I’M THE BOSS ลูกพี่หุ่นเทวะ 311 ทอดทิ้ง?

Now you are reading I’M THE BOSS ลูกพี่หุ่นเทวะ Chapter 311 ทอดทิ้ง? at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“ไม่เหมาะแล้วยังไง? การบุกเบิกพื้นที่ไม่ใช่ทำเพื่อค้นหาสิ่งมีชีวิต แต่ว่าทำเพื่อค้นหาแร่และทรัพยากรต่างหากเล่า” หานจี้จวินได้ยินคำถามของฉีหลงก็ตอบเสียงเย็น เขาคิดว่าคำถามของฉีหลงโง่เง่ามากเกินไปจริงๆ

“แจ้งให้ทราบ อีกสิบวินาทีให้หลังยานอวกาศจะเข้าสู่ชั้นบรรยากาศ โปรดจัดการมาตรการป้องกันการกระแทกทุกอย่างให้เรียบร้อย…” ในช่องสื่อสารรวมของหุ่นรบปรากฏเสียงของ JMC ร่วมกันของยานอวกาศ

เมื่อเวลานับถอยหลังสิบวินาทีสิ้นสุดลง บรรดาผู้ควบคุมหุ่นรบภายในยานลำเลียงทั้งหมดก็รู้สึกได้ถึงการสั่นไหวอย่างรุนแรงและดำเนินต่อไปสิบกว่าวินาที หลังจากนั้นยานอวกาศก็อยู่ในสภาพเสถียร เวลานี้ผู้ควบคุมหุ่นรบทุกคนต่างรู้ว่า พวกเขาน่าจะผ่านชั้นบรรยากาศของ X192 เข้าสู่ภายในดาวอย่างแท้จริงแล้ว

อย่างที่คิดเอาไว้เลย เสียงของ JMC ดังขึ้นในช่องรวมอีกครั้ง คราวนี้เป็นการแจ้งว่าอีกหนึ่งนาทีสามสิบวินาทีให้หลัง ยานอวกาศจะร่อนลงสู่พื้นของดาว X192 อย่างเป็นทางการ

ช่วงเวลาหนึ่งนาทีสามสิบวินาทีไม่ได้นับว่าสั้นมาก เพียงพอที่จะให้ผู้ควบคุมหุ่นรบเตรียมการป้องกันการกระแทกทุกอย่างเอาไว้เรียบร้อยแล้ว แต่ว่าต่อให้เป็นเช่นนี้ เมื่อเวลานับถอยหลังถึงศูนย์ ยานอวกาศร่อนลงถึงพื้นของดวงดาวอย่างหนักหน่วง การสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงยังคงทำให้ผู้ควบคุมหุ่นรบจำนวนไม่น้อยรู้สึกว่าเลือดลมปั่นป่วน ถึงขนาดที่มีผู้ควบคุมหุ่นรบไม่น้อยไม่สามารถกลับมาเป็นปกติได้เป็นเวลานาน

พวกหลิงหลานหกคนในทีมของหลิงหลานไม่มีปฏิกิริยาอะไรเลย ต่อให้หานจี้จวินที่มีคุณสมบัติร่างกายอ่อนแอที่สุดก็สามารถต้านทานการกระแทกแบบนี้ได้สบายๆ ภายใต้การอบรมสั่งสอนของหลิงหลาน หลิงหลานที่รู้สภาพทุกอย่างของบรรดาเพื่อนๆ ดีก็เลยเอ่ยถามสภาพของจีอู๋ปู้ซิว ฉิงอี้อู๋เจี้ยรวมถึงเนี่ยนเทียนโหยวเหรินทั้งสามคน

ฉิงอี้อู๋เจี้ยตอบว่าเขาไม่มีปัญหาเลยสักนิดเดียวโดยไม่ลังเล หลิงหลานขบคิดก็เข้าใจ ร่างกายของหลี่ซื่ออวี๋ไม่มีทางอ่อนแอได้เลย…เขาเป็นนักเรียนดีเด่นของภาควิชาวิจัยแพทย์ทหารนะ! เขาที่เฉลียวฉลาดสุดขีดจะปล่อยให้ร่างกายของตัวเองอ่อนแอได้ที่ไหนกัน

จีอู๋ปู้ซิวตอบเป็นคนที่สอง ก็เหมือนอย่างที่หลิงหลานคาดการณ์ไว้ เขารู้สึกไม่สบายเล็กน้อย แต่หลังจากที่กลืนน้ำยาฟื้นฟูเข้มข้นไปหนึ่งหลอด เขาก็รู้สึกดีขึ้นมากแล้ว

คนที่ตอบหลังสุดกลับเป็นเนี่ยนเทียนโหยวเหริน ถึงแม้เขาตอบว่าไม่มีปัญหาทุกอย่าง แต่หลิงหลานมีหูแบบไหน เธอสัมผัสได้ชัดเจนมากว่าอีกฝ่ายหายใจไม่ทันอยู่บ้าง การกระแทกอย่างรุนแรงเมื่อสักครู่นี้ย่อมไม่ได้เป็นเหมือนที่เนี่ยนเทียนโหยวเหรินพูดไว้ว่า ไม่มีเรื่องอะไรสักนิดเลยจริงๆ แน่นอน

นี่ทำให้หลิงหลานขมวดคิ้วเล็กน้อย คุณสมบัติร่างกายของจีอู๋ปู้ซิวด้อยเล็กน้อยเป็นสิ่งที่เธอเตรียมใจเอาไว้แล้ว อย่างไรเสีย จีอู๋ปู้ซิวก็เป็นสมาชิกทีมวิจัยพัฒนาที่อยู่แนวหลัง เดิมทีคุณสมบัติร่างกายก็แตกต่างกับพวกเขาที่เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านควบคุมหุ่นรบ ดังนั้นการที่จีอู๋ปู้ซิวเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นก็เป็นเรื่องปกติมาก แต่เนี่ยนเทียนโหยวเหรินไม่ค่อยถูกต้องนัก เพราะว่าเนี่ยนเทียนโหยวเหรินเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านควบคุมหุ่นรบ นี่เป็นสิ่งที่อีกฝ่ายบอกเธอด้วยตนเอง และเธอเชื่อว่า ชีตาห์ไม่มีทางหลอกลวงเธอ เพราะว่าความสามารถในการควบคุมของเขาเพียงพอที่จะทำให้เขากลายเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการควบคุมหุ่นรบคนหนึ่ง

แต่เธอไม่เคยนึกเลยว่าชีตาห์ที่ควรจะมีคุณสมบัติร่างกายที่ล้ำเลิศในความประทับใจของเธอกลับมีคุณสมบัติร่างกายใกล้เคียงกับจีอู๋ปู้ซิว นี่ก็หมายความว่า พลังกายและความอดทนของอีกฝ่ายไม่สามาถทำการต่อสู้เป็นเวลานานได้…

นี่ทำให้หลิงหลานจำเป็นต้องพิจารณาอย่างเยือกเย็น ชีตาห์เพื่อนเก่าของเธอสามารถกลายเป็นสมาชิกถาวรของทีมได้จริงๆ เหรอ? ถึงแม้หลิงหลานกับชีตาห์จะรู้ใจกันมาก และเธอก็ทะนุถนอมกับความรู้สึกรู้ใจกันอย่างยิ่งยวด แต่นี่ไม่ได้หมายความว่าเธอสามารถปล่อยให้อีกฝ่ายมาถ่วงทั้งทีมได้ เธอจำเป็นต้องใคร่ครวญถึงอนาคตของพวกเพื่อนๆ ที่เติบโตมาด้วยกันกับเธอด้วย

จำเป็นต้องพูดว่า ความสำคัญของชีตาห์ในใจของหลิงหลานยังเทียบพวกเพื่อนๆ ของเธอไม่ได้ เธอสามารถทอดทิ้งชีตาห์ของเธอเพื่อเพื่อนๆ ได้

เสี่ยวซื่อสัมผัสได้ถึงความคิดในใจลูกพี่ตนก็รีบเอ่ยปากอธิบายว่า “ลูกพี่ เพราะว่าพลังจิตของผีซวีแข็งแกร่งมากเกินไป ดังนั้นเลยสร้างความเสียหายต่อร่างกายอย่างมหาศาล ก็เหมือนกับลูกพี่ในชาติก่อน แน่นอนว่า เทคโนโลยีในปัจจุบันแก้ไขปัญหาข้อนี้ได้มากเพราะว่ามียากระตุ้นยีน แต่ก็ไม่สามารถรักษาปัญหาเรื่องคุณสมบัติร่างกายที่อ่อนแอได้ทั้งหมด”

เสี่ยวซื่อมีความรู้สึกดีมากๆ ต่อผีซวีที่มีความสามารถคล้ายคลึงกับเขา อย่างน้อยที่สุดก็ทำให้เขามีความรู้สึกเหมือนพวกเดียวกัน ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจกล่าวคำพูดดีๆ ให้เนี่ยนเทียนโหยวเหรินสักหลายประโยค “อันที่จริง ผีซวีไม่สามารถควบคุมหุ่นรบได้ การที่เนี่ยนเทียนโหยวเหรินสามารถทำเรื่องนี้ได้ก็ยอดเยี่ยมมากแล้วจริงๆ นอกจากนี้มีผีซวีสักคนก็เป็นประโยชน์ต่อทีมมากเหมือนกัน ผีซวีสัมผัสไวต่อความสามารถของผีซวีมาก สามารถปกป้องคนอื่นๆ ในทีมได้ในช่วงเวลาสำคัญ”

“นายก็สามารถปกป้องทุกคนได้ไม่ใช่หรือไง?” ถึงแม้ว่าคำพูดของเสี่ยวซื่อจะทำให้หลิงหลานหวั่นไหวอยู่บ้าง แต่ปัญหาเรื่องคุณสมบัติร่างกายของชีตาห์ยังคงทำให้เธอรู้สึกขัดแย้งมาก

“ฉันทำได้อยู่แล้ว แต่ลูกพี่ต้องมีตอนที่อยู่คนเดียวหรือว่าแบ่งกลุ่มกันปฏิบัติการ เวลานั้นมีผีซวีเพิ่มขึ้นมาหนึ่งคน ไม่ว่าจะจัดการยังไง อัตราความปลอดภัยของสมาชิกในทีมทุกคนก็สูงมากขึ้น” เสี่ยวซื่อตอบอย่างเรียบนิ่ง เขาไม่เชื่อว่าลูกพี่ของตนจะไม่ให้ความสำคัญต่อความปลอดภัยของลูกทีม

เป็นไปตามที่คาดคิดไว้ หลิงหลานได้ยินคำพูดของเสี่ยวซื่อก็ลังเลแล้ว

“ความจริง คุณสมบัติร่างกายที่อ่อนแอของอีกฝ่ายไม่ใช่ว่าจะเปลี่ยนแปลงไม่ได้นะ” เสี่ยวซื่อเตรียมตัวปล่อยท่าไม้ตายออกมา

