I’M THE BOSS ลูกพี่หุ่นเทวะ 146 ถูกพบแล้ว?

Now you are reading I’M THE BOSS ลูกพี่หุ่นเทวะ Chapter 146 ถูกพบแล้ว? at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ภายในป่าทึบที่มืดมิดใกล้กับสนามรบมากที่สุด ทีมของลูกเสือสี่คนกำลังเคลื่อนที่อยู่ในป่าอย่างระมัดระวัง พยายามอ้อมป่าทึบเพื่อข้ามผ่านสนามรบทั้งหมด….

พวกเขาได้ยินเสียงปืนใหญ่ระเบิดตูมตามอย่างดุเดือดชัดเจนจากที่ไม่ไกล และยังสัมผัสได้ว่าหุ่นรบบนท้องฟ้าถูกทำลายร่วงตกลงมาสู่พื้นครั้งแล้วครั้งเล่า เกิดเป็นความรู้สึกสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงในชั่วพริบตา ทุกครั้งต่างทำให้พวกเขาหวาดหวั่นจนจิตใจเต้นรัว กลัวว่าปืนใหญ่หรือหุ่นรบจะตกลงใส่พวกเขาโดยไม่ทันระวัง

“พวกนายยังไหวไหม?” ฉีหลงปาดเหงื่อบนหน้าผากทันที แล้วหันไปสอบถามพวกเพื่อนร่วมทีมที่ตามหลังเขา

“ไม่ต้องเป็นห่วงพวกเราหรอก เรื่องที่สำคัญที่สุดในตอนนี้คืออย่าไปผิดทาง” หานจี้จวินขมวดคิ้วพลางเทียบตำแหน่งพิกัดของพวกเขาต่อ ก่อนจะพบว่าเนื่องจากการแผ่ขยายของไฟสงคราม พวกเขาเลยเข้าใกล้เขตสัตว์อสูรระดับ F มากขึ้นไปทุกที ต่อให้ไม่มีคำเตือนของหลิงหลาน พวกเขาเองก็สัมผัสได้ถึงความหนาวเหน็บที่ส่งมาจากในกระดูก สถานการณ์แย่ลงเรื่อยๆ แล้ว

พวกเขาเดินขึ้นหน้าไปบนเส้นทางอย่างระมัดระวังอีกครั้ง เวลานี้เอง ฉีหลงที่เดินนำหน้าสุดก็โบกมือฉับพลัน หลายคนที่อยู่ด้านหลังรีบซ่อนตัวอยู่ในพุ่มหญ้าหรือว่าด้านหลังต้นไม้อย่างรวดเร็ว ในมือกุมปืนพกเลเซอร์ไว้ ขอเพียงพบว่าเป็นสัตว์อสูรระดับ F ก็จะลั่นไกโดยไม่ลังเลเลยสักนิดเดียว พยายามชิงลงมือก่อนย่อมได้เปรียบ

ฉีหลงย่อตัวอยู่บนพื้นคนเดียว เขากุมปืนเลเซอร์ไว้เล็งไปตรงจุดที่เขาพบว่ามีการเคลื่อนไหวผิดปกติข้างหน้า เหงื่อบนหน้าผากไหลลงตามแก้ม เขาไม่กล้าเสียสมาธิ สัตว์อสูรระดับ F เท่ากับคนที่อยู่ระดับขัดเกลา ไม่ใช่สิ่งที่คนย่างเข้าสู่ระดับขัดเกลาแค่ครึ่งก้าวอย่างเขาจะต้านทานได้ เขาคิดเอาไว้แล้วว่า ถ้าเกิดมันปรากฏตัวขึ้นมาจริงๆ ละก็ ต่อให้เขาต้องแลกด้วยชีวิตก็จะสร้างโอกาสหนีให้กับเพื่อนร่วมทีมที่อยู่ด้านหลัง

“ฉีหลง?” เสียงแหบพร่าดังมาจากด้านหลังพุ่มไม้ที่ผิดปกติ

“อู่จย่ง เป็นนายนี่เอง” ร่างของฉีหลงผ่อนคลายลงฉับพลัน แทบจะล้มลงไปกับพื้นอย่างไร้เรี่ยวแรง เมื่อสักครู่นี้เขาเครียดมากเกินไปจริงๆ

เมื่อได้ยินบทสนทนาของคนทั้งสอง หลินจงชิงกับลั่วล่างที่ซ่อนตัวอยู่นั้นกำลังคิดจะออกมา แต่ก็เห็นหานจี้จวินที่คุ้มกันด้านหลังฉีหลงทำท่าให้ระวังตัวเตรียมการป้องกัน ทำให้ทั้งสองคนที่ซ่อนตัวอยู่อีกด้านหนึ่งพลันรู้สึกกังวลใจขึ้นมาอีกครั้ง และกุมปืนในมือไว้แน่นๆ

ในที่สุดอู่จย่งก็คลานออกมาจากพุ่มไม้ ชุดป้องกันของเขาเสียหายเล็กน้อย บนแก้มเขายังหลงเหลือบาดแผลที่ยังไม่สมานกันอยู่ หลังจากที่อู่จย่งออกมาแล้ว พวกเยี่ยซวี่ ฉินอี้ เพื่อนร่วมทีมของเขาก็เดินออกมาจากมุมต่างๆ เช่นกัน หนึ่งคนในนั้นยังถูกฉินอี้พยุงเอาไว้ พวกเขาต่างตกอยู่ในสภาพอับจนมากไม่ต่างกับอู่จย่งเท่าไหร่นัก

อู่จย่งเห็นฉีหลงแค่คนเดียว สีหน้าก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย “เพื่อนร่วมทีมของนายล่ะ? แล้วหลิงหลานอยู่ที่ไหน?”

