ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง 547 เบาะแส (1)

Now you are reading ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง Chapter 547 เบาะแส (1) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 547 เบาะแส (1)

นิ้วเท้าหกนิ้ว ไฉเสียนงั้นหรือ!?

ความคิดแรกแวบเข้ามาในหัวสวี่ชีอัน จากนั้นความคิดอื่นๆ ก็ตามมานับไม่ถ้วน จนไม่สามารถสงบจิตใจได้

หลังจากนั้นไม่กี่วินาที เขาสูดหายใจเข้าลึกๆ ใจเย็นลง จึงตรวจสอบศพไฉเจี้ยนหยวนต่ออย่างละเอียด

นิ้วที่หกผิดรูปร่างอย่างเห็นได้ชัด มันเบียดอยู่กับนิ้วก้อย ทั้งน่าเกลียดและไม่น่าดู

เขาสัมผัสใบหน้าของไฉเจี้ยนหยวน เพื่อยืนยันว่าไม่มีการอำพราง ประเมินอายุศพ เพราะนอกเหนือจากสังเกตรูปพรรณโดยตรงแล้ว ยังมีวิธีอื่นๆ อีก เช่น สภาพผิวหนัง กระดูก ฟัน อายุมากและอายุน้อยก็มีความแตกต่างกันมาก

สำหรับสวี่ชีอันผู้มากประสบการณ์ การระบุว่าศพนี้เป็นใครนั้นไม่ใช่เรื่องยาก

เขาคือไฉเจี้ยนหยวนจริงๆ เขามีนิ้วเท้าหกนิ้ว น่าสนใจมาก…

หลังจากสวี่ชีอันง้างปากศพเพื่อดูฟันแล้วส่งเสียงหืม

ไฉเสียนมีนิ้วเท้าหกนิ้ว ไฉเจี้ยนหยวนก็มีหกนิ้ว หรือนี่จะเป็นเรื่องบังเอิญ?

“ไฉเจี้ยนหยวนมีลูกบุญธรรมเพียงคนเดียวคือไฉเสียน ส่วนไฉเสียนเป็นเด็กกำพร้า แล้วพ่อแม่ของเขาก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกับไฉเจี้ยนหยวน ทั้งนี้ไฉเจี้ยนหยวนมีลูกชายและลูกสาว มีลูกบุญธรรมคนเดียว แสดงว่าตัวเขาเองไม่ได้มีงานอดิเรกเป็นการรับเลี้ยงลูกบุญธรรมไปทั่ว

“สิ่งเหล่านี้ไม่เห็นมีอะไรเกี่ยวข้องกันเลย เข้าใจได้ว่าไฉเจี้ยนหยวนอาจถูกชะตาไฉเสียน แต่ทั้งสองคนต่างมีนิ้วเท้าหกนิ้ว นี่น่าสนใจมาก

“ตามคำบอกเล่าของไฉซิ่งเอ๋อร์และคนอื่นๆ ในจวนสกุลไฉ ให้ตายยังไงไฉเจี้ยนหยวนก็ไม่เห็นด้วยกับคำขอของไฉเสียน เขายืนกรานที่จะให้ไฉหลานแต่งงานกับตระกูลหวงฝู่ ถึงแม้จะเป็นเรื่องผลประโยชน์มากมายก็สมเหตุสมผล

“ทว่าการให้ลูกสาวแต่งงานลูกบุญธรรม ความสัมพันธ์จะยิ่งแน่นแฟ้นขึ้น ทำให้ลูกบุญธรรมยอมถวายหัวรับใช้ตระกูลไฉ ก็สมเหตุสมผลเช่นเดียวกัน ลูกสาวแต่งงานกับลูกบุญธรรม ความรักแบบนี้มีให้เห็นทุกหนแห่ง

“แต่ถ้าลูกบุญธรรมเป็นลูกนอกสมรสล่ะ?

“สมมุติว่าไฉเสียนเป็นลูกบุญธรรมของไฉเจี้ยนหยวน แล้วทั้งสองคนมีนิ้วเท้าหกนิ้ว ลักษณะเด่นชัดเจนเช่นนี้ไม่น่าปกปิดคนอื่นได้ ไฉซิ่งเอ๋อร์จะรู้หรือไม่ว่าไฉเสียนเป็นลูกนอกสมรสของไฉเจี้ยนหยวน

“หากนางรู้อยู่แล้ว นางจึงฆ่าพี่ชายแล้วโยนความผิดให้ไฉเสียน เรียกได้ว่ายิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัวน่ะสิ เพราะตามลำดับเหตุการณ์แล้ว ไฉเสียนจะกลายเป็นผู้สืบทอดของตระกูลไฉ และขึ้นเป็นประมุขตระกูลไฉในท้ายที่สุด”

เมื่อข้อสันนิษฐานของสวี่ชีอันเริ่มเข้าเค้า ทันใดนั้นเขาก็ตระหนักได้ถึงข้อผิดพลาดที่ไม่สมเหตุสมผล

“เดี๋ยวก่อน ถ้าไฉเสียนเป็นลูกนอกสมรสของไฉเจี้ยนหยวน ถ้าเช่นนั้นไฉเจี้ยนหยวนไม่จำเป็นต้องปิดบังเลย เขาเป็นจอมยุทธสลายแรงผู้ทรงพลัง เป็นประมุข แค่มีลูกนอกสมรสจะเป็นอะไรไป?

“เท่านี้ก็สามารถเปิดเผยให้ทุกคนรู้ได้แล้ว ไม่มีความจำเป็นต้องปิดบัง กองกำลังยุทธภพก็ไม่ใช่ตระกูลผู้ลากมากดีที่ต้องคำนึงถึงพิธีรีตอง เพียงแต่ต้องคำนึงถึงคุณธรรม จริยธรรม ความเที่ยงตรง ความละอายและชื่อเสียง

“เว้นแต่ว่าจะมีเหตุผลบางอย่าง ทำให้ไฉเจี้ยนหยวนต้องปกปิดชาติกำเนิดของไฉเสียน

“ไฉเสียนเองก็ไม่รู้ชาติกำเนิดตนเองแน่นอน มิเช่นนั้นคงไม่ชอบน้องสาวของตัวเอง แต่ถ้ารู้อยู่แล้วล่ะ เช่นนั้นแรงจูงใจในการก่อเหตุ ‘เพื่อความรัก’ ก็ไม่มีอยู่จริง

“ถ้าอย่างนั้น ขอแค่เจอตัวไฉเสียน ถามเขาให้ชัดเจนว่ารู้ชาติกำเนิดตนหรือไม่ เท่านี้ก็ระบุตัวตนฆาตกรที่ฆ่าไฉเจี้ยนหยวนได้”

ขณะพึมพำ เขาก็หยิบชิ้นส่วนหนังสือปฐพีออกมา เคาะด้านหลังเบาๆ

ดาบไท่ผิงพุ่งออกมาจากกระจก ส่งเสียงพลิ้วไหวดัง “วิ้ง” ส่งผ่านความน้อยอกน้อยใจระคนดีใจ

หลังจากนั้น มันก็เลื่อนออกมาจากฝักด้วยตัวเอง ใบดาบกระแทกแผ่นหลังสวี่ชีอันเสียงดัง “ตึงๆๆ” อย่างกระตือรือร้น

“พอๆ อย่าตีข้า ข้าเจ็บจะตายแล้ว…”

สวี่ชีอันเอื้อมมือจับด้ามดาบ กดคมดาบไปที่คอของไฉเจี้ยนหยวนแล้วออกแรงกรีด

ไฉเจี้ยนหยวนถูกหลอมให้กลายเป็นศพเหล็ก หากต้องการผ่าพิสูจน์ คงต้องใช้ดาบไท่ผิงอาวุธไร้เทียมทาน ถึงจะผ่าเปิดผิวหนังได้อย่างแม่นยำและแหลมคม

สาเหตุที่เขาชันสูตรศพก็เพราะสงสัยว่า ไฉเจี้ยนหยวนถูกวางยาพิษก่อนเสียชีวิต

มีเหตุผลอยู่สองข้อ ข้อแรก ตระกูลไฉไม่มีจอมยุทธขั้นสี่ ไม่ว่าจะเป็นไฉเสียน ไฉเจี้ยนหยวนหรือไฉซิ่งเอ๋อร์ล้วนอยู่ในขั้นห้าสลายแรง ทุกคนต่างรู้ดีว่าจอมยุทธ์ขึ้นชื่อในด้านความอดทน แม้จะเป็นการลอบโจมตี แต่ก็ยากที่จะฆ่าคู่ต่อสู้ในเวลาอันสั้น และเมื่อการต่อสู้ไม่สามารถคลี่คลายได้อย่างรวดเร็ว ยอดฝีมือในจวนสกุลไฉจะตอบสนองทันที ด้วยเหตุนี้จึงไม่เกิดสถานการณ์ที่ว่า ‘ตอนไปถึงห้องหนังสือ ก็พบว่าท่านประมุขถูกไฉเสียนฆ่าเสียแล้ว’

ข้อสอง บนร่างกายไฉเจี้ยนหยวนมีบาดแผลจำนวนมาก ไฉเจี้ยนหยวนไม่ได้ถูกฆ่าในทันที หลังจากตรวจสอบอย่างละเอียดเมื่อครู่ นอกจากปากแผลที่หัวใจแล้ว ไฉเจี้ยนหยวนยังมีบาดแผลอื่นๆ ซ่อนอยู่อีกหลายจุด นี่เป็นข้อพิสูจน์ว่ามีการต่อสู้กันอย่างดุเดือดก่อนเขาเสียชีวิต

ถ้าเช่นนั้น ต้องอยู่ภายใต้สถานการณ์แบบใด ถึงก่อให้เกิดการต่อสู้ที่รุนแรงแล้วสิ้นสุดลงอย่างรวดเร็ว?

หรือจะเป็นการจู่โจมฝ่ายเดียว

ไฉเจี้ยนหยวนแทบไม่ได้ตอบโต้กลับ เขาถูกทำร้ายทารุณเพียงฝ่ายเดียว การป้องกันระดับกระดูกเหล็กผิวทองแดงโดนทำลายอย่างรวดเร็ว จนตายภายใต้คมดาบของฆาตกร

คำอธิบายที่สมเหตุสมผลคงเป็น ไฉเจี้ยนหยวนถูกวางยาพิษ

เนื้อสีแดงเข้มถูกผ่าออก หลังตรวจสอบช่วงลำคอ กลับไม่พบร่องรอยของพิษชัดเจน

ด้วยเหตุนี้เขาจึงผ่ากระเพาะ และในที่สุดก็พบ

กระเพาะไฉเจี้ยนหยวนมีสารสีดำหลงเหลืออยู่เล็กน้อย ซึ่งมีแนวโน้มเกิดจากสารพิษทำปฏิกิริยากับกรดในกระเพาะอาหาร

สวี่ชีอันวิเคราะห์เบื้องต้นผ่านความสามารถของตู๋กู่ เขาวิเคราะห์แค่ส่วนประกอบของหญ้าพิษสามชนิดเท่านั้น เพราะระยะเวลาเว้นช่วงนานเกินไปและมากกว่านี้ไม่ได้แล้ว

หญ้าพิษทั้งสามชนิดนี้มีฤทธิ์หลอนประสาทและทำให้เส้นประสาทเป็นอัมพาต

การผสมยาพิษค่อนข้างอยู่ในระดับสูง ด้วยระดับการปรุงยาในยุคสมัยนี้ การผสมยาพิษขั้นพื้นฐานจึงเป็นการนำยาพิษหลายชนิดมาผสมกันลวกๆ แบบนี้จะทำให้เกิดกลิ่นและสีอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ไม่ว่าจะวางยาพิษด้วยวิธีใด ก็ไม่อาจเล็ดลอดสัญชาตญาณและการรับรู้กลิ่น รสชาติของชาวยุทธจักรไปได้

ยาพิษนี้ไม่มีทั้งสีและกลิ่น คนทั่วไปไม่สามารถกลั่นพิษระดับนี้ได้ มีเพียงสองอาชีพเท่านั้นที่ทำได้คือโหรและปรมาจารย์ตู๋กู่

ใช่แล้ว ไฉซิ่งเอ๋อร์ นางฝังฉิงกู่ในร่างกายหลี่หลิงซู่

นางเคยไปร้องขอฉิงกู่ที่ซินเจียงตอนใต้ ฉะนั้นจะขอยาพิษสลายกำลังจอมยุทธโดยไม่มีใครรู้ย่อมทำได้ไม่ยาก

คิดถึงตรงนี้ เขาก็ขมวดคิ้ว หากกลั่นยาพิษชนิดนี้ ใช้ฆ่าไฉเจี้ยนหยวนโดยตรงจะไม่ยิ่งโจ่งแจ้งไปหรอกหรือ

ทำไมต้องทำเรื่องให้ยุ่งยากด้วยนะ

สวี่ชีอันเป็นคนฉลาดจึงคิดหาเหตุผลในทันที แน่นอนว่ามันใช้พิษฆ่าได้ ถ้าใช้พิษฆ่าแล้วจะพิสูจน์ให้ทุกคนรู้ได้อย่างไรว่าไฉเสียนเป็นคนฆ่า

นี่เป็นเกม เกมที่พุ่งเป้าไปหาไฉเสียนโดยตรง

ตอนนี้มีวิธีทำให้คดีคืบหน้าอย่างรวดเร็ว นั่นคือการจับไฉซิ่งเอ๋อร์ แล้วใช้วิธีทรมานให้รับสารภาพ

สวี่ชีอันล้มเลิกความคิดนี้โดยพลัน ประการแรก เขาไม่มีวิชามองปราณและไม่ได้นับถือศีลของสำนักพุทธเช่นกัน ซึ่งศีลข้อแรกของเจดีย์พุทธะคือ ‘ห้ามฆ่าสัตว์’ เป็นกฎตายตัว

‘ห้ามฆ่าสัตว์’ กับ ‘ห้ามมุสา’ ไม่เกี่ยวข้องกันชัดๆ

ถ่าหลิงวาดยันต์คาถาไม่ได้ เพราะถ่าหลิงอยู่เจดีย์พุทธะ เป็นไปไม่ได้ที่จะแสดงความสามารถที่เจดีย์พุทธะไม่มี

ซินกู่สามารถส่งผลกระทบต่อสิ่งมีชีวิตที่มีสติปัญญาได้ในเวลาอันสั้น แต่ไฉซิ่งเอ๋อร์เป็นถึงชาวยุทธสลายแรง ฉะนั้นฤทธิ์ของซินกู่ในตอนนี้จึงไม่เพียงพอที่จะทำให้นางตอบคำถาม

ประการที่สอง ขนาดรูปร่างหน้าตาของเทพบุตรยังเป็นรอง นางต้องหยาบคายใส่ไฉซิ่งเอ๋อร์แน่ๆ หลังจบเรื่องนางคงโกรธจนเข้าหน้าไม่ติด จนเอาเรื่องการมีอยู่ของสวีเชียนไปบอกสำนักพุทธ

หากเป็นเช่นนี้ หัวใจของจิ้งซินคงถ่ายทอดการขับไล่มารเพื่อธำรงความยุติธรรมมาถึงตนเอง จนกระทั่งได้ติดต่อกับเทพารักษ์ตู้หนานโดยตรง

เช่นนั้นแล้ว อย่าว่าแต่สืบคดีเลย แม้แต่ปราณมังกรก็อาจถูกสำนักพุทธแย่งไป

“คืนนี้พักที่นี่แก้ขัดก่อนแล้วกัน จะได้อาศัยไอซากศพในห้องใต้ดินให้ความอบอุ่นกับซือกู่ด้วย”

สวี่ชีอันนั่งขัดสมาธิบนพื้นหันหลังพิงกำแพง โดยมีศพยืนขนาบสองข้างนิ่งๆ

เขาพึงพอใจกับสภาพแวดล้อมที่วังเวงและน่ากลัวเช่นนี้ เพราะทำให้รู้สึกเหมือนได้กลับบ้าน พลอยให้ซือกู่ในเวลานี้ได้รับความพึงพอใจไปด้วย

หลังคอสวี่ชีอันนูนบวมขึ้นเล็กน้อย ทันใดนั้นก็มีตัวแมลงขนาดเท่าแมลงสาบเจาะผิวหนังออกมา ก่อนจะตามด้วยตัวที่สองและตัวที่สาม

พวกมันคือซือกู่กับจื่อกู่ที่เพาะเลี้ยงโดยเจ็ดยอดกู่

ตอนนี้ซือกู่ออกลูกเป็นจื่อกู่ได้มากสุดสี่ตัว โดยหนึ่งในนั้นเกิดเป็นปรสิตบนศพของเหิงอินที่วัดซานฮัว ส่วนอีกสามตัวที่เหลือเพิ่งเกิดไม่นานนี้

ทันทีที่จื่อกู่เกิด พวกมันจะคลานไปหาศพรอบๆ อย่างตื่นเต้น สองตัวใช้หลักการใกล้ตัว เลือกศพเหล็กที่ใกล้ที่สุด

เหลืออีกตัวหนึ่งที่ยังวนไปวันมาในห้องลับอยู่หลายรอบ ก่อนจะเลือกศพผู้หญิงที่มีหน้าอกนูนขึ้นมาเล็กน้อย

“ไอ้พวกเด็กอนาคตไกลเอ๊ย!”

สวี่ชีอันเดาะลิ้นแล้วหลับตาลง สัมผัสเหตุการณ์ที่กำลังเป็นไปของพวกศพเหล็กทั้งสามตน

พวกเขาไร้ซึ่งชีวิต แต่ศพเหล็กทั้งสองตนรักษาไว้เพียงพละกำลังและการป้องกันเนื้อกายเดิม ในขณะที่ศพผู้หญิงยังคงรักษาความสามารถของร่างกายส่วนหน้าไว้ได้…ช่างเป็นการคาดการณ์ที่อันตราย

ความสามารถนี้จะทำให้ควบคุมเจ้าของร่างได้โดยตรง

ซึ่งหมายความว่าศพผู้หญิงหลังจากตายได้ไม่นาน จะหลอมให้กลายศพเดินได้ทันที ดังนั้นจึงรักษาความสามารถไว้ได้ส่วนหนึ่ง

อายุการใช้งานศพเดินไม่เกินห้าปี วิธีหลอมศพก็ลวกๆ ไม่เหมือนวิธีดั้งเดิมเลย แต่ก็ถูก บรรพบุรุษของตระกูลไฉเกิดมาเป็นทาสในซินเจียงตอนใต้ ไม่ว่าจะเป็นการครูพักลักจำหรือถูกสอนโดยพวกซือกู่ พวกเขาไม่มีทางรู้เคล็ดลับดั้งเดิมแน่ๆ

สวี่ชีอันถอนการควบคุมจื่อกู่ จดจ่ออยู่กับการวิเคราะห์สิ่งที่เก็บเกี่ยวได้ในคืนนี้

มีความเป็นไปได้สูงที่ไฉเสียนเป็นลูกนอกสมรสของไฉเจี้ยนหยวน แต่ด้วยเหตุผลบางอย่าง ไฉเจี้ยนหยวนจึงปกปิดชาติกำเนิดของเขามาตลอด

ไฉเจี้ยนหยวนถูกวางยาพิษก่อนเสียชีวิต ก่อนถูกฆ่าตายในห้องหนังสือ ผู้วางยาต้องเป็นคนใกล้ชิด ไม่ว่าจะเป็นไฉเสียน ไฉซิ่งเอ๋อร์ รวมถึงไฉหลานที่หายตัวไป

ทิศทางของเบาะแสต่อไปคือ เหตุใดไฉเจี้ยนหยวนถึงปกปิดชาติกำเนิดไฉเสียน คงต้องไตร่สวนไฉซิ่งเอ๋อร์ อืม จุดนี้คงขึ้นอยู่กับเทพบุตรนิกายสวรรค์แล้วล่ะ

ขณะที่เขาครุ่นคิด ก็สูดเอาไอซากศพในห้องใต้ดิน ให้ความอบอุ่นซือกู่

ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าใด จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงเคลื่อนไหวแปลกๆ จึงลืมตาขึ้นทันที

เทียนเผาไหม้จนสุดแท่งและกำลังจะมอดในไม่ช้า ภายใต้แสงไฟสลัว ศพผู้หญิงนอนโก้งโค้งอยู่บนพื้น

ศพผู้ชายตนหนึ่งนอนอยู่บนหลังศพผู้หญิง ส่วนศพผู้ชายอีกตนนอนคว่ำหน้าอยู่ข้างๆ ‘เขา’

พวกเจ้ากำลังทำอะไรกัน…สวี่ชีอันเกือบคุมสีหน้าตนเองไม่ได้ เขาใช้อำนาจเด็ดขาดของ ‘มู๋กู่’ ควบคุมจื่อกู่สามตัวทันที ในที่สุดก็เข้าใจสิ่งที่พวกมันต้องการ

พวกมันกำลังสืบพันธุ์ตามสัญชาตญาณ

ทำอะไรกันเนี่ย ผสมพันธุ์แบบไม่ถอดเสื้อผ้างั้นรึ หึ เป็นหนอนเครื่องมือไม่ดีรึไง เป็นเครื่องมือก็ต้องรู้หน้าที่ตนสิ พวกเจ้าไม่มีสิทธิ์ผสมพันธุ์โว้ย…สวี่ชีอันหยุดพฤติกรรมบ้าๆ บอๆ นี่ทันที

เขาเข้าใจในทันทีว่าทำไมปรมาจารย์ซือกู่บางคนควบคุมตัณหาของตนไม่ได้ จึงมีความสัมพันธ์กับศพเดินได้มากกว่าเจ้านายและหุ่นเชิด

นั่นคืออิทธิพลจากสัญชาตญาณการสืบพันธุ์ของซือกู่

………………………………………………..

———————

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด