ช้าก่อนคุณป๋อ! ครั้งนี้ขอเป็นรักสุดท้าย 149 เดินทางประมาณสิบนาทีก็ถึงบริษัทของคุณผู้ชายแล้วครับ! / 150 รบกวนคุณรึเปล่า

Now you are reading ช้าก่อนคุณป๋อ! ครั้งนี้ขอเป็นรักสุดท้าย Chapter 149 เดินทางประมาณสิบนาทีก็ถึงบริษัทของคุณผู้ชายแล้วครับ! / 150 รบกวนคุณรึเปล่า at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 149 เดินทางประมาณสิบนาทีก็ถึงบริษัทของคุณผู้ชายแล้วครับ!

 

 

หัวคิ้วของสวี่ชิงจือยกขึ้นสูง

 

 

“เพราะฉะนั้นคุณภาพสินค้าคือเรื่องที่สำคัญที่สุด แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะตะบี้ตะบันทำมันท่าเดียว สองคือคุณภาพต้องไม่ด้อยลง! อีกทางหนึ่งทำให้เป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้น ด้านนี้ต้องทุ่มเงินกี่หมื่นกี่พันก็ห้ามอิดออด ห้างของสกุลป๋อที่เฉิงเป่ยกำลังจะเปิดตัวในอีกไม่กี่เดือน ฉันแนะนำว่าบริษัทต้องรีบหาพรีเซนเตอร์ให้ได้ก่อน”

 

 

“แต่ว่าพรีเซนเตอร์ ถ้าให้ดีควรเป็นคนที่ได้รับความสนใจและเสียงตอบรับในประเทศมากที่สุดตอนนี้ จะได้ไม่นึกเสียดายเงินทั้งหมดที่เสียไป”

 

 

ในตอนนี้เอง ผู้ช่วยตัวน้อยอย่างเย่ซือหลัวก็ได้เอ่ยขึ้น “แต่ว่าคนที่ได้เสียงตอบรับมากที่สุดและถูกจับตามองมากที่สุดในตอนนี้ไม่ได้อยู่ในประเทศ แถมดันเป็นผู้ชายอีกต่างหาก..”

 

 

เฉินฝานซิงหันไปมองเธอแล้วคลี่ยิ้มน้อยๆ “ถ้าหากพูดในเชิงธุรกิจละก็ ฉันกลับคิดว่าไอดอลชายดูดึงดูดกว่าอีกนะ ต้องเข้าใจว่า ส่วนมากกลุ่มแฟนคลับของไอดอลชายจะเป็นผู้หญิง และกลุ่มเป้าหมายของผลิตภัณฑ์ของเราก็เป็นผู้หญิงพอดี…”

 

 

เธอพูดอยู่ดีๆ ก็หยุดชะงักแล้วหันไปมองเย่ซือหลัว

 

 

“ดาราชายที่เธอว่า…ชื่ออะไรนะ”

 

 

“ก็ฉู่อี้ที่คว้าตำแหน่งซูเปอร์สตาร์ระดับโลกไปเมื่อปีก่อนไง แต่ก็ได้ยินมาว่าเขามีแพลนจะกลับประเทศเร็วๆ นี้”

 

 

คิ้วเรียวขยับอย่างคาดเดาไม่ถูก เพียงแค่เปรยขึ้นมาว่า “อ๋อ” เพียงคำเดียว

 

 

แต่ประธานอย่างสวี่ชิงจือกลับนิ่งเงียบไปสักพักก่อนจะเอ่ยขึ้น “ดีล่ะ งั้นก็ฉู่อี้นั่นแหละ ฝ่ายประชาสัมพันธ์ เช็กวันเวลากลับเข้าประเทศที่ชัดเจนให้ด้วย!”