ฉีหลงตอบว่า “พวกเขาอยู่นี่” เขาโบกมือไปทางด้านหลัง พวกหานจี้จวินถึงค่อยเดินออกมา

จากนั้นฉีหลงก็พูดอีกว่า “ลูกพี่หลานอยู่ในฐานที่มั่นชั่วคราว ที่นี่มีแค่พวกเราสี่คน” เขาชี้ไปที่อู่จย่งและถามว่า “ทำไมพวกนายถึงดูย่ำแย่ขนาดนี้ล่ะ?”

อู่จย่งถุยน้ำลายด้วยความหดหู่ใจ “ถุย แม่งโคตรโชคร้ายเลยจริงๆ ลูกปืนใหญ่ระเบิดไม่ไกลจากจุดที่เราซ่อนตัว ยังดีที่พวกเราซ่อนอยู่ด้านหลังต้นไม้พันปี ต้นไม้เลยป้องกันแรงระเบิดส่วนใหญ่ไว้ได้ แต่ว่าต่อให้เป็นแบบนี้ เฉินอวี่อยู่ใกล้กับลูกปืนใหญ่มากที่สุดก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส โชคดีที่พวกเราพกยารักษาฉุกเฉินมามากพอ ไม่อย่างนั้นเฉินอวี่อาจจะเป็นอันตรายแล้ว ตอนนี้นับว่ารักษาชีวิตไว้ได้แล้ว”

เฉินอวี่เป็นนักเรียนห้องเอคนหนึ่งที่เข้าร่วมทีมอู่จย่งชั่วคราวในช่วงเวลาที่ล่าสัตว์ครั้งนี้ ผลคะแนนอยู่ในระดับปานกลางของห้องมาตลอด เป็นเพื่อนร่วมห้องนิสัยเงียบๆ ไม่ค่อยพูดจาจึงทำให้คนมองข้ามได้ง่ายมาก แต่ไม่รู้ทำไมอู่จย่งเห็นแวบแรกก็เลือกเขาเลย…..

“ยาพอไหม? พวกเรายังมีอยู่นะ” ฉีหลงเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง หานจี้จวินได้ยินฉีหลงพูดแบบนี้ก็รีบปลดกระเป๋าเป้ลง เตรียมหยิบยาปฐมพยาบาลออกมา

“ขอบใจนะ แต่ว่าตอนนี้ยังไม่จำเป็น บาดแผลของเฉินอวี่คงที่แล้ว แต่ว่าอยากพาเขาไปรักษาให้เร็วที่สุด เราต้องกลับฐานที่มั่นพาเขาไปฟื้นฟูร่างกายในแคปซูลรักษาทันที” อู่จย่งปฏิเสธความหวังดีของฉีหลงอย่างสุภาพ ทว่าสีหน้าไม่ได้ดูดีขึ้นมาเลย เพราะว่าตอนนี้เขาต้องการผ่านสนามรบกลับไปยังฐานที่มั่นให้เร็วที่สุดเพื่อรักษาบาดแผลของเฉินอวี่ ไม่อย่างนั้นยืดเวลามากไป บาดแผลของเฉินอวี่จะแย่ลงได้ หลังจากนี้ต่อให้รักษาดีๆ ก็อาจจะยังหลงเหลือผลข้างเคียงในภายหลังอยู่ก็ได้

แต่ว่าปัญหาใหญ่คือจะผ่านสนามรบยังไง เวลานี้เขาเกลียดที่ตัวเองไร้ความสามารถอย่างยิ่ง

เขาเงยหน้ามองไปที่ฉีหลงและเอ่ยว่า “พวกเราจะเตรียมตัวกลับไปฐานที่มั่นให้เร็วที่สุดเพื่อรักษาแผลให้เฉินอวี่ พวกนายคิดว่าไง?”

“พวกเราก็คิดแบบนี้เหมือนกัน” ฉีหลงตอบ “ลูกพี่เพิ่งจะติดต่อมาหาเรา บอกว่าสัตว์อสูรที่นี่ใกล้จะคลั่งแล้ว ยิ่งพวกเราอยู่ที่นี่นาน ก็ยิ่งอันตรายมากขึ้น”

“ทะลุผ่านสนามรบไม่มีทางเป็นไปได้ ทั้งสองฝ่ายต่อสู้กันดุเดือดมากเกินไป ลูกปืนใหญ่บินมั่วซั่ว ไม่มีใครรู้ว่าลูกปืนใหญ่จะลอยมาโดนตัวพวกเราหรือเปล่า” อู่จย่งกล่าว

“ไม่เพียงเท่านั้น ถ้าเกิดศัตรูเห็นพวกเราเข้าละก็ พวกเขาก็จะยิงจรวดลำแสงใส่เราโดยไม่ยั้งมือเหมือนกัน เดิมทีพวกเขาก็คลั่งไคล้การกำจัดสิ่งที่เรียกว่าเมล็ดพันธุ์ที่โดดเด่นอย่างพวกเรานะ” หานจี้จวินเอ่ยเสริมอย่างเยาะหยันตัวเอง

“อืม เพราะฉะนั้นพวกเราได้แต่ไปตามป่า อ้อมสนามรบจากตรงนี้ไป” ฉีหลงบอกแผนการเดิมของพวกเขาให้อู่จย่งฟัง

“เหมือนกับความคิดฉันเลย” อู่จย่งเองก็ตัดสินใจแบบนี้เช่นกัน

“แต่ว่า มันก็อันตรายมากเหมือนกัน พวกเราแทบจะเฉียดเขตสัตว์อสูรระดับ F ถ้าเกิดเจอสัตว์อสูรระดับ F สักตัวเข้าละก็ สิ่งที่รอพวกเราอยู่ก็คือ ถูกกำจัดจนสิ้นซาก” หานจี้จวินเอ่ยเตือน

