I’M THE BOSS ลูกพี่หุ่นเทวะ 19 ดัชนีทองคำยอดเยี่ยมมาก

Now you are reading I’M THE BOSS ลูกพี่หุ่นเทวะ Chapter 19 ดัชนีทองคำยอดเยี่ยมมาก at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ชาติที่แล้วหลิงหลานนอนอยู่บนเตียงมายี่สิบสี่ปี เธอเรียนรู้ที่จะสังเกตสีหน้าและคำพูด ปรับตัวให้เข้ากับความชอบของพยาบาลและหมอที่ทำการรักษาเธอ และทำตัวน่ารักเพื่อที่จะได้รับโอกาสการรักษาฟรีจากประเทศชาติ ควรทราบว่าโควตาการรักษาฟรีมีค่ามาก ด้านหลังยังมีผู้ป่วยที่รอคอยอยู่จำนวนมาก เธอจำเป็นต้องให้นักวิจัยพวกนี้ชอบเธอ รักทะนุถนอมเธอ อาลัยอาวรณ์เธออยู่ในใจ นี่ถึงจะทำให้พวกเขาพูดเรื่องดีๆ ให้เธอเยอะๆ ทำให้เธอได้รับการรักษาอยู่ที่นั่นต่อไปได้

อย่างไรก็ตาม หมายเลขหนึ่งคือใคร นั่นเป็นยอดฝีมือระดับสุดยอดที่เคยผ่านมาร้อยศึก หลิงหลานตัวน้อยๆ จะหาอะไรจากในสายตาของเขาเจอได้อย่างไร หลิงหลานยิ่งมองก็ยิ่งท้อแท้ใจ ถึงขนาดที่รู้สึกว่าแลกเปลี่ยนไปก่อนก็ยังดีกว่าไม่มีอะไรเหลือในภายหลังเลย

ในตอนที่เธอคิดจะบอกว่าแลกต่อก็ได้ยินเสียงระบบดังขึ้นในพื้นที่ว่า “ถึงเวลาแล้ว แลกเปลี่ยนกระต่ายทะยานฟ้าด้วยคะแนนเกียรติยศสิบแต้มสำเร็จ!”

หลิงหลานได้สติในพริบตา ที่แท้เวลาก็ครบสิบนาทีโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว เมื่อรู้ว่าสถานการณ์ไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้แล้วเธอก็ทิ้งความสับสนวุ่นวายในใจลงอย่างรวดเร็ว ในเมื่อเง็กเซียนฮ่องเต้ช่วยเธอเลือกแล้ว ต่อให้ไม่มีคะแนนเกียรติยศพวกนั้นจริงๆ เธอก็จะไม่ติดอยู่กับการเสียใจภายหลังอีก ต้องบอกว่าหลิงหลานเป็นเด็กสาวที่มีความคิดทะลุปรุโปร่ง บางทีการทรมานกับการเจ็บป่วยมายี่สิบสี่ปีอาจจะทำให้เธอเรียนรู้ที่จะไม่หมกมุ่นอยู่กับการสูญเสียของที่ไม่สามารถได้มา

ระบบของมิติประกาศต่อว่า “แลกเปลี่ยนสำเร็จหนึ่งครั้ง ทำภารกิจแลกเปลี่ยนสำเร็จ ได้รับรางวัลคะแนนเกียรติยศหนึ่งแต้ม คะแนนเกียรติยศคงเหลือ 140 แต้ม จะเก็บรักษาคะแนนไว้จนถึงการแลกครั้งต่อไป”

หลิงหลานรู้สึกลิงโลด เธอเดิมพันถูกแล้ว คะแนนเกียรติยศสามารถเก็บไว้ได้อย่างที่คิดไว้จริงๆ คำพูดของหมายเลขหนึ่งก็เตือนเอาไว้แล้ว คำว่า ‘ใช้ประโยชน์’ ก็บ่งบอกความล้ำค่าของคะแนนเกียรติยศเป็นนัยๆ แล้ว และต่อมาก็อธิบายว่าถ้าไม่เลือกภายในสิบนาทีก็จะถูกระบบเลือกให้อัตโนมัติหนึ่งครั้ง และบอกอ้อมๆ ว่าความจริงแล้วจะบังคับให้แลกเปลี่ยนแค่หนึ่งครั้งเท่านั้น

คำพูดนี้ดูเหมือนคำพูดตามปกติแต่อันที่จริงแฝงความหมายลึกซึ้งเอาไว้ ควรทราบว่าของที่แลกเปลี่ยนมีตั้งแต่หนึ่งแต้มไปจนถึงหลายพันหมื่นแต้มไม่เท่ากัน ถึงแม้ว่าหลิงหลานจะมีแค่ 149 แต้ม แต่อันที่จริงของที่เธอสามารถแลกเปลี่ยนก็มีมากมายเหมือนกัน นี่ก็คือปัญหา ถ้าหากครั้งนี้ระบบแลกของที่ใช้หนึ่งคะแนนหรือว่าสิบคะแนน หรือห้าสิบคะแนนให้อัตโนมัติ เช่นนั้นคะแนนเกียรติยศที่เหลืออยู่จะทำอย่างไร

