POWER AND WEALTH (พลังและความมั่งคั่ง) 35

Now you are reading POWER AND WEALTH (พลังและความมั่งคั่ง) Chapter 35 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

 

ในวันถัดมา.

ณ สำนักงานสาขาความมั่นคงแห่งรัฐตะวันตก

ดงซูบินสวมสูทที่เพิ่งซื้อมาเพื่อมาทำงานในวันนี้ เขาทักทายยามเฒ่าที่อยู่ในตู้ยาม ก่อนที่จะเดินเข้าไปในที่ทำงานของเขา

ตอนนี้มีเพียง ต้าหลินเหม่ย และ จ้วงจื่อ เท่านั้นที่มาถึงที่ทำงานก่อน เมื่อต้าหลิงเหม่ยเธอเห็นดงซูบินในลุคใหม่เธอเองก็อ้าปากค้างด้วยความประหลาดใจ “ ซูบิน! วันนี้นายดูเป็นผู้ใหญ่มาก แถมยังดูหล่อมากอีกด้วย.”

ดงซูบินเองก็ตอบกลับไปว่า:“ฉันไม่ได้มีเสื้อผ้าดีๆอย่างเธอเลย เธอเองก็แต่ตัวสวยๆมาทำงานทุกวันอยู่แล้วนิ”

ต้าหลินเหม่ยหัวเราะอย่างมีความสุข “ นายนี้เก่งเรื่องการชมคนอื่นจริงๆ ” ตอนนี้ยังไม่มีใครมาถึงสำนักงานเลย และ ต้าหลินเหมย์ก็หันไปตบหน้าท้องของจ้วงซื่ออย่างสนุกสนาน “ เฮ้! นายควรเรียนรู้จากซูบินบ้างนะ ดูเขาสิ เขาเพิ่งมาทำงานได้ไม่กี่เดือนเอง แต่เขากับได้รับความไว้วางใจจากหัวหน้าโจวแล้ว หากเป็นอย่างนี้ต่อไปซูบินอาจจะเข้าตาหัวโจวและหัวหน้าโจวอาจเลื่อนตำแหน่งให้เขาก็เป็นได้นะ นายต้องฝึกไว้นะจ้วงจื้อ ถ้านายพูดไม่เก่งจะสร้างความประทับใจให้กับหัวหน้าได้อย่างไง”

จ้วงจื่อเกาศีรษะของ:“ ก็ฉัน……ฉันพูดไม่เก่งนี้น๊า”

ดงซูบินมองไปที่ต้าหลินเหม่ย “ หลินเหม่ย เอ้ ทำไมเธอถึงห่วงจ้วงจื่อขนาดนั้นกันล่ะ?”

ต้าหลินเหม่ยรู้สึกเขินอายจากคำถามของดงซูบินในทันที “ ฉันห่วงใครที่ไหนกัน! ฮึ่ม! วันนี้เป็นเวรของฉันที่จะต้องทำความสะอาดสำนักงาน”

จ้วงจื่อลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว “ฉันจะช่วยเธอเอง.”

“ มันก็ต้องเป็นแบบนั้นอยู่แล้ว” ต้าหลินเหม่ยส่งผ้าขี้ริ้วให้เขา

ดงซูบินเป็นคนพูดเก่งอย่างงั้นรึ? การพูดของเขาสามารถมัดใจหัวหน้าได้ยังงั้นจริงหรอ? สิ่งเหล่านี้จะเป็นไปไม่ได้ถ้ามันเป็นดงซูบินในอดีต เขาเป็นคนเงียบๆตั้งแต่มัธยมต้นจนถึงมหาวิทยาลัย เขาพูดไม่เก่งและเข้ากับคนอื่นไม่ค่อยได้ แต่หลังจากที่เขาตั้งเป้าหมายเขารู้สึกว่าเขาเปลี่ยนไปมาก เขาบังคับตัวเองให้พูดในสิ่งที่จะทำให้คนอื่นพอใจ เขาทำเพื่อการเลื่อนตำแหน่งของเขา

เขาจะต้องอ่อนน้อมถ่อมตนและถ่อมตัวก่อนที่เขาจะได้รับการเลื่อนตำแหน่ง

10 นาทีต่อมาพนักงานทุกคนมาถึงที่ทำงานอย่างพร้อมเพียงกัน

ตอนนี้ดงซูบินรู้สึกว่าโทรศัพท์ของเขาสั่น เขาหยิบไอโฟน4 ออกมาเพื่อดูข้อความแจ้งเตือน มันคือข้อความจากฉูหยวน ทำให้ดงซูบินรู้สึกสับสนขึ้นมาทันที “ เจ้านายของฉันเพิ่งบอกว่า ฉันต้องทำงานล่วงเวลาวันนี้ ฉันอาจไม่กลับห้องตอน 20.00 น. นายหาข้าวเย็นกินเองเลยนะ” ดงซูบินก็ตอบกลับไปว่า “ตกลง. ระวังตัวด้วยนะตอนกลับมา” หลังจากที่เขาส่งข้อความ เขาก็กำลังจะเก็บโทรศัพท์ของเขากลับเข้าไปในกระเป๋า เมื่อมีร่างสีดำปรากฏขึ้นข้างตัวเขาและคว้าโทรศัพท์ของเขาออกไป

นั้นคือต้าหลินเหม่ย เธอคว้าโทรศัพท์ของเขาไป

“ ว้าว!” ต้าหลินเหม่ยตะโกนออกมาด้วยความประหลาดใจ “ นี้คือ ไอโฟน 4. ซูบิน! นายซื้อ ไอโฟน 4 หรอเนี่ย”

ฉางจี้ผู้ที่กำลังนั้งจ้องคอมพอวเตอร์อยู่ได้ยินบทสนทนานั้น แต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา

เกาแพนเหว่ยเขาเป็นพวกล้าสมัย เขาจึงถามออกไปว่า:“ ไอโฟน 4 คืออะไร”

ฉางจ้วงจึงอธิบายว่า:“ มันเป็นมือถือรุ่นหนึ่งและมันกำลังฮิตสุดๆเลยในช่วงนี้ ฉันได้ยินมาว่ามันมีราคา 5,000 ถึง 6,000 หยวน นี้ยังไม่รวมพวกอุปกรณ์เสริมเลยนะ, น้องซูบินของพี่ซื้อมาจริงๆหรอเนี่ย”

เกาแพนเหว่ยเองเขาก็อุทานออกมาดังๆเมื่อได้ยินถึงราคาของมัน:“ เท่าไหร่นะ? โทรศัพท์มือถือ 6,000 หยวน?” เงินเดือนข้าราชการไม่มากขนาดนั้นเมื่อเทียบกับ บริษัท เอกชน เขารู้สึกว่า 5,000 ถึง 6,000 หยวนมันแพงมากจนสามารถซื้อคอมได้เครื่องหนึ่งได้เลย

ต้าหลินเหม่ยมองมือถือของดงซูบินด้วยความอิจฉา “ มือถือนี้สวยมาก ฉันต้องเก็บเงินถึงเมื่อไรถึงจะได้มันเนี่ย? ตอนนี้เงินเดือนของฉันแทบจะไม่เหลือแล้วฉันคงต้องรอเดือนหน้าเท่านั้น” เธอพูดและมองดูมือถือก่อนที่จะวิงวอนดงซูบิน“ เราเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันใช่ไหมซูบิน เรามาลองเปลี่ยนมือถือกันใช้สักสองสามวันจะดีไหม? ฉันอยากลองเอาไปเล่นสักสองสามวัน……”

ดงซูบิน ยักไหล่ของเขา “ ฉันไม่มีปัญหานะ แต่ซิมการ์ดของเธออาจจะใส่ในมือถือ ไอโฟน 4 ไม่ได้”

ต้าหลินเหม่ยตบหน้าผากของเธอ “อา…. ฉันลืมเรื่องนั้นไปเลย ยังงั้นเอามือถือของนายกลับไปเลย” เธอคืนมือถือกลับไปที่ดงซูบินด้วยความเสียดาย ต้าหลินเหม่ยเองเป็นคนที่ทันสมัยอยู่ตลอดเวลา เธอเปลี่ยนสายตาไปที่โต๊ะทำงานของดงซูบิน ในขณะที่ดงซูบินกำลังทำงานอยู่และยืมโทรศัพท์ของเขาไปเล่นเมื่อเธอว่าง

มีการประชุมในตอนเช้าที่ห้องประชุมเล็กๆชั้นบน หัวหน้าหลี่ชิงไม่ได้อยู่แถวนั้นด้วยและเป็นหัวหน้าโจวที่ทำหน้าที่เป็นประธานในการประชุมครั้งนี้ การประชุมในภาครัฐนั้นเหมือนกันทั้งหมด ไม่จำเป็นที่หัวหน้าแผนกจะต้องมาสนใจเกี่ยวกับพฤติกรรมการทำงานของลูกน้องในแผนก แต่นี้มันคือการหารือเรื่องเอกสารซึ่งไม่เกี่ยวกับการเลื่อนตำแหน่งใดๆ มันทำให้ดงซูบินรู้สึกว่ามันฟังดูไร้สาระแต่เขาก็ต้องบังคับตัวเองให้ฟังอยู่ตลอดนี้มันเหมือน “การสวดมนต์” ของโจวฉางจู ซึ่งในขณะนั้นดงซูบินจึงใช้เวลาตรงนั้นในการหาวิธีในการที่จะเลื่อนตำแหน่งขึ้นไป

10 นาที……

20 นาที……ผ่านไป

ดงซูบินรู้สึกเริ่มง่วงและควบคุมตัวเองไม่ให้หาวออกมา

ผู้คนจากสำนักงานกิจการทั่วไปเคยชินกับเรื่องนี้ นอกจากนั้นพี่หยางกำลังทำสิ่งที่เขาอยากจะทำ และคนที่เหลือก็พยายามอย่างดีที่สุดที่จะตั้งใจฟัง

“ นั่นคือทั้งหมดในวันนี้” โจวฉางจูดื่มชาของเขาเพื่อล้างคอที่แห้งจากการพูดคุยเป็นเวลานาน “ นายสองคนจะติดตามฉันมา ส่วนที่เหลือกลับไปที่สำนักงาน เช้านี้มีงานเยอะมาก ตั้งใจทำงานด้วยล่ะ” หลังจากนั้นโจวฉางจูมองไปรอบ ๆ ห้องประชุมโดยคิดว่าจะเลือกใครเพื่อตามเขาไปทำธุระของเขา

ดงซูบิน และ เกาแพนเหว่ยพองหน้าอกออกและยืดหลังให้ตรง

จากนั้นโจวฉางจูกล่าว “ แพนเหว่ย, ฉางจี้ นายทั้งคู่ตามฉันมา”

“ ได้ครับ” เกาแพนเหว่ย ตอบทันทีและมองไปที่ดงซูบินอย่างภาคภูมิใจ ราวกับว่าเขากำลังบอกดงซูบินว่า ‘นายเห็นไมล่ะ? แม้ว่านายจะมีเครดิตอยู่บ้างก็ตาม แต่หัวหน้าโจวยังคงเชื่อใจฉันมากกว่านาย’ เกาแพนหว่ยแสดงท่าทีที่รู้สึกผิดหวังกับ ดงซูบิน รู้สึกดีขึ้นทันที

ฉางจี้ไม่คาดหวังว่าโจวฉางจูจะเรียกชื่อเขาว่า เขาเหมือนเห็นแสงสว่างขึ้นมาทันที่ นั่นหมายความว่าหัวหน้าของเขาลืมเรื่องเหตุการณ์ในวันนั้นไปแล้ว นอกจากนี้เขายังมองไปที่ดงซูบินที่พยายามใกล้ชิดกับหัวหน้าโจว เมื่อไม่นานมานี้ เขามีความยินดีที่ได้เห็นหัวหน้าโจวไม่ได้เลือกดงซูบินไปกับเขา เพราะดงซูบินนั้นยังเป็นมือใหม่อยู่ในเรื่องนี้

“ ใช่แล้ว” เมื่อทุกคนกำลังเดินออกจากห้องประชุมโจวฉางจูก็พูดว่า:“ จะมีเอกสารสำคัญสองเรื่องซึ่งจะถูกส่งมาจากหัวหน้าหลี่ชิงที่ นายสองคนต้องไปรวบรวมและส่งกลับไปยังแผน ห้ามมีอะไรผิดพลาด…. อืม!!… ..”

ดงซูบิน ลดหน้าอกลงและแสดงสีหน้าออกมา “ถูกทิ้งแล้วสินะ” อยู่บนใบหน้าของเขา

หลังจากลังเลอยู่พักหนึ่งโจวฉางจูก็มองดูดงซูบินสักครู่แล้วพูดว่า:“ น้องจ้วง และ น้องต้าหลิน น้องทั้งคู่ทำสิ่งนี้ล่ะเนาะ ฝ่ายที่เป็นความลับอาจจะมีการประชุมตอนเช้านี้ ถ้ารวบรวมเอกสารไม่เสร็จ อย่าพึงนำเอกสารกลับมาที่สำนักงาน ให้ส่งคืนกับหัวหน้าหลี่ชิง และตรวจว่าไม่มีเอกสารซ้ำและห้ามให้เกิดปัญหาใดๆกับเอกสารเหล่านี้ นั้นเป็นงานของน้องทั้งสอง”

“ มั่นใจได้เลยค่ะหัวหน้าโจว” ต้าหลิงเหม่ย และ ฉ้างจ้วง พยักหน้า

เกาแพนเหว่ย และ ฉางจี้ มองไปที่ดงซูบินและเขาก็หัวเราะอย่างสะใจ แต่ไม่ได้แสดงออกมาให้ดงซูบินเห็น

ตอนนี้ดงซูบินรู้สึกว่าเขาไร้ประโยชน์ ในที่สุดเขาก็ยังเป็นเด็กใหม่ในสำนักงาน โจวฉางจูเองก็เพิ่งจะเริ่มเชื่อใจเขา แต่เมื่อเทียบกับคนอื่น ๆ เขายังคงไว้วางใจคนที่อยู่มาก่อนส่ะมากกว่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งฉางจี้ ซึ่งเป็นมือขวาของโจวฉางจู

‘เฮ้อ!! …… ยังมีเส้นทางอีกไกลสินะ….’

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

POWER AND WEALTH (พลังและความมั่งคั่ง) 35

Now you are reading POWER AND WEALTH (พลังและความมั่งคั่ง) Chapter 35 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

 

ในวันถัดมา.

ณ สำนักงานสาขาความมั่นคงแห่งรัฐตะวันตก

ดงซูบินสวมสูทที่เพิ่งซื้อมาเพื่อมาทำงานในวันนี้ เขาทักทายยามเฒ่าที่อยู่ในตู้ยาม ก่อนที่จะเดินเข้าไปในที่ทำงานของเขา

ตอนนี้มีเพียง ต้าหลินเหม่ย และ จ้วงจื่อ เท่านั้นที่มาถึงที่ทำงานก่อน เมื่อต้าหลิงเหม่ยเธอเห็นดงซูบินในลุคใหม่เธอเองก็อ้าปากค้างด้วยความประหลาดใจ “ ซูบิน! วันนี้นายดูเป็นผู้ใหญ่มาก แถมยังดูหล่อมากอีกด้วย.”

ดงซูบินเองก็ตอบกลับไปว่า:“ฉันไม่ได้มีเสื้อผ้าดีๆอย่างเธอเลย เธอเองก็แต่ตัวสวยๆมาทำงานทุกวันอยู่แล้วนิ”

ต้าหลินเหม่ยหัวเราะอย่างมีความสุข “ นายนี้เก่งเรื่องการชมคนอื่นจริงๆ ” ตอนนี้ยังไม่มีใครมาถึงสำนักงานเลย และ ต้าหลินเหมย์ก็หันไปตบหน้าท้องของจ้วงซื่ออย่างสนุกสนาน “ เฮ้! นายควรเรียนรู้จากซูบินบ้างนะ ดูเขาสิ เขาเพิ่งมาทำงานได้ไม่กี่เดือนเอง แต่เขากับได้รับความไว้วางใจจากหัวหน้าโจวแล้ว หากเป็นอย่างนี้ต่อไปซูบินอาจจะเข้าตาหัวโจวและหัวหน้าโจวอาจเลื่อนตำแหน่งให้เขาก็เป็นได้นะ นายต้องฝึกไว้นะจ้วงจื้อ ถ้านายพูดไม่เก่งจะสร้างความประทับใจให้กับหัวหน้าได้อย่างไง”

จ้วงจื่อเกาศีรษะของ:“ ก็ฉัน……ฉันพูดไม่เก่งนี้น๊า”

ดงซูบินมองไปที่ต้าหลินเหม่ย “ หลินเหม่ย เอ้ ทำไมเธอถึงห่วงจ้วงจื่อขนาดนั้นกันล่ะ?”

ต้าหลินเหม่ยรู้สึกเขินอายจากคำถามของดงซูบินในทันที “ ฉันห่วงใครที่ไหนกัน! ฮึ่ม! วันนี้เป็นเวรของฉันที่จะต้องทำความสะอาดสำนักงาน”

จ้วงจื่อลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว “ฉันจะช่วยเธอเอง.”

“ มันก็ต้องเป็นแบบนั้นอยู่แล้ว” ต้าหลินเหม่ยส่งผ้าขี้ริ้วให้เขา

ดงซูบินเป็นคนพูดเก่งอย่างงั้นรึ? การพูดของเขาสามารถมัดใจหัวหน้าได้ยังงั้นจริงหรอ? สิ่งเหล่านี้จะเป็นไปไม่ได้ถ้ามันเป็นดงซูบินในอดีต เขาเป็นคนเงียบๆตั้งแต่มัธยมต้นจนถึงมหาวิทยาลัย เขาพูดไม่เก่งและเข้ากับคนอื่นไม่ค่อยได้ แต่หลังจากที่เขาตั้งเป้าหมายเขารู้สึกว่าเขาเปลี่ยนไปมาก เขาบังคับตัวเองให้พูดในสิ่งที่จะทำให้คนอื่นพอใจ เขาทำเพื่อการเลื่อนตำแหน่งของเขา

เขาจะต้องอ่อนน้อมถ่อมตนและถ่อมตัวก่อนที่เขาจะได้รับการเลื่อนตำแหน่ง

10 นาทีต่อมาพนักงานทุกคนมาถึงที่ทำงานอย่างพร้อมเพียงกัน

ตอนนี้ดงซูบินรู้สึกว่าโทรศัพท์ของเขาสั่น เขาหยิบไอโฟน4 ออกมาเพื่อดูข้อความแจ้งเตือน มันคือข้อความจากฉูหยวน ทำให้ดงซูบินรู้สึกสับสนขึ้นมาทันที “ เจ้านายของฉันเพิ่งบอกว่า ฉันต้องทำงานล่วงเวลาวันนี้ ฉันอาจไม่กลับห้องตอน 20.00 น. นายหาข้าวเย็นกินเองเลยนะ” ดงซูบินก็ตอบกลับไปว่า “ตกลง. ระวังตัวด้วยนะตอนกลับมา” หลังจากที่เขาส่งข้อความ เขาก็กำลังจะเก็บโทรศัพท์ของเขากลับเข้าไปในกระเป๋า เมื่อมีร่างสีดำปรากฏขึ้นข้างตัวเขาและคว้าโทรศัพท์ของเขาออกไป

นั้นคือต้าหลินเหม่ย เธอคว้าโทรศัพท์ของเขาไป

“ ว้าว!” ต้าหลินเหม่ยตะโกนออกมาด้วยความประหลาดใจ “ นี้คือ ไอโฟน 4. ซูบิน! นายซื้อ ไอโฟน 4 หรอเนี่ย”

ฉางจี้ผู้ที่กำลังนั้งจ้องคอมพอวเตอร์อยู่ได้ยินบทสนทนานั้น แต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา

เกาแพนเหว่ยเขาเป็นพวกล้าสมัย เขาจึงถามออกไปว่า:“ ไอโฟน 4 คืออะไร”

ฉางจ้วงจึงอธิบายว่า:“ มันเป็นมือถือรุ่นหนึ่งและมันกำลังฮิตสุดๆเลยในช่วงนี้ ฉันได้ยินมาว่ามันมีราคา 5,000 ถึง 6,000 หยวน นี้ยังไม่รวมพวกอุปกรณ์เสริมเลยนะ, น้องซูบินของพี่ซื้อมาจริงๆหรอเนี่ย”