“แม่งเอ๊ย อยู่ที่นี่ก็ไม่ช่วยอะไรเหมือนกัน ไม่สู้ลองดูกันสักตั้ง” เยี่ยซวี่เอ่ยด้วยความกลัดกลุ้มใจอยู่บ้าง

“ถูกต้อง!” คนอื่นๆ ทยอยกันตอบรับ พวกเขาเป็นนักเรียนอัจฉริยะของสถาบันศูนย์กลางลูกเสือนะ เป็นบุตรที่รักของสวรรค์ ได้รับการอบรมสั่งสอนตั้งแต่เด็กว่าเมื่อเผชิญหน้ากับความยากลำบากก็สร้างโอกาสขึ้นมา พวกเขาไม่ใช่คนที่นั่งงอมืองอเท้ารอความตายหรอกนะ

ความเห็นของทั้งสองกลุ่มได้รับการเห็นชอบร่วมกัน ลั่วล่างกับหลินจงชิงยังช่วยพวกเยี่ยซวี่ ฉินอวี่แบกกระเป๋าเป้ ทำให้พวกเขาดูแลเฉินอวี่ได้ดียิ่งขึ้น การร่วมมือกันเช่นนี้ทำให้ทั้งสองกลุ่มรุดหน้าได้รวดเร็วขึ้นเล็กน้อย

ในตอนนี้เอง จู่ๆ ฉีหลงก็ส่งสัญญาณให้ทุกคนหยุดลงท่ามกลางสายตาระแวงสงสัยของอู่จย่ง ฉีหลงรับสายอุปกรณ์สื่อสารของตัวเองด้วยใบหน้าที่ดูตื่นเต้น “ลูกพี่ นายติดต่อพวกเราได้ยังไง?”

หลังจากที่เริ่มต้นสงครามได้ไม่นาน อุปกรณ์สื่อสารก็สูญเสียความสามารถในการติดต่อไป พวกฉีหลงรู้ดีว่า นี่เป็นเพราะการสู้รบกัน หอบังคับการของค่ายทหารกลัวว่าจะถูกฝ่ายศัตรูเจาะสัญญาณเข้ามาได้ก็เลยตัดสัญญาณดาวเทียมทิ้ง แต่นึกไม่ถึงเลยว่าหลิงหลานยังสามารถติดต่อพวกเขาได้ภายใต้สถานการณ์แบบนี้ นี่มันโคตรเจ๋งจริงๆ!

ดังนั้น ภาพลักษณ์ของลูกพี่หลิงหลานในสายตาของฉีหลงจึงดูสูงส่งยิ่งใหญ่มากขึ้น

หลิงหลานได้ยินคำถามของฉีหลง ก็รู้อยู่แก่ใจว่านี่เป็นความดีความชอบของเสี่ยวซื่อ แต่หลิงหลานไม่ได้อธิบาย เธอแค่สอบถามพิกัดของพวกฉีหลงในตอนนี้ หลังจากนั้นก็บอกฉีหลงว่า เธอกำลังรีบมา ถ้าไม่มีอันตรายใดๆ ก็พยายามอยู่ที่เดิมไว้ อย่าเดินไปไกล

ฉีหลงวางสายอุปกรณ์สื่อสารแล้ว ใบหน้าก็เผยรอยยิ้มกริ่มที่เป็นสัญลักษณ์ของเขาออกมา บวกกับท่าทีทึ่มๆ อีกหลายส่วน อย่างไรก็ตามทุกคนตรงนี้ต่างรู้ว่านี่เป็นการเสแสร้งของฉีหลง ไม่เคยเห็นหมอนี่โง่เง่าในตอนที่ควรฉลาดมาก่อน

“มีข่าวดีเหรอ?” อู่จย่งเห็นฉีหลงอารมณ์ดีมากหลังจากที่รับสายอุปกรณ์สื่อสารก็เลยเอ่ยปากถามออกมา

“อื้อ ลูกพี่ของเราจะเข้ามาที่นี่เดี๋ยวนี้แหละ” ฉีหลงเอ่ยด้วยความอิ่มอกอิ่มใจ หึๆ ความรู้สึกของการมีลูกพี่มันช่างดีจริงๆ ต่อให้ฟ้าถล่มลงมา ก็มีคนยันเอาไว้

“อันตรายมากเกินไปแล้ว เขามาแล้วจะทำอะไรได้อีก?” ปฏิกิริยาตอบสนองแรกของหานจี้จวินคือการคัดค้าน  รู้สึกว่าหลิงหลานบ้าไปแล้วแน่นอน เขาคิดว่านี่ไม่ใช่พฤติกรรมที่หลิงหลานควรมี นี่ไม่ใช่การตัดสินใจของลูกพี่ที่มีเหตุผล แต่ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าส่วนลึกในใจเขามีความอบอุ่นแผ่ซ่านเต็มหัวใจ จิตใจที่เดิมทีเหนื่อยล้าก็ฮึกเหิมขึ้นมาทันที

“พี่น้องร่วมใจ ก่อพลังอันยิ่งใหญ่! มีลูกพี่นำพาพวกเรา ฉันก็ไม่กลัวอะไรแล้ว…อีกอย่าง ลูกพี่บอกว่า เขามาถึงเขตระดับ G แล้ว กำลังตรงมาทางนี้” ฉีหลงไม่ได้คิดเยอะแบบหานจี้จวิน เขาคิดแค่ว่าเมื่อทุกคนอยู่ด้วยกัน ต่อให้เป็น ถ้ำเสือแดนมังกร เขาก็กล้าบุกเข้าไป

“ดีเหลือเกิน ในเมื่อลูกพี่กำลังจะมาแล้ว งั้นพวกเราก็รออยู่ที่นี่กันเถอะ” ลั่วล่างกล่าวด้วยความตื่นเต้นเช่นเดียวกัน ในขณะเดียวกันเขาเองก็รู้ว่าเรี่ยวแรงของหานจี้จวินกับหลินจงชิงถูกใช้ไปเยอะมากในการฝืนเดินทางครั้งนี้ เขาเพียงแต่คิดว่าต้องรีบกลับไปให้เร็วที่สุด ในขณะเดียวกันก็มีอันตรายอยู่ข้างๆ ดังนั้นถึงได้ไม่กล้าหยุดพัก

ฉีหลงมองไปที่อู่จย่ง  อู่จย่งมองดูลูกทีมข้างกายที่ทำหน้าหน้าอ่อนเพลีย เขาก็รู้สึกว่าจำเป็นต้องพักผ่อนจริงๆ ดังนั้นเขาก็เลยผงกศีรษะกล่าวว่า “พักผ่อนกันก่อนเถอะ”

ทั้งสองทีมหาสถานที่ค่อนข้างปิดบังตัวเล็กน้อย ฉีหลงกับอู่จย่งเฝ้าระวังกันคนละมุม ส่วนคนอื่นๆ ก็นั่งรวมกลุ่มกันตรงกลาง พวกเขาทยอยกันหยิบบิสกิตอัดแท่งและยาบำรุงของตัวเองขึ้นมาทาน

ไม่นานพวกเขาทานอาหารเสร็จแล้วก็พักผ่อนกัน ถ้าไม่ใช่เพราะปืนใหญ่ของหุ่นรบที่อยู่ไกลๆ กำลังส่งเสียงดังลั่น พวกเขาแทบจะคิดว่าสงครามนี้เป็นเพียงฝันร้ายฉากหนึ่งเท่านั้น

“แย่แล้ว! ซ่อนตัว!” อู่จย่งกับฉีหลงร้องตะโกนขึ้นมาแทบจะพร้อมกัน

สมาชิกของทั้งสองทีมมีปฏิกิริยารวดเร็วมาก พวกเขาทยอยกันทิ้งอาหารในมือแล้วพลิกตัวเข้าไปอยู่ในสิ่งกำบังข้างกายที่สามารถอำพรางตัวพวกเขาได้

เวลานี้เอง หุ่นรบสีน้ำเงินขาวตัวหนึ่งร่วงลงมาจากท้องฟ้าก่อนจะกระแทกลงในป่าที่อยู่ห่างจากพวกเขาไปประมาณหนึ่งร้อยเมตรอย่างหนักหน่วง พริบตาเดียวตรงนั้นก็กลายเป็นหลุมขนาดใหญ่ ต้นไม้หักโค่นล้มระเนระนาด

สิ่งที่ตามมาติดๆ คือพลังงานลำแสงทรงพลังสามสาย ยิงตรงมาที่ห้องคนขับของหุ่นรบ พริบตาเดียวห้องคนขับก็ถูกลำแสงกลืนกินก่อนจะละลายหายไปกลายเป็นโพรงว่างเปล่าทันที

“ไอ้โง่รนหาที่ตาย!” หุ่นรบฮิงูเระสีดำสามตัวบินวนเวียนอยู่บนฟ้าและลดปืนลำแสงในมือลง ผู้ควบคุมหุ่นรบหนึ่งในนั้นอดด่าด้วยความลำพองใจไม่ได้

ว่าไปแล้ว หุ่นรบของสหพันธรัฐที่ถูกทำลายตัวนี้โชคร้ายมากจริงๆ หลังจากที่เขายิงหุ่นรบตัวหนึ่งจนพ่ายแพ้แล้วก็คิดจะกลับไปเติมอาวุธ แต่ไม่คาดคิดว่าจะเจอทีมหุ่นรบสามคนของจักรวรรดิฮิงูเระที่เกาะกลุ่มกัน ถึงแม้ว่าเขาจะหลบหนีใกล้จะสุดกำลังแล้ว แต่ก็ไม่อาจหลีกหนีการรวมกลุ่มโจมตีของสามคนได้และถูกฝ่ายตรงข้ามสังหารทิ้ง

“อย่าอืดอาด นักรบของพวกเรากำลังต่อสู้อย่างกล้าหาญ พวกเราต้องหาศูนย์บัญชาการของศัตรูให้เร็วที่สุดแล้วปฏิบัติการตัดหัวซะ ทำสำเร็จเร็วก้าวหนึ่ง นักรบของเราก็จะรอดชีวิตเพิ่มขึ้นมาคนหนึ่ง” หุ่นรบอีกตัวคล้ายกับเป็นหัวหน้าทีมของทีมสามคน เมื่อเขาเอ่ยคำพูดนี้ หุ่นรบอีกสองตัวก็รีบตอบรับด้วยความเคารพทันทีว่า “ไฮ้!”

ในตอนที่ทั้งสามคนกำลังบังคับหุ่นรบจากไปนั้น หุ่นรบหนึ่งในนั้นก็ซูมหน้าจอออกราวกับว่าเหลือบเห็นอะไรบางอย่าง “เอ๋? นั่นมันอะไรน่ะ”

“โกโต้คุง? นายเจออะไรเหรอ?” หัวหน้าทีมสะดุ้งโหยงเพราะเสียงประหลาดใจของลูกน้อง ก่อนจะรีบสอบถามเหตุการณ์

“หึๆ ไม่มีอะไร แค่เจอหนูตัวเล็กๆ ที่น่าสนุกไม่กี่ตัวเท่านั้น” ผู้ควบคุมหุ่นรบที่ชื่อโกโต้คุงคนนั้นส่งเสียงหัวเราะน่าเกลียดขึ้นมาฉับพลัน ทั้งยังแฝงไปด้วยความตื่นเต้นและโรคจิตอยู่บ้าง

……………………………………………………………

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

I’M THE BOSS ลูกพี่หุ่นเทวะ 146 ถูกพบแล้ว?

