บุตรอสูรบรรพกาลบุตรอสูรบรรพกาล 198 มารครอบงํา

Now you are reading บุตรอสูรบรรพกาล Chapter บุตรอสูรบรรพกาล 198 มารครอบงํา at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

 

บุตรอสูรบรรพกาล ตอนที่ 198 มารครอบงํา

 

“เจ้านี้เหมือนเดิมไม่เปลี่ยนเลยนะ” หยงเวยว่าพลางมองหลินหลินที่กําลังนั่งเคี้ยวหยกที่ต้นสร้างขึ้นมาด้วยท่าทีดีอกดีใจ

 

“ขะ ข้ายังไม่ได้บอกว่าข้าไว้ใจท่านแล้วนะ” หลินหลินพูดพลางแยกเขี้ยวใส่หยงเวย แต่เพราะหลินหลินไม่ได้โจมตีหยงเวยแล้วปิงปิงเลยไม่ได้ทําอะไรไปด้วย

 

“ก็บอกแล้วไงว่าข้าขอโทษ” หยงเวยส่ายหัวพลางถอนหายใจออกมา

 

“พี่เวยไม่รู้หรอกว่าตอนนั้นข้าตกใจแค่ไหน” หลินหลินทําแก้มปองพลางมองค้อนหยงเวยเข้าอย่างจัง

 

“งั้นจะให้ข้าทําอะไรเจ้าถึงจะยกโทษให้ละ” หยงเวยถามด้วยสีหน้าลําบากใจ ก่อนที่มันจะโดนพลังมารเข้าครอบงำมันก็สนิทกับหลินหลินไม่น้อย แต่พอโดนพลังมารเข้าครอบงํามันก็ดันไปโจมตีหลินหลินเข้า แถมยังไม่ได้เจอหน้ากันอีกเลยจนตอนนี้ แต่มันก็รู้สึกโล่งใจที่ยังพอใช้อาหารล่อให้นางใจเย็นลงได้

 

“ไม่ พี่เวยเป็นคนไม่ดี ข้าไม่ไว้ใจพี่เวยแล้ว” หลินหลินว่าพลางกินหยกจากมือของคนที่นางไม่ไว้ใจอย่างอารมณ์ดี 

 

“เอาเถอะ เจ้าไม่โจมตีข้าก็พอแล้ว” หยงเวยว่าพลางลูบหัวของหลินหลินอย่างเอ็นดู

 

กร้อป! ยังไม่ทันโดนตัวหลินหลินมือมรกตของมันก็โดนตัดขาดไปอีกรอบเสียแล้ว ท่าทางนางจะยังไม่ยอมให้มันแตะตัวเหมือนสมัยก่อนกระมัง

 

“เจ้านี้อย่าไปกัดใครมั่วซั่วเชียวนะ” หยงเวยมองมือมรกตที่มันสร้างขึ้นมาจากพลังมารด้วยสีหน้าซีดเผือด หากเป็นแขนคนธรรมดามีหวังขาดไปแล้วแน่ๆ แต่ถึงจะเป็นมือมรกตมันก็แตกไม่มีชิ้นดีอยู่ดี นับว่าโชคดีมากที่หยงเวยสามารถซ่อมมันได้ง่ายๆ

 

“พี่ชาย หอตําราไปทางไหนหรือ” ขระกําลังดูหลินหลินกินอาหารอยู่นั้น ที่หน้าประตูก็ปรากฏชายคนหนึ่งเดินเข้ามาในตัววัด มันเป็นชายวัยกลางคนที่ผอมและสูง แต่หยงเวยไม่มีพลังวิญญาณเช่นเดียวกับหลินหลินและปิงปิงที่มีแต่พลังอสูร พวกมันทั้ง 3 ไม่สามารถตรวจสอบได้ว่าอีกฝ่ายเป็นผู้มีพลังวิญญาณหรือไม่

 

“ข้าจะนําทางให้ท่านเองขอรับ” หยงเวยว่าพลางสังเกตอาการของหลินหลิน นางไม่มีปฏิกิริยาอะไรกับชายคนนั้น ท่าทางมันจะไม่ใช่อสูร และตัวมันก็ไม่มีกลิ่นอายพลังมารด้วยหยงเวยเลยวางใจได้

 

“ทางนี้ขอรับ”หยงเวยว่าพลางพาชายวัยกลางคนมาที่หอตําราของวัด ซึ่งเป็นเรื่องปกติอยู่แล้วที่จะมีคนเข้าวัดเพื่อศึกษาตําราธรรมมะ แม้จะมีไม่มากนักเพราะวัดอยู่ไกลจากเมืองพอสมควรก็ตาม

 

“ถ้าหาอะไรไม่เจอบอกข้าได้นะขอรับ ข้าจะหยิบมาให้ท่านเอง”หยงเวยตอบด้วยท่าที่สุภาพ เพราะตั้งแต่เข้ามาช่วยงานในวันหยงเวยก็ทําหน้าที่นําทางและทําความสะอาดหอตําราอยู่ตลอด แถมหยงเวยยังศึกษาตําราธรรมมะพวกนี้มาหมดแล้วด้วย ทําให้มันทราบหมดว่ามีตําราเล่มใดอยู่ตรงไหน

 

“ไม่ต้องหรอก ข้าเจอสิ่งที่ข้าต้องการแล้ว” ชายวัยกลางคนหยุดอยู่ตรงหน้ากําแพงว่างเปล่าแห่งหนึ่ง มันยกมือขึ้นไปจับกําแพงพลางเปิดกําแพงออกด้วยกําลังมหาศาล ท่าทางชายคนนี้จะไม่ใช่คนธรรมดาเสียแล้ว

 

ตูม! ทันทีที่ประตูเปิดออก ชายตรงหน้าหยงเวยก็เตะเข้าที่ร่างของหยงเวยอย่างจัง ด้วยกําลังมหาศาลระดับนี้สมควรคร่าชีวิตคนธรรมดาได้อย่างง่ายดายไปแล้ว แต่ไม่ใช่กับหยงเวย

 

ครืดด หยงเวยถอยออกมานิดหน่อยทําให้ชายที่กําลังเปิดกําแพงลวงตาออกตกใจไม่น้อย หยงเวยไม่มีพลังวิญญาณเลยแต่กลับสามารารถรับลูกเตะของมันโดยไม่สะดุ้งสะเทือนได้ มันย่อมไม่ใช่คนธรรมดาเสียแล้ว

 

“เจ้ามาเพื่อชิงตํารามารสินะ” หยงเวยว่าพลางมองภายในกําแพง หยงเวยที่สามารถสัมผัสพลังมารได้ทราบเรื่องตํารามารที่ถูกเก็บเอาไว้ในหอตําราอยู่แล้ว แต่ไม่นึกว่าจะมีคนคิดมาชิงมันไปด้วย

 

“เจ้า…” ชายวัยกลางคนว่าพลางมองหยงเวยนิ่ง มันไม่สามารถสัมผัสพลังวิญญาณจากตัวหยงเวย แต่ไม่ทราบทําไมตัวมันถึงรู้สึกหนาวสั่นขึ้นมาเสียเฉยๆ

 

“เจ้าเป็นผู้ใช้พลังมาร”ชายคนนั้นว่าพลางหันหลังหนีออกไปข้างนอก แต่หยงเวยก็ตามออกไปในทันทีด้วยความเร็วที่เหนือกว่าเล็กน้อย

 

“หยุด”เห็นว่าตนหนีไม่ทัน ชายวัยกลางคนเลยตัดสินใจวิ่งเข้าไปหาหลินหลินที่อยู่ตรงอาคารด้านหน้าแทน มันตรงเข้าไปล็อคคอหลินหลินเอาไว้พลางนํามีดออกมาจ่อไปที่คอของนาง

 

