POWER AND WEALTH (พลังและความมั่งคั่ง) 103

Now you are reading POWER AND WEALTH (พลังและความมั่งคั่ง) Chapter 103 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 103 หนทางสุดท้าย!

ผู้แปล loop

ในเช้าวันศุกร์.

ดงซูบินที่มีท่าทางโมโหมากๆเดินเข้ามาในสำนักงานและเห็นฉางจี้ที่กำลังเดินอยู่ข้างหน้าเขา

“ พี่จี้ขอแสดงความยินดีด้วยนะครับ” ชายหนุ่มจากสำนักงานความปลอดภัยสาธารณะที่หกกำลังแสดงความยินดีกับฉางจี้

ฉางจี้ได้แต่ยิ้ม:“ ไม่ต้องแสดงความยินดีขนาดนั้นก็ได้ ฉันก็แค่ได้รับเลือกไปอบรมเท่านั้นเอง”

และยังมีอีกสองสามคนจากแผนกการเมืองและฝ่ายการเงินเดินผ่านมาและทักทายฉางจี้กันอย่างยกใหญ่ “ พี่จี้ไม่มีใครสามารถเข้าร่วมหลักสูตรฝึกอบรมกับพรรคคอมมิวนิสต์ได้ง่ายๆ ฮ่า ๆ ๆ ๆ พี่จี้จะได้รับการเลื่อนตำแหน่งอีกในไม่ช้าแน่ๆ แล้วเมื่อถึงตอนนั้นพี่จี้ก็อย่าลืมพวกเราล่ะ” แน่นอนว่าหัวหน้าของสำนักจะต้องมีการเปลี่ยนแปลง และทุกคนรู้ว่าโจวเกาพยายามผลักดันฉางจี้อย่างแน่นอน อีกทั้งเขายังส่งให้ฉางจี้ไปอบรมในหลักสูตรผู้บริหารระดับสูงแน่นอนว่าพวกเขาเหล่านั้นไม่ได้โง่และรู้ว่าโจเกาต้องผลักดันให้ฉางจี้เป็นหัวหน้าฝ่ายกิจการทั่วไปคนใหม่อย่างแน่นอน นั่นเป็นเหตุผลที่ทุกคนเปลี่ยนท่าทีที่มีต่อเขาและเริ่มให้ความสนใจกับเขา

ฉางจี้เองก็รู้สึกดีกับความรู้สึกนี้และเริ่มทำท่าทีเหมือนเขาได้รับตำแหน่งไปแล้ว เขายิ้มและพูดคุยกับพวกเขา

ในทางกลับกันดงซูบินเองรู้สึกเหมือนกับโจวฉางจูที่เคยผ่านช่วงเวลาที่เขาเกษียณอายุก่อนกำหนด ตอนนี้ดงซูบินเหมือนกับเขาเป็นตัวประหลาดที่ทุกคนไม่อยากเข้าใกล้เนื่องจากเขามีปัญหากับโจวเการวมไปถึงเพื่อนทีมฟุตบอลที่อยู่ๆแถวนั้นก็ไม่แม้แต่จะทักทายเขาด้วยซ้ำ พวกเขาเพียงพยักหน้าแทนการทักทายปกติและเดินหนีเขาไปอย่างรวดเร็ว รวมถึงพวกเขาไม่ได้กล่าวถึงดงซูบินในฐานะหัวหน้าอีกด้วย ตอนนี้ไม่มีใครอยากยุ่งเกี่ยวกับดงซูบิน

ฉางจี้หันกลับมาและเห็นว่าทุกคนไม่สนใจดงซูบินมันทำให้เขายิ้มแย้มขึ้นมา ‘มันถึงตาของฉันแล้ว!’

ความโกรธของดงซูบินก็มาถึงจุดเดือด ทันทีที่เขาเดินมาถึงสำนักงานของเขาเขาเรียกว่าฉางจี้เข้าไปในห้องของเขา

“ มีอะไร” ในอดีตที่ผ่านมาฉางจี้จะยังคงพูดกับดงซูบินในฐานะหัวหน้าของเขาอย่างไม่เต็มใจ แต่วันนี้เขาไม่ได้ทักทายดงซูบินเลย เขามองดงซูบินที่อยู่ตรงหน้าเขาโดยที่เขาเชิดหน้าทำตัวสูงสง น้ำเสียงของเขาเหมือนเป็นคนที่เหนือกว่าเหมือนกับว่าเขาเป็นหัวหน้าของดงซูบินแล้ว!

“ ท่าทางแบบนี้คืออะไรกัน นายรู้หรือป่าวว่านายกำลังพูดกับใครอยู่” ดงซูบินขมวดคิ้ว “ ฉางจี้อย่าคิดนะว่า ฉันไม่รู้ว่านายกำลังทำอะไรไป ฉันปิดตาข้างหนึ่งเมื่อคุณสร้างปัญหาเล็กน้อยให้ฉัน แต่นายดีกล้าเกินไป นายกล้าเปลี่ยนเอกสารการประชุมและทำตัวเหย่อยิ่งเช่นนี้หรอ”

ฉางจี้จ้องไปที่ดงซูบินและตอบอย่างเย็นชา:“ อย่ามากล่าวโทษฉัน!”

“ นายรู้ดีว่านายทำอะไรลงไป!”

“ คุณต้องมีหลักฐาน หลักฐานอยู่ที่ไหน เอามาโชว์สิ!”

ดงซูบินเองก็พยายามหาหลักฐานเมื่อวานนี้หลังจากที่ทุกคนออกไปแล้ว แต่เครื่องถ่ายเอกสารในสำนักงานไม่มีฟังก์ชั่นในการเก็บบันทึก รูปภาพไม่กี่รูปเหล่านั้นอาจไม่ถูกพิมพ์ในสำนักงานด้วยซ้ำและฉางจี้อาจนำภาพเหล่านั้นมาจากบ้าน เขาไม่พบหลักฐานใด ๆ นั่นเป็นเหตุผลที่ถึงแม้ว่าดงซูบินจะรู้ว่าคนที่ทำผิดเป็นฉางจี้ ที่กลั่นแกล้งพวกเขา เขาก็ไม่สามารถทำอะไรกับฉางจี้ได้ นอกจากนี้ถ้าเขาไปหาผู้บริหารระดับสูงแล้วจะไม่มีใครเชื่อเขา!

“ อย่ากล่าวหาฉันถ้าคุณไม่มีหลักฐาน!” ฉางจี้ยิ้มอย่างเย้ยหยันบนใบหน้าของเขา “ คุณกำลังทำการกล่าวหาผิด ๆ !” ฉางจี้นั้น รอคอยมาจนถึงวันนี้ เขารู้สึกยอดเยี่ยม เขาคิดกับตัวเองว่า ‘แกดงซูบิน ……ฉันทนกับแกมานานแล้ว! ฉันรอวันนี้มานานและจะดูว่าฉันจะจัดการกับแกหลังจากที่ฉันได้รับการเลื่อนตำแหน่งให้เป็นหัวหน้า! ถ้าฉันไม่จบอาชีพของแกอย่ามาเรียกฉันว่าฉางจี้!’

“ มันเร็วเกินไปที่นายจะฉลองชัยชนะครั้งนี้!” ดงซูบินกัดฟันของเขาแล้วพูดว่า:“ นายจะเสียใจกับสิ่งที่นายทำไป รอก่อนเถอะ!”

ฉางจี้ยิ้ม:“ ได้เลย มารอดูกัน หากไม่มีอะไรฉันขอตัวก่อน โอ้บอกให้คนอื่นพิมพ์เอกสา ให้ฉันด้วย ผู้ว่าการทางเมืองการโจว ต้องการพบฉัน ฉันยุ่ง” หลังจากพูดอย่างนั้นฉางจี้ก็เดินออกจากห้องของดงซูบินพร้อมรอยยิ้ม ‘จะเสียใจกับสิ่งที่ทำไปหรอ! ฮ่าๆๆๆ มาดูกันว่าใครจะต้องเสียใจ’

‘เวรเอ๋ย!’ ดงซูบินกระแทกโต๊ะทำงานของเขา!

ไม่เพียง แต่ดงซูบินถูกกลั่นแกล้งแต่คนทำผิดยังได้รับประโยชน์จากมันอีก ตอนนี้เขาโกรธมาก! ‘ไม่!ฉางจี้จะถูกส่งไปอบรมไม่ได้!’ หากฉางจี้ไม่เข้าร่วมการฝึกอบรมจะเป็นการยากที่เขาจะได้รับการเลื่อนตำแหน่งจากรองหัวหน้าส่วนไปยังหัวหน้าส่วน ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเขาจะต้องได้รับการเลื่อนตำแหน่งเป็นหัวหน้าส่วนรองก่อน วิธีเดียวที่จะทำให้ดงซูบินรอดจากวิกฤตในครั้งนี้ คือหยุดฉางจี้ไม่ให้เขาเข้าร่วมการฝึกอบรมได้!

หลังจากโทรศัพท์สอบถามตารางการอบรมดงซูบินพบว่าหลักสูตรการฝึกอบรมจะเริ่มขึ้นในวันพรุ่งนี้ มันเป็นไปไม่ได้ที่จะขอให้หัวหน้าผู้ว่าการทางการเมืองโจวถอนตัวฉางจี้ออกจากการอบรมในครั้งนี้ ดังนั้นความหวังสุดของดงซูบินในครั้งนี้ก็คือหัวหน้าสำนักงานสาขาอย่างเช่นหัวหน้า หยานเหลียงแต่วันนี้เป็นวันสุดท้ายของหยานเหลียงในฐานะหัวหน้าสาขาเขตแห่งนี้ นั่นก็หมายความว่า……ดงซูบินมีเพียงวันนี้วันเดียวเท่านั้นที่จะหยุดฉางจี้ไว้ได้! นี้เป็นโอกาสเดียวเท่านั้นที่จะสามารถลบชื่อของฉางจี้ออกจากการอบรมได้! ถ้าวันนี้เขาทำไม่สำเร็จ มันก็เป็นวันสุดท้ายของการเป็นราชการของดงซูบินเช่นกัน!

ในตอนนี้ดงซูบินไม่มีตัวเลือกอื่น เขาเลยตรงไปที่ห้องทำงานของหยานเหลียง

วันนี้มีผู้บริการจากสำนักความมั่นคงแห่งชาติมาถึงสำนักงานสาขาเขตตะวันตกเพื่อตรวจสอบสำนักงานสาขาทั้งหมด ดังนั้นตอนนี้ในอาคารทั้งก็กำลังยุ่งกับการทำความสะอาดบริเวณรอบๆสำนักงานกันอยู่

‘เตาะ เตาะ เตาะ’ ดงซูบินสูดหายใจเข้าลึก ๆ แล้วก็เคาะประตูห้องทำงานของหยานเหลียง

“เชิญ!.”

เนื่องจากหยานเหลียงจะได้รับการเลื่อนตำแหน่งและตอนนี้เขาดูท่าทางอารมณ์ดีมากๆ แต่ความสัมพันธ์ของเขากับภรรยานั้นกลับไม่ดีเท่าไร เมื่อเขาได้ยินว่าเขาจะถูกย้ายไปอีกจังหวัดทางตอนใต้และทุกคนในครอบครัวต้องย้ายไปอยู่กับเขามันทำให้ภรรยาของหยานเหลียงเริ่มทะเลาะกับเขา เพราะเธอยืนยันที่จะอยู่ในปักกิ่งกับลูก ๆ และปฏิเสธที่จะย้ายไปกับเขาด้วย นี่คือเหตุผลว่าทำไมหยานเหลียงถึงอารมณ์เสียเป็นอย่างมากในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา

“ หัวหน้าหยานครับผมมีเรื่องที่จะต้องรายงานหัวหน้า” ดงซูบินพูดอย่างตรงไปตรงม

หยานเหลียงเงยหน้าขึ้นมองดูดงซูบิน “รายงานเรื่องอะไร?”

