POWER AND WEALTH (พลังและความมั่งคั่ง) 136

Now you are reading POWER AND WEALTH (พลังและความมั่งคั่ง) Chapter 136 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 136 กลับสาขา วีรกรรมของหัวหน้าซูบิน

ผู้แปล loop

ณ ทางเข้าร้านอาหารคังเดอ

เนื่องจากทางสำนักความมั่นคงของรัฐนั้นมีระเบียบไม่ให้มีการดื่มสังสรรค์กันจึงเป็นเหตุผลที่ทำให้การรับประทานอาหารจบลงค่อนข้างเร็ว

ดงซูบินนั้นเปิดประตูรถยนต์ให้หัวหน้าเจียง และหลานชายของเขา หัวหน้าเจียงยิ้มและให้กำลังใจดงซูบินด้สนคำพูดบางคำให้ในการให้กำลังใจก่อนออกเดินทางดงซูบิน, เซงอังเกา, เสี่ยวหยาน และที่เหลือยืนอยู่ตรงนั้นมองดูหัวหน้าเจียงจากไป ดงซูบิน ต้องการที่จะขอภาพเขียนตัวอักษรของหัวหน้าเจียง แต่ดงซูบินก็รู้ดีว่าภายในองค์กรเดียวกันผู้บริหารระดับสูงไม่สามารถให้ของสำคัญเช่นนี้กับใครก็ได้ ถ้าครั้งนี้หัวหน้าเจียงให้รูปการประดิษฐอักษรให้กับดงซูบินจริงๆ มันจะกลายเป็นเครื่องรางกันภัยให้กับดงซูบินอย่างแน่นอน แต่จากที่สังเกตดูหัวหน้าเจียงอาจยังไม่ได้ชอบดงซูบินขนาดนั้น

หลังจากหัวหน้าเจียงออกไปดงซูบินเริ่มอธิบายกับหัวหน้าของเขา

เขาหันไปหาหัวหน้าของเขาทั้งหมดและพูดว่า: “หัวหน้าเซงหัวหน้าหัวหน้าเสี่ยวและหัวหน้าทุกท่าน ผมขอโทษสำหรับการกระทำที่ได้ทำลงไป ถ้าหัวหน้าเห็นควรว่าไม่ได้ช่วยลงโทษผมตามสมควรด้วยครับ”

เซงอังเกามองไปที่ดงซูบิน:“ ทำไมพวกเราต้องลงโทษคุณ”

ดงซูบินตอบ:“ ผมได้พูดคุยกับหัวหน้าเจียง และเกือบทำให้เขาโมโหขึ้นมาอีกครั้งครับ”

เซงอังเกาหัวเราะและชี้ไปที่เขา:“ คุณไม่ต้องมาขอโทษพวกเรา ฮ่าฮ่าฮ่าฉันคิดว่าคุณควรจะขอรางวัลเสียมากกว่า” นี่เป็นครั้งแรกที่เซงอังเกาเห็นด้วยตาของเขาเองในการสร้างปาฏิหาริย์ของดงซูบิน มันมหัศจรรย์มากกว่าที่เสี่ยวหยานพรรณาออกมาเสียอีก เซงอังเกาสงสัยว่าทำไมมีคนที่มีความสามารถอยู่ในสำนักงานเล็กๆเช่นนั้น

เสี่ยวหยานรีบเดินเข้าไปหาดงซูบิน:“ นายทำให้พวกเราทุกคนตกใจตอนที่นายชื่นชมถึงภาพตัวอักษรนั้น” แม้ว่าเสี่ยวหยานกำลังวิจารณ์ดงซูบินแต่เธอก็ดีใจมากอยู่ภายในใจของเธอเพราะดงซูบินเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของเธอและเป็นคนที่เธอให้ความสำคัญมาก เขาช่วยทั้งสาขาตัดสินปัญหาที่ยากลำบากและเธอรู้สึกภาคภูมิใจ “ อืมนายรู้ได้อย่างไรว่าการเขียนตัวอักษรเขียนโดยหัวหน้าเจียง”

“ ผมเดาครับ” ดงซูบินยังคงทำเป็นไม่รู้เรื่อง“ มันมีอะไรผิดปกติ บนใบหน้าของหัวหน้าเจียง “ จริง ๆ แล้วเมื่อหัวหน้าเจียงขอให้เอาภาพการประดิษฐ์ตัวอักษรนั้นออกไป ผมก็มีความรู้สึกว่ามันอาจถูกเขียนโดยหัวหน้าเซง แต่หัวหน้าเซงกำลังนั่งอยู่ตรงหน้าเราและผมไม่มีโอกาสที่จะบอกกับใครได้ เพียงพริบตาเดียวที่ผมก็รู้ได้ว่า ….ผมจึงให้สัญญาณกับทุกคนไป สิ่งที่ผมทำนั้นไม่ได้รับอนุญาตและผม…เออผิดไปแล้ว… .. ผมขอประทานอภัยด้วย”

หยานเหล่ยได้ยินสิ่งดงซูบินพูดมันทำให้เขาโมโหมาก ‘แล้วทำไมนายไม่ให้สัญญาณกับฉัน’

เซงอังเกาหัวเราะและโบกมือ:“ คุณพูดถูก คุณไม่มีโอกาสอธิบายในสถานการณ์ดังกล่าว”

หากดงซูบินไม่ได้แอบกระพริบตาพวกเขาเซงอังเกาและผู้นำคนอื่น ๆ จะไม่รู้สึกสบายใจ ‘โอ้คุณรู้มากก่อนรึเปล่าว่าการเขียนตัวอักษรถูกเขียนขึ้นโดยหัวหน้าเจียง และพยายามเก็บความลับพวกนี้ไว้จากเรา’ แต่ด้วยเวลาน้อยนิดขนาดนั้นสิ่งต่าง ๆที่ดงซูบินบอกใบ้ให้พวกเขาและไม่มีโอกาสอธิบาย มันเป็นความผิดของพวกเขาที่พวกเขาไม่ได้ตระหนักถึงมัน ‘สุดยอด. ใครจะคิดว่าการเขียนภาพตัวอักษานั้นจะเขียนโดยหัวหน้าเจียง? ไม่มีเบาะแสอะไรเลย’

หัวหน้าซูบินคนนี้ช่างเป็นพิเศษ

หลังจากแก้ไขปัญหานี้แล้วหัวหน้าเซงก็อารมณ์ดีเช่นกัน “ กลับไปที่สาขากันเถอะ”

เสี่ยวหยาน ตบหลังของดงซูบิน “ทำได้ดีมาก.”