“ถ้าเจ้าเข้ามาข้าจะแทงคอนางให้ตาย” เพราะทราบดีว่าความเร็วของตนต่ำกว่าหยงเวย ทําให้มันเลือกใช้วิธีจับตัวประกัน

 

“…”น่าเสียดาย มีดในมือของมันไม่ได้ทําให้หยงเวยกลัวแต่อย่างไร

 

“ทําไมท่านมาจับข้าล่ะ มันเจ็บนะ” หลินหลินว่าพลางดันแขนของชายคนนั้นออกอย่างง่ายดาย

 

ทําเอาชายวัยกลางคนสะดุ้งโหยง

 

“เจ้าเองก็เป็นผู้ใช้พลังมารงั้นเหรอ”ชายวัยกลางคนถามพลางมองมาทางหลินหลินอย่างตื่นตระหนก เพราะกําลังของนางเหนือกว่าตัวมันเสียอีก

 

“ข้าไม่ใช่มารนะ ข้าไม่เหมือนพี่เวยซะหน่อย” หลินหลินโวยพลางผลัดร่างของชายคนนั้นออกไปห่างตัว

 

“อัก” ชายที่โดนหลินหลินผลักกระแทกเข้ากับกําแพงอย่างจังจนกระอักเลือดออกมา

 

“หลินหลินเจ้าเบามือหน่อย ที่นี่เป็นเขตวัดอย่าฆ่าเลย”หยงเวยว่าพลางเดินเข้าไปดูอาการของอีกฝ่าย เห็นมันแค่บาดเจ็บภายในก็เลยโล่งใจ

 

“อย่าคิดว่าจบแค่นี้นะ พวกข้าล้อมที่นี่เอาไว้หมดแล้ว”ชายวัยกลางคนว่าพลางกําหมัดแน่น ตอนแรกมันนึกว่าพวกหยงเวยเป็นแค่คนธรรมดาเลยกะจะมาชิงตําราไปเฉยๆ ไม่นึกเลยว่าจะโดนพวกหยงเวยเล่นงานได้ง่ายดายเช่นนี้ แต่ถึงพวกมันจะเก่งแต่ลูกพี่ของมันต้องเอาชนะพวกหยงเวยได้แน่ๆ

 

“ข้าบอกแล้วว่าบุกตั้งแต่แรกก็จบแล้ว” ชายคนหนึ่งกระโดดลงมายืนบนกําแพงวัดอย่างรวดเร็ว ไม่นานเหล่าพวกพ้องของชายกลางคนก็พากันเข้ามาในวัดเต็มไปหมด หากประเมินด้วยตาเปล่าก็คงมีคนราวๆ 30 คนได้

 

“พวกเจ้าอยากได้ตําราพวกนั้นไปทําอะไร” หยงเวยถามพลางมองเข้าไปในหอตํารา ตํารามารแม้จะมีข้อดีที่ฝึกฝนได้อย่างง่ายดาย แต่ก็มีข้อเสียที่ต้องโดนจิตมารเข้าเล่นงานเสมอ หากจิตใจอ่อนแอเช่นหยงเวยในตอนแรก ไม่นานก็คงโดนมารในใจครอบงาจนไม่เป็นตัวเองแน่ๆ

 

“พวกเจ้าหลบไปก่อน” หยงเวยว่าพลางเดินออกมาข้างหน้าของพวกหลินหลิน เพราะมันไม่อาจวัดพลังของอีกฝ่ายได้ หยงเวยเลยไม่อยากประมาท

 

“ข้าก็สู้ได้นะ พี่เวยนั่นละถอยไป” หลินหลินว่าพลางเดินขึ้นมายืนข้างๆหยงเวยในทันที นางเดินทางกับไป๋จูเหวินมานาน เจอคนมีฝีมือมามาก และคนพวกนี้ก็ไม่เหมือนคนพวกนั้นเลย

 

“มันไม่จําเป็นต้องให้พวกเจ้ามาเหนื่อยหรอก” หยงเวยว่าพลางเรียกดาบมรกตออกมา พริบตานั้นพลังมารของมันก็แผ่ออกไปรอบๆพร้อมพื้นที่เริ่มปรากฏเนื้อมรกตขึ้นมาแทนผืนดิน

 

วูบ ก้อนมรกตจํานวนมากงอกออกมาจากผืนดินราวกับหญ้าที่แทรกผืนดินขึ้นมาเพื่อเติบโต เพียงแต่เหล่ามรกตไม่ได้งอกออกมาเฉยๆ แต่มันเริ่มก่อรูปร่างจนกลายเป็นรูปปั้นหยกที่มีรูปร่างเหมือนนักรบสวมเกราะไม่มีผิด

 

“จับพวกมัน” หยงเวยว่าพลางปักดาบมรกตลงพื้น พริบตานั้นหุ่นทหารมรกตของหยงเวยก็ตรงเข้าเล่นงานพวกพ้องของชายวัยกลางคนทันที

 

ฟุบ! ใยแมงมุมของหลินหลินกับปิงปิงพุ่งไปข้างหน้าจับตัวพวกชิงตําราเอาไว้อย่างง่ายดาย เพียงพริบตาเดียวคนที่เข้ามาชิงตําราก็โดนจับตัวจนหมด

 

“ปล่อยนะโว้ย ถ้าไม่อยากให้ลูกพี่เราเล่นงานพวกเจ้า” ชายคนหนึ่งโวยพลางพยายามดิ้นจากใยแมงมุมของหลินหลิน แต่คนที่ซวยที่สุดคงหนีไม่พ้นคนที่โดนใยแมงมุมของปิงปิงที่แทบจะโดนแช่แข็งอยู่รอมร่อ

 

“ลูกพี่พวกเจ้า” หยงเวยว่าใช้รูปปั้นมรกตจับตัวพวกชิงตํารามารวมกันทีเดียวแล้วให้หลินหลินมัดร่างของพวกมันเอาไว้ทั้งหมด

 

“ถ้าลูกพี่ของพวกเรามา…อื้อ” หยงเวยใช้รูปปั้นมรกตปิดปากชายคนนั้นเอาไว้ ไม่ใช่เพราะคิกว่ามันพูดเรื่องไร้สาระ แต่เพราะมันสัมผัสได้ถึงพลังมารที่ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ 

 

“มันสินะลูกพี่ของเจ้าพวกนี้”หยงเวยว่าพลางเดินออกไปนอกประตู ที่นั้นปรากฏร่างของชายคนหนึ่งที่สวมชุดสีดําสนิทเอาไว้ไม่เหมือนคนที่จะมาวัดเลยแม้แต่น้อย

 

“เจ้าเองก็ฝึกวิชามารสินะ” ชายตรงหน้าหยงเวยพูดพลางเดินตรงเข้ามาหาหยงเวยอย่างเรียบเฉย

 

“น่าเสียดายที่พลังมารของเจ้ายังไม่ตื่น” ชายสวมชุดดําว่าพลางหยุดยืนอยู่ตรงหน้าหยงเวย

 

ตูม! ร่างของหยงเวยลอยออกมาหลายเมตร แต่เพราะมันรีบสร้างเกราะมรกตขึ้นมาทําให้มันสามารถป้องกันการโจมตีของชายตรงหน้าได้

 

“โห พลังแค่นั้นแต่กลับรับการโจมตีของข้าได้” ชายหนุ่มชุดดําว่าพลางปลดปล่อยพลังมารออกมา แม้จะไม่เข้มข้นเท่าของหยงเวย แต่อีกฝ่ายก็มีพลังมารมหาศาลกว่าอยงเวยมาก

 

“เป็นพวกที่โดนกินไปแล้วสินะ” หยงเวยว่าพลางมองชายหนุ่มตรงหน้า มันคือตัวตนที่ยอมแพ้ต่อจิตมารไปแล้ว เป็นมารที่แท้จริง

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

บุตรอสูรบรรพกาลบุตรอสูรบรรพกาล 198 มารครอบงํา

Now you are reading บุตรอสูรบรรพกาล Chapter บุตรอสูรบรรพกาล 198 มารครอบงํา at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

 

บุตรอสูรบรรพกาล ตอนที่ 198 มารครอบงํา

 

“เจ้านี้เหมือนเดิมไม่เปลี่ยนเลยนะ” หยงเวยว่าพลางมองหลินหลินที่กําลังนั่งเคี้ยวหยกที่ต้นสร้างขึ้นมาด้วยท่าทีดีอกดีใจ

 

“ขะ ข้ายังไม่ได้บอกว่าข้าไว้ใจท่านแล้วนะ” หลินหลินพูดพลางแยกเขี้ยวใส่หยงเวย แต่เพราะหลินหลินไม่ได้โจมตีหยงเวยแล้วปิงปิงเลยไม่ได้ทําอะไรไปด้วย

 

“ก็บอกแล้วไงว่าข้าขอโทษ” หยงเวยส่ายหัวพลางถอนหายใจออกมา

 

“พี่เวยไม่รู้หรอกว่าตอนนั้นข้าตกใจแค่ไหน” หลินหลินทําแก้มปองพลางมองค้อนหยงเวยเข้าอย่างจัง

 

“งั้นจะให้ข้าทําอะไรเจ้าถึงจะยกโทษให้ละ” หยงเวยถามด้วยสีหน้าลําบากใจ ก่อนที่มันจะโดนพลังมารเข้าครอบงำมันก็สนิทกับหลินหลินไม่น้อย แต่พอโดนพลังมารเข้าครอบงํามันก็ดันไปโจมตีหลินหลินเข้า แถมยังไม่ได้เจอหน้ากันอีกเลยจนตอนนี้ แต่มันก็รู้สึกโล่งใจที่ยังพอใช้อาหารล่อให้นางใจเย็นลงได้

 

“ไม่ พี่เวยเป็นคนไม่ดี ข้าไม่ไว้ใจพี่เวยแล้ว” หลินหลินว่าพลางกินหยกจากมือของคนที่นางไม่ไว้ใจอย่างอารมณ์ดี 

 

“เอาเถอะ เจ้าไม่โจมตีข้าก็พอแล้ว” หยงเวยว่าพลางลูบหัวของหลินหลินอย่างเอ็นดู

 

กร้อป! ยังไม่ทันโดนตัวหลินหลินมือมรกตของมันก็โดนตัดขาดไปอีกรอบเสียแล้ว ท่าทางนางจะยังไม่ยอมให้มันแตะตัวเหมือนสมัยก่อนกระมัง

 

“เจ้านี้อย่าไปกัดใครมั่วซั่วเชียวนะ” หยงเวยมองมือมรกตที่มันสร้างขึ้นมาจากพลังมารด้วยสีหน้าซีดเผือด หากเป็นแขนคนธรรมดามีหวังขาดไปแล้วแน่ๆ แต่ถึงจะเป็นมือมรกตมันก็แตกไม่มีชิ้นดีอยู่ดี นับว่าโชคดีมากที่หยงเวยสามารถซ่อมมันได้ง่ายๆ

 

“พี่ชาย หอตําราไปทางไหนหรือ” ขระกําลังดูหลินหลินกินอาหารอยู่นั้น ที่หน้าประตูก็ปรากฏชายคนหนึ่งเดินเข้ามาในตัววัด มันเป็นชายวัยกลางคนที่ผอมและสูง แต่หยงเวยไม่มีพลังวิญญาณเช่นเดียวกับหลินหลินและปิงปิงที่มีแต่พลังอสูร พวกมันทั้ง 3 ไม่สามารถตรวจสอบได้ว่าอีกฝ่ายเป็นผู้มีพลังวิญญาณหรือไม่

 

“ข้าจะนําทางให้ท่านเองขอรับ” หยงเวยว่าพลางสังเกตอาการของหลินหลิน นางไม่มีปฏิกิริยาอะไรกับชายคนนั้น ท่าทางมันจะไม่ใช่อสูร และตัวมันก็ไม่มีกลิ่นอายพลังมารด้วยหยงเวยเลยวางใจได้

 

“ทางนี้ขอรับ”หยงเวยว่าพลางพาชายวัยกลางคนมาที่หอตําราของวัด ซึ่งเป็นเรื่องปกติอยู่แล้วที่จะมีคนเข้าวัดเพื่อศึกษาตําราธรรมมะ แม้จะมีไม่มากนักเพราะวัดอยู่ไกลจากเมืองพอสมควรก็ตาม

 

“ถ้าหาอะไรไม่เจอบอกข้าได้นะขอรับ ข้าจะหยิบมาให้ท่านเอง”หยงเวยตอบด้วยท่าที่สุภาพ เพราะตั้งแต่เข้ามาช่วยงานในวันหยงเวยก็ทําหน้าที่นําทางและทําความสะอาดหอตําราอยู่ตลอด แถมหยงเวยยังศึกษาตําราธรรมมะพวกนี้มาหมดแล้วด้วย ทําให้มันทราบหมดว่ามีตําราเล่มใดอยู่ตรงไหน

 

“ไม่ต้องหรอก ข้าเจอสิ่งที่ข้าต้องการแล้ว” ชายวัยกลางคนหยุดอยู่ตรงหน้ากําแพงว่างเปล่าแห่งหนึ่ง มันยกมือขึ้นไปจับกําแพงพลางเปิดกําแพงออกด้วยกําลังมหาศาล ท่าทางชายคนนี้จะไม่ใช่คนธรรมดาเสียแล้ว

 

ตูม! ทันทีที่ประตูเปิดออก ชายตรงหน้าหยงเวยก็เตะเข้าที่ร่างของหยงเวยอย่างจัง ด้วยกําลังมหาศาลระดับนี้สมควรคร่าชีวิตคนธรรมดาได้อย่างง่ายดายไปแล้ว แต่ไม่ใช่กับหยงเวย

 

ครืดด หยงเวยถอยออกมานิดหน่อยทําให้ชายที่กําลังเปิดกําแพงลวงตาออกตกใจไม่น้อย หยงเวยไม่มีพลังวิญญาณเลยแต่กลับสามารารถรับลูกเตะของมันโดยไม่สะดุ้งสะเทือนได้ มันย่อมไม่ใช่คนธรรมดาเสียแล้ว

 

“เจ้ามาเพื่อชิงตํารามารสินะ” หยงเวยว่าพลางมองภายในกําแพง หยงเวยที่สามารถสัมผัสพลังมารได้ทราบเรื่องตํารามารที่ถูกเก็บเอาไว้ในหอตําราอยู่แล้ว แต่ไม่นึกว่าจะมีคนคิดมาชิงมันไปด้วย

 

“เจ้า…” ชายวัยกลางคนว่าพลางมองหยงเวยนิ่ง มันไม่สามารถสัมผัสพลังวิญญาณจากตัวหยงเวย แต่ไม่ทราบทําไมตัวมันถึงรู้สึกหนาวสั่นขึ้นมาเสียเฉยๆ

 

“เจ้าเป็นผู้ใช้พลังมาร”ชายคนนั้นว่าพลางหันหลังหนีออกไปข้างนอก แต่หยงเวยก็ตามออกไปในทันทีด้วยความเร็วที่เหนือกว่าเล็กน้อย

 

“หยุด”เห็นว่าตนหนีไม่ทัน ชายวัยกลางคนเลยตัดสินใจวิ่งเข้าไปหาหลินหลินที่อยู่ตรงอาคารด้านหน้าแทน มันตรงเข้าไปล็อคคอหลินหลินเอาไว้พลางนํามีดออกมาจ่อไปที่คอของนาง

 

“ถ้าเจ้าเข้ามาข้าจะแทงคอนางให้ตาย” เพราะทราบดีว่าความเร็วของตนต่ำกว่าหยงเวย ทําให้มันเลือกใช้วิธีจับตัวประกัน

 

“…”น่าเสียดาย มีดในมือของมันไม่ได้ทําให้หยงเวยกลัวแต่อย่างไร

 

“ทําไมท่านมาจับข้าล่ะ มันเจ็บนะ” หลินหลินว่าพลางดันแขนของชายคนนั้นออกอย่างง่ายดาย

 

ทําเอาชายวัยกลางคนสะดุ้งโหยง

 

“เจ้าเองก็เป็นผู้ใช้พลังมารงั้นเหรอ”ชายวัยกลางคนถามพลางมองมาทางหลินหลินอย่างตื่นตระหนก เพราะกําลังของนางเหนือกว่าตัวมันเสียอีก

 

“ข้าไม่ใช่มารนะ ข้าไม่เหมือนพี่เวยซะหน่อย” หลินหลินโวยพลางผลัดร่างของชายคนนั้นออกไปห่างตัว

 

“อัก” ชายที่โดนหลินหลินผลักกระแทกเข้ากับกําแพงอย่างจังจนกระอักเลือดออกมา

 

“หลินหลินเจ้าเบามือหน่อย ที่นี่เป็นเขตวัดอย่าฆ่าเลย”หยงเวยว่าพลางเดินเข้าไปดูอาการของอีกฝ่าย เห็นมันแค่บาดเจ็บภายในก็เลยโล่งใจ

 

“อย่าคิดว่าจบแค่นี้นะ พวกข้าล้อมที่นี่เอาไว้หมดแล้ว”ชายวัยกลางคนว่าพลางกําหมัดแน่น ตอนแรกมันนึกว่าพวกหยงเวยเป็นแค่คนธรรมดาเลยกะจะมาชิงตําราไปเฉยๆ ไม่นึกเลยว่าจะโดนพวกหยงเวยเล่นงานได้ง่ายดายเช่นนี้ แต่ถึงพวกมันจะเก่งแต่ลูกพี่ของมันต้องเอาชนะพวกหยงเวยได้แน่ๆ

 

“ข้าบอกแล้วว่าบุกตั้งแต่แรกก็จบแล้ว” ชายคนหนึ่งกระโดดลงมายืนบนกําแพงวัดอย่างรวดเร็ว ไม่นานเหล่าพวกพ้องของชายกลางคนก็พากันเข้ามาในวัดเต็มไปหมด หากประเมินด้วยตาเปล่าก็คงมีคนราวๆ 30 คนได้

 

“พวกเจ้าอยากได้ตําราพวกนั้นไปทําอะไร” หยงเวยถามพลางมองเข้าไปในหอตํารา ตํารามารแม้จะมีข้อดีที่ฝึกฝนได้อย่างง่ายดาย แต่ก็มีข้อเสียที่ต้องโดนจิตมารเข้าเล่นงานเสมอ หากจิตใจอ่อนแอเช่นหยงเวยในตอนแรก ไม่นานก็คงโดนมารในใจครอบงาจนไม่เป็นตัวเองแน่ๆ

 

“พวกเจ้าหลบไปก่อน” หยงเวยว่าพลางเดินออกมาข้างหน้าของพวกหลินหลิน เพราะมันไม่อาจวัดพลังของอีกฝ่ายได้ หยงเวยเลยไม่อยากประมาท

 

“ข้าก็สู้ได้นะ พี่เวยนั่นละถอยไป” หลินหลินว่าพลางเดินขึ้นมายืนข้างๆหยงเวยในทันที นางเดินทางกับไป๋จูเหวินมานาน เจอคนมีฝีมือมามาก และคนพวกนี้ก็ไม่เหมือนคนพวกนั้นเลย

 

“มันไม่จําเป็นต้องให้พวกเจ้ามาเหนื่อยหรอก” หยงเวยว่าพลางเรียกดาบมรกตออกมา พริบตานั้นพลังมารของมันก็แผ่ออกไปรอบๆพร้อมพื้นที่เริ่มปรากฏเนื้อมรกตขึ้นมาแทนผืนดิน

 

วูบ ก้อนมรกตจํานวนมากงอกออกมาจากผืนดินราวกับหญ้าที่แทรกผืนดินขึ้นมาเพื่อเติบโต เพียงแต่เหล่ามรกตไม่ได้งอกออกมาเฉยๆ แต่มันเริ่มก่อรูปร่างจนกลายเป็นรูปปั้นหยกที่มีรูปร่างเหมือนนักรบสวมเกราะไม่มีผิด

 

“จับพวกมัน” หยงเวยว่าพลางปักดาบมรกตลงพื้น พริบตานั้นหุ่นทหารมรกตของหยงเวยก็ตรงเข้าเล่นงานพวกพ้องของชายวัยกลางคนทันที

 

ฟุบ! ใยแมงมุมของหลินหลินกับปิงปิงพุ่งไปข้างหน้าจับตัวพวกชิงตําราเอาไว้อย่างง่ายดาย เพียงพริบตาเดียวคนที่เข้ามาชิงตําราก็โดนจับตัวจนหมด

 

“ปล่อยนะโว้ย ถ้าไม่อยากให้ลูกพี่เราเล่นงานพวกเจ้า” ชายคนหนึ่งโวยพลางพยายามดิ้นจากใยแมงมุมของหลินหลิน แต่คนที่ซวยที่สุดคงหนีไม่พ้นคนที่โดนใยแมงมุมของปิงปิงที่แทบจะโดนแช่แข็งอยู่รอมร่อ

 

“ลูกพี่พวกเจ้า” หยงเวยว่าใช้รูปปั้นมรกตจับตัวพวกชิงตํารามารวมกันทีเดียวแล้วให้หลินหลินมัดร่างของพวกมันเอาไว้ทั้งหมด

 

“ถ้าลูกพี่ของพวกเรามา…อื้อ” หยงเวยใช้รูปปั้นมรกตปิดปากชายคนนั้นเอาไว้ ไม่ใช่เพราะคิกว่ามันพูดเรื่องไร้สาระ แต่เพราะมันสัมผัสได้ถึงพลังมารที่ใกล้เข้ามาเรื่อยๆ 

 

“มันสินะลูกพี่ของเจ้าพวกนี้”หยงเวยว่าพลางเดินออกไปนอกประตู ที่นั้นปรากฏร่างของชายคนหนึ่งที่สวมชุดสีดําสนิทเอาไว้ไม่เหมือนคนที่จะมาวัดเลยแม้แต่น้อย

 

“เจ้าเองก็ฝึกวิชามารสินะ” ชายตรงหน้าหยงเวยพูดพลางเดินตรงเข้ามาหาหยงเวยอย่างเรียบเฉย

 

“น่าเสียดายที่พลังมารของเจ้ายังไม่ตื่น” ชายสวมชุดดําว่าพลางหยุดยืนอยู่ตรงหน้าหยงเวย

 

ตูม! ร่างของหยงเวยลอยออกมาหลายเมตร แต่เพราะมันรีบสร้างเกราะมรกตขึ้นมาทําให้มันสามารถป้องกันการโจมตีของชายตรงหน้าได้

 

“โห พลังแค่นั้นแต่กลับรับการโจมตีของข้าได้” ชายหนุ่มชุดดําว่าพลางปลดปล่อยพลังมารออกมา แม้จะไม่เข้มข้นเท่าของหยงเวย แต่อีกฝ่ายก็มีพลังมารมหาศาลกว่าอยงเวยมาก

 

“เป็นพวกที่โดนกินไปแล้วสินะ” หยงเวยว่าพลางมองชายหนุ่มตรงหน้า มันคือตัวตนที่ยอมแพ้ต่อจิตมารไปแล้ว เป็นมารที่แท้จริง

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+