ดงซูบินกล่าวว่า:“ เป็นเรื่องเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในการจัดประชุมครั้งก่อนเรื่องเอกสาร ผม……”

หยานเหลียงขัดจังหวะเขา:“ ไปรายงานเรื่องนี้กับผู้ว่าการทางการเมืองโจวนู้นสิ!”

“ หัวหน้าหยานแต่มันเกิดปัญหาบางอย่างขึ้น” ดงซูบินไม่สนใจเขาและได้พูดต่อไปว่า “ ความผิดพลาดนั้นไม่ได้เกิดจากการพิมพ์เอกสารของต้าหลินเหม่ยและฉางจี้แต่มันเกิดจากการที่ฉางจี้พยายามกลั่นแกล้งผมโดยการแทรกเอกสารแผ่นนั้นเข้าไปแทน หัวหน้าหยานน่าจะรู้เรื่องที่ฉางจี้ไม่ค่อยชอบผมเป็นการส่วนตัวอยู่แล้ว ดังนั้นในการประชุมครั้งก่อนเขาจึงแอบเข้าไปในห้องทำงานของผมและแอบเปลี่ยนเอกสารการประชุม ให้กับผู้ว่าการทางการเมืองโจวตอนที่พวกผมไปทานมื้อกลางวันกัน”

หยานเหลียงขมวดคิ้ว:“ นายมีหลักฐานไหม!”

ดงซูบินตอบว่า:“ มีคนที่สามารถเป็นพยายานได้ว่าฉางจี้อยู่คนเดียวในสำหนักงานตอนที่พวกผมไปทานมื้อเย็น ส่วนหลักฐานอื่น ๆ ……ผมกำลังค้นหามันอยู่ รูปภาพของเค้กเหล่านั้นยังอยู่กับผม ถ้าเราสามารถตรวจสอบลายนิ้วมือหรือ……”

หยานเหลียงส่ายหัว “ อย่างงั้นมาหาฉันอีกครั้งเมื่อนายมีหลักฐานชัดเจน”

ดงซูบินเองก็ไม่ยอมแพ้ “ คอร์สฝึกอบรมของพรรคคอมมิวนิสต์ที่มอบหมายให้ฉางจี้เข้าอบรม การกระทำเช่นนี้ของเขาไม่เหมาะสมกับการถูกมอบหมายการฝึกอบรมครั้งสำคัญในครั้งนี้หัวหน้าหยาน ผมหวังว่าเขาจะถูกถอนออกจากการอบรมจนกว่าการสอบสวนเหตุการณ์นี้จะสิ้นสุดลง!”

นี่เป็นวันสุดท้ายของหยานเหลียงที่สาขาเขตตะวันตก จริงๆแล้วเขาไม่ต้องการยุ่งกับเรื่องเหล่านี้อีกแล้ว “ ฉันต้องการหลักฐาน ไม่มีหลักฐานทุกอย่างก็ไร้ประโยชน์ นายสามารถไปคุยเรื่องนี้กับผู้ว่าการทางการเมืองโจวได้” ‘แหวนแหวนแหวน’ โทรศัพท์ที่โต๊ะของหยานเหลียงก็ดังขึ้น หยานเหลียงตอบรับและเขาก็ลุกยืนขึ้นทันที่ หลังจากวางสายเขาก็โทรออกไปอีกสายหนึ่งในทันที “ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงจะมาถึงที่นี้แล้ว ทุกอย่างพร้อมหรือยัง”

ในตอนนี้ดงซูบินทำได้แค่เดินออกมาจากห้องทำงานของหยานเหลียงได้เท่านั้น

‘ทำได้เท่านี้แหละ’

‘ทุกอย่างจบแล้วเหรอ?’

‘อาชีพของฉันในการรับราชการได้ถึงจุดสิ้นสุดแล้ว!’