“โอ้?” หลิงหลานรู้สึกสนใจมากๆ ถ้าหากสามารถแก้ปัญหาเรื่องคุณสมบัติร่างกายของชีตาห์ได้จริงๆ ละก็ เธอไม่คิดจะทอดทิ้งชีตาห์อยู่แล้ว ถึงอย่างไรก็ยากจะมีเพื่อนที่รู้ใจกันแบบนี้สักคน หลิงหลานเห็นพวกฉีหลงเป็นลูกน้องเป็นลูกชายที่ต้องเลี้ยงดู แต่ชีตาห์กลับเป็นคนแรกที่ทำให้เธอมีความรู้สึกว่าเป็นเพื่อน ดังนั้นหลิงหลานเลยทะนุถนอมอย่างยิ่งยวดเช่นกัน

“ลูกพี่เธอลืมร่างกายของตัวเองไปแล้วเหรอว่าฟื้นฟูกลับมาได้ยังไง? ขอเพียงมียากระตุ้นยีนที่ผ่านการดัดแปลงของฉัน อีกฝ่ายก็สามารถดูดซับได้อย่างไม่มีขีดจำกัด บวกกับเคล็ดวิชาบำรุงร่างกายของเธอและทักษะการต่อสู้มือเปล่าของมิติการเรียนรู้ มีของสามอย่างนี้ครบก็สามารถแก้ไขปัญหาข้อนี้ได้ในเวลาสองสามปี” เสี่ยวซื่อเอ่ยเตือนหลิงหลาน เธอแก้ไขปัญหาที่แอบแฝงยังไง อีกฝ่ายก็สามารถแก้ไขได้แบบนั้น

“ฉันต้องพิจารณาดูก่อน” หลิงหลานมองเนี่ยนเทียนโหยวเหรินแวบหนึ่งก่อนจะหยุดหัวข้อสนทนานี้ เนื่องจากหุ่นรบทั้งหมดเริ่มหลุดออกจากบูสเตอร์ซีทแล้ว กำลังเดินเรียงแถวออกไปด้านนอกประตูยานโดยสาร ยังมีอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้หลิงหลานไม่คิดจะตัดสินใจ นั่นก็คือเธออยากดูก่อนว่า ชีตาห์จะได้รับการยอมรับจากบรรดาเพื่อนๆ ของเธอหรือเปล่า ถ้าเกิดพวกเพื่อนๆ ยอมรับด้วยใจจริง เธอก็ยินดีช่วยเหลือชีตาห์ของเธอแก้ไขปัญหาข้อนี้

ทุกอย่างยังต้องดูผลงานของชีตาห์หลังจากนี้! หลิงหลานถอนหายใจน้อยๆ เฮือกหนึ่งในใจ จากนั้นก็พาลูกทีมเดินออกไปจากหน้าประตูยาน

เวลานี้หลี่หลานเฟิงยังไม่รู้ว่า เขาเกือบจะโดนกระต่ายของเขาให้สไตร์คสามครั้งคัดออกแล้ว ทันทีที่เขากรอกน้ำยาฟื้นฟูแล้ว ร่างกายก็ฟื้นฟูกลับมาอย่างรวดเร็ว เขาเดินรุดหน้าตามคนในทีมไปติดๆ ในใจรู้สึกหงุดหงิดอยู่บ้าง ไม่นึกเลยว่าคุณสมบัติร่างกายสมาชิกทีมของกระต่ายจะแข็งแกร่งขนาดนี้ ไม่นึกเลยว่าเขาจะอยู่ต่ำสุดในหมู่ทุกคน…เขาลอบกำหมัดแน่น ตัดสินใจว่าจะฝึกฝนพื้นฐานทุกคืนเพิ่มขึ้นสามเท่า เขาไม่มีทางทำให้กระต่ายของเขาขายหน้าเป็นอันขาด

เมื่อพวกเขาย่างเท้าออกจากห้องลำเลียงของยานอวกาศก็รู้สึกได้ถึงกระแสความร้อนสายหนึ่งอัดเข้ามา ต่อให้อุณหภูมิในห้องคนขับถูกปรับให้ต่ำลงแล้ว แต่ก็สัมผัสได้ว่ามีความแตกต่างจากอุณหภูมิของดาวที่มนุษย์อาศัยอยู่ บนหน้าจอของหุ่นรบทุกคนของทีมหลิงหลานปรากฏทะเลทรายที่กว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตา ผืนทรายขาวเจิดจ้า ไม่มีสีอื่นเลยสักนิดเดียว แค่มองอยู่หลายวินาทีสั้นๆ ก็รู้สึกว่าดวงตาเริ่มเจ็บขึ้นรางๆ

“ปรับอุณหภูมิห้องคนขับลงสิบองศา ปรับหน้าจอให้เป็นโหมดอินฟาเรด” ในขณะที่ทุกคนกำลังตะลึงงันอยู่นั้นก็ได้ยินเสียงเตือนของหลิงหลานดังขึ้นในช่องสื่อสารของทีม

พวกฉีหลงที่คุ้นเคยกับการฟังคำสั่งของหลิงหลานทำการปรับทันที เมื่อปรับอุณหภูมิคงที่ยี่สิบห้าองศาแต่เดิมลงมาที่สิบห้าองศา ถึงค่อยขับไล่ความรู้สึกร้อนแผดเผาที่แทรกซึมเข้าภายในห้องคนขับไปจนหมด ห้องคนขับกลับมามีอุณหภูมิที่เหมาะสมอย่างในตอนแรกอีกครั้ง นอกจากนี้พอเปลี่ยนหน้าจอเป็นโหมดแสงอินฟาเรดแล้ว ดวงตาทั้งสองข้างก็รู้สึกสบายขึ้น ไม่ได้รู้สึกขาวเจิดจ้าจนเกิดความรู้สึกเจ็บปวดอีกต่อไป

หลี่หลานเฟิงเชื่อมั่นในกระต่ายของเขาสุดขีด ดังนั้นเขาจึงไม่มีความรู้สึกอะไรต่อการตัดสินใจที่แม่นยำเช่นนี้ของอีกฝ่าย แต่หลี่ซื่ออวี๋กับจีอู๋ปู้ซิวกลับอดตกตะลึงในใจไม่ได้ หัวหน้าทีมของพวกเขารู้แจ้งเกี่ยวกับความรู้ด้านต่างๆ ของหุ่นรบราวกับมือของตัวเอง ไม่อย่างนั้นคงไม่สามารถทำการตัดสินใจอย่างแม่นยำเช่นนี้ได้ภายในพริบตา จีอู๋ปู้ซิวนับถือหลิงหลานมากยิ่งขึ้น ส่วนหลี่ซื่ออวี๋ก็ค่อยๆ ยอมรับลูกพี่หลานที่ชอบกลับผิดเป็นถูกซึ่งเขาไม่มีความประทับใจดีๆ มาโดยตลอด

เมื่อพวกเขาเดินออกมาจริงๆ ก็ตกใจกับฉากเบื้องหน้า ที่แท้พวกหุ่นรบที่ออกเดินทางก่อนพวกเขา เวลานี้กำลังดิ้นรนอยู่กับทรายของที่นี่ หุ่นรบมากมายจมเข้าไปในทราย ยิ่งไปกว่านั้นมีหุ่นรบจำนวนมากจำเป็นต้องขับเครื่องยนต์ทำให้หุ่นรบบินขึ้นไปบนท้องฟ้าแล่นไปข้างหน้า

“คำเตือน อย่าใช้เครื่องยนต์เป็นเวลานาน อุณหภูมิรวมถึงองค์ประกอบของอากาศของที่นี่สร้างความเสียหายต่อเครื่องยนต์อย่างมหาศาล” เสียงเตือนด้วยความร้อนใจของ JMC ดังขึ้นในช่องสื่อสารรวมอีกครั้ง

เสียงพูดยังไม่สิ้นสุดก็ได้ยินเสียงตูมดังสนั่นขึ้นบนท้องฟ้าที่อยู่ห่างไกล เครื่องยนต์ของหุ่นรบตัวหนึ่งระเบิดขึ้นมาฉับพลัน แรงระเบิดอัดหุ่นรบร่วงลงสู่พื้นทันที หุ่นรบกระแทกเข้าไปในทราย ร่างของหุ่นรบขนาดมหึมาถูกฝังลงไปโดยสิ้นเชิง ถ้าเกิดอีกฝ่ายไม่มีสมาชิกทีมมาช่วยเหลือ ก็ไม่สามารถแก้สภาวะเข้าตาจนนี้ได้เอง สิ่งที่รอคอยเขาคือความตาย

“เชี่ย ดาวอันตรายจริงๆ” เซี่ยอี๋เห็นฉากนี้ก็อุทานขึ้นในช่องสื่อสารของทีมไม่ได้ อย่างไรก็ตามเขาก็แค่อุทานเท่านั้น ไม่ได้หวาดกลัวหัวหดเพราะเหตุนี้

“พวกเราออกเดินทางกันเถอะ” เสียงของหลิงหลานยังไม่ทันสิ้นสุด เธอก็บังคับหุ่นรบให้เตรียมตัวก้าวเข้าไปในทะเลทรายผืนนี้ จากนั้นก็ได้ยินเนี่ยนเทียนโหยวเหรินพลันตะโกนขึ้นมาว่า “รอเดี๋ยวก่อน”

“หืม?” หลิงหลานบังคับหุ่นรบให้ขยับหัวเล็กน้อย ส่งสัญญาณให้เนี่ยนเทียนโหยวเหรินอธิบายว่าทำไมถึงต้องเรียกให้เธอหยุด?

“ฉันคิดว่าส่งสักคนลงไปลองสัมผัสก่อนจะดีกว่า” หลี่หลานเฟิงยิ้มพลางกล่าวว่า “ฉันขออาสาเอง หวังว่าทุกคนจะให้โอกาสเด็กใหม่คนนี้แสดงฝีมือ” คำพูดของหลี่หลานเฟิงทำให้บรรยากาศในทีมที่เดิมทีดูเคร่งเครียดเงียบเชียบอยู่บ้างหายไปทันใด ฉีหลงถึงขนาดหัวเราะฮ่าๆ ขึ้นมา ยังมีเสียงหัวเราะเบาๆ อีกหลายเสียงที่แทบจะฟังไม่ได้ยินด้วย และก็ไม่รู้เหมือนกันว่าใครกำลังแอบหัวเราะอยู่

มุมปากของหลิงหลานยกขึ้นเล็กน้อย เธอยอมรับการแสดงฝีมือของชีตาห์อย่างยิ่งยวด ดังนั้นจึงเอ่ยว่า “ได้ นายไปเถอะ” หลิงหลานหวังว่าชีตาห์จะได้รับการยอมรับจากบรรดาเพื่อนๆ ของเธอ ดังนั้นเธอย่อมแสดงการสนับสนุนคำขอของชีตาห์โดยไม่ลังเลเลยสักนิดเดียว

——————————-

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

I’M THE BOSS ลูกพี่หุ่นเทวะ 311 ทอดทิ้ง?

Now you are reading I’M THE BOSS ลูกพี่หุ่นเทวะ Chapter 311 ทอดทิ้ง? at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

“ไม่เหมาะแล้วยังไง? การบุกเบิกพื้นที่ไม่ใช่ทำเพื่อค้นหาสิ่งมีชีวิต แต่ว่าทำเพื่อค้นหาแร่และทรัพยากรต่างหากเล่า” หานจี้จวินได้ยินคำถามของฉีหลงก็ตอบเสียงเย็น เขาคิดว่าคำถามของฉีหลงโง่เง่ามากเกินไปจริงๆ

“แจ้งให้ทราบ อีกสิบวินาทีให้หลังยานอวกาศจะเข้าสู่ชั้นบรรยากาศ โปรดจัดการมาตรการป้องกันการกระแทกทุกอย่างให้เรียบร้อย…” ในช่องสื่อสารรวมของหุ่นรบปรากฏเสียงของ JMC ร่วมกันของยานอวกาศ

เมื่อเวลานับถอยหลังสิบวินาทีสิ้นสุดลง บรรดาผู้ควบคุมหุ่นรบภายในยานลำเลียงทั้งหมดก็รู้สึกได้ถึงการสั่นไหวอย่างรุนแรงและดำเนินต่อไปสิบกว่าวินาที หลังจากนั้นยานอวกาศก็อยู่ในสภาพเสถียร เวลานี้ผู้ควบคุมหุ่นรบทุกคนต่างรู้ว่า พวกเขาน่าจะผ่านชั้นบรรยากาศของ X192 เข้าสู่ภายในดาวอย่างแท้จริงแล้ว

อย่างที่คิดเอาไว้เลย เสียงของ JMC ดังขึ้นในช่องรวมอีกครั้ง คราวนี้เป็นการแจ้งว่าอีกหนึ่งนาทีสามสิบวินาทีให้หลัง ยานอวกาศจะร่อนลงสู่พื้นของดาว X192 อย่างเป็นทางการ

ช่วงเวลาหนึ่งนาทีสามสิบวินาทีไม่ได้นับว่าสั้นมาก เพียงพอที่จะให้ผู้ควบคุมหุ่นรบเตรียมการป้องกันการกระแทกทุกอย่างเอาไว้เรียบร้อยแล้ว แต่ว่าต่อให้เป็นเช่นนี้ เมื่อเวลานับถอยหลังถึงศูนย์ ยานอวกาศร่อนลงถึงพื้นของดวงดาวอย่างหนักหน่วง การสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงยังคงทำให้ผู้ควบคุมหุ่นรบจำนวนไม่น้อยรู้สึกว่าเลือดลมปั่นป่วน ถึงขนาดที่มีผู้ควบคุมหุ่นรบไม่น้อยไม่สามารถกลับมาเป็นปกติได้เป็นเวลานาน

พวกหลิงหลานหกคนในทีมของหลิงหลานไม่มีปฏิกิริยาอะไรเลย ต่อให้หานจี้จวินที่มีคุณสมบัติร่างกายอ่อนแอที่สุดก็สามารถต้านทานการกระแทกแบบนี้ได้สบายๆ ภายใต้การอบรมสั่งสอนของหลิงหลาน หลิงหลานที่รู้สภาพทุกอย่างของบรรดาเพื่อนๆ ดีก็เลยเอ่ยถามสภาพของจีอู๋ปู้ซิว ฉิงอี้อู๋เจี้ยรวมถึงเนี่ยนเทียนโหยวเหรินทั้งสามคน

ฉิงอี้อู๋เจี้ยตอบว่าเขาไม่มีปัญหาเลยสักนิดเดียวโดยไม่ลังเล หลิงหลานขบคิดก็เข้าใจ ร่างกายของหลี่ซื่ออวี๋ไม่มีทางอ่อนแอได้เลย…เขาเป็นนักเรียนดีเด่นของภาควิชาวิจัยแพทย์ทหารนะ! เขาที่เฉลียวฉลาดสุดขีดจะปล่อยให้ร่างกายของตัวเองอ่อนแอได้ที่ไหนกัน

จีอู๋ปู้ซิวตอบเป็นคนที่สอง ก็เหมือนอย่างที่หลิงหลานคาดการณ์ไว้ เขารู้สึกไม่สบายเล็กน้อย แต่หลังจากที่กลืนน้ำยาฟื้นฟูเข้มข้นไปหนึ่งหลอด เขาก็รู้สึกดีขึ้นมากแล้ว

คนที่ตอบหลังสุดกลับเป็นเนี่ยนเทียนโหยวเหริน ถึงแม้เขาตอบว่าไม่มีปัญหาทุกอย่าง แต่หลิงหลานมีหูแบบไหน เธอสัมผัสได้ชัดเจนมากว่าอีกฝ่ายหายใจไม่ทันอยู่บ้าง การกระแทกอย่างรุนแรงเมื่อสักครู่นี้ย่อมไม่ได้เป็นเหมือนที่เนี่ยนเทียนโหยวเหรินพูดไว้ว่า ไม่มีเรื่องอะไรสักนิดเลยจริงๆ แน่นอน