 

 

“แต่ประธานสวี่ ตอนนี้ฉู่อี้เป็นถึงซูเปอร์สตาร์ระดับโลกค่าพรีเซนเตอร์คง…”

 

 

“เรื่องนั้นไม่ต้องใส่ใจ! “

 

 

“…ครับ”

 

 

 

 

สวี่ชิงจือยุ่งจนสายตัวแทบขาด หลังเลิกประชุม มื้อเที่ยงที่นัดกันไว้ดิบดีกลับถูกเธอยกเลิกลง แว่วๆ มาจากเลขาว่าเธอต้องไปพบปะพูดคุย

 

 

จนกระทั่งเลิกงานยามบ่าย เธอก็ยังไม่ยอมกลับมา

 

 

อวี๋ซงได้มารับเธอที่บริษัท

 

 

เมื่อขึ้นมาบนรถเธอก็ไม่พบวี่แววของใครอีกคน หัวใจของเธอวูบไหว

 

 

อวี๋ซงสังเกตสีหน้าของเธอผ่านทางกระจกมองหลังอย่างรู้ทัน เขาค่อยๆ เอ่ยปากขึ้น “คุณหนูเฉิน คุณผู้ชายเพิ่งจะได้รับตำแหน่ง เพราะฉะนั้นยังมีอีกหลายเรื่องที่รอให้ท่านไปจัดการ ท่านอยากมารับคุณหลังเลิกงานด้วยตัวเอง แต่ปลีกตัวออกมาไม่ได้จริงๆ ”

 

 

เธอพยักหน้า “เข้าใจแล้วค่ะ”

 

 

ตั้งแต่ที่รู้จักเขาเธอก็รู้สึกว่าเขาไม่เคยว่างเลย

 

 

อวี๋ซงลูบจมูกป้อยๆ แล้วกระแอมไอออกมาเสียงแผ่วต่อด้วยพูดว่า “วันนี้คุณผู้ชายอาจจะมีโอที ท่านน่ะพอลองได้จับงานแล้วก็มักจะลืมทานข้าวประจำ”

 

 

“…” เฉินฝานซิงนิ่งเงียบ

 

 

“คุณหนูเฉินไม่ทราบว่าวันนี้จะกลับคฤหาสน์หรือคอนโดใหม่ดีครับ”

 

 

เฉินฝานซิงประหลาดใจเล็กน้อย “หาห้องได้แล้ว?”

 

 

“ครับ ข้าวของทุกอย่างในห้องเองก็เตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว สามารถเข้าไปพักได้เลย”

 

 

“งั้นคืนนี้ไปที่นั่นก็ได้”

 

 

 

 

ตี้หัวฮวาถิง

 

 

สถานที่ที่ไม่มีใครไม่รู้จัก

 

 

คนทุกระดับที่สามารถเข้าพักที่นี่ได้ต้องเป็นคนเหนือคน

 

 

ที่นี่ไม่ใช่ว่าใครก็สามารถเข้ามาได้ง่ายๆ

 

 

เฉินฝานซิงเริ่มปวดขมับขึ้นมาทีละน้อย

 

 

เธอไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้มาก่อน เธอยังคิดว่าห้องที่ป๋อจิ่งชวนหามาให้เป็นห้องธรรมดาๆ เสียด้วยซ้ำ?

 

 

ตี้หัวฮวาถิงยึดทำเลที่ดินที่แพงที่สุดและสมาคมสกุลป๋อก็ต้องเป็นเจ้าของพื้นที่ที่ดีที่สุดเช่นกัน

 

 

ดังนั้น…

 

 

แค่เธอเงยหน้าขึ้นมอง ตึกใหญ่ที่ตระหง่านตรงหน้าก็ปรากฏแก่สายตาของเธอและมันสูงจนไม่อาจมองเห็นชั้นบนสุด

 

 

อวี๋ซงที่ลงมาเห็นท่าทีของเธอเข้าก็ต้องเอ่ยออกมาขำๆ “จากคอนโดเดินทางประมาณสิบนาทีก็ถึงบริษัทของคุณผู้ชายแล้วครับ”

 

 

เฉินฝานซิงกระตุกมุมปากขึ้นอย่างไม่อาจคาดเดา

 

 

ผู้ชายคนนี้…

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 150 รบกวนคุณรึเปล่า

 

 

ทางคอนโดได้จัดให้เธอพักอยู่ที่ชั้นสิบหก

 

 

เปิดประตูโดยการพิมพ์รหัสผ่าน คอนโดเป็นแบบสองชั้นพื้นที่ภายในกว้างขวาง และที่สำคัญมันหันหน้าไปทางทิศตะวันออก กระจกสไตล์ฝรั่งเศสตลอดด้าน ระดับความสูงของชั้นสิบหก สามารถมองลงไปเห็นวิวทั้งหมดได้

 

 

และสิ่งที่ทำให้เธอใจเต้นก็คือที่มุมของหน้าต่างสไตล์ฝรั่งเศสนั่นก็คือผ้าขาวผืนโปร่งที่กระทบลงบนเปียโนสีดำหลังหนึ่งอย่างแผ่วเบา

 

 

เธออดใจไม่ไหวที่จะเดินเข้าไปหามัน นิ้วเรียวลากผ่านลงบนเปียโนหลังนั้นอย่างสั่นเทา

 

 

นิ้วเรียวขาวตัดกันกับสีดำอย่างเห็นได้ชัด สัมผัสเรียบลื่นและมันวาวนั้นกลับทำให้หัวใจของเธอร้อนรุ่มขึ้นมาอีกครั้ง

 

 

เธอเปิดฝาเปียโน รูปแบบคียบอร์ดสีขาวดำตัดสลับกันไปมาอย่างเป็นระเบียบทำให้มือของเธอสั่นระริก โน้ตเสียงใสก้องขึ้น

 

 

เสียงนั้นค่อยๆ กังวานไปทั่วห้อง เป็นขณะเดียวกันที่คลื่นในใจของเธอกระเพื่อมเป็นวงกว้าง

 

 

เธอกัดริมฝีปากแล้วโน้มตัวลง วางนิ้วลงบนคีย์บอร์ด แล้วบรรเลงบทเพลงออกมาจากความทรงจำ เมื่อครั้งที่เธอเคยได้ฟังบนรถกับป๋อจิ่งชวนคืนนั้น นั่นก็คือเพลงเสียงกระซิบในวันฤดูใบไม้ร่วง

 

 

ในขณะที่ตัวโน้ตค่อยๆ ร้อยเรียงกันเป็นทำนอง จู่ๆ กรอบตาของเธอก็ขึ้นสีระเรื่อ

 

 

นานแค่ไหนแล้วที่ไม่เคย…

 

 

ไม่เคยรู้สึกสะเทือนใจแบบนี้

 

 

สำหรับเธอแล้วดนตรีเป็นสิ่งที่บริสุทธิ์ผุดผ่อง

 

 

แต่เธอในอดีตกลับไม่เคยรักษามันไว้ให้ดีๆ

 

 

เธอมองฟ้าสีรัตติกาลข้างนอกที่ค่อยๆ อับแสง หลอดไฟนีออนเริ่มส่องสว่างขึ้นทีละน้อย ภายในเมืองยังคงเป็นเมืองที่เสียงดังวุ่นวาย ทว่าตัวโน้ตสูงต่ำที่ถูกบรรเลงออกมาจากเปียโนเป็นดั่งเวทมนตร์ที่สามารถชำระจิตใจของคนให้เงียบสงบ

 

 

เป็นหนึ่งท่วงทำนองบรรเลงไปอย่างราบรื่นและสมบูรณ์แบบ ทุกๆ จังหวะและทุกๆ ตัวโน้ตบรรเลงออกมาได้อย่างไม่มีผิดเพี้ยน

 

 

ต่อให้ไม่ใช่แผ่นเสียงก็เป็นเช่นนี้

 

 

หลายปีก่อนที่ฝรั่งเศส เธอเคยทุ่มเทอย่างหนักเพื่อฝึกฝนสมองของตัวเอง

 

 

เพียงแค่บทเพลงนี้ไม่ถือว่ายากจนเกินไป

 

