POWER AND WEALTH (พลังและความมั่งคั่ง) 16

Now you are reading POWER AND WEALTH (พลังและความมั่งคั่ง) Chapter 16 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ในเช้าวันจันทร์เวลา 08.00 น

ดงซูบินเองก็กำลังเดินไปที่สำนักงานสาขาเขตความมั่นคงแห่งรัฐตะวันตก และดูเหมือนว่าเขาเองยังคงคิดถึงเป้าหมายที่ดูไร้สาระที่เขาตั้งไว้เมื่อสองวันก่อน แต่เมื่อเขาคิดขึ้นมาได้ว่าเขายังไม่ได้ไปรายงานตัวเลย แต่มันก็หยุดไม่ได้ที่จะฝันว่าเขาจะได้เป็นสมาชิกของสำนักการเมืองของคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสแห่งประเทศจีน ตอนนี้ดงซูบินเขินจนตัวบิดเป็นเกลียว หากแม่หรือเพื่อนของเขารู้เกี่ยวกับความฝันของดงซูบิน พวกเขาคงจะหัวเราะเยาะเขาอย่างแน่นอน แต่ถึงยังไงก็ตามดงซูบินจะไม่ยอมแพ้ง่ายๆ เขาจะทำงานอย่างหนักเพื่อให้บรรลุเป้าหมายนี้

เขตตะวันตกถนนฉีอิน

ฝั่งตะวันตกของทางข้ามแยก

นี้เป็นเวลา 8.20 น. ตอนนี้ดงซูบินพอยังมีเวลาก่อนจะถึง 9.00 น. เขาได้เดินไปที่แผงขายของริมถนนและซื้อเครปไส้ไข่เป็นอาหารเช้า เขากินเครปหลังร้านหนังสือเก่าๆ เนื่องจากเขาคุ้นเคยกับสถานที่เหล่านี้ดี มันสถานที่สำหรับการสอบข้อเขียนซึ่งเป็นสนามสอบโรงเรียนมัธยมหมายเลข 15 ที่ตอนนี้มันอยู่ข้างหน้าของเขา เพียงแค่เดินข้ามถนนไปเท่านั้น เพราะมันตั้งอยู่ที่ทางเข้าทิศใต้ของโรงพยาบาลเจียนกง ไกลออกไปทางตะวันออกคือทางเข้าทางเหนือของสวนเต่ารันติง

หลังจากที่ดงซูบินทานเครปเสร็จ เขาก็เห็นรถบัสเข้ามาที่ป้ายรถเมล์ด้านหน้าเขา

ชายคนหนึ่งลงจากรถบัสและผู้โดยสารทั้งหมดหันมามองที่ชายคนนั้น เขาเป็นชายหนุ่มที่มีความสูง 1.9 เมตรและมีน้ำหนักประมาณ 150 กิโลกรัมอีกทั้งเขาดูอายุใกล้ๆกับดงซูบินแต่หน้าตาเขาดูดุมากซึ่งทำให้พนักงานออฟฟิศคนอื่น ๆ ที่ป้ายรถเมล์คิดว่าเขาเป็นนักเลงหัวไม้และหลีกทางเดินให้ชายผู้นั้นอย่างเกรงกลัว

หลังจากลงจากรถบัสชายร่างสูงและอ้วนก็มองไปรอบ ๆ แล้วเดินไปทางดงซูบิน

เมื่อดงซูบินคิดว่าเขาจะคงจะโดนทำร้ายแน่จากนักเลงร่างใหญ่คนนี้ แต่ชายคนนั้นเพียงแค่เดินไปนั้งข้างเขาห่างกันเพียง 1 เมตร เขายื่นมือออกมาและลูปไปที่แมวจรจัดที่นอนอยู่บนบันได เขาลูบแมวและแมวกำลังร้องและเลียมือของชายคนนั้น

“ หิวไหม?” ชายคนนั้นถามแมวเบา ๆ “เจ้าตัวเล็ก! อย่างกินอะไรไมเอ่ย? เดียวฉันจะไปซื้อเดี๋ยวนี้เลย”

แมวก็ร้องออกมาและเล่นกับชายคนนั้นด้วยเล็บของมัน

ชายร่างใหญ่คนนั้นเล่นกับแมวซักพักก่อนจะเดินไปที่แผงขายของริมถนน เพื่อซื้อไส้กรอกและเอามาให้แมวทาน “ กินช้าๆ เดียวหายใจไม่ออกนะ” การกระทำของเขาตรงกันข้ามกับภาพลักษณ์ภายนอกของเขา ดงซูบินเองไม่ค่อยคุ้นเคยกับเหตุการณ์นี้เท่าไร แต่เขาก็มองออกว่าชายผู้นี้ดูเป็นคนที่มีจิตใจดีและมีความเป็นห่วงเป็นใย

ในที่สุดนี้ก็เป็นเวลา 8.50 น.

ดงซูบินเดินผ่านชายคนนั้นและเลี้ยวตรงมุมถนน เขาเดินไปที่ประตูที่เป็นสนิมและเขาสามารถเห็นอาคารเก่าอยู่ 2 หลังซึ่งถูกสร้างขึ้นประมาณยุค 70 หรือ 80 ประตูโลหะปิดอยู่และมีเพียงหน้าต่างที่เปิดอยู่ข้างๆป้อมยามเล็ก ๆ มีคนสองสามคนที่กำลังปั่นจักรยานช้าๆผ่านประตู ดงซูบินคิดว่าเขาอาจจะมาผิดที่ เขาคิดว่านี่เป็นอาคารสำนักงานที่สภาพแย่มาก ไม่มียามอยู่ข้างนอก นี่เป็นเหมือนโรงงานของรัฐมากกว่าสาขาของสำนักความมั่นคงแห่งรัฐ

ไม่มีสัญลักษณ์ที่ทางเข้า

ดงซูบินมองไปรอบ ๆ จากนั้นพยายามติดตามชายวัยกลางคนที่จูงจักรยานผ่านประตูเข้าไป

“เอ๊ะ! หลานชาย. เดี๋ยวก่อน!” ชายชราคนหนึ่งยื่นหน้าออกมาจากหน้าต่างที่เปิดอยู่ของห้องยาม “ หลานชายกำลังมองหาใครอยู่หรอ??”

ดงซูบินตกใจขึ้นมาและตอบทันที:“ นี่คือสำนักงานสาขาความมั่นคงแห่งรัฐเขตตะวันตกหรือป่าวครับ? ผมเพิ่งผ่านการสอบข้าราชการของในปีนี้และสำนักงานส่วนการเมืองเรียกให้ผมมารายงานตัววันนี้เวลา 9.00 น. ผมชื่อดงซูบินครับ”

ชายชราพยักหน้าของเขาและยกสายโทรศัพท์เพื่อโทรออก หลังจากนั้นไม่กี่วินาทีชายชราคนนั้นก็วางหูโทรศัพท์และพยักหน้าให้กับดงซูบิน เขามอบสมุดลงทะเบียนให้เขา “ เซ็นชื่อตรงนี้! และหลานชายก็เข้าไปได้เลย สำนักงานการเมืองตั้งอยู่ที่อาคารตะวันออกเฉียงใต้ อาคารสีเทานั่นนะ มันอยู่บนชั้นสองด้านขวาสุดของทางเดิน หลานชายต้องเดินไปตรงนั้นนะ อย่าเดินไป รอบ ๆ ล่ะ”

“ได้ครับ. ขอบคุณ.”

บรรยากาศในบริเวณนั้นแตกต่างจากหน่วยงานภาครัฐอื่นมาก คนปักกิ่งมีอัธยาศัยดีมากและจะทักทายและพูดคุยกันเสมอเมื่อพวกเขาเห็นคนที่พวกเขารู้จัก พวกเขาจะพูดเรื่องทั่วไป เช่น“ คุณกินข้าวเช้าแล้วหรือยัง?”“ อาการไข้หวัดใหญ่เป็นอย่างไร”“ ลูก ๆ ของคุณอยู่ที่โรงเรียนหรือป่าว” เป็นต้น แต่ในบริเวณนี้ผู้คนต่างพยักหน้าให้กันและไม่พูดอะไรกันเลย เฉพาะเมื่อพวกเขาเห็นหัวหน้า พวกเขาจึงจะอ้าปากแล้วทักทาย“ อรุณสวัสดิ์หัวหน้าแผนก” หรือ“ อรุณสวัสดิ์ผู้อำนวยการ” ไม่มีการพูดคุยที่ไร้สาระเลย

ณ อาคารสีเทา

ทางเดินชั้นสอง

ดงซูบินเห็นป้าย “สำนักงานส่วนการเมือง” บนผนัง แต่มีสำนักงานจำนวนมากอยู่ที่นั่นด้วย และเขาไม่รู้ว่าจะต้องเข้าไปที่สำนักงานไหน เมื่อเขาลังเลเขาได้ยินเสียงฝีเท้าจากข้างหลังของเขา เขาหันหลังกลับ ฮะ? มันเป็นผู้ชายตัวใหญ่ที่เขาเจอที่ป้ายรถเมล์ เขามาจากสำนักความมั่นคงแห่งรัฐหรือไม่?

“ ขอโทษครับผม” ดงซูบินถาม “ นี่เป็นวันแรกของผม คุณพอจะรู้มั้ยว่าผมควรไปติดต่อออฟฟิศที่ไหน?”

ชายร่างใหญ่หยุดและเกาหัวของเขาไว้ “ ฉันมาที่นี่เพื่อรายงานตัวเหมือนกัน และฉันก็กำลังมองหาสำนักงานเช่นกัน”

“ฮะ? เป็นเรื่องบังเอิญจริงๆ “ทั้งคู่ต่างยืนเงียบดงซูบินรู้สึกได้ว่าคน ๆ นี้พูดเก่งไม่เก่ง เขาล้างคอของเขาและพูดว่า: “เอ่อ … ใช่ ฉันชื่อดงซูบินนะ”

ชายร่างใหญ่นั้นยิ้ม:“ ฉันคือซุนจ้วง ฉันเพิ่งจบจากมหาวิทยาลัย เพื่อน ๆ ในโรงเรียนเรียกฉันว่าจ้วงจือ (แปลว่าเสาหลักในภาษาจีน)”

ทั้งสองจับมือและเดินเข้าไปในสำนักงานที่ใกล้ที่สุด ซึ่งพวกเขาทั้งคู่ก็เข้าไปถูกห้องพอดี พนักงานคนหนึ่งในชุดพลเรือนบอกให้พวกเขารอที่นั่น รองหัวหน้าฝ่ายจากสำนักงานการเมืองเข้ามาในห้องและนำเอกสารทั้งหมดและบอกกฎและข้อบังคับภายในแผนก

มันใช้เวลามากกว่าหนึ่งชั่วโมง

รองหัวหน้าหยิบน้ำชาขึ้นมาจิบ:“ นั่นคือทั้งหมดที่ควรรู้ นายทั้งสองจะถูกส่งไปยังฝ่ายกิจการทั่วไป ฉันได้ยินมาว่าแผนกนั้นกำลังขาดคน พยายามทำความคุ้นเคยกับสถานที่นี้ไว้นะ พรุ่งนี้จะเป็นวันแรกของพวกนายอย่างเป็นทางการ สำหรับเครื่องแบบของนายทั้งคู่ เราจะมอบให้นายเมื่อพร้อม อย่างไรก็ตามนอกเหนือจากการประชุมในสำนักเมืองเราไม่จำเป็นต้องสวมเครื่องแบบของรัฐ เพราะมันไม่ค่อยสำคัญเท่าไร”

หลังจากเสร็จสิ้นสิ่งที่เขาพูด เขาขอให้พนักงานพาดงซูบิยและจ้วงซื่อไปที่สำนักงานของพวกเขา

ฝ่ายกิจการทั่วไปตั้งอยู่ที่ชั้นล่าง มันเป็นส่วนหนึ่งของสำนักงานเล็กๆ มีโต้ะแปดเก้าตัวที่นั้น

เจ้าหน้าที่จากสำนักงานการเมืองเดินเข้ามาและพูดว่า:“ เรามีข้าราชการใหม่ ทั้งสองเป็นบัณฑิตจบใหม่ นี่คือดงซูบิน และนี่คือซุนจ้วง”

ดงซูบิน รู้สึงว่าการสร้างความประทับใจครั้งแรกนั้นสำคัญและเขาก็พูดอย่างสุภาพว่า:“ ผมมาใหม่ที่นี่และไม่รู้อะไรเลย โปรดชี้นำผมในอนาคตด้วยนะครับ ขอบคุณ.”

ซุนจ้วง ได้ยินดงซูบินพูดและเขาก็พูดต่ออย่างรวดเร็ว:“ ผมด้วยครับ กรุณาชี้แนะพวกเราด้วย”

ผู้คนในสำนักงานดูทั้งคู่ตั้งแต่หัวจรดเท้า

ผู้หญิงคนหนึ่งในสำนักงานหัวเราะ “ ไม่ต้องกังวล เมื่อพวกนายเข้ามาสู่สำนักงานนี้ เราก็เป็นเหมือนครอบครัวใหญ่ครอบครัวหนึ่งแล้ว”

เจ้าหน้าที่จากสำนักงานการเมืองชี้ไปที่พนักงาน 5-6 คนในสำนักงาน “ หัวหน้าโจวไปหาหมอเหรอ? ดูเหมือนเขาจะไม่อยู่แถวนั้น ผู้หญิงคนนี้คือต้าหลินเหม่ย นั่นก็ พี่ยาง, เกา แพนเวย, เกาฉางจี้, ฉางจ้วง ……”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

POWER AND WEALTH (พลังและความมั่งคั่ง) 16

Now you are reading POWER AND WEALTH (พลังและความมั่งคั่ง) Chapter 16 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ในเช้าวันจันทร์เวลา 08.00 น

ดงซูบินเองก็กำลังเดินไปที่สำนักงานสาขาเขตความมั่นคงแห่งรัฐตะวันตก และดูเหมือนว่าเขาเองยังคงคิดถึงเป้าหมายที่ดูไร้สาระที่เขาตั้งไว้เมื่อสองวันก่อน แต่เมื่อเขาคิดขึ้นมาได้ว่าเขายังไม่ได้ไปรายงานตัวเลย แต่มันก็หยุดไม่ได้ที่จะฝันว่าเขาจะได้เป็นสมาชิกของสำนักการเมืองของคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสแห่งประเทศจีน ตอนนี้ดงซูบินเขินจนตัวบิดเป็นเกลียว หากแม่หรือเพื่อนของเขารู้เกี่ยวกับความฝันของดงซูบิน พวกเขาคงจะหัวเราะเยาะเขาอย่างแน่นอน แต่ถึงยังไงก็ตามดงซูบินจะไม่ยอมแพ้ง่ายๆ เขาจะทำงานอย่างหนักเพื่อให้บรรลุเป้าหมายนี้

เขตตะวันตกถนนฉีอิน

ฝั่งตะวันตกของทางข้ามแยก

นี้เป็นเวลา 8.20 น. ตอนนี้ดงซูบินพอยังมีเวลาก่อนจะถึง 9.00 น. เขาได้เดินไปที่แผงขายของริมถนนและซื้อเครปไส้ไข่เป็นอาหารเช้า เขากินเครปหลังร้านหนังสือเก่าๆ เนื่องจากเขาคุ้นเคยกับสถานที่เหล่านี้ดี มันสถานที่สำหรับการสอบข้อเขียนซึ่งเป็นสนามสอบโรงเรียนมัธยมหมายเลข 15 ที่ตอนนี้มันอยู่ข้างหน้าของเขา เพียงแค่เดินข้ามถนนไปเท่านั้น เพราะมันตั้งอยู่ที่ทางเข้าทิศใต้ของโรงพยาบาลเจียนกง ไกลออกไปทางตะวันออกคือทางเข้าทางเหนือของสวนเต่ารันติง

หลังจากที่ดงซูบินทานเครปเสร็จ เขาก็เห็นรถบัสเข้ามาที่ป้ายรถเมล์ด้านหน้าเขา

ชายคนหนึ่งลงจากรถบัสและผู้โดยสารทั้งหมดหันมามองที่ชายคนนั้น เขาเป็นชายหนุ่มที่มีความสูง 1.9 เมตรและมีน้ำหนักประมาณ 150 กิโลกรัมอีกทั้งเขาดูอายุใกล้ๆกับดงซูบินแต่หน้าตาเขาดูดุมากซึ่งทำให้พนักงานออฟฟิศคนอื่น ๆ ที่ป้ายรถเมล์คิดว่าเขาเป็นนักเลงหัวไม้และหลีกทางเดินให้ชายผู้นั้นอย่างเกรงกลัว

หลังจากลงจากรถบัสชายร่างสูงและอ้วนก็มองไปรอบ ๆ แล้วเดินไปทางดงซูบิน

เมื่อดงซูบินคิดว่าเขาจะคงจะโดนทำร้ายแน่จากนักเลงร่างใหญ่คนนี้ แต่ชายคนนั้นเพียงแค่เดินไปนั้งข้างเขาห่างกันเพียง 1 เมตร เขายื่นมือออกมาและลูปไปที่แมวจรจัดที่นอนอยู่บนบันได เขาลูบแมวและแมวกำลังร้องและเลียมือของชายคนนั้น

“ หิวไหม?” ชายคนนั้นถามแมวเบา ๆ “เจ้าตัวเล็ก! อย่างกินอะไรไมเอ่ย? เดียวฉันจะไปซื้อเดี๋ยวนี้เลย”

แมวก็ร้องออกมาและเล่นกับชายคนนั้นด้วยเล็บของมัน

ชายร่างใหญ่คนนั้นเล่นกับแมวซักพักก่อนจะเดินไปที่แผงขายของริมถนน เพื่อซื้อไส้กรอกและเอามาให้แมวทาน “ กินช้าๆ เดียวหายใจไม่ออกนะ” การกระทำของเขาตรงกันข้ามกับภาพลักษณ์ภายนอกของเขา ดงซูบินเองไม่ค่อยคุ้นเคยกับเหตุการณ์นี้เท่าไร แต่เขาก็มองออกว่าชายผู้นี้ดูเป็นคนที่มีจิตใจดีและมีความเป็นห่วงเป็นใย

ในที่สุดนี้ก็เป็นเวลา 8.50 น.

ดงซูบินเดินผ่านชายคนนั้นและเลี้ยวตรงมุมถนน เขาเดินไปที่ประตูที่เป็นสนิมและเขาสามารถเห็นอาคารเก่าอยู่ 2 หลังซึ่งถูกสร้างขึ้นประมาณยุค 70 หรือ 80 ประตูโลหะปิดอยู่และมีเพียงหน้าต่างที่เปิดอยู่ข้างๆป้อมยามเล็ก ๆ มีคนสองสามคนที่กำลังปั่นจักรยานช้าๆผ่านประตู ดงซูบินคิดว่าเขาอาจจะมาผิดที่ เขาคิดว่านี่เป็นอาคารสำนักงานที่สภาพแย่มาก ไม่มียามอยู่ข้างนอก นี่เป็นเหมือนโรงงานของรัฐมากกว่าสาขาของสำนักความมั่นคงแห่งรัฐ

ไม่มีสัญลักษณ์ที่ทางเข้า

ดงซูบินมองไปรอบ ๆ จากนั้นพยายามติดตามชายวัยกลางคนที่จูงจักรยานผ่านประตูเข้าไป

“เอ๊ะ! หลานชาย. เดี๋ยวก่อน!” ชายชราคนหนึ่งยื่นหน้าออกมาจากหน้าต่างที่เปิดอยู่ของห้องยาม “ หลานชายกำลังมองหาใครอยู่หรอ??”

ดงซูบินตกใจขึ้นมาและตอบทันที:“ นี่คือสำนักงานสาขาความมั่นคงแห่งรัฐเขตตะวันตกหรือป่าวครับ? ผมเพิ่งผ่านการสอบข้าราชการของในปีนี้และสำนักงานส่วนการเมืองเรียกให้ผมมารายงานตัววันนี้เวลา 9.00 น. ผมชื่อดงซูบินครับ”

ชายชราพยักหน้าของเขาและยกสายโทรศัพท์เพื่อโทรออก หลังจากนั้นไม่กี่วินาทีชายชราคนนั้นก็วางหูโทรศัพท์และพยักหน้าให้กับดงซูบิน เขามอบสมุดลงทะเบียนให้เขา “ เซ็นชื่อตรงนี้! และหลานชายก็เข้าไปได้เลย สำนักงานการเมืองตั้งอยู่ที่อาคารตะวันออกเฉียงใต้ อาคารสีเทานั่นนะ มันอยู่บนชั้นสองด้านขวาสุดของทางเดิน หลานชายต้องเดินไปตรงนั้นนะ อย่าเดินไป รอบ ๆ ล่ะ”

“ได้ครับ. ขอบคุณ.”

บรรยากาศในบริเวณนั้นแตกต่างจากหน่วยงานภาครัฐอื่นมาก คนปักกิ่งมีอัธยาศัยดีมากและจะทักทายและพูดคุยกันเสมอเมื่อพวกเขาเห็นคนที่พวกเขารู้จัก พวกเขาจะพูดเรื่องทั่วไป เช่น“ คุณกินข้าวเช้าแล้วหรือยัง?”“ อาการไข้หวัดใหญ่เป็นอย่างไร”“ ลูก ๆ ของคุณอยู่ที่โรงเรียนหรือป่าว” เป็นต้น แต่ในบริเวณนี้ผู้คนต่างพยักหน้าให้กันและไม่พูดอะไรกันเลย เฉพาะเมื่อพวกเขาเห็นหัวหน้า พวกเขาจึงจะอ้าปากแล้วทักทาย“ อรุณสวัสดิ์หัวหน้าแผนก” หรือ“ อรุณสวัสดิ์ผู้อำนวยการ” ไม่มีการพูดคุยที่ไร้สาระเลย

ณ อาคารสีเทา

ทางเดินชั้นสอง

ดงซูบินเห็นป้าย “สำนักงานส่วนการเมือง” บนผนัง แต่มีสำนักงานจำนวนมากอยู่ที่นั่นด้วย และเขาไม่รู้ว่าจะต้องเข้าไปที่สำนักงานไหน เมื่อเขาลังเลเขาได้ยินเสียงฝีเท้าจากข้างหลังของเขา เขาหันหลังกลับ ฮะ? มันเป็นผู้ชายตัวใหญ่ที่เขาเจอที่ป้ายรถเมล์ เขามาจากสำนักความมั่นคงแห่งรัฐหรือไม่?

“ ขอโทษครับผม” ดงซูบินถาม “ นี่เป็นวันแรกของผม คุณพอจะรู้มั้ยว่าผมควรไปติดต่อออฟฟิศที่ไหน?”

ชายร่างใหญ่หยุดและเกาหัวของเขาไว้ “ ฉันมาที่นี่เพื่อรายงานตัวเหมือนกัน และฉันก็กำลังมองหาสำนักงานเช่นกัน”

“ฮะ? เป็นเรื่องบังเอิญจริงๆ “ทั้งคู่ต่างยืนเงียบดงซูบินรู้สึกได้ว่าคน ๆ นี้พูดเก่งไม่เก่ง เขาล้างคอของเขาและพูดว่า: “เอ่อ … ใช่ ฉันชื่อดงซูบินนะ”

ชายร่างใหญ่นั้นยิ้ม:“ ฉันคือซุนจ้วง ฉันเพิ่งจบจากมหาวิทยาลัย เพื่อน ๆ ในโรงเรียนเรียกฉันว่าจ้วงจือ (แปลว่าเสาหลักในภาษาจีน)”

ทั้งสองจับมือและเดินเข้าไปในสำนักงานที่ใกล้ที่สุด ซึ่งพวกเขาทั้งคู่ก็เข้าไปถูกห้องพอดี พนักงานคนหนึ่งในชุดพลเรือนบอกให้พวกเขารอที่นั่น รองหัวหน้าฝ่ายจากสำนักงานการเมืองเข้ามาในห้องและนำเอกสารทั้งหมดและบอกกฎและข้อบังคับภายในแผนก

มันใช้เวลามากกว่าหนึ่งชั่วโมง

รองหัวหน้าหยิบน้ำชาขึ้นมาจิบ:“ นั่นคือทั้งหมดที่ควรรู้ นายทั้งสองจะถูกส่งไปยังฝ่ายกิจการทั่วไป ฉันได้ยินมาว่าแผนกนั้นกำลังขาดคน พยายามทำความคุ้นเคยกับสถานที่นี้ไว้นะ พรุ่งนี้จะเป็นวันแรกของพวกนายอย่างเป็นทางการ สำหรับเครื่องแบบของนายทั้งคู่ เราจะมอบให้นายเมื่อพร้อม อย่างไรก็ตามนอกเหนือจากการประชุมในสำนักเมืองเราไม่จำเป็นต้องสวมเครื่องแบบของรัฐ เพราะมันไม่ค่อยสำคัญเท่าไร”

หลังจากเสร็จสิ้นสิ่งที่เขาพูด เขาขอให้พนักงานพาดงซูบิยและจ้วงซื่อไปที่สำนักงานของพวกเขา

ฝ่ายกิจการทั่วไปตั้งอยู่ที่ชั้นล่าง มันเป็นส่วนหนึ่งของสำนักงานเล็กๆ มีโต้ะแปดเก้าตัวที่นั้น

เจ้าหน้าที่จากสำนักงานการเมืองเดินเข้ามาและพูดว่า:“ เรามีข้าราชการใหม่ ทั้งสองเป็นบัณฑิตจบใหม่ นี่คือดงซูบิน และนี่คือซุนจ้วง”

ดงซูบิน รู้สึงว่าการสร้างความประทับใจครั้งแรกนั้นสำคัญและเขาก็พูดอย่างสุภาพว่า:“ ผมมาใหม่ที่นี่และไม่รู้อะไรเลย โปรดชี้นำผมในอนาคตด้วยนะครับ ขอบคุณ.”

ซุนจ้วง ได้ยินดงซูบินพูดและเขาก็พูดต่ออย่างรวดเร็ว:“ ผมด้วยครับ กรุณาชี้แนะพวกเราด้วย”

ผู้คนในสำนักงานดูทั้งคู่ตั้งแต่หัวจรดเท้า

ผู้หญิงคนหนึ่งในสำนักงานหัวเราะ “ ไม่ต้องกังวล เมื่อพวกนายเข้ามาสู่สำนักงานนี้ เราก็เป็นเหมือนครอบครัวใหญ่ครอบครัวหนึ่งแล้ว”

เจ้าหน้าที่จากสำนักงานการเมืองชี้ไปที่พนักงาน 5-6 คนในสำนักงาน “ หัวหน้าโจวไปหาหมอเหรอ? ดูเหมือนเขาจะไม่อยู่แถวนั้น ผู้หญิงคนนี้คือต้าหลินเหม่ย นั่นก็ พี่ยาง, เกา แพนเวย, เกาฉางจี้, ฉางจ้วง ……”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+