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

POWER AND WEALTH (พลังและความมั่งคั่ง) 103

Now you are reading POWER AND WEALTH (พลังและความมั่งคั่ง) Chapter 103 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 103 หนทางสุดท้าย!

ผู้แปล loop

ในเช้าวันศุกร์.

ดงซูบินที่มีท่าทางโมโหมากๆเดินเข้ามาในสำนักงานและเห็นฉางจี้ที่กำลังเดินอยู่ข้างหน้าเขา

“ พี่จี้ขอแสดงความยินดีด้วยนะครับ” ชายหนุ่มจากสำนักงานความปลอดภัยสาธารณะที่หกกำลังแสดงความยินดีกับฉางจี้

ฉางจี้ได้แต่ยิ้ม:“ ไม่ต้องแสดงความยินดีขนาดนั้นก็ได้ ฉันก็แค่ได้รับเลือกไปอบรมเท่านั้นเอง”

และยังมีอีกสองสามคนจากแผนกการเมืองและฝ่ายการเงินเดินผ่านมาและทักทายฉางจี้กันอย่างยกใหญ่ “ พี่จี้ไม่มีใครสามารถเข้าร่วมหลักสูตรฝึกอบรมกับพรรคคอมมิวนิสต์ได้ง่ายๆ ฮ่า ๆ ๆ ๆ พี่จี้จะได้รับการเลื่อนตำแหน่งอีกในไม่ช้าแน่ๆ แล้วเมื่อถึงตอนนั้นพี่จี้ก็อย่าลืมพวกเราล่ะ” แน่นอนว่าหัวหน้าของสำนักจะต้องมีการเปลี่ยนแปลง และทุกคนรู้ว่าโจวเกาพยายามผลักดันฉางจี้อย่างแน่นอน อีกทั้งเขายังส่งให้ฉางจี้ไปอบรมในหลักสูตรผู้บริหารระดับสูงแน่นอนว่าพวกเขาเหล่านั้นไม่ได้โง่และรู้ว่าโจเกาต้องผลักดันให้ฉางจี้เป็นหัวหน้าฝ่ายกิจการทั่วไปคนใหม่อย่างแน่นอน นั่นเป็นเหตุผลที่ทุกคนเปลี่ยนท่าทีที่มีต่อเขาและเริ่มให้ความสนใจกับเขา

ฉางจี้เองก็รู้สึกดีกับความรู้สึกนี้และเริ่มทำท่าทีเหมือนเขาได้รับตำแหน่งไปแล้ว เขายิ้มและพูดคุยกับพวกเขา

ในทางกลับกันดงซูบินเองรู้สึกเหมือนกับโจวฉางจูที่เคยผ่านช่วงเวลาที่เขาเกษียณอายุก่อนกำหนด ตอนนี้ดงซูบินเหมือนกับเขาเป็นตัวประหลาดที่ทุกคนไม่อยากเข้าใกล้เนื่องจากเขามีปัญหากับโจวเการวมไปถึงเพื่อนทีมฟุตบอลที่อยู่ๆแถวนั้นก็ไม่แม้แต่จะทักทายเขาด้วยซ้ำ พวกเขาเพียงพยักหน้าแทนการทักทายปกติและเดินหนีเขาไปอย่างรวดเร็ว รวมถึงพวกเขาไม่ได้กล่าวถึงดงซูบินในฐานะหัวหน้าอีกด้วย ตอนนี้ไม่มีใครอยากยุ่งเกี่ยวกับดงซูบิน

ฉางจี้หันกลับมาและเห็นว่าทุกคนไม่สนใจดงซูบินมันทำให้เขายิ้มแย้มขึ้นมา ‘มันถึงตาของฉันแล้ว!’

ความโกรธของดงซูบินก็มาถึงจุดเดือด ทันทีที่เขาเดินมาถึงสำนักงานของเขาเขาเรียกว่าฉางจี้เข้าไปในห้องของเขา

“ มีอะไร” ในอดีตที่ผ่านมาฉางจี้จะยังคงพูดกับดงซูบินในฐานะหัวหน้าของเขาอย่างไม่เต็มใจ แต่วันนี้เขาไม่ได้ทักทายดงซูบินเลย เขามองดงซูบินที่อยู่ตรงหน้าเขาโดยที่เขาเชิดหน้าทำตัวสูงสง น้ำเสียงของเขาเหมือนเป็นคนที่เหนือกว่าเหมือนกับว่าเขาเป็นหัวหน้าของดงซูบินแล้ว!

“ ท่าทางแบบนี้คืออะไรกัน นายรู้หรือป่าวว่านายกำลังพูดกับใครอยู่” ดงซูบินขมวดคิ้ว “ ฉางจี้อย่าคิดนะว่า ฉันไม่รู้ว่านายกำลังทำอะไรไป ฉันปิดตาข้างหนึ่งเมื่อคุณสร้างปัญหาเล็กน้อยให้ฉัน แต่นายดีกล้าเกินไป นายกล้าเปลี่ยนเอกสารการประชุมและทำตัวเหย่อยิ่งเช่นนี้หรอ”

ฉางจี้จ้องไปที่ดงซูบินและตอบอย่างเย็นชา:“ อย่ามากล่าวโทษฉัน!”

“ นายรู้ดีว่านายทำอะไรลงไป!”

“ คุณต้องมีหลักฐาน หลักฐานอยู่ที่ไหน เอามาโชว์สิ!”

ดงซูบินเองก็พยายามหาหลักฐานเมื่อวานนี้หลังจากที่ทุกคนออกไปแล้ว แต่เครื่องถ่ายเอกสารในสำนักงานไม่มีฟังก์ชั่นในการเก็บบันทึก รูปภาพไม่กี่รูปเหล่านั้นอาจไม่ถูกพิมพ์ในสำนักงานด้วยซ้ำและฉางจี้อาจนำภาพเหล่านั้นมาจากบ้าน เขาไม่พบหลักฐานใด ๆ นั่นเป็นเหตุผลที่ถึงแม้ว่าดงซูบินจะรู้ว่าคนที่ทำผิดเป็นฉางจี้ ที่กลั่นแกล้งพวกเขา เขาก็ไม่สามารถทำอะไรกับฉางจี้ได้ นอกจากนี้ถ้าเขาไปหาผู้บริหารระดับสูงแล้วจะไม่มีใครเชื่อเขา!

“ อย่ากล่าวหาฉันถ้าคุณไม่มีหลักฐาน!” ฉางจี้ยิ้มอย่างเย้ยหยันบนใบหน้าของเขา “ คุณกำลังทำการกล่าวหาผิด ๆ !” ฉางจี้นั้น รอคอยมาจนถึงวันนี้ เขารู้สึกยอดเยี่ยม เขาคิดกับตัวเองว่า ‘แกดงซูบิน ……ฉันทนกับแกมานานแล้ว! ฉันรอวันนี้มานานและจะดูว่าฉันจะจัดการกับแกหลังจากที่ฉันได้รับการเลื่อนตำแหน่งให้เป็นหัวหน้า! ถ้าฉันไม่จบอาชีพของแกอย่ามาเรียกฉันว่าฉางจี้!’

“ มันเร็วเกินไปที่นายจะฉลองชัยชนะครั้งนี้!” ดงซูบินกัดฟันของเขาแล้วพูดว่า:“ นายจะเสียใจกับสิ่งที่นายทำไป รอก่อนเถอะ!”

ฉางจี้ยิ้ม:“ ได้เลย มารอดูกัน หากไม่มีอะไรฉันขอตัวก่อน โอ้บอกให้คนอื่นพิมพ์เอกสา ให้ฉันด้วย ผู้ว่าการทางเมืองการโจว ต้องการพบฉัน ฉันยุ่ง” หลังจากพูดอย่างนั้นฉางจี้ก็เดินออกจากห้องของดงซูบินพร้อมรอยยิ้ม ‘จะเสียใจกับสิ่งที่ทำไปหรอ! ฮ่าๆๆๆ มาดูกันว่าใครจะต้องเสียใจ’

‘เวรเอ๋ย!’ ดงซูบินกระแทกโต๊ะทำงานของเขา!

ไม่เพียง แต่ดงซูบินถูกกลั่นแกล้งแต่คนทำผิดยังได้รับประโยชน์จากมันอีก ตอนนี้เขาโกรธมาก! ‘ไม่!ฉางจี้จะถูกส่งไปอบรมไม่ได้!’ หากฉางจี้ไม่เข้าร่วมการฝึกอบรมจะเป็นการยากที่เขาจะได้รับการเลื่อนตำแหน่งจากรองหัวหน้าส่วนไปยังหัวหน้าส่วน ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเขาจะต้องได้รับการเลื่อนตำแหน่งเป็นหัวหน้าส่วนรองก่อน วิธีเดียวที่จะทำให้ดงซูบินรอดจากวิกฤตในครั้งนี้ คือหยุดฉางจี้ไม่ให้เขาเข้าร่วมการฝึกอบรมได้!

หลังจากโทรศัพท์สอบถามตารางการอบรมดงซูบินพบว่าหลักสูตรการฝึกอบรมจะเริ่มขึ้นในวันพรุ่งนี้ มันเป็นไปไม่ได้ที่จะขอให้หัวหน้าผู้ว่าการทางการเมืองโจวถอนตัวฉางจี้ออกจากการอบรมในครั้งนี้ ดังนั้นความหวังสุดของดงซูบินในครั้งนี้ก็คือหัวหน้าสำนักงานสาขาอย่างเช่นหัวหน้า หยานเหลียงแต่วันนี้เป็นวันสุดท้ายของหยานเหลียงในฐานะหัวหน้าสาขาเขตแห่งนี้ นั่นก็หมายความว่า……ดงซูบินมีเพียงวันนี้วันเดียวเท่านั้นที่จะหยุดฉางจี้ไว้ได้! นี้เป็นโอกาสเดียวเท่านั้นที่จะสามารถลบชื่อของฉางจี้ออกจากการอบรมได้! ถ้าวันนี้เขาทำไม่สำเร็จ มันก็เป็นวันสุดท้ายของการเป็นราชการของดงซูบินเช่นกัน!

ในตอนนี้ดงซูบินไม่มีตัวเลือกอื่น เขาเลยตรงไปที่ห้องทำงานของหยานเหลียง

วันนี้มีผู้บริการจากสำนักความมั่นคงแห่งชาติมาถึงสำนักงานสาขาเขตตะวันตกเพื่อตรวจสอบสำนักงานสาขาทั้งหมด ดังนั้นตอนนี้ในอาคารทั้งก็กำลังยุ่งกับการทำความสะอาดบริเวณรอบๆสำนักงานกันอยู่

‘เตาะ เตาะ เตาะ’ ดงซูบินสูดหายใจเข้าลึก ๆ แล้วก็เคาะประตูห้องทำงานของหยานเหลียง

“เชิญ!.”

เนื่องจากหยานเหลียงจะได้รับการเลื่อนตำแหน่งและตอนนี้เขาดูท่าทางอารมณ์ดีมากๆ แต่ความสัมพันธ์ของเขากับภรรยานั้นกลับไม่ดีเท่าไร เมื่อเขาได้ยินว่าเขาจะถูกย้ายไปอีกจังหวัดทางตอนใต้และทุกคนในครอบครัวต้องย้ายไปอยู่กับเขามันทำให้ภรรยาของหยานเหลียงเริ่มทะเลาะกับเขา เพราะเธอยืนยันที่จะอยู่ในปักกิ่งกับลูก ๆ และปฏิเสธที่จะย้ายไปกับเขาด้วย นี่คือเหตุผลว่าทำไมหยานเหลียงถึงอารมณ์เสียเป็นอย่างมากในช่วงสองสามวันที่ผ่านมา

“ หัวหน้าหยานครับผมมีเรื่องที่จะต้องรายงานหัวหน้า” ดงซูบินพูดอย่างตรงไปตรงม

หยานเหลียงเงยหน้าขึ้นมองดูดงซูบิน “รายงานเรื่องอะไร?”

