฮือกหนึ่ง นี่เป็นครั้งแรกที่หลิงเซียวกอดเธอไว้ในอ้อมอก รู้สึกดีจนแทบจะทำให้เธอเคลิบเคลิ้ม

อ้อมกอดอบอุ่นและเต็มไปด้วยความปลอดภัยแบบนี้ช่างห่างไกลกับในความทรงจำของหลิงหลาน มันแทบจะทำให้เธอลืมไปแล้ว…เมื่อได้สัมผัสอีกครั้ง หลิงหลานถึงได้รู้ว่า ความจริงแล้วในใจเธอมีความปรารถนาเช่นนี้มาตลอด เธอปรารถนาที่จะได้รับทุกอย่างนี้…. เธอยังเป็นเด็กผู้หญิงที่มีอารมณ์เปราะบางอยู่นิดหน่อยจริงๆ ด้วย! นี่ไม่ใช่เรื่องดีจริงๆ สถานะของเธอในตอนนี้ไม่อนุญาตให้เธออ่อนแอได้….

แต่ว่า ขอแค่ครั้งนี้ ให้เธอได้ปลดปล่อย ให้เธอกลับไปเป็นเด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ ที่เสพสุขในอ้อมกอดที่อบอุ่นปลอดภัยของพ่อตามใจชอบ ก็เหมือนกับให้ผู้ชายที่แข็งแกร่งอ่อนโยนตรงหน้ามากำบังเธอจากพายุฝนด้านนอก ส่วนเธอก็ซ่อนตัวอยู่ในอ้อมกอดของพ่อด้วยความสบายใจก็พอ

“เวลาผ่านไปเร็วมาก ดูเหมือนพ่อไม่อยากจากไปเลย…” อ้อมกอดของหลิงเซียวพลันกระชับแน่นขึ้น กลิ่นอายทั่วทั้งร่างที่เดิมทีอ่อนโยนพลันเปลี่ยนเป็นเย็นชาขึ้นมา “แต่ลูกเหยี่ยวต้องออกจากรังไปโบยบินด้วยตัวเอง…”

หลิงเซียวค่อยๆ ผลักหลิงหลานออก “สิ่งที่ควรสอนลูกก็สอนไปหมดแล้ว สุดท้าย…” หลิงเซียวยื่นมือขวาออกมาช้าๆ นิ้วมือแตะที่หน้าผากของหลิงหลานเบาๆ หลิงหลานนิ่งอึ้ง รู้สึกว่ามีความทรงจะไม่คุ้นตาพุ่งเข้าใส่สมองฉับพลัน รวมไปถึงเรื่องบางอย่างที่หลิงเซียวต้องการให้เธอทำต่อ

หลิงหลานมองไปทางหลิงเซียวด้วยความตกตะลึง ไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงใช้วิธีการแบบนี้ทิ้งคำสอนสุดท้ายของเขาไว้

หลิงเซียวยิ้มน้อยๆ นิ้วมือกดที่ริมฝีปากตัวเองเบาๆ ทำท่าส่งเสียงชู่ออกมา บ่งบอกว่าหลิงหลานอย่าพูดอย่าถามอะไร แววตาของเขาถึงขนาดยังมีความเจ้าเล่ห์แฝงอยู่ด้วย

“พ่อเชื่อว่ากองทัพคอยสอดแนมที่นี่มาตลอด ความจริงแล้วพ่อเองก็สัมผัสได้ว่ามีตัวตนของร่างจิตแปลกหน้าอยู่ แต่ว่าร่างจิตนั้นไม่มีเจตนาร้ายอะไร พ่อเองก็ไม่สนใจเขาเหมือนกัน แต่ว่ามีของบางอย่าง มรดกบางอย่างที่ไม่สามารถให้คนอื่นรู้ได้…ลูกเข้าใจก็พอ ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว”

เวลานี้ข้อความของหลิงเซียวดังขึ้นมาในสมองของหลิงหลาน นี่เป็นร่างจิตที่หลิงเซียวเพิ่งจะใส่เข้าไปในสมองเธอ

หลิงหลานลอบปาดเหงื่อที่หน้าผาก ไม่รู้ว่าควรจะบอกเรื่องตัวตนของเสี่ยวซื่อให้หลิงเซียวดีหรือไม่ แต่หลิงเซียวไม่ให้โอกาสหลิงหลานพูดเลย จู่ๆ เขาก็เงยหน้าขึ้นและมองไปยังด้านนอกประตูห้อง กล่าวว่า “ถึงแม้ว่าพ่อแยกจากลูกไม่ลงจริงๆ แต่เพื่อความปลอดภัยของลูก พ่อจำเป็นต้องหายไปแล้ว….”

หลิงเซียวก้มศีรษะมองหลิงหลานอย่างใจใจจ่ออีกครั้ง แววตาเผยความปลื้มใจและสุขใจ “หลิงหลาน พ่อภูมิใจที่พ่อเป็นพ่อของลูก ต้องมีสักวันที่ลูกจะสร้างตำนานของลูกออกมา พ่อภูมิใจในตัวลูกนะ!”

หลิงเซียวกล่าวจบก็ยิ้มขึ้นมา รอยยิ้มนี้ดูเจิดจรัสกว่ารอยยิ้มใดๆ ในก่อนหน้านี้ ทำให้คนดวงตาพร่าเบลอ แต่คราวนี้หลิงหลานกลับไม่ได้ใจลอย เพราะว่าในใจเธอมีความเสียใจที่ยากจะอธิบายกำลังพุ่งขึ้นมา เธอมองเห็นความรู้สึกเศร้าและความรู้สึกเสียใจซ่อนอยู่ในส่วนลึกของรอยยิ้มหลิงเซียว ถ้าหากเป็นไปได้ หลิงหลานเชื่อว่าหลิงเซียวไม่มีทางอยากตาย ไม่อยากหายไปจากในโลกใบนี้

………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+