หลังจากที่หัวหน้าทั้งหมดขึ้นรถของพวกเขารองผู้อำนวยการจากสำนักที่หกก็ขึ้นไปหาที่รถดงซูบินและจับมือเขา “ หัวหน้าซูบินโปรดยกโทษให้ผม ในตอนแรกผมยังคิดว่าคุณเป็น……นั่นคือสาเหตุที่ผมด่าคุณไปเช่นนั้น โปรดอย่ารังเกียจผมเลย เฮ้อ……หากในอนาคตมีปัญหาใดๆแจ้งให้ผมทราบผมยินดีช่วยคุณอย่างสุดความสามารถ ” เนื่องผู้อำนวยการจากสำนักงานที่หกนั่งด้วยกันกับหัวหน้าเซง และ เสี่ยวหยานที่โต๊ะและเห็นดงซูบิน ส่งสัญญาณให้พวกเขา แต่เขาไม่รู้ความหมายของดงซูบินเขาจึงได้ด่าดงซูบินไป

หยานเหล่ยเริ่มรู้สึกหงุดหงิด เขาเขินอายก่อนหน้านี้เมื่อเขาดุดงซูบินไปว่าเขาไม่รู้อะไรเกี่ยวกับการประดิษฐ์ตัวอักษร แต่ในท้ายที่สุดหยานเหล่ยก็ทำตัวโง่ออกมาด้วยการกระทของเขาเอง

ดงซูบินรู้สึกว่าเหมือนเขากำลังเดินบนเมฆ เขารู้ว่าเขาสามารถแก้ปัญหานี้ได้ดี แต่เมื่อเขาคิดเกี่ยวกับเวลาก่อนที่เขาจะใช้พลังพิเศษ เขาโพล่งออกมาด้วยเหงื่อเย็น ‘ทุกคนเห็นฉันแก้ไขปัญหานี้ได้ แต่ก่อนหน้านั้นของฉันเกือบจะกลายเป็นหมาหัวเน่าโดยพวกคุณทุกคน’ ดงซูบิน วิจารณ์ว่าการประดิษฐ์ตัวอักษรชิ้นนั้นอย่างรุนแรงและถ้าเขาไม่ได้ใช้พลังพิเศษเขาจะต้องประสบปัญหาอันใหญ่หลวงอย่างแน่นอน

ณ สำนักงานสาขาอำเภอตะวันตก

ต้าหลินเหม่ย, จ้วงจือ และ พี่หยางยังคงอยู่ในออฟฟิศเมื่อดงซูบิน, เกาแพนเหว่ย และ ฉางจ้วง กลับมา เมื่อดงซูบินกลับมาแม้แต่ พี่หยางที่ไม่ค่อยสนใจเรื่องงานก็อยากรู้เรื่องราวของดงซูบิน เขายังสงสัยเกี่ยวกับผลลัพธ์จริงแล้วดงซูบิน ต้องการที่จะคุยโวเกี่ยวกับสิ่งที่เขาทำ แต่เพราะเขาเป็นหัวหน้าของสำนักงานนี้ เขาต้องถ่อมตัวและไม่สามารถพูดอะไรได้ด้วยตนเองดงซูบิน เพิ่งกลับไปที่ห้องของเขาเพื่อเก็บกระเป๋า ฉางจ้วง และ เกาแพนเหว่ยใช้โอกาสนี้เล่าสิ่งที่เกิดอะไรขึ้นที่ร้านอาหารที่เหลือ

หัวใจของ ต้าหลินเหม่ยเหมือนจะทะลุออกมาจากอกเมื่อเธอเห็นว่าดงซูบินกลับมาที่ออฟฟิศ โดยที่ไม่พูดอะไรสักคำ “ พี่จ้วง และ พี่เหว่ยเป็นอย่างไงบ้างจัดการได้แล้วหรอ”

จ้วงจือถามว่า“ หัวหน้าเจียงยังโกรธอยู่เหรอ? และใครเป็นคนรับผิดชอบเรื่องนี้”

เกาแพนเหว่ยกลอกตาและพูดเสียงดัง:“ เป็นไปได้อย่างไร? นายไม่เห็นหรือยังไงว่าเราไปกับใคร? หัวหน้าซูบินของเรามีอะไรบ้างที่ไม่สามารถแก้ไขได้?” เกาแพนเหว่ยพูดดังมากจนแม้แต่ดงซูบินก็ยังได้ยินเขาขณะที่เขาอยู่ในห้อง

พี่หยางพูดอย่างตื่นเต้น:“ เร็วเขาสิ บอกมาว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่”

ต้าหลินเหม่ยยังกล่าวเพิ่มเติมว่า:“ พี่จ้วง, บอกพวกเราเร็วๆหน่อย พวกเราอยากรู้แล้ว”

ฉางจ้วงหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนพูดว่า:“ ฉันประทับใจหัวหน้าซูบิน ทุกคนไม่เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ มันเหมือน……เยี่ยมยอดมาก……”

เกาแพนเหว่ยพูดเพิ่มเติม:“ มันตื่นเต้นเหมือนเราเห็นผี”

ฉางจ้วงหัวเราะ:“ ถูกต้อง มันเหมือนกับว่าเราได้เห็นผีแล้ว มันช่างเหลือเชื่อเหลือเกิน” ต้าหลินเหม่ย, จ้วงจือและคนอื่น ๆ กำลังจ้องมองมาที่เธออยู่และเธอก็พูดต่อ “ ฉันจะเล่าให้ฟังทั้งหมดตั้งแต่เริ่มต้น หัวหน้าเจียงโกรธมากและกระแทกโต๊ะในร้านอาหาร เขาบอกว่าเขาต้องการที่จะหาคนในสาขาของเรารับผิดชอบเหตุการณ์นี้ ในขณะนี้หัวหน้าเจียงสังเกตเห็นรูปภาพการประดิษฐ์ตัวอักษรแขวนอยู่ในห้องส่วนตัวและสั่งให้พนักงานเสิร์ฟถอดออกไป แต่พนักงานเสิร์ฟไม่กล้าที่จถะถอดมัน หัวหน้าเจียงโกรธและยืนยันว่าอยากจะเอาภาพตัวอักษรออกจากห้องไป ฮ่าฮ่า……ทุกคนรู้เหตุผลไหม”

ต้าหลินเหม่ยตอบกลับอย่างรวดเร็ว:“ หัวหน้าเจียงชอบการประดิษฐ์ตัวอักษรและต้องคิดว่าชิ้นงานนั้นน่าเกลียดและจะส่งผลต่อความอยากอาหารของเขา”

จ้วงจือก็พยักหน้า

เกาแพนเหว่ยยิ้ม “ เราทุกคนต่างก็คิดแบบเดียวกันในเวลานั้น แต่เดาสิว่าหัวหน้าซูบินเราทำเช่นไร?”

พี่หยางถามว่า:“ เขาทำอะไร?”

“ ไม่มีใครเดาได้เลยว่าหัวหน้าซูบินจะพูดอะไร แม้แต่พวกหัวหน้าทั้งหมดก็ตกใจ ” ฉางจ้วงพูดต่อ “ หัวหน้าซูบินต่อต้านคำสั่งของหัวหน้าเจียงอย่างเปิดเผยและกล่าวว่าการคัดลายมือไม่สามารถนำออกไปไหนได้”

จวงจือถึงกับตกตะลึง “จริงๆ? ทำไมหัวหน้าซูบินพูดอย่างนั้น?”

พี่หยางเองก็ไม่อยากจะเชื่อสิ่งที่เขาได้ยินและหัวเราะ “ หัวหน้าซูบินยังอยู่ในห้องของเขา ทั้งสองระวังคำพูดไว้ด้วยนะ” ทุกคนรู้ว่าหัวหน้าซูบินไม่ค่อยเก่งเรื่องการเมือง แต่ไม่มีใครรู้สึกว่าเขาเป็นคนงี่เง่า ขัดคำสั่งชายอันดับ 1 ของสำนักเมืองหรือไม่ มันเป็นเรื่องที่แย่มาก

ฉางจ้วง และเกาแพนเหว่ยมองหน้ากันและยิ้ม “ อย่าสงสัยเรา เราไม่ได้ล้อเล่น หัวหน้าซูบินพูดอย่างนั้นจริงๆ” ฉางจ้วง หัวเราะเมื่อเธอเห็นคนที่เหลือจ้องมองเธอที่กำลังพูดอยู่ “ถูกต้อง. ทุกคนในห้องมีสีหน้าเหมือนคุณทุกคนในตอนนี้ เราทุกคนตกตะลึง ใครจะคาดหวังว่าหัวหน้าซูบินจะพูดเช่นนี้? สิ่งที่เกิดขึ้นต่อไปก็น่าตกใจกว่า หัวหน้าซูบินเพิกเฉยต่อการแสดงออกที่โกรธของหัวหน้าเจียงและเริ่มชื่นชมการประดิษฐ์ตัวอักษรนั้น เขายังอ้างว่าการประดิษฐ์ตัวอักษรนี้เขียนโดยปรมาจารย์เทียนด้วยซ้ำ และในฐานะคนรักการประดิษฐ์ตัวอักษรหัวหน้าซูบิน จะไม่อนุญาตให้ใครดูหมิ่นผลงานชิ้นเอกนี้ นั่นเป็นเหตุผลที่เขาไม่อนุญาตให้หัวหน้าเจียงนำมันออกไป”

“ หัวหน้าซูบินนี้นะเป็นคนรักการประดิษฐ์ตัวอักษร?” ต้าหลินเหม่ยและคนอื่น ๆ เกือบตกจากเก้าอี้

พวกเขาทั้งหมดเห็นลายมือของหัวหน้าซูบินมาหมดแล้ว คนรักการประดิษฐ์ตัวอักษร? โกหก!

พี่หยางถามว่า:“ หัวหน้าเจียงโกรธมากหรอ? นี่ไม่ได้แก้ปัญหาเลย มันตรงกันข้ามทั้งหมด”

ฉางจ้วงตอบ “ พวกเราทุกคนมีสีหน้าเหมือนกันทุกคนในตอนนี้ เราคิดว่าหัวหน้าเจียงจะระเบิดอารมณ์ของเขาออกมา แต่คาดเดาอะไรไม่ได้เลย หัวหน้าเจียงกับไม่เสียอารมณ์ เขาหัวเราะเสียงดังแทน” ฉางจ้วงหยุดอยู่พักหนึ่งแล้วก็เล่าเรื่องต่อไป “ หัวหน้าเจียงกล่าวว่าเขาเป็นคนเขียนตัวอักษรนี้เมื่อไม่กี่ปีก่อน เขามอบมันให้เจ้าของร้านอาหารแล้ว ใช่. นั่นคืองานเขียนของหัวหน้าเจียง”

“อา?!!!”

“จริงๆหรอ?สิ่งที่พี่จ้วงเล่าเป็นความจริง?” ตาของต้าหลินเหม่ยและจ้วงจือเกือบจะถลนออกมา “ นี่เป็นเรื่องบังเอิญเหรอ?”

ฉางจ้วงยิ้ม:“ แม้ว่าฉันจะคิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นที่ภัตตาคารตอนี้ตัวฉันก็ยังสั่นอยู่เลย ฉันสามารถบอกคุณได้ทั้งหมดว่านี่ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ หัวหน้าซูบินรู้ว่าการเขียนตัวอักษรเขียนโดยหัวหน้าเจียงก่อนที่เขาจะพูดสิ่งเหล่านั้น อย่าถามฉันว่าเขารู้ได้อย่างไร แต่สิ่งที่หัวหน้าซูบินพูดก็ทำให้หัวหน้าเจียงและหัวหน้าซูบินใช้โอกาสนั้นเพื่อขอการให้อภัยจากหัวหน้าเจียงและหัวหน้าเจียงกล่าวว่าเขาจะไม่เอาเรื่องใดๆกับสาขาตะวันตก”

ต้าหลินเหม่ย, จ้วงจือ และ พี่หยางถึงกับตกตะลึง

เกาแพนเหว่ยถอนหายใจ “ หัวหน้าซูบินของเรามีความสามารถมาก ดูเหมือนว่าเขาสามารถจัดการกับปัญหาทุกประเภทได้อย่างง่ายดาย”  เกาแพน้หว่ยไม่ได้พูดแบบจอมปลอม นี่คือความรู้สึกที่แท้จริงของเขา

“ถูกต้อง. มันช่างเหลือเชื่อเหลือเกิน”

ดงซูบินเดินออกจากห้องทำงานและล้างคอ เขารอให้ฉางจ้วงและเกาแพนเหว่ยบอกเล่าเรื่องราวให้คนที่เหลือฟังอย่างตั้งใจ “ เกือบจะเป็นปีใหม่แล้วและมีงานเยอะมาก พวกคุณทุกคนต้องทำงานหนักเอายกเอกสารนี้ขึ้นไปส่งด้วย” ดงซูบินดีใจมากที่ได้เห็นผู้คนมากมายชื่นชมเขา

ต้าหลินเหม่ยมองที่ดงซูบิน:“ หัวหน้าซูบินหากมีเหตุการณ์เช่นนี้อีกในอนาคตหัวหน้าต้องพาฉันไปด้วยนะ”

ดงซูบินจ้องที่เธอ:“ เพียงแค่สนใจงานของเธอและหยุดคิดถึงสิ่งเหล่านี้ก็พอแล้ว” ดงซูบินพูดในใจของเขา ‘เธอพยายามจะสาปแช่งฉันหรอ เหตุการณ์ดังกล่าวในอนาคตหรือไม่ ฉันไม่ต้องการเจอเรื่องพวกนี้แล้ว อนาคตของฉันเกือบจะจบสิ้นแล้ว’ “ โอ้อย่าแพร่กระจายเกี่ยวกับเรื่องภาพการประดิษฐ์ตัวอักษรไปล่ะรู้เพียงเท่านี้พอ” ดงซูบินไม่ต้องการให้หัวหน้าเตจียงรู้เรื่องนี้

ณ ในเวลาเดียวกัน.

เนื่องจากเหตุการณ์นี้พนักงานส่วนใหญ่ในสาขาเขตตะวันตกจึงยังอยู่ในที่ทำงาน ทุกคนมีความกังวลว่าหัวหน้าเจียงจะให้ทางสาขารับผิดชอบเช่นไรและเหล่าผู้บริหารจะถูกย้ายหรือไม่ จะมีผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญหากสิ่งนี้เกิดขึ้น จะเกิดอะไรขึ้นต่อไป หัวหน้าเจียงจะตำหนิใคร? รองผู้อำนวยการสำนักที่หก? ผู้อำนวยการเจียงหรือคนที่สูงกว่าเขา?

ทันใดนั้นทุกคนได้รับข่าวที่พวกเขารออยู่

นอกเหนือจากเจ้าหน้าที่สองคนที่ทำร้ายหลานชายของหัวหน้าเจียงไม่มีใครถูกลงโทษเลย เหตุการณ์นี้จบลงแล้ว

สิ่งนี้เป็นไปได้อย่างไร

หัวหน้าเจียงควรโกรธกับเหตุการณ์นี้

ข่าวต่อไปนี้ที่พวกเขาได้รับทำให้ทุกคนพูดไม่ออก อะไรนะ! เป็นหัวหน้าซูบินอีกแล้วหรอ!

ข่าวที่คนเหล่านั้นได้รับไม่มีรายละเอียดใดๆ พวกเขารู้เพียงว่าเมื่อผู้นำทุกคนไม่รู้จะแก้ไขอย่างไร หัวหน้าซูบินก็ถูกเรียกตัวไปเพื่อดับไฟความโกรธของหัวหน้าเจียง ในตอนที่หัวหน้าซูบินมาถึงร้านอาหารแล้วชมการประดิษฐ์ตัวอักษรที่นั่น การประดิษฐ์ตัวอักษรนี้พบในภายหลังว่ามันถูกเขียนโดยหัวหน้าเจียงและความโกรธของหัวหน้าเจียงก็สงบ หัวหน้าซูบินแก้ไขปัญหานี้ภายใน 10 นาที

ทุกคนตะลึง

พวกเขาจะสามารถพูดอะไรอีก นี่คือความสามารถของหัวหน้าซูบิน

ขณะที่ทุกคนกำลังกลับไปพวกเขายังคงคุยกันเรื่องนี้

“ ดูสิฉันพูดอะไรเมื่อบ่ายนี้ ฉันบอกว่าเหตุการณ์นี้สามารถจัดการได้โดยหัวหน้าซูบิน ไม่มีใครเชื่อฉันเลย”

“ นายคิดว่ามันไม่แปลกเหรอ? ทำไมหัวหน้าซูบินจึงสามารถแก้ไขปัญหานี้ได้อย่างง่ายดาย”

“ นั่นเป็นเพราะเขาเป็นหัวหน้าซูบิน”

“ ฮ่าฮ่าฮ่าเซียวหลิวเธอดูเหมือนว่าเธอกำลังจะบูชาเขาอยู่เลยนะ”

ในสาขาบุคคลที่น่าประหลาดใจที่สุดคือเลขานุการของหยาน หยานเหล่ยรู้สึกว่าสิ่งที่ดงซูฐิน ทำนั้นไม่น่าเชื่อเลย ทุกคนในสาขาต้องตกใจ สิ่งที่น่าเหลือเชื่อกว่าคือทัศนคติของคนที่เหลือในสาขา พวกเขาแปลกใจเพียงชั่วครู่หนึ่งจากนั้นก็ทำงานต่อไป ดูเหมือนว่าดงซูบินจะทำให้เรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องทั่วไป ไปเสียแล้วเหมือนกับเขาไปตลาด……จากนั้นได้รับกะหล่ำปลี100 กิโลกรัม ผู้คนต่างก็ประหลาดใจ แต่ก็ไม่ตกใจ

หยานเหล่ยเริ่มถามเกี่ยวกับ ดงซูบินและค้นพบเกี่ยวกับการกระทำที่น่าอัศจรรย์ของ ดงซูบิน

หยานเหล่ยเกือบจะอาเจียนเลือดออกมาเมื่อเขาได้ยินสิ่งเหล่านั้น

เก็บเอกสารสำคัญในกองเพลิง……. การเตะลูกโทษ……ทำประตูในวินาทีสุดท้าย……นำยาแก้หอบหืดมาให้รัฐมนตรีในยามคับขัน……คดีทุจริตของโจวเกา……

ในที่สุดยัหยานเหล่ยก็เข้าใจว่าทำไมทุกคนไม่ตกใจเมื่อรู้ว่าดงซูบินจัดการเรื่องนี้สำเร็จ ในที่สุดเขาก็เข้าใจว่าเพราะเหตุใดผู้นำในสาขาจึงไว้วางใจดงซูบินเป็นอย่างมาก

เพราะดงซูบินสามารถดับไฟทุกอย่างได้

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

POWER AND WEALTH (พลังและความมั่งคั่ง) 136

Now you are reading POWER AND WEALTH (พลังและความมั่งคั่ง) Chapter 136 at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 136 กลับสาขา วีรกรรมของหัวหน้าซูบิน

ผู้แปล loop

ณ ทางเข้าร้านอาหารคังเดอ

เนื่องจากทางสำนักความมั่นคงของรัฐนั้นมีระเบียบไม่ให้มีการดื่มสังสรรค์กันจึงเป็นเหตุผลที่ทำให้การรับประทานอาหารจบลงค่อนข้างเร็ว

ดงซูบินนั้นเปิดประตูรถยนต์ให้หัวหน้าเจียง และหลานชายของเขา หัวหน้าเจียงยิ้มและให้กำลังใจดงซูบินด้สนคำพูดบางคำให้ในการให้กำลังใจก่อนออกเดินทางดงซูบิน, เซงอังเกา, เสี่ยวหยาน และที่เหลือยืนอยู่ตรงนั้นมองดูหัวหน้าเจียงจากไป ดงซูบิน ต้องการที่จะขอภาพเขียนตัวอักษรของหัวหน้าเจียง แต่ดงซูบินก็รู้ดีว่าภายในองค์กรเดียวกันผู้บริหารระดับสูงไม่สามารถให้ของสำคัญเช่นนี้กับใครก็ได้ ถ้าครั้งนี้หัวหน้าเจียงให้รูปการประดิษฐอักษรให้กับดงซูบินจริงๆ มันจะกลายเป็นเครื่องรางกันภัยให้กับดงซูบินอย่างแน่นอน แต่จากที่สังเกตดูหัวหน้าเจียงอาจยังไม่ได้ชอบดงซูบินขนาดนั้น

หลังจากหัวหน้าเจียงออกไปดงซูบินเริ่มอธิบายกับหัวหน้าของเขา

เขาหันไปหาหัวหน้าของเขาทั้งหมดและพูดว่า: “หัวหน้าเซงหัวหน้าหัวหน้าเสี่ยวและหัวหน้าทุกท่าน ผมขอโทษสำหรับการกระทำที่ได้ทำลงไป ถ้าหัวหน้าเห็นควรว่าไม่ได้ช่วยลงโทษผมตามสมควรด้วยครับ”

เซงอังเกามองไปที่ดงซูบิน:“ ทำไมพวกเราต้องลงโทษคุณ”

ดงซูบินตอบ:“ ผมได้พูดคุยกับหัวหน้าเจียง และเกือบทำให้เขาโมโหขึ้นมาอีกครั้งครับ”

เซงอังเกาหัวเราะและชี้ไปที่เขา:“ คุณไม่ต้องมาขอโทษพวกเรา ฮ่าฮ่าฮ่าฉันคิดว่าคุณควรจะขอรางวัลเสียมากกว่า” นี่เป็นครั้งแรกที่เซงอังเกาเห็นด้วยตาของเขาเองในการสร้างปาฏิหาริย์ของดงซูบิน มันมหัศจรรย์มากกว่าที่เสี่ยวหยานพรรณาออกมาเสียอีก เซงอังเกาสงสัยว่าทำไมมีคนที่มีความสามารถอยู่ในสำนักงานเล็กๆเช่นนั้น

เสี่ยวหยานรีบเดินเข้าไปหาดงซูบิน:“ นายทำให้พวกเราทุกคนตกใจตอนที่นายชื่นชมถึงภาพตัวอักษรนั้น” แม้ว่าเสี่ยวหยานกำลังวิจารณ์ดงซูบินแต่เธอก็ดีใจมากอยู่ภายในใจของเธอเพราะดงซูบินเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของเธอและเป็นคนที่เธอให้ความสำคัญมาก เขาช่วยทั้งสาขาตัดสินปัญหาที่ยากลำบากและเธอรู้สึกภาคภูมิใจ “ อืมนายรู้ได้อย่างไรว่าการเขียนตัวอักษรเขียนโดยหัวหน้าเจียง”

“ ผมเดาครับ” ดงซูบินยังคงทำเป็นไม่รู้เรื่อง“ มันมีอะไรผิดปกติ บนใบหน้าของหัวหน้าเจียง “ จริง ๆ แล้วเมื่อหัวหน้าเจียงขอให้เอาภาพการประดิษฐ์ตัวอักษรนั้นออกไป ผมก็มีความรู้สึกว่ามันอาจถูกเขียนโดยหัวหน้าเซง แต่หัวหน้าเซงกำลังนั่งอยู่ตรงหน้าเราและผมไม่มีโอกาสที่จะบอกกับใครได้ เพียงพริบตาเดียวที่ผมก็รู้ได้ว่า ….ผมจึงให้สัญญาณกับทุกคนไป สิ่งที่ผมทำนั้นไม่ได้รับอนุญาตและผม…เออผิดไปแล้ว… .. ผมขอประทานอภัยด้วย”

หยานเหล่ยได้ยินสิ่งดงซูบินพูดมันทำให้เขาโมโหมาก ‘แล้วทำไมนายไม่ให้สัญญาณกับฉัน’

เซงอังเกาหัวเราะและโบกมือ:“ คุณพูดถูก คุณไม่มีโอกาสอธิบายในสถานการณ์ดังกล่าว”

หากดงซูบินไม่ได้แอบกระพริบตาพวกเขาเซงอังเกาและผู้นำคนอื่น ๆ จะไม่รู้สึกสบายใจ ‘โอ้คุณรู้มากก่อนรึเปล่าว่าการเขียนตัวอักษรถูกเขียนขึ้นโดยหัวหน้าเจียง และพยายามเก็บความลับพวกนี้ไว้จากเรา’ แต่ด้วยเวลาน้อยนิดขนาดนั้นสิ่งต่าง ๆที่ดงซูบินบอกใบ้ให้พวกเขาและไม่มีโอกาสอธิบาย มันเป็นความผิดของพวกเขาที่พวกเขาไม่ได้ตระหนักถึงมัน ‘สุดยอด. ใครจะคิดว่าการเขียนภาพตัวอักษานั้นจะเขียนโดยหัวหน้าเจียง? ไม่มีเบาะแสอะไรเลย’

หัวหน้าซูบินคนนี้ช่างเป็นพิเศษ

หลังจากแก้ไขปัญหานี้แล้วหัวหน้าเซงก็อารมณ์ดีเช่นกัน “ กลับไปที่สาขากันเถอะ”

เสี่ยวหยาน ตบหลังของดงซูบิน “ทำได้ดีมาก.”

หลังจากที่หัวหน้าทั้งหมดขึ้นรถของพวกเขารองผู้อำนวยการจากสำนักที่หกก็ขึ้นไปหาที่รถดงซูบินและจับมือเขา “ หัวหน้าซูบินโปรดยกโทษให้ผม ในตอนแรกผมยังคิดว่าคุณเป็น……นั่นคือสาเหตุที่ผมด่าคุณไปเช่นนั้น โปรดอย่ารังเกียจผมเลย เฮ้อ……หากในอนาคตมีปัญหาใดๆแจ้งให้ผมทราบผมยินดีช่วยคุณอย่างสุดความสามารถ ” เนื่องผู้อำนวยการจากสำนักงานที่หกนั่งด้วยกันกับหัวหน้าเซง และ เสี่ยวหยานที่โต๊ะและเห็นดงซูบิน ส่งสัญญาณให้พวกเขา แต่เขาไม่รู้ความหมายของดงซูบินเขาจึงได้ด่าดงซูบินไป

หยานเหล่ยเริ่มรู้สึกหงุดหงิด เขาเขินอายก่อนหน้านี้เมื่อเขาดุดงซูบินไปว่าเขาไม่รู้อะไรเกี่ยวกับการประดิษฐ์ตัวอักษร แต่ในท้ายที่สุดหยานเหล่ยก็ทำตัวโง่ออกมาด้วยการกระทของเขาเอง

ดงซูบินรู้สึกว่าเหมือนเขากำลังเดินบนเมฆ เขารู้ว่าเขาสามารถแก้ปัญหานี้ได้ดี แต่เมื่อเขาคิดเกี่ยวกับเวลาก่อนที่เขาจะใช้พลังพิเศษ เขาโพล่งออกมาด้วยเหงื่อเย็น ‘ทุกคนเห็นฉันแก้ไขปัญหานี้ได้ แต่ก่อนหน้านั้นของฉันเกือบจะกลายเป็นหมาหัวเน่าโดยพวกคุณทุกคน’ ดงซูบิน วิจารณ์ว่าการประดิษฐ์ตัวอักษรชิ้นนั้นอย่างรุนแรงและถ้าเขาไม่ได้ใช้พลังพิเศษเขาจะต้องประสบปัญหาอันใหญ่หลวงอย่างแน่นอน

ณ สำนักงานสาขาอำเภอตะวันตก

ต้าหลินเหม่ย, จ้วงจือ และ พี่หยางยังคงอยู่ในออฟฟิศเมื่อดงซูบิน, เกาแพนเหว่ย และ ฉางจ้วง กลับมา เมื่อดงซูบินกลับมาแม้แต่ พี่หยางที่ไม่ค่อยสนใจเรื่องงานก็อยากรู้เรื่องราวของดงซูบิน เขายังสงสัยเกี่ยวกับผลลัพธ์จริงแล้วดงซูบิน ต้องการที่จะคุยโวเกี่ยวกับสิ่งที่เขาทำ แต่เพราะเขาเป็นหัวหน้าของสำนักงานนี้ เขาต้องถ่อมตัวและไม่สามารถพูดอะไรได้ด้วยตนเองดงซูบิน เพิ่งกลับไปที่ห้องของเขาเพื่อเก็บกระเป๋า ฉางจ้วง และ เกาแพนเหว่ยใช้โอกาสนี้เล่าสิ่งที่เกิดอะไรขึ้นที่ร้านอาหารที่เหลือ

หัวใจของ ต้าหลินเหม่ยเหมือนจะทะลุออกมาจากอกเมื่อเธอเห็นว่าดงซูบินกลับมาที่ออฟฟิศ โดยที่ไม่พูดอะไรสักคำ “ พี่จ้วง และ พี่เหว่ยเป็นอย่างไงบ้างจัดการได้แล้วหรอ”

จ้วงจือถามว่า“ หัวหน้าเจียงยังโกรธอยู่เหรอ? และใครเป็นคนรับผิดชอบเรื่องนี้”

เกาแพนเหว่ยกลอกตาและพูดเสียงดัง:“ เป็นไปได้อย่างไร? นายไม่เห็นหรือยังไงว่าเราไปกับใคร? หัวหน้าซูบินของเรามีอะไรบ้างที่ไม่สามารถแก้ไขได้?” เกาแพนเหว่ยพูดดังมากจนแม้แต่ดงซูบินก็ยังได้ยินเขาขณะที่เขาอยู่ในห้อง

พี่หยางพูดอย่างตื่นเต้น:“ เร็วเขาสิ บอกมาว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่”

ต้าหลินเหม่ยยังกล่าวเพิ่มเติมว่า:“ พี่จ้วง, บอกพวกเราเร็วๆหน่อย พวกเราอยากรู้แล้ว”

ฉางจ้วงหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนพูดว่า:“ ฉันประทับใจหัวหน้าซูบิน ทุกคนไม่เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ มันเหมือน……เยี่ยมยอดมาก……”

เกาแพนเหว่ยพูดเพิ่มเติม:“ มันตื่นเต้นเหมือนเราเห็นผี”

ฉางจ้วงหัวเราะ:“ ถูกต้อง มันเหมือนกับว่าเราได้เห็นผีแล้ว มันช่างเหลือเชื่อเหลือเกิน” ต้าหลินเหม่ย, จ้วงจือและคนอื่น ๆ กำลังจ้องมองมาที่เธออยู่และเธอก็พูดต่อ “ ฉันจะเล่าให้ฟังทั้งหมดตั้งแต่เริ่มต้น หัวหน้าเจียงโกรธมากและกระแทกโต๊ะในร้านอาหาร เขาบอกว่าเขาต้องการที่จะหาคนในสาขาของเรารับผิดชอบเหตุการณ์นี้ ในขณะนี้หัวหน้าเจียงสังเกตเห็นรูปภาพการประดิษฐ์ตัวอักษรแขวนอยู่ในห้องส่วนตัวและสั่งให้พนักงานเสิร์ฟถอดออกไป แต่พนักงานเสิร์ฟไม่กล้าที่จถะถอดมัน หัวหน้าเจียงโกรธและยืนยันว่าอยากจะเอาภาพตัวอักษรออกจากห้องไป ฮ่าฮ่า……ทุกคนรู้เหตุผลไหม”

ต้าหลินเหม่ยตอบกลับอย่างรวดเร็ว:“ หัวหน้าเจียงชอบการประดิษฐ์ตัวอักษรและต้องคิดว่าชิ้นงานนั้นน่าเกลียดและจะส่งผลต่อความอยากอาหารของเขา”

จ้วงจือก็พยักหน้า

เกาแพนเหว่ยยิ้ม “ เราทุกคนต่างก็คิดแบบเดียวกันในเวลานั้น แต่เดาสิว่าหัวหน้าซูบินเราทำเช่นไร?”

พี่หยางถามว่า:“ เขาทำอะไร?”

“ ไม่มีใครเดาได้เลยว่าหัวหน้าซูบินจะพูดอะไร แม้แต่พวกหัวหน้าทั้งหมดก็ตกใจ ” ฉางจ้วงพูดต่อ “ หัวหน้าซูบินต่อต้านคำสั่งของหัวหน้าเจียงอย่างเปิดเผยและกล่าวว่าการคัดลายมือไม่สามารถนำออกไปไหนได้”

จวงจือถึงกับตกตะลึง “จริงๆ? ทำไมหัวหน้าซูบินพูดอย่างนั้น?”

พี่หยางเองก็ไม่อยากจะเชื่อสิ่งที่เขาได้ยินและหัวเราะ “ หัวหน้าซูบินยังอยู่ในห้องของเขา ทั้งสองระวังคำพูดไว้ด้วยนะ” ทุกคนรู้ว่าหัวหน้าซูบินไม่ค่อยเก่งเรื่องการเมือง แต่ไม่มีใครรู้สึกว่าเขาเป็นคนงี่เง่า ขัดคำสั่งชายอันดับ 1 ของสำนักเมืองหรือไม่ มันเป็นเรื่องที่แย่มาก

ฉางจ้วง และเกาแพนเหว่ยมองหน้ากันและยิ้ม “ อย่าสงสัยเรา เราไม่ได้ล้อเล่น หัวหน้าซูบินพูดอย่างนั้นจริงๆ” ฉางจ้วง หัวเราะเมื่อเธอเห็นคนที่เหลือจ้องมองเธอที่กำลังพูดอยู่ “ถูกต้อง. ทุกคนในห้องมีสีหน้าเหมือนคุณทุกคนในตอนนี้ เราทุกคนตกตะลึง ใครจะคาดหวังว่าหัวหน้าซูบินจะพูดเช่นนี้? สิ่งที่เกิดขึ้นต่อไปก็น่าตกใจกว่า หัวหน้าซูบินเพิกเฉยต่อการแสดงออกที่โกรธของหัวหน้าเจียงและเริ่มชื่นชมการประดิษฐ์ตัวอักษรนั้น เขายังอ้างว่าการประดิษฐ์ตัวอักษรนี้เขียนโดยปรมาจารย์เทียนด้วยซ้ำ และในฐานะคนรักการประดิษฐ์ตัวอักษรหัวหน้าซูบิน จะไม่อนุญาตให้ใครดูหมิ่นผลงานชิ้นเอกนี้ นั่นเป็นเหตุผลที่เขาไม่อนุญาตให้หัวหน้าเจียงนำมันออกไป”

“ หัวหน้าซูบินนี้นะเป็นคนรักการประดิษฐ์ตัวอักษร?” ต้าหลินเหม่ยและคนอื่น ๆ เกือบตกจากเก้าอี้

พวกเขาทั้งหมดเห็นลายมือของหัวหน้าซูบินมาหมดแล้ว คนรักการประดิษฐ์ตัวอักษร? โกหก!

พี่หยางถามว่า:“ หัวหน้าเจียงโกรธมากหรอ? นี่ไม่ได้แก้ปัญหาเลย มันตรงกันข้ามทั้งหมด”

ฉางจ้วงตอบ “ พวกเราทุกคนมีสีหน้าเหมือนกันทุกคนในตอนนี้ เราคิดว่าหัวหน้าเจียงจะระเบิดอารมณ์ของเขาออกมา แต่คาดเดาอะไรไม่ได้เลย หัวหน้าเจียงกับไม่เสียอารมณ์ เขาหัวเราะเสียงดังแทน” ฉางจ้วงหยุดอยู่พักหนึ่งแล้วก็เล่าเรื่องต่อไป “ หัวหน้าเจียงกล่าวว่าเขาเป็นคนเขียนตัวอักษรนี้เมื่อไม่กี่ปีก่อน เขามอบมันให้เจ้าของร้านอาหารแล้ว ใช่. นั่นคืองานเขียนของหัวหน้าเจียง”

“อา?!!!”

“จริงๆหรอ?สิ่งที่พี่จ้วงเล่าเป็นความจริง?” ตาของต้าหลินเหม่ยและจ้วงจือเกือบจะถลนออกมา “ นี่เป็นเรื่องบังเอิญเหรอ?”

ฉางจ้วงยิ้ม:“ แม้ว่าฉันจะคิดถึงสิ่งที่เกิดขึ้นที่ภัตตาคารตอนี้ตัวฉันก็ยังสั่นอยู่เลย ฉันสามารถบอกคุณได้ทั้งหมดว่านี่ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ หัวหน้าซูบินรู้ว่าการเขียนตัวอักษรเขียนโดยหัวหน้าเจียงก่อนที่เขาจะพูดสิ่งเหล่านั้น อย่าถามฉันว่าเขารู้ได้อย่างไร แต่สิ่งที่หัวหน้าซูบินพูดก็ทำให้หัวหน้าเจียงและหัวหน้าซูบินใช้โอกาสนั้นเพื่อขอการให้อภัยจากหัวหน้าเจียงและหัวหน้าเจียงกล่าวว่าเขาจะไม่เอาเรื่องใดๆกับสาขาตะวันตก”

ต้าหลินเหม่ย, จ้วงจือ และ พี่หยางถึงกับตกตะลึง

เกาแพนเหว่ยถอนหายใจ “ หัวหน้าซูบินของเรามีความสามารถมาก ดูเหมือนว่าเขาสามารถจัดการกับปัญหาทุกประเภทได้อย่างง่ายดาย”  เกาแพน้หว่ยไม่ได้พูดแบบจอมปลอม นี่คือความรู้สึกที่แท้จริงของเขา

“ถูกต้อง. มันช่างเหลือเชื่อเหลือเกิน”

ดงซูบินเดินออกจากห้องทำงานและล้างคอ เขารอให้ฉางจ้วงและเกาแพนเหว่ยบอกเล่าเรื่องราวให้คนที่เหลือฟังอย่างตั้งใจ “ เกือบจะเป็นปีใหม่แล้วและมีงานเยอะมาก พวกคุณทุกคนต้องทำงานหนักเอายกเอกสารนี้ขึ้นไปส่งด้วย” ดงซูบินดีใจมากที่ได้เห็นผู้คนมากมายชื่นชมเขา

ต้าหลินเหม่ยมองที่ดงซูบิน:“ หัวหน้าซูบินหากมีเหตุการณ์เช่นนี้อีกในอนาคตหัวหน้าต้องพาฉันไปด้วยนะ”

ดงซูบินจ้องที่เธอ:“ เพียงแค่สนใจงานของเธอและหยุดคิดถึงสิ่งเหล่านี้ก็พอแล้ว” ดงซูบินพูดในใจของเขา ‘เธอพยายามจะสาปแช่งฉันหรอ เหตุการณ์ดังกล่าวในอนาคตหรือไม่ ฉันไม่ต้องการเจอเรื่องพวกนี้แล้ว อนาคตของฉันเกือบจะจบสิ้นแล้ว’ “ โอ้อย่าแพร่กระจายเกี่ยวกับเรื่องภาพการประดิษฐ์ตัวอักษรไปล่ะรู้เพียงเท่านี้พอ” ดงซูบินไม่ต้องการให้หัวหน้าเตจียงรู้เรื่องนี้

ณ ในเวลาเดียวกัน.

เนื่องจากเหตุการณ์นี้พนักงานส่วนใหญ่ในสาขาเขตตะวันตกจึงยังอยู่ในที่ทำงาน ทุกคนมีความกังวลว่าหัวหน้าเจียงจะให้ทางสาขารับผิดชอบเช่นไรและเหล่าผู้บริหารจะถูกย้ายหรือไม่ จะมีผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญหากสิ่งนี้เกิดขึ้น จะเกิดอะไรขึ้นต่อไป หัวหน้าเจียงจะตำหนิใคร? รองผู้อำนวยการสำนักที่หก? ผู้อำนวยการเจียงหรือคนที่สูงกว่าเขา?

ทันใดนั้นทุกคนได้รับข่าวที่พวกเขารออยู่

นอกเหนือจากเจ้าหน้าที่สองคนที่ทำร้ายหลานชายของหัวหน้าเจียงไม่มีใครถูกลงโทษเลย เหตุการณ์นี้จบลงแล้ว

สิ่งนี้เป็นไปได้อย่างไร

หัวหน้าเจียงควรโกรธกับเหตุการณ์นี้

ข่าวต่อไปนี้ที่พวกเขาได้รับทำให้ทุกคนพูดไม่ออก อะไรนะ! เป็นหัวหน้าซูบินอีกแล้วหรอ!

ข่าวที่คนเหล่านั้นได้รับไม่มีรายละเอียดใดๆ พวกเขารู้เพียงว่าเมื่อผู้นำทุกคนไม่รู้จะแก้ไขอย่างไร หัวหน้าซูบินก็ถูกเรียกตัวไปเพื่อดับไฟความโกรธของหัวหน้าเจียง ในตอนที่หัวหน้าซูบินมาถึงร้านอาหารแล้วชมการประดิษฐ์ตัวอักษรที่นั่น การประดิษฐ์ตัวอักษรนี้พบในภายหลังว่ามันถูกเขียนโดยหัวหน้าเจียงและความโกรธของหัวหน้าเจียงก็สงบ หัวหน้าซูบินแก้ไขปัญหานี้ภายใน 10 นาที

ทุกคนตะลึง

พวกเขาจะสามารถพูดอะไรอีก นี่คือความสามารถของหัวหน้าซูบิน

ขณะที่ทุกคนกำลังกลับไปพวกเขายังคงคุยกันเรื่องนี้

“ ดูสิฉันพูดอะไรเมื่อบ่ายนี้ ฉันบอกว่าเหตุการณ์นี้สามารถจัดการได้โดยหัวหน้าซูบิน ไม่มีใครเชื่อฉันเลย”

“ นายคิดว่ามันไม่แปลกเหรอ? ทำไมหัวหน้าซูบินจึงสามารถแก้ไขปัญหานี้ได้อย่างง่ายดาย”

“ นั่นเป็นเพราะเขาเป็นหัวหน้าซูบิน”

“ ฮ่าฮ่าฮ่าเซียวหลิวเธอดูเหมือนว่าเธอกำลังจะบูชาเขาอยู่เลยนะ”

ในสาขาบุคคลที่น่าประหลาดใจที่สุดคือเลขานุการของหยาน หยานเหล่ยรู้สึกว่าสิ่งที่ดงซูฐิน ทำนั้นไม่น่าเชื่อเลย ทุกคนในสาขาต้องตกใจ สิ่งที่น่าเหลือเชื่อกว่าคือทัศนคติของคนที่เหลือในสาขา พวกเขาแปลกใจเพียงชั่วครู่หนึ่งจากนั้นก็ทำงานต่อไป ดูเหมือนว่าดงซูบินจะทำให้เรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องทั่วไป ไปเสียแล้วเหมือนกับเขาไปตลาด……จากนั้นได้รับกะหล่ำปลี100 กิโลกรัม ผู้คนต่างก็ประหลาดใจ แต่ก็ไม่ตกใจ

หยานเหล่ยเริ่มถามเกี่ยวกับ ดงซูบินและค้นพบเกี่ยวกับการกระทำที่น่าอัศจรรย์ของ ดงซูบิน

หยานเหล่ยเกือบจะอาเจียนเลือดออกมาเมื่อเขาได้ยินสิ่งเหล่านั้น

เก็บเอกสารสำคัญในกองเพลิง……. การเตะลูกโทษ……ทำประตูในวินาทีสุดท้าย……นำยาแก้หอบหืดมาให้รัฐมนตรีในยามคับขัน……คดีทุจริตของโจวเกา……

ในที่สุดยัหยานเหล่ยก็เข้าใจว่าทำไมทุกคนไม่ตกใจเมื่อรู้ว่าดงซูบินจัดการเรื่องนี้สำเร็จ ในที่สุดเขาก็เข้าใจว่าเพราะเหตุใดผู้นำในสาขาจึงไว้วางใจดงซูบินเป็นอย่างมาก

เพราะดงซูบินสามารถดับไฟทุกอย่างได้

 

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+