I’M THE BOSS ลูกพี่หุ่นเทวะ 183 อันตรายแอบแฝงกับภารกิจ!

Now you are reading I’M THE BOSS ลูกพี่หุ่นเทวะ Chapter 183 อันตรายแอบแฝงกับภารกิจ! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

หลิงหลานได้ยินคำพูดก็นิ่งอึ้งไปทันที ไม่นึกเลยว่าฉีหลงจะตกสู่สภาวะลำบากนี้เพราะเธอ เวลานี้ฉีหลงสูญเสียความสมดุลทางใจไปเนื่องจากรีบร้อนอยากแข็งแกร่งขึ้น ถึงแม้ว่านิสัยเชิงรุกและนิสัยก้าวร้าวมากกว่าแต่ก่อนจะเป็นเรื่องดี แต่ทักษะการต่อสู้ไม่ใช่ว่าอยากแข็งแกร่งขึ้นก็สามารถแข็งแกร่งขึ้นได้ มันต้องอาศัยเวลาในการสั่งสม ถ้าไม่ใช่เพราะเธอมีมิติการเรียนรู้สามารถฝึกฝนด้วยเวลาที่มากกว่าความเป็นจริงได้หลายเท่า อาศัยเพียงระยะเวลาในชีวิตจริงไม่สามารถไปถึงระดับสูงสุดของพลังปราณได้….

ควรพูดว่าสภาพจิตใจของฉีหลงเกิดปัญหาแล้ว ถ้าหากแก้ปัญหานี้ไม่ได้ ย่อมสร้างอันตรายแอบแฝงอย่างใหญ่หลวงให้กับฉีหลงในอนาคตแน่นอน

หลิงหลานใคร่ครวญอยู่ในใจรอบหนึ่งถึงค่อยเอ่ยปากว่า “ฉีหลง ฉันดีใจมากที่นายมีความคิดแบบนี้ พวกเราอาจจะได้ไปรบในอนาคต เวลานั้นฉันหวังว่าคนที่ปกป้องหลังของฉันก็คือนายนะ!”

แววตาของฉีหลงโชนแสงขึ้นฉับพลัน ทั่วทั้งร่างรู้สึกฮึกเหิมขึ้นมา คำพูดประโยคนี้ของหลิงหลานบอกเขาชัดเจนว่า หลิงหลานคาดหวังต่อเขาไว้สูงสุดขีด นี่ทำให้ความตั้งใจอยากจะแข็งแกร่งของเขารุนแรงมากขึ้น เขาย่อมไม่อาจผิดต่อความคาดหวังของลูกพี่ที่มีต่อเขาได้แน่นอน

“แต่ว่านะ ฉีหลง การแข็งแกร่งขึ้นไม่ได้ง่ายดายขนาดนั้น มันรีบร้อนไม่ได้ จำเป็นต้องอาศัยเวลาในการสั่งสม…” ทว่าคำพูดต่อมาของหลิงหลานกลับทำให้ฉีหลงหนักใจทันที นี่ถือว่าเป็นการปฏิเสธของลูกพี่ใช่หรือเปล่า? หรือว่าเขาไม่ได้เป็นอัจฉริยะ ดังนั้นก็เลยตามฝีเท้าของลูกพี่ไม่ทัน?

“ฉันหวังว่านายจะก้าวต่อไปอย่างสุขุมมั่นคง สร้างพื้นฐานให้ดี อนาคตถึงจะสามารถก้าวสูงขึ้นไปได้” หลิงหลานค่อยๆ กล่าว

“แต่ว่าแบบนี้ฉันก็จะยิ่งห่างจากนายมากขึ้นเรื่อยๆ สิ” ฉีหลงเอ่ยด้วยความกระวนกระวาย

หลิงหลานเลิกคิ้วน้อยๆ “เป็นไปได้ยังไง? นายมีแต่จะเข้าใกล้ฉันมากขึ้นเรื่อยๆ เท่านั้นนะ”

“เอ๋?” ฉีหลงอึ้งไปกับคำพูดประโยคนี้ของหลิงหลาน เขาไม่อาจเข้าใจความหมายของคำพูดหลิงหลานได้ชั่วขณะหนึ่ง

หลิงหลานชี้ไปร่างกายตัวเองอย่างเย็นชาพลางกล่าวว่า “ร่ากายของฉันมีสภาพเป็นยังไง?”

ฉีหลงก้มหน้าเอ่ยเสียงต่ำว่า “ต้องพักรักษาตัวดีๆ สามถึงสี่ปี!” นี่เป็นคำกล่าวอ้างสู่สาธารณะของตระกูลหลิง

“ฉีหลง นี่ก็คือค่าตอบแทน!” หลิงหลานพูดเยาะหยันตัวเอง “ถึงแม้ว่าสาเหตุที่ร่างกายของฉันพังมาจากการลอบสังหารของศัตรูในครั้งนี้ แต่การที่ร่างกายของฉันพังเสียหายร้ายแรงขนาดนี้ ส่วนใหญ่แล้วเป็นเพราะผลสืบเนื่องที่หลงเหลือหลังจากการที่ฉันรีบร้อนทะลวงขีดจำกัด”

ในใจหลิงหลานกล่าวขอขมาทวยเทพทุกองค์ที่ผ่านทางมา เธอได้แต่พูดโกหกเพื่อที่จะรักษาอนาคตของลูกน้องเธอไว้ อันที่จริงคำพูดของหลิงหลานก็ไม่ได้โกหกทั้งหมด ถ้าไม่ใช่เพราะหลิงหลานโชคดีมีมิติการเรียนรู้ที่เป็นอุปกรณ์โกงขั้นเทพละก็ ต่อให้คนผู้นั้นมีพรสวรรค์อีกสักเท่าไหร่ หากคิดจะครอบครองความแข็งแกร่งของเธอในตอนนี้ ก็ยังต้องจ่ายด้วยค่าตอบแทนที่ร่างกายได้รับบาดเจ็บไปตลอดกาลถึงจะฝืนไปถึงได้จริงๆ

“นี่มันเป็นไปได้ยังไง?” คำพูดของหลิงหลานทำให้เพื่อนทุกคนตื่นตะลึง พวกเขาไม่นึกเลยว่าลูกพี่หลานที่ดูเหมือนแข็งแกร่งเยือกเย็นจะทำเรื่องที่โง่เขลาขั้นนี้

หลิงหลานกวาดตามองบรรดาเพื่อนตรงหน้าเธอรอบหนึ่งและเอ่ยอย่างนิ่งเรียบว่า “เพราะว่าฉันไม่อยากแพ้พ่อของฉัน….” หลิงหลานเงยหน้าเล็กน้อยราวกับสะกดกลั้นอารมณ์ของตัวเอง จากนั้นเธอก็ก้มหน้าลงอย่างรวดเร็ว เมื่อเธอเผชิญหน้ากับพวกเขาอารมณ์ก็กลับเป็นปกติแล้ว “แต่พรสวรรค์ของฉันสู้พ่อของฉันไม่ได้ ต่อให้ฉันพยายามฝึกฝนอีกแค่ไหน ฉันก็ยังไปไม่ถึงระดับของพ่อฉัน ระยะห่างค่อยๆ มากขึ้น ฉันเลยร้อนใจจริงๆ ดังนั้นฉันเลยตัดสินใจทะลวงขีดจำกัดในตอนที่ยังไม่เหมาะสมให้ทะลวง”

นอกจากพวกฉีหลงที่รู้ว่าพ่อของหลิงหลานคือใครดังนั้นก็เลยไม่ได้แสดงสีหน้าประหลาดใจแล้ว คนอื่นๆ ที่ไม่รู้ว่าพ่อของหลิงหลานคือใครต่างมองไปที่หลิงหลานด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความตื่นตะลึง ในสายตาของพวกเขา หลิงหลานเป็นอัจฉริยะร้ายกาจจนถึงขั้นทำให้พวกเขาแหงนหน้ามอง แต่หลิงหลานกลับบอกว่าเขาเทียบพ่อของเขาไม่ได้โดยสิ้นเชิง ถ้าอย่างนั้นพ่อของหลิงหลานร้ายกาจมากเท่าไหร่กันแน่

หลิงหลานเห็นคนอื่นๆ มีท่าทีตกอกตกใจก็พลันตระหนักได้ว่า พวกเขาน่าจะยังไม่รู้ว่าพ่อของเธอก็คือหลิงเซียว ดูท่าพวกฉีหลงจะไม่ได้บอกข่าวนี้ให้ญาติพี่น้องของพวกเขาก่อนที่เธอจะเอ่ยปากอนุญาต ในใจเธอรู้สึกตื้นตันอย่างยิ่งยวดทันที ความคิดหนึ่งแล่นขึ้นในหัวเธอ และกล่าวว่า “รู้สึกคิดไม่ออกอยู่บ้างใช่ไหม? ว่าจะมีคนร้ายกาจขนาดนี้ได้ยังไง?”

หานซู่หย่า ลั่วเฉาและคนอื่นๆ ได้ยินคำพูดนี้ก็พยักหน้าสุดชีวิต พวกเขาคิดไม่ออกจริงๆ ว่าใครจะร้ายกาจน่ากลัวได้ขนาดนี้ ทำให้ลูกพี่หลานที่ทำได้ทุกอย่างยอมรับความพ่ายแพ้จากใจจริง

“พ่อฉันคือหลิงเซียว!” มุมปากของหลิงหลานยกขึ้นเล็กน้อย ในใจยากจะปกปิดความภาคภูมิใจว่าพ่อของเธอก็เป็นอัจฉริยะที่ร้ายกาจปานนี้แหละ

“อ้า!” หานซู่หย่าร้องเสียงแหลมขึ้นมาเป็นคนแรก เธอที่ชอบหุ่นรบย่อมรู้ว่าชื่อหลิงเซียวนี้หมายความว่าอะไร

“ผู้ควบคุมขั้นเทวะ!” คนอื่นๆ ต่างตกตะลึงขณะเดียวกันก็อดกลืนน้ำลายอึกหนึ่งไม่ได้ หลิงเซียวคือตัวตนดั่งเทพเจ้าในใจพวกเขา พวกเขาไม่กล้าแม้กระทั่งเชื่อมความสัมพันธ์กับคนสนิทข้างกายเขาเลย

หลังจากที่ตื่นเต้นไปพักหนึ่ง พวกเพื่อนๆ ก็ใจเย็นลงอย่างรวดเร็ว แววตาที่มองไปยังหลิงหลานแฝงไปด้วยความอิจฉาและเห็นใจ อิจฉาที่พ่อของหลิงหลานคือหลิงเซียวผู้ควบคุมขั้นเทวะ และก็เห็นใจที่หลิงหลานอยากแข่งขันกับอัจฉริยะอันดับหนึ่งที่มนุษยชาติต่างให้การยอมรับ ไม่พ่ายแพ้อย่างน่าอนาถก็แปลกแล้ว

หลิงหลานโดนสายตาเหล่านี้จ้องมองจนรู้สึกกระอักกระอ่วนอยู่บ้าง คำพูดของเธอไม่ได้มีเจตนาอยากจะเทียบเคียงกับพ่อเลยแม้แต่น้อย เพียงแต่ข้ออ้างนี้ค่อนข้างจะโน้มน้าวผู้คนได้ เธอกระแอมไอก่อนจะหันหน้ามองไปที่ฉีหลงและกล่าวว่า “ฉีหลง ถึงแม้ว่าฉันจะฝืนทะลวงขีดจำกัดได้สำเร็จ แต่มันก็ทำร้ายรากฐาน จำเป็นต้องพักผ่อนร่างกายเป็นเวลานานหลังจากที่ได้รับบาดเจ็บในครั้งนี้ นายอยากเป็นเหมือนฉันหรือไง นอนอยู่บนเตียงสี่ห้าปี หรือแม้กระทั่งมากกว่า?”

ฉีหลงส่ายหน้าทันที เขาไม่อยากเป็นแบบนี้ เขาแค่อยากสามารถยืนอยู่ข้างกายลูกพี่ในเวลาที่ลูกพี่ต้องการเขา ไม่ใช่มองดูอย่างโง่งม หรือว่าถูกลูกพี่ปกป้อง ดังนั้นเขาจึงไม่มีทางเปลี่ยนความคิดที่อยากจะแข็งแกร่งขึ้น อย่างมากสุดเขาก็แค่ระมัดระวังหน่อย ไม่ต้องรีบร้อนในตอนที่ทะลวงขีดจำกัดฝึกฝนทักษะการต่อสู้มือเปล่า

แววตาของฉีหลงเปิดเผยเจตนารมณ์ของเขาออกมา หลิงหลานลอบทอดถอนใจ ทำไมเจ้าเด็กนี่หัวดื้อขนาดนี้นะ? นี่เป็นครั้งแรกที่หลิงหลานรู้สึกปวดหัวอยู่บ้าง การเป็นลูกพี่คนอื่นๆ แม่งยากจริงๆ เธอควรจะลบความคิดแบบนี้ของฉีหลงออกไปยังไงดี?

“ฉีหลง ความจริงแล้วนายต้อนตัวเองจนมุมแล้วนะ” หลิงหลานพลันนึกถึงภารกิจหลังจากปีเจ็ด แววตาเธอส่องแสงขึ้นทันที เธอคิดว่ามีวิธีแก้ไขปัญหาแล้ว ในเมื่อไม่สามารถสะกดกลั้นความปรารถนาอยากจะรีบร้อนแข็งแกร่งขึ้นของฉีหลงได้ เช่นนั้นก็ให้ฉีหลงหาวิธีแข็งแกร่งขึ้นอย่างปลอดภัยละกัน “หนทางในการแข็งแกร่งขึ้นไม่ได้มีแต่การต่อสู้ด้วยมือเปล่า”

ฉีหลงจ้องมองหลิงหลานด้วยความงุนงง ไม่รู้ว่าหลิงหลานอยากจะพูดอะไร

“คนที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกนี้ไม่ใช่นักสู้ แต่ว่าเป็นนักรบหุ่นรบ” หลิงหลานเอ่ยเตือน “ยกตัวอย่างเช่นหลิงเซียว พ่อของฉัน ถึงแม้ว่าทักษะการต่อสู้มือเปล่าของเขาจะอยู่แค่ระดับเขตแดนเท่านั้น แต่เขากลับเป็นผู้ควบคุมขั้นเทวะ เป็นอาวุธสุดยอดของสหพันธรัฐ นี่เป็นตัวตนที่แม้กระทั่งยอดฝีมือระดับเขตเทวะก็ไม่สามารถตีเสมอได้”

“จากนี้ไปพวกนายต้องไปทำภารกิจฝ่าด่านโลกเสมือนจริงให้สำเร็จ นี่เป็นเป้าหมายดั้งเดิมของฉัน ถึงแม้ว่าตอนนี้ฉันจะไปไม่ได้แล้ว แต่ไม่ได้หมายความว่าฉันทิ้งเป้าหมายนี้ไปแล้ว ดังนั้นฉีหลง ในฐานะที่นายเป็นหัวหน้าทีม ในฐานะที่เป็นลูกน้องของฉัน นายต้องไปทำมันให้สำเร็จแทนฉัน”

สำหรับความสามารถของทีมฉีหลงในตอนนี้ ภารกิจนี้อยู่ในความยากระดับ S โดยสิ้นเชิง ฉีหลงได้ยินคำสั่งของหลิงหลาน จิตใจก็พลันสั่นสะท้าน เขาตบอกฉับพลันและกล่าวว่า “วางใจเถอะ ลูกพี่ ฉันจะทำภารกิจนี้ให้สำเร็จ”

“นี่เป็นแค่ขั้นแรกเท่านั้น หลังจากที่เข้าไปในโลกเสมือนที่แท้จริงแล้ว ก็ไปเรียนรู้การควบคุมหุ่นรบซะ อีกสามปีให้หลัง พอฉันกลับไปที่สถาบันเข้าร่วมการสอบ ฉันหวังว่าพวกนายทุกคนจะเลื่อนขั้นเป็นนักรบหุ่นรบชั้นกลางขึ้นไปได้ โดยเฉพาะนาย ฉีหลง ต้องไปถึงผู้ควบคุมหุ่นรบระดับสูงให้ได้นะ”

“เพราะอะไร?” ฉีหลงเอ่ยถามด้วยความไม่เข้าใจ

“นายอยากแข็งแกร่งขึ้นไม่ใช่หรือไง?” หลิงหลานพูดเรียบๆ “นักรบหุ่นรบชั้นสูงสามารถต้านทานยอดฝีมือระดับเขตแดนขั้นต้นได้หนึ่งคน นายก็จะมีคุณสมบัติยืนอยู่ข้างกายฉัน ต่อสู้ร่วมกับฉัน”

แววตาของฉีหลงเปล่งประกาย ในที่สุดเขาก็หาทางลัดที่จะแข็งแกร่งขึ้นได้แล้ว สามปี เขาก็จะมีคุณสมบัติยืนอยู่ข้างกายลูกพี่ สำหรับเขาแล้วนี่ดูมีความมั่นใจมากกว่าการต่อสู้มือเปล่าอีก

ฉีหลงพยักหน้าหนักๆ กล่าวว่า “ได้ ลูกพี่ ฉันจะต้องทำเป้าหมายนี้ให้สำเร็จแน่นอน อีกสามปีให้หลัง ฉันจะต้องกลายเป็นผู้ควบคุมหุ่นรบระดับสูง”

“ดี ถ้าเกิดพวกนายไปถึงไม่ได้ อีกสามปีก็รอบทลงโทษของฉันละกัน” เสียงพูดของหลิงหลานเห็นได้ชัดว่ามีความเย็นชาและชั่วร้ายอยู่นิดหน่อย ทำให้คนอื่นๆ นอกจากฉีหลงต่างอดกระแอมไอออกมาทีหนึ่งไม่ได้ สีหน้าของพวกเขาเปลี่ยนเป็นหดหู่สิ้นหวังสุดขีด

ควรรู้เอาไว้ว่า การจะเปลี่ยนจากมือใหม่ฝึกหัดกลายเป็นนักรบหุ่นรบชั้นกลางในระยะเวลาสามปีย่อมเป็นเรื่องที่ทำได้ยากสุดขีด ต่อให้พวกเขาไม่เคยสัมผัสการเรียนรู้ควบคุมหุ่นรบจริงๆ มาก่อน ก็รู้ว่าการเลื่อนระดับหุ่นรบในโลกเสมือนจริงต้องใช้คะแนนสะสมมหาศาล นี่จำเป็นต้องอาศัยการเอาชนะการประลองหุ่นรบถึงจะได้คะแนน เรื่องที่น่ากลัวยิ่งไปกว่านั้นคือ เมื่อพ่ายแพ้แล้ว ก็จะถูกหักเท่ากับคะแนนที่ได้รับชัยชนะมา กฎเกณฑ์แบบนี้ทำให้ผู้คนมากมายไม่สามารถหลุดพ้นจากชื่อมือใหม่ได้ในสองสามปี เนื่องจากคะแนนสะสมของพวกเขายังคงติดลบ

ถ้าหากพวกเขาต้องเลื่อนขั้นเป็นนักรบหุ่นรบชั้นกลางในได้ในสามปี พวกเขาจำเป็นต้องรักษาอัตราการชนะเอาไว้สูงๆ อย่างมากสุดก็คือไม่แพ้เลย ซึ่งนี่ไม่อาจทำได้เลย….

หานซู่หย่าที่มีสีหน้าหดหู่อดเอ่ยปากขอร้องไม่ได้ “ผู้หญิงอย่างพวกเราสามารถลดเงื่อนไขลงได้หรือเปล่า?”

หลิงหลานกวาดตามองอีกฝ่ายแวบหนึ่ง “ถ้าคิดว่าตัวเองทำไม่ได้ งั้นก็อย่าไปเรียนเรื่องหุ่นรบเลย”

คำพูดที่ไร้ความปรานีของหลิงหลานทำให้สีหน้าของหานซู่หย่าอึดอัดใจ อดโต้แย้งขึ้นมาไม่ได้ว่า “ฉันจำได้ว่าคนที่ร้ายกาจที่สุดในโลกเสมือนจริงก็ใช่เวลาสามปีสามเดือนถึงจะเลื่อนขั้นจากมือใหม่กลายเป็นนักรบหุ่นรบชั้นกลางได้ พวกเราจะทำสำเร็จได้ยังไง?”

“นั่นเป็นแค่สถิติที่ประกาศสู่สาธารณะ ตามที่ฉันรู้มา มีอยู่คนหนึ่งที่ใช้เวลาแค่ครึ่งปีก็เลื่อนขั้นจากมือใหม่ฝึกหัดเป็นผู้ควบคุมหุ่นรบระดับกลางได้ ใช้เวลาปีเดียวกลายเป็นนักรบหุ่นรบชั้นสูง” หลิงหลานอธิบายความจริงอย่างเฉยชา

“เป็นไปได้ยังไง เขาเป็นใคร!” ความรู้สึกแรกของหานซู่หย่าก็คือไม่เชื่อ

“หลิงเซียว พ่อของฉัน!” หลิงหลานตอบเรียบๆ

“คุณลุงหลิงเป็นผู้ควบคุมหุ่นรบขั้นเทวะนะ และก็เป็นอัจฉริยะอันดับหนึ่งที่ทั้งโลกให้การยอมรับด้วย พวกเราจะสู้เขาได้ยังไง?” หานซู่หย่าเอ่ยอย่างท้อแท้ใจ คำเรียกคุณลุงหลิงของเธอทำให้ใบหน้าหลิงหลานอดบิดเบี้ยวไม่ได้ ควรรู้ไว้ว่าหลิงเซียวในมิติมรดกเป็นหนุ่มรูปงามราวกับบุปผา ไม่เหมาะกับคำว่าคุณลุงแน่นอน

หลิงหลานพยายามรักษาความนิ่งเรียบบนใบหน้าเอาไว้อย่างสุดความสามารถ และกล่าวต่อว่า “ดังนั้น ฉันถึงให้เงื่อนไขพวกนายสามปีไง มีเวลามากกว่าที่หลิงเซียวเลื่อนขั้นสามเท่าเต็มๆ ควรรู้ไว้นะว่า หลิงเซียวได้เป็นผู้ควบคุมหุ่นรบไพ่ราชาในเวลาสามปีแบบเดียวกัน พวกนายก็รู้ว่า การที่นักรบหุ่นรบเลื่อนขั้นเป็นผู้ควบคุมหุ่นรบไพ่ราชาคือช่องว่างโดยธรรมชาติ มีคนมากมายถึงขนาดที่ติดอยู่ในด่านนี้ไม่สามารถทะลวงผ่านไปได้ชั่วชีวิต…เทียบกับเรื่องนี้แล้ว คำขอของฉันต่ำมากพอแล้ว”

………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

I’M THE BOSS ลูกพี่หุ่นเทวะ 183 อันตรายแอบแฝงกับภารกิจ!

Now you are reading I’M THE BOSS ลูกพี่หุ่นเทวะ Chapter 183 อันตรายแอบแฝงกับภารกิจ! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

หลิงหลานได้ยินคำพูดก็นิ่งอึ้งไปทันที ไม่นึกเลยว่าฉีหลงจะตกสู่สภาวะลำบากนี้เพราะเธอ เวลานี้ฉีหลงสูญเสียความสมดุลทางใจไปเนื่องจากรีบร้อนอยากแข็งแกร่งขึ้น ถึงแม้ว่านิสัยเชิงรุกและนิสัยก้าวร้าวมากกว่าแต่ก่อนจะเป็นเรื่องดี แต่ทักษะการต่อสู้ไม่ใช่ว่าอยากแข็งแกร่งขึ้นก็สามารถแข็งแกร่งขึ้นได้ มันต้องอาศัยเวลาในการสั่งสม ถ้าไม่ใช่เพราะเธอมีมิติการเรียนรู้สามารถฝึกฝนด้วยเวลาที่มากกว่าความเป็นจริงได้หลายเท่า อาศัยเพียงระยะเวลาในชีวิตจริงไม่สามารถไปถึงระดับสูงสุดของพลังปราณได้….

ควรพูดว่าสภาพจิตใจของฉีหลงเกิดปัญหาแล้ว ถ้าหากแก้ปัญหานี้ไม่ได้ ย่อมสร้างอันตรายแอบแฝงอย่างใหญ่หลวงให้กับฉีหลงในอนาคตแน่นอน

หลิงหลานใคร่ครวญอยู่ในใจรอบหนึ่งถึงค่อยเอ่ยปากว่า “ฉีหลง ฉันดีใจมากที่นายมีความคิดแบบนี้ พวกเราอาจจะได้ไปรบในอนาคต เวลานั้นฉันหวังว่าคนที่ปกป้องหลังของฉันก็คือนายนะ!”

แววตาของฉีหลงโชนแสงขึ้นฉับพลัน ทั่วทั้งร่างรู้สึกฮึกเหิมขึ้นมา คำพูดประโยคนี้ของหลิงหลานบอกเขาชัดเจนว่า หลิงหลานคาดหวังต่อเขาไว้สูงสุดขีด นี่ทำให้ความตั้งใจอยากจะแข็งแกร่งของเขารุนแรงมากขึ้น เขาย่อมไม่อาจผิดต่อความคาดหวังของลูกพี่ที่มีต่อเขาได้แน่นอน

“แต่ว่านะ ฉีหลง การแข็งแกร่งขึ้นไม่ได้ง่ายดายขนาดนั้น มันรีบร้อนไม่ได้ จำเป็นต้องอาศัยเวลาในการสั่งสม…” ทว่าคำพูดต่อมาของหลิงหลานกลับทำให้ฉีหลงหนักใจทันที นี่ถือว่าเป็นการปฏิเสธของลูกพี่ใช่หรือเปล่า? หรือว่าเขาไม่ได้เป็นอัจฉริยะ ดังนั้นก็เลยตามฝีเท้าของลูกพี่ไม่ทัน?

“ฉันหวังว่านายจะก้าวต่อไปอย่างสุขุมมั่นคง สร้างพื้นฐานให้ดี อนาคตถึงจะสามารถก้าวสูงขึ้นไปได้” หลิงหลานค่อยๆ กล่าว

“แต่ว่าแบบนี้ฉันก็จะยิ่งห่างจากนายมากขึ้นเรื่อยๆ สิ” ฉีหลงเอ่ยด้วยความกระวนกระวาย

หลิงหลานเลิกคิ้วน้อยๆ “เป็นไปได้ยังไง? นายมีแต่จะเข้าใกล้ฉันมากขึ้นเรื่อยๆ เท่านั้นนะ”

“เอ๋?” ฉีหลงอึ้งไปกับคำพูดประโยคนี้ของหลิงหลาน เขาไม่อาจเข้าใจความหมายของคำพูดหลิงหลานได้ชั่วขณะหนึ่ง

หลิงหลานชี้ไปร่างกายตัวเองอย่างเย็นชาพลางกล่าวว่า “ร่ากายของฉันมีสภาพเป็นยังไง?”

ฉีหลงก้มหน้าเอ่ยเสียงต่ำว่า “ต้องพักรักษาตัวดีๆ สามถึงสี่ปี!” นี่เป็นคำกล่าวอ้างสู่สาธารณะของตระกูลหลิง

“ฉีหลง นี่ก็คือค่าตอบแทน!” หลิงหลานพูดเยาะหยันตัวเอง “ถึงแม้ว่าสาเหตุที่ร่างกายของฉันพังมาจากการลอบสังหารของศัตรูในครั้งนี้ แต่การที่ร่างกายของฉันพังเสียหายร้ายแรงขนาดนี้ ส่วนใหญ่แล้วเป็นเพราะผลสืบเนื่องที่หลงเหลือหลังจากการที่ฉันรีบร้อนทะลวงขีดจำกัด”

ในใจหลิงหลานกล่าวขอขมาทวยเทพทุกองค์ที่ผ่านทางมา เธอได้แต่พูดโกหกเพื่อที่จะรักษาอนาคตของลูกน้องเธอไว้ อันที่จริงคำพูดของหลิงหลานก็ไม่ได้โกหกทั้งหมด ถ้าไม่ใช่เพราะหลิงหลานโชคดีมีมิติการเรียนรู้ที่เป็นอุปกรณ์โกงขั้นเทพละก็ ต่อให้คนผู้นั้นมีพรสวรรค์อีกสักเท่าไหร่ หากคิดจะครอบครองความแข็งแกร่งของเธอในตอนนี้ ก็ยังต้องจ่ายด้วยค่าตอบแทนที่ร่างกายได้รับบาดเจ็บไปตลอดกาลถึงจะฝืนไปถึงได้จริงๆ

“นี่มันเป็นไปได้ยังไง?” คำพูดของหลิงหลานทำให้เพื่อนทุกคนตื่นตะลึง พวกเขาไม่นึกเลยว่าลูกพี่หลานที่ดูเหมือนแข็งแกร่งเยือกเย็นจะทำเรื่องที่โง่เขลาขั้นนี้

หลิงหลานกวาดตามองบรรดาเพื่อนตรงหน้าเธอรอบหนึ่งและเอ่ยอย่างนิ่งเรียบว่า “เพราะว่าฉันไม่อยากแพ้พ่อของฉัน….” หลิงหลานเงยหน้าเล็กน้อยราวกับสะกดกลั้นอารมณ์ของตัวเอง จากนั้นเธอก็ก้มหน้าลงอย่างรวดเร็ว เมื่อเธอเผชิญหน้ากับพวกเขาอารมณ์ก็กลับเป็นปกติแล้ว “แต่พรสวรรค์ของฉันสู้พ่อของฉันไม่ได้ ต่อให้ฉันพยายามฝึกฝนอีกแค่ไหน ฉันก็ยังไปไม่ถึงระดับของพ่อฉัน ระยะห่างค่อยๆ มากขึ้น ฉันเลยร้อนใจจริงๆ ดังนั้นฉันเลยตัดสินใจทะลวงขีดจำกัดในตอนที่ยังไม่เหมาะสมให้ทะลวง”

นอกจากพวกฉีหลงที่รู้ว่าพ่อของหลิงหลานคือใครดังนั้นก็เลยไม่ได้แสดงสีหน้าประหลาดใจแล้ว คนอื่นๆ ที่ไม่รู้ว่าพ่อของหลิงหลานคือใครต่างมองไปที่หลิงหลานด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความตื่นตะลึง ในสายตาของพวกเขา หลิงหลานเป็นอัจฉริยะร้ายกาจจนถึงขั้นทำให้พวกเขาแหงนหน้ามอง แต่หลิงหลานกลับบอกว่าเขาเทียบพ่อของเขาไม่ได้โดยสิ้นเชิง ถ้าอย่างนั้นพ่อของหลิงหลานร้ายกาจมากเท่าไหร่กันแน่

หลิงหลานเห็นคนอื่นๆ มีท่าทีตกอกตกใจก็พลันตระหนักได้ว่า พวกเขาน่าจะยังไม่รู้ว่าพ่อของเธอก็คือหลิงเซียว ดูท่าพวกฉีหลงจะไม่ได้บอกข่าวนี้ให้ญาติพี่น้องของพวกเขาก่อนที่เธอจะเอ่ยปากอนุญาต ในใจเธอรู้สึกตื้นตันอย่างยิ่งยวดทันที ความคิดหนึ่งแล่นขึ้นในหัวเธอ และกล่าวว่า “รู้สึกคิดไม่ออกอยู่บ้างใช่ไหม? ว่าจะมีคนร้ายกาจขนาดนี้ได้ยังไง?”

หานซู่หย่า ลั่วเฉาและคนอื่นๆ ได้ยินคำพูดนี้ก็พยักหน้าสุดชีวิต พวกเขาคิดไม่ออกจริงๆ ว่าใครจะร้ายกาจน่ากลัวได้ขนาดนี้ ทำให้ลูกพี่หลานที่ทำได้ทุกอย่างยอมรับความพ่ายแพ้จากใจจริง

“พ่อฉันคือหลิงเซียว!” มุมปากของหลิงหลานยกขึ้นเล็กน้อย ในใจยากจะปกปิดความภาคภูมิใจว่าพ่อของเธอก็เป็นอัจฉริยะที่ร้ายกาจปานนี้แหละ

“อ้า!” หานซู่หย่าร้องเสียงแหลมขึ้นมาเป็นคนแรก เธอที่ชอบหุ่นรบย่อมรู้ว่าชื่อหลิงเซียวนี้หมายความว่าอะไร

“ผู้ควบคุมขั้นเทวะ!” คนอื่นๆ ต่างตกตะลึงขณะเดียวกันก็อดกลืนน้ำลายอึกหนึ่งไม่ได้ หลิงเซียวคือตัวตนดั่งเทพเจ้าในใจพวกเขา พวกเขาไม่กล้าแม้กระทั่งเชื่อมความสัมพันธ์กับคนสนิทข้างกายเขาเลย

หลังจากที่ตื่นเต้นไปพักหนึ่ง พวกเพื่อนๆ ก็ใจเย็นลงอย่างรวดเร็ว แววตาที่มองไปยังหลิงหลานแฝงไปด้วยความอิจฉาและเห็นใจ อิจฉาที่พ่อของหลิงหลานคือหลิงเซียวผู้ควบคุมขั้นเทวะ และก็เห็นใจที่หลิงหลานอยากแข่งขันกับอัจฉริยะอันดับหนึ่งที่มนุษยชาติต่างให้การยอมรับ ไม่พ่ายแพ้อย่างน่าอนาถก็แปลกแล้ว

หลิงหลานโดนสายตาเหล่านี้จ้องมองจนรู้สึกกระอักกระอ่วนอยู่บ้าง คำพูดของเธอไม่ได้มีเจตนาอยากจะเทียบเคียงกับพ่อเลยแม้แต่น้อย เพียงแต่ข้ออ้างนี้ค่อนข้างจะโน้มน้าวผู้คนได้ เธอกระแอมไอก่อนจะหันหน้ามองไปที่ฉีหลงและกล่าวว่า “ฉีหลง ถึงแม้ว่าฉันจะฝืนทะลวงขีดจำกัดได้สำเร็จ แต่มันก็ทำร้ายรากฐาน จำเป็นต้องพักผ่อนร่างกายเป็นเวลานานหลังจากที่ได้รับบาดเจ็บในครั้งนี้ นายอยากเป็นเหมือนฉันหรือไง นอนอยู่บนเตียงสี่ห้าปี หรือแม้กระทั่งมากกว่า?”

ฉีหลงส่ายหน้าทันที เขาไม่อยากเป็นแบบนี้ เขาแค่อยากสามารถยืนอยู่ข้างกายลูกพี่ในเวลาที่ลูกพี่ต้องการเขา ไม่ใช่มองดูอย่างโง่งม หรือว่าถูกลูกพี่ปกป้อง ดังนั้นเขาจึงไม่มีทางเปลี่ยนความคิดที่อยากจะแข็งแกร่งขึ้น อย่างมากสุดเขาก็แค่ระมัดระวังหน่อย ไม่ต้องรีบร้อนในตอนที่ทะลวงขีดจำกัดฝึกฝนทักษะการต่อสู้มือเปล่า

แววตาของฉีหลงเปิดเผยเจตนารมณ์ของเขาออกมา หลิงหลานลอบทอดถอนใจ ทำไมเจ้าเด็กนี่หัวดื้อขนาดนี้นะ? นี่เป็นครั้งแรกที่หลิงหลานรู้สึกปวดหัวอยู่บ้าง การเป็นลูกพี่คนอื่นๆ แม่งยากจริงๆ เธอควรจะลบความคิดแบบนี้ของฉีหลงออกไปยังไงดี?

“ฉีหลง ความจริงแล้วนายต้อนตัวเองจนมุมแล้วนะ” หลิงหลานพลันนึกถึงภารกิจหลังจากปีเจ็ด แววตาเธอส่องแสงขึ้นทันที เธอคิดว่ามีวิธีแก้ไขปัญหาแล้ว ในเมื่อไม่สามารถสะกดกลั้นความปรารถนาอยากจะรีบร้อนแข็งแกร่งขึ้นของฉีหลงได้ เช่นนั้นก็ให้ฉีหลงหาวิธีแข็งแกร่งขึ้นอย่างปลอดภัยละกัน “หนทางในการแข็งแกร่งขึ้นไม่ได้มีแต่การต่อสู้ด้วยมือเปล่า”

ฉีหลงจ้องมองหลิงหลานด้วยความงุนงง ไม่รู้ว่าหลิงหลานอยากจะพูดอะไร

“คนที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกนี้ไม่ใช่นักสู้ แต่ว่าเป็นนักรบหุ่นรบ” หลิงหลานเอ่ยเตือน “ยกตัวอย่างเช่นหลิงเซียว พ่อของฉัน ถึงแม้ว่าทักษะการต่อสู้มือเปล่าของเขาจะอยู่แค่ระดับเขตแดนเท่านั้น แต่เขากลับเป็นผู้ควบคุมขั้นเทวะ เป็นอาวุธสุดยอดของสหพันธรัฐ นี่เป็นตัวตนที่แม้กระทั่งยอดฝีมือระดับเขตเทวะก็ไม่สามารถตีเสมอได้”

“จากนี้ไปพวกนายต้องไปทำภารกิจฝ่าด่านโลกเสมือนจริงให้สำเร็จ นี่เป็นเป้าหมายดั้งเดิมของฉัน ถึงแม้ว่าตอนนี้ฉันจะไปไม่ได้แล้ว แต่ไม่ได้หมายความว่าฉันทิ้งเป้าหมายนี้ไปแล้ว ดังนั้นฉีหลง ในฐานะที่นายเป็นหัวหน้าทีม ในฐานะที่เป็นลูกน้องของฉัน นายต้องไปทำมันให้สำเร็จแทนฉัน”

สำหรับความสามารถของทีมฉีหลงในตอนนี้ ภารกิจนี้อยู่ในความยากระดับ S โดยสิ้นเชิง ฉีหลงได้ยินคำสั่งของหลิงหลาน จิตใจก็พลันสั่นสะท้าน เขาตบอกฉับพลันและกล่าวว่า “วางใจเถอะ ลูกพี่ ฉันจะทำภารกิจนี้ให้สำเร็จ”

“นี่เป็นแค่ขั้นแรกเท่านั้น หลังจากที่เข้าไปในโลกเสมือนที่แท้จริงแล้ว ก็ไปเรียนรู้การควบคุมหุ่นรบซะ อีกสามปีให้หลัง พอฉันกลับไปที่สถาบันเข้าร่วมการสอบ ฉันหวังว่าพวกนายทุกคนจะเลื่อนขั้นเป็นนักรบหุ่นรบชั้นกลางขึ้นไปได้ โดยเฉพาะนาย ฉีหลง ต้องไปถึงผู้ควบคุมหุ่นรบระดับสูงให้ได้นะ”

“เพราะอะไร?” ฉีหลงเอ่ยถามด้วยความไม่เข้าใจ

“นายอยากแข็งแกร่งขึ้นไม่ใช่หรือไง?” หลิงหลานพูดเรียบๆ “นักรบหุ่นรบชั้นสูงสามารถต้านทานยอดฝีมือระดับเขตแดนขั้นต้นได้หนึ่งคน นายก็จะมีคุณสมบัติยืนอยู่ข้างกายฉัน ต่อสู้ร่วมกับฉัน”

แววตาของฉีหลงเปล่งประกาย ในที่สุดเขาก็หาทางลัดที่จะแข็งแกร่งขึ้นได้แล้ว สามปี เขาก็จะมีคุณสมบัติยืนอยู่ข้างกายลูกพี่ สำหรับเขาแล้วนี่ดูมีความมั่นใจมากกว่าการต่อสู้มือเปล่าอีก

ฉีหลงพยักหน้าหนักๆ กล่าวว่า “ได้ ลูกพี่ ฉันจะต้องทำเป้าหมายนี้ให้สำเร็จแน่นอน อีกสามปีให้หลัง ฉันจะต้องกลายเป็นผู้ควบคุมหุ่นรบระดับสูง”

“ดี ถ้าเกิดพวกนายไปถึงไม่ได้ อีกสามปีก็รอบทลงโทษของฉันละกัน” เสียงพูดของหลิงหลานเห็นได้ชัดว่ามีความเย็นชาและชั่วร้ายอยู่นิดหน่อย ทำให้คนอื่นๆ นอกจากฉีหลงต่างอดกระแอมไอออกมาทีหนึ่งไม่ได้ สีหน้าของพวกเขาเปลี่ยนเป็นหดหู่สิ้นหวังสุดขีด

ควรรู้เอาไว้ว่า การจะเปลี่ยนจากมือใหม่ฝึกหัดกลายเป็นนักรบหุ่นรบชั้นกลางในระยะเวลาสามปีย่อมเป็นเรื่องที่ทำได้ยากสุดขีด ต่อให้พวกเขาไม่เคยสัมผัสการเรียนรู้ควบคุมหุ่นรบจริงๆ มาก่อน ก็รู้ว่าการเลื่อนระดับหุ่นรบในโลกเสมือนจริงต้องใช้คะแนนสะสมมหาศาล นี่จำเป็นต้องอาศัยการเอาชนะการประลองหุ่นรบถึงจะได้คะแนน เรื่องที่น่ากลัวยิ่งไปกว่านั้นคือ เมื่อพ่ายแพ้แล้ว ก็จะถูกหักเท่ากับคะแนนที่ได้รับชัยชนะมา กฎเกณฑ์แบบนี้ทำให้ผู้คนมากมายไม่สามารถหลุดพ้นจากชื่อมือใหม่ได้ในสองสามปี เนื่องจากคะแนนสะสมของพวกเขายังคงติดลบ

ถ้าหากพวกเขาต้องเลื่อนขั้นเป็นนักรบหุ่นรบชั้นกลางในได้ในสามปี พวกเขาจำเป็นต้องรักษาอัตราการชนะเอาไว้สูงๆ อย่างมากสุดก็คือไม่แพ้เลย ซึ่งนี่ไม่อาจทำได้เลย….

หานซู่หย่าที่มีสีหน้าหดหู่อดเอ่ยปากขอร้องไม่ได้ “ผู้หญิงอย่างพวกเราสามารถลดเงื่อนไขลงได้หรือเปล่า?”

หลิงหลานกวาดตามองอีกฝ่ายแวบหนึ่ง “ถ้าคิดว่าตัวเองทำไม่ได้ งั้นก็อย่าไปเรียนเรื่องหุ่นรบเลย”

คำพูดที่ไร้ความปรานีของหลิงหลานทำให้สีหน้าของหานซู่หย่าอึดอัดใจ อดโต้แย้งขึ้นมาไม่ได้ว่า “ฉันจำได้ว่าคนที่ร้ายกาจที่สุดในโลกเสมือนจริงก็ใช่เวลาสามปีสามเดือนถึงจะเลื่อนขั้นจากมือใหม่กลายเป็นนักรบหุ่นรบชั้นกลางได้ พวกเราจะทำสำเร็จได้ยังไง?”

“นั่นเป็นแค่สถิติที่ประกาศสู่สาธารณะ ตามที่ฉันรู้มา มีอยู่คนหนึ่งที่ใช้เวลาแค่ครึ่งปีก็เลื่อนขั้นจากมือใหม่ฝึกหัดเป็นผู้ควบคุมหุ่นรบระดับกลางได้ ใช้เวลาปีเดียวกลายเป็นนักรบหุ่นรบชั้นสูง” หลิงหลานอธิบายความจริงอย่างเฉยชา

“เป็นไปได้ยังไง เขาเป็นใคร!” ความรู้สึกแรกของหานซู่หย่าก็คือไม่เชื่อ

“หลิงเซียว พ่อของฉัน!” หลิงหลานตอบเรียบๆ

“คุณลุงหลิงเป็นผู้ควบคุมหุ่นรบขั้นเทวะนะ และก็เป็นอัจฉริยะอันดับหนึ่งที่ทั้งโลกให้การยอมรับด้วย พวกเราจะสู้เขาได้ยังไง?” หานซู่หย่าเอ่ยอย่างท้อแท้ใจ คำเรียกคุณลุงหลิงของเธอทำให้ใบหน้าหลิงหลานอดบิดเบี้ยวไม่ได้ ควรรู้ไว้ว่าหลิงเซียวในมิติมรดกเป็นหนุ่มรูปงามราวกับบุปผา ไม่เหมาะกับคำว่าคุณลุงแน่นอน

หลิงหลานพยายามรักษาความนิ่งเรียบบนใบหน้าเอาไว้อย่างสุดความสามารถ และกล่าวต่อว่า “ดังนั้น ฉันถึงให้เงื่อนไขพวกนายสามปีไง มีเวลามากกว่าที่หลิงเซียวเลื่อนขั้นสามเท่าเต็มๆ ควรรู้ไว้นะว่า หลิงเซียวได้เป็นผู้ควบคุมหุ่นรบไพ่ราชาในเวลาสามปีแบบเดียวกัน พวกนายก็รู้ว่า การที่นักรบหุ่นรบเลื่อนขั้นเป็นผู้ควบคุมหุ่นรบไพ่ราชาคือช่องว่างโดยธรรมชาติ มีคนมากมายถึงขนาดที่ติดอยู่ในด่านนี้ไม่สามารถทะลวงผ่านไปได้ชั่วชีวิต…เทียบกับเรื่องนี้แล้ว คำขอของฉันต่ำมากพอแล้ว”

………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+