I’M THE BOSS ลูกพี่หุ่นเทวะ 247 เดิมพัน!

Now you are reading I’M THE BOSS ลูกพี่หุ่นเทวะ Chapter 247 เดิมพัน! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เวลานี้เอง ร่างหนึ่งค่อยๆ เดินขึ้นมาบนเวทีประลอง คนผู้นั้นอายุเกือบสามสิบ สวมชุดเครื่องแบบทหารสีขาวสลับสีน้ำเงินของสหพันธรัฐ หน้าตาดูหล่อเหลา รูปร่างองอาจผึ่งผาย แค่เขายืนอยู่บนเวทีประลองเฉยๆ ก็ดึงดูดสายตาของทุกคนให้จ้องมองเข้าไป

“อ้า กรรมการมาแล้ว” เมื่อเห็นอายุและเครื่องแบบที่แตกต่างจากโรงเรียนทหารของชายคนนั้น ก็รู้ว่าเขาต้องเป็นกรรมการตัดสินที่โรงเรียนทหารส่งมาแน่นอน

“สวรรค์ กรรมการที่โรงเรียนทหารส่งมาคือ พันเอกถังอวี้!” เมื่อนักเรียนที่มีสายตาแหลมคมมองเห็นกรรมการตัดสินบนเวทีได้ชัดเจนว่าเป็นใคร ก็อดส่งเสียงอุทานด้วยความตกใจไม่ได้

“ว่าไงนะ? พันเอกถังอวี้ เขาคืออาจารย์ไพ่ราชาที่อบรมสั่งสอนราชันสายฟ้า ยอดฝีมืออันดับหนึ่งของโรงเรียนทหารเหรอ?” หลังจากที่บรรดานักเรียนกระจายข่าวนี้ออกไป ต่อให้เป็นคนที่ไม่รู้จักพันเอกถังอวี้ก็อดตะลึงงันขึ้นมาไม่ได้เช่นกัน

ควรรู้เอาไว้ว่า พันเอกถังอวี้เป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดในหมู่อาจารย์ที่รับหน้าที่สอนควบคุมหุ่นรบในโรงเรียน ว่ากันว่าเขาเป็นผู้ควบคุมหุ่นรบไพ่ราชาแล้ว ไม่เพียงแค่นั้น นักเรียนหกคนในทีมที่เขาดูแล ราชันสายฟ้าขาดอีกแค่ครึ่งก้าวก็เลื่อนขั้นเป็นไพ่ราชา ส่วนอีกห้าคนก็เลื่อนขั้นเป็นผู้ควบคุมหุ่นรบระดับพิเศษได้แล้ว เขาคืออาจารย์ไพ่ราชาที่มีชื่อเสียงโด่งดังอย่างไม่ต้องสงสัยเลยสักนิด เล่ากันว่าหลังจากที่ดูแลปีสี่รุ่นนี้จบแล้ว ปีหน้าก็จะสามารถดูแลนักเรียนปีสองรุ่นใหม่ได้

บางทีพันเอกถังอวี้ยินดีรับหน้าที่เป็นกรรมการตัดสินเพราะอยากดูความสามารถของนักเรียนใหม่รุ่นนี้? ถึงยังไงก็มีความเป็นไปได้สูงว่าวันหน้านักเรียนเหล่านี้คือลูกศิษย์ของเขา…แน่นอนว่าเป็นไปได้มากที่เขาเริ่มรับนักเรียนแล้ว การประลองครั้งนี้อาจจะเป็นการประเมินนักเรียนใหม่เหล่านี้ของพันเอกถังอวี้ก็ได้?

นักเรียนชั้นปีสูงทุกคนต่างมองเด็กหนุ่มห้าคนบนเวทีด้วยสายตาอิจฉา ต่อให้นักเรียนเหล่านี้พ่ายแพ้ในการประลองครั้งนี้ ทว่าขอเพียงทำผลงานได้ยอดเยี่ยมถูกใจพันเอกถังอวี้ อนาคตของพวกเขาย่อมไร้ขีดจำกัด ต้องบอกว่านักเรียนรุ่นนี้โชคดีมากเกินไปแล้วจริงๆ

อาจารย์สอนหุ่นรบของโรงเรียนทหารไม่ได้ดูแลนักเรียนตลอดจนถึงปีหก ปกติแล้วพวกเขาจะดูแลนักเรียนแค่สามปีเท่านั้น เนื่องจากนักเรียนปีหนึ่งมุ่งมั่นฝึกฝนความแข็งแกร่งของร่างกาย สร้างพื้นฐานด้านต่างๆ ไว้ให้ดี ดังนั้นอาจารย์สอนหุ่นรบจึงดูแลนักเรียนตั้งแต่ปีสองเป็นต้นไป หลังจากที่ดูแลถึงปีสี่ก็จะจบหลักสูตร เพราะว่าโดยพื้นฐานแล้วนักเรียนปีห้าและปีหกต่างอยู่ในสถานะออกนอกโรงเรียน ปกติแล้วจะมีตัวเลือกสองแบบ หนึ่งคือไปเข้าร่วมกลุ่มผจญภัยทำภารกิจผจญภัยระหว่างดวงดาวเพิ่มประสบการณ์ต่อสู้ของจริงให้ตัวเอง อีกอย่างหนึ่งก็คือสามารถเข้ากองทัพโดยตรง เริ่มฝึกภาคปฏิบัติ นักเรียนประเภทนี้ต่างเป็นคนที่มีความสามารถยอดเยี่ยมเหนือใครในโรงเรียน โดยทั่วไปแล้ว นักเรียนที่ทำผลงานโดดเด่นในตอนปีสี่ก็จะถูกสนใจแล้วพอถึงปีห้า ทหารที่สนใจเขาก็จะส่งจดหมายฝึกงานลงมาให้และพาเขาไป…

แน่นอนว่าโดยพื้นฐานแล้ว เหล่านักเรียนปีสี่ที่ทำผลงานโดดเด่นในปีนี้ต่างตั้งเป้าไว้ที่กองพลที่ยี่สิบสามซึ่งถูกจัดตั้งขึ้นใหม่ ไม่ใช่เพราะว่าเป็นกองพลใหม่เลยมีโอกาสมาก หากแต่เป็นเพราะผู้บัญชาการกองพลที่ยี่สิบสามก็คือนายพลหลิงเซียวของสหพันธรัฐซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ควบคุมหุ่นรบขั้นเทวะทั้งสิบสองของสหพันธรัฐ เขาเป็นไอดอลที่นักเรียนทหารทุกคนเลื่อมใสบูชา สาเหตุที่ราชันสายฟ้ารีบร้อนอยากเลื่อนขั้นเป็นผู้ควบคุมหุ่นรบไพ่ราชาในปีนี้ ก็เพราะอยากให้นายพลหลิงเซียวรู้ตัวตนของเขา แล้วมีโอกาสถูกอีกฝ่ายสนใจและได้จดหมายตอบรับฝึกงานที่ล้ำค่านั้น

จดหมายตอบรับฝึกงานไม่ได้หมายความว่าจะสามารถอยู่ในกองทัพเดิมจนจบสองปีได้จริงๆ แต่ว่าขอเพียงทำผลงานได้ตามมาตรฐาน ปกติแล้วจะไม่ถูกทางกองพลขับไล่ออกไป

เวลานี้คนในบ็อกซ์ต่างๆ เห็นพันเอกถังอวี๋ปรากฎตัวขึ้นมา คนมีสมองก็พากันขมวดคิ้ว เห็นได้ชัดว่าการจัดการของโรงเรียนในครั้งนี้มีเจตนาที่ลึกซึ้งบางอย่าง

มีเพียงอวิ๋นซิวที่อยู่ในบ็อกซ์ของหลี่ซื่ออวี๋เอ่ยด้วยความกังวลอย่างทึมทื่อว่า “พันเอกถังอวี่เป็นกรรมการจะลำเอียงไปทางเหลยถิงไหม? ถึงยังไงเฉียวถิงราชันสายฟ้าก็เป็นลูกศิษย์ที่เขาภาคภูมิใจนะ”

หลี่ซื่ออวี๋ฟังแล้วก็กลอกตาให้เพื่อนสนิทตัวเองยกใหญ่ทันที ไม่มีแม้กระทั่งความรู้สึกอยากจะตอบเลย

อย่างไรก็ตาม คำถามที่ค่อนข้างโง่เง่าของอวิ๋นซิวกลับเรียกเขากลับมาจากในความทรงจำ ต่อให้อารมณ์ยังคงหนักอึ้ง แต่มันก็ไม่ได้พัวพันกับอดีตอีกต่อไปแล้ว หลังจากที่ศึกษาวิจัยมาหลายปีนี้ หลี่ซื่ออวี๋มีความมั่นใจมากขึ้นเรื่อยๆ เขาน่าจะรับผิดชอบค่ารักษาญาติผู้พี่ได้ก่อนพิธีบรรลุนิติภาวะ

งานวิจัยหลายชิ้นที่หลี่ซื่ออวี๋เข้าร่วมไม่กี่ปีที่ผ่านมาต่างมีผลงานมหาศาล นอกจากยาต้องห้ามชิ้นหนึ่งที่ใช้ในการทหารแล้ว งานวิจัยอื่นๆ ต่างเป็นงานที่ประชาชนใช้ประโยชน์ได้ ด้วยเหตุนี้เอง โรงเรียนจึงมอบรางวัลให้หลี่ซื่ออวี๋มากมาย รวมถึงเครดิตก้อนใหญ่มากเพื่อปลุกขวัญกำลังใจ

ตอนนั้นหลี่ซื่ออวี๋อธิบายสถานการณ์ในบ้านเขาให้อาจารย์ที่ทำการวิจัยฟังอย่างชัดเจน ดังนั้นเวลานี้เครดิตเหล่านี้จึงถูกฝากไว้ในบัญชีของพวกอาจารย์หลายท่านนั้น

แน่นอนว่าผลประโยชน์ที่มากกว่านั้นไม่ใช่รางวัลของโรงเรียนทหาร หากแต่เป็นสิทธิบัตรที่ขายออกไป หลังจากที่อาจารย์รู้สถานการณ์ของหลี่ซื่ออวี๋ในตอนนี้ ตอนที่เซ็นสัญญากับผู้ผลิตก็วางเงื่อนไขพิเศษว่าหลี่ซื่ออวี๋ที่เป็นผู้วิจัยหลักไม่อยากได้เครดิต เขาต้องการเพียงหุ้นในราคาที่เท่ากัน ส่วนเรื่องปันผลกำไรทุกปี อาจารย์เสนอขึ้นมาอย่างชัดเจนว่าจะโอนเข้าไปในรายการบัญชีหลี่ซื่ออวี๋หลังจากที่เขาบรรลุนิติภาวะแล้ว ผลสรุปนี้ทำให้หลี่ซื่ออวี๋ยินดีเป็นบ้าเป็นหลัง เขาซาบซึ้งใจต่ออาจารย์คนนั้นมาก นี่ทำให้เขามีแหล่งรายได้ระยะยาวช่วยเขาจัดการความกังวลต่อครอบครัวได้อย่างไม่ต้องสงสัย

อวิ๋นซิวเห็นสีหน้าของหลี่ซื่ออวี๋เปลี่ยนจากความสับสนเจ็บปวดกลับมาเป็นปกติ ในใจเขาก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกเฮือกหนึ่ง เขาไม่นึกเลยว่าคำถามที่เขาเอ่ยขึ้นโดยไม่ได้ตั้งใจในตอนนั้นว่าทำไมถึงเปลี่ยนใจเรียนภาควิชาแพทย์ทหารจะทำให้เพื่อนสนิทเจ็บปวดไม่หยุด

สีหน้านี้ทำให้อวิ๋นซิวไม่ถามก็รู้ว่า หลี่ซื่ออวี๋จะต้องเจอเรื่องราวบางอย่างที่เจ็บปวดแน่นอน เขาอดเสียใจเล็กน้อยไม่ได้ที่ตัวเองไม่ดูตาม้าตาเรือ ดังนั้นจึงอยากทำเรื่องชดเชย เมื่อเขาเห็นพันเอกถังอวี้บนเวทีประลองก็ผุดความคิดขึ้นมาฉับพลัน ตั้งคำถามที่โง่สุดขีดมาดึงดูดความสนใจหลี่ซื่ออวี๋ ตอนนี้ดูเหมือนว่าประสิทธิภาพจะไม่เลวเลย หลี่ซื่ออวี๋กลับมาจากการหวนรำลึกจริงๆ สีหน้าก็เปลี่ยนเป็นธรรมชาติมากเหมือนกัน

ในฐานะที่อวิ๋นซิวเป็นนักเรียนทหาร เขาย่อมรู้ว่าอาจารย์ในโรงเรียนต่างเป็นทหารที่มีคุณธรรมซื่อตรง ไม่มีทางทำเรื่องลำเอียงอย่างโจ่งแจ้งแบบนั้น และพันเอกถังอวี้ที่ได้รับการยกย่องทางด้านนี้อย่างกว้างขวางก็ยิ่งเป็นไปไม่ได้เลย

…..

ภายในบ็อกซ์ของอู๋จี๋ พวกหลี่หลานเฟิงเห็นพันเอกถังอวี้ขึ้นเวทีก็ส่งเสียงประหลาดใจออกมาเช่นกัน ไม่รู้ว่าทำไมมหาเทพท่านนี้ถึงโผล่ออกมาบนเวทีเล็กๆ แบบนี้ได้…

มือของหลี่หลานเฟิงที่เดิมทีถือเครื่องดื่มไว้กระตุกขึ้นมาฉับพลัน เขาอดมองไปทางตัวแทนห้าคนของกลุ่มนักเรียนใหม่ไม่ได้ แววตาฉายแววครุ่นคิดออกมาแวบหนึ่ง ‘ในหมู่นักเรียนใหม่พวกนี้ เบื้องหลังของคนไหนกันที่มีความสามารถยอดเยี่ยมขนาดนั้น สามารถสั่นคลอนรูปแบบการทำงานทั้งหมดของโรงเรียนทหารได้? ขนาดตระกูลหลี่ที่เป็นตระกูลชั้นสูงอันดับหนึ่งก็ไม่มีความสามารถนี้ ต่อให้ตระกูลหลี่สามารถโน้มน้าวการตัดสินใจของประธานาธิบดีสหพันธรัฐได้ ก็ไม่อาจขยับเขยื้อนกองทัพได้เลย และโรงเรียนทหารอยู่ในระบบกองทัพ ต่อให้ประธานาธิบดีเองก็ไม่สามารถชี้นิ้วสั่งการโรงเรียนทหารได้เหมือนกัน…’

มุมปากของหลี่หลานเฟิงเผยรอยยิ้มน้อยๆ ออกมา เอ่ยในใจว่า ‘น่าสนใจจริงๆ ดูเหมือนว่าการต่อสู้ของเหลยถิงในคราวนี้จะไม่ง่ายเหมือนที่พวกเขาคิดไว้แล้ว!’

…..

เมื่อพันเอกถังอวี้ขึ้นไปบนเวทีก็กระแอมไอทันใด เสียงโหวกเหวกแต่เดิมที่ดังขึ้นเพราะการปรากฏตัวของพันเอกถังอวี้พลันเงียบลงไป พันเอกถังอวี้เผยรอยยิ้มจางๆ แล้วค่อยเอ่ยปากว่า “ฉันคือกรรมการตัดสินการประลองต่อสู้มือเปล่าระหว่างกลุ่มนักเรียนใหม่และกลุ่มเหลยถิงในวันนี้ ฉันจะตัดสินตามความยุติธรรม ถ้าหากไม่พอใจผลการประลองหลังจากที่สิ้นสุดลง หรือว่าไม่พอใจคำตัดสินของฉัน สามารถยื่นเรื่องขอคนกลางตัดสินชี้ขาดกับฝ่ายอนุญาโตตุลาการของโรงเรียนได้…”

ถังอวี้กล่าวถึงตรงนี้ ดวงตาสองข้างก็เหลือบมองตัวแทนห้าคนของทั้งสองฝ่าย เมื่อเห็นสีหน้าของทั้งสองฝ่ายไม่เปลี่ยนแปลงก็ผงกศีรษะน้อยๆ ชมเชยว่าตัวแทนที่สองฝ่ายเลือกมามีคุณสมบัติไม่เลวเลย

ดังนั้นเขาจึงพูดต่อว่า “การประลองนี้เป็นการเอาชนะสามในห้ารอบ ให้ทั้งสองฝ่ายส่งตัวแทนออกมาฝั่งละห้าคน ตัวแทนห้าคนที่เข้าร่วมการต่อสู้จะไม่ถูกประกาศออกมาล่วงหน้าเพื่อรับรองความยุติธรรม ให้หัวหน้าแต่ละฝั่งส่งรายชื่อตัวแทนกลุ่มที่ได้รับคัดเลือกให้เข้าร่วมการประลองมาให้ฉันก่อนเริ่มการประลองหนึ่งนาที จำไว้ว่าเมื่อส่งรายชื่อถึงมือฉันแล้วจะเปลี่ยนแปลงไม่ได้อีก ไม่อย่างนั้นจะตัดสินให้ฝ่ายที่เปลี่ยนแปลงพ่ายแพ้ทันที”

เมื่อเห็นสองฝ่ายทยอยกันพยักหน้าบ่งบอกว่าเข้าใจแล้ว ถังอวี้ก็กล่าวต่อว่า “ยังมีอีกเรื่อง ทั้งสองฝ่ายตกลงกันว่าการประลองครั้งนี้มีการเดิมพันอยู่ด้วย ดังนั้นจะต้องบอกการเดิมพันให้ชัดเจนก่อนการประลอง กฎของโรงเรียนระบุไว้ว่าเนื้อหาของการเดิมพันไม่อาจมีเค้าความที่ฝ่าฝืนกฎทุกอย่างที่ทางโรงเรียนทหารห้ามไว้…”

ถังอวี้เอ่ยถึงตรงนี้ก็กวาดสายตาเย็นเยียบราวกับมีดไปที่สมาชิกของกลุ่มอำนาจทั้งสองฝ่ายที่นั่งอยู่บนแท่น ทำให้คนเหล่านั้นใจสั่นสะท้าน มีนักเรียนหลายคนที่ความสามารถด้อยเล็กน้อยถูกข่มขวัญจนหลั่งเหงื่อเย็นๆ ออกมาทั่วทั้งร่าง

“เนื่องจากเหลยถิงเป็นฝ่ายท้าประลอง รบกวนกรอกการเดิมพันของเธอเข้าไปในออปติคัลคอมพิวเตอร์หลักของโรงเรียนทหารด้วย” ถังอวี้ส่งสัญญาณให้กลุ่มหุ่นรบเหลยถิงกรอกการเดิมพันเข้าไปข้างในอย่างเป็นทางการ

ไม่นานหน้าจอขนาดใหญ่ด้านหลังเวทีประลองก็ปรากฏเนื้อหาการเดิมพันขึ้นมา มันเรียบง่ายมาก มีเพียงตัวอักษรบรรทัดเดียวเท่านั้น เนื้อหาการเดิมพันคือ ‘ถ้าหากเหลยถิงชนะ สมาชิกทั้งหมดของกลุ่มนักเรียนใหม่จะต้องเข้าร่วมกลุ่มเหลยถิง!’

เมื่อการเดิมพันนี้ปรากฏขึ้น ทุกคนที่ชมการประลองต่างฮือฮาขึ้นมาอีกครั้ง กระทั่งคนในบ็อกซ์ที่ชมการประลองก็ตะลึงงัน ใจเย็นไม่ได้แล้วเช่นกัน

“ทำไมถึงเป็นการเดิมพันนี้ เหลยถิงให้ความสำคัญกับคุณภาพสมาชิกมากเลยไม่ใช่เหรอ? ทำไมถึงรับหมดทั้งกลุ่ม? หรือว่ากลุ่มนักเรียนใหม่มีความลับอะไรที่พวกเราไม่รู้?”

ผู้นำของกลุ่มอำนาจใหญ่ต่างๆ ทยอยกันร้องตะโกนขึ้นมา พวกเขาไม่อาจเชื่อทุกสิ่งทุกอย่างที่ตัวเองเห็นได้ ตอนแรกพวกเขาคิดว่าเหลยถิงจะเรียกร้องให้กลุ่มนักเรียนใหม่สลายตัว หลังจากนั้นค่อยรับนักเรียนใหม่ที่มีฝีมือกลุ่มหนึ่งเข้าร่วมเหลยถิง และพวกเขาก็สามารถฉวยโอกาสในตอนที่วุ่นวายได้ ใช้ประโยชน์ตอนที่สมาชิกกลุ่มนักเรียนใหม่ยังแค้นเหลยถิง รับนักเรียนใหม่ที่มีฝีมือส่วนหนึ่งเข้ากลุ่ม

อย่างไรก็ตาม การเดิมพันของเหลยถิงทำลายแผนการของพวกเขาทันที วิธีการที่ไม่ยอมให้ผลประโยชน์ทั้งหมดหลุดรอดสักนิดเดียวของเหลยถิงนี้ทำให้พวกเขาไม่พอใจสุดขีด

ภายในบ็อกซ์อู๋จี๋ พวกหานอวี้ตะลึงงันอย่างหาใดเปรียบเช่นกัน เขากับเว่ยจี้สบตากัน ทำหน้าไม่เข้าใจ

พวกเขามองไปทางหลี่หลานเฟิงตามจิตใต้สำนึก หวังว่าหลี่หลานเฟิงสามารถให้คำตอบแก่พวกเขาได้ ถึงแม้พวกเขาจะหวั่นเกรงหลี่หลานเฟิงอย่างยิ่ง แต่พวกเขาเชื่อมั่นความสามารถในการวิเคราะห์ของหลี่หลานเฟิง หลี่หลานเฟิงมักจะสามารถจี้ถูกจุดสำคัญตรงที่พวกเขาคิดไม่ออกอยู่หลายครั้ง

หลี่หลานเฟิงเห็นสายตาของทั้งสองคนก็เอ่ยปากกล่าวว่า “ฉันเองก็ไม่รู้ว่าทำไมเหลยถิงถึงทำแบบนี้ แต่มั่นใจว่ากลุ่มนักเรียนใหม่จะต้องมีจุดที่ทำให้เหลยถิงจ้องตาเป็นมันแน่นอน” หานอวี้กับเว่ยจี้ผงกศีรษะ พวกเขาก็คิดจุดนี้ได้เหมือนกัน

“ช่วงเวลาก่อนหน้านี้ กลุ่มอำนาจใหญ่หลายกลุ่มกำลังเจาะข้อมูลการประเมินทดสอบเข้าโรงเรียนของนักเรียนใหม่อยู่ ไม่รู้ว่าเหลยถิงได้ข้อมูลมาแล้วหรือเปล่า” หลี่หลานเฟิงเอ่ยเตือนทั้งคู่โดยที่ไม่ได้ปกปิดเลย

ไม่ใช่ว่าหลี่หลานเฟิงไม่อยากเก็บงำไว้ แต่เขารู้ดีว่า ต่อให้เขาพูดหรือไม่พูด อย่างช้าสุดอีกไม่กี่วันหานอวี้กับเว่ยจี้ก็สามารถนึกถึงเรื่องนี้ได้เช่นกัน ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ไม่สู้พูดไปตรงๆ เลยดีกว่า ให้อีกฝ่ายคิดว่าเขาไม่ได้ปกปิดอะไรพวกเขาจริงๆ ยิ่งไปกว่านั้น ความลับที่สำคัญที่สุดยังคงอยู่ในมือเขา หลี่หลานเฟิงยังคงไม่เห็นข้อมูลเล็กน้อยพวกนี้อยู่ในสายตาจริงๆ

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

I’M THE BOSS ลูกพี่หุ่นเทวะ 247 เดิมพัน!

Now you are reading I’M THE BOSS ลูกพี่หุ่นเทวะ Chapter 247 เดิมพัน! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เวลานี้เอง ร่างหนึ่งค่อยๆ เดินขึ้นมาบนเวทีประลอง คนผู้นั้นอายุเกือบสามสิบ สวมชุดเครื่องแบบทหารสีขาวสลับสีน้ำเงินของสหพันธรัฐ หน้าตาดูหล่อเหลา รูปร่างองอาจผึ่งผาย แค่เขายืนอยู่บนเวทีประลองเฉยๆ ก็ดึงดูดสายตาของทุกคนให้จ้องมองเข้าไป

“อ้า กรรมการมาแล้ว” เมื่อเห็นอายุและเครื่องแบบที่แตกต่างจากโรงเรียนทหารของชายคนนั้น ก็รู้ว่าเขาต้องเป็นกรรมการตัดสินที่โรงเรียนทหารส่งมาแน่นอน

“สวรรค์ กรรมการที่โรงเรียนทหารส่งมาคือ พันเอกถังอวี้!” เมื่อนักเรียนที่มีสายตาแหลมคมมองเห็นกรรมการตัดสินบนเวทีได้ชัดเจนว่าเป็นใคร ก็อดส่งเสียงอุทานด้วยความตกใจไม่ได้

“ว่าไงนะ? พันเอกถังอวี้ เขาคืออาจารย์ไพ่ราชาที่อบรมสั่งสอนราชันสายฟ้า ยอดฝีมืออันดับหนึ่งของโรงเรียนทหารเหรอ?” หลังจากที่บรรดานักเรียนกระจายข่าวนี้ออกไป ต่อให้เป็นคนที่ไม่รู้จักพันเอกถังอวี้ก็อดตะลึงงันขึ้นมาไม่ได้เช่นกัน

ควรรู้เอาไว้ว่า พันเอกถังอวี้เป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดในหมู่อาจารย์ที่รับหน้าที่สอนควบคุมหุ่นรบในโรงเรียน ว่ากันว่าเขาเป็นผู้ควบคุมหุ่นรบไพ่ราชาแล้ว ไม่เพียงแค่นั้น นักเรียนหกคนในทีมที่เขาดูแล ราชันสายฟ้าขาดอีกแค่ครึ่งก้าวก็เลื่อนขั้นเป็นไพ่ราชา ส่วนอีกห้าคนก็เลื่อนขั้นเป็นผู้ควบคุมหุ่นรบระดับพิเศษได้แล้ว เขาคืออาจารย์ไพ่ราชาที่มีชื่อเสียงโด่งดังอย่างไม่ต้องสงสัยเลยสักนิด เล่ากันว่าหลังจากที่ดูแลปีสี่รุ่นนี้จบแล้ว ปีหน้าก็จะสามารถดูแลนักเรียนปีสองรุ่นใหม่ได้

บางทีพันเอกถังอวี้ยินดีรับหน้าที่เป็นกรรมการตัดสินเพราะอยากดูความสามารถของนักเรียนใหม่รุ่นนี้? ถึงยังไงก็มีความเป็นไปได้สูงว่าวันหน้านักเรียนเหล่านี้คือลูกศิษย์ของเขา…แน่นอนว่าเป็นไปได้มากที่เขาเริ่มรับนักเรียนแล้ว การประลองครั้งนี้อาจจะเป็นการประเมินนักเรียนใหม่เหล่านี้ของพันเอกถังอวี้ก็ได้?

นักเรียนชั้นปีสูงทุกคนต่างมองเด็กหนุ่มห้าคนบนเวทีด้วยสายตาอิจฉา ต่อให้นักเรียนเหล่านี้พ่ายแพ้ในการประลองครั้งนี้ ทว่าขอเพียงทำผลงานได้ยอดเยี่ยมถูกใจพันเอกถังอวี้ อนาคตของพวกเขาย่อมไร้ขีดจำกัด ต้องบอกว่านักเรียนรุ่นนี้โชคดีมากเกินไปแล้วจริงๆ

อาจารย์สอนหุ่นรบของโรงเรียนทหารไม่ได้ดูแลนักเรียนตลอดจนถึงปีหก ปกติแล้วพวกเขาจะดูแลนักเรียนแค่สามปีเท่านั้น เนื่องจากนักเรียนปีหนึ่งมุ่งมั่นฝึกฝนความแข็งแกร่งของร่างกาย สร้างพื้นฐานด้านต่างๆ ไว้ให้ดี ดังนั้นอาจารย์สอนหุ่นรบจึงดูแลนักเรียนตั้งแต่ปีสองเป็นต้นไป หลังจากที่ดูแลถึงปีสี่ก็จะจบหลักสูตร เพราะว่าโดยพื้นฐานแล้วนักเรียนปีห้าและปีหกต่างอยู่ในสถานะออกนอกโรงเรียน ปกติแล้วจะมีตัวเลือกสองแบบ หนึ่งคือไปเข้าร่วมกลุ่มผจญภัยทำภารกิจผจญภัยระหว่างดวงดาวเพิ่มประสบการณ์ต่อสู้ของจริงให้ตัวเอง อีกอย่างหนึ่งก็คือสามารถเข้ากองทัพโดยตรง เริ่มฝึกภาคปฏิบัติ นักเรียนประเภทนี้ต่างเป็นคนที่มีความสามารถยอดเยี่ยมเหนือใครในโรงเรียน โดยทั่วไปแล้ว นักเรียนที่ทำผลงานโดดเด่นในตอนปีสี่ก็จะถูกสนใจแล้วพอถึงปีห้า ทหารที่สนใจเขาก็จะส่งจดหมายฝึกงานลงมาให้และพาเขาไป…

แน่นอนว่าโดยพื้นฐานแล้ว เหล่านักเรียนปีสี่ที่ทำผลงานโดดเด่นในปีนี้ต่างตั้งเป้าไว้ที่กองพลที่ยี่สิบสามซึ่งถูกจัดตั้งขึ้นใหม่ ไม่ใช่เพราะว่าเป็นกองพลใหม่เลยมีโอกาสมาก หากแต่เป็นเพราะผู้บัญชาการกองพลที่ยี่สิบสามก็คือนายพลหลิงเซียวของสหพันธรัฐซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ควบคุมหุ่นรบขั้นเทวะทั้งสิบสองของสหพันธรัฐ เขาเป็นไอดอลที่นักเรียนทหารทุกคนเลื่อมใสบูชา สาเหตุที่ราชันสายฟ้ารีบร้อนอยากเลื่อนขั้นเป็นผู้ควบคุมหุ่นรบไพ่ราชาในปีนี้ ก็เพราะอยากให้นายพลหลิงเซียวรู้ตัวตนของเขา แล้วมีโอกาสถูกอีกฝ่ายสนใจและได้จดหมายตอบรับฝึกงานที่ล้ำค่านั้น

จดหมายตอบรับฝึกงานไม่ได้หมายความว่าจะสามารถอยู่ในกองทัพเดิมจนจบสองปีได้จริงๆ แต่ว่าขอเพียงทำผลงานได้ตามมาตรฐาน ปกติแล้วจะไม่ถูกทางกองพลขับไล่ออกไป

เวลานี้คนในบ็อกซ์ต่างๆ เห็นพันเอกถังอวี๋ปรากฎตัวขึ้นมา คนมีสมองก็พากันขมวดคิ้ว เห็นได้ชัดว่าการจัดการของโรงเรียนในครั้งนี้มีเจตนาที่ลึกซึ้งบางอย่าง

มีเพียงอวิ๋นซิวที่อยู่ในบ็อกซ์ของหลี่ซื่ออวี๋เอ่ยด้วยความกังวลอย่างทึมทื่อว่า “พันเอกถังอวี่เป็นกรรมการจะลำเอียงไปทางเหลยถิงไหม? ถึงยังไงเฉียวถิงราชันสายฟ้าก็เป็นลูกศิษย์ที่เขาภาคภูมิใจนะ”

หลี่ซื่ออวี๋ฟังแล้วก็กลอกตาให้เพื่อนสนิทตัวเองยกใหญ่ทันที ไม่มีแม้กระทั่งความรู้สึกอยากจะตอบเลย

อย่างไรก็ตาม คำถามที่ค่อนข้างโง่เง่าของอวิ๋นซิวกลับเรียกเขากลับมาจากในความทรงจำ ต่อให้อารมณ์ยังคงหนักอึ้ง แต่มันก็ไม่ได้พัวพันกับอดีตอีกต่อไปแล้ว หลังจากที่ศึกษาวิจัยมาหลายปีนี้ หลี่ซื่ออวี๋มีความมั่นใจมากขึ้นเรื่อยๆ เขาน่าจะรับผิดชอบค่ารักษาญาติผู้พี่ได้ก่อนพิธีบรรลุนิติภาวะ

งานวิจัยหลายชิ้นที่หลี่ซื่ออวี๋เข้าร่วมไม่กี่ปีที่ผ่านมาต่างมีผลงานมหาศาล นอกจากยาต้องห้ามชิ้นหนึ่งที่ใช้ในการทหารแล้ว งานวิจัยอื่นๆ ต่างเป็นงานที่ประชาชนใช้ประโยชน์ได้ ด้วยเหตุนี้เอง โรงเรียนจึงมอบรางวัลให้หลี่ซื่ออวี๋มากมาย รวมถึงเครดิตก้อนใหญ่มากเพื่อปลุกขวัญกำลังใจ

ตอนนั้นหลี่ซื่ออวี๋อธิบายสถานการณ์ในบ้านเขาให้อาจารย์ที่ทำการวิจัยฟังอย่างชัดเจน ดังนั้นเวลานี้เครดิตเหล่านี้จึงถูกฝากไว้ในบัญชีของพวกอาจารย์หลายท่านนั้น

แน่นอนว่าผลประโยชน์ที่มากกว่านั้นไม่ใช่รางวัลของโรงเรียนทหาร หากแต่เป็นสิทธิบัตรที่ขายออกไป หลังจากที่อาจารย์รู้สถานการณ์ของหลี่ซื่ออวี๋ในตอนนี้ ตอนที่เซ็นสัญญากับผู้ผลิตก็วางเงื่อนไขพิเศษว่าหลี่ซื่ออวี๋ที่เป็นผู้วิจัยหลักไม่อยากได้เครดิต เขาต้องการเพียงหุ้นในราคาที่เท่ากัน ส่วนเรื่องปันผลกำไรทุกปี อาจารย์เสนอขึ้นมาอย่างชัดเจนว่าจะโอนเข้าไปในรายการบัญชีหลี่ซื่ออวี๋หลังจากที่เขาบรรลุนิติภาวะแล้ว ผลสรุปนี้ทำให้หลี่ซื่ออวี๋ยินดีเป็นบ้าเป็นหลัง เขาซาบซึ้งใจต่ออาจารย์คนนั้นมาก นี่ทำให้เขามีแหล่งรายได้ระยะยาวช่วยเขาจัดการความกังวลต่อครอบครัวได้อย่างไม่ต้องสงสัย

อวิ๋นซิวเห็นสีหน้าของหลี่ซื่ออวี๋เปลี่ยนจากความสับสนเจ็บปวดกลับมาเป็นปกติ ในใจเขาก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกเฮือกหนึ่ง เขาไม่นึกเลยว่าคำถามที่เขาเอ่ยขึ้นโดยไม่ได้ตั้งใจในตอนนั้นว่าทำไมถึงเปลี่ยนใจเรียนภาควิชาแพทย์ทหารจะทำให้เพื่อนสนิทเจ็บปวดไม่หยุด

สีหน้านี้ทำให้อวิ๋นซิวไม่ถามก็รู้ว่า หลี่ซื่ออวี๋จะต้องเจอเรื่องราวบางอย่างที่เจ็บปวดแน่นอน เขาอดเสียใจเล็กน้อยไม่ได้ที่ตัวเองไม่ดูตาม้าตาเรือ ดังนั้นจึงอยากทำเรื่องชดเชย เมื่อเขาเห็นพันเอกถังอวี้บนเวทีประลองก็ผุดความคิดขึ้นมาฉับพลัน ตั้งคำถามที่โง่สุดขีดมาดึงดูดความสนใจหลี่ซื่ออวี๋ ตอนนี้ดูเหมือนว่าประสิทธิภาพจะไม่เลวเลย หลี่ซื่ออวี๋กลับมาจากการหวนรำลึกจริงๆ สีหน้าก็เปลี่ยนเป็นธรรมชาติมากเหมือนกัน

ในฐานะที่อวิ๋นซิวเป็นนักเรียนทหาร เขาย่อมรู้ว่าอาจารย์ในโรงเรียนต่างเป็นทหารที่มีคุณธรรมซื่อตรง ไม่มีทางทำเรื่องลำเอียงอย่างโจ่งแจ้งแบบนั้น และพันเอกถังอวี้ที่ได้รับการยกย่องทางด้านนี้อย่างกว้างขวางก็ยิ่งเป็นไปไม่ได้เลย

…..

ภายในบ็อกซ์ของอู๋จี๋ พวกหลี่หลานเฟิงเห็นพันเอกถังอวี้ขึ้นเวทีก็ส่งเสียงประหลาดใจออกมาเช่นกัน ไม่รู้ว่าทำไมมหาเทพท่านนี้ถึงโผล่ออกมาบนเวทีเล็กๆ แบบนี้ได้…

มือของหลี่หลานเฟิงที่เดิมทีถือเครื่องดื่มไว้กระตุกขึ้นมาฉับพลัน เขาอดมองไปทางตัวแทนห้าคนของกลุ่มนักเรียนใหม่ไม่ได้ แววตาฉายแววครุ่นคิดออกมาแวบหนึ่ง ‘ในหมู่นักเรียนใหม่พวกนี้ เบื้องหลังของคนไหนกันที่มีความสามารถยอดเยี่ยมขนาดนั้น สามารถสั่นคลอนรูปแบบการทำงานทั้งหมดของโรงเรียนทหารได้? ขนาดตระกูลหลี่ที่เป็นตระกูลชั้นสูงอันดับหนึ่งก็ไม่มีความสามารถนี้ ต่อให้ตระกูลหลี่สามารถโน้มน้าวการตัดสินใจของประธานาธิบดีสหพันธรัฐได้ ก็ไม่อาจขยับเขยื้อนกองทัพได้เลย และโรงเรียนทหารอยู่ในระบบกองทัพ ต่อให้ประธานาธิบดีเองก็ไม่สามารถชี้นิ้วสั่งการโรงเรียนทหารได้เหมือนกัน…’

มุมปากของหลี่หลานเฟิงเผยรอยยิ้มน้อยๆ ออกมา เอ่ยในใจว่า ‘น่าสนใจจริงๆ ดูเหมือนว่าการต่อสู้ของเหลยถิงในคราวนี้จะไม่ง่ายเหมือนที่พวกเขาคิดไว้แล้ว!’

…..

เมื่อพันเอกถังอวี้ขึ้นไปบนเวทีก็กระแอมไอทันใด เสียงโหวกเหวกแต่เดิมที่ดังขึ้นเพราะการปรากฏตัวของพันเอกถังอวี้พลันเงียบลงไป พันเอกถังอวี้เผยรอยยิ้มจางๆ แล้วค่อยเอ่ยปากว่า “ฉันคือกรรมการตัดสินการประลองต่อสู้มือเปล่าระหว่างกลุ่มนักเรียนใหม่และกลุ่มเหลยถิงในวันนี้ ฉันจะตัดสินตามความยุติธรรม ถ้าหากไม่พอใจผลการประลองหลังจากที่สิ้นสุดลง หรือว่าไม่พอใจคำตัดสินของฉัน สามารถยื่นเรื่องขอคนกลางตัดสินชี้ขาดกับฝ่ายอนุญาโตตุลาการของโรงเรียนได้…”

ถังอวี้กล่าวถึงตรงนี้ ดวงตาสองข้างก็เหลือบมองตัวแทนห้าคนของทั้งสองฝ่าย เมื่อเห็นสีหน้าของทั้งสองฝ่ายไม่เปลี่ยนแปลงก็ผงกศีรษะน้อยๆ ชมเชยว่าตัวแทนที่สองฝ่ายเลือกมามีคุณสมบัติไม่เลวเลย

ดังนั้นเขาจึงพูดต่อว่า “การประลองนี้เป็นการเอาชนะสามในห้ารอบ ให้ทั้งสองฝ่ายส่งตัวแทนออกมาฝั่งละห้าคน ตัวแทนห้าคนที่เข้าร่วมการต่อสู้จะไม่ถูกประกาศออกมาล่วงหน้าเพื่อรับรองความยุติธรรม ให้หัวหน้าแต่ละฝั่งส่งรายชื่อตัวแทนกลุ่มที่ได้รับคัดเลือกให้เข้าร่วมการประลองมาให้ฉันก่อนเริ่มการประลองหนึ่งนาที จำไว้ว่าเมื่อส่งรายชื่อถึงมือฉันแล้วจะเปลี่ยนแปลงไม่ได้อีก ไม่อย่างนั้นจะตัดสินให้ฝ่ายที่เปลี่ยนแปลงพ่ายแพ้ทันที”

เมื่อเห็นสองฝ่ายทยอยกันพยักหน้าบ่งบอกว่าเข้าใจแล้ว ถังอวี้ก็กล่าวต่อว่า “ยังมีอีกเรื่อง ทั้งสองฝ่ายตกลงกันว่าการประลองครั้งนี้มีการเดิมพันอยู่ด้วย ดังนั้นจะต้องบอกการเดิมพันให้ชัดเจนก่อนการประลอง กฎของโรงเรียนระบุไว้ว่าเนื้อหาของการเดิมพันไม่อาจมีเค้าความที่ฝ่าฝืนกฎทุกอย่างที่ทางโรงเรียนทหารห้ามไว้…”

ถังอวี้เอ่ยถึงตรงนี้ก็กวาดสายตาเย็นเยียบราวกับมีดไปที่สมาชิกของกลุ่มอำนาจทั้งสองฝ่ายที่นั่งอยู่บนแท่น ทำให้คนเหล่านั้นใจสั่นสะท้าน มีนักเรียนหลายคนที่ความสามารถด้อยเล็กน้อยถูกข่มขวัญจนหลั่งเหงื่อเย็นๆ ออกมาทั่วทั้งร่าง

“เนื่องจากเหลยถิงเป็นฝ่ายท้าประลอง รบกวนกรอกการเดิมพันของเธอเข้าไปในออปติคัลคอมพิวเตอร์หลักของโรงเรียนทหารด้วย” ถังอวี้ส่งสัญญาณให้กลุ่มหุ่นรบเหลยถิงกรอกการเดิมพันเข้าไปข้างในอย่างเป็นทางการ

ไม่นานหน้าจอขนาดใหญ่ด้านหลังเวทีประลองก็ปรากฏเนื้อหาการเดิมพันขึ้นมา มันเรียบง่ายมาก มีเพียงตัวอักษรบรรทัดเดียวเท่านั้น เนื้อหาการเดิมพันคือ ‘ถ้าหากเหลยถิงชนะ สมาชิกทั้งหมดของกลุ่มนักเรียนใหม่จะต้องเข้าร่วมกลุ่มเหลยถิง!’

เมื่อการเดิมพันนี้ปรากฏขึ้น ทุกคนที่ชมการประลองต่างฮือฮาขึ้นมาอีกครั้ง กระทั่งคนในบ็อกซ์ที่ชมการประลองก็ตะลึงงัน ใจเย็นไม่ได้แล้วเช่นกัน

“ทำไมถึงเป็นการเดิมพันนี้ เหลยถิงให้ความสำคัญกับคุณภาพสมาชิกมากเลยไม่ใช่เหรอ? ทำไมถึงรับหมดทั้งกลุ่ม? หรือว่ากลุ่มนักเรียนใหม่มีความลับอะไรที่พวกเราไม่รู้?”

ผู้นำของกลุ่มอำนาจใหญ่ต่างๆ ทยอยกันร้องตะโกนขึ้นมา พวกเขาไม่อาจเชื่อทุกสิ่งทุกอย่างที่ตัวเองเห็นได้ ตอนแรกพวกเขาคิดว่าเหลยถิงจะเรียกร้องให้กลุ่มนักเรียนใหม่สลายตัว หลังจากนั้นค่อยรับนักเรียนใหม่ที่มีฝีมือกลุ่มหนึ่งเข้าร่วมเหลยถิง และพวกเขาก็สามารถฉวยโอกาสในตอนที่วุ่นวายได้ ใช้ประโยชน์ตอนที่สมาชิกกลุ่มนักเรียนใหม่ยังแค้นเหลยถิง รับนักเรียนใหม่ที่มีฝีมือส่วนหนึ่งเข้ากลุ่ม

อย่างไรก็ตาม การเดิมพันของเหลยถิงทำลายแผนการของพวกเขาทันที วิธีการที่ไม่ยอมให้ผลประโยชน์ทั้งหมดหลุดรอดสักนิดเดียวของเหลยถิงนี้ทำให้พวกเขาไม่พอใจสุดขีด

ภายในบ็อกซ์อู๋จี๋ พวกหานอวี้ตะลึงงันอย่างหาใดเปรียบเช่นกัน เขากับเว่ยจี้สบตากัน ทำหน้าไม่เข้าใจ

พวกเขามองไปทางหลี่หลานเฟิงตามจิตใต้สำนึก หวังว่าหลี่หลานเฟิงสามารถให้คำตอบแก่พวกเขาได้ ถึงแม้พวกเขาจะหวั่นเกรงหลี่หลานเฟิงอย่างยิ่ง แต่พวกเขาเชื่อมั่นความสามารถในการวิเคราะห์ของหลี่หลานเฟิง หลี่หลานเฟิงมักจะสามารถจี้ถูกจุดสำคัญตรงที่พวกเขาคิดไม่ออกอยู่หลายครั้ง

หลี่หลานเฟิงเห็นสายตาของทั้งสองคนก็เอ่ยปากกล่าวว่า “ฉันเองก็ไม่รู้ว่าทำไมเหลยถิงถึงทำแบบนี้ แต่มั่นใจว่ากลุ่มนักเรียนใหม่จะต้องมีจุดที่ทำให้เหลยถิงจ้องตาเป็นมันแน่นอน” หานอวี้กับเว่ยจี้ผงกศีรษะ พวกเขาก็คิดจุดนี้ได้เหมือนกัน

“ช่วงเวลาก่อนหน้านี้ กลุ่มอำนาจใหญ่หลายกลุ่มกำลังเจาะข้อมูลการประเมินทดสอบเข้าโรงเรียนของนักเรียนใหม่อยู่ ไม่รู้ว่าเหลยถิงได้ข้อมูลมาแล้วหรือเปล่า” หลี่หลานเฟิงเอ่ยเตือนทั้งคู่โดยที่ไม่ได้ปกปิดเลย

ไม่ใช่ว่าหลี่หลานเฟิงไม่อยากเก็บงำไว้ แต่เขารู้ดีว่า ต่อให้เขาพูดหรือไม่พูด อย่างช้าสุดอีกไม่กี่วันหานอวี้กับเว่ยจี้ก็สามารถนึกถึงเรื่องนี้ได้เช่นกัน ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ไม่สู้พูดไปตรงๆ เลยดีกว่า ให้อีกฝ่ายคิดว่าเขาไม่ได้ปกปิดอะไรพวกเขาจริงๆ ยิ่งไปกว่านั้น ความลับที่สำคัญที่สุดยังคงอยู่ในมือเขา หลี่หลานเฟิงยังคงไม่เห็นข้อมูลเล็กน้อยพวกนี้อยู่ในสายตาจริงๆ

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+