I’M THE BOSS ลูกพี่หุ่นเทวะ 103 พ่อใจร้าย?

Now you are reading I’M THE BOSS ลูกพี่หุ่นเทวะ Chapter 103 พ่อใจร้าย? at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตัวอักษรแถวนี้ปรากฏขึ้นมา หุบเขาที่สวยงามตรงหน้าหลิงหลานก็พลันแตกเป็นเสี่ยงๆ ราวกับกระจกแล้วก็สลายหายไป พริบตาเดียวเบื้องหน้าหลิงหลานก็มีทิวทัศน์ใหม่โผล่ขึ้นมา เธอมาถึงห้องโถงที่หรูหราโออ่าแห่งหนึ่ง ทว่าห้องโถงนี้ หลิงหลานรู้สึกคุ้นเคยจนไม่อาจคุ้นได้อีก มันคือคฤหาสน์ตระกูลหลิง บ้านที่เธอใช้ชีวิตอยู่มาเจ็ดปี

ฉากที่ไม่คาดฝันนี้ทำให้ดวงตาทั้งสองข้างของหลิงหลานเผยร่องรอยความประหลาดใจออกมา หลิงหลานที่รอบคอบเลือกที่จะไม่เคลื่อนไหว หากแต่ยืนอยู่ที่เดิม เคาะหน้าผากตัวเองเบาๆ ก้มหน้าลงครุ่นคิดขึ้นมาว่า ‘นี่เป็นการกำหนดไว้แต่แรกเหรอ หรือว่าภารกิจมรดกดึงความทรงจำของเธอมาเปลี่ยนเป็นภาพลวงตาทันที?’

จะต้องรู้เรื่องนี้ให้ได้ ไม่อย่างนั้นมีความเป็นไปได้สูงว่ามันจะทำให้เธอตัดสินใจผิดพลาด ทำให้ภารกิจล้มเหลวได้ ถึงแม้ว่าเธอจะเหนือกว่าเด็กคนอื่นๆ ไปไกลมาก แต่ในส่วนลึกของหลิงหลานไม่เต็มใจยอมรับความพ่ายแพ้เลย

หลิงหลานตัดสินใจตรวจสอบรายละเอียดห้องโถงนี้ก่อน ถ้าเกิดฉากนี้เป็นฉากที่เดิมทีมีอยู่ในภารกิจมรดก ก็มีความเป็นได้สูงว่ามันเกี่ยวข้องกับหลิงเซียวพ่อของเธอ ถ้าอย่างนั้นหลิงเซียวที่เสียชีวิตไปเกือบจะแปดปีแล้ว คฤหาสน์ในความทรงจำของเขาย่อมมีสถานที่บางแห่งแตกต่างกับคฤหาสน์ในปัจจุบัน ถ้าหากเป็นการดึงความทรงจำของเธอออกมาเปลี่ยนเป็นภาพลวงตาละก็ เช่นนั้นย่อมหาความแตกต่างอะไรไม่เจอแน่นอน

หลิงหลานมองดูอย่างละเอียดมากรอบหนึ่ง ไม่นานเธอก็หาจุดที่แตกต่างพบ มีเสื้อคลุมทหารผ้าขนสัตว์เพิ่มขึ้นมาบนเก้าอี้นวมตัวหนึ่งในห้องโถง และด้านข้างรูปแต่งงานของพ่อแม่บนกำแพงด้านหลังนั้นว่างเปล่า มันขาดรูปเดี่ยวของเธอ

ทุกปีหลานลั่วเฟิ่งจะเลือกรูปล่าสุดของหลิงหลานวาดเป็นภาพออกมาแขวนไว้ข้างรูปแต่งงานของพวกเขาในห้องโถง เปลี่ยนติดต่อกันมาแล้วเจ็ดครั้งไม่เคยขาด จากคำพูดของหลานลั่วเฟิ่ง เธออยากให้หลิงเซียวมองดูหลิงหลานเติบโตตลอดไป

แต่หลิงหลานคิดว่า นี่เป็นเพราะหลานลั่วเฟิ่งว่างมากเกินไปชัดๆ เลยอยากหาเรื่องทำบ้าง แต่เพื่อให้มารดามีความสุข หลิงหลานก็เลยไม่ยุ่งเรื่องนี้

“ดูเหมือนว่าฉากนี้จะไม่ใช่ความทรงจำของฉันแน่นอน ตั้งแต่ฉันเกิดมา รูปภาพของฉันก็แขวนอยู่ตรงนั้นแล้ว” มุมปากของหลิงหลานยกขึ้นน้อยๆ ในเมื่อมีคำตอบแล้ว เช่นนั้นการตัดสินใจต่อไปของเธอก็ง่ายดายมากขึ้นแล้ว

เมื่อหลิงหลานย่างเท้าก้าวแรกออกมา เสียงที่กระจ่างใสดังขึ้นมาในห้องโถง “โปรดเลือกห้องตามใจชอบ เนื้อหาการสอบของแต่ละห้องจะไม่เหมือนกัน มีง่ายและก็มียาก…”

หลิงหลานยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย นี่เป็นกับดัก ตั้งแต่ที่เธอเข้ามาที่ภารกิจมรดกก็ไม่เคยเห็นภารกิจที่อาศัยดวงเพียงอย่างเดียวแบบนี้เลย นี่เห็นได้ชัดว่ามีอย่างผิดปกติ ถ้าเกิดเป็นเหมือนอย่างที่เธอคิดเอาไว้จริงๆ

