I’M THE BOSS ลูกพี่หุ่นเทวะ 155 คุณพ่อคือหลิงเซียว!

Now you are reading I’M THE BOSS ลูกพี่หุ่นเทวะ Chapter 155 คุณพ่อคือหลิงเซียว! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

หลายคนมองหน้ากัน สุดท้ายก็ให้หานจี้จวินออกหน้าเอ่ยถามว่า “ลูกพี่หลาน นายเป็นใครกันแน่?”

หลิงหลานนวดหว่างคิ้วด้วยความจนปัญญาอีกครั้ง สุดท้ายเธอก็ยังหลีกเลี่ยงไม่ตอบคำถามข้อนี้ไม่ได้ อย่างไรก็ตาม ในเมื่อเธอตัดสินใจเปิดเผยจริงใจมาแล้วก็ต้องแนะนำตัวเองดีๆ เหมือนกัน ดังนั้นเธอจึงตอบอย่างจริงจังว่า “ชื่อนามสกุลของฉันเป็นของจริงแน่นอน ฉันชื่อว่าหลิงหลานจริงๆ สถานะครอบครัวก็ไม่โกหกเหมือนกัน เพียงแต่ฉันไม่เคยบอกพวกนายว่าพ่อของฉันที่เสียชีวิตไปก่อนวัยอันควรคือใครเท่านั้น”

“พ่อของลูกพี่หลาน? นามสกุลหลิง? แล้วยังพลีชีพไปเมื่อสิบปีก่อน?” ฉีหลงพึมพำกับตัวเอง

 พวกคนที่นั่งอยู่ต่างก็เป็นเด็กเฉลียวฉลาด ชื่อหนึ่งที่ทำให้คนตื่นเต้นฮึกเหิมและทำให้คนโศกเศร้าเสียใจผุดขึ้นในความคิดทันที ทุกคนอดใช้สายตาตื่นตะลึงมองไปที่หลิงหลานไม่ได้ “หลิงเซียว?”

หลิงหลานผงกศีรษะด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึก บ่งบอกว่าพวกเขาคาดเดาไม่ผิด

“ฮะ…” พอรู้ว่าตัวเองคาดเดาไม่ผิด พวกฉีหลงก็อดร้องอุทานด้วยความตกใจขึ้นมาไม่ได้ สำหรับพวกเขาแล้ว คำตอบนี้โจมตีพวกเขาหนักมากเกินไปจริงๆ

ควรรู้ไว้ว่าหลิงเซียวเป็นหนึ่งในสิบสองผู้ควบคุมขั้นเทวะของสหพันธรัฐ ถึงขนาดที่เป็นปีศาจอัจฉริยะเพียงหนึ่งเดียวในหมู่ประชาชนชาวสหพันธรัฐที่เลื่อนขั้นเป็นผู้ควบคุมขั้นเทวะได้สำเร็จในตอนที่อายุ 24 และในประวัติศาสตร์มนุษยชาติ คนที่เลื่อนขั้นเป็นผู้ควบคุมขั้นเทวะได้อายุน้อยที่สุดคือผู้ควบคุมหุ่นรบอายุ 33 ปีที่มาจากจักรวรรดิซีซาร์ การที่หลิงเซียวเลื่อนขั้นเป็นผู้ควบคุมหุ่นรบขั้นเทวะด้วยอายุก่อนหน้า 8 ปี ก็สามารถเห็นได้ถึงระดับความเก่งกาจของหลิงเซียวแล้ว

ดังนั้นสำหรับประชาชนชาวสหพันธรัฐแล้ว หลิงเซียวคือบุคคลที่เหมือนกับเทพก็ไม่ปาน ถึงแม้ว่าสุดท้ายเขาจะเสียชีวิตก่อนวัยอันควร ถูกจักรวรรดิฮิงูเระวางแผนให้พลีชีพอยู่ในเส้นทางแห่งความตาย แต่มันก็ไม่สามารถหยุดยั้งทหารที่เลือดร้อนรวมไปถึงพวกเด็กๆ ที่ไล่ตามความฝันเห็นเขาเป็นไอดอลไปชั่วชีวิต

นอกจากนี้เดิมทีพวกฉีหลงกับลั่วล่างก็เติบโตอยู่ในระบบทหารรัฐบาล หลิงเซียวเป็นบุคคลที่บรรดาผู้ปกครองพูดถึงด้วยความเสียใจมาโดยตลอด ถึงขนาดที่ย้ำไปมาว่า ถ้าหากหลิงเซียวยังมีชีวิตอยู่ สหพันธรัฐในอนาคตห้าสิบปีข้างหน้าสามารถสยบประเทศอื่นๆ ได้แน่นอนโดยที่ไม่จำเป็นต้องกังวลปัญหาเรื่องการรุกรานเลย ดังนั้นหลังจากที่พวกเขาค่อยๆ เติบโตขึ้นมาโดยที่เรียนรู้ถึงคุณงามความดีของหลิงเซียวก็เลยเห็นหลิงเซียวเป็นไอดอลของตัวเอง หวังว่าสักวันจะสามารถทำทุกสิ่งทุกอย่างที่หลิงเซียวทำได้ ถึงขนาดที่ก้าวหน้าขึ้นไปอีกขั้น ไปทำในสิ่งที่หลิงเซียวยังไม่เคยทำได้สำเร็จ

ตอนนี้พวกฉีหลงพบว่าลูกพี่หลานก็คือลูกชายของหลิงเซียว ปีศาจอัจฉริยะไอดอลของมวลชนคนนั้น หลายคนถูกข่าวนี้ทำให้ตกตะลึงจนสับสนไปทันใด

หลิงหลานพลันไอค่อกแค่กปลุกหลายคนให้ตื่นขึ้นมา หลังจากนั้นค่อยกล่าวว่า “เพราะว่าพ่อฉันพลีชีพไปนานแล้ว บวกกับสถานการณ์ของเขาพิเศษอยู่บ้าง ดังนั้นก็เลยไม่ค่อยเหมาะที่จะพูดถึงเขา”

