ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง 160 ซื้อบ้าน

Now you are reading ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง Chapter 160 ซื้อบ้าน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 160 ซื้อบ้าน
ยามเฉินสามเค่อ สวี่ชีอันขี่แม่ม้าตัวน้อยที่เขาหวงแหน วิ่งฉิวไปตามถนน เร่งรุดไปยังสำนักโหราจารย์ ท่ามกลางการต้อนรับอันแสนอบอุ่นของเหล่าโหรชุดขาว เขาพบฉู่ไฉ่เวยที่กำลังตั้งใจฟังการสอนของซ่งชิงอยู่

“แม่นางไฉ่เวย ข้าอยากซื้อบ้านในเมืองชั้นในสักหลัง ข้ารู้ว่าสำนักโหราจารย์ช่วยตรวจสอบเรื่องฮวงจุ้ยได้ จึงอยากขอความช่วยเหลือจากเจ้า” สวี่ชีอันชี้แจงความประสงค์

ฉู่ไฉ่เวยละสายตาจากขวดโหลต่างๆ บนโต๊ะพร้อมกับเงยหน้าขึ้น ใบหน้าของเด็กสาวอายุสิบแปดปีดูสดใสน่ารัก ทั้งงดงามทั้งขาวละมุน ดวงตากลมโตสดใส ดวงขาวสะอาดคล้ายเด็กทารก ช่างดูบริสุทธิ์ยิ่งนัก

อย่างที่รู้กันดีว่าดวงตาของเด็กนั้นสว่างสดใสและเป็นประกาย ก็เป็นเพราะว่าดวงตาของพวกเขาขาวใสบริสุทธิ์

ต่างจากผู้ใหญ่เมื่อโตขึ้น ดวงตาอันขาวบริสุทธิ์ก็ขุ่นมัวและแดงก่ำ

ดวงตาของฉู่ไฉ่เวยนั้นบริสุทธิ์ราวกับทารก ทั้งกลมโตและสุกสกาว ช่างงดงามเหลือเกิน

“ข้าจะเรียนเล่นแร่แปรธาตุ ไม่ไป” ฉู่ไฉ่เวยพองแก้มและหันหน้าหนี

นางมีระดูหรือ ดูอารมณ์ไม่ค่อยดี…สวี่ชีอันที่กำลังเดาในใจได้ยินซ่งชิงพูดว่า “ข้าจะเรียกศิษย์น้องให้ไปกับเจ้าแทน”

เรียกศิษย์น้องให้ข้าทำไม ไม่ต้อง!

มันต้องไปกับศิษย์น้องที่เป็นผู้หญิงสิถึงจะมีความหมาย ใครมันอยากจะไปเดินเจ๊าะแจ๊ะกับพวกตาแก่บ้างเล่า สวี่ชีอันส่ายหัวปฏิเสธความหวังดีของซ่งชิงและกล่าว

“เหตุใดวันนี้แม่นางไฉ่เวยถึงเป็นเช่นนี้ไปได้…กำลังมุมานะศึกษาอย่างนั้นหรือ”

ฉู่ไฉ่เวยตอบอย่างจริงจังด้วยใบหน้าเล็กๆ ของนาง “ข้าติดอยู่ระดับปรมาจารย์ฮวงจุ้ยขั้นเจ็ดมาปีกว่าแล้ว ข้าสามารถเลื่อนขั้นไปเป็นระดับเล่นแร่แปรธาตุได้ ทว่าการเล่นแร่แปรธาตุนั้นยากเกินไป ทั้งเหนื่อยและน่าเบื่อ…”

อืม เข้าใจแล้ว วิทยาศาสตร์เป็นฝันร้ายของผู้หญิงสินะ

ฉู่ไฉ่เวยกล่าวต่อ “ยิ่งไปกว่านั้น จะเลื่อนขั้นเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุระดับหกได้ ข้าจำเป็นต้องสร้างกลวิธีเล่นแร่แปรธาตุแบบใหม่ให้สมบูรณ์ เผยแพร่สู่สาธารณชน และต้องได้รับเสียงตอบรับที่ดีจากผู้คนด้วย ถึงจะเลื่อนขั้นสำเร็จ”

