I’M THE BOSS ลูกพี่หุ่นเทวะ 143 เปิดฉากสงครามหุ่นรบ!

Now you are reading I’M THE BOSS ลูกพี่หุ่นเทวะ Chapter 143 เปิดฉากสงครามหุ่นรบ! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

การที่พลตรีหลิงเซียวเสียชีวิตภายใต้แผนการร้ายของจักรวรรดิฮิงูเระเป็นเรื่องที่น่าเศร้าและเจ็บใจของผู้ควบคุมหุ่นรบทุกคน พวกเขาเคยคิดวิ่งไปที่สนามรบเพื่อล้างแค้นจักรวรรดิฮิงูเระ แต่พวกเขาเป็นทหาร ต้องเชื่อฟังการจัดการของทางกองทัพ พวกเขามาที่ดาวลึกลับแห่งนี้เพื่อบุกเบิก แต่ความแค้นในใจไม่ได้หายไปเลย และตอนนี้จู่ๆ ก็เห็นฆาตกรที่แค้นชิงชังปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าพวกเขา ผู้ควบคุมหุ่นรบแทบจะทุกคนต่างรู้สึกเดือดดาลขึ้นมา

ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างรู้ว่านี่เป็นการสู้รบด้วยชีวิต เป็นสงครามที่ต้องตายกันไปข้างหนึ่ง!

ปืนใหญ่ในมือผู้ควบคุมหุ่นรบของสหพันธรัฐสาดยิงออกไปอย่างบ้าคลั่งโดยไม่จำเป็นต้องมีคำสั่ง มหาสงครามเปิดฉากขึ้นอย่างเป็นทางการ เสียงปืนใหญ่ดังขึ้นพร้อมกันบนท้องฟ้า แน่นอนว่าหุ่นรบของจักรวรรดิฮิงูเระไม่มีทางยอมรับชะตากรรมแบบนี้ ต่อให้ไม่สามารถบังคับหุ่นรบให้หลบปืนใหญ่ได้ในเวลาสั้นๆ แต่ช่วงเวลาสุดท้ายพวกเขาก็ยกปากกระบอกปืนขึ้นมายิงสวนกลับ

เขม่าควันตลบอบอวลไปทั่วทั้งสนามรบ มีหุ่นรบหลายตัวถูกทำลายร่วงตกลงมาในการโจมตีแต่ละรอบ มีหุ่นรบของสหพันธรัฐ แต่ที่มีเยอะไปกว่านั้นก็คือหุ่นรบของจักรวรรดิฮิงูเระ

หุ่นรบพวกนั้นนำพาควันโขมงรวมไปถึงเปลวไฟที่ลุกโชนร่วงลงมาจากบนท้องฟ้าแล้วกระแทกลงกับพื้นอย่างหนักหน่วง ต่อให้หลิงหลานอยู่ห่างจากใจกลางสงครามก็สัมผัสได้ว่าพื้นสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงจนเธอยืนไม่มั่นคงอยู่บ้าง

หุ่นรบที่ตกลงมาพวกนั้นเกิดการระเบิดขึ้นบนพื้นเป็นครั้งที่สองจนถึงขนาดเป็นครั้งที่สาม เศษชิ้นส่วนแตกกระจายปลิวว่อน สะเก็ดไฟพุ่งไปทั่วทุกทิศทาง แรงระเบิดมหาศาลทำให้ต้นไม้รอบๆ หักโค่นลงมาจนถึงขั้นขุดรากถอนโคนขึ้นมา มีต้นไม้มากมายติดไฟจากสะเก็ดไฟที่พุ่งไปรอบๆ ก่อนจะลุกไหม้ขึ้นมาอย่างรวดเร็ว…..

ป่าดึกดำบรรพ์ที่เดิมทีเงียบสงบตกอยู่ท่ามกลางเปลวไฟควันหนาทึบจากการล่วงล้ำของไฟสงคราม สัตว์อสูรด้านในคล้ายกับสัมผัสได้ถึงวิกฤติครั้งใหญ่ พวกมันเริ่มร่วมกันก่อจลาจลขึ้นมา

หุ่นรบฮิงูเระที่ร่วงลงมาเริ่มเข้าใกล้พวกหุ่นรบของสหพันธรัฐที่กำลังโจมตีอยู่กลางอากาศมากขึ้นเรื่อยๆ ในตอนนี้เอง หอบังคับการของค่ายทหารก็ถ่ายทอดคำสั่งใหม่อีกครั้งว่า “คำสั่งเวลานี้ หน่วยหุ่นรบทางอากาศทั้งหมดออกปฏิบัติการ!”

คำสั่งนี้ก็เป็นการยืนยันแล้วว่าสงครามนี้ได้เข้าสู่การต่อสู้ประจัญบานอย่างรุนแรงที่สุดแล้ว การชี้ขาดผลของสงครามในครั้งนี้ต้องดูว่าความสามารถของผู้ควบคุมหุ่นรบประเทศไหนแข็งแกร่งมากกว่า

เดิมทีโลกนี้ก็เป็นโลกของผู้แข็งแกร่งเป็นที่เคารพ มีเพียงการแข็งแกร่งกว่าอีกฝ่ายเท่านั้น คุณถึงจะมีสิทธิรอดชีวิตต่อไปได้

เมื่อบรรดาผู้ควบคุมหุ่นรบของสหพันธรัฐได้รับคำสั่งนี้ก็ทยอยกันบังคับหุ่นรบของตัวเองบินไปหาพวกหุ่นรบของจักรวรรดิที่กำลังจะมาถึง จากนั้นก็เห็นหุ่นรบสีน้ำเงินขาวกับหุ่นรบสีดำเข่นฆ่าพัวพันกันอยู่บนท้องฟ้าของดาวดวงนี้