“มิน่าล่ะ การบังคับหุ่นรบของลูกพี่ถึงร้ายกาจขนาดนี้” หานจี้จวินพรูลมหายใจเบาๆ ทั่วทั้งร่างผ่อนคลายลงมา ความจริงแล้วเขากลัวที่สุดว่าเบื้องหลังของหลิงหลานจะมาจากฝ่ายมหาอำนาจสักแห่งของกองทัพ ถ้าเป็นแบบนี้ การคบหาของพวกเขาจะทำให้ตระกูลของพ่อพวกเขาตกสู่การขัดแย้งของพรรคพวกโดยไม่จำเป็นได้ง่ายมาก นี่ไม่ใช่สิ่งที่เขาอยากเห็นเลย ถ้าเป็นแบบนี้จริงๆ ละก็ มีความเป็นไปได้สูงว่ามิตรภาพของพวกเขาจะเกิดการเปลี่ยนแปลง ถึงขนาดที่ไม่ได้บริสุทธิ์อีกเลย

“ลูกพี่ งั้นนายสอนพวกเราบังคับหุ่นรบได้หรือเปล่า?” ดวงตาของฉีหลงที่คลั่งไคล้หุ่นรบเปล่งประกายวาววับ กล่าวได้ว่าเขาฝันถึงช่วงเวลานี้มานานแล้ว

ข้อเสนอของฉีหลงทำให้คนอื่นๆ ที่นั่งอยู่ใจเต้นขึ้นมา พวกเขาทำหน้าคาดหวัง ใช้ดวงตาวิบวับจ้องมองหลิงหลานรอคอยการตกลงของเธอ

“ไม่ได้” หลิงหลานปฏิเสธอย่างเด็ดขาด

เธอลอบดูดซับยากระตุ้นยีนมากมายขนาดนั้น หลังจากนั้นก็ฝึกฝนร่างกายและจิตใจในมิติและโลกความเป็นจริงซ้ำแล้วซ้ำเล่า แล้วยังมีเสี่ยวซื่อพยายามควบคุมหุ่นรบอย่างสุดความสามารถ ตัดทอนแรงสะท้อนกลับของมันให้ต่ำลงที่สุด แต่ร่างกายของเธอยังคงได้รับบาดเจ็บสาหัสภายใต้สถานการณ์แบบนี้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเหล่าเด็กๆ ที่ไม่เคยผ่านการฝึกฝนพิเศษอย่างพวกฉีหลงเลย ฉีหลงยังถือว่าดีนิดหน่อย แต่ร่างกายคนอื่นๆ ไม่มีทางประคับประคองการเคลื่อนไหวท่าที่สองถึงท่าทีสามของหุ่นรบได้เลย

เมื่อเห็นหลายคนมีแววตาไม่ยอมรับอยู่บ้าง หลิงหลานเลยพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งครัดว่า “เพราะว่าตระกูลหลิงเรามีวิชาลับ ดังนั้นถึงสามารถเรียนรู้เรื่องหุ่นรบได้ล่วงหน้าหลายปี แต่ว่าต่อให้เป็นแบบนี้ ฉันยังไม่สามารถแบกรับแรงสะท้อนกลับของหุ่นรบจนได้รับบาดเจ็บสาหัส แล้วพวกนายจะเอาอะไรเรียนรู้ล่ะ? การที่สหพันธรัฐกำหนดไม่ให้บังคับหุ่นรบก่อนอายุ 13 ย่อมมีเหตุผลแน่นอน อย่าเอาชีวิตของตัวเองไปล้อเล่นนะ”

หลิงหลานกลัวว่าเด็กพวกนี้จะไม่ฟังคำพูดโน้มน้าวแล้วแอบไปลองบังคับดู นี่ไม่ใช่เรื่องล้อเล่นนะ ถ้าเกิดโชคไม่ดี มีความเป็นไปได้สูงว่าถึงขนาดสูญเสียชีวิตได้

หลายคนถูกคำตำหนิของหลิงหลานทำให้หลั่งเหงื่อเย็นๆ แตกพลั่กออกมาทันที เนื่องจากพวกเขาเห็นหลิงหลานกำจัดหุ่นรบไพ่ราชาของศัตรูสามตัวได้อย่างคล่องแคล่ว เลยคิดว่าพวกเขาเองก็สามารถเรียนรู้ได้อย่างแน่นอน โดยที่ลืมคำย้ำเตือนของพวกอาจารย์และพ่อแม่ของพวกเขาไปเลย ควรทราบว่าแรงสะท้อนของการบังคับหุ่นรบร้ายแรงมาก ต่อให้เป็นผู้ใหญ่ก็ไม่ใช่ว่าทุกคนจะเหมาะสมกับการควบคุมหุ่นรบเหมือนกัน

“ต่อให้ตระกูลหลิงเรามีวิชาลับ พ่อฉันไม่เคยคาดหวังให้ฉันบังคับหุ่นรบจริงๆ ก่อนอายุ 13 นะ…ถ้าไม่ใช่เพราะสถานการณ์ตอนนั้นคับขัน ฉันเองก็ไม่ทำแบบนี้หรอก” หลิงหลานบอกพวกฉีหลงว่า สาเหตุที่เธอขึ้นไปบังคับก็เป็นเพราะสถานการณ์บังคับ

ฉีหลงและคนอื่นๆ รู้สึกละอายใจไม่หยุดหย่อน พวกเขารู้ดีว่านี่เป็นเพราะช่วยเหลือพวกเขา ไม่อย่างนั้นหลิงหลานไม่มีทางออกจากฐานที่มั่นเพื่อมาหาพวกเขาหรอก และก็ไม่มีทางบังคับหุ่นรบจนสุดท้ายก็ทำให้มีบาดแผลเต็มตัว