เกาแพนเหว่ยเองเขาก็อุทานออกมาดังๆเมื่อได้ยินถึงราคาของมัน:“ เท่าไหร่นะ? โทรศัพท์มือถือ 6,000 หยวน?” เงินเดือนข้าราชการไม่มากขนาดนั้นเมื่อเทียบกับ บริษัท เอกชน เขารู้สึกว่า 5,000 ถึง 6,000 หยวนมันแพงมากจนสามารถซื้อคอมได้เครื่องหนึ่งได้เลย

ต้าหลินเหม่ยมองมือถือของดงซูบินด้วยความอิจฉา “ มือถือนี้สวยมาก ฉันต้องเก็บเงินถึงเมื่อไรถึงจะได้มันเนี่ย? ตอนนี้เงินเดือนของฉันแทบจะไม่เหลือแล้วฉันคงต้องรอเดือนหน้าเท่านั้น” เธอพูดและมองดูมือถือก่อนที่จะวิงวอนดงซูบิน“ เราเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันใช่ไหมซูบิน เรามาลองเปลี่ยนมือถือกันใช้สักสองสามวันจะดีไหม? ฉันอยากลองเอาไปเล่นสักสองสามวัน……”

ดงซูบิน ยักไหล่ของเขา “ ฉันไม่มีปัญหานะ แต่ซิมการ์ดของเธออาจจะใส่ในมือถือ ไอโฟน 4 ไม่ได้”

ต้าหลินเหม่ยตบหน้าผากของเธอ “อา…. ฉันลืมเรื่องนั้นไปเลย ยังงั้นเอามือถือของนายกลับไปเลย” เธอคืนมือถือกลับไปที่ดงซูบินด้วยความเสียดาย ต้าหลินเหม่ยเองเป็นคนที่ทันสมัยอยู่ตลอดเวลา เธอเปลี่ยนสายตาไปที่โต๊ะทำงานของดงซูบิน ในขณะที่ดงซูบินกำลังทำงานอยู่และยืมโทรศัพท์ของเขาไปเล่นเมื่อเธอว่าง

มีการประชุมในตอนเช้าที่ห้องประชุมเล็กๆชั้นบน หัวหน้าหลี่ชิงไม่ได้อยู่แถวนั้นด้วยและเป็นหัวหน้าโจวที่ทำหน้าที่เป็นประธานในการประชุมครั้งนี้ การประชุมในภาครัฐนั้นเหมือนกันทั้งหมด ไม่จำเป็นที่หัวหน้าแผนกจะต้องมาสนใจเกี่ยวกับพฤติกรรมการทำงานของลูกน้องในแผนก แต่นี้มันคือการหารือเรื่องเอกสารซึ่งไม่เกี่ยวกับการเลื่อนตำแหน่งใดๆ มันทำให้ดงซูบินรู้สึกว่ามันฟังดูไร้สาระแต่เขาก็ต้องบังคับตัวเองให้ฟังอยู่ตลอดนี้มันเหมือน “การสวดมนต์” ของโจวฉางจู ซึ่งในขณะนั้นดงซูบินจึงใช้เวลาตรงนั้นในการหาวิธีในการที่จะเลื่อนตำแหน่งขึ้นไป

10 นาที……

20 นาที……ผ่านไป

ดงซูบินรู้สึกเริ่มง่วงและควบคุมตัวเองไม่ให้หาวออกมา

ผู้คนจากสำนักงานกิจการทั่วไปเคยชินกับเรื่องนี้ นอกจากนั้นพี่หยางกำลังทำสิ่งที่เขาอยากจะทำ และคนที่เหลือก็พยายามอย่างดีที่สุดที่จะตั้งใจฟัง

“ นั่นคือทั้งหมดในวันนี้” โจวฉางจูดื่มชาของเขาเพื่อล้างคอที่แห้งจากการพูดคุยเป็นเวลานาน “ นายสองคนจะติดตามฉันมา ส่วนที่เหลือกลับไปที่สำนักงาน เช้านี้มีงานเยอะมาก ตั้งใจทำงานด้วยล่ะ” หลังจากนั้นโจวฉางจูมองไปรอบ ๆ ห้องประชุมโดยคิดว่าจะเลือกใครเพื่อตามเขาไปทำธุระของเขา

ดงซูบิน และ เกาแพนเหว่ยพองหน้าอกออกและยืดหลังให้ตรง

จากนั้นโจวฉางจูกล่าว “ แพนเหว่ย, ฉางจี้ นายทั้งคู่ตามฉันมา”

“ ได้ครับ” เกาแพนเหว่ย ตอบทันทีและมองไปที่ดงซูบินอย่างภาคภูมิใจ ราวกับว่าเขากำลังบอกดงซูบินว่า ‘นายเห็นไมล่ะ? แม้ว่านายจะมีเครดิตอยู่บ้างก็ตาม แต่หัวหน้าโจวยังคงเชื่อใจฉันมากกว่านาย’ เกาแพนหว่ยแสดงท่าทีที่รู้สึกผิดหวังกับ ดงซูบิน รู้สึกดีขึ้นทันที

ฉางจี้ไม่คาดหวังว่าโจวฉางจูจะเรียกชื่อเขาว่า เขาเหมือนเห็นแสงสว่างขึ้นมาทันที่ นั่นหมายความว่าหัวหน้าของเขาลืมเรื่องเหตุการณ์ในวันนั้นไปแล้ว นอกจากนี้เขายังมองไปที่ดงซูบินที่พยายามใกล้ชิดกับหัวหน้าโจว เมื่อไม่นานมานี้ เขามีความยินดีที่ได้เห็นหัวหน้าโจวไม่ได้เลือกดงซูบินไปกับเขา เพราะดงซูบินนั้นยังเป็นมือใหม่อยู่ในเรื่องนี้

“ ใช่แล้ว” เมื่อทุกคนกำลังเดินออกจากห้องประชุมโจวฉางจูก็พูดว่า:“ จะมีเอกสารสำคัญสองเรื่องซึ่งจะถูกส่งมาจากหัวหน้าหลี่ชิงที่ นายสองคนต้องไปรวบรวมและส่งกลับไปยังแผน ห้ามมีอะไรผิดพลาด…. อืม!!… ..”

ดงซูบิน ลดหน้าอกลงและแสดงสีหน้าออกมา “ถูกทิ้งแล้วสินะ” อยู่บนใบหน้าของเขา

หลังจากลังเลอยู่พักหนึ่งโจวฉางจูก็มองดูดงซูบินสักครู่แล้วพูดว่า:“ น้องจ้วง และ น้องต้าหลิน น้องทั้งคู่ทำสิ่งนี้ล่ะเนาะ ฝ่ายที่เป็นความลับอาจจะมีการประชุมตอนเช้านี้ ถ้ารวบรวมเอกสารไม่เสร็จ อย่าพึงนำเอกสารกลับมาที่สำนักงาน ให้ส่งคืนกับหัวหน้าหลี่ชิง และตรวจว่าไม่มีเอกสารซ้ำและห้ามให้เกิดปัญหาใดๆกับเอกสารเหล่านี้ นั้นเป็นงานของน้องทั้งสอง”

“ มั่นใจได้เลยค่ะหัวหน้าโจว” ต้าหลิงเหม่ย และ ฉ้างจ้วง พยักหน้า

เกาแพนเหว่ย และ ฉางจี้ มองไปที่ดงซูบินและเขาก็หัวเราะอย่างสะใจ แต่ไม่ได้แสดงออกมาให้ดงซูบินเห็น

ตอนนี้ดงซูบินรู้สึกว่าเขาไร้ประโยชน์ ในที่สุดเขาก็ยังเป็นเด็กใหม่ในสำนักงาน โจวฉางจูเองก็เพิ่งจะเริ่มเชื่อใจเขา แต่เมื่อเทียบกับคนอื่น ๆ เขายังคงไว้วางใจคนที่อยู่มาก่อนส่ะมากกว่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งฉางจี้ ซึ่งเป็นมือขวาของโจวฉางจู

‘เฮ้อ!! …… ยังมีเส้นทางอีกไกลสินะ….’

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+