นี่ทำให้หลิงหลานขมวดคิ้วเล็กน้อย คุณสมบัติร่างกายของจีอู๋ปู้ซิวด้อยเล็กน้อยเป็นสิ่งที่เธอเตรียมใจเอาไว้แล้ว อย่างไรเสีย จีอู๋ปู้ซิวก็เป็นสมาชิกทีมวิจัยพัฒนาที่อยู่แนวหลัง เดิมทีคุณสมบัติร่างกายก็แตกต่างกับพวกเขาที่เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านควบคุมหุ่นรบ ดังนั้นการที่จีอู๋ปู้ซิวเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นก็เป็นเรื่องปกติมาก แต่เนี่ยนเทียนโหยวเหรินไม่ค่อยถูกต้องนัก เพราะว่าเนี่ยนเทียนโหยวเหรินเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านควบคุมหุ่นรบ นี่เป็นสิ่งที่อีกฝ่ายบอกเธอด้วยตนเอง และเธอเชื่อว่า ชีตาห์ไม่มีทางหลอกลวงเธอ เพราะว่าความสามารถในการควบคุมของเขาเพียงพอที่จะทำให้เขากลายเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการควบคุมหุ่นรบคนหนึ่ง

แต่เธอไม่เคยนึกเลยว่าชีตาห์ที่ควรจะมีคุณสมบัติร่างกายที่ล้ำเลิศในความประทับใจของเธอกลับมีคุณสมบัติร่างกายใกล้เคียงกับจีอู๋ปู้ซิว นี่ก็หมายความว่า พลังกายและความอดทนของอีกฝ่ายไม่สามาถทำการต่อสู้เป็นเวลานานได้…

นี่ทำให้หลิงหลานจำเป็นต้องพิจารณาอย่างเยือกเย็น ชีตาห์เพื่อนเก่าของเธอสามารถกลายเป็นสมาชิกถาวรของทีมได้จริงๆ เหรอ? ถึงแม้หลิงหลานกับชีตาห์จะรู้ใจกันมาก และเธอก็ทะนุถนอมกับความรู้สึกรู้ใจกันอย่างยิ่งยวด แต่นี่ไม่ได้หมายความว่าเธอสามารถปล่อยให้อีกฝ่ายมาถ่วงทั้งทีมได้ เธอจำเป็นต้องใคร่ครวญถึงอนาคตของพวกเพื่อนๆ ที่เติบโตมาด้วยกันกับเธอด้วย

จำเป็นต้องพูดว่า ความสำคัญของชีตาห์ในใจของหลิงหลานยังเทียบพวกเพื่อนๆ ของเธอไม่ได้ เธอสามารถทอดทิ้งชีตาห์ของเธอเพื่อเพื่อนๆ ได้

เสี่ยวซื่อสัมผัสได้ถึงความคิดในใจลูกพี่ตนก็รีบเอ่ยปากอธิบายว่า “ลูกพี่ เพราะว่าพลังจิตของผีซวีแข็งแกร่งมากเกินไป ดังนั้นเลยสร้างความเสียหายต่อร่างกายอย่างมหาศาล ก็เหมือนกับลูกพี่ในชาติก่อน แน่นอนว่า เทคโนโลยีในปัจจุบันแก้ไขปัญหาข้อนี้ได้มากเพราะว่ามียากระตุ้นยีน แต่ก็ไม่สามารถรักษาปัญหาเรื่องคุณสมบัติร่างกายที่อ่อนแอได้ทั้งหมด”

เสี่ยวซื่อมีความรู้สึกดีมากๆ ต่อผีซวีที่มีความสามารถคล้ายคลึงกับเขา อย่างน้อยที่สุดก็ทำให้เขามีความรู้สึกเหมือนพวกเดียวกัน ดังนั้นเขาจึงตัดสินใจกล่าวคำพูดดีๆ ให้เนี่ยนเทียนโหยวเหรินสักหลายประโยค “อันที่จริง ผีซวีไม่สามารถควบคุมหุ่นรบได้ การที่เนี่ยนเทียนโหยวเหรินสามารถทำเรื่องนี้ได้ก็ยอดเยี่ยมมากแล้วจริงๆ นอกจากนี้มีผีซวีสักคนก็เป็นประโยชน์ต่อทีมมากเหมือนกัน ผีซวีสัมผัสไวต่อความสามารถของผีซวีมาก สามารถปกป้องคนอื่นๆ ในทีมได้ในช่วงเวลาสำคัญ”

“นายก็สามารถปกป้องทุกคนได้ไม่ใช่หรือไง?” ถึงแม้ว่าคำพูดของเสี่ยวซื่อจะทำให้หลิงหลานหวั่นไหวอยู่บ้าง แต่ปัญหาเรื่องคุณสมบัติร่างกายของชีตาห์ยังคงทำให้เธอรู้สึกขัดแย้งมาก

“ฉันทำได้อยู่แล้ว แต่ลูกพี่ต้องมีตอนที่อยู่คนเดียวหรือว่าแบ่งกลุ่มกันปฏิบัติการ เวลานั้นมีผีซวีเพิ่มขึ้นมาหนึ่งคน ไม่ว่าจะจัดการยังไง อัตราความปลอดภัยของสมาชิกในทีมทุกคนก็สูงมากขึ้น” เสี่ยวซื่อตอบอย่างเรียบนิ่ง เขาไม่เชื่อว่าลูกพี่ของตนจะไม่ให้ความสำคัญต่อความปลอดภัยของลูกทีม

เป็นไปตามที่คาดคิดไว้ หลิงหลานได้ยินคำพูดของเสี่ยวซื่อก็ลังเลแล้ว

“ความจริง คุณสมบัติร่างกายที่อ่อนแอของอีกฝ่ายไม่ใช่ว่าจะเปลี่ยนแปลงไม่ได้นะ” เสี่ยวซื่อเตรียมตัวปล่อยท่าไม้ตายออกมา

“โอ้?” หลิงหลานรู้สึกสนใจมากๆ ถ้าหากสามารถแก้ปัญหาเรื่องคุณสมบัติร่างกายของชีตาห์ได้จริงๆ ละก็ เธอไม่คิดจะทอดทิ้งชีตาห์อยู่แล้ว ถึงอย่างไรก็ยากจะมีเพื่อนที่รู้ใจกันแบบนี้สักคน หลิงหลานเห็นพวกฉีหลงเป็นลูกน้องเป็นลูกชายที่ต้องเลี้ยงดู แต่ชีตาห์กลับเป็นคนแรกที่ทำให้เธอมีความรู้สึกว่าเป็นเพื่อน ดังนั้นหลิงหลานเลยทะนุถนอมอย่างยิ่งยวดเช่นกัน

“ลูกพี่เธอลืมร่างกายของตัวเองไปแล้วเหรอว่าฟื้นฟูกลับมาได้ยังไง? ขอเพียงมียากระตุ้นยีนที่ผ่านการดัดแปลงของฉัน อีกฝ่ายก็สามารถดูดซับได้อย่างไม่มีขีดจำกัด บวกกับเคล็ดวิชาบำรุงร่างกายของเธอและทักษะการต่อสู้มือเปล่าของมิติการเรียนรู้ มีของสามอย่างนี้ครบก็สามารถแก้ไขปัญหาข้อนี้ได้ในเวลาสองสามปี” เสี่ยวซื่อเอ่ยเตือนหลิงหลาน เธอแก้ไขปัญหาที่แอบแฝงยังไง อีกฝ่ายก็สามารถแก้ไขได้แบบนั้น

“ฉันต้องพิจารณาดูก่อน” หลิงหลานมองเนี่ยนเทียนโหยวเหรินแวบหนึ่งก่อนจะหยุดหัวข้อสนทนานี้ เนื่องจากหุ่นรบทั้งหมดเริ่มหลุดออกจากบูสเตอร์ซีทแล้ว กำลังเดินเรียงแถวออกไปด้านนอกประตูยานโดยสาร ยังมีอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้หลิงหลานไม่คิดจะตัดสินใจ นั่นก็คือเธออยากดูก่อนว่า ชีตาห์จะได้รับการยอมรับจากบรรดาเพื่อนๆ ของเธอหรือเปล่า ถ้าเกิดพวกเพื่อนๆ ยอมรับด้วยใจจริง เธอก็ยินดีช่วยเหลือชีตาห์ของเธอแก้ไขปัญหาข้อนี้

ทุกอย่างยังต้องดูผลงานของชีตาห์หลังจากนี้! หลิงหลานถอนหายใจน้อยๆ เฮือกหนึ่งในใจ จากนั้นก็พาลูกทีมเดินออกไปจากหน้าประตูยาน

เวลานี้หลี่หลานเฟิงยังไม่รู้ว่า เขาเกือบจะโดนกระต่ายของเขาให้สไตร์คสามครั้งคัดออกแล้ว ทันทีที่เขากรอกน้ำยาฟื้นฟูแล้ว ร่างกายก็ฟื้นฟูกลับมาอย่างรวดเร็ว เขาเดินรุดหน้าตามคนในทีมไปติดๆ ในใจรู้สึกหงุดหงิดอยู่บ้าง ไม่นึกเลยว่าคุณสมบัติร่างกายสมาชิกทีมของกระต่ายจะแข็งแกร่งขนาดนี้ ไม่นึกเลยว่าเขาจะอยู่ต่ำสุดในหมู่ทุกคน…เขาลอบกำหมัดแน่น ตัดสินใจว่าจะฝึกฝนพื้นฐานทุกคืนเพิ่มขึ้นสามเท่า เขาไม่มีทางทำให้กระต่ายของเขาขายหน้าเป็นอันขาด

เมื่อพวกเขาย่างเท้าออกจากห้องลำเลียงของยานอวกาศก็รู้สึกได้ถึงกระแสความร้อนสายหนึ่งอัดเข้ามา ต่อให้อุณหภูมิในห้องคนขับถูกปรับให้ต่ำลงแล้ว แต่ก็สัมผัสได้ว่ามีความแตกต่างจากอุณหภูมิของดาวที่มนุษย์อาศัยอยู่ บนหน้าจอของหุ่นรบทุกคนของทีมหลิงหลานปรากฏทะเลทรายที่กว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตา ผืนทรายขาวเจิดจ้า ไม่มีสีอื่นเลยสักนิดเดียว แค่มองอยู่หลายวินาทีสั้นๆ ก็รู้สึกว่าดวงตาเริ่มเจ็บขึ้นรางๆ

“ปรับอุณหภูมิห้องคนขับลงสิบองศา ปรับหน้าจอให้เป็นโหมดอินฟาเรด” ในขณะที่ทุกคนกำลังตะลึงงันอยู่นั้นก็ได้ยินเสียงเตือนของหลิงหลานดังขึ้นในช่องสื่อสารของทีม

พวกฉีหลงที่คุ้นเคยกับการฟังคำสั่งของหลิงหลานทำการปรับทันที เมื่อปรับอุณหภูมิคงที่ยี่สิบห้าองศาแต่เดิมลงมาที่สิบห้าองศา ถึงค่อยขับไล่ความรู้สึกร้อนแผดเผาที่แทรกซึมเข้าภายในห้องคนขับไปจนหมด ห้องคนขับกลับมามีอุณหภูมิที่เหมาะสมอย่างในตอนแรกอีกครั้ง นอกจากนี้พอเปลี่ยนหน้าจอเป็นโหมดแสงอินฟาเรดแล้ว ดวงตาทั้งสองข้างก็รู้สึกสบายขึ้น ไม่ได้รู้สึกขาวเจิดจ้าจนเกิดความรู้สึกเจ็บปวดอีกต่อไป

หลี่หลานเฟิงเชื่อมั่นในกระต่ายของเขาสุดขีด ดังนั้นเขาจึงไม่มีความรู้สึกอะไรต่อการตัดสินใจที่แม่นยำเช่นนี้ของอีกฝ่าย แต่หลี่ซื่ออวี๋กับจีอู๋ปู้ซิวกลับอดตกตะลึงในใจไม่ได้ หัวหน้าทีมของพวกเขารู้แจ้งเกี่ยวกับความรู้ด้านต่างๆ ของหุ่นรบราวกับมือของตัวเอง ไม่อย่างนั้นคงไม่สามารถทำการตัดสินใจอย่างแม่นยำเช่นนี้ได้ภายในพริบตา จีอู๋ปู้ซิวนับถือหลิงหลานมากยิ่งขึ้น ส่วนหลี่ซื่ออวี๋ก็ค่อยๆ ยอมรับลูกพี่หลานที่ชอบกลับผิดเป็นถูกซึ่งเขาไม่มีความประทับใจดีๆ มาโดยตลอด

เมื่อพวกเขาเดินออกมาจริงๆ ก็ตกใจกับฉากเบื้องหน้า ที่แท้พวกหุ่นรบที่ออกเดินทางก่อนพวกเขา เวลานี้กำลังดิ้นรนอยู่กับทรายของที่นี่ หุ่นรบมากมายจมเข้าไปในทราย ยิ่งไปกว่านั้นมีหุ่นรบจำนวนมากจำเป็นต้องขับเครื่องยนต์ทำให้หุ่นรบบินขึ้นไปบนท้องฟ้าแล่นไปข้างหน้า

“คำเตือน อย่าใช้เครื่องยนต์เป็นเวลานาน อุณหภูมิรวมถึงองค์ประกอบของอากาศของที่นี่สร้างความเสียหายต่อเครื่องยนต์อย่างมหาศาล” เสียงเตือนด้วยความร้อนใจของ JMC ดังขึ้นในช่องสื่อสารรวมอีกครั้ง

เสียงพูดยังไม่สิ้นสุดก็ได้ยินเสียงตูมดังสนั่นขึ้นบนท้องฟ้าที่อยู่ห่างไกล เครื่องยนต์ของหุ่นรบตัวหนึ่งระเบิดขึ้นมาฉับพลัน แรงระเบิดอัดหุ่นรบร่วงลงสู่พื้นทันที หุ่นรบกระแทกเข้าไปในทราย ร่างของหุ่นรบขนาดมหึมาถูกฝังลงไปโดยสิ้นเชิง ถ้าเกิดอีกฝ่ายไม่มีสมาชิกทีมมาช่วยเหลือ ก็ไม่สามารถแก้สภาวะเข้าตาจนนี้ได้เอง สิ่งที่รอคอยเขาคือความตาย

“เชี่ย ดาวอันตรายจริงๆ” เซี่ยอี๋เห็นฉากนี้ก็อุทานขึ้นในช่องสื่อสารของทีมไม่ได้ อย่างไรก็ตามเขาก็แค่อุทานเท่านั้น ไม่ได้หวาดกลัวหัวหดเพราะเหตุนี้

“พวกเราออกเดินทางกันเถอะ” เสียงของหลิงหลานยังไม่ทันสิ้นสุด เธอก็บังคับหุ่นรบให้เตรียมตัวก้าวเข้าไปในทะเลทรายผืนนี้ จากนั้นก็ได้ยินเนี่ยนเทียนโหยวเหรินพลันตะโกนขึ้นมาว่า “รอเดี๋ยวก่อน”

“หืม?” หลิงหลานบังคับหุ่นรบให้ขยับหัวเล็กน้อย ส่งสัญญาณให้เนี่ยนเทียนโหยวเหรินอธิบายว่าทำไมถึงต้องเรียกให้เธอหยุด?

“ฉันคิดว่าส่งสักคนลงไปลองสัมผัสก่อนจะดีกว่า” หลี่หลานเฟิงยิ้มพลางกล่าวว่า “ฉันขออาสาเอง หวังว่าทุกคนจะให้โอกาสเด็กใหม่คนนี้แสดงฝีมือ” คำพูดของหลี่หลานเฟิงทำให้บรรยากาศในทีมที่เดิมทีดูเคร่งเครียดเงียบเชียบอยู่บ้างหายไปทันใด ฉีหลงถึงขนาดหัวเราะฮ่าๆ ขึ้นมา ยังมีเสียงหัวเราะเบาๆ อีกหลายเสียงที่แทบจะฟังไม่ได้ยินด้วย และก็ไม่รู้เหมือนกันว่าใครกำลังแอบหัวเราะอยู่

มุมปากของหลิงหลานยกขึ้นเล็กน้อย เธอยอมรับการแสดงฝีมือของชีตาห์อย่างยิ่งยวด ดังนั้นจึงเอ่ยว่า “ได้ นายไปเถอะ” หลิงหลานหวังว่าชีตาห์จะได้รับการยอมรับจากบรรดาเพื่อนๆ ของเธอ ดังนั้นเธอย่อมแสดงการสนับสนุนคำขอของชีตาห์โดยไม่ลังเลเลยสักนิดเดียว

——————————-

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+