……

ผู้บัญชาการสูงสุดในค่ายทหารเห็นยานอวกาศจอดลอยอยู่ในอวกาศบนหน้าจอเบื้องหน้าตน ในใจก็บันดาลโทสะขึ้นมา เขาเขวี้ยงเครื่องรับวิทยุสื่อสารในมือกระแทกลงกับพื้นแรงๆ จนมันแตกกระจายในชั่วพริบตา

เขากล่าวด้วยความเดือดดาลว่า “บัดซบ ถ้าไม่ใช่เพราะเจ้าพวกนี้อยู่ ฉันจะให้หุ่นรบน่ารังเกียจพวกนี้ร่วงลงมาบนพื้นง่ายๆ แบบนี้ได้ยังไง…แม่งเอ๊ย ตอนนี้ได้แต่พึ่งหน่วยหุ่นรบต้านทานพวกมันแล้ว”

นายทหารฝ่ายเทคนิคที่อยู่ควบคุมเครื่องรับวิทยุสื่อสารอีกฝั่งแอบปาดเหงื่อเย็นๆ ที่ไหลออกมา เขาลอบยินดีที่ตัวเองมีปฏิกิริยาตอบสนองรวดเร็วมาก ปิดฟังก์ชั่นทุกอย่างของเครื่องรับวิทยุสื่อสารก่อนที่ผู้บัญชาการจะปามันลงพื้น ไม่ทำให้หูของเพื่อนร่วมรบได้รับบาดเจ็บอย่างรุนแรงจนสูญเสียความสามารถในการรบไป

ที่แท้ศูนย์บัญชาการลับของดาวดวงนี้ได้ติดตั้งปืนใหญ่ป้องกันทางอากาศไว้ แต่เป็นเพราะการคุกคามของยานอวกาศของอีกฝ่ายที่อยู่ในอวกาศ ทำให้ผู้บัญชาการสูงสุดไม่กล้าทำการโจมตีกลับ นี่ทำให้เขาท้อแท้ใจมากอย่างไม่ต้องสงสัย และก็เป็นเหตุผลที่เขาโมโหเช่นกัน

ผู้บัญชาการแทบจะยืนยันได้ว่า มีความเป็นไปได้สูงที่หุ่นรบของจักรวรรดิฮิงูเระเหล่านี้จะเป็นเหยื่อล่อที่ฝ่ายตรงข้ามใช้ล่อให้พวกเขายิงปืนใหญ่ป้องกันทางอากาศออกมา หลังจากที่รู้ว่าฝ่ายตรงข้ามคือจักรวรรดิฮิงูเระ ผู้บัญชาการก็รู้ดีว่าต่อให้ฝ่ายตรงข้ามได้รับพิกัดของดาวดวงนี้มา แต่ก็ไม่รู้ที่อยู่ของศูนย์บัญชาการลับพวกเขาโดยละเอียด

ถ้าหากอีกฝ่ายรู้ที่อยู่ของศูนย์บัญชาการพวกเขาแล้วละก็ พวกมันไม่มีทางให้หุ่นรบร่อนลงมาลอบโจมตีก่อนแน่นอน พวกมันจะต้องให้ยานอวกาศยิงปืนใหญ่ใส่รังบัญชาการของพวกเขาสักรอบทันทีที่เข้ามา เมื่อเป็นแบบนี้ พวกทหารของสหพันธรัฐที่ไม่มีศูนย์บัญชาการย่อมจัดกลุ่มต้านทานที่มีประสิทธิภาพอะไรไม่ได้ พวกมันก็จะสามารถยึดครองดาวดวงนี้ได้อย่างง่ายดายแน่นอน

ถ้าหากเขาไม่พบยานอวกาศของอีกฝ่ายละก็ มีความเป็นไปได้สูงที่เขาจะสั่งให้ศูนย์บัญชาการยิงปืนใหญ่ป้องกันทางอากาศออกไป เขาเหมือนกับมองเห็นผลลัพธ์สุดท้ายแล้ว ยานอวกาศของจักรวรรดิฮิงูเระทั้งหลายนั้นจะฉวยโอกาสนี้คว้าที่ซ่อนของพวกเขาไปได้ จากนั้นก็จะใช้ปืนใหญ่ของยานอวกาศทั้งหมดสาดยิงเข้ามาทำลายที่นี่ให้สิ้นซาก ทำให้พวกเขาไม่เหลือแม้กระทั่งศพ

ผู้บัญชาการคิดถึงตรงนี้ ในใจก็นึกกลัวอยู่บ้าง โชคดีที่สุดท้ายเรดาร์ทำงานได้ยอดเยี่ยม ค้นหายานแม่ที่ซ่อนตัวพวกนั้นได้ และทำให้เขาเข้าใจเจตนาชั่วร้ายของอีกฝ่ายได้ในพริบตา ไม่ได้สั่งการผิดพลาดลงไป

ผู้บัญชาการเก็บงำอารมณ์ไว้ก่อนจะหันหน้าไปถามเสนาธิการที่อยู่ข้างกายว่า “หน่วยสนับสนุนจะมาถึงเมื่อไหร่?” ถึงแม้เขาจะมองเจตนาชั่วร้ายของอีกฝ่ายออก แต่ว่าสถานการณ์ยังคงไม่สู้ดีมากๆ

“กองยานรบที่ใกล้พวกเรามากที่สุดอยู่ที่เขตฉนวนมิสรี ต่อให้รีบมาด้วยความเร็วสูงสุดก็น่าจะต้องใช้เวลาประมาณสิบชั่วโมงครับ” เสนาธิการรีบรายงาน

“ยื้อไว้สิบชั่วโมงเหรอ?” ผู้บัญชาการสูงสุดขมวดคิ้วแน่น ใคร่ครวญดูว่าหน่วยหุ่นรบที่มีอยู่ในตอนนี้จะสามารถประคับประคองไว้สิบชั่วโมงได้หรือเปล่า

“ผู้การครับ ยังมีข่าวร้ายอีกเรื่องที่ต้องแจ้งคุณ….” ตอนที่เสนาธิการได้รับข่าวล่าสุดจากทหารฝ่ายเสนาธิการคนอื่นๆ สีหน้าก็เปลี่ยนเป็นย่ำแย่เช่นกัน “ เมื่อสักครู่นี้ทางกองทัพส่งข่าวมาว่า มีกองยานรบของจักรวรรดิฮิงูเระอยู่ในเขตดาววีนัส”

ผู้บัญชาการสูงสุดรีบกดแผนที่ดาวบนหน้าจอ เปรียบเทียบระยะห่างระหว่างสองที่ก่อนจะอดสบถคำว่าเชี่ยออกมาไม่ได้! เนื่องจากระยะห่างในการมาถึงที่นี่ของฉนวนมิสรีกับเขตดาววีนัสแทบจะเหมือนกันเลย หรือพูดอีกอย่างก็คืออีกสิบชั่วโมงให้หลัง ฝ่ายตรงข้ามก็จะได้รับการสนับสนุนจากประเทศตัวเองเช่นกัน

“นายรีบติดต่อกับทางกองทัพ ให้พวกเขาส่งกองรบเข้ามามากขึ้น ไม่ว่าจะช้ามากแค่ไหน พวกเราจะต้องยืนหยัดจนถึงสุดท้ายให้ได้!” ผู้บัญชาการกล่าวคำพูดประโยคนี้จบก็หันตัวออกไปจากหอบังคับการ ทำให้เสนาธิการที่กำลังจัดการคำสั่งพวกนี้ตกใจขึ้นมา “ผู้การ คุณจะไปไหนครับ?”

“ไปไหน? ไปสู้สิ จะให้ฉันรอโง่ๆ อยู่ที่นี่หรือไง? ทหารของฉันกำลังรบอย่างกล้าหาญอยู่นะ” ผู้บัญชาการถลึงตาด้วยความโกรธ เขาเดินเข้าไปในแท่นยกของหอบังคับการก่อนจะลงมาที่พื้นด้านล่างโดยไม่รอให้เสนาธิการห้ามปราม

เขาปีนขึ้นไปบนหุ่นรบของตัวเองด้วยความคล่องแคล่ว หลังจากที่ติดเครื่องยนต์แล้วก็บังคับหุ่นรบให้บินไปยังสนามรบบนฟ้า ด้านหลังมีหน่วยหุ่นรบคุ้มกันของเขาตามมาอย่างรวดเร็วเช่นกัน…ผู้การที่ต้องคุ้มครองไปสนามรบแล้ว พวกเขาย่อมไม่อาจอยู่ข้างหลังได้

“แค่ก หมอนี่มันไม่มีความรับผิดชอบเกินไปแล้ว!” เสนาธิการเห็นผู้บัญชาการพุ่งไปที่สนามรบก็ตะโกนออกมาด้วยความไม่พอใจ อย่างไรก็ตามเขาก็ทำได้แค่เอ่ยปากประท้วงเท่านั้น เมื่อเผชิญหน้ากับผู้บัญชาการที่คลั่งไคล้การต่อสู้แล้ว เขาก็ได้แต่ยอมรับชะตากรรมที่โชคร้ายของตัวเองจัดการงานที่ตามมาทีหลังให้เขา

………..

“บากะ! ฝ่ายตรงข้ามไม่ยิงปืนใหญ่ป้องกันทางอากาศ แต่ดันตัดสินใจให้หุ่นรบตะลุมบอนกันตรงๆ เนี่ยนะ พวกเขาเชื่อมั่นผู้ควบคุมหุ่นรบของตัวเองขนาดนี้เลยเหรอ? พวกนายคิดว่าไง?” ผู้บัญชาการที่อยู่บนยานแม่ในอวกาศเห็นแผนการของพวกเขาล้มเหลวอีกแล้ว กลยุทธ์ที่เดิมทีคิดว่าสมบูรณ์แบบมาก ตอนนี้กลับไม่ได้ผลเลยสักอย่าง นี่ทำให้เขากลุ้มใจและโมโหมาก

“ท่านโปรดวางใจเถอะครับ หนึ่งในผู้ควบคุมหุ่นรบที่ดำเนินแผนการโจมตีทางอากาศในครั้งนี้มีหน่วยหุ่นรบไพ่ราชาของจักรวรรดิเราอยู่ด้วย ขอเพียงพวกเขาลงสู่พื้นสำเร็จ ผู้ควบคุมหุ่นรบของฝ่ายตรงข้ามไม่มีทางเป็นคู่มือของพวกเขาแน่นอน” ทหารฝ่ายเสนาธิการที่อยู่ด้านข้างรีบพูดขึ้น มอบความมั่นใจที่ใหญ่ที่สุดให้กับผู้บัญชาการ “พวกเขาต้องปฏิบัติการตัดศีรษะสำเร็จแน่นอน!”

มีกลยุทธ์มากมายหลายประเภท พวกเขาเองก็คิดถึงสถานการณ์ไม่เอื้ออำนวยต่างๆ นานาเหมือนกัน ขอเพียงหน่วยหุ่นรบไพ่ราชาลงสู่พื้นได้สำเร็จก็จะทำการปฏิบัติการตัดหัวได้ หาศูนย์บัญชาการของฝ่ายตรงข้ามและทำลายมัน ทำให้ฝ่ายตรงข้ามไม่สามารถสั่งการได้ และก็รวมกลุ่มทำการต้านทานที่มีประสิทธิภาพอะไรไม่ได้เหมือนกัน

“โยช[1]! หวังว่าพวกเขาจะไม่ทำให้จักรวรรดิฮิงูเระอันยิ่งใหญ่ของเราขายหน้านะ” ผู้บัญชาการรู้สึกว่าสถานการณ์อยู่ในการควบคุมอีกครั้ง

……

บนดาวเคราะห์ เวลานี้ได้ยินเพียงเสียงตูมของปืนใหญ่นับไม่ถ้วนเท่านั้น ฐานที่มั่นชั่วคราวเองก็มีเสียงเตือนการป้องกันทางอากาศดังขึ้นมาผสานกัน ทหารที่ประจำการบางคนกำลังสั่งคนที่ไม่ได้ต่อสู้ให้ไปหลบตรงจุดป้องกันการโจมตีทางอากาศที่ใกล้ที่สุด แน่นอนว่าเรื่องที่สำคัญที่สุดคือช่วยเหลือเหล่าลูกเสือที่ตกใจกลัวในฐานที่มั่น

“เวรเอ้ย เธออย่าวิ่งมั่วๆ สิ รีบกลับเร็วเข้า!” ทหารที่ประจำการของฐานที่มั่นกำลังรวบรวมค้นหาพวกลูกเสือที่กำลังซ่อนตัวอยู่ในฐานที่มั่น เมื่อเขาเห็นหลิงหลานกำลังมองไปรอบๆ ตรงทางเข้าฐานที่มั่น เขาก็ตะโกนเสียงดังลั่นด้วยความร้อนใจทันที

ทันใดนั้นเองบนฟ้าก็มีลูกปืนใหญ่หนึ่งที่ไม่รู้ว่าลอยมาจากไหนร่วงลงมา นายทหารกระโจนเข้าไปด้วยความร้อนรน…เขารู้สึกเพียงร่างกายโดนอะไรบางอย่างฉุดรั้งไว้ ทำให้เปลี่ยนเป็นกลิ้งไปอีกทางแทนก่อนจะร่วงลงไปในท่อระบายน้ำที่ทางค่ายที่พักขุดออกมาทันที

“ปัง!” ลูกปืนใหญ่ระเบิดขึ้นอีกทางด้านหนึ่ง แต่พวกเขากลับไม่บาดเจ็บเลยสักนิดเดียวเนื่องจากตกลงไปในท่อระบายน้ำ นายทหารเงยหน้าขึ้นด้วยความตื่นตะลึง จากนั้นก็เห็นร่างเล็กกำลังหมอบอยู่ตรงหน้าเขา

“พี่ชาย ขอบคุณที่ช่วยผมไว้นะครับ” หนุ่มน้อยหล่อเหล่างดงามคนนั้นทำหน้าเคร่งขรึม ทว่ามองออกถึงความซาบซึ้งใจอย่างหาใดเปรียบจากในสายตาเขา

ถึงแม้ว่านายทหารรู้สึกว่าแปลกว่าทำไมเขาถึงเปลี่ยนทิศทางกลางอากาศเอง แต่เพราะแบบนี้ถึงช่วยพวกเขาสองคนไว้ได้จริงๆ เขาได้แต่ลูบศีรษะด้วยความงุนงงและกล่าวว่า “ไม่เป็นไรก็ดี! ไม่เป็นไรก็ดี!”

หลังจากนั้นเขาก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้แล้วกล่าวว่า “ทำไมเธอไม่ไปที่จุดป้องการการโจมตีทางอากาศ?” ค่ายที่พักแจ้งพิกัดจุดป้องกันการโจมตีทางอากาศทั้งหมดให้กับเหล่าลูกเสือตั้งแต่ช่วงเวลาแรก ให้พวกเขาเลือกหลบซ่อนในจุดป้องกันการโจมตีทางอากาศที่ใกล้ที่สุด เพราะกลัวว่าพวกลูกเสือจะตกใจกลัวจากฉากการต่อสู้ที่โหดร้ายแบบนี้ ดังนั้นจึงส่ง กองกำลังปฏิบัติการภาคพื้นดินเข้ามารวบรวมค้นหาเหล่าลูกเสือ นี่ก็เป็นเหตุผลว่าทำไมเขาถึงปรากฎตัวในฐานที่มั่น

“ผมอยากไป แต่ว่ากำลังตรวจสอบทิศทาง ยืนยันพิกัดอยู่ครับ” หลิงหลานบอกเหตุผลที่ปกติสุดขีด เมื่อเผชิญหน้ากับเหตุการณ์กะทันหัน มันง่ายมากที่จะหลงทิศทางตกอยู่ในความสับสน

นายทหารเห็นลูกเสือที่เป็นแบบนี้มานับครั้งไม่ถ้วนแล้ว ดังนั้นจึงชี้ไปยังทิศทางหนึ่งและกล่าวว่า “เธอเดินไปทางนี้ แล้วก็ดูหมายเลขพิกัดบนอุปกรณ์สื่อสารก็หาจุดป้องกันการโจมตีทางอากาศเจอแล้ว”

“ขอบคุณนะครับ พี่ชาย งั้นผมไปก่อนนะครับ!” หลิงหลานทำท่าเคารพของลูกเสือให้เขาด้วยความซาบซึ้งใจ แล้วก็กระโดดขึ้นจากท่อระบายน้ำก่อนจะหายตัวไปอย่างรวดเร็ว

นายทหารดึงหมวกของตัวเอง จากนั้นก็ก้มตัวเดินไปข้างหน้าอย่างระมัดระวัง เขาต้องตรวจสอบสถานที่ถัดไป หลังจากที่เดินย่องด้วยความระวังแบบนี้ไปได้หลายสิบเมตร เขาก็พลันตระหนักขึ้นได้ว่า การเคลื่อนไหวของอีกฝ่ายยังคล่องแคล่วว่องไวกว่าเขาอีก….

……………………………………………………..

[1] มาจากภาษาญี่ปุ่นแปลว่า “โอเค” “ดี” “ใช่แล้ว” เป็นคำอุทานที่ผู้พูดคิดว่าสิ่งที่ตั้งใจเป็นไปตามแผน หรือ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นไปตามที่หวัง

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

I’M THE BOSS ลูกพี่หุ่นเทวะ 143 เปิดฉากสงครามหุ่นรบ!

Now you are reading I’M THE BOSS ลูกพี่หุ่นเทวะ Chapter 143 เปิดฉากสงครามหุ่นรบ! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

การที่พลตรีหลิงเซียวเสียชีวิตภายใต้แผนการร้ายของจักรวรรดิฮิงูเระเป็นเรื่องที่น่าเศร้าและเจ็บใจของผู้ควบคุมหุ่นรบทุกคน พวกเขาเคยคิดวิ่งไปที่สนามรบเพื่อล้างแค้นจักรวรรดิฮิงูเระ แต่พวกเขาเป็นทหาร ต้องเชื่อฟังการจัดการของทางกองทัพ พวกเขามาที่ดาวลึกลับแห่งนี้เพื่อบุกเบิก แต่ความแค้นในใจไม่ได้หายไปเลย และตอนนี้จู่ๆ ก็เห็นฆาตกรที่แค้นชิงชังปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าพวกเขา ผู้ควบคุมหุ่นรบแทบจะทุกคนต่างรู้สึกเดือดดาลขึ้นมา

ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ต่างรู้ว่านี่เป็นการสู้รบด้วยชีวิต เป็นสงครามที่ต้องตายกันไปข้างหนึ่ง!

ปืนใหญ่ในมือผู้ควบคุมหุ่นรบของสหพันธรัฐสาดยิงออกไปอย่างบ้าคลั่งโดยไม่จำเป็นต้องมีคำสั่ง มหาสงครามเปิดฉากขึ้นอย่างเป็นทางการ เสียงปืนใหญ่ดังขึ้นพร้อมกันบนท้องฟ้า แน่นอนว่าหุ่นรบของจักรวรรดิฮิงูเระไม่มีทางยอมรับชะตากรรมแบบนี้ ต่อให้ไม่สามารถบังคับหุ่นรบให้หลบปืนใหญ่ได้ในเวลาสั้นๆ แต่ช่วงเวลาสุดท้ายพวกเขาก็ยกปากกระบอกปืนขึ้นมายิงสวนกลับ

เขม่าควันตลบอบอวลไปทั่วทั้งสนามรบ มีหุ่นรบหลายตัวถูกทำลายร่วงตกลงมาในการโจมตีแต่ละรอบ มีหุ่นรบของสหพันธรัฐ แต่ที่มีเยอะไปกว่านั้นก็คือหุ่นรบของจักรวรรดิฮิงูเระ

หุ่นรบพวกนั้นนำพาควันโขมงรวมไปถึงเปลวไฟที่ลุกโชนร่วงลงมาจากบนท้องฟ้าแล้วกระแทกลงกับพื้นอย่างหนักหน่วง ต่อให้หลิงหลานอยู่ห่างจากใจกลางสงครามก็สัมผัสได้ว่าพื้นสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงจนเธอยืนไม่มั่นคงอยู่บ้าง

หุ่นรบที่ตกลงมาพวกนั้นเกิดการระเบิดขึ้นบนพื้นเป็นครั้งที่สองจนถึงขนาดเป็นครั้งที่สาม เศษชิ้นส่วนแตกกระจายปลิวว่อน สะเก็ดไฟพุ่งไปทั่วทุกทิศทาง แรงระเบิดมหาศาลทำให้ต้นไม้รอบๆ หักโค่นลงมาจนถึงขั้นขุดรากถอนโคนขึ้นมา มีต้นไม้มากมายติดไฟจากสะเก็ดไฟที่พุ่งไปรอบๆ ก่อนจะลุกไหม้ขึ้นมาอย่างรวดเร็ว…..

ป่าดึกดำบรรพ์ที่เดิมทีเงียบสงบตกอยู่ท่ามกลางเปลวไฟควันหนาทึบจากการล่วงล้ำของไฟสงคราม สัตว์อสูรด้านในคล้ายกับสัมผัสได้ถึงวิกฤติครั้งใหญ่ พวกมันเริ่มร่วมกันก่อจลาจลขึ้นมา

หุ่นรบฮิงูเระที่ร่วงลงมาเริ่มเข้าใกล้พวกหุ่นรบของสหพันธรัฐที่กำลังโจมตีอยู่กลางอากาศมากขึ้นเรื่อยๆ ในตอนนี้เอง หอบังคับการของค่ายทหารก็ถ่ายทอดคำสั่งใหม่อีกครั้งว่า “คำสั่งเวลานี้ หน่วยหุ่นรบทางอากาศทั้งหมดออกปฏิบัติการ!”

คำสั่งนี้ก็เป็นการยืนยันแล้วว่าสงครามนี้ได้เข้าสู่การต่อสู้ประจัญบานอย่างรุนแรงที่สุดแล้ว การชี้ขาดผลของสงครามในครั้งนี้ต้องดูว่าความสามารถของผู้ควบคุมหุ่นรบประเทศไหนแข็งแกร่งมากกว่า

เดิมทีโลกนี้ก็เป็นโลกของผู้แข็งแกร่งเป็นที่เคารพ มีเพียงการแข็งแกร่งกว่าอีกฝ่ายเท่านั้น คุณถึงจะมีสิทธิรอดชีวิตต่อไปได้

เมื่อบรรดาผู้ควบคุมหุ่นรบของสหพันธรัฐได้รับคำสั่งนี้ก็ทยอยกันบังคับหุ่นรบของตัวเองบินไปหาพวกหุ่นรบของจักรวรรดิที่กำลังจะมาถึง จากนั้นก็เห็นหุ่นรบสีน้ำเงินขาวกับหุ่นรบสีดำเข่นฆ่าพัวพันกันอยู่บนท้องฟ้าของดาวดวงนี้

……

ผู้บัญชาการสูงสุดในค่ายทหารเห็นยานอวกาศจอดลอยอยู่ในอวกาศบนหน้าจอเบื้องหน้าตน ในใจก็บันดาลโทสะขึ้นมา เขาเขวี้ยงเครื่องรับวิทยุสื่อสารในมือกระแทกลงกับพื้นแรงๆ จนมันแตกกระจายในชั่วพริบตา

เขากล่าวด้วยความเดือดดาลว่า “บัดซบ ถ้าไม่ใช่เพราะเจ้าพวกนี้อยู่ ฉันจะให้หุ่นรบน่ารังเกียจพวกนี้ร่วงลงมาบนพื้นง่ายๆ แบบนี้ได้ยังไง…แม่งเอ๊ย ตอนนี้ได้แต่พึ่งหน่วยหุ่นรบต้านทานพวกมันแล้ว”

นายทหารฝ่ายเทคนิคที่อยู่ควบคุมเครื่องรับวิทยุสื่อสารอีกฝั่งแอบปาดเหงื่อเย็นๆ ที่ไหลออกมา เขาลอบยินดีที่ตัวเองมีปฏิกิริยาตอบสนองรวดเร็วมาก ปิดฟังก์ชั่นทุกอย่างของเครื่องรับวิทยุสื่อสารก่อนที่ผู้บัญชาการจะปามันลงพื้น ไม่ทำให้หูของเพื่อนร่วมรบได้รับบาดเจ็บอย่างรุนแรงจนสูญเสียความสามารถในการรบไป

ที่แท้ศูนย์บัญชาการลับของดาวดวงนี้ได้ติดตั้งปืนใหญ่ป้องกันทางอากาศไว้ แต่เป็นเพราะการคุกคามของยานอวกาศของอีกฝ่ายที่อยู่ในอวกาศ ทำให้ผู้บัญชาการสูงสุดไม่กล้าทำการโจมตีกลับ นี่ทำให้เขาท้อแท้ใจมากอย่างไม่ต้องสงสัย และก็เป็นเหตุผลที่เขาโมโหเช่นกัน

ผู้บัญชาการแทบจะยืนยันได้ว่า มีความเป็นไปได้สูงที่หุ่นรบของจักรวรรดิฮิงูเระเหล่านี้จะเป็นเหยื่อล่อที่ฝ่ายตรงข้ามใช้ล่อให้พวกเขายิงปืนใหญ่ป้องกันทางอากาศออกมา หลังจากที่รู้ว่าฝ่ายตรงข้ามคือจักรวรรดิฮิงูเระ ผู้บัญชาการก็รู้ดีว่าต่อให้ฝ่ายตรงข้ามได้รับพิกัดของดาวดวงนี้มา แต่ก็ไม่รู้ที่อยู่ของศูนย์บัญชาการลับพวกเขาโดยละเอียด

ถ้าหากอีกฝ่ายรู้ที่อยู่ของศูนย์บัญชาการพวกเขาแล้วละก็ พวกมันไม่มีทางให้หุ่นรบร่อนลงมาลอบโจมตีก่อนแน่นอน พวกมันจะต้องให้ยานอวกาศยิงปืนใหญ่ใส่รังบัญชาการของพวกเขาสักรอบทันทีที่เข้ามา เมื่อเป็นแบบนี้ พวกทหารของสหพันธรัฐที่ไม่มีศูนย์บัญชาการย่อมจัดกลุ่มต้านทานที่มีประสิทธิภาพอะไรไม่ได้ พวกมันก็จะสามารถยึดครองดาวดวงนี้ได้อย่างง่ายดายแน่นอน

ถ้าหากเขาไม่พบยานอวกาศของอีกฝ่ายละก็ มีความเป็นไปได้สูงที่เขาจะสั่งให้ศูนย์บัญชาการยิงปืนใหญ่ป้องกันทางอากาศออกไป เขาเหมือนกับมองเห็นผลลัพธ์สุดท้ายแล้ว ยานอวกาศของจักรวรรดิฮิงูเระทั้งหลายนั้นจะฉวยโอกาสนี้คว้าที่ซ่อนของพวกเขาไปได้ จากนั้นก็จะใช้ปืนใหญ่ของยานอวกาศทั้งหมดสาดยิงเข้ามาทำลายที่นี่ให้สิ้นซาก ทำให้พวกเขาไม่เหลือแม้กระทั่งศพ

ผู้บัญชาการคิดถึงตรงนี้ ในใจก็นึกกลัวอยู่บ้าง โชคดีที่สุดท้ายเรดาร์ทำงานได้ยอดเยี่ยม ค้นหายานแม่ที่ซ่อนตัวพวกนั้นได้ และทำให้เขาเข้าใจเจตนาชั่วร้ายของอีกฝ่ายได้ในพริบตา ไม่ได้สั่งการผิดพลาดลงไป

ผู้บัญชาการเก็บงำอารมณ์ไว้ก่อนจะหันหน้าไปถามเสนาธิการที่อยู่ข้างกายว่า “หน่วยสนับสนุนจะมาถึงเมื่อไหร่?” ถึงแม้เขาจะมองเจตนาชั่วร้ายของอีกฝ่ายออก แต่ว่าสถานการณ์ยังคงไม่สู้ดีมากๆ

“กองยานรบที่ใกล้พวกเรามากที่สุดอยู่ที่เขตฉนวนมิสรี ต่อให้รีบมาด้วยความเร็วสูงสุดก็น่าจะต้องใช้เวลาประมาณสิบชั่วโมงครับ” เสนาธิการรีบรายงาน

“ยื้อไว้สิบชั่วโมงเหรอ?” ผู้บัญชาการสูงสุดขมวดคิ้วแน่น ใคร่ครวญดูว่าหน่วยหุ่นรบที่มีอยู่ในตอนนี้จะสามารถประคับประคองไว้สิบชั่วโมงได้หรือเปล่า

