POWER AND WEALTH (พลังและความมั่งคั่ง) 19

Now you are reading POWER AND WEALTH (พลังและความมั่งคั่ง) Chapter 19 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 19

ในวันพฤหัสบดี

ณ สำนักงานฝ่ายกิจการทั่วไป.

ในเช้าวันนี้หัวหน้าโจวเองได้กลับมาทำงานปกติได้แล้ว หัวหน้าโจวได้มองไปรอบๆเพื่อสังเกตทุกคนที่กำลังทำงานอยู่ ท่าที่ของแต่ละคนนั้นแตกต่างกันไป ตัวอย่างเช่น เกาแพนหว่ยไม่ได้ทำอะไรเลยในช่วงสองวันที่ผ่านมานั้น ซึ่งเขาเองดูเปลี่ยนไปเขาขยันทำงานอย่างหนักขึ้นมาทันทีในวันนี้ เกาแพนหว่ยไม่เพียงแต่ช่วยต้าหลินเหม่ทำงานเท่านั้น แต่ยังความสะอาดสำนักงานของเขา ทุกๆ 10-20 นาที อีกทั้งเขาจะไปที่ห้องทำงานของหัวหน้าโจวเพื่อชงชาให้กับหัวหน้าโจวตลอดเวลา ซึ่งฉางจ้วงเองเธอก็ถึงกับไม่ได้แต่งหน้าในสำนักงานเลยในวันนี้ เธอกับฉางจี้แสร้งทำเป็นทำงานหนัก แต่มีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ยงคงเส้นคงวาเสมอคือ พี่หยางเขาไม่สนใจอะไรใดๆเลย เขายังก้มหน้าก้มตาอ่านหนังสือพิมพ์ที่โต๊ะทำงานของเขาต่อไป

“ ซูบิน.” จ้วงจือที่นั่งอยู่ตรงข้ามเขาถามว่า:“ มันต้องทำยังไงที่จะเปิดไฟล์เอกสารอ่าน เพียงแค่เปิดในโปรแกรมเวิร์ดเหรอ?”

ดงซูบินก็เดินไปดูที่หน้าจอของเขา เขากดปุ่มบางปุ่มบนแป้นตัวเลข “ ฉันคิดว่าต้องใส่รหัสเข้าเข้าไป รหัสคือ 5776”

แต่ไฟล์ยังคงไม่สามารถเปิดได้ ดูเหมือนว่ารหัสจะผิดพลาด

ต้าหลิงเหม่ยซึ่งนั่งอยู่ไม่ไกลหันมาหน้ามาเจอของพวกเขา และพูดยิ้มๆว่า:“ ไฟล์เอ็กเซลล์รหัส คือ 5776 ส่วนเวิร์ดรหัส คือ 3328 นายทั้งคู่ต้องจำรหัสให้ได้นะ ไม่เพียงแต่นายต้องใช้รหัสเหล่านี้เพื่อเปิดไฟล์เอกสารเท่านั้น แต่นายต้องตั้งค่าการเข้าถึงรหัสด้วยสำหรับไฟล์เอกสารทั้งหมดของนายด้วย ฮ่า ๆ ๆ ๆ แม้ว่าเราจะไม่สามารถเข้าถึงไฟล์เอกสารที่เป็นความลับได้ที่นี่ แต่เราก็ยังต้องปฏิบัติตามโปรโตคอลเหล่านี้ด้วย” เธอลดเสียงของเธอลง:“ พวกนายทั้งคู่ยังคงไม่เคยเห็นแผนกราชการลับสินะ พวกเขานั้นเข้มงวดกว่าเรามาก คอมพิวเตอร์ของพวกเขาจะไม่สามารถเข้าถึงอินเทอร์เน็ตภายนอกได้เลย”

หลังจากสองสามวันที่ผ่านมา ดงซูบิน จ้วงจื่อ และ ต้าหลินเหม่ยก็เริ่มสนิทกันมากขึ้น

ทั้งสามคนเพิ่งจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยเมื่อไม่นานมานี้และอายุเท่าๆกัน เมื่อเทียบกับฉางจ้วง, ฉางจี้ และเกาแพนเหว่ยแล้วอายุของพวกเขาอยู่ในวัย 30 ทั้ง 3 คน พวกเขาทั้งสามมีหัวข้อสนทนาได้มากกว่าคุยกับคนที่วัยต่างกัน อีกทั้งพวกเขายังอยู่มาไม่นานเท่ากับสามคนนั้น จึงทำให้ความสนิทสนมค่อนข้างไกลกันมาก

ทันใดนั้นประตูสำนักงานของหัวหน้าโจวก็เปิดออก

เกาแพนเหว่ยหยิบปากกาขึ้นมาทันทีและเริ่มจดบันทึกบนสมุดบันทึกของเขา เขาทำให้ดูเหมือนว่าเขากำลังทำงานหนัก ฉางจ้วงเองซึ่งนั่งอยู่ใกล้ห้องของหัวหน้าโจวก็ปิดหน้าเว็บไซต์บาวบาวบนหน้าจอทันที และ ต้าหลิงเหม่ยเองก็ลดหน้าต่างคิวคิว ของเธอให้เหลือน้อยที่สุด จากที่นั่งของดงซูบินเขาจะเห็นฉางจี้ ปรับขนาดหน้าต่างฟอรัมเว็บไซต์ตู้ปลาเป็นจอเล็กที่สุด แม้แต่พี่หยางที่อ่านหนังสือพิมพ์ก็ยืนขึ้นแล้วเดินไปที่ตู้น้ำเพื่อกดน้ำมาดื่ม

ฉึก, ฉึก, ฉึก …… ตี๊ด …… ตี๊ด ……

เสียงเดียวในสำนักงานในตอนนี้ก็คือเสียงของเครื่องถ่ายเอกสาร

โจวฉางจูพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ เขาเดินไปรอบ ๆ ออฟฟิศและดูว่าพนักงานเขียนหรือพิมพ์อะไรอยู่ หลังจากนั้นไม่นานเขาก็ค่อยๆเดินกลับไปที่ห้องของเขาและปิดประตู ในนาทีต่อมา สิ่งต่างๆก็กลับมาเป็นปกติ พวกเขากลับไปอ่านหนังสือพิมพ์    ช้อปปิ้งในบาวบาวและคนอื่นก็กลับมาทำสิ่งๆต่างที่ทำอยู่ก่อนหน้านั้น

หลังจากนั้นครู่หนึ่งชายสองคนที่ดงซูบินไม่เคยพบมาก่อนก็มาที่สำนักงานกิจการทั่วไป ชายหนุ่มรออยู่ข้างนอกและชายชราอายุ 30 ปีเข้ามา เขาถือเอกสารที่อยู่ในซองจดหมายสีน้ำตาล ชายคนนั้นมองฉางจ้วงผู้ซึ่งอยู่ใกล้เขาที่สุด แล้วมองไปที่ห้องของหัวหน้าโจวฉางจู เขาพยักหน้าแล้วชายคนนั้นก็เดินไปเคาะประตู เขาเข้าไปในห้องและเมื่อเขาออกมากับชายหนุ่มซองที่เขาถือมาด้วยก็หายไป

5 ถึง 6 นาทีต่อมา

กริ่ง, กริ่ง,กริ่ง โทรศัพท์ข้างเครื่องพิมพ์ดังขึ้น

ต้าหลิงเหม่ย ยกหูโทรศัพท์:“ สวัสดีค่ะนี่คือสำนักงานกิจการทั่วไป……โอ้หัวหน้าโจว……ใช่……ใช่……” ใช่แล้ว” หลังจากวางหูเธอก็มองไปที่ดงซูบินแล้วพูดว่า:“ ซูบิน, หัวหน้าโจวกำลังเรียกหานาย เขาว่ามีเอกสารที่จะต้องส่งไปแผนกราชการลับ เขากล่าวว่าหลังจากได้รับเอกสารจากเขาแล้ว ฉางจี้จะเป็นที่ปรึกษาให้นายเองตอนนี้ นายยุ่งอยู่หรือเปล่า?” ตามกฎระเบียบเอกสารลับใดๆ ต้องมีคนสองนำเอกสารไปที่แผนกราชการลับ

ฉางจี้ตอบว่า:“ ไม่มีปัญหา ฉันจะพาเขาไปที่นั่นเอง”

“ อย่างงั้นเดียวฉันขอเขาไปรับเอกสารลับก่อนนะ” ดงซูบินเดินไปที่ห้องของหัวหน้าโจว นี่เป็นภารกิจแรกของเขาที่หัวหน้าของเขามอบให้ เขาต้องมันให้ดีที่สุด

ก๊อก!ก๊อก!. “เข้ามา.”

วิธีที่หัวหน้าโจวพูดนั้นดูน่าเชื่อถือและดูเขาจะเป็นหัวหน้านั้นดีมาก เขาสามารถเปิดประตูแล้วเรียกหาดงซูบินเพื่อส่งเอกสารให้เขาเลย แต่ถ้าเขาทำอย่างนั้น เขาจะไม่ดูเหมือนหัวหน้า นี่คือเหตุผลที่เขาโทรหาโทรศัพท์ที่ทำงานและเรียกหาดงซูบินเพื่อมาหาที่ห้องทำงานของเขา ซึ่งอยู่ห่างจากโต๊ะของซูบินเพียงไม่กี่เมตร แม้ว่าเขาจะเปล่งเสียงออกมาเล็กน้อย ดงซูบินก็ได้ยินเขาอยู่ดี

โจวฉางจูนั่งอยู่หน้าจอมอนิเตอร์และเขียนอะไรบางอย่าง “ นั่งรอสักครู่”

ดงซูบินแสดงท่าทางสุภาพและนั่งลงบนโซฟาหนังในสำนักงาน โซฟาหนังดูเก่าและบางส่วนก็ขาดออกมาแล้ว แต่มันนุ่มมาก มันสะดวกสบายกว่าโซฟาด้านนอกในสำนักงานใหญ่เสียอีก  ซึ่งดงซูบินเหนื่อยจากการทำงานของเขาและเขาก็เอนกายลงบนโซฟา เขาผ่อนคลายกล้ามเนื้อหลังของเขา

สบาย

โจวฉางจูเหลือบมองมาที่เขาและเขียนต่อไปโดยไม่พูดอะไรเลย

ดงซูบินมีไหวพริบที่ดีและจากที่ที่เขานั่งลง เขาสามารถมองเห็นสิ่งที่อยู่บนหน้าจอคอมของหัวหน้าโจวได้ ‘มันเป็นโปรแกรมการซื้อขายหุ้นของโกเด้นท์ซันใช่มั้ย? หัวหน้าโจวเล่นหุ้นด้วยหรอเนี่ย?’

นี้คือหุ้นเทรดรายวัน และ โจวฉางจูก็หยุดเขียน แต่เขาก็ยังไม่ได้ส่งเอกสารให้กับดงซูบิน

ดงซูบินรุ้สึกงงงวย เขาคิดว่าทำไมเขาถึงถูกเรียกตัวเมื่อเอกสารก็ยังไม่พร้อม

เขาเคยได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับผู้นำจงใจขอให้ใครสักคนเข้ามารอ ในขณะที่เขาทำอะไรบางอย่าง อาจเป็นเพราะผู้นำไม่ชอบคน ๆ นั้น แต่ ดงซูบินคิดเกี่ยวกับสิ่งที่เขาทำและไม่เข้าใจว่าเขาทำผิดอะไร เมื่อวานนี้เขาพูดกับหัวหน้าโจว อย่างไม่ถูกต้อง แต่เขากลับไปแก้ไขให้ถูกต้องแล้ว เช้านี้เขาก็ยังไม่ได้ทำอะไรผิด เหตุผลที่หัวหน้าโจวไม่ชอบเขาคืออะไร?

เมื่อเขากำลังคิดอยู่ฉางจี้เองก็เคาะประตูและเข้าไปในห้อง “ หัวหน้าโจวเรียกผมมาที่นี่เพื่อรวบรวมเอกสารใช้ไหมครับ”

โจวฉางจู ตอบว่า:“ นั่งรอสักครู่”

ฉางจี้พยักหน้าและเดินไปที่โซฟา เขาเห็นดงซูบินนั่งอยู่บนโซฟาด้วยท่าที่สะดวกสบาย ๆมันทำให้ริมฝีปากของเขากระตุก เขาคิดในใจ ‘เด็กใหม่นี้ยังไม่ได้เรียนรู้กฎสินะ?’ เขานั่งลงบนโซฟาโดยมีเพียงครึ่งเดียวของก้นของเขาแตะโซฟาและร่างกายของเขาตั้งตรง

ดงซูบินเห็นสิ่งนี้และตกตะลึง แย่ล่ะ! ต้าหลิงเหม่ยเคยพูดว่าฉางจี้นั้น มีใครบางคนสนับสนุนเขาในสำนักใหญ่ ทำไมเขายังคงนั้งด้วยท่าที่จริงจังอย่างงั้น? แต่ดงซูบินก็ไม่ได้โง่ เขาตระหนักถึงกฎที่ไม่ได้พูดทันที แม้ว่าฉางจี้จะไม่ได้กลัวหัวหน้าโจว แต่เขาก็ยังต้องปฏิบัติตามกฎ ถ้าไมได้ทำมันหัวหน้าจะมองคุณว่าคุณไม่ให้ความเคารพเขาเอาเสียเลย

‘อย่างงี้นี้เอง!’

‘ฉันทำผิดอีกแล้วหรอเนี่ย แย่ล่ะ’

‘ย้อนกลับ!’

……

หวด, หวด, หวด มันเป็นเสียงของการเขียนปากกาบนกระดาษ หัวหน้าโจวกำลังเขียนอะไรบางอย่าง

เวลากลับไปก่อนที่ฉางจี้จะเข้ามาในห้อง

ดงซูบินมองไปรอบ ๆ และตระหนักว่าเขาเอนหลังบนโซฟา หัวหน้าโจวยังไม่ได้สังเกตเห็นเขา เขานั่งตัวตรงในขณะที่ครึ่งล่างของเขาแตะขอบโซฟา เขาวางมือทั้งสองไว้บนตักมองตรง

2 วินาทีต่อมาหัวหน้าโจวมองดูและเห็นดงซูบินด้วยท่าทางที่จริงจัง หัวหน้าโจวพยักหน้าและส่งเอกสารให้กับเขา เขายิ้มและพูดว่า. “นายต้องส่งเอกสารนี้ให้กับแผนกความลับราชการ ฮ่าฮ่า นายไม่จำเป็นต้องจริงจังมากขนาดนั้นก็ได้”

ดงซูบินยิ้มเช่นกัน ‘อย่ากังวล? ไม่ต้องมาพูดเลย ถ้าฉันไม่ได้นั่งแบบแสร้งจริงจัง คุณจะยังมอบงานให้ฉันเร็วแบบนี้ไหม?’

ดงซูบินเดินออกไปพร้อมกับเอกสาร หลังของเขาเปียกโชกจากเหงื่อที่ไหลออกมา

‘เป็นทางการ……แต่ผิดขั้นตอนเดียว’

‘นี้คือกฎเกณฑ์เกี่ยวกับท่านั่งสิน่ะ’

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

POWER AND WEALTH (พลังและความมั่งคั่ง) 19

Now you are reading POWER AND WEALTH (พลังและความมั่งคั่ง) Chapter 19 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 19

ในวันพฤหัสบดี

ณ สำนักงานฝ่ายกิจการทั่วไป.

ในเช้าวันนี้หัวหน้าโจวเองได้กลับมาทำงานปกติได้แล้ว หัวหน้าโจวได้มองไปรอบๆเพื่อสังเกตทุกคนที่กำลังทำงานอยู่ ท่าที่ของแต่ละคนนั้นแตกต่างกันไป ตัวอย่างเช่น เกาแพนหว่ยไม่ได้ทำอะไรเลยในช่วงสองวันที่ผ่านมานั้น ซึ่งเขาเองดูเปลี่ยนไปเขาขยันทำงานอย่างหนักขึ้นมาทันทีในวันนี้ เกาแพนหว่ยไม่เพียงแต่ช่วยต้าหลินเหม่ทำงานเท่านั้น แต่ยังความสะอาดสำนักงานของเขา ทุกๆ 10-20 นาที อีกทั้งเขาจะไปที่ห้องทำงานของหัวหน้าโจวเพื่อชงชาให้กับหัวหน้าโจวตลอดเวลา ซึ่งฉางจ้วงเองเธอก็ถึงกับไม่ได้แต่งหน้าในสำนักงานเลยในวันนี้ เธอกับฉางจี้แสร้งทำเป็นทำงานหนัก แต่มีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่ยงคงเส้นคงวาเสมอคือ พี่หยางเขาไม่สนใจอะไรใดๆเลย เขายังก้มหน้าก้มตาอ่านหนังสือพิมพ์ที่โต๊ะทำงานของเขาต่อไป

“ ซูบิน.” จ้วงจือที่นั่งอยู่ตรงข้ามเขาถามว่า:“ มันต้องทำยังไงที่จะเปิดไฟล์เอกสารอ่าน เพียงแค่เปิดในโปรแกรมเวิร์ดเหรอ?”

ดงซูบินก็เดินไปดูที่หน้าจอของเขา เขากดปุ่มบางปุ่มบนแป้นตัวเลข “ ฉันคิดว่าต้องใส่รหัสเข้าเข้าไป รหัสคือ 5776”

แต่ไฟล์ยังคงไม่สามารถเปิดได้ ดูเหมือนว่ารหัสจะผิดพลาด

ต้าหลิงเหม่ยซึ่งนั่งอยู่ไม่ไกลหันมาหน้ามาเจอของพวกเขา และพูดยิ้มๆว่า:“ ไฟล์เอ็กเซลล์รหัส คือ 5776 ส่วนเวิร์ดรหัส คือ 3328 นายทั้งคู่ต้องจำรหัสให้ได้นะ ไม่เพียงแต่นายต้องใช้รหัสเหล่านี้เพื่อเปิดไฟล์เอกสารเท่านั้น แต่นายต้องตั้งค่าการเข้าถึงรหัสด้วยสำหรับไฟล์เอกสารทั้งหมดของนายด้วย ฮ่า ๆ ๆ ๆ แม้ว่าเราจะไม่สามารถเข้าถึงไฟล์เอกสารที่เป็นความลับได้ที่นี่ แต่เราก็ยังต้องปฏิบัติตามโปรโตคอลเหล่านี้ด้วย” เธอลดเสียงของเธอลง:“ พวกนายทั้งคู่ยังคงไม่เคยเห็นแผนกราชการลับสินะ พวกเขานั้นเข้มงวดกว่าเรามาก คอมพิวเตอร์ของพวกเขาจะไม่สามารถเข้าถึงอินเทอร์เน็ตภายนอกได้เลย”

หลังจากสองสามวันที่ผ่านมา ดงซูบิน จ้วงจื่อ และ ต้าหลินเหม่ยก็เริ่มสนิทกันมากขึ้น

ทั้งสามคนเพิ่งจบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยเมื่อไม่นานมานี้และอายุเท่าๆกัน เมื่อเทียบกับฉางจ้วง, ฉางจี้ และเกาแพนเหว่ยแล้วอายุของพวกเขาอยู่ในวัย 30 ทั้ง 3 คน พวกเขาทั้งสามมีหัวข้อสนทนาได้มากกว่าคุยกับคนที่วัยต่างกัน อีกทั้งพวกเขายังอยู่มาไม่นานเท่ากับสามคนนั้น จึงทำให้ความสนิทสนมค่อนข้างไกลกันมาก

ทันใดนั้นประตูสำนักงานของหัวหน้าโจวก็เปิดออก

เกาแพนเหว่ยหยิบปากกาขึ้นมาทันทีและเริ่มจดบันทึกบนสมุดบันทึกของเขา เขาทำให้ดูเหมือนว่าเขากำลังทำงานหนัก ฉางจ้วงเองซึ่งนั่งอยู่ใกล้ห้องของหัวหน้าโจวก็ปิดหน้าเว็บไซต์บาวบาวบนหน้าจอทันที และ ต้าหลิงเหม่ยเองก็ลดหน้าต่างคิวคิว ของเธอให้เหลือน้อยที่สุด จากที่นั่งของดงซูบินเขาจะเห็นฉางจี้ ปรับขนาดหน้าต่างฟอรัมเว็บไซต์ตู้ปลาเป็นจอเล็กที่สุด แม้แต่พี่หยางที่อ่านหนังสือพิมพ์ก็ยืนขึ้นแล้วเดินไปที่ตู้น้ำเพื่อกดน้ำมาดื่ม

ฉึก, ฉึก, ฉึก …… ตี๊ด …… ตี๊ด ……

เสียงเดียวในสำนักงานในตอนนี้ก็คือเสียงของเครื่องถ่ายเอกสาร

โจวฉางจูพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ เขาเดินไปรอบ ๆ ออฟฟิศและดูว่าพนักงานเขียนหรือพิมพ์อะไรอยู่ หลังจากนั้นไม่นานเขาก็ค่อยๆเดินกลับไปที่ห้องของเขาและปิดประตู ในนาทีต่อมา สิ่งต่างๆก็กลับมาเป็นปกติ พวกเขากลับไปอ่านหนังสือพิมพ์    ช้อปปิ้งในบาวบาวและคนอื่นก็กลับมาทำสิ่งๆต่างที่ทำอยู่ก่อนหน้านั้น

หลังจากนั้นครู่หนึ่งชายสองคนที่ดงซูบินไม่เคยพบมาก่อนก็มาที่สำนักงานกิจการทั่วไป ชายหนุ่มรออยู่ข้างนอกและชายชราอายุ 30 ปีเข้ามา เขาถือเอกสารที่อยู่ในซองจดหมายสีน้ำตาล ชายคนนั้นมองฉางจ้วงผู้ซึ่งอยู่ใกล้เขาที่สุด แล้วมองไปที่ห้องของหัวหน้าโจวฉางจู เขาพยักหน้าแล้วชายคนนั้นก็เดินไปเคาะประตู เขาเข้าไปในห้องและเมื่อเขาออกมากับชายหนุ่มซองที่เขาถือมาด้วยก็หายไป

5 ถึง 6 นาทีต่อมา

กริ่ง, กริ่ง,กริ่ง โทรศัพท์ข้างเครื่องพิมพ์ดังขึ้น

ต้าหลิงเหม่ย ยกหูโทรศัพท์:“ สวัสดีค่ะนี่คือสำนักงานกิจการทั่วไป……โอ้หัวหน้าโจว……ใช่……ใช่……” ใช่แล้ว” หลังจากวางหูเธอก็มองไปที่ดงซูบินแล้วพูดว่า:“ ซูบิน, หัวหน้าโจวกำลังเรียกหานาย เขาว่ามีเอกสารที่จะต้องส่งไปแผนกราชการลับ เขากล่าวว่าหลังจากได้รับเอกสารจากเขาแล้ว ฉางจี้จะเป็นที่ปรึกษาให้นายเองตอนนี้ นายยุ่งอยู่หรือเปล่า?” ตามกฎระเบียบเอกสารลับใดๆ ต้องมีคนสองนำเอกสารไปที่แผนกราชการลับ

ฉางจี้ตอบว่า:“ ไม่มีปัญหา ฉันจะพาเขาไปที่นั่นเอง”

“ อย่างงั้นเดียวฉันขอเขาไปรับเอกสารลับก่อนนะ” ดงซูบินเดินไปที่ห้องของหัวหน้าโจว นี่เป็นภารกิจแรกของเขาที่หัวหน้าของเขามอบให้ เขาต้องมันให้ดีที่สุด

ก๊อก!ก๊อก!. “เข้ามา.”

วิธีที่หัวหน้าโจวพูดนั้นดูน่าเชื่อถือและดูเขาจะเป็นหัวหน้านั้นดีมาก เขาสามารถเปิดประตูแล้วเรียกหาดงซูบินเพื่อส่งเอกสารให้เขาเลย แต่ถ้าเขาทำอย่างนั้น เขาจะไม่ดูเหมือนหัวหน้า นี่คือเหตุผลที่เขาโทรหาโทรศัพท์ที่ทำงานและเรียกหาดงซูบินเพื่อมาหาที่ห้องทำงานของเขา ซึ่งอยู่ห่างจากโต๊ะของซูบินเพียงไม่กี่เมตร แม้ว่าเขาจะเปล่งเสียงออกมาเล็กน้อย ดงซูบินก็ได้ยินเขาอยู่ดี

โจวฉางจูนั่งอยู่หน้าจอมอนิเตอร์และเขียนอะไรบางอย่าง “ นั่งรอสักครู่”

ดงซูบินแสดงท่าทางสุภาพและนั่งลงบนโซฟาหนังในสำนักงาน โซฟาหนังดูเก่าและบางส่วนก็ขาดออกมาแล้ว แต่มันนุ่มมาก มันสะดวกสบายกว่าโซฟาด้านนอกในสำนักงานใหญ่เสียอีก  ซึ่งดงซูบินเหนื่อยจากการทำงานของเขาและเขาก็เอนกายลงบนโซฟา เขาผ่อนคลายกล้ามเนื้อหลังของเขา

สบาย

โจวฉางจูเหลือบมองมาที่เขาและเขียนต่อไปโดยไม่พูดอะไรเลย

ดงซูบินมีไหวพริบที่ดีและจากที่ที่เขานั่งลง เขาสามารถมองเห็นสิ่งที่อยู่บนหน้าจอคอมของหัวหน้าโจวได้ ‘มันเป็นโปรแกรมการซื้อขายหุ้นของโกเด้นท์ซันใช่มั้ย? หัวหน้าโจวเล่นหุ้นด้วยหรอเนี่ย?’

นี้คือหุ้นเทรดรายวัน และ โจวฉางจูก็หยุดเขียน แต่เขาก็ยังไม่ได้ส่งเอกสารให้กับดงซูบิน

ดงซูบินรุ้สึกงงงวย เขาคิดว่าทำไมเขาถึงถูกเรียกตัวเมื่อเอกสารก็ยังไม่พร้อม

เขาเคยได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับผู้นำจงใจขอให้ใครสักคนเข้ามารอ ในขณะที่เขาทำอะไรบางอย่าง อาจเป็นเพราะผู้นำไม่ชอบคน ๆ นั้น แต่ ดงซูบินคิดเกี่ยวกับสิ่งที่เขาทำและไม่เข้าใจว่าเขาทำผิดอะไร เมื่อวานนี้เขาพูดกับหัวหน้าโจว อย่างไม่ถูกต้อง แต่เขากลับไปแก้ไขให้ถูกต้องแล้ว เช้านี้เขาก็ยังไม่ได้ทำอะไรผิด เหตุผลที่หัวหน้าโจวไม่ชอบเขาคืออะไร?

เมื่อเขากำลังคิดอยู่ฉางจี้เองก็เคาะประตูและเข้าไปในห้อง “ หัวหน้าโจวเรียกผมมาที่นี่เพื่อรวบรวมเอกสารใช้ไหมครับ”

โจวฉางจู ตอบว่า:“ นั่งรอสักครู่”

ฉางจี้พยักหน้าและเดินไปที่โซฟา เขาเห็นดงซูบินนั่งอยู่บนโซฟาด้วยท่าที่สะดวกสบาย ๆมันทำให้ริมฝีปากของเขากระตุก เขาคิดในใจ ‘เด็กใหม่นี้ยังไม่ได้เรียนรู้กฎสินะ?’ เขานั่งลงบนโซฟาโดยมีเพียงครึ่งเดียวของก้นของเขาแตะโซฟาและร่างกายของเขาตั้งตรง

ดงซูบินเห็นสิ่งนี้และตกตะลึง แย่ล่ะ! ต้าหลิงเหม่ยเคยพูดว่าฉางจี้นั้น มีใครบางคนสนับสนุนเขาในสำนักใหญ่ ทำไมเขายังคงนั้งด้วยท่าที่จริงจังอย่างงั้น? แต่ดงซูบินก็ไม่ได้โง่ เขาตระหนักถึงกฎที่ไม่ได้พูดทันที แม้ว่าฉางจี้จะไม่ได้กลัวหัวหน้าโจว แต่เขาก็ยังต้องปฏิบัติตามกฎ ถ้าไมได้ทำมันหัวหน้าจะมองคุณว่าคุณไม่ให้ความเคารพเขาเอาเสียเลย

‘อย่างงี้นี้เอง!’

‘ฉันทำผิดอีกแล้วหรอเนี่ย แย่ล่ะ’

‘ย้อนกลับ!’

……

หวด, หวด, หวด มันเป็นเสียงของการเขียนปากกาบนกระดาษ หัวหน้าโจวกำลังเขียนอะไรบางอย่าง

เวลากลับไปก่อนที่ฉางจี้จะเข้ามาในห้อง

ดงซูบินมองไปรอบ ๆ และตระหนักว่าเขาเอนหลังบนโซฟา หัวหน้าโจวยังไม่ได้สังเกตเห็นเขา เขานั่งตัวตรงในขณะที่ครึ่งล่างของเขาแตะขอบโซฟา เขาวางมือทั้งสองไว้บนตักมองตรง

2 วินาทีต่อมาหัวหน้าโจวมองดูและเห็นดงซูบินด้วยท่าทางที่จริงจัง หัวหน้าโจวพยักหน้าและส่งเอกสารให้กับเขา เขายิ้มและพูดว่า. “นายต้องส่งเอกสารนี้ให้กับแผนกความลับราชการ ฮ่าฮ่า นายไม่จำเป็นต้องจริงจังมากขนาดนั้นก็ได้”

ดงซูบินยิ้มเช่นกัน ‘อย่ากังวล? ไม่ต้องมาพูดเลย ถ้าฉันไม่ได้นั่งแบบแสร้งจริงจัง คุณจะยังมอบงานให้ฉันเร็วแบบนี้ไหม?’

ดงซูบินเดินออกไปพร้อมกับเอกสาร หลังของเขาเปียกโชกจากเหงื่อที่ไหลออกมา

‘เป็นทางการ……แต่ผิดขั้นตอนเดียว’

‘นี้คือกฎเกณฑ์เกี่ยวกับท่านั่งสิน่ะ’

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+