เสียงกระจ่างใสคล้ายกับสัมผัสได้ถึงความคิดของหลิงหลาน มันเอ่ยต่อว่า “นี่ไม่ใช่เรื่องยุติธรรมหรือไม่ยุติธรรม ดวงดีหรือไม่ดี บางครั้งดวงก็เป็นความสามารถอย่างหนึ่ง” แน่นอนว่ามันก็กำจัดทิ้งไม่ได้เหมือนกัน ไม่ว่าคุณจะคิดยังไง เดิมทีมันก็ตั้งค่าไว้แบบนี้แล้ว

สิ้นคำพูดของเสียงกระจ่างใส ทุกห้องที่หันหน้ามาทางห้องโถงก็ทยอยกันเกิดเสียงเปิดประตูที่ดังชัดเจน ประตูห้องต่างเปิดออกอัตโนมัติ ราวกับกำลังเชื้อเชิญให้หลิงหลานเข้าไป

“นี่เป็นการหลอกลวงหรือเปล่า?” หลิงหลานมีคำตอบในใจแล้ว ถ้าไม่รู้จักคนของคฤหาสน์ตระกูลหลิงละก็ จะต้องถูกฉากตรงหน้าหลอกแน่นอน ภารกิจนี้กำจัดผู้ทดสอบทุกคนที่ไม่ใช่ตระกูลหลิงโดยไม่แสดงออกมาตั้งแต่แรกแล้ว นี่ก็คือสาเหตุที่เด็กทุกคนไม่สามารถผ่านด่านไปได้ เพราะว่าพวกเขาไม่ใช่หลิงหลาน

“รอฉันอยู่เหรอ? พ่อของฉัน!” ตอนนี้หลิงหลานแทบจะแน่ใจแล้วว่าภารกิจมรดกนี้มีความเป็นไปได้สูงว่าจะสร้างขึ้นโดยหลิงเซียวพ่อของเธอ

พ่อคะ คุณเป็นใครกันแน่? หลิงหลานยิ้มขื่นในใจ เธอเสียใจมากที่ไม่ได้ศึกษาข้อมูลของหลิงเซียวได้ทันเวลา ทำให้ตอนนี้เธอรู้สึกสับสนมาก

หลิงหลานสงบสติอารมณ์ ยกเท้าขึ้นเดินผ่านห้องโถงด้วยความเด็ดเดี่ยว เธอเมินบันไดที่ขดเป็นวงสองฝั่งไป และเดินไปที่ตรงกลางระเบียงทางเดินแทน

สองฝั่งของระเบียงต่างเป็นห้อง ตอนนี้ประตูห้องทั้งหมดต่างเปิดออกแล้ว ตลอดทางที่หลิงหลานเดินมา เธอสามารถมองเห็นของตกแต่งและรายละเอียดด้านใน บางห้องเหมือนกับในปัจจุบัน แต่ก็มีบางห้องที่แตกต่างโดยสิ้นเชิง นี่เป็นความทรงจำของพ่อเหรอ?

เธอเดินไปยังด้านหน้ากระจกตั้งพื้นบานหนึ่ง กระจกสูงใหญ่มาก ความสูงของมันถึงสองเมตรห้าสิบได้ ส่วนความยาวก็มีสี่เมตร

 สองมือของหลิงหลานผลักเข้าไปด้านในโดยไม่ลังเลเลยสักนิด สิ่งที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น กระจกแตกออกจากตรงกลาง พับขึ้นมาสี่ทิศไปทางด้านใน จนสุดท้ายกระจกก็หายไป เผยให้เห็นทางเดินด้านหลังกระจก จุดสิ้นสุดทางเดินกว้างสี่เมตรคือบันไดกว้างใหญ่ที่ปูด้วยพรมขนยาวสีขาว

หลิงหลานเพิ่งจะเหยียบเข้าไปข้างใน กระจกก็วางออกมาอีกครั้ง พริบตาเดียวมันก็กลับคืนสู่สภาพเดิม และกระจกตั้งพื้นบานใหญ่ก็ไม่มีจุดเสียหายอะไรเลย มองด้วยตาเปล่าแล้วไม่เห็นรอยแตกเล็กๆ ด้านใน เทคโนโลยีในปัจจุบันทำได้ไม่มีที่ติเลย

คฤหาสน์ตระกูลหลิงแบ่งพื้นที่ส่วนหน้าและส่วนหลังแยกกัน ส่วนหน้าเป็นพื้นที่ต้อนรับแขก แน่นอนว่าก็มีพวกห้องนอน ห้องหนังสือของเจ้าบ้านเช่นกัน เพื่อไว้จัดการกับคนที่ตั้งใจมาสอดแนม

และส่วนหลังถึงจะเป็นสถานที่พักผ่อนที่แท้จริงของเจ้าบ้านตระกูลหลิง นอกจากเจ้าบ้านของตระกูลหลิงแล้ว ก็มีแค่คนรับใช้เก่าแก่ซื่อสัตย์ที่อาศัยอยู่ในคฤหาสน์ตระกูลหลิงไม่กี่คนเท่านั้นที่รู้ความลับนี้

ดังนั้นต่อให้นักเรียนคนอื่นๆ โชคดีผ่านด่านก่อนหน้านี้และเข้ามาที่นี่ได้ ก็ไม่สามารถหาห้องที่แท้จริงได้เลย ต่อให้มีคนแตะกระจกตรงนั้นโดยไม่ทันระวัง มันก็จะไม่ถูกเปิดเช่นกัน เนื่องจากมีการกำหนดตำแหน่งและแรงในการผลักไว้ ถ้าตำแหน่งต่างกัน แรงที่ใช้ก็จะแตกต่างกัน

แน่นอนว่าไม่ได้ตัดเรื่องคนที่ดวงดีอย่างน่าอัศจรรย์บังเอิญผ่านได้ผ่านได้หมดทุกด่าน…คนแบบนี้เป็นลูกรักของสวรรค์อย่างชัดเจน ตัวเอกของเรื่องผู้ชนะชั่วชีวิตเอามรดกไป หลิงหลานก็ไม่มีความคิดเห็นเช่นกัน เธอไม่เอาตัวไปแข่งกับสัตว์ประหลาดหรอก

หลิงหลานเดินขึ้นบันไดช้าๆ ไม่รู้ว่าทำไมหัวใจเธอเริ่มเต้นแรงขึ้นมา ฝ่ามือเริ่มเหงื่อออก หลิงเซียวพ่อของร่างกายเธอในชาตินี้จะปรากฎตัวขึ้นในห้องนั้นจริงๆ หรือเปล่า

ในที่สุดหลิงหลานก็เดินมาถึงห้องหนังสือ หลานลั่วเฟิ่งแม่ของเธอเคยบอกว่า ห้องหนังสือแห่งนั้นเป็นของหลิงเซียว ในทางตรงกันข้ามก็หมายความว่า หลิงเซียวก็จะอยู่ในห้องหนังสือเท่านั้น ขอเพียงเขาเดินออกจากห้องหนังสือ หลิงเซียวก็จะไม่ใช่หลิงเซียวอีกต่อไป หากแต่เป็นสามีของหลานลั่วเฟิ่ง

หลิงหลานรู้สึกมาตลอดว่าแม่ของเธอยอดเยี่ยมอยู่บ้าง เพียงแต่เธอซ่อนมันไว้ลึกมาก โดยเฉพาะวิธีการไกล่เกลี่ยของเธออยู่ในระดับขั้นเทพเลย น้ำตายิ่งเป็นวิธีการที่เอาชนะได้อย่างราบรื่นของเธอ มีหลายครั้งที่หลิงหลานยอมศิโรราบอยู่ในวิธีการเหล่านี้ เธอเชื่อว่าพ่อของเธอก็น่าจะไม่มีทางรับมือกับวิธีการพวกนี้เช่นกัน

ดังนั้นหลิงหลานเลยเลือกห้องหนังสือ ในเมื่อเป็นภารกิจมรดกของหลิงเซียว เขาก็ได้แต่ถ่ายทอดในตอนที่เป็นหลิงเซียวเท่านั้น

หลิงหลานสูดลมหายใจลึกๆ เฮือกหนึ่ง มือขวาวางอยู่บนที่จับประตูห้อง หลังจากนั้นเธอก็ใช้แรกผลักไปทีหนึ่ง ประตูห้องถูกเธอเปิดออกได้อย่างสบายๆ สภาพในห้องหนังสือเผยเข้ามาในดวงตา

ทันใดนั้นดวงตาทั้งสองข้างของหลิงหลานก็หลั่งน้ำตาลงมาอย่างเงียบๆ…

ด้านหลังโต๊ะหนังสือมีชายหนุ่มหล่อเหลากำลังมองเธอด้วยใบหน้ายิ้มน้อยๆ เขาคือหลิงเซียวพ่อของเธอ

หลิงหลานค่อยพบว่า อันที่จริงเจ็ดปีมานี้เธออยู่ใต้การระเบิดคำพูดไม่หยุดของหลานลั่วเฟิ่งทุกวัน เธอเห็นชายตรงหน้านี้เป็นพ่อที่แท้จริงของเธอไปโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัวแล้ว เพียงแต่เนื่องจากหลิงเซียวไม่อยู่แล้ว ความรู้สึกนี้จึงซ่อนลึกอยู่ในใจของหลิงหลาน ไม่เคยสังเกตเห็นมันเลย แต่ตอนนี้เมื่อเธอเห็นพ่อยืนอยู่ตรงหน้าตัวเองจริงๆ หลิงหลานก็ควบคุมจิตใจไม่ไหว อดหลั่งน้ำตาร้องไห้ออกมาไม่ได้

สภาพของหลิงเซียวในตอนนี้น่าจะเป็นความทรงจำเมื่อแปดปีก่อน เขาไม่รู้สึกถึงความตื่นเต้นของหลิงหลานเลย เขาเพียงแต่พยักหน้าให้เธอน้อยๆ และกล่าวว่า “สามารถหาที่นี่เจอได้ เธอน่าจะเป็นหลิงหลานลูกของฉันสินะ”

อย่างไรก็ตามเขาก็เอ่ยเยาะหยันตัวเองอย่างรวดเร็วว่า “แต่ก็ไม่แน่ ฉันเชื่อว่าทางกองทัพจะไม่ปล่อยมรดกนี้ไปง่ายๆ บางทีพวกนายอาจจะถอดรหัสได้จริงๆ ถึงยังไงพวกคำถามผ่านด่านก่อนหน้านี้ก็ไม่ได้ยากขนาดนั้น” หลิงเซียวกล่าวถึงตรงนี้ ทันใดนั้น รัศมีเย็นเยียบก็แวบผ่านขึ้นในดวงตาเขา หลิงหลานรู้สึกได้ถึงความกดดันคุกคามที่แผ่ทั่วฟ้าโจมตีใส่เธอ ทำให้เธอแทบจะถูกกดจนคว่ำลงไปกับพื้น ยังดีที่หลิงหลานถูกมิติการเรียนรู้หล่อหลอมให้กลายเป็นสัตว์ประหลาดตัวน้อย เธอปลดปล่อยปราณวิถีออกมาเล็กน้อยทันทีเพื่อรับแรงกดดันอันไร้ที่สิ้นสุดนี้ไว้

เพียงแต่ครั้งนี้ทำให้หลิงหลานรู้ว่า พ่อของเธอแข็งแกร่งมากจริงๆ คนที่สามารถประกาศภารกิจมรดกได้ต่างก็ไม่ธรรมดากันทั้งนั้น

หลิงเซียวคล้ายกับอยากจะข่มขวัญเท่านั้น และก็กังวลว่าคนที่ผ่านด่านจะเป็นลูกของเขาจริงๆ เขาเก็บความกดดันคุกคามบนร่างไปอย่างรวดเร็ว

“ถ้าหากคนที่สืบทอดมรดกของฉันไม่ใช่ลูกของฉันละก็ ฉันก็มีแค่คำขอเดียวเท่านั้น หลังจากที่เรียนรู้แล้วก็ไปหาลูกของฉัน สอนสิ่งเหล่านี้ให้กับเขา” คำพูดของหลิงเซียวทำให้ดวงตาของหลิงหลานหลั่งน้ำตาออกมาหนักมากขึ้น เดิมทีมรดกนี้เป็นสิ่งที่พ่อเหลือไว้ให้เธอจริงๆ

ท่าทีของหลิงเซียวดูอ่อนโยนลงมา เขากล่าวต่อว่า “ถ้าอยากได้มรดกของฉัน ยังต้องทำภารกิจสุดท้ายให้สำเร็จ หาของที่ฉันต้องการมา”

หลังจากที่หลิงเซียวกล่าวถึงตรงนี้ เขาก็ไม่ได้พูดอะไรอีก เพียงแต่มองหลิงหลานด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม หลิงหลานรีบเช็ดน้ำตาที่ไหลลงมา ตอนนี้เธอยังจมปลักกับความทุกข์ไม่ได้ ต้องทำภารกิจนี้ให้สำเร็จก่อน

หลิงหลานเอ่ยถามอย่างระมัดระวังว่า “บอกรายละเอียดหน่อยได้ไหม?”

สิ่งที่ตอบหลิงหลานยังคงเป็นรอยยิ้มของหลิงเซียว หลิงหลานคิดอีกหลายวิธี ลองเลียบเคียงดู แต่น่าเสียดายที่นอกจากยิ้มแล้ว หลิงเซียวก็ยังคงยิ้มอยู่ดี ทำให้หลิงหลานกลุ้มใจมาก แค้นเคืองพ่อตัวเองอยู่บ้างที่ทำภารกิจมรดกให้ซับซ้อนมากเกินไป

หลิงหลานไม่มีทางเลือก ได้แต่สังเกตห้องหนังสือนี้อย่างจริงจัง หวังว่าจะได้เบาะแสบางอย่าง แต่น่าเสียดายที่หลิงหลานต้องผิดหวังอย่างรวดเร็ว เนื่องจากเธอพบว่าห้องหนังสือนี้แทบจะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปจากห้องหนังสือปัจจุบันเลย นอกจากหลิงเซียวที่นั่งอยู่ด้านหลังโต๊ะหนังสือแล้ว ของอย่างอื่นต่างก็จัดวางเหมือนเดิม มองเห็นได้ว่าหลานลั่วเฟิ่งทะนุถนอมห้องหนังสือของหลิงเซียวมากแค่ไหน ไม่อยากแก้ไขเปลี่ยนแปลงอะไรแม้แต่น้อย

หลิงหลานกลุ้มใจ นี่ควรจะทำยังไงดี พ่อของเธอต้องการของอะไรกันแน่นะ? หลิงหลานได้แต่ไปสำรวจดูหลิงเซียว หวังว่าค้นหาอะไรได้บ้างจากสีหน้าและการกระทำของเขา

ตอนนี้หลิงเซียวทำท่าเหมือนกำลังมองดูการแสดงอยู่ มือซ้ายเท้าคาง พิงที่จับเก้าอี้ด้วยความพึงพอใจ มือขวาก็เคาะโต๊ะเบาๆ มองเธอคล้ายกับกึ่งยิ้มกึ่งไม่ยิ้ม

ให้ตายสิ ไอ้พ่อใจร้าย ไม่นึกเลยว่าจะทรมานลูกตัวเองขนาดนี้…หลิงหลานเต็มไปด้วยคำบ่น

ถึงแม้ว่าในใจหลิงหลานจะรู้ดีว่า หลิงเซียวที่อยู่เบื้องหน้านี้เป็นหลิงเซียวเมื่อแปดปีก่อน เขาไม่รู้ว่าคนที่ยืนอยู่ตรงข้ามคือใคร ท่าทีกวนตีนแบบนี้ไม่ได้พุ่งเป้ามาที่เธอแน่นอน แต่เธอก็รู้สึกหงุดหงิดเอามากๆ

……………………………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

I’M THE BOSS ลูกพี่หุ่นเทวะ 103 พ่อใจร้าย?

Now you are reading I’M THE BOSS ลูกพี่หุ่นเทวะ Chapter 103 พ่อใจร้าย? at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตัวอักษรแถวนี้ปรากฏขึ้นมา หุบเขาที่สวยงามตรงหน้าหลิงหลานก็พลันแตกเป็นเสี่ยงๆ ราวกับกระจกแล้วก็สลายหายไป พริบตาเดียวเบื้องหน้าหลิงหลานก็มีทิวทัศน์ใหม่โผล่ขึ้นมา เธอมาถึงห้องโถงที่หรูหราโออ่าแห่งหนึ่ง ทว่าห้องโถงนี้ หลิงหลานรู้สึกคุ้นเคยจนไม่อาจคุ้นได้อีก มันคือคฤหาสน์ตระกูลหลิง บ้านที่เธอใช้ชีวิตอยู่มาเจ็ดปี

ฉากที่ไม่คาดฝันนี้ทำให้ดวงตาทั้งสองข้างของหลิงหลานเผยร่องรอยความประหลาดใจออกมา หลิงหลานที่รอบคอบเลือกที่จะไม่เคลื่อนไหว หากแต่ยืนอยู่ที่เดิม เคาะหน้าผากตัวเองเบาๆ ก้มหน้าลงครุ่นคิดขึ้นมาว่า ‘นี่เป็นการกำหนดไว้แต่แรกเหรอ หรือว่าภารกิจมรดกดึงความทรงจำของเธอมาเปลี่ยนเป็นภาพลวงตาทันที?’

จะต้องรู้เรื่องนี้ให้ได้ ไม่อย่างนั้นมีความเป็นไปได้สูงว่ามันจะทำให้เธอตัดสินใจผิดพลาด ทำให้ภารกิจล้มเหลวได้ ถึงแม้ว่าเธอจะเหนือกว่าเด็กคนอื่นๆ ไปไกลมาก แต่ในส่วนลึกของหลิงหลานไม่เต็มใจยอมรับความพ่ายแพ้เลย

หลิงหลานตัดสินใจตรวจสอบรายละเอียดห้องโถงนี้ก่อน ถ้าเกิดฉากนี้เป็นฉากที่เดิมทีมีอยู่ในภารกิจมรดก ก็มีความเป็นได้สูงว่ามันเกี่ยวข้องกับหลิงเซียวพ่อของเธอ ถ้าอย่างนั้นหลิงเซียวที่เสียชีวิตไปเกือบจะแปดปีแล้ว คฤหาสน์ในความทรงจำของเขาย่อมมีสถานที่บางแห่งแตกต่างกับคฤหาสน์ในปัจจุบัน ถ้าหากเป็นการดึงความทรงจำของเธอออกมาเปลี่ยนเป็นภาพลวงตาละก็ เช่นนั้นย่อมหาความแตกต่างอะไรไม่เจอแน่นอน

หลิงหลานมองดูอย่างละเอียดมากรอบหนึ่ง ไม่นานเธอก็หาจุดที่แตกต่างพบ มีเสื้อคลุมทหารผ้าขนสัตว์เพิ่มขึ้นมาบนเก้าอี้นวมตัวหนึ่งในห้องโถง และด้านข้างรูปแต่งงานของพ่อแม่บนกำแพงด้านหลังนั้นว่างเปล่า มันขาดรูปเดี่ยวของเธอ

ทุกปีหลานลั่วเฟิ่งจะเลือกรูปล่าสุดของหลิงหลานวาดเป็นภาพออกมาแขวนไว้ข้างรูปแต่งงานของพวกเขาในห้องโถง เปลี่ยนติดต่อกันมาแล้วเจ็ดครั้งไม่เคยขาด จากคำพูดของหลานลั่วเฟิ่ง เธออยากให้หลิงเซียวมองดูหลิงหลานเติบโตตลอดไป

แต่หลิงหลานคิดว่า นี่เป็นเพราะหลานลั่วเฟิ่งว่างมากเกินไปชัดๆ เลยอยากหาเรื่องทำบ้าง แต่เพื่อให้มารดามีความสุข หลิงหลานก็เลยไม่ยุ่งเรื่องนี้

“ดูเหมือนว่าฉากนี้จะไม่ใช่ความทรงจำของฉันแน่นอน ตั้งแต่ฉันเกิดมา รูปภาพของฉันก็แขวนอยู่ตรงนั้นแล้ว” มุมปากของหลิงหลานยกขึ้นน้อยๆ ในเมื่อมีคำตอบแล้ว เช่นนั้นการตัดสินใจต่อไปของเธอก็ง่ายดายมากขึ้นแล้ว

เมื่อหลิงหลานย่างเท้าก้าวแรกออกมา เสียงที่กระจ่างใสดังขึ้นมาในห้องโถง “โปรดเลือกห้องตามใจชอบ เนื้อหาการสอบของแต่ละห้องจะไม่เหมือนกัน มีง่ายและก็มียาก…”

หลิงหลานยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย นี่เป็นกับดัก ตั้งแต่ที่เธอเข้ามาที่ภารกิจมรดกก็ไม่เคยเห็นภารกิจที่อาศัยดวงเพียงอย่างเดียวแบบนี้เลย นี่เห็นได้ชัดว่ามีอย่างผิดปกติ ถ้าเกิดเป็นเหมือนอย่างที่เธอคิดเอาไว้จริงๆ

เสียงกระจ่างใสคล้ายกับสัมผัสได้ถึงความคิดของหลิงหลาน มันเอ่ยต่อว่า “นี่ไม่ใช่เรื่องยุติธรรมหรือไม่ยุติธรรม ดวงดีหรือไม่ดี บางครั้งดวงก็เป็นความสามารถอย่างหนึ่ง” แน่นอนว่ามันก็กำจัดทิ้งไม่ได้เหมือนกัน ไม่ว่าคุณจะคิดยังไง เดิมทีมันก็ตั้งค่าไว้แบบนี้แล้ว

สิ้นคำพูดของเสียงกระจ่างใส ทุกห้องที่หันหน้ามาทางห้องโถงก็ทยอยกันเกิดเสียงเปิดประตูที่ดังชัดเจน ประตูห้องต่างเปิดออกอัตโนมัติ ราวกับกำลังเชื้อเชิญให้หลิงหลานเข้าไป

“นี่เป็นการหลอกลวงหรือเปล่า?” หลิงหลานมีคำตอบในใจแล้ว ถ้าไม่รู้จักคนของคฤหาสน์ตระกูลหลิงละก็ จะต้องถูกฉากตรงหน้าหลอกแน่นอน ภารกิจนี้กำจัดผู้ทดสอบทุกคนที่ไม่ใช่ตระกูลหลิงโดยไม่แสดงออกมาตั้งแต่แรกแล้ว นี่ก็คือสาเหตุที่เด็กทุกคนไม่สามารถผ่านด่านไปได้ เพราะว่าพวกเขาไม่ใช่หลิงหลาน

“รอฉันอยู่เหรอ? พ่อของฉัน!” ตอนนี้หลิงหลานแทบจะแน่ใจแล้วว่าภารกิจมรดกนี้มีความเป็นไปได้สูงว่าจะสร้างขึ้นโดยหลิงเซียวพ่อของเธอ

พ่อคะ คุณเป็นใครกันแน่? หลิงหลานยิ้มขื่นในใจ เธอเสียใจมากที่ไม่ได้ศึกษาข้อมูลของหลิงเซียวได้ทันเวลา ทำให้ตอนนี้เธอรู้สึกสับสนมาก

หลิงหลานสงบสติอารมณ์ ยกเท้าขึ้นเดินผ่านห้องโถงด้วยความเด็ดเดี่ยว เธอเมินบันไดที่ขดเป็นวงสองฝั่งไป และเดินไปที่ตรงกลางระเบียงทางเดินแทน

สองฝั่งของระเบียงต่างเป็นห้อง ตอนนี้ประตูห้องทั้งหมดต่างเปิดออกแล้ว ตลอดทางที่หลิงหลานเดินมา เธอสามารถมองเห็นของตกแต่งและรายละเอียดด้านใน บางห้องเหมือนกับในปัจจุบัน แต่ก็มีบางห้องที่แตกต่างโดยสิ้นเชิง นี่เป็นความทรงจำของพ่อเหรอ?

เธอเดินไปยังด้านหน้ากระจกตั้งพื้นบานหนึ่ง กระจกสูงใหญ่มาก ความสูงของมันถึงสองเมตรห้าสิบได้ ส่วนความยาวก็มีสี่เมตร

 สองมือของหลิงหลานผลักเข้าไปด้านในโดยไม่ลังเลเลยสักนิด สิ่งที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น กระจกแตกออกจากตรงกลาง พับขึ้นมาสี่ทิศไปทางด้านใน จนสุดท้ายกระจกก็หายไป เผยให้เห็นทางเดินด้านหลังกระจก จุดสิ้นสุดทางเดินกว้างสี่เมตรคือบันไดกว้างใหญ่ที่ปูด้วยพรมขนยาวสีขาว

หลิงหลานเพิ่งจะเหยียบเข้าไปข้างใน กระจกก็วางออกมาอีกครั้ง พริบตาเดียวมันก็กลับคืนสู่สภาพเดิม และกระจกตั้งพื้นบานใหญ่ก็ไม่มีจุดเสียหายอะไรเลย มองด้วยตาเปล่าแล้วไม่เห็นรอยแตกเล็กๆ ด้านใน เทคโนโลยีในปัจจุบันทำได้ไม่มีที่ติเลย

คฤหาสน์ตระกูลหลิงแบ่งพื้นที่ส่วนหน้าและส่วนหลังแยกกัน ส่วนหน้าเป็นพื้นที่ต้อนรับแขก แน่นอนว่าก็มีพวกห้องนอน ห้องหนังสือของเจ้าบ้านเช่นกัน เพื่อไว้จัดการกับคนที่ตั้งใจมาสอดแนม

และส่วนหลังถึงจะเป็นสถานที่พักผ่อนที่แท้จริงของเจ้าบ้านตระกูลหลิง นอกจากเจ้าบ้านของตระกูลหลิงแล้ว ก็มีแค่คนรับใช้เก่าแก่ซื่อสัตย์ที่อาศัยอยู่ในคฤหาสน์ตระกูลหลิงไม่กี่คนเท่านั้นที่รู้ความลับนี้

ดังนั้นต่อให้นักเรียนคนอื่นๆ โชคดีผ่านด่านก่อนหน้านี้และเข้ามาที่นี่ได้ ก็ไม่สามารถหาห้องที่แท้จริงได้เลย ต่อให้มีคนแตะกระจกตรงนั้นโดยไม่ทันระวัง มันก็จะไม่ถูกเปิดเช่นกัน เนื่องจากมีการกำหนดตำแหน่งและแรงในการผลักไว้ ถ้าตำแหน่งต่างกัน แรงที่ใช้ก็จะแตกต่างกัน

แน่นอนว่าไม่ได้ตัดเรื่องคนที่ดวงดีอย่างน่าอัศจรรย์บังเอิญผ่านได้ผ่านได้หมดทุกด่าน…คนแบบนี้เป็นลูกรักของสวรรค์อย่างชัดเจน ตัวเอกของเรื่องผู้ชนะชั่วชีวิตเอามรดกไป หลิงหลานก็ไม่มีความคิดเห็นเช่นกัน เธอไม่เอาตัวไปแข่งกับสัตว์ประหลาดหรอก

หลิงหลานเดินขึ้นบันไดช้าๆ ไม่รู้ว่าทำไมหัวใจเธอเริ่มเต้นแรงขึ้นมา ฝ่ามือเริ่มเหงื่อออก หลิงเซียวพ่อของร่างกายเธอในชาตินี้จะปรากฎตัวขึ้นในห้องนั้นจริงๆ หรือเปล่า

ในที่สุดหลิงหลานก็เดินมาถึงห้องหนังสือ หลานลั่วเฟิ่งแม่ของเธอเคยบอกว่า ห้องหนังสือแห่งนั้นเป็นของหลิงเซียว ในทางตรงกันข้ามก็หมายความว่า หลิงเซียวก็จะอยู่ในห้องหนังสือเท่านั้น ขอเพียงเขาเดินออกจากห้องหนังสือ หลิงเซียวก็จะไม่ใช่หลิงเซียวอีกต่อไป หากแต่เป็นสามีของหลานลั่วเฟิ่ง

หลิงหลานรู้สึกมาตลอดว่าแม่ของเธอยอดเยี่ยมอยู่บ้าง เพียงแต่เธอซ่อนมันไว้ลึกมาก โดยเฉพาะวิธีการไกล่เกลี่ยของเธออยู่ในระดับขั้นเทพเลย น้ำตายิ่งเป็นวิธีการที่เอาชนะได้อย่างราบรื่นของเธอ มีหลายครั้งที่หลิงหลานยอมศิโรราบอยู่ในวิธีการเหล่านี้ เธอเชื่อว่าพ่อของเธอก็น่าจะไม่มีทางรับมือกับวิธีการพวกนี้เช่นกัน

ดังนั้นหลิงหลานเลยเลือกห้องหนังสือ ในเมื่อเป็นภารกิจมรดกของหลิงเซียว เขาก็ได้แต่ถ่ายทอดในตอนที่เป็นหลิงเซียวเท่านั้น

หลิงหลานสูดลมหายใจลึกๆ เฮือกหนึ่ง มือขวาวางอยู่บนที่จับประตูห้อง หลังจากนั้นเธอก็ใช้แรกผลักไปทีหนึ่ง ประตูห้องถูกเธอเปิดออกได้อย่างสบายๆ สภาพในห้องหนังสือเผยเข้ามาในดวงตา

ทันใดนั้นดวงตาทั้งสองข้างของหลิงหลานก็หลั่งน้ำตาลงมาอย่างเงียบๆ…

ด้านหลังโต๊ะหนังสือมีชายหนุ่มหล่อเหลากำลังมองเธอด้วยใบหน้ายิ้มน้อยๆ เขาคือหลิงเซียวพ่อของเธอ

หลิงหลานค่อยพบว่า อันที่จริงเจ็ดปีมานี้เธออยู่ใต้การระเบิดคำพูดไม่หยุดของหลานลั่วเฟิ่งทุกวัน เธอเห็นชายตรงหน้านี้เป็นพ่อที่แท้จริงของเธอไปโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัวแล้ว เพียงแต่เนื่องจากหลิงเซียวไม่อยู่แล้ว ความรู้สึกนี้จึงซ่อนลึกอยู่ในใจของหลิงหลาน ไม่เคยสังเกตเห็นมันเลย แต่ตอนนี้เมื่อเธอเห็นพ่อยืนอยู่ตรงหน้าตัวเองจริงๆ หลิงหลานก็ควบคุมจิตใจไม่ไหว อดหลั่งน้ำตาร้องไห้ออกมาไม่ได้

สภาพของหลิงเซียวในตอนนี้น่าจะเป็นความทรงจำเมื่อแปดปีก่อน เขาไม่รู้สึกถึงความตื่นเต้นของหลิงหลานเลย เขาเพียงแต่พยักหน้าให้เธอน้อยๆ และกล่าวว่า “สามารถหาที่นี่เจอได้ เธอน่าจะเป็นหลิงหลานลูกของฉันสินะ”

อย่างไรก็ตามเขาก็เอ่ยเยาะหยันตัวเองอย่างรวดเร็วว่า “แต่ก็ไม่แน่ ฉันเชื่อว่าทางกองทัพจะไม่ปล่อยมรดกนี้ไปง่ายๆ บางทีพวกนายอาจจะถอดรหัสได้จริงๆ ถึงยังไงพวกคำถามผ่านด่านก่อนหน้านี้ก็ไม่ได้ยากขนาดนั้น” หลิงเซียวกล่าวถึงตรงนี้ ทันใดนั้น รัศมีเย็นเยียบก็แวบผ่านขึ้นในดวงตาเขา หลิงหลานรู้สึกได้ถึงความกดดันคุกคามที่แผ่ทั่วฟ้าโจมตีใส่เธอ ทำให้เธอแทบจะถูกกดจนคว่ำลงไปกับพื้น ยังดีที่หลิงหลานถูกมิติการเรียนรู้หล่อหลอมให้กลายเป็นสัตว์ประหลาดตัวน้อย เธอปลดปล่อยปราณวิถีออกมาเล็กน้อยทันทีเพื่อรับแรงกดดันอันไร้ที่สิ้นสุดนี้ไว้

เพียงแต่ครั้งนี้ทำให้หลิงหลานรู้ว่า พ่อของเธอแข็งแกร่งมากจริงๆ คนที่สามารถประกาศภารกิจมรดกได้ต่างก็ไม่ธรรมดากันทั้งนั้น

หลิงเซียวคล้ายกับอยากจะข่มขวัญเท่านั้น และก็กังวลว่าคนที่ผ่านด่านจะเป็นลูกของเขาจริงๆ เขาเก็บความกดดันคุกคามบนร่างไปอย่างรวดเร็ว

“ถ้าหากคนที่สืบทอดมรดกของฉันไม่ใช่ลูกของฉันละก็ ฉันก็มีแค่คำขอเดียวเท่านั้น หลังจากที่เรียนรู้แล้วก็ไปหาลูกของฉัน สอนสิ่งเหล่านี้ให้กับเขา” คำพูดของหลิงเซียวทำให้ดวงตาของหลิงหลานหลั่งน้ำตาออกมาหนักมากขึ้น เดิมทีมรดกนี้เป็นสิ่งที่พ่อเหลือไว้ให้เธอจริงๆ

ท่าทีของหลิงเซียวดูอ่อนโยนลงมา เขากล่าวต่อว่า “ถ้าอยากได้มรดกของฉัน ยังต้องทำภารกิจสุดท้ายให้สำเร็จ หาของที่ฉันต้องการมา”

หลังจากที่หลิงเซียวกล่าวถึงตรงนี้ เขาก็ไม่ได้พูดอะไรอีก เพียงแต่มองหลิงหลานด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม หลิงหลานรีบเช็ดน้ำตาที่ไหลลงมา ตอนนี้เธอยังจมปลักกับความทุกข์ไม่ได้ ต้องทำภารกิจนี้ให้สำเร็จก่อน

หลิงหลานเอ่ยถามอย่างระมัดระวังว่า “บอกรายละเอียดหน่อยได้ไหม?”

สิ่งที่ตอบหลิงหลานยังคงเป็นรอยยิ้มของหลิงเซียว หลิงหลานคิดอีกหลายวิธี ลองเลียบเคียงดู แต่น่าเสียดายที่นอกจากยิ้มแล้ว หลิงเซียวก็ยังคงยิ้มอยู่ดี ทำให้หลิงหลานกลุ้มใจมาก แค้นเคืองพ่อตัวเองอยู่บ้างที่ทำภารกิจมรดกให้ซับซ้อนมากเกินไป

หลิงหลานไม่มีทางเลือก ได้แต่สังเกตห้องหนังสือนี้อย่างจริงจัง หวังว่าจะได้เบาะแสบางอย่าง แต่น่าเสียดายที่หลิงหลานต้องผิดหวังอย่างรวดเร็ว เนื่องจากเธอพบว่าห้องหนังสือนี้แทบจะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปจากห้องหนังสือปัจจุบันเลย นอกจากหลิงเซียวที่นั่งอยู่ด้านหลังโต๊ะหนังสือแล้ว ของอย่างอื่นต่างก็จัดวางเหมือนเดิม มองเห็นได้ว่าหลานลั่วเฟิ่งทะนุถนอมห้องหนังสือของหลิงเซียวมากแค่ไหน ไม่อยากแก้ไขเปลี่ยนแปลงอะไรแม้แต่น้อย

หลิงหลานกลุ้มใจ นี่ควรจะทำยังไงดี พ่อของเธอต้องการของอะไรกันแน่นะ? หลิงหลานได้แต่ไปสำรวจดูหลิงเซียว หวังว่าค้นหาอะไรได้บ้างจากสีหน้าและการกระทำของเขา

ตอนนี้หลิงเซียวทำท่าเหมือนกำลังมองดูการแสดงอยู่ มือซ้ายเท้าคาง พิงที่จับเก้าอี้ด้วยความพึงพอใจ มือขวาก็เคาะโต๊ะเบาๆ มองเธอคล้ายกับกึ่งยิ้มกึ่งไม่ยิ้ม

ให้ตายสิ ไอ้พ่อใจร้าย ไม่นึกเลยว่าจะทรมานลูกตัวเองขนาดนี้…หลิงหลานเต็มไปด้วยคำบ่น

ถึงแม้ว่าในใจหลิงหลานจะรู้ดีว่า หลิงเซียวที่อยู่เบื้องหน้านี้เป็นหลิงเซียวเมื่อแปดปีก่อน เขาไม่รู้ว่าคนที่ยืนอยู่ตรงข้ามคือใคร ท่าทีกวนตีนแบบนี้ไม่ได้พุ่งเป้ามาที่เธอแน่นอน แต่เธอก็รู้สึกหงุดหงิดเอามากๆ

……………………………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+