 

เธอพ่นลมหายใจออกมาแผ่วๆ เธอกดลงไปบนคีย์บอร์ดอีกครั้ง ก่อนจะยอมลุกขึ้นแล้วเดินขึ้นชั้นบนไป

 

 

กว่าจะกลับลงมาก็ปาไปค่อนชั่วโมงแล้ว

 

 

เธอเดินไปยังห้องนอน ภายในตู้เย็นผักและผลไม้ถูกเตรียมไว้อย่างครบครัน

 

 

เธอเลิกคิ้วขึ้นก่อนที่เธอจะหาผ้ากันเปื้อนมาสวมไว้ หลังจากนั้นก็เริ่มสาละวนอยู่ในห้องครัว

 

 

สามสินาทีหลังจากนั้น เธอก็เดินออกมาพร้อมกับยกปิ่นโตเก็บความร้อนออกมาด้วย

 

 

 

 

ณ ห้องทำงานที่ตกแต่งอย่างเรียบหรู แสงไฟสว่างจ้าราวกับกลางวัน เงียบสงัดไร้สุ้มเสียง

 

 

ป๋อจิ่งชวนนั่งอยู่บนเก้าอี้ เปิดเอกสารดูไปมา

 

 

ชุดสูทสั่งตัดราคาสูงสวมทับลงบนร่างสูงกำยำได้อย่างพอดิบพอดี รูปหน้าเรียกว่าสมบูรณ์แบบได้อย่างเต็มปาก เรียวคิ้วดุจยอดเขาตระหง่านวางตัวนิ่ง ใบหน้าเย็นชาไร้ซึ่งอารมณ์ความรู้สึก พร้อมทั้งรังสีเย็นเยียบไปจนถึงไขกระดูก

 

 

ภายในหนึ่งสัปดาห์สั้นๆ ทั้งบริษัทก็ได้รับรู้ถึงฝีมือและอารมณ์ของประธานคนใหม่กันแล้ว

 

 

ตอนที่ไม่เผลอไปก่อเรื่องจนเขามีน้ำโห เขาก็เป็นดั่งพระโพธิสัตว์มาโปรดสิ่งมีชีวิต

 

 

แต่หากเกิดไปยั่วโมโหเขาละก็ เขาก็จะกลายเป็นปีศาจในทันที อาจไม่ถึงกับเข่นฆ่าสิ่งมีชีวิตอย่างไม่ปราณี แต่แค่สายตาคู่นั้นก็เกรงว่าจะทำเอาตกใจจนขวัญกระเจิง

 

 

เป็นที่รู้กันว่าป๋อจิ่งชวนไม่ชอบให้ใครมากวนเวลาทำงาน

 

 

ตอนที่เสียงเคาะประตูดังขึ้น มือที่กำลังเปิดเอกสารอยู่ก็ชะงักลงไปหว่างคิ้วเรียบเนียนขมวดเข้าหากันในทันที

 

 

เมื่อไม่ได้ยินเสียงตอบรับเธอจึงถือวิสาสะเปิดเข้าไป

 

 

สายตาของเขาเย็นชาและทิ่มแทงเธอเหมือนกับครั้งก่อนที่เธอนำยาขึ้นไปให้บนห้องที่คฤหาสน์

 

 

แม้ว่าเธอจะเคยเห็นมันมาก่อนแล้วแต่ก็ทำให้เธอตกใจเข้าอีกครั้ง

 

 

นัยน์ตาสีนิลคู่นั้นเปล่งประกายขึ้นก่อนจะจางหายไป

 

 

หลังจากที่แปลกใจเล็กน้อยรอยยิ้มอบอุ่นเข้ามาแทนที่ในดวงตานั้น

 

 

“ฉันมารบกวนคุณใช่รึเปล่า” เธอมองเอกสารที่วางอยู่บนโต๊ะของเขา

 

 

เขาไม่ปฏิเสธ เสียงในลำคอทุ้มต่ำ

 

 

“อืม”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด