บุตรอสูรบรรพกาลบุตรอสูรบรรพกาล 188 ก้าวหน้า

Now you are reading บุตรอสูรบรรพกาล Chapter บุตรอสูรบรรพกาล 188 ก้าวหน้า at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

 

บุตรอสูรบรรพกาล ตอนที่ 188 ก้าวหน้า

 

เคร๊ง!! “โอ้ย เจ็บๆๆๆ” หลินหลินร้องครวญครางออกมา หลังจากโดนไก่ฟ้าหงอนทองเตะเข้าที่ลําตัวของนาง 

 

“โอ้ ยอดเลย ไม่เป็นรอยสักนิด”ไก่ฟ้าหงอนทองว่าพลางเพ่งมองร่างแมงมุมของหลินหลิน หลังจากกินมรกตดําลงไปจํานวนมาก หลินหลินก็นําแร่ดังกล่าวมาทําเกราะได้สําเร็จ แม้แต่กรงเล็บของไก่ฟ้าหงอนทองยังสร้างรอยขีดข่วนไม่ได้ แต่กําลังเตะของมันก็หนักจนหลินหลินรับแทบไม่ไหวเช่นกัน

 

“ไม่เอาแล้ว ท่านน้าเล่นแรงเกินไปแล้ว” หลินหลินว่าพลางลุกขึ้นมาตัวตรงหากเป็นอสูรตนอื่นที่มีระดับเท่าๆ กับหลินหลินมีหวังโดนกรงเล็บของน้าไก่ฟ้าเฉือนไปแล้วแน่ๆ

 

“เอาน่าๆ เพื่อเป็นการทดสอบยังไงล่ะ”ไก่ฟ้าหงอนทองว่าพลางหัวเราะอย่างอารมณ์ดี แม้จะเป็นการเตะ แบบไม่เต็มแรง แต่การที่หลินหลินที่พึ่งอยู่ระดับหยกขาวกลับมาสามารถรับกรงเล็บของไก่ฟ้าหงอนทองที่ตอนนี้อยู่ระดับบรรพกาลได้นับว่าเป็นผลลับที่น่าพี่งพอใจอย่างมากแล้ว

 

“ว่าแต่ ขาของเจ้าทําให้คมกว่านี้ไม่ได้เหรอ”ไก่ฟ้าหงอนทองว่าพลางมองขาของหลินหลิน

 

“ไม่เอา แบบนั้นมันเดินลําบากนี่นา” หลินหลินโวยพลางทําหน้าบึง ท่าทางนางจะยังไม่หายโกรธที่น้าไก่ฟ้าเตะเสียนางจุกเลย

 

“อืม แบบนั้นอาวุธขอองเจ้าก็เหลือแต่ฟันสินะ”ไก่ฟ้าหงอนทองตอบพลางพยักหน้าช้าๆ

 

“ฟัน” หลินหลินเอียงคออย่างสงสัย ทําไมนางต้องใช้ฟันเป็นอาวุธด้วย

 

“ใช่ เวลาเจ้าต่อสู้เจ้าไม่ได้ใช้ฟันของเจ้างั้นหรือ”น้าไก่ฟ้า ถามอย่างประหลาดใจ ปกติการใช้เขี้ยวเล็บสมควรเป็นพื้นฐานการต่อสู้ของอสูรสิ

 

“ไม่อะ ข้าไม่ได้อยากกินพวกมันซะหน่อย” หลินหลินว่าพลางนึกถึงตอนที่พวกผานสิงบุกเข้ามาในเมืองร้อยแปดอสูร ส่วนใหญ่นางใช้ใยแมงมุมกับการพุ่งชนเท่านั้น

 

“อ่อเจ้ากินหินกินดินนี่นา”ไก่ฟ้าหงอนทองนิ่งคิดครู่หนึ่งก่อนจะเริ่มทําความเข้าใจหลินหลินเสียใหม่ นางไม่ได้กินสิ่งมีชีวิตเป็นอาหาร นางเลยอาจจะไม่เคยคิดใช้ฟันกับการต่อสู้มาก่อน บางทีนางอาจจะคิดว่าฟันของนางเป็นของใช้บดหินบกแร่เท่านั้นก็ได้

 

“อืม…”ไก่ฟ้าหงอนทองคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะตัดสินใจบินหายเข้าไปในป่าอยู่หลายอึดใจก่อนจะกลับมาพร้อมอสูรเม่นตนหนึ่ง

 

“ทะ ท่านราชามีอะหรือขอรับ” อสูรเม่นถามพลางมองวังที่มันได้เข้ามาอย่างกล้าๆกลัวๆ อสูรแม่นเป็นอสูรระดับตํานาน มีร่างกายเป็นหินและหนามแหลมที่ทําจากโลหะ

 

“เจ้าช่วยใช้พลังอสูรของเจ้าสร้างหุ่นกลขึ้นมาหน่อย เอารูปร่างเหมือนมนุษย์นะ”ไก่ฟ้าหงอนทองสั่งพลางโบกปีกให้หลินหลินเดินเข้ามาหาตนเอง

 

“ขะ ขอรับ” อสูรเม้นว่าพลางใช้พลังอสูรสร้างหุ่นโลหะขึ้นมาตนหนึ่ง หากดูจากภายนอกแล้วมันเหมือนคนสวมเกราะไม่มีผิด

 

“เอาล่ะ หลินหลินเจ้าลองกัดตรงคอสิ”ไก่ฟ้าหงอนทองยิ้มกว้างพลางสั่งให้หลินหลินเข้าจู่โจม

 

กร้วม! แม้จะงงๆ แต่หลินหลินก็ทําตามแต่โดยดี นางก้มลงกัดที่คอของหุ่นกล ทําเอาคอที่หล่อจากโลหะ ทั้งก้อนขาดวิ่นในพริบตา

 

“อย่างที่คิดเลย ฟันของเจ้าเป็นอาวุธที่ร้ายกาจมาก”ไก่ฟ้าหงอนทองยิ้มอย่างชื่นชม แม้แต่ตัวมันยังไม่เคยเห็นอสูรตนไหนเคี้ยวมรกตดําเล่นอย่างกับขนม ความคมของ เขี้ยวที่หลินหลินมีนั้นช่างน่ากลัวจริงๆ ในโลกนี้คงมีสิ่งของไม่กี่ชนิดที่หลินหลินกัดไม่ได้

 

“เจ้ามีโล่ที่แข็งแกร่งและอาวุธที่คมกริบ เหลือแต่เจ้าต้องใช้ให้เป็นเท่านั้น”ไก่ฟ้าหงอนทองว่าพลาง กางปีกทั้งสองข้างออกทําเอาพื้นที่โดยรอบมืดไปหมด

 

.

 

.

 

ทางด้านหงเยวนั้น นางกําลังตั้งใจอ่านตํารขาของน้ามัง กรอย่างขมัดขเม้น โดยมีราชินีมังกรช่วยเหลืออีกแรงเพราะ ไม่อยากให้ไข่ของตนอยู่โดยไม่มีใครเฝ้าระวังนานนัก

 

“ท่านราชินีมังกร”หงเยว่ว่าพลางเดินเข้าไปหาราชินีมังกรอย่างนอบน้อม

 

“มีอะไรหรือ”ราชินีมังกรถามพลางยิ้มหวาน พอพวกนางทั้งสองอยู่ในร่างมนุษย์นั่งอยู่ในห้องตําราแล้ว ช่างดูเหมือนภาพในโลกของมนุษย์ไม่มีผิด

 

“สมุนไพรพวกนี้หามาได้จริงๆเหรอเจ้าคะ” หงเยว่ถามพลางเอารายชื่อสมุนไพรที่จําเป็นในการปรุงยาให้ราชินีมังกรดู

 

“ได้สิ มังกรธรณีปลูกสมุนไพรหลายๆอย่างเอาไว้บนหลังของเขานั่นละ” ราชินีมังกรตอบพลางยิ้มหวานเช่นเดิม

 

“บนหลัง…แต่ตอนนี้ท่านมีรูปร่างเป็นมนุษย์ไม่ใช่หรือเจ้าคะ” หงเยว่ถามอย่างประหลาดใจ เพราะคราวก่อนที่นางมาร่างจริงของมังกรธรณีก็เปลี่ยนเป็นมนุษย์ไปแล้ว

 

“ตอนนี้เขาย้ายไปปลูกในมิติของเขานะ มันมีรูปร่างเหมือนโลกอีกใบเลย เขาบอกว่ามันก็เหมือนหลังของเขานั่นละ”ราชินีมังกรตอบราวกับเป็นเรื่องธรรมดา

 

“ปลูกสมุนไพรในมิติได้ด้วยงั้นเหรอ”หงเยว่เบิกตากว้างอย่างประหลาดใจ ปกติแล้วการเก็บสมุนไพรเอาไว้ในมิติส่วนตัวเป็นเรื่องที่คนธรรมดาสามัญทํากันหมด แต่การปลูกนั้น ทําได้ค่อยข้างยาก เพราะภายในมิติไม่มีแสงแดด แถมมิติทั่วๆไปไม่อาจเข้าไปจัดการอะไรได้อีกต่างหาก แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะทําไม่ได้ ยิ่งมิติของหงเยว่เป็นมิติของนางพญาที่สามารถส่งเหล่าแมงมุมเข้าไปได้อีกต่างหาก

 

“ขะ ข้าขอไปถามเรื่องนั้นกับท่านมังกรธรณีได้หรือเปล่า เจ้าคะ” หงเยว่ถามพลางหยิบตําราขึ้นมา หากสามารถปลูกสมุนไพรในมิติได้ จํานวนแปลงเพาะปลูกก็จะมีมากมายมหาศาล แถมนางยังสามารถใช้แมงมุมอสูรช่วยกันดูแลได้อีก หากสามารถทําได้จริงนางอาจจะขอให้นายน้อยเรียกแมงมุมอสูรมาช่วยอีกดีหรือเปล่านะ

 

“สบายใช่ไหมละปิงปิง” จิ้งจอกเหมันต์ว่าพลางพากตัวนอนลงบนเตียงของนาง

 

“…” ปิงปิงไม่ได้ตอบอะไร นางเพียงเอาตัวแนบกับเตียงน้ำแข็งของจิ้งจอกเหมันต์อย่างพึงพอใจแทน

 

“อย่าเอาแต่นอนสิ เจ้าต้องซึมซับพลังธาตุน้ำแข็งจากแผ่นน้ำแข็งพันปีพวกนี้นะ”จิ้งจอกเหมันต์ว่าพลางมองท่าที่ของปิงปิงอย่างเอ็นดู นางนอนเอาแก้มแนบกับเตียงน้ำแข็งอย่างกับมันเป็นฟูกนอนนุ่มๆไม่มีผิด แถมท่าทางความเย็นเฉียบของน้ำแข็งพันปีก้อนนี้จะเป็นที่ชื่นชอบของปิงปิงอีกต่างหาก

 

อสูรแมงมุมแต่ละตนของไป๋จูเหวินนั้นมีอาวุธและความสามารถต่างกัน หลินหลินนั้นมีทั้งเกราะที่แข็งแกร่งและฟันที่คมกริบ หงเยว่นั้นนอกจากจะฉลาดแล้วยังมีพิษร้ายถึง ตายที่เป็นความสามารถติดตัวของแมงมุมแม่ม่ายดําอยู่แล้วอีกต่างหาก ส่วนปิงปิงนั้นเป็นแมงมุมน้ำแข็ง ตัวนางสามารถสร้างไอเย็นได้จากร่างกายอย่างอิสระ และแน่นอน นางสามารถใช้ใยแมงมุมได้เช่นเดียวกับแมงมุมตนอื่นๆ แถมใยแมงมุมของหลินหลินยังมีคุณสมบัติแช่แข็งสิ่งที่มันสัมผัสอีกต่างหาก ทําให้ยิ่งปิงปิงสามารถซึมซับไอเย็นได้มากเท่าไหร่ก็จะยิ่งสามารถใช้พลังได้ดีขึ้น

 

ทางด้านไป๋จูเหวินนั้น หลังจากไร้หนทางอื่นสุดท้ายไป๋จูเหวินก็ต้องลองมานั่งใช้เคล้ดวิชาโลหิตมังกรฝึกฝนต่ออย่างช่วยไม่ได้ แต่สิ่งที่ไม่น่าเชื่อก็เกิดขึ้น หลังจากไป๋จูเหวิน เริ่มนั่งลงฝึกฝนเพียง 3 วันพลังของไป๋จูเหวินก็เพิ่มขึ้นจนข้ามผ่านระดับชําระกระดูกขึ้นมาระดับชําระเส้นเอ็นจนได้

 

เพราะไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้นไป๋จูเหวินจึงได้แต่นั่งฝึกฝนต่อไปพลางพยายามคิดว่าทําไมเพียงมันฝึกธรรมดาๆถึงสามารถเพิ่มพูนพลังได้เร็วนัก จนกระทั่งไป๋จูเหวินได้ตระหนักถึงบางอย่างที่มันไม่ใช่เรื่องธรรมดา

 

“เพราะพลังธาตุศักดิ์สิทธิ์งั้นเหรอ”ไป๋จูเหวินพึมพําพลางมองร่างกายของตนเอง ปกติไป๋จูเหวินจะรู้สึกเหมือนพลังวิญญาณของตนพัฒนาไปได้ช้ามาก แต่ในที่สุดมันก็ทราบสาเหตุ นั่นเพราะเวลามันใช้พลังอย่างเต็มที่มันจะใช้วิธีใช้ธาตุศักดิ์สิทธิ์รักษาตัวเองตลอดเวลาไปด้วย

 

นั่น คือสาเหตุที่ทําให้พลังวิญญาณของไป๋จูเหวินพัฒนาได้ช้า เพราะพลังธาตุศักดิ์สิทธิ์ดึงเอาพลังวิญญาณของมันไปรักษาร่างกายอยู่ตลอดเวลานั้นเอง แถมช่วง หลังๆไป๋จูเหวินแทบจะสู้อยู่ตลอดแถมยังบาดเจ็บหนักอยู่หลายครั้ง นั่นทําให้ร่างกายของไปจูเหวินใช้พลังวิญญาณในการรักษาเป็นจํานวนมากจนไม่อาจเอามาพัฒนาตนเองได้นั่นเอง

 

กลับกลายเป็นว่าเวลาไม่กี่วันที่ไป๋จูเหวินได้นั่งพักกับที่โดยไม่ต้องเดินทางหรือคุมงานของสมาคมแพทย์ทําให้ไป๋จูเหวินที่มีร่างกายที่ถูกฟูมฟักมาอย่างดีสามารถพัฒนาพลังได้อย่างต่อเนื่อง หรือก็คือร่างกายของมันต้องการพักผ่อนนั่นเอง

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

บุตรอสูรบรรพกาลบุตรอสูรบรรพกาล 188 ก้าวหน้า

Now you are reading บุตรอสูรบรรพกาล Chapter บุตรอสูรบรรพกาล 188 ก้าวหน้า at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

 

บุตรอสูรบรรพกาล ตอนที่ 188 ก้าวหน้า

 

เคร๊ง!! “โอ้ย เจ็บๆๆๆ” หลินหลินร้องครวญครางออกมา หลังจากโดนไก่ฟ้าหงอนทองเตะเข้าที่ลําตัวของนาง 

 

“โอ้ ยอดเลย ไม่เป็นรอยสักนิด”ไก่ฟ้าหงอนทองว่าพลางเพ่งมองร่างแมงมุมของหลินหลิน หลังจากกินมรกตดําลงไปจํานวนมาก หลินหลินก็นําแร่ดังกล่าวมาทําเกราะได้สําเร็จ แม้แต่กรงเล็บของไก่ฟ้าหงอนทองยังสร้างรอยขีดข่วนไม่ได้ แต่กําลังเตะของมันก็หนักจนหลินหลินรับแทบไม่ไหวเช่นกัน

 

“ไม่เอาแล้ว ท่านน้าเล่นแรงเกินไปแล้ว” หลินหลินว่าพลางลุกขึ้นมาตัวตรงหากเป็นอสูรตนอื่นที่มีระดับเท่าๆ กับหลินหลินมีหวังโดนกรงเล็บของน้าไก่ฟ้าเฉือนไปแล้วแน่ๆ

 

“เอาน่าๆ เพื่อเป็นการทดสอบยังไงล่ะ”ไก่ฟ้าหงอนทองว่าพลางหัวเราะอย่างอารมณ์ดี แม้จะเป็นการเตะ แบบไม่เต็มแรง แต่การที่หลินหลินที่พึ่งอยู่ระดับหยกขาวกลับมาสามารถรับกรงเล็บของไก่ฟ้าหงอนทองที่ตอนนี้อยู่ระดับบรรพกาลได้นับว่าเป็นผลลับที่น่าพี่งพอใจอย่างมากแล้ว

 