“ผู้การครับ ยังมีข่าวร้ายอีกเรื่องที่ต้องแจ้งคุณ….” ตอนที่เสนาธิการได้รับข่าวล่าสุดจากทหารฝ่ายเสนาธิการคนอื่นๆ สีหน้าก็เปลี่ยนเป็นย่ำแย่เช่นกัน “ เมื่อสักครู่นี้ทางกองทัพส่งข่าวมาว่า มีกองยานรบของจักรวรรดิฮิงูเระอยู่ในเขตดาววีนัส”

ผู้บัญชาการสูงสุดรีบกดแผนที่ดาวบนหน้าจอ เปรียบเทียบระยะห่างระหว่างสองที่ก่อนจะอดสบถคำว่าเชี่ยออกมาไม่ได้! เนื่องจากระยะห่างในการมาถึงที่นี่ของฉนวนมิสรีกับเขตดาววีนัสแทบจะเหมือนกันเลย หรือพูดอีกอย่างก็คืออีกสิบชั่วโมงให้หลัง ฝ่ายตรงข้ามก็จะได้รับการสนับสนุนจากประเทศตัวเองเช่นกัน

“นายรีบติดต่อกับทางกองทัพ ให้พวกเขาส่งกองรบเข้ามามากขึ้น ไม่ว่าจะช้ามากแค่ไหน พวกเราจะต้องยืนหยัดจนถึงสุดท้ายให้ได้!” ผู้บัญชาการกล่าวคำพูดประโยคนี้จบก็หันตัวออกไปจากหอบังคับการ ทำให้เสนาธิการที่กำลังจัดการคำสั่งพวกนี้ตกใจขึ้นมา “ผู้การ คุณจะไปไหนครับ?”

“ไปไหน? ไปสู้สิ จะให้ฉันรอโง่ๆ อยู่ที่นี่หรือไง? ทหารของฉันกำลังรบอย่างกล้าหาญอยู่นะ” ผู้บัญชาการถลึงตาด้วยความโกรธ เขาเดินเข้าไปในแท่นยกของหอบังคับการก่อนจะลงมาที่พื้นด้านล่างโดยไม่รอให้เสนาธิการห้ามปราม

เขาปีนขึ้นไปบนหุ่นรบของตัวเองด้วยความคล่องแคล่ว หลังจากที่ติดเครื่องยนต์แล้วก็บังคับหุ่นรบให้บินไปยังสนามรบบนฟ้า ด้านหลังมีหน่วยหุ่นรบคุ้มกันของเขาตามมาอย่างรวดเร็วเช่นกัน…ผู้การที่ต้องคุ้มครองไปสนามรบแล้ว พวกเขาย่อมไม่อาจอยู่ข้างหลังได้

“แค่ก หมอนี่มันไม่มีความรับผิดชอบเกินไปแล้ว!” เสนาธิการเห็นผู้บัญชาการพุ่งไปที่สนามรบก็ตะโกนออกมาด้วยความไม่พอใจ อย่างไรก็ตามเขาก็ทำได้แค่เอ่ยปากประท้วงเท่านั้น เมื่อเผชิญหน้ากับผู้บัญชาการที่คลั่งไคล้การต่อสู้แล้ว เขาก็ได้แต่ยอมรับชะตากรรมที่โชคร้ายของตัวเองจัดการงานที่ตามมาทีหลังให้เขา

………..

“บากะ! ฝ่ายตรงข้ามไม่ยิงปืนใหญ่ป้องกันทางอากาศ แต่ดันตัดสินใจให้หุ่นรบตะลุมบอนกันตรงๆ เนี่ยนะ พวกเขาเชื่อมั่นผู้ควบคุมหุ่นรบของตัวเองขนาดนี้เลยเหรอ? พวกนายคิดว่าไง?” ผู้บัญชาการที่อยู่บนยานแม่ในอวกาศเห็นแผนการของพวกเขาล้มเหลวอีกแล้ว กลยุทธ์ที่เดิมทีคิดว่าสมบูรณ์แบบมาก ตอนนี้กลับไม่ได้ผลเลยสักอย่าง นี่ทำให้เขากลุ้มใจและโมโหมาก

“ท่านโปรดวางใจเถอะครับ หนึ่งในผู้ควบคุมหุ่นรบที่ดำเนินแผนการโจมตีทางอากาศในครั้งนี้มีหน่วยหุ่นรบไพ่ราชาของจักรวรรดิเราอยู่ด้วย ขอเพียงพวกเขาลงสู่พื้นสำเร็จ ผู้ควบคุมหุ่นรบของฝ่ายตรงข้ามไม่มีทางเป็นคู่มือของพวกเขาแน่นอน” ทหารฝ่ายเสนาธิการที่อยู่ด้านข้างรีบพูดขึ้น มอบความมั่นใจที่ใหญ่ที่สุดให้กับผู้บัญชาการ “พวกเขาต้องปฏิบัติการตัดศีรษะสำเร็จแน่นอน!”

มีกลยุทธ์มากมายหลายประเภท พวกเขาเองก็คิดถึงสถานการณ์ไม่เอื้ออำนวยต่างๆ นานาเหมือนกัน ขอเพียงหน่วยหุ่นรบไพ่ราชาลงสู่พื้นได้สำเร็จก็จะทำการปฏิบัติการตัดหัวได้ หาศูนย์บัญชาการของฝ่ายตรงข้ามและทำลายมัน ทำให้ฝ่ายตรงข้ามไม่สามารถสั่งการได้ และก็รวมกลุ่มทำการต้านทานที่มีประสิทธิภาพอะไรไม่ได้เหมือนกัน

“โยช[1]! หวังว่าพวกเขาจะไม่ทำให้จักรวรรดิฮิงูเระอันยิ่งใหญ่ของเราขายหน้านะ” ผู้บัญชาการรู้สึกว่าสถานการณ์อยู่ในการควบคุมอีกครั้ง

……

บนดาวเคราะห์ เวลานี้ได้ยินเพียงเสียงตูมของปืนใหญ่นับไม่ถ้วนเท่านั้น ฐานที่มั่นชั่วคราวเองก็มีเสียงเตือนการป้องกันทางอากาศดังขึ้นมาผสานกัน ทหารที่ประจำการบางคนกำลังสั่งคนที่ไม่ได้ต่อสู้ให้ไปหลบตรงจุดป้องกันการโจมตีทางอากาศที่ใกล้ที่สุด แน่นอนว่าเรื่องที่สำคัญที่สุดคือช่วยเหลือเหล่าลูกเสือที่ตกใจกลัวในฐานที่มั่น

“เวรเอ้ย เธออย่าวิ่งมั่วๆ สิ รีบกลับเร็วเข้า!” ทหารที่ประจำการของฐานที่มั่นกำลังรวบรวมค้นหาพวกลูกเสือที่กำลังซ่อนตัวอยู่ในฐานที่มั่น เมื่อเขาเห็นหลิงหลานกำลังมองไปรอบๆ ตรงทางเข้าฐานที่มั่น เขาก็ตะโกนเสียงดังลั่นด้วยความร้อนใจทันที

ทันใดนั้นเองบนฟ้าก็มีลูกปืนใหญ่หนึ่งที่ไม่รู้ว่าลอยมาจากไหนร่วงลงมา นายทหารกระโจนเข้าไปด้วยความร้อนรน…เขารู้สึกเพียงร่างกายโดนอะไรบางอย่างฉุดรั้งไว้ ทำให้เปลี่ยนเป็นกลิ้งไปอีกทางแทนก่อนจะร่วงลงไปในท่อระบายน้ำที่ทางค่ายที่พักขุดออกมาทันที

“ปัง!” ลูกปืนใหญ่ระเบิดขึ้นอีกทางด้านหนึ่ง แต่พวกเขากลับไม่บาดเจ็บเลยสักนิดเดียวเนื่องจากตกลงไปในท่อระบายน้ำ นายทหารเงยหน้าขึ้นด้วยความตื่นตะลึง จากนั้นก็เห็นร่างเล็กกำลังหมอบอยู่ตรงหน้าเขา

“พี่ชาย ขอบคุณที่ช่วยผมไว้นะครับ” หนุ่มน้อยหล่อเหล่างดงามคนนั้นทำหน้าเคร่งขรึม ทว่ามองออกถึงความซาบซึ้งใจอย่างหาใดเปรียบจากในสายตาเขา

ถึงแม้ว่านายทหารรู้สึกว่าแปลกว่าทำไมเขาถึงเปลี่ยนทิศทางกลางอากาศเอง แต่เพราะแบบนี้ถึงช่วยพวกเขาสองคนไว้ได้จริงๆ เขาได้แต่ลูบศีรษะด้วยความงุนงงและกล่าวว่า “ไม่เป็นไรก็ดี! ไม่เป็นไรก็ดี!”

หลังจากนั้นเขาก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้แล้วกล่าวว่า “ทำไมเธอไม่ไปที่จุดป้องการการโจมตีทางอากาศ?” ค่ายที่พักแจ้งพิกัดจุดป้องกันการโจมตีทางอากาศทั้งหมดให้กับเหล่าลูกเสือตั้งแต่ช่วงเวลาแรก ให้พวกเขาเลือกหลบซ่อนในจุดป้องกันการโจมตีทางอากาศที่ใกล้ที่สุด เพราะกลัวว่าพวกลูกเสือจะตกใจกลัวจากฉากการต่อสู้ที่โหดร้ายแบบนี้ ดังนั้นจึงส่ง กองกำลังปฏิบัติการภาคพื้นดินเข้ามารวบรวมค้นหาเหล่าลูกเสือ นี่ก็เป็นเหตุผลว่าทำไมเขาถึงปรากฎตัวในฐานที่มั่น

“ผมอยากไป แต่ว่ากำลังตรวจสอบทิศทาง ยืนยันพิกัดอยู่ครับ” หลิงหลานบอกเหตุผลที่ปกติสุดขีด เมื่อเผชิญหน้ากับเหตุการณ์กะทันหัน มันง่ายมากที่จะหลงทิศทางตกอยู่ในความสับสน

นายทหารเห็นลูกเสือที่เป็นแบบนี้มานับครั้งไม่ถ้วนแล้ว ดังนั้นจึงชี้ไปยังทิศทางหนึ่งและกล่าวว่า “เธอเดินไปทางนี้ แล้วก็ดูหมายเลขพิกัดบนอุปกรณ์สื่อสารก็หาจุดป้องกันการโจมตีทางอากาศเจอแล้ว”

“ขอบคุณนะครับ พี่ชาย งั้นผมไปก่อนนะครับ!” หลิงหลานทำท่าเคารพของลูกเสือให้เขาด้วยความซาบซึ้งใจ แล้วก็กระโดดขึ้นจากท่อระบายน้ำก่อนจะหายตัวไปอย่างรวดเร็ว

นายทหารดึงหมวกของตัวเอง จากนั้นก็ก้มตัวเดินไปข้างหน้าอย่างระมัดระวัง เขาต้องตรวจสอบสถานที่ถัดไป หลังจากที่เดินย่องด้วยความระวังแบบนี้ไปได้หลายสิบเมตร เขาก็พลันตระหนักขึ้นได้ว่า การเคลื่อนไหวของอีกฝ่ายยังคล่องแคล่วว่องไวกว่าเขาอีก….

……………………………………………………..

[1] มาจากภาษาญี่ปุ่นแปลว่า “โอเค” “ดี” “ใช่แล้ว” เป็นคำอุทานที่ผู้พูดคิดว่าสิ่งที่ตั้งใจเป็นไปตามแผน หรือ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นไปตามที่หวัง

Related

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+