สวี่ชีอันไม่เข้าใจคำพูดนี้ “ได้รับเสียงตอบรับจากผู้คนหรือ”

“เจ้ารู้หรือไม่ว่าใครเป็นคนคิดค้นดินปืน”

“เรื่องนี้ข้าจะไปรู้ได้อย่างไร”

“ดินปืนถูกคิดค้นขึ้นมาเมื่อสามร้อยปีก่อน โดยปรมาจารย์ฮวงจุ้ยแห่งสำนักโหราจารย์ หลังจากที่เผยแพร่สู่ภายนอกและได้รับการยอมรับจากผู้คนแล้ว จึงได้เลื่อนขั้นเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุ แต่ก็ไม่จำเป็นต้องถึงขั้นเล่นแร่แปรธาตุจนเกิดสิ่งของสะเทือนโลกาก็ได้ อย่างศิษย์พี่ซ่งชิงก็ได้เลื่อนขั้นเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุ จากการคิดค้นวิธีเคลือบสีอัญมณี” ฉู่ไฉ่เวยกล่าว “สิ่งสำคัญคือเสียงตอบรับของผู้คน”

ที่แท้ก็เป็นแกนี่เองที่บ่อนทำลายแผนการทำเงินของข้า ไอ้คนต่ำช้าซ่งชิง… สวี่ชีอันเคียดแค้นอยู่ในใจและกล่าวด้วยความสงสัย “เหตุใดต้องสนใจเสียงตอบรับของคนอื่นด้วยล่ะ”

ฉู่ไฉ่เวยหันไปมองซ่งชิง หลังจากที่อีกฝ่ายไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่งก็พูดขึ้นว่า “นี่ถือเป็นความลับของสำนักโหราจารย์ ข้าบอกเจ้าได้ไม่มีปัญหา แต่จำไว้ว่าห้ามแพร่งพรายออกไปเด็ดขาด”

เมื่อเห็นสวี่ชีอันพยักหน้า ซ่งชิงจึงกล่าว “เจ้าคิดว่าสำนักโหราจารย์กับระบบฝึกตนอื่นๆ แตกต่างกันอย่างไร”

“เพื่อแผ่นดินและราษฎร การอุทิศตนอย่างเสียสละ มีคุณธรรมสูงส่งอย่างยิ่ง” สวี่ชีอันพูดอย่างจริงจัง

คำตอบนี้ทำให้ซ่งชิงกับโหรชุดขาวหลายท่านที่อยู่ข้างๆ ยิ้มมุมปากออกมาโดยไม่รู้ตัว

‘สมแล้วที่นายท่านสวี่เป็นมิตรแท้ของสำนักโหราจารย์…’

ซ่งชิงพยักหน้าอย่างพอใจและกล่าวด้วยน้ำเสียงที่กระตือรือร้น “ใช่ เจ้าเป็นคนที่มีสายตาเฉียบแหลมและแม่นยำไม่เหมือนใคร ข้าชื่นชมในจุดนี้อย่างสูง”

“ในบรรดาระบบหลักนั้น ระดับเก้าเป็นระดับพื้นฐาน อันที่จริงระดับเก้าถือเป็นหัวใจหลักของระบบฝึกตน ทั้งระดับหลอมจิตของจอมยุทธ์ ระดับเปิดปัญญาของลัทธิขงจื๊อ และระดับสามเณรของสำนักพุทธ”

หัวใจสำคัญของระดับหลอมจิตของจอมยุทธ์คือร่างกาย และร่างกายคือรากฐานของนักรบ…ระดับเปิดปัญญาของลัทธิขงจื๊อ เอ่อ แปลว่าถ้าไม่มีปัญญาก็อย่าเล่าเรียนหนังสือใช่ไหม ส่วนระดับสามเณรของสำนักพุทธ สามเณรน้อยต้องถือศีล ซึ่งการสมาทานศีลเป็นรากฐานให้ภิกษุบรรลุในพระธรรม…เช่นนั้นระดับเก้าของระบบโหรที่เป็นหมอล่ะ ดูแล้วหมอไม่น่าจะเกี่ยวข้องกับโหรตรงไหนเลยนี่นา

ในขณะที่สวี่ชีอันที่กำลังครุ่นคิดอยู่ เมื่อซ่งชิงเห็นว่าเขายังไม่กระจ่างแจ้งจึงกล่าวชี้แนะ “แก่นแท้ของหมอระดับเก้าไม่ได้อยู่ที่การรักษา ทว่าเป็นมนุษย์ ระบบโหรยึดถือมนุษยธรรม ดังนั้นจะบรรลุเป็นนักเล่นแร่แปรธาตุระดับหกได้จึงจำเป็นต้องได้รับการยอมรับจากประชาชน เพราะฉะนั้นสำนักโหราจารย์จึงต้องตรงกับกับราชสำนัก”

โหรยึดถือมนุษยธรรมงั้นหรือ อาจไม่ใช่มนุษยธรรมแบบที่ข้าคิด…ไม่แปลกที่โหรชุดขาวพวกนี้หยิ่งผยองยิ่งนัก ทว่าสิ่งที่พวกเขาทำคือ ‘รับใช้ประชาชน’ มิน่าล่ะทำไมท่านโหราจารย์ของราชวงศ์ในอดีตทั้งหมดจึงต้องเป็นผู้พิทักษ์เมืองหลวง ที่แท้ก็ขึ้นตรงกับราชสำนักนี่เอง…เรื่องนี้ทำให้ข้านึกถึงลัทธิขงจื๊อที่ขึ้นตรงกับราชสำนักเหมือนกัน จนกระทั่งตอนนี้ลัทธิขงจื๊อก็ยังไม่มีปรมาจารย์ระดับสองเลย ประกอบกับเรื่องที่เอ้อร์หลางเล่าให้ฟัง ก็อาจเป็นไปได้ว่าพวกเขาถูกตัดขาดจากหนทางการเป็นขุนนางไปแล้ว แบบนี้ก็เปรียบเสมือนปรมาจารย์ฮวงจุ้ยระดับเจ็ด ที่หากไม่ได้รับการยอมรับจากผู้คนก็ไม่สามารถเลื่อนขั้นได้อย่างนั้นหรือ

หากมีมนุษยธรรม ก็ต้องมีหลักธรรมอื่นๆ นอกจากความแตกต่างผิวเผินของระบบฝึกตนทั้งหลายแล้ว เบื้องหลังยังซ่อนความแตกต่างทาง ‘ศีลธรรม’ เอาไว้บ้างหรือไม่

“แล้วพอจะมีแนวทางของกลวิธีเล่นแร่แปรธาตุใหม่ๆ บ้างหรือไม่” สวี่ชีอันถาม

ซ่งชิงเหลือบมองศิษย์น้องหญิงและกล่าวอย่างจนปัญญา “เดิมทีก็ไม่ค่อยฉลาดอยู่แล้ว ดันไม่สนใจศึกษาเล่าเรียนอีก เฮ้อ เกรงว่าจะยากน่ะสิ”

โหรชุดขาวหลายคนพากันส่ายหัว ไม่เห็นความหวังในการเลื่อนขั้นของฉู่ไฉ่เวย

“ศิษย์น้องไฉ่เวยเป็นเช่นนี้…ก็ต้องพึ่งโชคชะตาเท่านั้นแหละ”

“เฮ้อ ท่านโหราจารย์ก็ไม่สนใจเลย คงเพราะท่านคิดว่าศิษย์น้องเป็นแค่ผู้หญิง จึงไม่จำเป็นต้องขวนขวายขึ้นไปในระดับสูงๆ ก็ได้กระมัง”

“พวกเราก็ทำอะไรไม่ได้”

เหล่าโหรชุดขาวกล่าวอย่างโศกเศร้าพร้อมกับถอนหายใจ

ฉู่ไฉ่เวยมุ่ยปากเหมือนกับนักเรียนคะแนนต่ำเตี้ยเรี่ยดิน ที่กำลังเผชิญหน้ากับผู้ปกครองที่ทอดถอนใจอย่างไม่สบอารมณ์กับความไม่เอาถ่านของตน

หากโลกใบนี้ยังไม่มีผงปรุงรสไก่และไม่รู้วิธีการทำผงปรุงรสไก่ ก็นับว่าเป็นการเล่นแร่แปรธาตุได้อย่างสมบูรณ์ สวี่ชีอันไตร่ตรอง “เรื่องนี้ข้ามีทางออก”

‘ชิ้ง!’ เหล่าโหรชุดขาวที่อยู่ในห้องเล่นแร่แปรธาตุจ้องเขม็งด้วยดวงตาที่ส่องแสงประกาย

“จริงหรือ มีทางออกจริงๆ หรือ” ดวงตาของซ่งชิงเบิกกว้าง ไม่เพียงแค่รู้สึกปีติยินดีที่จะได้เรียนรู้การเล่นแร่แปรธาตุใหม่ๆ แต่ยังรู้สึกดีใจเหมือนตาแก่ที่สามารถยกภูเขาออกจากอกไปได้เสียที

“คุณชายสวี่ สิ่งที่คุณชายสวี่พูดเป็นความจริงหรือ” เหล่าโหรชุดขาวกรูกันเข้ามาอย่างตื่นเต้น ส่วนโหรชุดขาวที่กำลังยุ่งอยู่กับการทดลองเล่นแร่แปรธาตุก็วางมือลงและจ้องไปที่สวี่ชีอันอย่างคาดหวัง

“ข้าต้องขอไตร่ตรองดูอีกที อีกสองสามวันจะให้คำตอบแก่ท่าน” หลังจากที่พูดจบ เขามองไปยังฉู่ไฉ่เวย “แม่นางไฉ่เวย ตกลงวันนี้เจ้าว่างหรือยัง”

“ว่างสิๆ…” เหล่าโหรชุดขาวในห้องทุกคนต่างพูดเป็นเสียงเดียวกัน

ซ่งชิงดันฉู่ไฉ่เวยให้ยืนขึ้นและพูดอย่างจริงจัง “คุณชายสวี่เป็นแขกผู้มีเกียรติของสำนักโหราจารย์ สำคัญกว่าการเล่นแร่แปรธาตุหลายร้อยเท่า วันนี้เจ้าไปเดินเล่นกับเขาที่เมืองชั้นในเถิด”

ฉู่ไฉ่เวยถูกเหล่าศิษย์พี่ผลักเข้าไปในถ้ำหมาป่า

สวี่ชีอันพาฉู่ไฉ่เวยไปที่หยาหัง[1] จากนั้นนายหน้าชราผู้หนึ่งจึงเข้ามาทักทายเขาอย่างกระตือรือร้น “นายท่าน นายหญิง ต้องการซื้อหรือเช่าบ้านขอรับ”

เป็นตาเฒ่าสินะ ถ้าเป็นชาติก่อนก็ต้องเป็นหญิงสาวที่สะสวยหุ่นดีในชุดทำงานเข้ามาต้อนรับแทน…สวี่ชีอันแขวะในใจพร้อมกับรอยยิ้มบนใบหน้า “มาซื้อบ้าน”

รอยยิ้มบนใบหน้าของนายหน้าชรายิ่งทวีความกระตือรือร้นมากขึ้นไปอีก ค่านายหน้าของบ้านเช่าและบ้านขายมันต่างกันคนละโลกเชียวล่ะ

“อยากได้ขนาดเท่าไรหรือขอรับ”

“ขอขนาดสามประตูเข้าออก”

รอยยิ้มบนใบหน้าของนายหน้าชราไม่อาจใช้คำว่ากระตือรือร้นมาบรรยายได้ ต้องใช้คำว่าปีติยินดีจนเกือบจะร้องไห้ ราวกับได้พบบิดาผู้ให้กำเนิดที่พลัดพรากกันไปนานแสนนานมากกว่า

ความตื่นเต้นของเขานั้นมีเหตุผลอยู่ บ้านที่อยู่ในเมืองชั้นใน ไม่ต้องพูดถึงบ้านขนาดเล็กดาดๆ ทั่วไป บ้านสามทางเข้าออกปกติราคาอยู่ที่ห้าพันถึงหนึ่งหมื่นตำลึงขึ้นอยู่กับทำเลที่ตั้ง

บ้านที่มีทางเข้าออกสามทางขึ้นไปไม่ใช่บ้านที่คนทั่วไปจะเอื้อมถึง ปีนี้หยาหังยังไม่เคยขายจวนหลังใหญ่ขนาดนี้ได้เลย หากประเดิมปิดการขายกับเจ้านี้ได้ก็จะมีเงินกินเงินใช้ไปทั้งปี

“มีบ้านที่สนใจอยู่หรือไม่ขอรับ” นายหน้าชราถามอย่างถ่อมตน

“บ้านราคาห้าพันถึงเจ็ดพันตำลึง ขอใบรายการลงรายละเอียดหนึ่งฉบับด้วย” สวี่ชีอันผู้นั่งลงอย่างองอาจ ถือถ้วยชาไว้ในมือ จากนั้นก็จิบชาเขียวซึ่งน่าจะเป็นชาที่มีคุณภาพดีที่สุดในหยาหัง

ชิมแล้วรสชาติก็ธรรมดา ยังห่างชั้นกับชาในห้องน้ำชาของเว่ยเยวียนหลายขุม

ไม่นานใบรายการรายละเอียดทั้งหลายก็ถูกนำมาให้ สวี่ชีอันกวาดตามองพร้อมกับระลึกอย่างถี่ถ้วนอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงตัดใบรายการทิ้งไปสามแผ่น เหลือไว้เพียงแผ่นเดียว

“เหตุใดถึงเหลือเพียงบ้านหลังนี้ล่ะ” ฉู่ไฉ่เวยหยิบผลไม้แช่อิ่มออกมาจากกระเป๋าคาดเอวหนังกวางของนางราวกับมายากล

“เพราะบ้านหลังนี้อยู่ใกล้กับสำนักสังคีตน่ะสิ” สวี่ชีอันยักคิ้วและหัวเราะ

บนกระดาษแสดงรายการที่ตั้งและขนาดของบ้าน สำหรับข้อมูลรายละเอียดอื่นๆ ต้องสอบถามเพิ่มเติม สวี่ชีอันชำเลืองมองและพบว่าบ้านหลังนี้มีทำเลดี มีพื้นที่ขนาดใหญ่ ส่วนราคาก็ต่ำกว่าบ้านหลังอื่นๆ มากทีเดียว หมายเลขของหยาหังคือ 2233

“ท่านผู้เฒ่า เหตุใดบ้านหลังนี้ถึงราคาถูกเช่นนี้” สวี่ชีอันถามอย่างสงบเยือกเย็น

ราคาขายของเลขที่ 2233 อยู่ที่ห้าพันห้าร้อยตำลึง ซึ่งราคาขายของบ้านในระดับเดียวกันนั้นมากกว่าเจ็ดพันตำลึงขึ้นไป

“ที่ราคาถูกแบบนี้มันมีเหตุผลอยู่ขอรับ…” นายหน้าชรามองไปรอบๆ และพูดเสียงเบา

“บ้านหลังนั้นเป็นบ้านอัปมงคล ใครก็อยู่ไม่ได้ นายท่านเลือกหลังอื่นเถิดขอรับ”

สวี่ชีอันกับฉู่ไฉ่เวยมองหน้ากันพร้อมกับคิดในใจว่าเป็นอัปมงคลหรือ ถ้าอย่างนั้นในฐานะหน่วยลาดตระเวนยามวิกาลต้องขอไปตรวจสอบดูหน่อยว่าเป็นความอัปมงคลแบบไหน

ทว่าสวี่ชีอันถามอย่างรอบคอบ ไม่ผลีผลาม “เกิดอะไรขึ้นหรือ ท่านผู้เฒ่าโปรดไขข้อข้องใจให้ข้าทีเถิด”

ถึงแม้เมืองหลวงจะเป็นเขตของหน่วยลาดตระเวนยามวิกาล แต่ก็ยังมีสถานที่ชั่วร้ายมากมายถูกซุกซ่อนไว้โดยที่เหล่ายอดฝีมือทั้งหลายไม่เคยล่วงรู้มาก่อน สวี่ชีอันเคยได้ยินตำนานเรื่องเล่าแปลกๆ มากมายเกี่ยวกับเมืองหลวงมาตั้งแต่ตอนที่เขายังเป็นเด็ก

……………………………………

[1] หยาหัง เป็นบริษัทหรือคนกลางที่เจรจาและแนะนำธุรกรรมสำหรับผู้ซื้อและผู้ขายในตลาด และเก็บค่าคอมมิชชั่น หน้าที่คล้ายๆ กับสมาคมการค้า

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด