POWER AND WEALTH (พลังและความมั่งคั่ง) 254

Now you are reading POWER AND WEALTH (พลังและความมั่งคั่ง) Chapter 254 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

EP 254 นักลงทุน!

By loop

วันที่สามของวันหยุดวันชาติ

 

เช้าเวลา 10.00 น.

 

ดงซูบิน อยู่ในห้องนั่งเล่นของเขามองไปที่หมายเลขของเสี่ยวหลานในโทรศัพท์ของเขา เขาอยากโทรหาเธอ แต่ลังเลและเดินไปรอบ ๆ อพาร์ตเมนต์ของเขาด้วยความสงสัยว่าเขาควรโทรหาเธอดีไหม

 

ในท้ายที่สุดดงซูบินก็กัดฟันและกดเบอร์โทรหาเสี่ยวหลาน

 

แต่โทรศัพท์ดังขึ้นเป็นเวลานานโดยไม่มีใครรับสาย

 

ดงซูบินรู้ว่าพี่สาวเสี่ยวยังคงโกรธเขาและถอนหายใจ เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากโทรหาเลขาของเสี่ยวหลานว่าฮูซินเยียน “ สวัสดีพี่ฮู ผมเองดงซูบิน”

 

“ ฮ่าฮ่า…หัวหน้าซูบินคุณกลับมาแล้วเหรอ? เมื่อไหร่เราจะมีโอกาสมาทานข้าวเย็นด้วยกัน ฉันรอคุณอยู่เลยนะ”

 

“ พี่ฮูไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้วนะและผมกลัวว่าพี่ฮูจะปฏิเสธคำเชิญของผม”

 

“ คุณล้อเล่นกับฉันหรือป่าว? ทำไมฉันถึงจะปฏิเสธการคำเชิญของคุณล่ะ” หลังจากล้อเล่นสักพัก ดงซูบินก็ถามขึ้นมา “ โอ้วันนี้กำหนดการของนายกเทศมนตรีเสี่ยว เป็นอย่างไร? เธอทำงานหรือเปล่า”

 

 

 

 

 

ฮูซินเยียนรู้ว่าดงซูบินกำลังมองหานายกเทศมนตรีเพื่อหาอะไรบางอย่าง ถ้าเป็นคนอื่นเธอจะไม่เปิดเผยเบาะแสของนายกเทศมนตรีเสี่ยวแต่ดงซูบิเป็นคนที่ช่วยให้เธอได้รับตำแหน่งนี้ เธอคิดสักพักแล้วกระซิบ “ วันนี้ควรจะเป็นวันหยุดของนายกเทศมนตรีเสี่ยว แต่กลุ่มนักธุรกิจเดินทางมาจากปักกิ่ง พวกเขากำลังจะลงทุนในเมืองหยานไท่ และนายกเทศมนตรีเสี่ยว กำลังจัดอาหารกลางวันให้พวกเขา การปรับปรุงเศรษฐกิจของเมืองหยานไท่ เป็นสิ่งที่นายกเทศมนตรีเสี่ยว กำลังดำเนินการตั้งแต่เธอถูกย้ายมาที่นี่ นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมเธอจึงเป็นเจ้าภาพต้อนรับพวกเขาเป็นการส่วนตัวและรองหัวหน้าหน่วยงานส่งเสริมการลงทุนของมณฑลลู่ และฉันจะไปร่วมรับประทานอาหารกลางวันกับพวกเขา”

 

ดงซูบินขมวดคิ้ว “ นักธุรกิจจากปักกิ่ง?”

 

“ใช่. ฉันได้ยินมาว่าคนที่พาพวกเขามานั้นชื่อว่าเว่ยหนาน ดูเหมือนว่าเขาจะรู้จักนายกเทศมนตรีเสี่ยว”

 

“ เว่ยหนาน?” สีหน้าของดงซูบินเปลี่ยนไปในทันที“ พี่สาวฮูช่วยบอกหน่อยได้ไหมว่าร้านนั้นคือร้านอะไร”

 

ฮูซินเยียนลังเลอยู่ครู่หนึ่งและบอกที่อยู่ดงซูบิน

 

หลังจากวางสายใบหน้าของดงซูบินเปลี่ยนเป็นสีดำ เว่ยหนานอยู่ที่นี่? เขามาที่นี่เพื่อลงทุนจริงๆหรอ? แม้ว่าพ่อของเขาจะเป็นผู้จัดหาเวชภัณฑ์และมีฐานะร่ำรวย แต่เขาก็ไม่จำเป็นต้องลงทุนที่นี่ ที่นี่ไม่มีอะไรต้องลงทุน! เอาล่ะ! ไอ้สารเลวคนนี้ไม่ได้มาลงทุนหรอก! จู่ๆดงซูบินก็ตระหนักว่าเว่ยหนานไม่ได้ใช้รูปถ่ายเหล่านั้นเพื่อแก้แค้นเขาที่แย่งคู่หมั้นของเขา เขาพยายามกับมาตื้อเสี้ยวหลาน อีกครั้ง!

 

ดงซูบินกระแทกโซฟาด้วยความโกรธ!

 

ฉันต้องไม่ปล่อยให้ไอ้นี่ทำสำเร็จ!

 

12.30 น.

 

ดงซูบินจอดรถที่หน้าร้านอาหารในเขตตะวันตกของเมือง เขามองไปรอบ ๆ ที่จอดรถกลางแจ้ง มีรถบีเอ็มดับเบิลยูซือรีส์ 7 และโตโยต้าที่มีป้ายหมายเลขประจำมณฑล ดงซูบินเคยเห็นรถบีเอ็ม คันนั้นในคฤหาสน์ของพี่สาวเสี่ยว และมันน่าจะเป็นของเว่ยหนาน รถอีกคันคือรถของเสี่ยวหลาน และคนขับพี่ซิงกำลังกินเบอร์เกอร์และอ่านเอกสารอยู่ในนั้น

 

ดงซูบินแสร้งเดินผ่านไป “ สวัสดีอาจารย์ซิง”

 

พี่ซิงประหลาดใจและทักทายดงซูบิน “ อ่าว หัวหน้าซูบินเองหรอ”

 

พี่ซิงเป็นคนขับรถของเสี่ยวหลาน และดงซูบิน เคยพบเขาครั้งหนึ่งในอาคารรัฐบาลเมือง“ ฮ่าฮ่า…ทำไมพี่ถึงมากินอาหารในรถล่ะ? นายกเทศมนตรีเสี่ยว อยู่ในร้านอาหารนี้หรือป่าว”

 

พี่ซิงพยักหน้าและไม่พูดอะไร

 

ดงซูบินไม่ต้องการเข้าไปในร้านอาหารและเขาคุยกับ พี่ซิงในที่จอดรถ พี่ซิงเป็นชายวัยกลางคนที่เงียบขรึมและรู้ว่าจะพูดอะไรและไม่ควรพูดอะไร เขาบอกกับดงซูบินว่านายกเทศมนตรีเสี่ยว และเลขาฮู เข้าไปในร้านอาหารเมื่อ 20 นาทีที่แล้วและไม่ได้พูดอะไรอีก

 

ครึ่งชั่วโมงต่อมา

 

ประตูร้านอาหารเปิดออกเสี่ยว, ฮูซินเยียน,เว่ยหนาน และชายสามคนก็เดินออกไป

 

ฮูซินเยียนกำลังเดินตามหลังเสี่ยวหลานและชายวัยกลางคนอีกคนกำลังยิ้มและพูดคุยกับนักลงทุนชาวปักกิ่งคนหนึ่ง ชายคนนี้น่าจะเป็นรองหัวหน้าหน่วยงานส่งเสริมการลงทุนของมณฑลลู่ดาฟา

 

ดงซูบินรู้สึกเลือดเดือดเมื่อเห็นเว่ยหนาน และ เสี่ยวหลาน กำลังสนทนากับเขาและชายอีกสองคนพร้อมกับรอยยิ้มบนใบหน้าของเธอ ดงซูบินประทับใจเธอที่ไม่ได้ใช้อารมณ์ในการทำงาน เธอเคยคบหากับเว่ยหนาน ในเรื่องการหมั้นหมายในอดีต แต่นั่นเป็นประเด็นที่แยกจากกัน ดงซูบินรู้ดีว่าแม้ว่าตอนนี้เขาจะขึ้นไปหาพี่สาวเสี่ยว แต่เธอก็จะไม่ปฏิบัติต่อเขาอย่างเย็นชาเพราะเธอเป็นตัวแทนของมณฑลไม่ใช่ตัวเธอเอง

 

เว่ยหนานหัวเราะและถาม “ โฮ่วซือเป็นอย่างไรบ้าง”

 

ชายหนุ่มร่างสูงหัวเราะและตอบกลับ “ ที่นี่ไม่ดีเท่ามณฑลอื่น ๆ แต่ก็มีข้อดีอยู่ หากรัฐบาลท้องถิ่นสามารถให้การสนับสนุนเราได้ผมคิดว่าเราสามารถพูดคุยเกี่ยวกับการตั้งโรงงานได้” เขายังคงพอใจกับสภาพแวดล้อมที่นี่และรู้สึกว่าเหมาะที่จะตั้งโรงงาน

 

เว่ยหนานมองไปที่เสี่ยวหลาน “ นายกเทศมนตรีเสี่ยว เราคงจะต้องมาพูดคุยเรื่องนี้เป็นการส่วนตัวแล้วล่ะ”

 

เสี่ยวหลานมองไปที่นาฬิกาของเธอและบอกพวกเขาว่ารองหัวหน้าหลิว จะคุยกับพวกเขาแทน

 

แม้ว่าการลงทุนในมณฑลจะช่วยปรับปรุงเศรษฐกิจของตนและเสี่ยวหลานอาจะจะได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้น แต่เธอก็ไม่จำเป็นต้องจัดการทุกอย่างด้วยตัวเอง เธอแสดงความเคารพต่อนักธุรกิจเหล่านี้มากพอโดยพาพวกเขาไปทานอาหารกลางวันด้วย แต่ เว่ยหนาน ยืนกรานอย่างไร้ยางอายว่าพวกเขาต้องหารือเกี่ยวกับเงื่อนไขของสัญญากับเธอโฮ่วซือและชายหนุ่มอีกคนโจวซือ ดูเหมือนจะรู้ว่าเว่ยหนานกำลังทำอะไรอยู่และพวกเขาก็ช่วยเกลี้ยกล่อมเสี่ยวหลานในทันที

 

ในตอนท้ายเสี่ยวหลานพูดอะไรบางอย่างกับฮูซินเยียนและพยักหน้าให้เว่ยหนาน ฮูซินเยียนรู้จักกับเว่ยหนาน และเพื่อน ๆ ของเขาก็เป็นคนสำคัญและเงินลงทุนก็มหาศาล หากไม่เป็นเช่นนั้นพวกเขาจะไม่ขอหารือข้อตกลงกับนายกเทศมนตรีโดยตรง

 

เว่ยหนานหัวเราะ “ นายกเทศมนตรีเสี่ยวซื้ออาหารกลางวันมาแล้วและคราวนี้น่าจะถึงตาเราแล้ว”

 

โจวซือ กล่าว “ ไปที่สนามยิงปืนที่เราผ่านไปเมื่อเช้าและคุยกันเรื่องสัญญาตอนที่เรายิงเป้ากัน”

 

โฮ่วซือก็เห็นด้วย “ แน่นอน. เป็นเวลานานแล้วที่ผมไม่ได้ยิงปืนเลย”

 

เมื่อพวกเขากำลังจะไปที่รถดงซูบินก็เดินผ่านไป “ ช่างเป็นเรื่องบังเอิญ นายกเทศมนตรีเสี่ยว คุณอยู่ที่นี่เพื่อทานอาหารกลางวันหรือไม่” ฮูซินเยียนเกือบจะหัวเราะออกมากับท่าทางปลอม ๆ ของดงซูบินเธอรู้ว่านี่ไม่ใช่เรื่องบังเอิญเพราะเธอเป็นคนบอกที่อยู่นี้ของดงซูบิน

 

เสี่ยวหลานมองไปที่ดงซูบินและยิ้ม “ หัวหน้าซูบินคุณมาทานอาหารกลางวันที่นี้ด้วยเหรอ?”

 

เสี่ยวหลานแตกต่างจากเมื่อวานตรงที่เธอทุบรีโมทคอนโทรลและกระแทกโต๊ะ แต่ดงซูบินรู้ว่าเธอไม่ให้อภัยเขาและเธอกำลังพูดกับเขาโดยพยายามระงับอารมณ์โกรธพวกนั้นไว้อยู่ ดงซูบิน ยิ้ม “ ไม่…ผมผ่านมาและเห็นรถของคุณพอดี”

 

เสี่ยวหลาน พยักหน้าและไม่พูดอะไร

 

ฮูซินเยียนไม่ได้สังเกตเห็นอะไรจากปฏิกิริยาของเสี่ยวหลาน เธอไม่รู้เกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่าง เสี่ยวหลาน และ ดงซูบินเธอแค่สงสัยว่าทำไมนายกเทศมนตรีเสี่ยว ถึงปฏิบัติต่อดงซูบินอย่างเย็นชาเช่นนี้ ถูกต้องแล้ว ดงซูบินน่าจะทำให้นายกเทศมนตรี เสี่ยวโปรดปรานด้วยการช่วยชายคนนั้นที่กระโดดลงมาจากอาคารของสำนักงานเมือง และเธอควรจะขอบคุณเขา แต่ฮูซินเยียนรู้ว่าไม่มีใครคาดเดาได้ว่าหัวหน้าของเธอกำลังคิดอะไรอยู่

 

เว่ยหนานแตกต่างออกไป เขารู้ว่าเสี่ยวหลานและ ดงซูบินกำลังคบกันและจากการแสดงออกของ เสี่ยวหลานเขารู้ว่าพวกเขามีปัญหาในความสัมพันธ์เสี่ยวหลานต้องได้รับรูปถ่ายที่เขาส่งให้กับคณะกรรมการตรวจสอบวินัยและเขาก็หัวเราะในใจขณะที่เขามองไปที่ดงซูบิน

 

นับตั้งแต่ถ่ายภาพเหล่านั้นในวันนั้นเว่นหนานได้วางแผนที่จะให้เสี่ยวหลานผิดใจกับดงซูบินและเขาจะใช้ประโยชน์จากการเข้ามาระหว่างพวกเขา แต่หลังจากความล้มเหลวครั้งสุดท้ายของเขาเว่ยหนาน ก็เป็นผู้ใหญ่มากขึ้นและไม่ได้แสดงความตั้งใจของเขาต่อ เสี่ยวหลานเขามีเพื่อนสองสามคนที่กำลังมองหาสถานที่ลงทุนและเขาใช้ข้ออ้างนี้เพื่อใกล้ชิดกับเสี่ยวหลานั้นเอง

 

ดงซูบินหรี่ตาของเขาขณะที่เขาจ้องไปที่เว่ยหนาน

 

แม้ว่าดงซูบินจะเลิกกับพี่สาวเสี่ยว แล้วเขาก็ไม่ยอมให้เว่ยหนานอยู่กับเธอเป็นอันขาตด เขาจะต้องจัดการกับเว่ยหนานให้ได้ ไม่ช้าก็เร็วนี้

 

หลังจากที่ ดงซูบิยปรากฏตัวที่ทางเข้าร้านอาหารก็เงียบลง

 

ดงซูฐินดูเหมือนว่าเขาไม่สามารถรู้สึกได้ว่าเขาไม่ได้รับการต้อนรับและยังคงสนทนากับเสี่ยวหลานต่อไป

 

เสี่ยวหลานตอบดงซูบินด้วยความสุภาพและพูดกับฮูซินเยียน “ พี่ฮูเตรียมตัวให้พร้อม”

 

นี่คือวิธีของผู้นำในการขอให้คนอื่นออก ผู้ที่ฉลาดจะกล่าวคำอำลาและไม่รบกวนผู้นำ แต่ ดงซูบินไม่มีความตั้งใจที่จะจากไป เมื่อเห็น เสี่ยวหลานไม่สนใจเขาเขาจึงหันไปหาชายวัยกลางคน เขาเดินไปจับมืออย่างอบอุ่น “อา…. คุณคือหัวหน้าลู่! ผมได้ยินเรื่องมามากเกี่ยวกับคุณ!”

 

ลู่ดาฟาฝืนยิ้ม “ หัวหน้าซูบินยินดีที่ได้รู้จัก”

 

ดงซูบินเอาแขนไปโอบไหล่ของลู่ดาฟา และพูดคุยกับเขา

 

ลู่ดาฟาเองอยากจะด่าเขาออกมา เราสนิทกันตั้งแต่เมื่อไหร่? คุณเอาแขนมาโอบไหล่ฉันทำไม!

 

ฮูซินเยียนมาจากหน่วยรักษาความปลอดภัยสาธารณะและรู้เรื่องความไม่พอใจระหว่างลู่ดาฟา และดงซูบิน เธอพูดไม่ออกเมื่อเห็นสิ่งนี้ ถังจินลูกพี่ลูกน้องของหัวหน้าซูบินได้ซื้อบุหรี่ปลอมที่ร้านญาติของลู่ดาฟา และถูกพนักงานคนหนึ่งทุบตีที่นั่น ในท้ายที่สุดหัวหน้าตงก็ไปที่ร้านและทุบตีญาติของลู่ดาฟาและโต้เถียงกับเขาทางโทรศัพท์ พวกเขาน่าจะต้องไม่ชอบกันสิ แต่ทำไมพวกเขาถึง…

 

เสี่ยวหลาน ไม่สนใจ ดงซูบินและเข้าไปในรถของเธอ

 

เว่ยหนานมองไปที่ดงซูบินและเดินไปที่ที่จอดรถเพื่อไปรับรถของเขา

 

“ พี่ลู่ …” ดงซูบินเปลี่ยนวิธีที่เขาพูดกับลู่ดาฟา “ พวกคุณไปไหนกันหมด”

 

ลู่ดาฟากำลังจะระเบิดอารมณ์ออกมา คุณเป็นใครถึงเรียกฉันว่าพี่ลู่? แต่นักลงทุนอยู่กับพวกเขาและเขาไม่สามารถพูดอะไรได้ เขาแสร้งยิ้มและพูด “ เรากำลังจะไปที่สนามยิงปืน เราควรจะไป หัวหน้าซูบินวันอื่นมาคุยกันเถอะ” เขาไม่ต้องการอยู่ใกล้กับ ดงซูบินในตอนนี้ แต่สิ่งที่ดงซูบินพูดต่อมาแทบจะทำให้พวกเขาอาเจียนเป็นเลือด

ดงซูบินตบต้นขาของเขาอย่างกะทันหันและอุทาน “ ช่างเป็นเรื่องบังเอิญ! ผมก็ไปที่นั่นเหมือนกัน!”

 

พล่าม! ใบหน้าของ ลู่ดาฟาเปลี่ยนเป็นสีดำช้าๆ “ คุณไปที่นั่นทำไม”

 

“ มันเป็นที่ๆผมต้องไปอยู่แล้ว” ดงซูบินตอบกลับแบบไม่แคร์สิ่งใดและโอบแขนของเขารอบไหล่ของลู่ดาฟา อีกครั้ง “พี่ลู่ เนื่องจากทางเดียวกันพี่ไปกับผมล่ะกัน”

 

ลู่ดาฟาตอบกลับทันที “ ฉันขับรถมาที่นี่!”

 

ดงซูบินเองก็ไม่สนใจเขาและเดินไปที่ลานจอดรถโดยมีแขนโอบไหล่ของเขา “ คุณไม่จำเป็นต้องสุภาพขนาดนั้น แค่จอดรถทิ้งไว้ที่นี่ เอารถของผมไปกันเถอะ!”

 

ฮูซินเยียนจ้องมองไปที่นายกเทศมนตรีเสี่ยวและพูดว่า “ หัวหน้าซูบินคุณกำลังจะทำอะไร…”

ดงซูบินแสร้งทำเป็นไม่รู้ “ทำอะไร? เลขาฮู.”

 

ฮูซินเยียนไม่รู้ว่า ดงซูบิน จะทำเช่นนี้และเสียใจที่บอกที่อยู่ร้านอาหารให้เขาทราบ เธอพยายามส่งซิกกับ ดงซูบินอย่างรวดเร็ว “ เราจะไปที่นั่นเพื่อคุยเรื่องงาน…คุณ…” ฮูซินเยียนกลัวว่านายกเทศมนตรีเสี่ยว และนักลงทุนจะโมโหขึ้นมา

 

ดงซูบินตอบ “ พูดคุยเกี่ยวกับงาน? ถูกตัอง. เราต้องมั่นใจในความปลอดภัยของผู้ลงทุน เลขาฮู คุณสามารถไว้ใจผมได้เลย!”

 

ฮูซินเยียนเองก็ไม่รู้จะพูดอะไรต่อไปดี

 

ขณะที่ ฮูซินเยียนและดงซูบินกำลังพูด ลู่ดาฟาผลักแขนของดงซูบินออกไปและเดินไปที่รถของเขาอย่างรวดเร็ว

 

แต่ปฏิกิริยาของ ดงซูบินรวดเร็ว ทันทีที่เขาจับลู่ ที่ไหล่ของเขาอีกครั้งและพูดว่า “ พี่ลู่ลลลลลล พี่กำลังจะไปไหน?”

 

ลุยดาฟาอายุมากแล้วนั่งทำงานในออฟฟิศมาหลายปีแล้ว เขาไม่พอดีกับ ดงซูบินและถูกผลักเข้าไปในรถอย่างแรงลู่ดาฟา ไม่เคยเห็นใครผิวหนาขนาดนี้ นายกเทศมนตรีเสี่ยวอยู่ใกล้ ๆ และเธอไม่ได้บอกว่าจะพาคุณไปด้วย แต่คุณก็ยังตามไป ไม่อายบางหรือยังไงกัน? นี้สงสัยคุณอยากจะก่อปัญหามากๆสินะ?!

 

อีกด้านหนึ่งโจวซือถาม “นั่นใคร?”

 

ฮูซินเยียนตอบเบา ๆ “ เขาเป็นรองหัวหน้าซูบินจากสำนักงานรักษาความปลอดภัยสาธารณะของมณฑลของเรา”

 

โฮ่วซือรู้สึกประหลาดใจ “ นั้นถือว่าเด็กมากเลยนะ” ดงซูบินดูเหมือนว่าเขาอายุน้อยกว่าเขาห้าถึงหกปี

 

ในตอนนี้ โตโยต้า และ บีเอ็ม มาถึงทางเข้าแล้ว ดงซูบิน ยังขับรถไปหานักลงทุนทั้งสองและเปิดประตูให้พวกเขาเข้าไปได้เขากลายเป็นหนึ่งในเจ้าหน้าที่รัฐบาลของมณฑลที่รับแขก แต่การรักษาความปลอดภัยสาธารณะไม่ได้เกี่ยวข้องกับการลงทุนสำหรับมณฑล

 

แต่รถเอ็มพีวีของเบนซ์ดึงขึ้นมาข้างๆพวกเขาโฮ่วซือก็ตะลึง เขาไม่อยากจะเชื่อสายตาของพวกเขา

 

โจวซือพูดไม่ออก พวกเขาเดินทางไปทั่วประเทศจีนและได้พบกับผู้คนมากมายในเมืองต่างๆ แต่พวกเขายังไม่พบใครจากหน่วยรักษาความปลอดภัยสาธารณะที่กล้าขับรถเบนซ์อย่างเปิดเผย พวกเขาบอกได้ว่านี่ไม่ใช่รถเบนซ์ที่ผลิตในประเทศ นี่คือกลุ่มรถยนต์อันดับต้น ๆ ของเบนซ์และมีราคาอย่างน้อย 1.5 ล้าน เฮ้ย! ชายหนุ่มคนนี้กล้าพอที่จะขับรถคันนี้ต่อหน้านายกเทศมนตรี!

 

ทันใดนั้นร่างกายของโฮวซี่ก็นิ่งไป

 

โจวซือ ถามเบา ๆ “ เกิดอะไรขึ้น?”

 

โฮวซือ กล่าว “ ดูที่มือของเขาสิ”

 

“มือของเขา? เกิดอะไรขึ้น”

 

“ ดูสิว่าเขาใส่อะไร”

 

โจวซือมองไปที่ข้อมือของดงซูบินแล้วนิ่งไปเลย!

 

ปาเต๊ะ! รองหัวหน้าสำนักงานความมั่นคงสาธารณะคนนี้สวมนาฬิกาปาเต๊ะฟินลิป! ลู่ดาฟาอาจไม่รู้เกี่ยวกับแบรนด์นี้หรือมูลค่าของมัน แต่โฮวซือ และโจวซือ รู้จักนาฬิกาปาเต๊ะฟินลิปเรือนนั้นดีมากและน่าจะเป็นของจริงและควรจะแพงกว่า เบนซ์ที่เขาขับเล็กน้อย นั่นคือนาฬิกามูลค่าเฉียดสองล้าน! หลังจากนั้นพวกเขาก็เห็นจี้หยกแขวนอยู่ที่เอวของดงซูบินและพูดไม่ออก

 

เวรเถอะ!

 

ผู้ชายคนนี้เป็นข้าราชการจริงๆหรอเนี่ย?

 

สิ่งที่ ดงซูบินสวมใส่มีมูลค่าหลายล้านและเขาดูร่ำรวยกว่าพวกเขา!

 

โจวซือ และ โฮวซือรู้ได้ทันทีว่าหัวหน้าซูบินไม่ใช่รองหัวหน้าสำนักความมั่นคงสาธารณะคนอื่นและไม่ใช่คนธรรมดา พวกเขาคุยกันและพูดอะไรบางอย่างกับเว่ยหนาน หลังจากนั้นพวกเขาก็ขึ้นรถเบนซ์ของ ดงซูบินดูเหมือนพวกเขาจะสนใจดงซูบิน และ เว่ยหนาน ก็ขมวดคิ้วเว่ยหนานขับรถขึ้นข้างโตโยต้าและพูดบางอย่างกับ เสี่ยวหลาน ก่อนจะเดินไป

 

บีเอ็มอยู่ด้านหน้าตามด้วยโตโยต้าและเบนซ์ อยู่ด้านหลัง

 

สนามยิงปืนตั้งอยู่ใกล้พรมแดนของเทศมณฑลหยานไท่และใช้เวลาเดินทางประมาณสามสิบนาที

 

ระหว่างทางโจวซือ และโฮวซือนั่งอยู่ข้างหลัง ดงซูบินและพวกเขาก็แนะนำตัวเอง พวกเขามอบนามบัตรให้ดงซูบิน และลู่ดาฟา กำลังแนะนำเมืองหยานไท่ ข้างๆพวกเขา แต่โจวซือ และ โฮวซือดูไม่สนใจในสิ่งที่ลู่ดาฟาแนะนำเลย พวกเขาเคยได้ยินสิ่งที่ต้องการและเยี่ยมชมสถานที่ที่พวกเขาต้องการเห็น ตอนนี้ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของรัฐบาลท้องถิ่นแล้ว นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมไม่ว่า ลู่ดาฟาจะพูดอะไรก็ไม่มีความหมายสำหรับพวกเขา

 

ดงซูบินไม่ได้พูดอะไรมากและจ้องมองไปที่มุมมองด้านหลังของเสี่ยวหลาน ในรถโตโยต้า ตรงหน้าเขา

 

“ หัวหน้าซูบิน…” ใครบางคนเรียกเขาจากด้านหลังของเขา

 

ดงซูบินหันไปรอบ ๆ “ฮะ? มันคืออะไร?”

 

โจวซือกล่าว “ นี่คือรถที่ดี R500I. ด้านบนสุดของช่วงนี้”

 

“ อ่า…นี่เป็นของเพื่อนของผมและผมยืมใช้มันก่อน” นี่เป็นข้ออ้างตามปกติที่ดงซูบิน ใช้

 

โฮวซือ มองไปที่นาฬิกาของดงซูบินและถาม “ อย่าบอกนะว่าคุณยืมนาฬิกาด้วย? ปาเต๊ะฟินลิปมาด้วย! ผมกับโจวซือเคยเห็นนาฬิกาเรือนนี้ในงานประมูลเมื่อสักครู่ที่ผ่านมา เป็นรุ่นที่คล้ายกับของคุณ ควรมีราคาอย่างน้อย 1.8 ล้านใช่ไหม?” โจวซือ และ โฮวซือ แค่อยากรู้เกี่ยวกับเรื่องราวของดงซูบิน

 

ลู่ดาฟาเองถึงกับผวา!

 

ดงซูบินจับมือของเขา “มันเป็นของปลอม. ผมซื้อมันมาจาก เตาเป่า ราคาประมาณ 1,800 หยวน”

 

ลู่ดาฟามองไปที่นาฬิกาของ ดงซูบินและมองถึงสองครั้ง

 

โจวซือ และ โฮวซือ สบตากันและยิ้ม ของปลอม? เป็นไปได้ยังไง?! พวกเขาสามารถบอกได้อย่างรวดเร็วว่าเป็นของปลอมหรือของแท้กันแน่เพียงแค่มองผ่านๆ

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

POWER AND WEALTH (พลังและความมั่งคั่ง) 254

Now you are reading POWER AND WEALTH (พลังและความมั่งคั่ง) Chapter 254 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

EP 254 นักลงทุน!

By loop

วันที่สามของวันหยุดวันชาติ

 

เช้าเวลา 10.00 น.

 

ดงซูบิน อยู่ในห้องนั่งเล่นของเขามองไปที่หมายเลขของเสี่ยวหลานในโทรศัพท์ของเขา เขาอยากโทรหาเธอ แต่ลังเลและเดินไปรอบ ๆ อพาร์ตเมนต์ของเขาด้วยความสงสัยว่าเขาควรโทรหาเธอดีไหม

 

ในท้ายที่สุดดงซูบินก็กัดฟันและกดเบอร์โทรหาเสี่ยวหลาน

 

แต่โทรศัพท์ดังขึ้นเป็นเวลานานโดยไม่มีใครรับสาย

 

ดงซูบินรู้ว่าพี่สาวเสี่ยวยังคงโกรธเขาและถอนหายใจ เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากโทรหาเลขาของเสี่ยวหลานว่าฮูซินเยียน “ สวัสดีพี่ฮู ผมเองดงซูบิน”

 

“ ฮ่าฮ่า…หัวหน้าซูบินคุณกลับมาแล้วเหรอ? เมื่อไหร่เราจะมีโอกาสมาทานข้าวเย็นด้วยกัน ฉันรอคุณอยู่เลยนะ”

 

“ พี่ฮูไม่เหมือนเมื่อก่อนแล้วนะและผมกลัวว่าพี่ฮูจะปฏิเสธคำเชิญของผม”

 

“ คุณล้อเล่นกับฉันหรือป่าว? ทำไมฉันถึงจะปฏิเสธการคำเชิญของคุณล่ะ” หลังจากล้อเล่นสักพัก ดงซูบินก็ถามขึ้นมา “ โอ้วันนี้กำหนดการของนายกเทศมนตรีเสี่ยว เป็นอย่างไร? เธอทำงานหรือเปล่า”

 

 

 

 

 

ฮูซินเยียนรู้ว่าดงซูบินกำลังมองหานายกเทศมนตรีเพื่อหาอะไรบางอย่าง ถ้าเป็นคนอื่นเธอจะไม่เปิดเผยเบาะแสของนายกเทศมนตรีเสี่ยวแต่ดงซูบิเป็นคนที่ช่วยให้เธอได้รับตำแหน่งนี้ เธอคิดสักพักแล้วกระซิบ “ วันนี้ควรจะเป็นวันหยุดของนายกเทศมนตรีเสี่ยว แต่กลุ่มนักธุรกิจเดินทางมาจากปักกิ่ง พวกเขากำลังจะลงทุนในเมืองหยานไท่ และนายกเทศมนตรีเสี่ยว กำลังจัดอาหารกลางวันให้พวกเขา การปรับปรุงเศรษฐกิจของเมืองหยานไท่ เป็นสิ่งที่นายกเทศมนตรีเสี่ยว กำลังดำเนินการตั้งแต่เธอถูกย้ายมาที่นี่ นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมเธอจึงเป็นเจ้าภาพต้อนรับพวกเขาเป็นการส่วนตัวและรองหัวหน้าหน่วยงานส่งเสริมการลงทุนของมณฑลลู่ และฉันจะไปร่วมรับประทานอาหารกลางวันกับพวกเขา”

 

ดงซูบินขมวดคิ้ว “ นักธุรกิจจากปักกิ่ง?”

 

“ใช่. ฉันได้ยินมาว่าคนที่พาพวกเขามานั้นชื่อว่าเว่ยหนาน ดูเหมือนว่าเขาจะรู้จักนายกเทศมนตรีเสี่ยว”

 

“ เว่ยหนาน?” สีหน้าของดงซูบินเปลี่ยนไปในทันที“ พี่สาวฮูช่วยบอกหน่อยได้ไหมว่าร้านนั้นคือร้านอะไร”

 

ฮูซินเยียนลังเลอยู่ครู่หนึ่งและบอกที่อยู่ดงซูบิน

 

หลังจากวางสายใบหน้าของดงซูบินเปลี่ยนเป็นสีดำ เว่ยหนานอยู่ที่นี่? เขามาที่นี่เพื่อลงทุนจริงๆหรอ? แม้ว่าพ่อของเขาจะเป็นผู้จัดหาเวชภัณฑ์และมีฐานะร่ำรวย แต่เขาก็ไม่จำเป็นต้องลงทุนที่นี่ ที่นี่ไม่มีอะไรต้องลงทุน! เอาล่ะ! ไอ้สารเลวคนนี้ไม่ได้มาลงทุนหรอก! จู่ๆดงซูบินก็ตระหนักว่าเว่ยหนานไม่ได้ใช้รูปถ่ายเหล่านั้นเพื่อแก้แค้นเขาที่แย่งคู่หมั้นของเขา เขาพยายามกับมาตื้อเสี้ยวหลาน อีกครั้ง!

 

ดงซูบินกระแทกโซฟาด้วยความโกรธ!

 

ฉันต้องไม่ปล่อยให้ไอ้นี่ทำสำเร็จ!

 

12.30 น.

 

ดงซูบินจอดรถที่หน้าร้านอาหารในเขตตะวันตกของเมือง เขามองไปรอบ ๆ ที่จอดรถกลางแจ้ง มีรถบีเอ็มดับเบิลยูซือรีส์ 7 และโตโยต้าที่มีป้ายหมายเลขประจำมณฑล ดงซูบินเคยเห็นรถบีเอ็ม คันนั้นในคฤหาสน์ของพี่สาวเสี่ยว และมันน่าจะเป็นของเว่ยหนาน รถอีกคันคือรถของเสี่ยวหลาน และคนขับพี่ซิงกำลังกินเบอร์เกอร์และอ่านเอกสารอยู่ในนั้น

 

ดงซูบินแสร้งเดินผ่านไป “ สวัสดีอาจารย์ซิง”

 

พี่ซิงประหลาดใจและทักทายดงซูบิน “ อ่าว หัวหน้าซูบินเองหรอ”

 

พี่ซิงเป็นคนขับรถของเสี่ยวหลาน และดงซูบิน เคยพบเขาครั้งหนึ่งในอาคารรัฐบาลเมือง“ ฮ่าฮ่า…ทำไมพี่ถึงมากินอาหารในรถล่ะ? นายกเทศมนตรีเสี่ยว อยู่ในร้านอาหารนี้หรือป่าว”

 

พี่ซิงพยักหน้าและไม่พูดอะไร

 

ดงซูบินไม่ต้องการเข้าไปในร้านอาหารและเขาคุยกับ พี่ซิงในที่จอดรถ พี่ซิงเป็นชายวัยกลางคนที่เงียบขรึมและรู้ว่าจะพูดอะไรและไม่ควรพูดอะไร เขาบอกกับดงซูบินว่านายกเทศมนตรีเสี่ยว และเลขาฮู เข้าไปในร้านอาหารเมื่อ 20 นาทีที่แล้วและไม่ได้พูดอะไรอีก

 

ครึ่งชั่วโมงต่อมา

 

ประตูร้านอาหารเปิดออกเสี่ยว, ฮูซินเยียน,เว่ยหนาน และชายสามคนก็เดินออกไป

 

ฮูซินเยียนกำลังเดินตามหลังเสี่ยวหลานและชายวัยกลางคนอีกคนกำลังยิ้มและพูดคุยกับนักลงทุนชาวปักกิ่งคนหนึ่ง ชายคนนี้น่าจะเป็นรองหัวหน้าหน่วยงานส่งเสริมการลงทุนของมณฑลลู่ดาฟา

 

ดงซูบินรู้สึกเลือดเดือดเมื่อเห็นเว่ยหนาน และ เสี่ยวหลาน กำลังสนทนากับเขาและชายอีกสองคนพร้อมกับรอยยิ้มบนใบหน้าของเธอ ดงซูบินประทับใจเธอที่ไม่ได้ใช้อารมณ์ในการทำงาน เธอเคยคบหากับเว่ยหนาน ในเรื่องการหมั้นหมายในอดีต แต่นั่นเป็นประเด็นที่แยกจากกัน ดงซูบินรู้ดีว่าแม้ว่าตอนนี้เขาจะขึ้นไปหาพี่สาวเสี่ยว แต่เธอก็จะไม่ปฏิบัติต่อเขาอย่างเย็นชาเพราะเธอเป็นตัวแทนของมณฑลไม่ใช่ตัวเธอเอง

 

เว่ยหนานหัวเราะและถาม “ โฮ่วซือเป็นอย่างไรบ้าง”

 

ชายหนุ่มร่างสูงหัวเราะและตอบกลับ “ ที่นี่ไม่ดีเท่ามณฑลอื่น ๆ แต่ก็มีข้อดีอยู่ หากรัฐบาลท้องถิ่นสามารถให้การสนับสนุนเราได้ผมคิดว่าเราสามารถพูดคุยเกี่ยวกับการตั้งโรงงานได้” เขายังคงพอใจกับสภาพแวดล้อมที่นี่และรู้สึกว่าเหมาะที่จะตั้งโรงงาน

 

เว่ยหนานมองไปที่เสี่ยวหลาน “ นายกเทศมนตรีเสี่ยว เราคงจะต้องมาพูดคุยเรื่องนี้เป็นการส่วนตัวแล้วล่ะ”

 

เสี่ยวหลานมองไปที่นาฬิกาของเธอและบอกพวกเขาว่ารองหัวหน้าหลิว จะคุยกับพวกเขาแทน

 

แม้ว่าการลงทุนในมณฑลจะช่วยปรับปรุงเศรษฐกิจของตนและเสี่ยวหลานอาจะจะได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้น แต่เธอก็ไม่จำเป็นต้องจัดการทุกอย่างด้วยตัวเอง เธอแสดงความเคารพต่อนักธุรกิจเหล่านี้มากพอโดยพาพวกเขาไปทานอาหารกลางวันด้วย แต่ เว่ยหนาน ยืนกรานอย่างไร้ยางอายว่าพวกเขาต้องหารือเกี่ยวกับเงื่อนไขของสัญญากับเธอโฮ่วซือและชายหนุ่มอีกคนโจวซือ ดูเหมือนจะรู้ว่าเว่ยหนานกำลังทำอะไรอยู่และพวกเขาก็ช่วยเกลี้ยกล่อมเสี่ยวหลานในทันที

 

ในตอนท้ายเสี่ยวหลานพูดอะไรบางอย่างกับฮูซินเยียนและพยักหน้าให้เว่ยหนาน ฮูซินเยียนรู้จักกับเว่ยหนาน และเพื่อน ๆ ของเขาก็เป็นคนสำคัญและเงินลงทุนก็มหาศาล หากไม่เป็นเช่นนั้นพวกเขาจะไม่ขอหารือข้อตกลงกับนายกเทศมนตรีโดยตรง

 

เว่ยหนานหัวเราะ “ นายกเทศมนตรีเสี่ยวซื้ออาหารกลางวันมาแล้วและคราวนี้น่าจะถึงตาเราแล้ว”

 

โจวซือ กล่าว “ ไปที่สนามยิงปืนที่เราผ่านไปเมื่อเช้าและคุยกันเรื่องสัญญาตอนที่เรายิงเป้ากัน”

 

โฮ่วซือก็เห็นด้วย “ แน่นอน. เป็นเวลานานแล้วที่ผมไม่ได้ยิงปืนเลย”

 

เมื่อพวกเขากำลังจะไปที่รถดงซูบินก็เดินผ่านไป “ ช่างเป็นเรื่องบังเอิญ นายกเทศมนตรีเสี่ยว คุณอยู่ที่นี่เพื่อทานอาหารกลางวันหรือไม่” ฮูซินเยียนเกือบจะหัวเราะออกมากับท่าทางปลอม ๆ ของดงซูบินเธอรู้ว่านี่ไม่ใช่เรื่องบังเอิญเพราะเธอเป็นคนบอกที่อยู่นี้ของดงซูบิน

 

เสี่ยวหลานมองไปที่ดงซูบินและยิ้ม “ หัวหน้าซูบินคุณมาทานอาหารกลางวันที่นี้ด้วยเหรอ?”

 

เสี่ยวหลานแตกต่างจากเมื่อวานตรงที่เธอทุบรีโมทคอนโทรลและกระแทกโต๊ะ แต่ดงซูบินรู้ว่าเธอไม่ให้อภัยเขาและเธอกำลังพูดกับเขาโดยพยายามระงับอารมณ์โกรธพวกนั้นไว้อยู่ ดงซูบิน ยิ้ม “ ไม่…ผมผ่านมาและเห็นรถของคุณพอดี”

 

เสี่ยวหลาน พยักหน้าและไม่พูดอะไร

 

ฮูซินเยียนไม่ได้สังเกตเห็นอะไรจากปฏิกิริยาของเสี่ยวหลาน เธอไม่รู้เกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่าง เสี่ยวหลาน และ ดงซูบินเธอแค่สงสัยว่าทำไมนายกเทศมนตรีเสี่ยว ถึงปฏิบัติต่อดงซูบินอย่างเย็นชาเช่นนี้ ถูกต้องแล้ว ดงซูบินน่าจะทำให้นายกเทศมนตรี เสี่ยวโปรดปรานด้วยการช่วยชายคนนั้นที่กระโดดลงมาจากอาคารของสำนักงานเมือง และเธอควรจะขอบคุณเขา แต่ฮูซินเยียนรู้ว่าไม่มีใครคาดเดาได้ว่าหัวหน้าของเธอกำลังคิดอะไรอยู่

 

เว่ยหนานแตกต่างออกไป เขารู้ว่าเสี่ยวหลานและ ดงซูบินกำลังคบกันและจากการแสดงออกของ เสี่ยวหลานเขารู้ว่าพวกเขามีปัญหาในความสัมพันธ์เสี่ยวหลานต้องได้รับรูปถ่ายที่เขาส่งให้กับคณะกรรมการตรวจสอบวินัยและเขาก็หัวเราะในใจขณะที่เขามองไปที่ดงซูบิน

 

นับตั้งแต่ถ่ายภาพเหล่านั้นในวันนั้นเว่นหนานได้วางแผนที่จะให้เสี่ยวหลานผิดใจกับดงซูบินและเขาจะใช้ประโยชน์จากการเข้ามาระหว่างพวกเขา แต่หลังจากความล้มเหลวครั้งสุดท้ายของเขาเว่ยหนาน ก็เป็นผู้ใหญ่มากขึ้นและไม่ได้แสดงความตั้งใจของเขาต่อ เสี่ยวหลานเขามีเพื่อนสองสามคนที่กำลังมองหาสถานที่ลงทุนและเขาใช้ข้ออ้างนี้เพื่อใกล้ชิดกับเสี่ยวหลานั้นเอง

 

ดงซูบินหรี่ตาของเขาขณะที่เขาจ้องไปที่เว่ยหนาน

 

แม้ว่าดงซูบินจะเลิกกับพี่สาวเสี่ยว แล้วเขาก็ไม่ยอมให้เว่ยหนานอยู่กับเธอเป็นอันขาตด เขาจะต้องจัดการกับเว่ยหนานให้ได้ ไม่ช้าก็เร็วนี้

 

หลังจากที่ ดงซูบิยปรากฏตัวที่ทางเข้าร้านอาหารก็เงียบลง

 

ดงซูฐินดูเหมือนว่าเขาไม่สามารถรู้สึกได้ว่าเขาไม่ได้รับการต้อนรับและยังคงสนทนากับเสี่ยวหลานต่อไป

 

เสี่ยวหลานตอบดงซูบินด้วยความสุภาพและพูดกับฮูซินเยียน “ พี่ฮูเตรียมตัวให้พร้อม”

 

นี่คือวิธีของผู้นำในการขอให้คนอื่นออก ผู้ที่ฉลาดจะกล่าวคำอำลาและไม่รบกวนผู้นำ แต่ ดงซูบินไม่มีความตั้งใจที่จะจากไป เมื่อเห็น เสี่ยวหลานไม่สนใจเขาเขาจึงหันไปหาชายวัยกลางคน เขาเดินไปจับมืออย่างอบอุ่น “อา…. คุณคือหัวหน้าลู่! ผมได้ยินเรื่องมามากเกี่ยวกับคุณ!”

 

ลู่ดาฟาฝืนยิ้ม “ หัวหน้าซูบินยินดีที่ได้รู้จัก”

 

ดงซูบินเอาแขนไปโอบไหล่ของลู่ดาฟา และพูดคุยกับเขา

 

ลู่ดาฟาเองอยากจะด่าเขาออกมา เราสนิทกันตั้งแต่เมื่อไหร่? คุณเอาแขนมาโอบไหล่ฉันทำไม!

 

ฮูซินเยียนมาจากหน่วยรักษาความปลอดภัยสาธารณะและรู้เรื่องความไม่พอใจระหว่างลู่ดาฟา และดงซูบิน เธอพูดไม่ออกเมื่อเห็นสิ่งนี้ ถังจินลูกพี่ลูกน้องของหัวหน้าซูบินได้ซื้อบุหรี่ปลอมที่ร้านญาติของลู่ดาฟา และถูกพนักงานคนหนึ่งทุบตีที่นั่น ในท้ายที่สุดหัวหน้าตงก็ไปที่ร้านและทุบตีญาติของลู่ดาฟาและโต้เถียงกับเขาทางโทรศัพท์ พวกเขาน่าจะต้องไม่ชอบกันสิ แต่ทำไมพวกเขาถึง…

 

เสี่ยวหลาน ไม่สนใจ ดงซูบินและเข้าไปในรถของเธอ

 

เว่ยหนานมองไปที่ดงซูบินและเดินไปที่ที่จอดรถเพื่อไปรับรถของเขา

 

“ พี่ลู่ …” ดงซูบินเปลี่ยนวิธีที่เขาพูดกับลู่ดาฟา “ พวกคุณไปไหนกันหมด”

 

ลู่ดาฟากำลังจะระเบิดอารมณ์ออกมา คุณเป็นใครถึงเรียกฉันว่าพี่ลู่? แต่นักลงทุนอยู่กับพวกเขาและเขาไม่สามารถพูดอะไรได้ เขาแสร้งยิ้มและพูด “ เรากำลังจะไปที่สนามยิงปืน เราควรจะไป หัวหน้าซูบินวันอื่นมาคุยกันเถอะ” เขาไม่ต้องการอยู่ใกล้กับ ดงซูบินในตอนนี้ แต่สิ่งที่ดงซูบินพูดต่อมาแทบจะทำให้พวกเขาอาเจียนเป็นเลือด

ดงซูบินตบต้นขาของเขาอย่างกะทันหันและอุทาน “ ช่างเป็นเรื่องบังเอิญ! ผมก็ไปที่นั่นเหมือนกัน!”

 

พล่าม! ใบหน้าของ ลู่ดาฟาเปลี่ยนเป็นสีดำช้าๆ “ คุณไปที่นั่นทำไม”

 

“ มันเป็นที่ๆผมต้องไปอยู่แล้ว” ดงซูบินตอบกลับแบบไม่แคร์สิ่งใดและโอบแขนของเขารอบไหล่ของลู่ดาฟา อีกครั้ง “พี่ลู่ เนื่องจากทางเดียวกันพี่ไปกับผมล่ะกัน”

 

ลู่ดาฟาตอบกลับทันที “ ฉันขับรถมาที่นี่!”

 

ดงซูบินเองก็ไม่สนใจเขาและเดินไปที่ลานจอดรถโดยมีแขนโอบไหล่ของเขา “ คุณไม่จำเป็นต้องสุภาพขนาดนั้น แค่จอดรถทิ้งไว้ที่นี่ เอารถของผมไปกันเถอะ!”

 

ฮูซินเยียนจ้องมองไปที่นายกเทศมนตรีเสี่ยวและพูดว่า “ หัวหน้าซูบินคุณกำลังจะทำอะไร…”

ดงซูบินแสร้งทำเป็นไม่รู้ “ทำอะไร? เลขาฮู.”

 

ฮูซินเยียนไม่รู้ว่า ดงซูบิน จะทำเช่นนี้และเสียใจที่บอกที่อยู่ร้านอาหารให้เขาทราบ เธอพยายามส่งซิกกับ ดงซูบินอย่างรวดเร็ว “ เราจะไปที่นั่นเพื่อคุยเรื่องงาน…คุณ…” ฮูซินเยียนกลัวว่านายกเทศมนตรีเสี่ยว และนักลงทุนจะโมโหขึ้นมา

 

ดงซูบินตอบ “ พูดคุยเกี่ยวกับงาน? ถูกตัอง. เราต้องมั่นใจในความปลอดภัยของผู้ลงทุน เลขาฮู คุณสามารถไว้ใจผมได้เลย!”

 

ฮูซินเยียนเองก็ไม่รู้จะพูดอะไรต่อไปดี

 

ขณะที่ ฮูซินเยียนและดงซูบินกำลังพูด ลู่ดาฟาผลักแขนของดงซูบินออกไปและเดินไปที่รถของเขาอย่างรวดเร็ว

 

แต่ปฏิกิริยาของ ดงซูบินรวดเร็ว ทันทีที่เขาจับลู่ ที่ไหล่ของเขาอีกครั้งและพูดว่า “ พี่ลู่ลลลลลล พี่กำลังจะไปไหน?”

 

ลุยดาฟาอายุมากแล้วนั่งทำงานในออฟฟิศมาหลายปีแล้ว เขาไม่พอดีกับ ดงซูบินและถูกผลักเข้าไปในรถอย่างแรงลู่ดาฟา ไม่เคยเห็นใครผิวหนาขนาดนี้ นายกเทศมนตรีเสี่ยวอยู่ใกล้ ๆ และเธอไม่ได้บอกว่าจะพาคุณไปด้วย แต่คุณก็ยังตามไป ไม่อายบางหรือยังไงกัน? นี้สงสัยคุณอยากจะก่อปัญหามากๆสินะ?!

 

อีกด้านหนึ่งโจวซือถาม “นั่นใคร?”

 

ฮูซินเยียนตอบเบา ๆ “ เขาเป็นรองหัวหน้าซูบินจากสำนักงานรักษาความปลอดภัยสาธารณะของมณฑลของเรา”

 

โฮ่วซือรู้สึกประหลาดใจ “ นั้นถือว่าเด็กมากเลยนะ” ดงซูบินดูเหมือนว่าเขาอายุน้อยกว่าเขาห้าถึงหกปี

 

ในตอนนี้ โตโยต้า และ บีเอ็ม มาถึงทางเข้าแล้ว ดงซูบิน ยังขับรถไปหานักลงทุนทั้งสองและเปิดประตูให้พวกเขาเข้าไปได้เขากลายเป็นหนึ่งในเจ้าหน้าที่รัฐบาลของมณฑลที่รับแขก แต่การรักษาความปลอดภัยสาธารณะไม่ได้เกี่ยวข้องกับการลงทุนสำหรับมณฑล

 

แต่รถเอ็มพีวีของเบนซ์ดึงขึ้นมาข้างๆพวกเขาโฮ่วซือก็ตะลึง เขาไม่อยากจะเชื่อสายตาของพวกเขา

 

โจวซือพูดไม่ออก พวกเขาเดินทางไปทั่วประเทศจีนและได้พบกับผู้คนมากมายในเมืองต่างๆ แต่พวกเขายังไม่พบใครจากหน่วยรักษาความปลอดภัยสาธารณะที่กล้าขับรถเบนซ์อย่างเปิดเผย พวกเขาบอกได้ว่านี่ไม่ใช่รถเบนซ์ที่ผลิตในประเทศ นี่คือกลุ่มรถยนต์อันดับต้น ๆ ของเบนซ์และมีราคาอย่างน้อย 1.5 ล้าน เฮ้ย! ชายหนุ่มคนนี้กล้าพอที่จะขับรถคันนี้ต่อหน้านายกเทศมนตรี!

 

ทันใดนั้นร่างกายของโฮวซี่ก็นิ่งไป

 

โจวซือ ถามเบา ๆ “ เกิดอะไรขึ้น?”

 

โฮวซือ กล่าว “ ดูที่มือของเขาสิ”

 

“มือของเขา? เกิดอะไรขึ้น”

 

“ ดูสิว่าเขาใส่อะไร”

 

โจวซือมองไปที่ข้อมือของดงซูบินแล้วนิ่งไปเลย!

 

ปาเต๊ะ! รองหัวหน้าสำนักงานความมั่นคงสาธารณะคนนี้สวมนาฬิกาปาเต๊ะฟินลิป! ลู่ดาฟาอาจไม่รู้เกี่ยวกับแบรนด์นี้หรือมูลค่าของมัน แต่โฮวซือ และโจวซือ รู้จักนาฬิกาปาเต๊ะฟินลิปเรือนนั้นดีมากและน่าจะเป็นของจริงและควรจะแพงกว่า เบนซ์ที่เขาขับเล็กน้อย นั่นคือนาฬิกามูลค่าเฉียดสองล้าน! หลังจากนั้นพวกเขาก็เห็นจี้หยกแขวนอยู่ที่เอวของดงซูบินและพูดไม่ออก

 

เวรเถอะ!

 

ผู้ชายคนนี้เป็นข้าราชการจริงๆหรอเนี่ย?

 

สิ่งที่ ดงซูบินสวมใส่มีมูลค่าหลายล้านและเขาดูร่ำรวยกว่าพวกเขา!

 

โจวซือ และ โฮวซือรู้ได้ทันทีว่าหัวหน้าซูบินไม่ใช่รองหัวหน้าสำนักความมั่นคงสาธารณะคนอื่นและไม่ใช่คนธรรมดา พวกเขาคุยกันและพูดอะไรบางอย่างกับเว่ยหนาน หลังจากนั้นพวกเขาก็ขึ้นรถเบนซ์ของ ดงซูบินดูเหมือนพวกเขาจะสนใจดงซูบิน และ เว่ยหนาน ก็ขมวดคิ้วเว่ยหนานขับรถขึ้นข้างโตโยต้าและพูดบางอย่างกับ เสี่ยวหลาน ก่อนจะเดินไป

 

บีเอ็มอยู่ด้านหน้าตามด้วยโตโยต้าและเบนซ์ อยู่ด้านหลัง

 

สนามยิงปืนตั้งอยู่ใกล้พรมแดนของเทศมณฑลหยานไท่และใช้เวลาเดินทางประมาณสามสิบนาที

 

ระหว่างทางโจวซือ และโฮวซือนั่งอยู่ข้างหลัง ดงซูบินและพวกเขาก็แนะนำตัวเอง พวกเขามอบนามบัตรให้ดงซูบิน และลู่ดาฟา กำลังแนะนำเมืองหยานไท่ ข้างๆพวกเขา แต่โจวซือ และ โฮวซือดูไม่สนใจในสิ่งที่ลู่ดาฟาแนะนำเลย พวกเขาเคยได้ยินสิ่งที่ต้องการและเยี่ยมชมสถานที่ที่พวกเขาต้องการเห็น ตอนนี้ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของรัฐบาลท้องถิ่นแล้ว นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมไม่ว่า ลู่ดาฟาจะพูดอะไรก็ไม่มีความหมายสำหรับพวกเขา

 

ดงซูบินไม่ได้พูดอะไรมากและจ้องมองไปที่มุมมองด้านหลังของเสี่ยวหลาน ในรถโตโยต้า ตรงหน้าเขา

 

“ หัวหน้าซูบิน…” ใครบางคนเรียกเขาจากด้านหลังของเขา

 

ดงซูบินหันไปรอบ ๆ “ฮะ? มันคืออะไร?”

 

โจวซือกล่าว “ นี่คือรถที่ดี R500I. ด้านบนสุดของช่วงนี้”

 

“ อ่า…นี่เป็นของเพื่อนของผมและผมยืมใช้มันก่อน” นี่เป็นข้ออ้างตามปกติที่ดงซูบิน ใช้

 

โฮวซือ มองไปที่นาฬิกาของดงซูบินและถาม “ อย่าบอกนะว่าคุณยืมนาฬิกาด้วย? ปาเต๊ะฟินลิปมาด้วย! ผมกับโจวซือเคยเห็นนาฬิกาเรือนนี้ในงานประมูลเมื่อสักครู่ที่ผ่านมา เป็นรุ่นที่คล้ายกับของคุณ ควรมีราคาอย่างน้อย 1.8 ล้านใช่ไหม?” โจวซือ และ โฮวซือ แค่อยากรู้เกี่ยวกับเรื่องราวของดงซูบิน

 

ลู่ดาฟาเองถึงกับผวา!

 

ดงซูบินจับมือของเขา “มันเป็นของปลอม. ผมซื้อมันมาจาก เตาเป่า ราคาประมาณ 1,800 หยวน”

 

ลู่ดาฟามองไปที่นาฬิกาของ ดงซูบินและมองถึงสองครั้ง

 

โจวซือ และ โฮวซือ สบตากันและยิ้ม ของปลอม? เป็นไปได้ยังไง?! พวกเขาสามารถบอกได้อย่างรวดเร็วว่าเป็นของปลอมหรือของแท้กันแน่เพียงแค่มองผ่านๆ

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+