“ว่าแต่ ขาของเจ้าทําให้คมกว่านี้ไม่ได้เหรอ”ไก่ฟ้าหงอนทองว่าพลางมองขาของหลินหลิน

 

“ไม่เอา แบบนั้นมันเดินลําบากนี่นา” หลินหลินโวยพลางทําหน้าบึง ท่าทางนางจะยังไม่หายโกรธที่น้าไก่ฟ้าเตะเสียนางจุกเลย

 

“อืม แบบนั้นอาวุธขอองเจ้าก็เหลือแต่ฟันสินะ”ไก่ฟ้าหงอนทองตอบพลางพยักหน้าช้าๆ

 

“ฟัน” หลินหลินเอียงคออย่างสงสัย ทําไมนางต้องใช้ฟันเป็นอาวุธด้วย

 

“ใช่ เวลาเจ้าต่อสู้เจ้าไม่ได้ใช้ฟันของเจ้างั้นหรือ”น้าไก่ฟ้า ถามอย่างประหลาดใจ ปกติการใช้เขี้ยวเล็บสมควรเป็นพื้นฐานการต่อสู้ของอสูรสิ

 

“ไม่อะ ข้าไม่ได้อยากกินพวกมันซะหน่อย” หลินหลินว่าพลางนึกถึงตอนที่พวกผานสิงบุกเข้ามาในเมืองร้อยแปดอสูร ส่วนใหญ่นางใช้ใยแมงมุมกับการพุ่งชนเท่านั้น

 

“อ่อเจ้ากินหินกินดินนี่นา”ไก่ฟ้าหงอนทองนิ่งคิดครู่หนึ่งก่อนจะเริ่มทําความเข้าใจหลินหลินเสียใหม่ นางไม่ได้กินสิ่งมีชีวิตเป็นอาหาร นางเลยอาจจะไม่เคยคิดใช้ฟันกับการต่อสู้มาก่อน บางทีนางอาจจะคิดว่าฟันของนางเป็นของใช้บดหินบกแร่เท่านั้นก็ได้

 

“อืม…”ไก่ฟ้าหงอนทองคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะตัดสินใจบินหายเข้าไปในป่าอยู่หลายอึดใจก่อนจะกลับมาพร้อมอสูรเม่นตนหนึ่ง

 

“ทะ ท่านราชามีอะหรือขอรับ” อสูรเม่นถามพลางมองวังที่มันได้เข้ามาอย่างกล้าๆกลัวๆ อสูรแม่นเป็นอสูรระดับตํานาน มีร่างกายเป็นหินและหนามแหลมที่ทําจากโลหะ

 

“เจ้าช่วยใช้พลังอสูรของเจ้าสร้างหุ่นกลขึ้นมาหน่อย เอารูปร่างเหมือนมนุษย์นะ”ไก่ฟ้าหงอนทองสั่งพลางโบกปีกให้หลินหลินเดินเข้ามาหาตนเอง

 

“ขะ ขอรับ” อสูรเม้นว่าพลางใช้พลังอสูรสร้างหุ่นโลหะขึ้นมาตนหนึ่ง หากดูจากภายนอกแล้วมันเหมือนคนสวมเกราะไม่มีผิด

 

“เอาล่ะ หลินหลินเจ้าลองกัดตรงคอสิ”ไก่ฟ้าหงอนทองยิ้มกว้างพลางสั่งให้หลินหลินเข้าจู่โจม

 

กร้วม! แม้จะงงๆ แต่หลินหลินก็ทําตามแต่โดยดี นางก้มลงกัดที่คอของหุ่นกล ทําเอาคอที่หล่อจากโลหะ ทั้งก้อนขาดวิ่นในพริบตา

 

“อย่างที่คิดเลย ฟันของเจ้าเป็นอาวุธที่ร้ายกาจมาก”ไก่ฟ้าหงอนทองยิ้มอย่างชื่นชม แม้แต่ตัวมันยังไม่เคยเห็นอสูรตนไหนเคี้ยวมรกตดําเล่นอย่างกับขนม ความคมของ เขี้ยวที่หลินหลินมีนั้นช่างน่ากลัวจริงๆ ในโลกนี้คงมีสิ่งของไม่กี่ชนิดที่หลินหลินกัดไม่ได้

 

“เจ้ามีโล่ที่แข็งแกร่งและอาวุธที่คมกริบ เหลือแต่เจ้าต้องใช้ให้เป็นเท่านั้น”ไก่ฟ้าหงอนทองว่าพลาง กางปีกทั้งสองข้างออกทําเอาพื้นที่โดยรอบมืดไปหมด

 

.

 

.

 

ทางด้านหงเยวนั้น นางกําลังตั้งใจอ่านตํารขาของน้ามัง กรอย่างขมัดขเม้น โดยมีราชินีมังกรช่วยเหลืออีกแรงเพราะ ไม่อยากให้ไข่ของตนอยู่โดยไม่มีใครเฝ้าระวังนานนัก

 

“ท่านราชินีมังกร”หงเยว่ว่าพลางเดินเข้าไปหาราชินีมังกรอย่างนอบน้อม

 

“มีอะไรหรือ”ราชินีมังกรถามพลางยิ้มหวาน พอพวกนางทั้งสองอยู่ในร่างมนุษย์นั่งอยู่ในห้องตําราแล้ว ช่างดูเหมือนภาพในโลกของมนุษย์ไม่มีผิด

 

“สมุนไพรพวกนี้หามาได้จริงๆเหรอเจ้าคะ” หงเยว่ถามพลางเอารายชื่อสมุนไพรที่จําเป็นในการปรุงยาให้ราชินีมังกรดู

 

“ได้สิ มังกรธรณีปลูกสมุนไพรหลายๆอย่างเอาไว้บนหลังของเขานั่นละ” ราชินีมังกรตอบพลางยิ้มหวานเช่นเดิม

 

“บนหลัง…แต่ตอนนี้ท่านมีรูปร่างเป็นมนุษย์ไม่ใช่หรือเจ้าคะ” หงเยว่ถามอย่างประหลาดใจ เพราะคราวก่อนที่นางมาร่างจริงของมังกรธรณีก็เปลี่ยนเป็นมนุษย์ไปแล้ว

 

“ตอนนี้เขาย้ายไปปลูกในมิติของเขานะ มันมีรูปร่างเหมือนโลกอีกใบเลย เขาบอกว่ามันก็เหมือนหลังของเขานั่นละ”ราชินีมังกรตอบราวกับเป็นเรื่องธรรมดา

 

“ปลูกสมุนไพรในมิติได้ด้วยงั้นเหรอ”หงเยว่เบิกตากว้างอย่างประหลาดใจ ปกติแล้วการเก็บสมุนไพรเอาไว้ในมิติส่วนตัวเป็นเรื่องที่คนธรรมดาสามัญทํากันหมด แต่การปลูกนั้น ทําได้ค่อยข้างยาก เพราะภายในมิติไม่มีแสงแดด แถมมิติทั่วๆไปไม่อาจเข้าไปจัดการอะไรได้อีกต่างหาก แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะทําไม่ได้ ยิ่งมิติของหงเยว่เป็นมิติของนางพญาที่สามารถส่งเหล่าแมงมุมเข้าไปได้อีกต่างหาก

 

“ขะ ข้าขอไปถามเรื่องนั้นกับท่านมังกรธรณีได้หรือเปล่า เจ้าคะ” หงเยว่ถามพลางหยิบตําราขึ้นมา หากสามารถปลูกสมุนไพรในมิติได้ จํานวนแปลงเพาะปลูกก็จะมีมากมายมหาศาล แถมนางยังสามารถใช้แมงมุมอสูรช่วยกันดูแลได้อีก หากสามารถทําได้จริงนางอาจจะขอให้นายน้อยเรียกแมงมุมอสูรมาช่วยอีกดีหรือเปล่านะ

 

“สบายใช่ไหมละปิงปิง” จิ้งจอกเหมันต์ว่าพลางพากตัวนอนลงบนเตียงของนาง

 

“…” ปิงปิงไม่ได้ตอบอะไร นางเพียงเอาตัวแนบกับเตียงน้ำแข็งของจิ้งจอกเหมันต์อย่างพึงพอใจแทน

 

“อย่าเอาแต่นอนสิ เจ้าต้องซึมซับพลังธาตุน้ำแข็งจากแผ่นน้ำแข็งพันปีพวกนี้นะ”จิ้งจอกเหมันต์ว่าพลางมองท่าที่ของปิงปิงอย่างเอ็นดู นางนอนเอาแก้มแนบกับเตียงน้ำแข็งอย่างกับมันเป็นฟูกนอนนุ่มๆไม่มีผิด แถมท่าทางความเย็นเฉียบของน้ำแข็งพันปีก้อนนี้จะเป็นที่ชื่นชอบของปิงปิงอีกต่างหาก

 

อสูรแมงมุมแต่ละตนของไป๋จูเหวินนั้นมีอาวุธและความสามารถต่างกัน หลินหลินนั้นมีทั้งเกราะที่แข็งแกร่งและฟันที่คมกริบ หงเยว่นั้นนอกจากจะฉลาดแล้วยังมีพิษร้ายถึง ตายที่เป็นความสามารถติดตัวของแมงมุมแม่ม่ายดําอยู่แล้วอีกต่างหาก ส่วนปิงปิงนั้นเป็นแมงมุมน้ำแข็ง ตัวนางสามารถสร้างไอเย็นได้จากร่างกายอย่างอิสระ และแน่นอน นางสามารถใช้ใยแมงมุมได้เช่นเดียวกับแมงมุมตนอื่นๆ แถมใยแมงมุมของหลินหลินยังมีคุณสมบัติแช่แข็งสิ่งที่มันสัมผัสอีกต่างหาก ทําให้ยิ่งปิงปิงสามารถซึมซับไอเย็นได้มากเท่าไหร่ก็จะยิ่งสามารถใช้พลังได้ดีขึ้น

 

ทางด้านไป๋จูเหวินนั้น หลังจากไร้หนทางอื่นสุดท้ายไป๋จูเหวินก็ต้องลองมานั่งใช้เคล้ดวิชาโลหิตมังกรฝึกฝนต่ออย่างช่วยไม่ได้ แต่สิ่งที่ไม่น่าเชื่อก็เกิดขึ้น หลังจากไป๋จูเหวิน เริ่มนั่งลงฝึกฝนเพียง 3 วันพลังของไป๋จูเหวินก็เพิ่มขึ้นจนข้ามผ่านระดับชําระกระดูกขึ้นมาระดับชําระเส้นเอ็นจนได้

 

เพราะไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้นไป๋จูเหวินจึงได้แต่นั่งฝึกฝนต่อไปพลางพยายามคิดว่าทําไมเพียงมันฝึกธรรมดาๆถึงสามารถเพิ่มพูนพลังได้เร็วนัก จนกระทั่งไป๋จูเหวินได้ตระหนักถึงบางอย่างที่มันไม่ใช่เรื่องธรรมดา

 

“เพราะพลังธาตุศักดิ์สิทธิ์งั้นเหรอ”ไป๋จูเหวินพึมพําพลางมองร่างกายของตนเอง ปกติไป๋จูเหวินจะรู้สึกเหมือนพลังวิญญาณของตนพัฒนาไปได้ช้ามาก แต่ในที่สุดมันก็ทราบสาเหตุ นั่นเพราะเวลามันใช้พลังอย่างเต็มที่มันจะใช้วิธีใช้ธาตุศักดิ์สิทธิ์รักษาตัวเองตลอดเวลาไปด้วย

 

นั่น คือสาเหตุที่ทําให้พลังวิญญาณของไป๋จูเหวินพัฒนาได้ช้า เพราะพลังธาตุศักดิ์สิทธิ์ดึงเอาพลังวิญญาณของมันไปรักษาร่างกายอยู่ตลอดเวลานั้นเอง แถมช่วง หลังๆไป๋จูเหวินแทบจะสู้อยู่ตลอดแถมยังบาดเจ็บหนักอยู่หลายครั้ง นั่นทําให้ร่างกายของไปจูเหวินใช้พลังวิญญาณในการรักษาเป็นจํานวนมากจนไม่อาจเอามาพัฒนาตนเองได้นั่นเอง

 

กลับกลายเป็นว่าเวลาไม่กี่วันที่ไป๋จูเหวินได้นั่งพักกับที่โดยไม่ต้องเดินทางหรือคุมงานของสมาคมแพทย์ทําให้ไป๋จูเหวินที่มีร่างกายที่ถูกฟูมฟักมาอย่างดีสามารถพัฒนาพลังได้อย่างต่อเนื่อง หรือก็คือร่างกายของมันต้องการพักผ่อนนั่นเอง

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+