Now you are reading I’M THE BOSS ลูกพี่หุ่นเทวะ Chapter 146 ถูกพบแล้ว? at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ภายในป่าทึบที่มืดมิดใกล้กับสนามรบมากที่สุด ทีมของลูกเสือสี่คนกำลังเคลื่อนที่อยู่ในป่าอย่างระมัดระวัง พยายามอ้อมป่าทึบเพื่อข้ามผ่านสนามรบทั้งหมด….

พวกเขาได้ยินเสียงปืนใหญ่ระเบิดตูมตามอย่างดุเดือดชัดเจนจากที่ไม่ไกล และยังสัมผัสได้ว่าหุ่นรบบนท้องฟ้าถูกทำลายร่วงตกลงมาสู่พื้นครั้งแล้วครั้งเล่า เกิดเป็นความรู้สึกสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงในชั่วพริบตา ทุกครั้งต่างทำให้พวกเขาหวาดหวั่นจนจิตใจเต้นรัว กลัวว่าปืนใหญ่หรือหุ่นรบจะตกลงใส่พวกเขาโดยไม่ทันระวัง

“พวกนายยังไหวไหม?” ฉีหลงปาดเหงื่อบนหน้าผากทันที แล้วหันไปสอบถามพวกเพื่อนร่วมทีมที่ตามหลังเขา

“ไม่ต้องเป็นห่วงพวกเราหรอก เรื่องที่สำคัญที่สุดในตอนนี้คืออย่าไปผิดทาง” หานจี้จวินขมวดคิ้วพลางเทียบตำแหน่งพิกัดของพวกเขาต่อ ก่อนจะพบว่าเนื่องจากการแผ่ขยายของไฟสงคราม พวกเขาเลยเข้าใกล้เขตสัตว์อสูรระดับ F มากขึ้นไปทุกที ต่อให้ไม่มีคำเตือนของหลิงหลาน พวกเขาเองก็สัมผัสได้ถึงความหนาวเหน็บที่ส่งมาจากในกระดูก สถานการณ์แย่ลงเรื่อยๆ แล้ว

พวกเขาเดินขึ้นหน้าไปบนเส้นทางอย่างระมัดระวังอีกครั้ง เวลานี้เอง ฉีหลงที่เดินนำหน้าสุดก็โบกมือฉับพลัน หลายคนที่อยู่ด้านหลังรีบซ่อนตัวอยู่ในพุ่มหญ้าหรือว่าด้านหลังต้นไม้อย่างรวดเร็ว ในมือกุมปืนพกเลเซอร์ไว้ ขอเพียงพบว่าเป็นสัตว์อสูรระดับ F ก็จะลั่นไกโดยไม่ลังเลเลยสักนิดเดียว พยายามชิงลงมือก่อนย่อมได้เปรียบ

ฉีหลงย่อตัวอยู่บนพื้นคนเดียว เขากุมปืนเลเซอร์ไว้เล็งไปตรงจุดที่เขาพบว่ามีการเคลื่อนไหวผิดปกติข้างหน้า เหงื่อบนหน้าผากไหลลงตามแก้ม เขาไม่กล้าเสียสมาธิ สัตว์อสูรระดับ F เท่ากับคนที่อยู่ระดับขัดเกลา ไม่ใช่สิ่งที่คนย่างเข้าสู่ระดับขัดเกลาแค่ครึ่งก้าวอย่างเขาจะต้านทานได้ เขาคิดเอาไว้แล้วว่า ถ้าเกิดมันปรากฏตัวขึ้นมาจริงๆ ละก็ ต่อให้เขาต้องแลกด้วยชีวิตก็จะสร้างโอกาสหนีให้กับเพื่อนร่วมทีมที่อยู่ด้านหลัง

“ฉีหลง?” เสียงแหบพร่าดังมาจากด้านหลังพุ่มไม้ที่ผิดปกติ

“อู่จย่ง เป็นนายนี่เอง” ร่างของฉีหลงผ่อนคลายลงฉับพลัน แทบจะล้มลงไปกับพื้นอย่างไร้เรี่ยวแรง เมื่อสักครู่นี้เขาเครียดมากเกินไปจริงๆ

เมื่อได้ยินบทสนทนาของคนทั้งสอง หลินจงชิงกับลั่วล่างที่ซ่อนตัวอยู่นั้นกำลังคิดจะออกมา แต่ก็เห็นหานจี้จวินที่คุ้มกันด้านหลังฉีหลงทำท่าให้ระวังตัวเตรียมการป้องกัน ทำให้ทั้งสองคนที่ซ่อนตัวอยู่อีกด้านหนึ่งพลันรู้สึกกังวลใจขึ้นมาอีกครั้ง และกุมปืนในมือไว้แน่นๆ

ในที่สุดอู่จย่งก็คลานออกมาจากพุ่มไม้ ชุดป้องกันของเขาเสียหายเล็กน้อย บนแก้มเขายังหลงเหลือบาดแผลที่ยังไม่สมานกันอยู่ หลังจากที่อู่จย่งออกมาแล้ว พวกเยี่ยซวี่ ฉินอี้ เพื่อนร่วมทีมของเขาก็เดินออกมาจากมุมต่างๆ เช่นกัน หนึ่งคนในนั้นยังถูกฉินอี้พยุงเอาไว้ พวกเขาต่างตกอยู่ในสภาพอับจนมากไม่ต่างกับอู่จย่งเท่าไหร่นัก

อู่จย่งเห็นฉีหลงแค่คนเดียว สีหน้าก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย “เพื่อนร่วมทีมของนายล่ะ? แล้วหลิงหลานอยู่ที่ไหน?”

ฉีหลงตอบว่า “พวกเขาอยู่นี่” เขาโบกมือไปทางด้านหลัง พวกหานจี้จวินถึงค่อยเดินออกมา

จากนั้นฉีหลงก็พูดอีกว่า “ลูกพี่หลานอยู่ในฐานที่มั่นชั่วคราว ที่นี่มีแค่พวกเราสี่คน” เขาชี้ไปที่อู่จย่งและถามว่า “ทำไมพวกนายถึงดูย่ำแย่ขนาดนี้ล่ะ?”

อู่จย่งถุยน้ำลายด้วยความหดหู่ใจ “ถุย แม่งโคตรโชคร้ายเลยจริงๆ ลูกปืนใหญ่ระเบิดไม่ไกลจากจุดที่เราซ่อนตัว ยังดีที่พวกเราซ่อนอยู่ด้านหลังต้นไม้พันปี ต้นไม้เลยป้องกันแรงระเบิดส่วนใหญ่ไว้ได้ แต่ว่าต่อให้เป็นแบบนี้ เฉินอวี่อยู่ใกล้กับลูกปืนใหญ่มากที่สุดก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส โชคดีที่พวกเราพกยารักษาฉุกเฉินมามากพอ ไม่อย่างนั้นเฉินอวี่อาจจะเป็นอันตรายแล้ว ตอนนี้นับว่ารักษาชีวิตไว้ได้แล้ว”

เฉินอวี่เป็นนักเรียนห้องเอคนหนึ่งที่เข้าร่วมทีมอู่จย่งชั่วคราวในช่วงเวลาที่ล่าสัตว์ครั้งนี้ ผลคะแนนอยู่ในระดับปานกลางของห้องมาตลอด เป็นเพื่อนร่วมห้องนิสัยเงียบๆ ไม่ค่อยพูดจาจึงทำให้คนมองข้ามได้ง่ายมาก แต่ไม่รู้ทำไมอู่จย่งเห็นแวบแรกก็เลือกเขาเลย…..

“ยาพอไหม? พวกเรายังมีอยู่นะ” ฉีหลงเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง หานจี้จวินได้ยินฉีหลงพูดแบบนี้ก็รีบปลดกระเป๋าเป้ลง เตรียมหยิบยาปฐมพยาบาลออกมา

“ขอบใจนะ แต่ว่าตอนนี้ยังไม่จำเป็น บาดแผลของเฉินอวี่คงที่แล้ว แต่ว่าอยากพาเขาไปรักษาให้เร็วที่สุด เราต้องกลับฐานที่มั่นพาเขาไปฟื้นฟูร่างกายในแคปซูลรักษาทันที” อู่จย่งปฏิเสธความหวังดีของฉีหลงอย่างสุภาพ ทว่าสีหน้าไม่ได้ดูดีขึ้นมาเลย เพราะว่าตอนนี้เขาต้องการผ่านสนามรบกลับไปยังฐานที่มั่นให้เร็วที่สุดเพื่อรักษาบาดแผลของเฉินอวี่ ไม่อย่างนั้นยืดเวลามากไป บาดแผลของเฉินอวี่จะแย่ลงได้ หลังจากนี้ต่อให้รักษาดีๆ ก็อาจจะยังหลงเหลือผลข้างเคียงในภายหลังอยู่ก็ได้

แต่ว่าปัญหาใหญ่คือจะผ่านสนามรบยังไง เวลานี้เขาเกลียดที่ตัวเองไร้ความสามารถอย่างยิ่ง

เขาเงยหน้ามองไปที่ฉีหลงและเอ่ยว่า “พวกเราจะเตรียมตัวกลับไปฐานที่มั่นให้เร็วที่สุดเพื่อรักษาแผลให้เฉินอวี่ พวกนายคิดว่าไง?”

“พวกเราก็คิดแบบนี้เหมือนกัน” ฉีหลงตอบ “ลูกพี่เพิ่งจะติดต่อมาหาเรา บอกว่าสัตว์อสูรที่นี่ใกล้จะคลั่งแล้ว ยิ่งพวกเราอยู่ที่นี่นาน ก็ยิ่งอันตรายมากขึ้น”

“ทะลุผ่านสนามรบไม่มีทางเป็นไปได้ ทั้งสองฝ่ายต่อสู้กันดุเดือดมากเกินไป ลูกปืนใหญ่บินมั่วซั่ว ไม่มีใครรู้ว่าลูกปืนใหญ่จะลอยมาโดนตัวพวกเราหรือเปล่า” อู่จย่งกล่าว

“ไม่เพียงเท่านั้น ถ้าเกิดศัตรูเห็นพวกเราเข้าละก็ พวกเขาก็จะยิงจรวดลำแสงใส่เราโดยไม่ยั้งมือเหมือนกัน เดิมทีพวกเขาก็คลั่งไคล้การกำจัดสิ่งที่เรียกว่าเมล็ดพันธุ์ที่โดดเด่นอย่างพวกเรานะ” หานจี้จวินเอ่ยเสริมอย่างเยาะหยันตัวเอง

“อืม เพราะฉะนั้นพวกเราได้แต่ไปตามป่า อ้อมสนามรบจากตรงนี้ไป” ฉีหลงบอกแผนการเดิมของพวกเขาให้อู่จย่งฟัง

“เหมือนกับความคิดฉันเลย” อู่จย่งเองก็ตัดสินใจแบบนี้เช่นกัน

“แต่ว่า มันก็อันตรายมากเหมือนกัน พวกเราแทบจะเฉียดเขตสัตว์อสูรระดับ F ถ้าเกิดเจอสัตว์อสูรระดับ F สักตัวเข้าละก็ สิ่งที่รอพวกเราอยู่ก็คือ ถูกกำจัดจนสิ้นซาก” หานจี้จวินเอ่ยเตือน

“แม่งเอ๊ย อยู่ที่นี่ก็ไม่ช่วยอะไรเหมือนกัน ไม่สู้ลองดูกันสักตั้ง” เยี่ยซวี่เอ่ยด้วยความกลัดกลุ้มใจอยู่บ้าง

“ถูกต้อง!” คนอื่นๆ ทยอยกันตอบรับ พวกเขาเป็นนักเรียนอัจฉริยะของสถาบันศูนย์กลางลูกเสือนะ เป็นบุตรที่รักของสวรรค์ ได้รับการอบรมสั่งสอนตั้งแต่เด็กว่าเมื่อเผชิญหน้ากับความยากลำบากก็สร้างโอกาสขึ้นมา พวกเขาไม่ใช่คนที่นั่งงอมืองอเท้ารอความตายหรอกนะ

ความเห็นของทั้งสองกลุ่มได้รับการเห็นชอบร่วมกัน ลั่วล่างกับหลินจงชิงยังช่วยพวกเยี่ยซวี่ ฉินอวี่แบกกระเป๋าเป้ ทำให้พวกเขาดูแลเฉินอวี่ได้ดียิ่งขึ้น การร่วมมือกันเช่นนี้ทำให้ทั้งสองกลุ่มรุดหน้าได้รวดเร็วขึ้นเล็กน้อย

ในตอนนี้เอง จู่ๆ ฉีหลงก็ส่งสัญญาณให้ทุกคนหยุดลงท่ามกลางสายตาระแวงสงสัยของอู่จย่ง ฉีหลงรับสายอุปกรณ์สื่อสารของตัวเองด้วยใบหน้าที่ดูตื่นเต้น “ลูกพี่ นายติดต่อพวกเราได้ยังไง?”

หลังจากที่เริ่มต้นสงครามได้ไม่นาน อุปกรณ์สื่อสารก็สูญเสียความสามารถในการติดต่อไป พวกฉีหลงรู้ดีว่า นี่เป็นเพราะการสู้รบกัน หอบังคับการของค่ายทหารกลัวว่าจะถูกฝ่ายศัตรูเจาะสัญญาณเข้ามาได้ก็เลยตัดสัญญาณดาวเทียมทิ้ง แต่นึกไม่ถึงเลยว่าหลิงหลานยังสามารถติดต่อพวกเขาได้ภายใต้สถานการณ์แบบนี้ นี่มันโคตรเจ๋งจริงๆ!

ดังนั้น ภาพลักษณ์ของลูกพี่หลิงหลานในสายตาของฉีหลงจึงดูสูงส่งยิ่งใหญ่มากขึ้น

หลิงหลานได้ยินคำถามของฉีหลง ก็รู้อยู่แก่ใจว่านี่เป็นความดีความชอบของเสี่ยวซื่อ แต่หลิงหลานไม่ได้อธิบาย เธอแค่สอบถามพิกัดของพวกฉีหลงในตอนนี้ หลังจากนั้นก็บอกฉีหลงว่า เธอกำลังรีบมา ถ้าไม่มีอันตรายใดๆ ก็พยายามอยู่ที่เดิมไว้ อย่าเดินไปไกล

ฉีหลงวางสายอุปกรณ์สื่อสารแล้ว ใบหน้าก็เผยรอยยิ้มกริ่มที่เป็นสัญลักษณ์ของเขาออกมา บวกกับท่าทีทึ่มๆ อีกหลายส่วน อย่างไรก็ตามทุกคนตรงนี้ต่างรู้ว่านี่เป็นการเสแสร้งของฉีหลง ไม่เคยเห็นหมอนี่โง่เง่าในตอนที่ควรฉลาดมาก่อน

“มีข่าวดีเหรอ?” อู่จย่งเห็นฉีหลงอารมณ์ดีมากหลังจากที่รับสายอุปกรณ์สื่อสารก็เลยเอ่ยปากถามออกมา

“อื้อ ลูกพี่ของเราจะเข้ามาที่นี่เดี๋ยวนี้แหละ” ฉีหลงเอ่ยด้วยความอิ่มอกอิ่มใจ หึๆ ความรู้สึกของการมีลูกพี่มันช่างดีจริงๆ ต่อให้ฟ้าถล่มลงมา ก็มีคนยันเอาไว้

“อันตรายมากเกินไปแล้ว เขามาแล้วจะทำอะไรได้อีก?” ปฏิกิริยาตอบสนองแรกของหานจี้จวินคือการคัดค้าน  รู้สึกว่าหลิงหลานบ้าไปแล้วแน่นอน เขาคิดว่านี่ไม่ใช่พฤติกรรมที่หลิงหลานควรมี นี่ไม่ใช่การตัดสินใจของลูกพี่ที่มีเหตุผล แต่ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าส่วนลึกในใจเขามีความอบอุ่นแผ่ซ่านเต็มหัวใจ จิตใจที่เดิมทีเหนื่อยล้าก็ฮึกเหิมขึ้นมาทันที

“พี่น้องร่วมใจ ก่อพลังอันยิ่งใหญ่! มีลูกพี่นำพาพวกเรา ฉันก็ไม่กลัวอะไรแล้ว…อีกอย่าง ลูกพี่บอกว่า เขามาถึงเขตระดับ G แล้ว กำลังตรงมาทางนี้” ฉีหลงไม่ได้คิดเยอะแบบหานจี้จวิน เขาคิดแค่ว่าเมื่อทุกคนอยู่ด้วยกัน ต่อให้เป็น ถ้ำเสือแดนมังกร เขาก็กล้าบุกเข้าไป

“ดีเหลือเกิน ในเมื่อลูกพี่กำลังจะมาแล้ว งั้นพวกเราก็รออยู่ที่นี่กันเถอะ” ลั่วล่างกล่าวด้วยความตื่นเต้นเช่นเดียวกัน ในขณะเดียวกันเขาเองก็รู้ว่าเรี่ยวแรงของหานจี้จวินกับหลินจงชิงถูกใช้ไปเยอะมากในการฝืนเดินทางครั้งนี้ เขาเพียงแต่คิดว่าต้องรีบกลับไปให้เร็วที่สุด ในขณะเดียวกันก็มีอันตรายอยู่ข้างๆ ดังนั้นถึงได้ไม่กล้าหยุดพัก

ฉีหลงมองไปที่อู่จย่ง  อู่จย่งมองดูลูกทีมข้างกายที่ทำหน้าหน้าอ่อนเพลีย เขาก็รู้สึกว่าจำเป็นต้องพักผ่อนจริงๆ ดังนั้นเขาก็เลยผงกศีรษะกล่าวว่า “พักผ่อนกันก่อนเถอะ”

ทั้งสองทีมหาสถานที่ค่อนข้างปิดบังตัวเล็กน้อย ฉีหลงกับอู่จย่งเฝ้าระวังกันคนละมุม ส่วนคนอื่นๆ ก็นั่งรวมกลุ่มกันตรงกลาง พวกเขาทยอยกันหยิบบิสกิตอัดแท่งและยาบำรุงของตัวเองขึ้นมาทาน

ไม่นานพวกเขาทานอาหารเสร็จแล้วก็พักผ่อนกัน ถ้าไม่ใช่เพราะปืนใหญ่ของหุ่นรบที่อยู่ไกลๆ กำลังส่งเสียงดังลั่น พวกเขาแทบจะคิดว่าสงครามนี้เป็นเพียงฝันร้ายฉากหนึ่งเท่านั้น

“แย่แล้ว! ซ่อนตัว!” อู่จย่งกับฉีหลงร้องตะโกนขึ้นมาแทบจะพร้อมกัน

สมาชิกของทั้งสองทีมมีปฏิกิริยารวดเร็วมาก พวกเขาทยอยกันทิ้งอาหารในมือแล้วพลิกตัวเข้าไปอยู่ในสิ่งกำบังข้างกายที่สามารถอำพรางตัวพวกเขาได้

เวลานี้เอง หุ่นรบสีน้ำเงินขาวตัวหนึ่งร่วงลงมาจากท้องฟ้าก่อนจะกระแทกลงในป่าที่อยู่ห่างจากพวกเขาไปประมาณหนึ่งร้อยเมตรอย่างหนักหน่วง พริบตาเดียวตรงนั้นก็กลายเป็นหลุมขนาดใหญ่ ต้นไม้หักโค่นล้มระเนระนาด

สิ่งที่ตามมาติดๆ คือพลังงานลำแสงทรงพลังสามสาย ยิงตรงมาที่ห้องคนขับของหุ่นรบ พริบตาเดียวห้องคนขับก็ถูกลำแสงกลืนกินก่อนจะละลายหายไปกลายเป็นโพรงว่างเปล่าทันที

“ไอ้โง่รนหาที่ตาย!” หุ่นรบฮิงูเระสีดำสามตัวบินวนเวียนอยู่บนฟ้าและลดปืนลำแสงในมือลง ผู้ควบคุมหุ่นรบหนึ่งในนั้นอดด่าด้วยความลำพองใจไม่ได้

ว่าไปแล้ว หุ่นรบของสหพันธรัฐที่ถูกทำลายตัวนี้โชคร้ายมากจริงๆ หลังจากที่เขายิงหุ่นรบตัวหนึ่งจนพ่ายแพ้แล้วก็คิดจะกลับไปเติมอาวุธ แต่ไม่คาดคิดว่าจะเจอทีมหุ่นรบสามคนของจักรวรรดิฮิงูเระที่เกาะกลุ่มกัน ถึงแม้ว่าเขาจะหลบหนีใกล้จะสุดกำลังแล้ว แต่ก็ไม่อาจหลีกหนีการรวมกลุ่มโจมตีของสามคนได้และถูกฝ่ายตรงข้ามสังหารทิ้ง

“อย่าอืดอาด นักรบของพวกเรากำลังต่อสู้อย่างกล้าหาญ พวกเราต้องหาศูนย์บัญชาการของศัตรูให้เร็วที่สุดแล้วปฏิบัติการตัดหัวซะ ทำสำเร็จเร็วก้าวหนึ่ง นักรบของเราก็จะรอดชีวิตเพิ่มขึ้นมาคนหนึ่ง” หุ่นรบอีกตัวคล้ายกับเป็นหัวหน้าทีมของทีมสามคน เมื่อเขาเอ่ยคำพูดนี้ หุ่นรบอีกสองตัวก็รีบตอบรับด้วยความเคารพทันทีว่า “ไฮ้!”

ในตอนที่ทั้งสามคนกำลังบังคับหุ่นรบจากไปนั้น หุ่นรบหนึ่งในนั้นก็ซูมหน้าจอออกราวกับว่าเหลือบเห็นอะไรบางอย่าง “เอ๋? นั่นมันอะไรน่ะ”

“โกโต้คุง? นายเจออะไรเหรอ?” หัวหน้าทีมสะดุ้งโหยงเพราะเสียงประหลาดใจของลูกน้อง ก่อนจะรีบสอบถามเหตุการณ์

“หึๆ ไม่มีอะไร แค่เจอหนูตัวเล็กๆ ที่น่าสนุกไม่กี่ตัวเท่านั้น” ผู้ควบคุมหุ่นรบที่ชื่อโกโต้คุงคนนั้นส่งเสียงหัวเราะน่าเกลียดขึ้นมาฉับพลัน ทั้งยังแฝงไปด้วยความตื่นเต้นและโรคจิตอยู่บ้าง

……………………………………………………………

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+