พวกเขาไม่ได้รู้สึกทุรนทุรายอย่างในตอนแรกอีก และทยอยกันพยักหน้าบ่งบอกว่าเข้าใจ ทว่าในใจพวกเขาได้ปลูกเมล็ดพันธุ์ที่ต้องการจะกลายเป็นผู้ควบคุมหุ่นรบไพ่ราชาแล้ว รอคอยว่าจะมีสักวันที่แตกหน่อเติบโตแข็งแรงอย่างเป็นทางการ

……………

หลักสูตรการล่าสัตว์ไม่ได้ยาวนานอย่างที่พวกฉีหลงจินตนาการไว้ หลังจากที่พวกเขาอยู่บนดาวสัตว์อสูรได้ครึ่งปี ในที่สุดทางสถาบันก็ได้ส่งยานอวกาศมารับพวกเขาแล้ว

เดิมทีควรจะมารับพวกเขาไปหลังจากสงครามสิ้นสุดลง อย่างไรก็ตาม เนื่องจากดาวสัตว์อสูรของสหพันธรัฐถูกจักรวรรดิฮิงูเระรุกราน จึงจำเป็นต้องประกาศตัวตนของดาวจนสร้างการสั่นสะเทือนขนาดใหญ่ในสหพันธรัฐ ประชาชนไม่พอใจที่สหพันธรัฐปกปิดเรื่องดาวในสังกัดอย่างยิ่งยวด จนเกิดการเดินขบวนขนาดใหญ่ขึ้นมาในดาวต่างๆ

นี่ทำให้รัฐบาลสหพันธรัฐและกองทัพสหพันธรัฐถูกโจมตีอย่างหนัก จนต้องให้ความสนใจกับการแก้ไขปัญหาความไม่สงบภายในประเทศก่อน ด้วยเหตุนี้เองพวกเขาเลยกดดันสถาบันศูนย์กลางลูกเสือที่ยื่นคำขอรับนักเรียนของพวกเขาคืน พวกเขากลัวว่าถ้าหากถูกประชาชนรู้ว่าพวกเขาส่งเมล็ดพันธุ์ที่ยอดเยี่ยมที่สุดของสหพันธรัฐไปฝึกฝนในดาวสัตว์อสูรที่อันตราย เกรงว่าการเดินขบวนประท้วงจะรุนแรงกว่านี้

แต่ก็โชคดีเหมือนกันที่ออกมาเป็นแบบนี้ ไม่อย่างนั้นมีความเป็นไปได้สูงว่าหลิงหลานจะเกิดปัญหาอย่างใหญ่หลวงเนื่องจากการได้รับบาดเจ็บในครั้งนี้ ถ้าหากสถาบันลูกเสือส่งยานรบของพวกเขามาแล้วรู้ว่าบุตรแห่งสวรรค์ของพวกเขาได้รับบาดเจ็บสาหัสในสงครามครั้งนี้ละก็ พวกเขาจะต้องส่งทีมแพทย์เฉพาะทางมารักษาหลิงหลานแน่นอน เวลานั้นมีความเป็นไปได้สูงว่าความลับเรื่องเพศสภาพที่หลิงหลานอยากปิดบังเอาไว้ถูกเปิดเผย (ข้อมูลที่สถาบันศูนย์กลางลูกเสือได้รับคือ นักเรียน 50 คน เสียชีวิต 0 หายสาบสูญ 0 บาดเจ็บ 21 สภาพดี 29 นอกจากนี้ไม่มีใครเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิต)

นี่ก็เป็นหนึ่งในเหตุผลที่สถาบันศูนย์กลางลูกเสือยอมรอ ถ้าหากมีการสูญเสียจริงๆ ละก็ คาดว่าผู้อำนวยการของสถาบันศูนย์กลางลูกเสือจะรีบมาที่กองทัพและดึงดันเกณฑ์ยานอวกาศสักลำให้ไปรับคนแล้ว

พวกหลิงหลานจึงกลับไปที่สถาบันได้อย่างปลอดภัยเช่นนี้เอง หลังจากที่หลิงหลานบอกลาทุกคนแล้วก็รีบไปที่บ้านพักที่ตัวเองอาศัยอยู่

จากนั้นก็เห็นร่างงดงามหนึ่งกำลังชะเง้อหน้ามองออกไปด้วยความร้อนใจอยู่หน้าประตูสวนของบ้านพัก…

หลิงหลานรู้สึกว่ากระบอกตาชื้นเล็กน้อย เธอสัมผัสได้ถึงความรู้สึกทุกข์ตรมที่มีคนในครอบครัวกังวลใจเกี่ยวกับเธออีกครั้ง…และเธอแทบจะลืมความรู้สึกแบบนี้นานแล้ว

“แม่ครับ!” พอหลิงหลานอยู่ตรงจุดที่หลานลั่วเฟิ่งมองเห็นเธอก็ตะโกนคำเรียกขานนี้ออกไปดังๆ ก่อนจะเห็นหลานลั่วเฟิ่งพุ่งเข้ามาด้วยระดับความเร็วเหนือคนทั่วไปราวกับสายลมที่พัดเข้ามาหอบหนึ่งก็ไม่ปานแล้วก็กอดเธอไว้แน่นๆ

“หลิงหลาน ลูกกลับมาแล้วจริงๆ ดีเหลือเกิน! แม่คิดถึงลูกจะตายอยู่แล้ว” หลานลั่วเฟิ่งที่มีใบหน้ายิ้มแย้มให้หลิงหลานมาตลอด เวลานี้เสียงของเธอฟังดูตื่นเต้นแฝงไปด้วยการสะอื้นไห้ นี่บ่งบอกว่าเธอรู้สึกกังวลใจตลอดครึ่งปีที่ผ่านมา

หลิงหลานตระหนักได้ว่า ความจริงแล้วตลอดเวลาที่ผ่านมาหลานลั่วเฟิ่งไม่เคยลืมเงาของพ่อที่เสียชีวิตในสนามรบเลย บางทีเธอกลัวว่าหลิงหลานอาจจะจากเธอไปเหมือนกับหลิงเซียว ถ้าหากหลิงเซียวพาจิตวิญญาณครึ่งหนึ่งของหลานลั่วเฟิ่งไปละก็ เช่นนั้นไม่ต้องสงสัยเลยว่าวิญญาณอีกครึ่งหนึ่งกำลังผูกมัดตัวหลิงหลานไว้ ถ้าเกิดหลิงหลานโชคร้ายจากไปจริงๆ ขึ้นมา เกรงว่าหลานลั่วเฟิ่งคงจะตามเธอไปโดยไม่ลังเลเลยสักนิดเดียว เพราะว่าหลังจากที่สูญเสียเธอไป หลานลั่วเฟิ่งก็ไม่มีวิญญาณที่จะอยู่ต่อไปได้แล้ว

หลิงหลานถูกความรักผู้เป็นมารดาอันลึกซึ้งของหลานลั่วเฟิ่งทำให้รู้สึกตื่นตันใจอย่างหาใดเปรียบ เธอกอดหลานลั่วเฟิ่งแรงๆ น้ำตาไหลลงมาเงียบๆ “คุณแม่ ขอโทษนะครับที่ทำให้แม่เป็นห่วง”

ถึงแม้ว่าในชาติก่อนพ่อแม่ของเธอจะรักเธอ แต่เพราะอาการป่วยของเธอ พวกเขาก็เลยยอมแพ้เรื่องเธอไปรางๆ แล้ว พวกเขาจึงมอบความรักส่วนใหญ่ของพวกเขาให้น้องชาย ความรักที่เหลืออยู่ก็ค่อยๆ หมดไปท่ามกลางการดูแลและการรักษาอย่างไม่จบไม่สิ้น หลิงหลานไม่โทษพวกเขา นี่เป็นสัญชาตญาณของมนุษย์ที่ไม่อยากเจ็บปวดโศกเศร้าใจ ดังนั้นถึงได้ค่อยๆ  ลดความรักของพวกเขาลง

ดังนั้นความจริงแล้วการตายของหลิงหลานในชาติก่อนก็เป็นการปลดปล่อยพ่อแม่และน้องชายของเธออย่างหนึ่ง แน่นอนว่ามีความเสียใจ แต่ที่มากกว่านั้นคือความรู้สึกปลดเปลื้องภาระในที่สุด

หลิงหลานในชาตินี้เลยหวงแหนความรู้สึกของตัวเองมาตลอด เพราะเธอก็กลัวตัวเองจะเจ็บปวดเหมือนกัน สำหรับหลานลั่วเฟิ่งแล้ว เธอเคารพรักมาก แต่ว่าความสนิทสนมยังไม่มากพอ เนื่องจากเธอยึดครองร่างกายของลูกหลานลั่วเฟิ่งไว้ เธอจำเป็นต้องแบกรับความรับผิดชอบ ความประทับใจที่มีต่อหลิงเซียวก็เป็นเพียงคำอธิบายจากปากของหลานลั่วเฟิ่ง การที่เธอไม่บอกพวกฉีหลงเรื่องที่หลิงเซียวคือพ่อของเธอ หลักๆ แล้วเป็นเพราะว่าหลิงหลานไม่เคยคิดว่าเธอเป็นลูกของหลิงเซียวจริงๆ

แต่ว่าเมื่อหลิงหลานสัมผัสร่างกายที่สั่นเทาของหลานลั่วเฟิ่งจริงๆ ความหวาดกลัวและความกังวลที่ซ่อนอยู่ในส่วนลึก รวมไปถึงความรักอย่างรุนแรงจนไม่อาจบรรยายเป็นคำพูดที่มาจากมารดาได้เพียงคนเดียวนั้น ความอบอุ่นมากมายนี้โอบรัดไปทั่วทั้งร่างเธอฉับพลัน หลิงหลานไม่อาจสะกดกลั้นความรู้สึกอัดแน่นของเธอได้อีกต่อไป ก่อนจะเอ่ยขอโทษหลานลั่วเฟิ่งด้วยความจริงใจ!

คำว่าขอโทษนี้มีเพียงหลิงหลานเท่านั้นที่รู้ว่าหมายความว่าอะไร มันไม่ได้สื่อถึงแค่เรื่องที่เธอบาดเจ็บในคราวนี้เพียงอย่างเดียว หากแต่เป็นการที่หัวใจของเธอปฏิเสธที่จะมอบความรักออกไปตลอดสิบปีที่ผ่านมา เธอขอโทษต่อความรักที่ไม่เห็นแก่ตัวของหลานลั่วเฟิ่งในสิบปีมานี้

บางทีการตอบรับอย่างอบอุ่นของหลิงหลานอาจจะทำให้หลานลั่วเฟิ่งรู้สึกประหลาดใจ เธอเลยรีบเก็บอารมณ์ของตัวเองอย่างรวดเร็วก่อนจะดึงตัวหลิงหลานออก แล้วมองสำรวจเธอด้วยความระมัดระวังรอบหนึ่งก่อนจะเอ่ยถามอย่างห่วงใยว่า “หลิงหลาน ลูกไม่เป็นไรนะ?”

หลิงหลานตบหน้าอกตัวเองพลางกล่าวว่า “สบายดีหมดเลย กินสเต็กยี่สิบชิ้นก็ไม่มีปัญหา” หลิงหลานที่ยอมรับหลานลั่วเฟิ่งหมดทั้งตัวและหัวใจกลับคืนสู่ท่าทีดังเดิมอีกครั้ง เธอยิ้มพลางพูดเล่นกับหลานลั่วเฟิ่ง

……………………………..

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

I’M THE BOSS ลูกพี่หุ่นเทวะ 155 คุณพ่อคือหลิงเซียว!

Now you are reading I’M THE BOSS ลูกพี่หุ่นเทวะ Chapter 155 คุณพ่อคือหลิงเซียว! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

หลายคนมองหน้ากัน สุดท้ายก็ให้หานจี้จวินออกหน้าเอ่ยถามว่า “ลูกพี่หลาน นายเป็นใครกันแน่?”

หลิงหลานนวดหว่างคิ้วด้วยความจนปัญญาอีกครั้ง สุดท้ายเธอก็ยังหลีกเลี่ยงไม่ตอบคำถามข้อนี้ไม่ได้ อย่างไรก็ตาม ในเมื่อเธอตัดสินใจเปิดเผยจริงใจมาแล้วก็ต้องแนะนำตัวเองดีๆ เหมือนกัน ดังนั้นเธอจึงตอบอย่างจริงจังว่า “ชื่อนามสกุลของฉันเป็นของจริงแน่นอน ฉันชื่อว่าหลิงหลานจริงๆ สถานะครอบครัวก็ไม่โกหกเหมือนกัน เพียงแต่ฉันไม่เคยบอกพวกนายว่าพ่อของฉันที่เสียชีวิตไปก่อนวัยอันควรคือใครเท่านั้น”

“พ่อของลูกพี่หลาน? นามสกุลหลิง? แล้วยังพลีชีพไปเมื่อสิบปีก่อน?” ฉีหลงพึมพำกับตัวเอง

 พวกคนที่นั่งอยู่ต่างก็เป็นเด็กเฉลียวฉลาด ชื่อหนึ่งที่ทำให้คนตื่นเต้นฮึกเหิมและทำให้คนโศกเศร้าเสียใจผุดขึ้นในความคิดทันที ทุกคนอดใช้สายตาตื่นตะลึงมองไปที่หลิงหลานไม่ได้ “หลิงเซียว?”

หลิงหลานผงกศีรษะด้วยใบหน้าไร้ความรู้สึก บ่งบอกว่าพวกเขาคาดเดาไม่ผิด

“ฮะ…” พอรู้ว่าตัวเองคาดเดาไม่ผิด พวกฉีหลงก็อดร้องอุทานด้วยความตกใจขึ้นมาไม่ได้ สำหรับพวกเขาแล้ว คำตอบนี้โจมตีพวกเขาหนักมากเกินไปจริงๆ

ควรรู้ไว้ว่าหลิงเซียวเป็นหนึ่งในสิบสองผู้ควบคุมขั้นเทวะของสหพันธรัฐ ถึงขนาดที่เป็นปีศาจอัจฉริยะเพียงหนึ่งเดียวในหมู่ประชาชนชาวสหพันธรัฐที่เลื่อนขั้นเป็นผู้ควบคุมขั้นเทวะได้สำเร็จในตอนที่อายุ 24 และในประวัติศาสตร์มนุษยชาติ คนที่เลื่อนขั้นเป็นผู้ควบคุมขั้นเทวะได้อายุน้อยที่สุดคือผู้ควบคุมหุ่นรบอายุ 33 ปีที่มาจากจักรวรรดิซีซาร์ การที่หลิงเซียวเลื่อนขั้นเป็นผู้ควบคุมหุ่นรบขั้นเทวะด้วยอายุก่อนหน้า 8 ปี ก็สามารถเห็นได้ถึงระดับความเก่งกาจของหลิงเซียวแล้ว

ดังนั้นสำหรับประชาชนชาวสหพันธรัฐแล้ว หลิงเซียวคือบุคคลที่เหมือนกับเทพก็ไม่ปาน ถึงแม้ว่าสุดท้ายเขาจะเสียชีวิตก่อนวัยอันควร ถูกจักรวรรดิฮิงูเระวางแผนให้พลีชีพอยู่ในเส้นทางแห่งความตาย แต่มันก็ไม่สามารถหยุดยั้งทหารที่เลือดร้อนรวมไปถึงพวกเด็กๆ ที่ไล่ตามความฝันเห็นเขาเป็นไอดอลไปชั่วชีวิต

นอกจากนี้เดิมทีพวกฉีหลงกับลั่วล่างก็เติบโตอยู่ในระบบทหารรัฐบาล หลิงเซียวเป็นบุคคลที่บรรดาผู้ปกครองพูดถึงด้วยความเสียใจมาโดยตลอด ถึงขนาดที่ย้ำไปมาว่า ถ้าหากหลิงเซียวยังมีชีวิตอยู่ สหพันธรัฐในอนาคตห้าสิบปีข้างหน้าสามารถสยบประเทศอื่นๆ ได้แน่นอนโดยที่ไม่จำเป็นต้องกังวลปัญหาเรื่องการรุกรานเลย ดังนั้นหลังจากที่พวกเขาค่อยๆ เติบโตขึ้นมาโดยที่เรียนรู้ถึงคุณงามความดีของหลิงเซียวก็เลยเห็นหลิงเซียวเป็นไอดอลของตัวเอง หวังว่าสักวันจะสามารถทำทุกสิ่งทุกอย่างที่หลิงเซียวทำได้ ถึงขนาดที่ก้าวหน้าขึ้นไปอีกขั้น ไปทำในสิ่งที่หลิงเซียวยังไม่เคยทำได้สำเร็จ

ตอนนี้พวกฉีหลงพบว่าลูกพี่หลานก็คือลูกชายของหลิงเซียว ปีศาจอัจฉริยะไอดอลของมวลชนคนนั้น หลายคนถูกข่าวนี้ทำให้ตกตะลึงจนสับสนไปทันใด

หลิงหลานพลันไอค่อกแค่กปลุกหลายคนให้ตื่นขึ้นมา หลังจากนั้นค่อยกล่าวว่า “เพราะว่าพ่อฉันพลีชีพไปนานแล้ว บวกกับสถานการณ์ของเขาพิเศษอยู่บ้าง ดังนั้นก็เลยไม่ค่อยเหมาะที่จะพูดถึงเขา”

“มิน่าล่ะ การบังคับหุ่นรบของลูกพี่ถึงร้ายกาจขนาดนี้” หานจี้จวินพรูลมหายใจเบาๆ ทั่วทั้งร่างผ่อนคลายลงมา ความจริงแล้วเขากลัวที่สุดว่าเบื้องหลังของหลิงหลานจะมาจากฝ่ายมหาอำนาจสักแห่งของกองทัพ ถ้าเป็นแบบนี้ การคบหาของพวกเขาจะทำให้ตระกูลของพ่อพวกเขาตกสู่การขัดแย้งของพรรคพวกโดยไม่จำเป็นได้ง่ายมาก นี่ไม่ใช่สิ่งที่เขาอยากเห็นเลย ถ้าเป็นแบบนี้จริงๆ ละก็ มีความเป็นไปได้สูงว่ามิตรภาพของพวกเขาจะเกิดการเปลี่ยนแปลง ถึงขนาดที่ไม่ได้บริสุทธิ์อีกเลย

“ลูกพี่ งั้นนายสอนพวกเราบังคับหุ่นรบได้หรือเปล่า?” ดวงตาของฉีหลงที่คลั่งไคล้หุ่นรบเปล่งประกายวาววับ กล่าวได้ว่าเขาฝันถึงช่วงเวลานี้มานานแล้ว

ข้อเสนอของฉีหลงทำให้คนอื่นๆ ที่นั่งอยู่ใจเต้นขึ้นมา พวกเขาทำหน้าคาดหวัง ใช้ดวงตาวิบวับจ้องมองหลิงหลานรอคอยการตกลงของเธอ

“ไม่ได้” หลิงหลานปฏิเสธอย่างเด็ดขาด

เธอลอบดูดซับยากระตุ้นยีนมากมายขนาดนั้น หลังจากนั้นก็ฝึกฝนร่างกายและจิตใจในมิติและโลกความเป็นจริงซ้ำแล้วซ้ำเล่า แล้วยังมีเสี่ยวซื่อพยายามควบคุมหุ่นรบอย่างสุดความสามารถ ตัดทอนแรงสะท้อนกลับของมันให้ต่ำลงที่สุด แต่ร่างกายของเธอยังคงได้รับบาดเจ็บสาหัสภายใต้สถานการณ์แบบนี้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเหล่าเด็กๆ ที่ไม่เคยผ่านการฝึกฝนพิเศษอย่างพวกฉีหลงเลย ฉีหลงยังถือว่าดีนิดหน่อย แต่ร่างกายคนอื่นๆ ไม่มีทางประคับประคองการเคลื่อนไหวท่าที่สองถึงท่าทีสามของหุ่นรบได้เลย

เมื่อเห็นหลายคนมีแววตาไม่ยอมรับอยู่บ้าง หลิงหลานเลยพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งครัดว่า “เพราะว่าตระกูลหลิงเรามีวิชาลับ ดังนั้นถึงสามารถเรียนรู้เรื่องหุ่นรบได้ล่วงหน้าหลายปี แต่ว่าต่อให้เป็นแบบนี้ ฉันยังไม่สามารถแบกรับแรงสะท้อนกลับของหุ่นรบจนได้รับบาดเจ็บสาหัส แล้วพวกนายจะเอาอะไรเรียนรู้ล่ะ? การที่สหพันธรัฐกำหนดไม่ให้บังคับหุ่นรบก่อนอายุ 13 ย่อมมีเหตุผลแน่นอน อย่าเอาชีวิตของตัวเองไปล้อเล่นนะ”

หลิงหลานกลัวว่าเด็กพวกนี้จะไม่ฟังคำพูดโน้มน้าวแล้วแอบไปลองบังคับดู นี่ไม่ใช่เรื่องล้อเล่นนะ ถ้าเกิดโชคไม่ดี มีความเป็นไปได้สูงว่าถึงขนาดสูญเสียชีวิตได้

หลายคนถูกคำตำหนิของหลิงหลานทำให้หลั่งเหงื่อเย็นๆ แตกพลั่กออกมาทันที เนื่องจากพวกเขาเห็นหลิงหลานกำจัดหุ่นรบไพ่ราชาของศัตรูสามตัวได้อย่างคล่องแคล่ว เลยคิดว่าพวกเขาเองก็สามารถเรียนรู้ได้อย่างแน่นอน โดยที่ลืมคำย้ำเตือนของพวกอาจารย์และพ่อแม่ของพวกเขาไปเลย ควรทราบว่าแรงสะท้อนของการบังคับหุ่นรบร้ายแรงมาก ต่อให้เป็นผู้ใหญ่ก็ไม่ใช่ว่าทุกคนจะเหมาะสมกับการควบคุมหุ่นรบเหมือนกัน

“ต่อให้ตระกูลหลิงเรามีวิชาลับ พ่อฉันไม่เคยคาดหวังให้ฉันบังคับหุ่นรบจริงๆ ก่อนอายุ 13 นะ…ถ้าไม่ใช่เพราะสถานการณ์ตอนนั้นคับขัน ฉันเองก็ไม่ทำแบบนี้หรอก” หลิงหลานบอกพวกฉีหลงว่า สาเหตุที่เธอขึ้นไปบังคับก็เป็นเพราะสถานการณ์บังคับ

ฉีหลงและคนอื่นๆ รู้สึกละอายใจไม่หยุดหย่อน พวกเขารู้ดีว่านี่เป็นเพราะช่วยเหลือพวกเขา ไม่อย่างนั้นหลิงหลานไม่มีทางออกจากฐานที่มั่นเพื่อมาหาพวกเขาหรอก และก็ไม่มีทางบังคับหุ่นรบจนสุดท้ายก็ทำให้มีบาดแผลเต็มตัว

