บุตรอสูรบรรพกาลบุตรอสูรบรรพกาล 278 ยั่วยวนชวนหลงไหล

Now you are reading บุตรอสูรบรรพกาล Chapter บุตรอสูรบรรพกาล 278 ยั่วยวนชวนหลงไหล at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บุตรอสูรบรรพกาล บุตรอสูรบรรพกาล ตอนที่ 278 ยั่วยวนชวนหลงไหล

ตอนที่ 278

 

ยั่วยวนชวนหลงไหล

 

“เจ้าว่าไหม ช่วงนี้องค์จักรพรรดิแปลกไปนะ” เสียงของสาวรับใช้ในวังหลวงกําลังพูดคุยกันอยู่ที่บ่อน้ําสําหรับทําความสะอาดดังออกมาจนแทบจะได้ยินเข้าไปถึงในครัว

 

“ปกติท่านไม่ใช่คนสนใจผู้หญิงนี่นา”สาวใช้อีกคนพยักหน้า พลางขยับตัวเข้ามาใกล้กันมากขึ้น

 

“แต่ผู้หญิงคนนั้นก็สวยมากจริงๆนะ ผู้ชายคนไหนก็คงหลงแหละ” สาวใช้คนที่ 3 พูดพลางส่ายหน้าเบาๆ

 

“ไม่หรอก ขนาดท่านเหม่ยหลินองค์จักรพรรดิยังไม่แสดงท่าที่แบบนั้นเลย” สาวใช้คนแรกว่าพลางถอนหายใจด้วยความเสียดาย การที่องค์จักรพรรดิครองตัวเป็นโสดมา ตลอดก็ทําเอาพวกสาวใช้ต่างเอาหน้าตาของท่านมาเพ้อฝันตลอด แต่สองสามวันมานี้กลับมีหญิงสาวคนหนึ่งเข้ามาตีสนิทกับองค์จักรพรรดิ ดูเหมือนนางจะ เป็นผู้ติดตามขององค์ชายชูเฟิงที่มาพบอีซูหลาน แต่ไม่ทราบทําไมถึงเข้าไปใกล้ชิดองค์จักรพรรดิได้

 

“แบบนี้ไม่ใช่ว่านางจะกลายมาเป็นมเหสีหรือ” สาวใช้อีกคนถาม พลางขัดถ้วยในมือไปมา

 

“ก็เป็นไปได้”สาวใช้คนที่ 3 ถอนหายใจออกมา ทําไมไม่มีเรื่องอ ย่างความรักระหว่างองค์จักรพรรดิกับสาวใช้บ้างนะ

 

“ พวกเจ้าอยากหัวขาดหรือยังไง เสียงดังจนไปถึงห้องครัวแล้ว หากขุนนางมมาได้ยินพวกเจ้าได้โดนตัดหัวแน่ๆ” หญิงวัยกลางคน ท่าทางเจ้าระเบียบเดินเข้ามาต่อว่าเหล่าสาวใช้พลางกอดอกแน่นทําเอาเหล่าสาวใช้พากันก้มหน้าก้มตาทํางานเงียบๆต่อไป

 

“องค์จักรพรรดิ ท่านแน่ใจแล้วหรือขอรับ” ขณะเดียวกันภาย ในท้องพระโรงซึ่งเป็นสถานที่ประชุมตามปกติของเหล่าขุนนางและตัวอี้หมิงเอง

 

“ไม่เป็นไร เฟิงมีแค่อยากเข้ามาฟังเท่านั้น” อู๋หมิงตอบด้วยสีหน้า ยิ้มแย้ม อยู่ๆเฟิงมีก็บอกว่าอยากเข้าร่วมการประชุมของขุนนาง ซึ่งความจริงเป็นเรื่องไม่เหมาะสมเท่าไหร่ เพราะนางถือเป็นคนนอก แถมยังเป็นคนของอาณาจักรอื่นอีกต่างหาก

 

“ข้ารบกวนเกินไปหรือเปล่าเจ้าคะ” เฟิงมีถามพลางมองขุนนางที่ถามออกมา แต่แทนที่ขุนนางคนนั้นจะดุด่าที่เฟิงมีทําตัวไม่เหมาะสมมันกลับยิ้มเขินๆแล้วนั่งลงทันที

 

“ไม่หรอก ได้คนมาช่วยก็ไม่ใช่เรื่องไม่ดีอะไร”ไม่ทราบเพราะควา มงามหรือเสน่ห์ของนางทําให้เหล่าขุนนางที่ปกติเข้มงวดมากยอมกันง่ายๆ แถมยังเริ่มประชุมความลับของบ้านเมืองต่อหน้าเฟิงมีอีกต่างหาก

 

เพียงแต่ หากเฟิงมีนั่งฟังเฉยๆอย่างที่นางพูดก็คงไม่มีอะไรเกิดขึ้นหรอก แต่เพียงการประชุมเริ่มไป 10 นาที นางก็เริ่มเข้าร่วมบทสนธนา และเริ่มชักจูงเหล่าขุนนางให้ลงความเห็นอย่างที่นางเห็นสมควร หากเป็นปกตินางคงโดนเตะออกมาจากห้องประชุมแล้ว แต่นางกลับค่อยๆเบี่ยงเบนความคิดของเหล่าขุนนางจนสามารถเปลี่ยนแปลงผลที่ออกมาได้หลายอย่าง เพียงแต่นางไม่ได้ยุ่งเรื่องใหญ่ๆอะไร นางเพียงเสนอเรื่องเล็กๆน้อยๆเท่านั้นราวกับกําลังทดลองว่าตนเองจะสามารถทําได้แค่ไหน

 

“พลังของเจ้านี่มันสะดวกดีจริงๆนะ” ชูเฟิงหรืออัตตาพูดพลัง จากเฟิงมีออกมาจากห้องประชุมแล้ว

 

“มันก็มีอะไรไม่สะดวกหลายอย่าง” เฟิงมี่ว่าพลางบิดตัวเล็กน้อย

 

“อย่างการตอบสนองความอยากสินะ” ชูเฟิงหัวเราะออกมา พลางมองไปรอบๆ เฟิงมีเป็นมารแห่งราคะ ทําให้นางมีความต้องการทางเพศที่รุนแรงมาก หากไม่ได้สนองตันหาตนเองนานเกินไปร่างกายของนางจะร้อนรุ่มราวไฟผลาญ แต่ในวังเช่นนี้ก็คงหาที่สน องตันหานางได้ยากอยู่ แถมนางยังกําลังเข้าหาองค์จักรพรรดิ จะไปทําอะไรตามใจก็คงไม่ได้

 

“พลังวิญญาณขององค์จักรพรรดิก็น่าสนใจดี ข้าไม่เคยเห็นใครมีพลังวิญญาณที่เจิดจ้าเช่นนี้มาก่อน มันช่างเป็นคนหนุ่มที่มีพลังวิญญาณบริสุทธิ์ผุดผ่องจริงๆ”เฟิงมี่ยิ้มพลางเดินเข้าไปในห้องพักของนางซึ่งอยู่ในเขตเดียวกันกับของชูเฟิง นางถอดเสื้อผ้าออกพลางเปลี่ยนเสื้อผ้าที่บางกว่าปกตินิดหน่อย

 

“เป็นพลังวิญญาณที่น่าลิ้มลองจริงๆ” เฟิงมี่ยิ้มพลางเดินออกมาจากห้องช้าๆ อย่างที่บอกไป ราคะ เป็นมารแห่งความใคร่ หากไม่ได้กระทําเรื่องอย่างว่านานเกินไป จิตมารของนางจะอยู่ไม่สุข เพราะฉะนั้นคืนนี้นางจะรีบจัดการองค์จักรพรรดิให้เรียบร้อย เพียงแต่..

 

“มีอะไรงั้นหรือ”เพิ่งมีถามพลางมองเหล่าองครักษณ์ของอู๋หมิงที่ ออกมานอกประตูที่พักของอูหมิง

 

“พระสหายขององค์จักรพรรดิมาพบขอรับ” องครักษณ์ที่ยืนอยู่ หน้าประตูรายงาน ทําให้ราคะตัดสินใจจะรออยู่ข้างนอกก่อน แม้ไม่ทราบว่าสหายของธุ์หมิงคือใคร แต่นางก็ไม่ได้รีบร้อนขนาดนั้น แถมเรื่องที่นางจะทําก็ต้องอยู่กับองค์จักรพรรดิแค่ตามลําพังเสียด้วย

 

ปึง..หลังจากรออยู่ไม่นาน ชายหนุ่มคนหนึ่งก็เดินออกมาจากห้องของธุ์หมิง มันเป็นชายหนุ่มรูปงามทีเดียว แถมพลังวิญญาณเองก็มากเสียด้วย ท่าทางจะเป็นยอดฝีมือในอนาคตเป็นแน่ น่าเสียดายหากไม่ใช่เพราะตอนนี้นางต้องจัดการจับองค์จักรพรรดิให้ได้นางคงยั่วยวนเจ้าหนุ่มนี่อีกคนไปแล้ว

 

“ท่านใส่เสื้อผ้าบางเช่นนั้นไม่หนาวบ้างหรือ” ชายหนุ่มที่เดินออกมาถามพลางมองมาทางเฟิงมี่

 

“มะ ไม่หรอกเจ้าค่ะ ภายในวังอากาศค่อยข้างอบอุ่นทีเดียว”เฟิงมี่ตอบพลางยิ้มบางๆ แปลกทําไมชายหนุ่มตรงหน้าถึงไม่มีท่าที่จะหลงใหลนางเหมือนคนอื่นๆเลย

 

“เช่นนั้นหรือขอรับ ระวังสุขภาพด้วย” ชายหนุ่มตอบพลางยิ้มบางๆก่อนจะเดินจากไป นับเป็นโชคดีของเฟิงมีอย่างมากที่ยามนี้ไป๋จูเหวินไม่ได้ใช้ดวงตาสีม่วงอยู่ ไม่อย่างนั้นมันจะทราบได้ทันทีว่าเฟิงมี่เป็นมาร แต่เพราะร่างกายของเฟิงมีมีพลังวิญญาณอยู่ด้วย ทําให้ตัวไปจูเหวินไม่ได้สงสัยอะไร แถมในหัวของไปจูเหวินตอนนี้ยังเต็ม ไปด้วยเรื่องของชูเฟิงอีกต่างหาก ตอนนี้มันกําลังเดินทางไปยังที่พักของชูเฟิงเพื่อพิสูจน์มอีกเรื่องให้แน่ใจ

 

“องค์จักรพรรดิ ท่านยังทรงงานอยู่อีกหรือเพคะ”เฟิงมี่เดินเข้า ไปในห้องของอี้หมิงพลางนั่งลงที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้ามของมัน

 

“ข้ากําลังตรวจงานเมื่อเย็นอยู่” อู๋หมิงตอบพลางยิ้มบางๆ ช่วงหลังมานี้เฟิงมีมาหามันตอนค่ําบ่อยๆ นางมักจะปล่อยให้มันเล่าเรื่องที่กังวลให้ฟังอยู่บ่อยๆ ทําให้อู๋หมิงรู้สึกวางใจเฟิงมี่มากทีเดียว

 

“ทําไมท่านไม่พักสักหน่อยล่ะเพคะ”เฟิงมี่ลุกขึ้นพลางเดินเข้าไป ด้านข้างของอู๋หมิง นางค่อยๆวางมือลงบนไหล่ของมันช้าๆพลางนวดคลึงเบาๆเป็นการผ่อนคลาย

 

“นั่นสินะ” อู๋หมิงว่าพลางถอนหายใจออกมา ช่วงนี้มีเฟิงมี่อยู่เป็น เพื่อนทําให้อู๋หมิงผ่อนคลายไปมาก แต่งานที่ทํากลับไม่ค่อยเดินเสีย เท่าไหร่นี่สิ

 

เห็นอู๋หมิงปล่อยให้นางนวดไหล่ตนเองเช่นนี้เฟิงมี่ก็เลียริมฝีปา กตนเองเบาๆ ก่อนที่มือของนางจะค่อยๆสัมผัสเข้าไปใต้เสื้อผ้าของอู๋หมิงช้าๆ ราคะ เป็นมารที่พิเศษกว่ามารตนอื่นๆตรงที่นางสามารถดูดกลืนพลังวิญญาณของคู่นอนมาเป็นของตนเองได้ ทําให้ร่างกายของนางนั้นนอกจากจะมีพลังมารอยู่แล้วยังมีพลังวิญญาณอีกสายด้วย ทําให้นางแข็งแกร่งกว่าอัตตาทั้งๆที่พลังมารใกล้เคียงกันเสียอีก

 

โครม!! ยังไม่ทันได้ลงมือทําอะไร อยู่ๆเสียงโครมก็ดังมาจากด้านนอก ทําให้อู๋หมิงรีบลุกขึ้นทันที

 

“เกิดอะไรขึ้น” อู๋หมิงถามพลางทําท่าจะออกไปข้างนอก

 

“เดี๋ยวสิเพคะ”ราคะที่โดนขัดจังหวะรีบหยุดอู่หมิงเอาไว้ อยู่ๆ มันจะออกไปดื้อได้อย่างไร นางไม่ได้ทําอะไรกับใครมานานแล้ว นางไม่ยอมให้ใครมาขวางคืนนี้ได้หรอก

 

“มีรายงานว่าท่านไป๋จูเหวินเกิดปะทะกับพวกขององค์ชายชูเฟิงขอรับ ข้าจะไปดูก่อนว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่” องครักษณ์ด้านนอกรายงานพลางวิ่งออกไป เหลือองครักษณ์หน้าห้องของอู๋หมิงเพียง 5 คนเท่านั้น

 

“ข้าจะออกไปดูหน่อย เจ้า…”อู๋หมิงหันมาบอกทางเฟิงมี่ แต่ทันทีที่หันมาเฟิงมีกลับกําลังถอดชุดของตนเองออกเสียอย่างนั้น

 

“โถ่ ข้าหมดความอดทนแล้ว”เฟิงมี่ว่าพลางดึงร่างของอู๋หมิงขึ้นไปบนเตียง กําลังของนางนั้นมากกว่าอู๋หมิงชนิดเทียบไม่ติดทําเอาอู๋หมิงสะท้านวาบ

 

“ช่วยไม่ได้นี่นา พลังวิญญาณธาตุสายฟ้าของท่านมันน่าลิ้มลองจริงๆ”เฟิงมีว่าพลางกระโดดขึ้นมานั่งบนตัวของธุ์หมิง แม้เฟิงมี่จะมีพลังวิญญาณสูงมาก แต่ก็พอๆกับอู๋หมิงเท่านั้น นางไม่สมควร มีพลังระดับนี้เลย กําลังของนางถึงขนาดทําให้อู๋หมิงขยับไม่ได้เสียด้วยซ้ํา

 

เปรี้ยง!! ทางฝั่งไป๋จูเหวิน หลังจากได้ทราบเรื่ององค์ชายชูเฟิงกลับมาจากความตาย แถมยังไม่มีพลังวิญญาณอีกต่างหาก ความสงสัยของมันก็พามันมายังที่พักขององค์ชายชูเฟิงทันที แต่ยังไม่ทันพบองค์ชายชูเฟิงไป๋จูเหวินกลับพบชายร่างอ้วนคนหนึ่งเสียก่อน มันกําลังนั่งกินอาหารอยู่ในครัว ท่าทางตะกละตะกลามไม่น้อยเห็นมัน กินอาหารของคนร้อยคนได้ทั้งๆที่เป็นมนุษย์ธรรมดา ก็จุดความสงสัยในตัวของไป๋จูเหวินทันที เมื่อมองดูด้วยดวงตาสีม่วงก็แทบไม่ต้องสงสัยอะไรอีก

 

“แก ขัดจังหวะการกินของข้า”ตะกละพูดด้วยความโมโห เพราะมันกําลังนั่งกินอยู่เพลินๆไป๋จูเหวินก็เข้ามาขัดเสียอย่างนั้น

 

“แกเข้ามาในวังหลวงได้ยังไง”ไป๋จูเหวินถามพลางมองไปรอบๆ ตรงนี้ยังไม่ใช่ที่พักของชูเฟิงทําให้ไม่ทราบว่าชูเฟิงเองก็เป็นมารหรือเปล่า

 

ตูม! อยู่ๆตะกละก็อัดกระแสลมเข้าไปในท้องของตนเองพลาง ใช้กระสุนวายุออกมา ทําเอาไป๋จูเหวินนึกถึงอสูรปักเป้าขึ้นมาทันที

 

เปรี้ยง!! ไป๋จูเหวินซัดฝ่ามือเพลิงพิโรธสวนเข้าไปทันที แต่ชั้นไขมันของตะกละกลับรับแรงของฝ่ามือเพลิงพิโรธจนกระเพื่อมเป็นวงนา

 

“เจ็บ” ตะกละร้องพลางทุบแขนหนาๆของมันลงมา ทําให้ไป๋จูเหวินต้องถอยออกมาเพื่อหลบการโจมตีของมัน

 

“ข้าเกลียดคนมี่มาขัดจังหวะการกินของข้าที่สุด” ตะกละว่าพลางเรียกเอากระบอกเหล็กที่มีปุ่มหนามรอบๆออกมาจากมิติของมัน

 

“ตายยย” ตะกละคํารามพลางควงกระบองเข้ามาหาไป๋จูเหวิน

 

ตูม!! ก่อนที่ร่างอ้วนๆนั้นจะเข้ามา ไป๋จูเหวินก็ใช้ลมปราณมังกร รวบรวมพลังเพื่อใช้ฝ่ามือเพลิงผลาญคร้อยสํานึกเสร็จแล้ว ทำให้ฝายที่โดนผลักออกไปกลายเป็นตะกละเสียเอง เพียงแต่ตะกละไม่ได้ลอยไปกระแทกกับผนังแต่อย่างไร เพราะด้านหลังขอ งมันมีชายคนหนึ่งเข้ามารับร่างของตะกละเอาไว้

 

“องค์ชายชูเฟิง…ไม่สิ มาร…” ไป๋จูเหวินว่าพลางมองร่างขององค์ชายชูเฟิงด้วยดวงตาสีม่วง ทั้งตัวองค์ชายชูเฟิงและชายอีกคนที่อยู่ข้างๆต่างมีพลังมารทั้งนั้น เพียงแต่พลังมารในร่างขององค์ชายชูเฟิงนั้นมหาศาลมาก ทําเอาไป๋จูเหวินกังวลว่าหากมันอาลาวาด ขึ้นมามีหวังได้พินาศกันทั้งวังแน่ๆ

 

“ไม่นึกเลยว่าจะมีคนสัมผัสพลังมารได้ แผนพวกเรากําลังไปได้สวยแท้ๆ” อัตตาว่าพลางชักกระบี่ของตนออกมา ด้วยพลังมารระดับเจ้าสวรรค์ของมันนั้นสร้างแรงกดดันให้ไป๋จูเหวินไม่น้อย

 

“กิ้วว” อสูรปักเป้าเห็นท่าไม่ดีจึงลงมาอยู่ข้างๆไป๋จูเหวิน แต่มันเองก็ไม่สามารถใช้พลังที่แท้จริงได้เสียด้วยเพราะมันทราบดีว่าไป๋จูเหวินไม่ชอบแน่ๆหากมันเป่าเมืองหลวงหายไปเลย

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

บุตรอสูรบรรพกาลบุตรอสูรบรรพกาล 278 ยั่วยวนชวนหลงไหล

Now you are reading บุตรอสูรบรรพกาล Chapter บุตรอสูรบรรพกาล 278 ยั่วยวนชวนหลงไหล at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บุตรอสูรบรรพกาล บุตรอสูรบรรพกาล ตอนที่ 278 ยั่วยวนชวนหลงไหล

ตอนที่ 278

 

ยั่วยวนชวนหลงไหล

 

“เจ้าว่าไหม ช่วงนี้องค์จักรพรรดิแปลกไปนะ” เสียงของสาวรับใช้ในวังหลวงกําลังพูดคุยกันอยู่ที่บ่อน้ําสําหรับทําความสะอาดดังออกมาจนแทบจะได้ยินเข้าไปถึงในครัว

 

“ปกติท่านไม่ใช่คนสนใจผู้หญิงนี่นา”สาวใช้อีกคนพยักหน้า พลางขยับตัวเข้ามาใกล้กันมากขึ้น

 

“แต่ผู้หญิงคนนั้นก็สวยมากจริงๆนะ ผู้ชายคนไหนก็คงหลงแหละ” สาวใช้คนที่ 3 พูดพลางส่ายหน้าเบาๆ

 

“ไม่หรอก ขนาดท่านเหม่ยหลินองค์จักรพรรดิยังไม่แสดงท่าที่แบบนั้นเลย” สาวใช้คนแรกว่าพลางถอนหายใจด้วยความเสียดาย การที่องค์จักรพรรดิครองตัวเป็นโสดมา ตลอดก็ทําเอาพวกสาวใช้ต่างเอาหน้าตาของท่านมาเพ้อฝันตลอด แต่สองสามวันมานี้กลับมีหญิงสาวคนหนึ่งเข้ามาตีสนิทกับองค์จักรพรรดิ ดูเหมือนนางจะ เป็นผู้ติดตามขององค์ชายชูเฟิงที่มาพบอีซูหลาน แต่ไม่ทราบทําไมถึงเข้าไปใกล้ชิดองค์จักรพรรดิได้

 

“แบบนี้ไม่ใช่ว่านางจะกลายมาเป็นมเหสีหรือ” สาวใช้อีกคนถาม พลางขัดถ้วยในมือไปมา

 

“ก็เป็นไปได้”สาวใช้คนที่ 3 ถอนหายใจออกมา ทําไมไม่มีเรื่องอ ย่างความรักระหว่างองค์จักรพรรดิกับสาวใช้บ้างนะ

 

“ พวกเจ้าอยากหัวขาดหรือยังไง เสียงดังจนไปถึงห้องครัวแล้ว หากขุนนางมมาได้ยินพวกเจ้าได้โดนตัดหัวแน่ๆ” หญิงวัยกลางคน ท่าทางเจ้าระเบียบเดินเข้ามาต่อว่าเหล่าสาวใช้พลางกอดอกแน่นทําเอาเหล่าสาวใช้พากันก้มหน้าก้มตาทํางานเงียบๆต่อไป

 

“องค์จักรพรรดิ ท่านแน่ใจแล้วหรือขอรับ” ขณะเดียวกันภาย ในท้องพระโรงซึ่งเป็นสถานที่ประชุมตามปกติของเหล่าขุนนางและตัวอี้หมิงเอง

 

“ไม่เป็นไร เฟิงมีแค่อยากเข้ามาฟังเท่านั้น” อู๋หมิงตอบด้วยสีหน้า ยิ้มแย้ม อยู่ๆเฟิงมีก็บอกว่าอยากเข้าร่วมการประชุมของขุนนาง ซึ่งความจริงเป็นเรื่องไม่เหมาะสมเท่าไหร่ เพราะนางถือเป็นคนนอก แถมยังเป็นคนของอาณาจักรอื่นอีกต่างหาก

 

“ข้ารบกวนเกินไปหรือเปล่าเจ้าคะ” เฟิงมีถามพลางมองขุนนางที่ถามออกมา แต่แทนที่ขุนนางคนนั้นจะดุด่าที่เฟิงมีทําตัวไม่เหมาะสมมันกลับยิ้มเขินๆแล้วนั่งลงทันที

 

“ไม่หรอก ได้คนมาช่วยก็ไม่ใช่เรื่องไม่ดีอะไร”ไม่ทราบเพราะควา มงามหรือเสน่ห์ของนางทําให้เหล่าขุนนางที่ปกติเข้มงวดมากยอมกันง่ายๆ แถมยังเริ่มประชุมความลับของบ้านเมืองต่อหน้าเฟิงมีอีกต่างหาก

 

เพียงแต่ หากเฟิงมีนั่งฟังเฉยๆอย่างที่นางพูดก็คงไม่มีอะไรเกิดขึ้นหรอก แต่เพียงการประชุมเริ่มไป 10 นาที นางก็เริ่มเข้าร่วมบทสนธนา และเริ่มชักจูงเหล่าขุนนางให้ลงความเห็นอย่างที่นางเห็นสมควร หากเป็นปกตินางคงโดนเตะออกมาจากห้องประชุมแล้ว แต่นางกลับค่อยๆเบี่ยงเบนความคิดของเหล่าขุนนางจนสามารถเปลี่ยนแปลงผลที่ออกมาได้หลายอย่าง เพียงแต่นางไม่ได้ยุ่งเรื่องใหญ่ๆอะไร นางเพียงเสนอเรื่องเล็กๆน้อยๆเท่านั้นราวกับกําลังทดลองว่าตนเองจะสามารถทําได้แค่ไหน

 

“พลังของเจ้านี่มันสะดวกดีจริงๆนะ” ชูเฟิงหรืออัตตาพูดพลัง จากเฟิงมีออกมาจากห้องประชุมแล้ว

 

“มันก็มีอะไรไม่สะดวกหลายอย่าง” เฟิงมี่ว่าพลางบิดตัวเล็กน้อย

 

“อย่างการตอบสนองความอยากสินะ” ชูเฟิงหัวเราะออกมา พลางมองไปรอบๆ เฟิงมีเป็นมารแห่งราคะ ทําให้นางมีความต้องการทางเพศที่รุนแรงมาก หากไม่ได้สนองตันหาตนเองนานเกินไปร่างกายของนางจะร้อนรุ่มราวไฟผลาญ แต่ในวังเช่นนี้ก็คงหาที่สน องตันหานางได้ยากอยู่ แถมนางยังกําลังเข้าหาองค์จักรพรรดิ จะไปทําอะไรตามใจก็คงไม่ได้

 

“พลังวิญญาณขององค์จักรพรรดิก็น่าสนใจดี ข้าไม่เคยเห็นใครมีพลังวิญญาณที่เจิดจ้าเช่นนี้มาก่อน มันช่างเป็นคนหนุ่มที่มีพลังวิญญาณบริสุทธิ์ผุดผ่องจริงๆ”เฟิงมี่ยิ้มพลางเดินเข้าไปในห้องพักของนางซึ่งอยู่ในเขตเดียวกันกับของชูเฟิง นางถอดเสื้อผ้าออกพลางเปลี่ยนเสื้อผ้าที่บางกว่าปกตินิดหน่อย

 

“เป็นพลังวิญญาณที่น่าลิ้มลองจริงๆ” เฟิงมี่ยิ้มพลางเดินออกมาจากห้องช้าๆ อย่างที่บอกไป ราคะ เป็นมารแห่งความใคร่ หากไม่ได้กระทําเรื่องอย่างว่านานเกินไป จิตมารของนางจะอยู่ไม่สุข เพราะฉะนั้นคืนนี้นางจะรีบจัดการองค์จักรพรรดิให้เรียบร้อย เพียงแต่..

 

“มีอะไรงั้นหรือ”เพิ่งมีถามพลางมองเหล่าองครักษณ์ของอู๋หมิงที่ ออกมานอกประตูที่พักของอูหมิง

 

“พระสหายขององค์จักรพรรดิมาพบขอรับ” องครักษณ์ที่ยืนอยู่ หน้าประตูรายงาน ทําให้ราคะตัดสินใจจะรออยู่ข้างนอกก่อน แม้ไม่ทราบว่าสหายของธุ์หมิงคือใคร แต่นางก็ไม่ได้รีบร้อนขนาดนั้น แถมเรื่องที่นางจะทําก็ต้องอยู่กับองค์จักรพรรดิแค่ตามลําพังเสียด้วย

 

ปึง..หลังจากรออยู่ไม่นาน ชายหนุ่มคนหนึ่งก็เดินออกมาจากห้องของธุ์หมิง มันเป็นชายหนุ่มรูปงามทีเดียว แถมพลังวิญญาณเองก็มากเสียด้วย ท่าทางจะเป็นยอดฝีมือในอนาคตเป็นแน่ น่าเสียดายหากไม่ใช่เพราะตอนนี้นางต้องจัดการจับองค์จักรพรรดิให้ได้นางคงยั่วยวนเจ้าหนุ่มนี่อีกคนไปแล้ว

 

“ท่านใส่เสื้อผ้าบางเช่นนั้นไม่หนาวบ้างหรือ” ชายหนุ่มที่เดินออกมาถามพลางมองมาทางเฟิงมี่

 

“มะ ไม่หรอกเจ้าค่ะ ภายในวังอากาศค่อยข้างอบอุ่นทีเดียว”เฟิงมี่ตอบพลางยิ้มบางๆ แปลกทําไมชายหนุ่มตรงหน้าถึงไม่มีท่าที่จะหลงใหลนางเหมือนคนอื่นๆเลย

 

“เช่นนั้นหรือขอรับ ระวังสุขภาพด้วย” ชายหนุ่มตอบพลางยิ้มบางๆก่อนจะเดินจากไป นับเป็นโชคดีของเฟิงมีอย่างมากที่ยามนี้ไป๋จูเหวินไม่ได้ใช้ดวงตาสีม่วงอยู่ ไม่อย่างนั้นมันจะทราบได้ทันทีว่าเฟิงมี่เป็นมาร แต่เพราะร่างกายของเฟิงมีมีพลังวิญญาณอยู่ด้วย ทําให้ตัวไปจูเหวินไม่ได้สงสัยอะไร แถมในหัวของไปจูเหวินตอนนี้ยังเต็ม ไปด้วยเรื่องของชูเฟิงอีกต่างหาก ตอนนี้มันกําลังเดินทางไปยังที่พักของชูเฟิงเพื่อพิสูจน์มอีกเรื่องให้แน่ใจ

 

“องค์จักรพรรดิ ท่านยังทรงงานอยู่อีกหรือเพคะ”เฟิงมี่เดินเข้า ไปในห้องของอี้หมิงพลางนั่งลงที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้ามของมัน

 

“ข้ากําลังตรวจงานเมื่อเย็นอยู่” อู๋หมิงตอบพลางยิ้มบางๆ ช่วงหลังมานี้เฟิงมีมาหามันตอนค่ําบ่อยๆ นางมักจะปล่อยให้มันเล่าเรื่องที่กังวลให้ฟังอยู่บ่อยๆ ทําให้อู๋หมิงรู้สึกวางใจเฟิงมี่มากทีเดียว

 

“ทําไมท่านไม่พักสักหน่อยล่ะเพคะ”เฟิงมี่ลุกขึ้นพลางเดินเข้าไป ด้านข้างของอู๋หมิง นางค่อยๆวางมือลงบนไหล่ของมันช้าๆพลางนวดคลึงเบาๆเป็นการผ่อนคลาย

 

“นั่นสินะ” อู๋หมิงว่าพลางถอนหายใจออกมา ช่วงนี้มีเฟิงมี่อยู่เป็น เพื่อนทําให้อู๋หมิงผ่อนคลายไปมาก แต่งานที่ทํากลับไม่ค่อยเดินเสีย เท่าไหร่นี่สิ

 

เห็นอู๋หมิงปล่อยให้นางนวดไหล่ตนเองเช่นนี้เฟิงมี่ก็เลียริมฝีปา กตนเองเบาๆ ก่อนที่มือของนางจะค่อยๆสัมผัสเข้าไปใต้เสื้อผ้าของอู๋หมิงช้าๆ ราคะ เป็นมารที่พิเศษกว่ามารตนอื่นๆตรงที่นางสามารถดูดกลืนพลังวิญญาณของคู่นอนมาเป็นของตนเองได้ ทําให้ร่างกายของนางนั้นนอกจากจะมีพลังมารอยู่แล้วยังมีพลังวิญญาณอีกสายด้วย ทําให้นางแข็งแกร่งกว่าอัตตาทั้งๆที่พลังมารใกล้เคียงกันเสียอีก

 

โครม!! ยังไม่ทันได้ลงมือทําอะไร อยู่ๆเสียงโครมก็ดังมาจากด้านนอก ทําให้อู๋หมิงรีบลุกขึ้นทันที

 

“เกิดอะไรขึ้น” อู๋หมิงถามพลางทําท่าจะออกไปข้างนอก

 

“เดี๋ยวสิเพคะ”ราคะที่โดนขัดจังหวะรีบหยุดอู่หมิงเอาไว้ อยู่ๆ มันจะออกไปดื้อได้อย่างไร นางไม่ได้ทําอะไรกับใครมานานแล้ว นางไม่ยอมให้ใครมาขวางคืนนี้ได้หรอก

 

“มีรายงานว่าท่านไป๋จูเหวินเกิดปะทะกับพวกขององค์ชายชูเฟิงขอรับ ข้าจะไปดูก่อนว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่” องครักษณ์ด้านนอกรายงานพลางวิ่งออกไป เหลือองครักษณ์หน้าห้องของอู๋หมิงเพียง 5 คนเท่านั้น

 

“ข้าจะออกไปดูหน่อย เจ้า…”อู๋หมิงหันมาบอกทางเฟิงมี่ แต่ทันทีที่หันมาเฟิงมีกลับกําลังถอดชุดของตนเองออกเสียอย่างนั้น

 

“โถ่ ข้าหมดความอดทนแล้ว”เฟิงมี่ว่าพลางดึงร่างของอู๋หมิงขึ้นไปบนเตียง กําลังของนางนั้นมากกว่าอู๋หมิงชนิดเทียบไม่ติดทําเอาอู๋หมิงสะท้านวาบ

 

“ช่วยไม่ได้นี่นา พลังวิญญาณธาตุสายฟ้าของท่านมันน่าลิ้มลองจริงๆ”เฟิงมีว่าพลางกระโดดขึ้นมานั่งบนตัวของธุ์หมิง แม้เฟิงมี่จะมีพลังวิญญาณสูงมาก แต่ก็พอๆกับอู๋หมิงเท่านั้น นางไม่สมควร มีพลังระดับนี้เลย กําลังของนางถึงขนาดทําให้อู๋หมิงขยับไม่ได้เสียด้วยซ้ํา

 

เปรี้ยง!! ทางฝั่งไป๋จูเหวิน หลังจากได้ทราบเรื่ององค์ชายชูเฟิงกลับมาจากความตาย แถมยังไม่มีพลังวิญญาณอีกต่างหาก ความสงสัยของมันก็พามันมายังที่พักขององค์ชายชูเฟิงทันที แต่ยังไม่ทันพบองค์ชายชูเฟิงไป๋จูเหวินกลับพบชายร่างอ้วนคนหนึ่งเสียก่อน มันกําลังนั่งกินอาหารอยู่ในครัว ท่าทางตะกละตะกลามไม่น้อยเห็นมัน กินอาหารของคนร้อยคนได้ทั้งๆที่เป็นมนุษย์ธรรมดา ก็จุดความสงสัยในตัวของไป๋จูเหวินทันที เมื่อมองดูด้วยดวงตาสีม่วงก็แทบไม่ต้องสงสัยอะไรอีก

 

“แก ขัดจังหวะการกินของข้า”ตะกละพูดด้วยความโมโห เพราะมันกําลังนั่งกินอยู่เพลินๆไป๋จูเหวินก็เข้ามาขัดเสียอย่างนั้น

 

“แกเข้ามาในวังหลวงได้ยังไง”ไป๋จูเหวินถามพลางมองไปรอบๆ ตรงนี้ยังไม่ใช่ที่พักของชูเฟิงทําให้ไม่ทราบว่าชูเฟิงเองก็เป็นมารหรือเปล่า

 

ตูม! อยู่ๆตะกละก็อัดกระแสลมเข้าไปในท้องของตนเองพลาง ใช้กระสุนวายุออกมา ทําเอาไป๋จูเหวินนึกถึงอสูรปักเป้าขึ้นมาทันที

 

เปรี้ยง!! ไป๋จูเหวินซัดฝ่ามือเพลิงพิโรธสวนเข้าไปทันที แต่ชั้นไขมันของตะกละกลับรับแรงของฝ่ามือเพลิงพิโรธจนกระเพื่อมเป็นวงนา

 

“เจ็บ” ตะกละร้องพลางทุบแขนหนาๆของมันลงมา ทําให้ไป๋จูเหวินต้องถอยออกมาเพื่อหลบการโจมตีของมัน

 

“ข้าเกลียดคนมี่มาขัดจังหวะการกินของข้าที่สุด” ตะกละว่าพลางเรียกเอากระบอกเหล็กที่มีปุ่มหนามรอบๆออกมาจากมิติของมัน

 

“ตายยย” ตะกละคํารามพลางควงกระบองเข้ามาหาไป๋จูเหวิน

 

ตูม!! ก่อนที่ร่างอ้วนๆนั้นจะเข้ามา ไป๋จูเหวินก็ใช้ลมปราณมังกร รวบรวมพลังเพื่อใช้ฝ่ามือเพลิงผลาญคร้อยสํานึกเสร็จแล้ว ทำให้ฝายที่โดนผลักออกไปกลายเป็นตะกละเสียเอง เพียงแต่ตะกละไม่ได้ลอยไปกระแทกกับผนังแต่อย่างไร เพราะด้านหลังขอ งมันมีชายคนหนึ่งเข้ามารับร่างของตะกละเอาไว้

 

“องค์ชายชูเฟิง…ไม่สิ มาร…” ไป๋จูเหวินว่าพลางมองร่างขององค์ชายชูเฟิงด้วยดวงตาสีม่วง ทั้งตัวองค์ชายชูเฟิงและชายอีกคนที่อยู่ข้างๆต่างมีพลังมารทั้งนั้น เพียงแต่พลังมารในร่างขององค์ชายชูเฟิงนั้นมหาศาลมาก ทําเอาไป๋จูเหวินกังวลว่าหากมันอาลาวาด ขึ้นมามีหวังได้พินาศกันทั้งวังแน่ๆ

 

“ไม่นึกเลยว่าจะมีคนสัมผัสพลังมารได้ แผนพวกเรากําลังไปได้สวยแท้ๆ” อัตตาว่าพลางชักกระบี่ของตนออกมา ด้วยพลังมารระดับเจ้าสวรรค์ของมันนั้นสร้างแรงกดดันให้ไป๋จูเหวินไม่น้อย

 

“กิ้วว” อสูรปักเป้าเห็นท่าไม่ดีจึงลงมาอยู่ข้างๆไป๋จูเหวิน แต่มันเองก็ไม่สามารถใช้พลังที่แท้จริงได้เสียด้วยเพราะมันทราบดีว่าไป๋จูเหวินไม่ชอบแน่ๆหากมันเป่าเมืองหลวงหายไปเลย

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+