ดงซูบินกล่าวว่า:“ เป็นเรื่องเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในการจัดประชุมครั้งก่อนเรื่องเอกสาร ผม……”

หยานเหลียงขัดจังหวะเขา:“ ไปรายงานเรื่องนี้กับผู้ว่าการทางการเมืองโจวนู้นสิ!”

“ หัวหน้าหยานแต่มันเกิดปัญหาบางอย่างขึ้น” ดงซูบินไม่สนใจเขาและได้พูดต่อไปว่า “ ความผิดพลาดนั้นไม่ได้เกิดจากการพิมพ์เอกสารของต้าหลินเหม่ยและฉางจี้แต่มันเกิดจากการที่ฉางจี้พยายามกลั่นแกล้งผมโดยการแทรกเอกสารแผ่นนั้นเข้าไปแทน หัวหน้าหยานน่าจะรู้เรื่องที่ฉางจี้ไม่ค่อยชอบผมเป็นการส่วนตัวอยู่แล้ว ดังนั้นในการประชุมครั้งก่อนเขาจึงแอบเข้าไปในห้องทำงานของผมและแอบเปลี่ยนเอกสารการประชุม ให้กับผู้ว่าการทางการเมืองโจวตอนที่พวกผมไปทานมื้อกลางวันกัน”

หยานเหลียงขมวดคิ้ว:“ นายมีหลักฐานไหม!”

ดงซูบินตอบว่า:“ มีคนที่สามารถเป็นพยายานได้ว่าฉางจี้อยู่คนเดียวในสำหนักงานตอนที่พวกผมไปทานมื้อเย็น ส่วนหลักฐานอื่น ๆ ……ผมกำลังค้นหามันอยู่ รูปภาพของเค้กเหล่านั้นยังอยู่กับผม ถ้าเราสามารถตรวจสอบลายนิ้วมือหรือ……”

หยานเหลียงส่ายหัว “ อย่างงั้นมาหาฉันอีกครั้งเมื่อนายมีหลักฐานชัดเจน”

ดงซูบินเองก็ไม่ยอมแพ้ “ คอร์สฝึกอบรมของพรรคคอมมิวนิสต์ที่มอบหมายให้ฉางจี้เข้าอบรม การกระทำเช่นนี้ของเขาไม่เหมาะสมกับการถูกมอบหมายการฝึกอบรมครั้งสำคัญในครั้งนี้หัวหน้าหยาน ผมหวังว่าเขาจะถูกถอนออกจากการอบรมจนกว่าการสอบสวนเหตุการณ์นี้จะสิ้นสุดลง!”

นี่เป็นวันสุดท้ายของหยานเหลียงที่สาขาเขตตะวันตก จริงๆแล้วเขาไม่ต้องการยุ่งกับเรื่องเหล่านี้อีกแล้ว “ ฉันต้องการหลักฐาน ไม่มีหลักฐานทุกอย่างก็ไร้ประโยชน์ นายสามารถไปคุยเรื่องนี้กับผู้ว่าการทางการเมืองโจวได้” ‘แหวนแหวนแหวน’ โทรศัพท์ที่โต๊ะของหยานเหลียงก็ดังขึ้น หยานเหลียงตอบรับและเขาก็ลุกยืนขึ้นทันที่ หลังจากวางสายเขาก็โทรออกไปอีกสายหนึ่งในทันที “ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงจะมาถึงที่นี้แล้ว ทุกอย่างพร้อมหรือยัง”

ในตอนนี้ดงซูบินทำได้แค่เดินออกมาจากห้องทำงานของหยานเหลียงได้เท่านั้น

‘ทำได้เท่านี้แหละ’

‘ทุกอย่างจบแล้วเหรอ?’

‘อาชีพของฉันในการรับราชการได้ถึงจุดสิ้นสุดแล้ว!’

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+