พวกเขาไม่ได้รู้สึกทุรนทุรายอย่างในตอนแรกอีก และทยอยกันพยักหน้าบ่งบอกว่าเข้าใจ ทว่าในใจพวกเขาได้ปลูกเมล็ดพันธุ์ที่ต้องการจะกลายเป็นผู้ควบคุมหุ่นรบไพ่ราชาแล้ว รอคอยว่าจะมีสักวันที่แตกหน่อเติบโตแข็งแรงอย่างเป็นทางการ

……………

หลักสูตรการล่าสัตว์ไม่ได้ยาวนานอย่างที่พวกฉีหลงจินตนาการไว้ หลังจากที่พวกเขาอยู่บนดาวสัตว์อสูรได้ครึ่งปี ในที่สุดทางสถาบันก็ได้ส่งยานอวกาศมารับพวกเขาแล้ว

เดิมทีควรจะมารับพวกเขาไปหลังจากสงครามสิ้นสุดลง อย่างไรก็ตาม เนื่องจากดาวสัตว์อสูรของสหพันธรัฐถูกจักรวรรดิฮิงูเระรุกราน จึงจำเป็นต้องประกาศตัวตนของดาวจนสร้างการสั่นสะเทือนขนาดใหญ่ในสหพันธรัฐ ประชาชนไม่พอใจที่สหพันธรัฐปกปิดเรื่องดาวในสังกัดอย่างยิ่งยวด จนเกิดการเดินขบวนขนาดใหญ่ขึ้นมาในดาวต่างๆ

นี่ทำให้รัฐบาลสหพันธรัฐและกองทัพสหพันธรัฐถูกโจมตีอย่างหนัก จนต้องให้ความสนใจกับการแก้ไขปัญหาความไม่สงบภายในประเทศก่อน ด้วยเหตุนี้เองพวกเขาเลยกดดันสถาบันศูนย์กลางลูกเสือที่ยื่นคำขอรับนักเรียนของพวกเขาคืน พวกเขากลัวว่าถ้าหากถูกประชาชนรู้ว่าพวกเขาส่งเมล็ดพันธุ์ที่ยอดเยี่ยมที่สุดของสหพันธรัฐไปฝึกฝนในดาวสัตว์อสูรที่อันตราย เกรงว่าการเดินขบวนประท้วงจะรุนแรงกว่านี้

แต่ก็โชคดีเหมือนกันที่ออกมาเป็นแบบนี้ ไม่อย่างนั้นมีความเป็นไปได้สูงว่าหลิงหลานจะเกิดปัญหาอย่างใหญ่หลวงเนื่องจากการได้รับบาดเจ็บในครั้งนี้ ถ้าหากสถาบันลูกเสือส่งยานรบของพวกเขามาแล้วรู้ว่าบุตรแห่งสวรรค์ของพวกเขาได้รับบาดเจ็บสาหัสในสงครามครั้งนี้ละก็ พวกเขาจะต้องส่งทีมแพทย์เฉพาะทางมารักษาหลิงหลานแน่นอน เวลานั้นมีความเป็นไปได้สูงว่าความลับเรื่องเพศสภาพที่หลิงหลานอยากปิดบังเอาไว้ถูกเปิดเผย (ข้อมูลที่สถาบันศูนย์กลางลูกเสือได้รับคือ นักเรียน 50 คน เสียชีวิต 0 หายสาบสูญ 0 บาดเจ็บ 21 สภาพดี 29 นอกจากนี้ไม่มีใครเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิต)

นี่ก็เป็นหนึ่งในเหตุผลที่สถาบันศูนย์กลางลูกเสือยอมรอ ถ้าหากมีการสูญเสียจริงๆ ละก็ คาดว่าผู้อำนวยการของสถาบันศูนย์กลางลูกเสือจะรีบมาที่กองทัพและดึงดันเกณฑ์ยานอวกาศสักลำให้ไปรับคนแล้ว

พวกหลิงหลานจึงกลับไปที่สถาบันได้อย่างปลอดภัยเช่นนี้เอง หลังจากที่หลิงหลานบอกลาทุกคนแล้วก็รีบไปที่บ้านพักที่ตัวเองอาศัยอยู่

จากนั้นก็เห็นร่างงดงามหนึ่งกำลังชะเง้อหน้ามองออกไปด้วยความร้อนใจอยู่หน้าประตูสวนของบ้านพัก…

หลิงหลานรู้สึกว่ากระบอกตาชื้นเล็กน้อย เธอสัมผัสได้ถึงความรู้สึกทุกข์ตรมที่มีคนในครอบครัวกังวลใจเกี่ยวกับเธออีกครั้ง…และเธอแทบจะลืมความรู้สึกแบบนี้นานแล้ว

“แม่ครับ!” พอหลิงหลานอยู่ตรงจุดที่หลานลั่วเฟิ่งมองเห็นเธอก็ตะโกนคำเรียกขานนี้ออกไปดังๆ ก่อนจะเห็นหลานลั่วเฟิ่งพุ่งเข้ามาด้วยระดับความเร็วเหนือคนทั่วไปราวกับสายลมที่พัดเข้ามาหอบหนึ่งก็ไม่ปานแล้วก็กอดเธอไว้แน่นๆ

“หลิงหลาน ลูกกลับมาแล้วจริงๆ ดีเหลือเกิน! แม่คิดถึงลูกจะตายอยู่แล้ว” หลานลั่วเฟิ่งที่มีใบหน้ายิ้มแย้มให้หลิงหลานมาตลอด เวลานี้เสียงของเธอฟังดูตื่นเต้นแฝงไปด้วยการสะอื้นไห้ นี่บ่งบอกว่าเธอรู้สึกกังวลใจตลอดครึ่งปีที่ผ่านมา

หลิงหลานตระหนักได้ว่า ความจริงแล้วตลอดเวลาที่ผ่านมาหลานลั่วเฟิ่งไม่เคยลืมเงาของพ่อที่เสียชีวิตในสนามรบเลย บางทีเธอกลัวว่าหลิงหลานอาจจะจากเธอไปเหมือนกับหลิงเซียว ถ้าหากหลิงเซียวพาจิตวิญญาณครึ่งหนึ่งของหลานลั่วเฟิ่งไปละก็ เช่นนั้นไม่ต้องสงสัยเลยว่าวิญญาณอีกครึ่งหนึ่งกำลังผูกมัดตัวหลิงหลานไว้ ถ้าเกิดหลิงหลานโชคร้ายจากไปจริงๆ ขึ้นมา เกรงว่าหลานลั่วเฟิ่งคงจะตามเธอไปโดยไม่ลังเลเลยสักนิดเดียว เพราะว่าหลังจากที่สูญเสียเธอไป หลานลั่วเฟิ่งก็ไม่มีวิญญาณที่จะอยู่ต่อไปได้แล้ว

หลิงหลานถูกความรักผู้เป็นมารดาอันลึกซึ้งของหลานลั่วเฟิ่งทำให้รู้สึกตื่นตันใจอย่างหาใดเปรียบ เธอกอดหลานลั่วเฟิ่งแรงๆ น้ำตาไหลลงมาเงียบๆ “คุณแม่ ขอโทษนะครับที่ทำให้แม่เป็นห่วง”

ถึงแม้ว่าในชาติก่อนพ่อแม่ของเธอจะรักเธอ แต่เพราะอาการป่วยของเธอ พวกเขาก็เลยยอมแพ้เรื่องเธอไปรางๆ แล้ว พวกเขาจึงมอบความรักส่วนใหญ่ของพวกเขาให้น้องชาย ความรักที่เหลืออยู่ก็ค่อยๆ หมดไปท่ามกลางการดูแลและการรักษาอย่างไม่จบไม่สิ้น หลิงหลานไม่โทษพวกเขา นี่เป็นสัญชาตญาณของมนุษย์ที่ไม่อยากเจ็บปวดโศกเศร้าใจ ดังนั้นถึงได้ค่อยๆ  ลดความรักของพวกเขาลง

ดังนั้นความจริงแล้วการตายของหลิงหลานในชาติก่อนก็เป็นการปลดปล่อยพ่อแม่และน้องชายของเธออย่างหนึ่ง แน่นอนว่ามีความเสียใจ แต่ที่มากกว่านั้นคือความรู้สึกปลดเปลื้องภาระในที่สุด

หลิงหลานในชาตินี้เลยหวงแหนความรู้สึกของตัวเองมาตลอด เพราะเธอก็กลัวตัวเองจะเจ็บปวดเหมือนกัน สำหรับหลานลั่วเฟิ่งแล้ว เธอเคารพรักมาก แต่ว่าความสนิทสนมยังไม่มากพอ เนื่องจากเธอยึดครองร่างกายของลูกหลานลั่วเฟิ่งไว้ เธอจำเป็นต้องแบกรับความรับผิดชอบ ความประทับใจที่มีต่อหลิงเซียวก็เป็นเพียงคำอธิบายจากปากของหลานลั่วเฟิ่ง การที่เธอไม่บอกพวกฉีหลงเรื่องที่หลิงเซียวคือพ่อของเธอ หลักๆ แล้วเป็นเพราะว่าหลิงหลานไม่เคยคิดว่าเธอเป็นลูกของหลิงเซียวจริงๆ

แต่ว่าเมื่อหลิงหลานสัมผัสร่างกายที่สั่นเทาของหลานลั่วเฟิ่งจริงๆ ความหวาดกลัวและความกังวลที่ซ่อนอยู่ในส่วนลึก รวมไปถึงความรักอย่างรุนแรงจนไม่อาจบรรยายเป็นคำพูดที่มาจากมารดาได้เพียงคนเดียวนั้น ความอบอุ่นมากมายนี้โอบรัดไปทั่วทั้งร่างเธอฉับพลัน หลิงหลานไม่อาจสะกดกลั้นความรู้สึกอัดแน่นของเธอได้อีกต่อไป ก่อนจะเอ่ยขอโทษหลานลั่วเฟิ่งด้วยความจริงใจ!

คำว่าขอโทษนี้มีเพียงหลิงหลานเท่านั้นที่รู้ว่าหมายความว่าอะไร มันไม่ได้สื่อถึงแค่เรื่องที่เธอบาดเจ็บในคราวนี้เพียงอย่างเดียว หากแต่เป็นการที่หัวใจของเธอปฏิเสธที่จะมอบความรักออกไปตลอดสิบปีที่ผ่านมา เธอขอโทษต่อความรักที่ไม่เห็นแก่ตัวของหลานลั่วเฟิ่งในสิบปีมานี้

บางทีการตอบรับอย่างอบอุ่นของหลิงหลานอาจจะทำให้หลานลั่วเฟิ่งรู้สึกประหลาดใจ เธอเลยรีบเก็บอารมณ์ของตัวเองอย่างรวดเร็วก่อนจะดึงตัวหลิงหลานออก แล้วมองสำรวจเธอด้วยความระมัดระวังรอบหนึ่งก่อนจะเอ่ยถามอย่างห่วงใยว่า “หลิงหลาน ลูกไม่เป็นไรนะ?”

หลิงหลานตบหน้าอกตัวเองพลางกล่าวว่า “สบายดีหมดเลย กินสเต็กยี่สิบชิ้นก็ไม่มีปัญหา” หลิงหลานที่ยอมรับหลานลั่วเฟิ่งหมดทั้งตัวและหัวใจกลับคืนสู่ท่าทีดังเดิมอีกครั้ง เธอยิ้มพลางพูดเล่นกับหลานลั่วเฟิ่ง

……………………………..

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+