อย่างไรก็ตาม คำพูดของหมายเลขหนึ่งก็ไม่ได้มีรายละเอียดเรื่องนี้ อ้างอิงจากประสบการณ์ครั้งก่อนของเธอ หลิงหลานสังเกตเห็นอย่างรวดเร็วว่า นี่อาจจะเป็นการหลอกลวงอีกครั้ง ความจริงแล้วการบีบให้เลือกคราวนี้อาจจะมีไว้เพื่อสั่งสอนผู้เข้าทดสอบว่าจะแลกคะแนนเกียรติยศอย่างไร…ก็เหมือนกับอาจารย์สั่งสอนคุณ คาดหวังว่าคุณจะทำการปฏิบัติจริงในตอนสุดท้ายสักครั้ง

หลิงหลานย่อมรู้ดีว่าทุกครั้งการกระทำเล็กๆ น้อยๆ ของมิติการเรียนรู้ไม่ได้เรียบง่ายเลย การแลกเปลี่ยนครั้งนี้ย่อมมีความหมายลึกซึ้ง อย่างไรก็ตาม หลิงหลานไม่อยากเสียเวลาใคร่ครวญ ต้องทำความเข้าใจต้นสายปลายเหตุให้ชัดเจน

ดังนั้นเธอจึงเลือกแลกกระต่ายทะยานฟ้าที่เหมาะสมกับเธอมากที่สุด และก็เป็นสกิลที่เธอสามารถฝึกฝนได้ในตอนที่อายุเท่านี้ นอกจากนี้ยังปิดบังได้เต็มที่ หลิงหลานพอใจกับเรื่องนี้มาก ส่วนเรื่องที่ว่ายังมีของที่ดีกว่านี้หรือไม่…หลิงหลานก็ไม่ดึงดันต้องการ เธอไม่คิดว่าตัวเองจะเป็นตัวละครหลักที่ค้นหาสุ่มๆ ก็สามารถเจอของที่ดีที่สุดได้ เธอใจเย็นมากๆ

อาจารย์หมายเลขหนึ่งพอใจกับท่าทีแสดงออกของหลิงหลานในครั้งนี้มาก เขาไม่ได้พูดจาไร้สาระอะไรมากมายก็ให้อาจารย์หมายเลขเก้าออกมาชี้แนะหลิงหลานในการเรียนรู้กระต่ายทะยานฟ้า รวมไปถึงเก้าท่าหลอมร่างซึ่งเป็นทักษะการต่อสู้มือเปล่าขั้นต่อไป

การฝึกฝนเก้าท่าหลอมร่างมีความยากกว่าเก้าท่าพื้นฐานร้อยเท่า หลิงหลานฝึกฝนท่าที่หนึ่งในหนึ่งเดือนถัดมาด้วยความยากลำบาก ทว่าเธอก็ทำไม่สำเร็จเลยสักนิด แม้กระทั่งท่าของแขนข้างหนึ่งก็ยังทำไม่ได้

หลิงหลานรู้สึกว่านี่เป็นภารกิจที่น่าอนาถโดยสิ้นเชิง ดูจากความคืบหน้าแบบนี้แล้ว เธอไม่มีทางทำสำเร็จภายในระยะเวลาห้าปีตามที่กำหนดไว้แน่นอน ยังดีที่หลิงหลานมีนิสัยที่ดีมาก ถึงแม้จะรู้สึกว่านี่เป็นภารกิจที่แทบจะทำไม่สำเร็จ ทว่าเธอก็ไม่ได้หงุดหงิด เธอพยายามทำให้ได้ทีละเล็กทีละน้อยทุกวัน หวังว่าจะไม่ทิ้งห่างมาเกินไปเมื่อถึงเวลาที่กำหนด หลิงหลานคาดเดาจากรางวัลคะแนนเกียรติยศว่า บทลงโทษจะต้องเกี่ยวพันกับความคืบหน้าที่ทิ้งห่างในช่วงเวลาท้ายที่สุด ยิ่งเข้าใกล้มาก บทลงโทษก็จะยิ่งลดลง

…………

การเผชิญหน้ากับการฉีดยากระตุ้นยีนครั้งที่สามมาถึงอย่างรวดเร็ว หลิงหลานคิดว่าครั้งนี้คงเหมือนกับสองครั้งก่อนหน้านี้ ฉีดยาเสร็จแล้วก็นอนพักผ่อนอยู่บนเตียง

แต่ไม่คาดคิดว่าเมื่อคนของหน่วยกองทัพจากไปแล้ว หลานลั่วเฟิ่งมารดาของเธอจะอุ้มเธอขึ้นมาและเดินผ่านเส้นทางลับหลายสาย จนในที่สุดก็มาถึงจุดหมาย นี่เป็นห้องขนาดเล็ก ด้านในแทบจะไม่มีของอะไร ตรงกลางวางถังไม้ที่สูงเท่าครึ่งตัวคนอยู่ใบหนึ่ง และยังมีเตียงเดี่ยวเล็กๆ หลังหนึ่งอยู่ชิดกำแพง นอกจากนี้แล้วก็ไม่มีของสิ่งอื่นอีก

เมื่อหลานลั่วเฟิ่งเดินเข้าประตูมาก็เอ่ยถามกับคนที่อยู่ในห้องว่า “เตรียมการเรียบร้อยแล้วใช่ไหม”

“ค่ะ คุณนาย!” ในห้องยังมีหญิงวัยกลางคนที่แต่งงานแล้วยืนอยู่ หลิงหลานจำเธอได้ เธอคือหลิงหนานอี ภรรยาของพ่อบ้านหลิงฉิน

หลานลั่วเฟิ่งเดินมาที่ด้านหน้าถังไม้ หลิงหลานถึงค่อยเห็นว่าด้านในถังใส่น้ำสีเขียวเข้มจนเกือบดำเกือบจะมากกว่าครึ่งหนึ่งของถัง มันยังส่งกลิ่นยาออกมาอย่างรุนแรงอีกด้วย

หลิงหลานรู้สึกตกใจ ต้องทราบว่าสิ่งที่เธอพบเจอในช่วงเวลานี้ต่างก็เป็นยาเม็ดหรือยาฉีดซึ่งเป็นยาที่ไปทางฝั่งตะวันตกที่ไม่มีกลิ่นรสใดๆ ทว่ากลิ่นที่คุ้นเคยในเวลานี้ทำให้เกิดภาพลวงตาว่ากลับไปที่ชาติก่อน เวลานั้นเธอดื่มยาจีนที่มีกลิ่นสมุนไพรมาไม่น้อย อย่างไรก็ตาม…หน้าผากของหลิงหลานก็เต็มไปด้วยขีดดำ[1] จะให้เธอดื่มน้ำยาเยอะขนาดนี้เลยเหรอ

หลิงหลานรู้สึกเย็นยะเยือกเมื่อเห็นท่าทีของมารดาและหลิงหนานอี น้ำยาในถังนี้ต้องมอบให้เธอแน่นอน มองดูถังไม้ใบนั้นและแอบเทียบกับร่างกายเล็กๆ ของตัวเอง…

เชี่ย นี่จะเอาชีวิตกันเหรอ ดื่มยาน้ำพวกนี้หมด เธอจะต้องกลายเป็นเด็กทารกน่าอนาถคนแรกในประวัติศาสตร์ที่ตายจากการดื่มยาจีนจนจุกแน่นอน

มารดาของหลิงหลานไม่ได้โหดเหี้ยมอย่างที่เธอคิดไว้ขนาดนั้น หลิงหลานได้ยินเธอพูดว่า “อุณหภูมิของน้ำยานี้พอดีแล้วใช่ไหม จะไม่ลวกตอนที่หลิงหลานแช่น้ำนะ”

ดีจริงๆ ที่แท้ก็ใช้แช่ ไม่ใช่ให้ดื่ม หลิงหลานหลั่งน้ำตานองหน้า กอดมารดาของเธอไว้ด้วยความตื่นเต้น ในที่สุดก็คุ้มครองชีวิตน้อยๆ ได้แล้ว

“คุณนายวางใจเถอะค่ะ ฉันทดสอบดีแล้ว ไม่มีปัญหาอะไรค่ะ” หลิงหนานอีตอบด้วยความแน่วแน่ หลิงหลานเป็นความหวังของตระกูลหลิง เธอไม่กล้าประมาทเลินเล่อแม้แต่น้อย

หลานลั่วเฟิ่งไม่ลังเลอีกต่อไป ถอดเสื้อผ้าไม่กี่ทีก็เปลื้องผ้าหลิงหลานจนเปลือยเปล่า ก่อนจะวางเธอเข้าไปในถังน้ำ

หลิงหลานรู้สึกเหมือนกำลังแช่น้ำพุร้อน ความอุ่นร้อนสบายเอามากๆ หลังจากนั้นเธอก็รู้สึกว่ามีความร้อนสายหนึ่งไหลทะลุจากผิวหนังของร่างกายเข้าไปที่ข้างใน ความรู้สึกที่อธิบายเป็นคำพูดได้ยากมากโจมตีเข้าที่หัวใจ เหมือนเจ็บแต่ไม่เจ็บ เหมือนคันแต่ไม่คัน หลิงหลานที่ไม่หวาดกลัวต่อความเจ็บปวดก็อดส่งเสียงครวญครางขึ้นมาไม่ได้

หลานลั่วเฟิ่งเห็นแบบนี้ก็เครียดมากและรีบมองไปที่หลิงหนานอี ไม่รู้ว่าสถานการณ์ของหลิงหลานในตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง

หลิงหนานอีเอ่ยปลอบใจว่า “คุณนาย เหตุการณ์แบบนี้เป็นเรื่องปกติมาก คุณชายน้อยไม่เป็นอะไรหรอกค่ะ”

เวลาผ่านไปเนิ่นนาน หลิงหลานปรับตัวให้เข้ากับความรู้สึกประหลาดแบบนี้ได้แล้ว จากนั้นความเจ็บปวดก็เริ่มรุนแรงขึ้น สุดท้ายเธอก็สัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดอย่างรุนแรงราวกับเซลล์ทั่วทั้งร่างกายฉีกขาดเหมือนกับในชาติที่แล้ว…

อย่างไรก็ตาม ความเจ็บปวดอย่างรุนแรงแบบนี้กลับทำให้หลิงหลานรู้สึกสงบ เธอย่อมทนต่อสิ่งที่ซึมลึกถึงไขกระดูกมายี่สิบสี่ปีได้อยู่แล้ว

“เอ๋? มีของสิ่งนี้ได้อย่างไร” หลิงหลานได้ยินเสียงร้องตกใจของเสี่ยวซื่อในสมอง

“ทำไมเหรอ” ถึงแม้ว่าจะทนไหว แต่มีคนมาคุยเป็นเพื่อนได้ก็ยิ่งเมินความเจ็บปวดอย่างรุนแรงบนร่างกายได้ง่ายขึ้น นี่เป็นประสบการณ์ที่หลิงหลานได้รับในชาติก่อน เธอยินดีคุยกับเสี่ยวซื่อไปเรื่อยๆ

“พลังงานที่ประหลาดมาก สามารถเพิ่มความทนทานและกระตุ้นการทำงานของเซลล์ร่างกายได้” เสี่ยวซื่อสงสัยมากๆ ว่าน้ำยาในถังนี้ปรุงมาได้อย่างไร คลังข้อมูลของเขาก็ไม่มีข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับของประเภทนี้เลย

“น่าจะเป็นสูตรลับที่สืบทอดกันมาของตระกูลหลิง หลอมร่างกายให้แข็งแกร่งขึ้น” หลิงหลานกลับไม่รู้สึกแปลกใจเลย ถึงตระกูลหลิงจะเล็กและอ่อนแออย่างไร ก็เป็นตระกูลเก่าแก่ที่สืบทอดกันมาหลายพันปี และหลิงเซี่ยวก็เป็นทายาทของตระกูลหลัก การที่มีสูตรลับแบบนี้ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก

“นายท่าน โลกนี้มหัศจรรย์จริงๆ สวรรค์ ฉันค้นพบอะไรเนี่ย น้ำยาพวกนี้ใช้พืชเก้าสิบหกเปอร์เซ็นต์ต้มออกมา…” เสี่ยวซื่ออุทานด้วยความตกใจ ไม่คิดว่าน้ำยาที่วิเศษขนาดนี้จะไม่มีเงาของเทคโนโลยีชั้นสูงสักนิดเลย นี่เป็นโลกมหัศจรรย์จริงๆ

หลิงหลานเหงื่อแตกทันที ถ้าหากยาจีนไม่ใช้สมุนไพรต้ม เช่นนั้นมันยังเป็นยาสมุนไพรจีนเหรอ

“แล้วสี่เปอร์เซ็นต์คืออะไร ทำไมส่วนประกอบของน้ำยาดูคุ้นๆ อยู่บ้างนะ…พิษ? หืม น่าจะเป็นพิษงูชนิดหนึ่ง นี่คืออะไรน่ะ แมงป่อง? ตะ ตะขาบ แล้วก็…แมงมุม!” เสียงของเสี่ยวซื่อสูงขึ้นเรื่อยๆ จนสุดท้ายก็กลายเป็นเสียงกรีดร้องด้วยความหวาดกลัว ช่วยไม่ได้ เวลาหนึ่งปีกว่าทำให้เสี่ยวซื่อเรียนรู้ประเภทของสิ่งมีชีวิตในสังคมมนุษย์ อย่างอื่นก็โอเคหมดอยู่หรอกนะ แต่ว่ามันรับแมลงหลายขาไม่ไหวจริงๆ สำหรับความคิดด้านสุนทรียะของเขา นั่นเป็นสิ่งที่อัปลักษณ์จนถึงขั้นทำลายล้างโลกนี้ให้ย่อยยับได้จริงๆ

หลิงหลานไม่สนใจสภาพเสียสติชักกระตุกเป็นระยะๆ ของเสี่ยวซื่อ เธอถอนหายใจลึกๆ เธอเองก็ได้รับการเปลี่ยนเส้นเอ็นล้างไขกระดูกเหมือนกับตัวละครหลักในนิยายได้เช่นกัน

อืม ข้ามเวลามาอนาคตก็ไม่ได้แย่ขนาดนั้น ดัชนีทองคำ[2]ของท่านเทพแห่งการทะลุมิติยังคงยอดเยี่ยมมาก

……………………………………………..

[1] หน้าผากเต็มไปด้วยขีดดำ แสดงถึงความจนปัญญาหรือว่าความรังเกียจ ดังที่การ์ตูนญี่ปุ่นใช้วิธีการวาดขีดสีดำหลายเส้นบนหน้าผากของตัวละคร

[2] ดัชนีทองคำ หมายถึง สูตรโกงของพวกตัวเอกในนิยาย

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

I’M THE BOSS ลูกพี่หุ่นเทวะ 19 ดัชนีทองคำยอดเยี่ยมมาก

Now you are reading I’M THE BOSS ลูกพี่หุ่นเทวะ Chapter 19 ดัชนีทองคำยอดเยี่ยมมาก at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ชาติที่แล้วหลิงหลานนอนอยู่บนเตียงมายี่สิบสี่ปี เธอเรียนรู้ที่จะสังเกตสีหน้าและคำพูด ปรับตัวให้เข้ากับความชอบของพยาบาลและหมอที่ทำการรักษาเธอ และทำตัวน่ารักเพื่อที่จะได้รับโอกาสการรักษาฟรีจากประเทศชาติ ควรทราบว่าโควตาการรักษาฟรีมีค่ามาก ด้านหลังยังมีผู้ป่วยที่รอคอยอยู่จำนวนมาก เธอจำเป็นต้องให้นักวิจัยพวกนี้ชอบเธอ รักทะนุถนอมเธอ อาลัยอาวรณ์เธออยู่ในใจ นี่ถึงจะทำให้พวกเขาพูดเรื่องดีๆ ให้เธอเยอะๆ ทำให้เธอได้รับการรักษาอยู่ที่นั่นต่อไปได้

อย่างไรก็ตาม หมายเลขหนึ่งคือใคร นั่นเป็นยอดฝีมือระดับสุดยอดที่เคยผ่านมาร้อยศึก หลิงหลานตัวน้อยๆ จะหาอะไรจากในสายตาของเขาเจอได้อย่างไร หลิงหลานยิ่งมองก็ยิ่งท้อแท้ใจ ถึงขนาดที่รู้สึกว่าแลกเปลี่ยนไปก่อนก็ยังดีกว่าไม่มีอะไรเหลือในภายหลังเลย

ในตอนที่เธอคิดจะบอกว่าแลกต่อก็ได้ยินเสียงระบบดังขึ้นในพื้นที่ว่า “ถึงเวลาแล้ว แลกเปลี่ยนกระต่ายทะยานฟ้าด้วยคะแนนเกียรติยศสิบแต้มสำเร็จ!”

หลิงหลานได้สติในพริบตา ที่แท้เวลาก็ครบสิบนาทีโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว เมื่อรู้ว่าสถานการณ์ไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้แล้วเธอก็ทิ้งความสับสนวุ่นวายในใจลงอย่างรวดเร็ว ในเมื่อเง็กเซียนฮ่องเต้ช่วยเธอเลือกแล้ว ต่อให้ไม่มีคะแนนเกียรติยศพวกนั้นจริงๆ เธอก็จะไม่ติดอยู่กับการเสียใจภายหลังอีก ต้องบอกว่าหลิงหลานเป็นเด็กสาวที่มีความคิดทะลุปรุโปร่ง บางทีการทรมานกับการเจ็บป่วยมายี่สิบสี่ปีอาจจะทำให้เธอเรียนรู้ที่จะไม่หมกมุ่นอยู่กับการสูญเสียของที่ไม่สามารถได้มา

ระบบของมิติประกาศต่อว่า “แลกเปลี่ยนสำเร็จหนึ่งครั้ง ทำภารกิจแลกเปลี่ยนสำเร็จ ได้รับรางวัลคะแนนเกียรติยศหนึ่งแต้ม คะแนนเกียรติยศคงเหลือ 140 แต้ม จะเก็บรักษาคะแนนไว้จนถึงการแลกครั้งต่อไป”

หลิงหลานรู้สึกลิงโลด เธอเดิมพันถูกแล้ว คะแนนเกียรติยศสามารถเก็บไว้ได้อย่างที่คิดไว้จริงๆ คำพูดของหมายเลขหนึ่งก็เตือนเอาไว้แล้ว คำว่า ‘ใช้ประโยชน์’ ก็บ่งบอกความล้ำค่าของคะแนนเกียรติยศเป็นนัยๆ แล้ว และต่อมาก็อธิบายว่าถ้าไม่เลือกภายในสิบนาทีก็จะถูกระบบเลือกให้อัตโนมัติหนึ่งครั้ง และบอกอ้อมๆ ว่าความจริงแล้วจะบังคับให้แลกเปลี่ยนแค่หนึ่งครั้งเท่านั้น

คำพูดนี้ดูเหมือนคำพูดตามปกติแต่อันที่จริงแฝงความหมายลึกซึ้งเอาไว้ ควรทราบว่าของที่แลกเปลี่ยนมีตั้งแต่หนึ่งแต้มไปจนถึงหลายพันหมื่นแต้มไม่เท่ากัน ถึงแม้ว่าหลิงหลานจะมีแค่ 149 แต้ม แต่อันที่จริงของที่เธอสามารถแลกเปลี่ยนก็มีมากมายเหมือนกัน นี่ก็คือปัญหา ถ้าหากครั้งนี้ระบบแลกของที่ใช้หนึ่งคะแนนหรือว่าสิบคะแนน หรือห้าสิบคะแนนให้อัตโนมัติ เช่นนั้นคะแนนเกียรติยศที่เหลืออยู่จะทำอย่างไร

อย่างไรก็ตาม คำพูดของหมายเลขหนึ่งก็ไม่ได้มีรายละเอียดเรื่องนี้ อ้างอิงจากประสบการณ์ครั้งก่อนของเธอ หลิงหลานสังเกตเห็นอย่างรวดเร็วว่า นี่อาจจะเป็นการหลอกลวงอีกครั้ง ความจริงแล้วการบีบให้เลือกคราวนี้อาจจะมีไว้เพื่อสั่งสอนผู้เข้าทดสอบว่าจะแลกคะแนนเกียรติยศอย่างไร…ก็เหมือนกับอาจารย์สั่งสอนคุณ คาดหวังว่าคุณจะทำการปฏิบัติจริงในตอนสุดท้ายสักครั้ง

หลิงหลานย่อมรู้ดีว่าทุกครั้งการกระทำเล็กๆ น้อยๆ ของมิติการเรียนรู้ไม่ได้เรียบง่ายเลย การแลกเปลี่ยนครั้งนี้ย่อมมีความหมายลึกซึ้ง อย่างไรก็ตาม หลิงหลานไม่อยากเสียเวลาใคร่ครวญ ต้องทำความเข้าใจต้นสายปลายเหตุให้ชัดเจน

ดังนั้นเธอจึงเลือกแลกกระต่ายทะยานฟ้าที่เหมาะสมกับเธอมากที่สุด และก็เป็นสกิลที่เธอสามารถฝึกฝนได้ในตอนที่อายุเท่านี้ นอกจากนี้ยังปิดบังได้เต็มที่ หลิงหลานพอใจกับเรื่องนี้มาก ส่วนเรื่องที่ว่ายังมีของที่ดีกว่านี้หรือไม่…หลิงหลานก็ไม่ดึงดันต้องการ เธอไม่คิดว่าตัวเองจะเป็นตัวละครหลักที่ค้นหาสุ่มๆ ก็สามารถเจอของที่ดีที่สุดได้ เธอใจเย็นมากๆ

อาจารย์หมายเลขหนึ่งพอใจกับท่าทีแสดงออกของหลิงหลานในครั้งนี้มาก เขาไม่ได้พูดจาไร้สาระอะไรมากมายก็ให้อาจารย์หมายเลขเก้าออกมาชี้แนะหลิงหลานในการเรียนรู้กระต่ายทะยานฟ้า รวมไปถึงเก้าท่าหลอมร่างซึ่งเป็นทักษะการต่อสู้มือเปล่าขั้นต่อไป

การฝึกฝนเก้าท่าหลอมร่างมีความยากกว่าเก้าท่าพื้นฐานร้อยเท่า หลิงหลานฝึกฝนท่าที่หนึ่งในหนึ่งเดือนถัดมาด้วยความยากลำบาก ทว่าเธอก็ทำไม่สำเร็จเลยสักนิด แม้กระทั่งท่าของแขนข้างหนึ่งก็ยังทำไม่ได้

หลิงหลานรู้สึกว่านี่เป็นภารกิจที่น่าอนาถโดยสิ้นเชิง ดูจากความคืบหน้าแบบนี้แล้ว เธอไม่มีทางทำสำเร็จภายในระยะเวลาห้าปีตามที่กำหนดไว้แน่นอน ยังดีที่หลิงหลานมีนิสัยที่ดีมาก ถึงแม้จะรู้สึกว่านี่เป็นภารกิจที่แทบจะทำไม่สำเร็จ ทว่าเธอก็ไม่ได้หงุดหงิด เธอพยายามทำให้ได้ทีละเล็กทีละน้อยทุกวัน หวังว่าจะไม่ทิ้งห่างมาเกินไปเมื่อถึงเวลาที่กำหนด หลิงหลานคาดเดาจากรางวัลคะแนนเกียรติยศว่า บทลงโทษจะต้องเกี่ยวพันกับความคืบหน้าที่ทิ้งห่างในช่วงเวลาท้ายที่สุด ยิ่งเข้าใกล้มาก บทลงโทษก็จะยิ่งลดลง

…………

การเผชิญหน้ากับการฉีดยากระตุ้นยีนครั้งที่สามมาถึงอย่างรวดเร็ว หลิงหลานคิดว่าครั้งนี้คงเหมือนกับสองครั้งก่อนหน้านี้ ฉีดยาเสร็จแล้วก็นอนพักผ่อนอยู่บนเตียง

แต่ไม่คาดคิดว่าเมื่อคนของหน่วยกองทัพจากไปแล้ว หลานลั่วเฟิ่งมารดาของเธอจะอุ้มเธอขึ้นมาและเดินผ่านเส้นทางลับหลายสาย จนในที่สุดก็มาถึงจุดหมาย นี่เป็นห้องขนาดเล็ก ด้านในแทบจะไม่มีของอะไร ตรงกลางวางถังไม้ที่สูงเท่าครึ่งตัวคนอยู่ใบหนึ่ง และยังมีเตียงเดี่ยวเล็กๆ หลังหนึ่งอยู่ชิดกำแพง นอกจากนี้แล้วก็ไม่มีของสิ่งอื่นอีก

เมื่อหลานลั่วเฟิ่งเดินเข้าประตูมาก็เอ่ยถามกับคนที่อยู่ในห้องว่า “เตรียมการเรียบร้อยแล้วใช่ไหม”

“ค่ะ คุณนาย!” ในห้องยังมีหญิงวัยกลางคนที่แต่งงานแล้วยืนอยู่ หลิงหลานจำเธอได้ เธอคือหลิงหนานอี ภรรยาของพ่อบ้านหลิงฉิน

หลานลั่วเฟิ่งเดินมาที่ด้านหน้าถังไม้ หลิงหลานถึงค่อยเห็นว่าด้านในถังใส่น้ำสีเขียวเข้มจนเกือบดำเกือบจะมากกว่าครึ่งหนึ่งของถัง มันยังส่งกลิ่นยาออกมาอย่างรุนแรงอีกด้วย

หลิงหลานรู้สึกตกใจ ต้องทราบว่าสิ่งที่เธอพบเจอในช่วงเวลานี้ต่างก็เป็นยาเม็ดหรือยาฉีดซึ่งเป็นยาที่ไปทางฝั่งตะวันตกที่ไม่มีกลิ่นรสใดๆ ทว่ากลิ่นที่คุ้นเคยในเวลานี้ทำให้เกิดภาพลวงตาว่ากลับไปที่ชาติก่อน เวลานั้นเธอดื่มยาจีนที่มีกลิ่นสมุนไพรมาไม่น้อย อย่างไรก็ตาม…หน้าผากของหลิงหลานก็เต็มไปด้วยขีดดำ[1] จะให้เธอดื่มน้ำยาเยอะขนาดนี้เลยเหรอ

หลิงหลานรู้สึกเย็นยะเยือกเมื่อเห็นท่าทีของมารดาและหลิงหนานอี น้ำยาในถังนี้ต้องมอบให้เธอแน่นอน มองดูถังไม้ใบนั้นและแอบเทียบกับร่างกายเล็กๆ ของตัวเอง…

เชี่ย นี่จะเอาชีวิตกันเหรอ ดื่มยาน้ำพวกนี้หมด เธอจะต้องกลายเป็นเด็กทารกน่าอนาถคนแรกในประวัติศาสตร์ที่ตายจากการดื่มยาจีนจนจุกแน่นอน

มารดาของหลิงหลานไม่ได้โหดเหี้ยมอย่างที่เธอคิดไว้ขนาดนั้น หลิงหลานได้ยินเธอพูดว่า “อุณหภูมิของน้ำยานี้พอดีแล้วใช่ไหม จะไม่ลวกตอนที่หลิงหลานแช่น้ำนะ”

ดีจริงๆ ที่แท้ก็ใช้แช่ ไม่ใช่ให้ดื่ม หลิงหลานหลั่งน้ำตานองหน้า กอดมารดาของเธอไว้ด้วยความตื่นเต้น ในที่สุดก็คุ้มครองชีวิตน้อยๆ ได้แล้ว

“คุณนายวางใจเถอะค่ะ ฉันทดสอบดีแล้ว ไม่มีปัญหาอะไรค่ะ” หลิงหนานอีตอบด้วยความแน่วแน่ หลิงหลานเป็นความหวังของตระกูลหลิง เธอไม่กล้าประมาทเลินเล่อแม้แต่น้อย

หลานลั่วเฟิ่งไม่ลังเลอีกต่อไป ถอดเสื้อผ้าไม่กี่ทีก็เปลื้องผ้าหลิงหลานจนเปลือยเปล่า ก่อนจะวางเธอเข้าไปในถังน้ำ

หลิงหลานรู้สึกเหมือนกำลังแช่น้ำพุร้อน ความอุ่นร้อนสบายเอามากๆ หลังจากนั้นเธอก็รู้สึกว่ามีความร้อนสายหนึ่งไหลทะลุจากผิวหนังของร่างกายเข้าไปที่ข้างใน ความรู้สึกที่อธิบายเป็นคำพูดได้ยากมากโจมตีเข้าที่หัวใจ เหมือนเจ็บแต่ไม่เจ็บ เหมือนคันแต่ไม่คัน หลิงหลานที่ไม่หวาดกลัวต่อความเจ็บปวดก็อดส่งเสียงครวญครางขึ้นมาไม่ได้

หลานลั่วเฟิ่งเห็นแบบนี้ก็เครียดมากและรีบมองไปที่หลิงหนานอี ไม่รู้ว่าสถานการณ์ของหลิงหลานในตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง

หลิงหนานอีเอ่ยปลอบใจว่า “คุณนาย เหตุการณ์แบบนี้เป็นเรื่องปกติมาก คุณชายน้อยไม่เป็นอะไรหรอกค่ะ”

เวลาผ่านไปเนิ่นนาน หลิงหลานปรับตัวให้เข้ากับความรู้สึกประหลาดแบบนี้ได้แล้ว จากนั้นความเจ็บปวดก็เริ่มรุนแรงขึ้น สุดท้ายเธอก็สัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดอย่างรุนแรงราวกับเซลล์ทั่วทั้งร่างกายฉีกขาดเหมือนกับในชาติที่แล้ว…

อย่างไรก็ตาม ความเจ็บปวดอย่างรุนแรงแบบนี้กลับทำให้หลิงหลานรู้สึกสงบ เธอย่อมทนต่อสิ่งที่ซึมลึกถึงไขกระดูกมายี่สิบสี่ปีได้อยู่แล้ว

“เอ๋? มีของสิ่งนี้ได้อย่างไร” หลิงหลานได้ยินเสียงร้องตกใจของเสี่ยวซื่อในสมอง

“ทำไมเหรอ” ถึงแม้ว่าจะทนไหว แต่มีคนมาคุยเป็นเพื่อนได้ก็ยิ่งเมินความเจ็บปวดอย่างรุนแรงบนร่างกายได้ง่ายขึ้น นี่เป็นประสบการณ์ที่หลิงหลานได้รับในชาติก่อน เธอยินดีคุยกับเสี่ยวซื่อไปเรื่อยๆ

“พลังงานที่ประหลาดมาก สามารถเพิ่มความทนทานและกระตุ้นการทำงานของเซลล์ร่างกายได้” เสี่ยวซื่อสงสัยมากๆ ว่าน้ำยาในถังนี้ปรุงมาได้อย่างไร คลังข้อมูลของเขาก็ไม่มีข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับของประเภทนี้เลย

“น่าจะเป็นสูตรลับที่สืบทอดกันมาของตระกูลหลิง หลอมร่างกายให้แข็งแกร่งขึ้น” หลิงหลานกลับไม่รู้สึกแปลกใจเลย ถึงตระกูลหลิงจะเล็กและอ่อนแออย่างไร ก็เป็นตระกูลเก่าแก่ที่สืบทอดกันมาหลายพันปี และหลิงเซี่ยวก็เป็นทายาทของตระกูลหลัก การที่มีสูตรลับแบบนี้ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก

“นายท่าน โลกนี้มหัศจรรย์จริงๆ สวรรค์ ฉันค้นพบอะไรเนี่ย น้ำยาพวกนี้ใช้พืชเก้าสิบหกเปอร์เซ็นต์ต้มออกมา…” เสี่ยวซื่ออุทานด้วยความตกใจ ไม่คิดว่าน้ำยาที่วิเศษขนาดนี้จะไม่มีเงาของเทคโนโลยีชั้นสูงสักนิดเลย นี่เป็นโลกมหัศจรรย์จริงๆ

หลิงหลานเหงื่อแตกทันที ถ้าหากยาจีนไม่ใช้สมุนไพรต้ม เช่นนั้นมันยังเป็นยาสมุนไพรจีนเหรอ

“แล้วสี่เปอร์เซ็นต์คืออะไร ทำไมส่วนประกอบของน้ำยาดูคุ้นๆ อยู่บ้างนะ…พิษ? หืม น่าจะเป็นพิษงูชนิดหนึ่ง นี่คืออะไรน่ะ แมงป่อง? ตะ ตะขาบ แล้วก็…แมงมุม!” เสียงของเสี่ยวซื่อสูงขึ้นเรื่อยๆ จนสุดท้ายก็กลายเป็นเสียงกรีดร้องด้วยความหวาดกลัว ช่วยไม่ได้ เวลาหนึ่งปีกว่าทำให้เสี่ยวซื่อเรียนรู้ประเภทของสิ่งมีชีวิตในสังคมมนุษย์ อย่างอื่นก็โอเคหมดอยู่หรอกนะ แต่ว่ามันรับแมลงหลายขาไม่ไหวจริงๆ สำหรับความคิดด้านสุนทรียะของเขา นั่นเป็นสิ่งที่อัปลักษณ์จนถึงขั้นทำลายล้างโลกนี้ให้ย่อยยับได้จริงๆ

หลิงหลานไม่สนใจสภาพเสียสติชักกระตุกเป็นระยะๆ ของเสี่ยวซื่อ เธอถอนหายใจลึกๆ เธอเองก็ได้รับการเปลี่ยนเส้นเอ็นล้างไขกระดูกเหมือนกับตัวละครหลักในนิยายได้เช่นกัน

อืม ข้ามเวลามาอนาคตก็ไม่ได้แย่ขนาดนั้น ดัชนีทองคำ[2]ของท่านเทพแห่งการทะลุมิติยังคงยอดเยี่ยมมาก

……………………………………………..

[1] หน้าผากเต็มไปด้วยขีดดำ แสดงถึงความจนปัญญาหรือว่าความรังเกียจ ดังที่การ์ตูนญี่ปุ่นใช้วิธีการวาดขีดสีดำหลายเส้นบนหน้าผากของตัวละคร

[2] ดัชนีทองคำ หมายถึง สูตรโกงของพวกตัวเอกในนิยาย

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+