ช้าก่อนคุณป๋อ! ครั้งนี้ขอเป็นรักสุดท้าย 319 พวกเราเข้าคู่พอดี / 320 เมื่อกี้พูดว่าไงนะ

Now you are reading ช้าก่อนคุณป๋อ! ครั้งนี้ขอเป็นรักสุดท้าย Chapter 319 พวกเราเข้าคู่พอดี / 320 เมื่อกี้พูดว่าไงนะ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

 ตอนที่ 319 พวกเราเข้าคู่พอดี

 

 

“ซู่เอ่อร์ ซู่เอ่อร์ ซู่เอ่อร์”

 

 

“ซู่เอ่อร์สู้ๆ ”

 

 

แฟนคลับของเหลียงซูเอ่อร์ไม่ได้น้อยหน้าให้เฉินเชียนโหรวเลยแม้แต่น้อย แต่กริยามารยาทดีกว่าแฟนคลับของเฉินเชียนโหรวเยอะ

 

 

เหลียงซู่เอ่อร์โบกมือให้กับเหล่าแฟนคลับ จากนั้นก็ได้รับเสียงกรีดร้องตอบกลับมา

 

 

ที่จริงแล้ว พวกเขาส่วนใหญ่ก็อยากจะให้ลี่ถิงเซินปฏิบัติต่อเหลียงซู่เอ่อร์ให้ดีหน่อย ทั้งยังพยามยามแอบส่งต่อความรู้สึกนี้ผ่านหลากหลายวิธีการให้กับลี่ถิงเซิน

 

 

แต่ว่าในสถานที่สาธารณะแบบนี้ พวกเขากลับไม่กล้าบอกออกไปแบบนั้น

 

 

เพียงแค่เห็นท่าทางที่เย็นชานิ่งขรึมของลี่ถิงเซิน พวกเขาก็ถอยกรูดออกไปไกลแล้ว

 

 

ทุกคนต่างรู้กันดีกว่าที่เหลียงซู่เอ่อร์มีวันนี้ได้นั้นก็เพราะแรงสนับสนุนอยู่เบื้องหลังของลี่ถิงเซิน สำหรับเหลียงซู่เอ่อร์แล้ว เขาคือแฟน แล้วก็เป็นผู้อุปการะทางการเงินด้วย ซึ่งจะผิดใจล่วงเกินไปไม่ได้เด็ดขาด ในฐานะที่เป็นแฟนคลับที่มีสติปัญญา แน่นอนว่ารู้ดีว่าจะล่วงเกินลี่ถิงเซินไม่ได้เด็ดขาด

 

 

ผลจากการหาเรื่องให้ประธานลี่โมโห ไม่ว่าใครก็รับไว้ไม่ไหวทั้งนั้น

 

 

ในเมื่ออยู่ในวงการเดียวกัน การฟาดฟันประชันกันย่อมมีเป็นธรรมดา แต่ว่าเฉินเชียนโหรวก็ไม่มีทางขัดแย้งกับเหลียงซู่เอ่อร์ง่ายๆ ยิ่งไปกว่านั้น เธอก็ล่วงเกินลี่ถิงเซินไม่ได้เช่นกัน

 

 

เดิมทีตั้งใจจะตีสนิทกับเหลียงซู่เอ่อร์ แต่เหลียงซู่เอ่อร์กลับไม่แม้แต่จะชายตามองเธอ แต่กลับหันไปยิ้มทักทายให้กับเฉินฝานซิง

 

 

“อาซ้อ คุณก็มาด้วย”

 

 

ผู้คนตรงนั้นดวงตาเบิกโพลง หลังจากเงียบไปครู่หนึ่งก็มีเสียงฮือฮาออกมาระลอกใหญ่

 

 

“อะ…อะไรกัน…อาซ้อ?”

 

 

“เหลียงซู่เอ่อร์ไปมีพี่ชายตั้งแต่ตอนไหน”

 

 

ดวงตาของเฉินเชียนโหรวและซูเหิงเต็มไปด้วยความตะลึง

 

 

หรือว่าผู้ชายของเฉินฝานซิงก็คือพี่ชายของเหลียงซู่เอ่อร์

 

 

แต่ว่า เหลียงซู่เอ่อร์มีพี่ชายที่ไหนกัน

 

 

เฉินฝานซิงเม้นริมฝีปาก ในใจอัดแน่นไปด้วยความระอา

 

 

อินรุ่ยเจวี๋ยที่อยู่ด้านข้างส่งสายตาปริบๆ ให้กับเหลียงซู่เอ่อร์สุดแรงเกิด กว่าเหลียงซู่เอ่อร์จะรู้ตัว พลันรีบเอามือปิดปากด้วยท่าทางรู้สึกผิด รู้ตัวว่าตัวเองทำพลาดไปแล้ว ก่อนจะพูดขึ้นด้วยความรู้สึกสำนึกผิด

 

 

“ขอโทษด้วย พวกเราเข้าไปก่อนนะ”

 

 

 เฉินฝานซิงยกมือขึ้นมาลูบผมเบาๆ ในใจรู้สึกสับสนลังเล

 

 

ทั้งชีวิตนี้ของเธอ รู้จักคนอยู่แค่ไม่กี่คน สรุปว่าวันนี้ แทบทุกคนปรากฎตัวออกมาสร้างความลำบากให้เธอกันหมดเลย

 

 

“ต้าซิงซิง ผมว่าพวกเราเข้าไปด้านในกัน ดีไหม”

 

 

“ไม่ดีสิ คุณชายอิน นังนี่มันร้าย อยู่ให้ห่างเธอหน่อย”

 

 

“ใช่ คุณชายอิน ชีวิตส่วนตัวของเธอสกปรกมาก อย่าให้เธอมาแปดเปื้อนคุณเลย…”

 

 

อินรุ่ยเจี๋วยหลับตาลงอย่างหมดความอดทน ก่อนจะหันไปดูทางเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่ยืนอยู่ด้านข้างแล้วพูดขึ้นด้วยความไม่พอใจ “เมื่อกี้ใครเป็นคนพูด ไล่พวกเธอออกไปให้หมด”

 

 

“คุณชายอิน ทำไมถึงทำแบบนี้ พวกเราทำแบบนี้ก็เพราะหวังดีกับคุณนะ”

 

 

“ใช่ พวกเราก็แค่ไม่อยากให้คุณถูกผู้หญิงเลวนั่นแปดเปื้อน”

 

 

อินรุ่ยเจวี๋ยโบกมือ “เร็วเข้า เอาออกให้หมดเลย”

 

 

“มีสิทธิ์อะไร พวกเรามาดูเชียนโหรว พวกคุณมีสิทธิ์อะไรไล่พวกเราออกไป”

 

 

เฉินเชียนโหรวหน้าเหวอไปทันที  ยัยพวกโง่!

 

 

“คุณชายอิน พวกเธอยังเด็ก พูดอะไรไม่รู้จักยับยั้ง คุณจะช่วยเห็นแก่หน้าของฉันได้ไหม…”

 

 

“ไม่ได้”

 

 

รอยยิ้มบนใบหน้าของเฉินเชียนโหรวพังทลาย เธอกัดฟันกรอด โกรธจนตัวสั่น

 

 

“ปล่อยพวกเรา พวกคุณมีสิทธิ์อะไร…พวกเราเป็นแฟนคลับของเชียนโหรว…”

 

 

อินรุ่ยเจวี๋ยไม่ได้สนใจคนเหล่านี้ต่อ แต่กลับหันกลับไปยิ้มให้กับเฉินฝานซิงแล้วพูดอย่างอ้อนวอน

 

 

“ต้าซิงซิง ยังไงคืนนี้คุณก็ตัวคนเดียว ผมก็ตัวคนเดียว พวกเราเข้าคู่กันพอดี…ซี๊ดดด…”

 

 

จริงๆ แล้วเข้างานไปกับอินรุ่ยเจวี๋ย ก็ไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไร

 

 

เฉินฝานซิงตั้งใจจะตอบตกลงอยู่แล้ว แต่ปรากฏว่าพูดถึงตอนสุดท้าย ระหว่างที่สายตาของอินรุ่ยเจวี๋ยมองไปอีกทางก็ได้ยินเสียงสูดลมหายใจของเขาดึงขึ้น

 

 

 จากนั้นเธอจึงหันมองไปตามสายตาของเขา ถึงจะพบว่าที่ปลายพรมแดงมี ไมบัคสีดำคันหนึ่งจอดนิ่งอยู่ตรงนั้นแล้ว…

 

 

 

 

 

ตอนที่ 320 เมื่อกี้พูดว่าไงนะ

 

 

คิ้วของเฉินฝานซิงกระตุกจนเห็นได้ชัด พลางจ้องไปยังรถคันนั้นเขม็ง

 

 

จริงๆ แล้วใช่ว่าเธอจะไม่คุ้นเคยกับรถ

 

 

รถที่ราคาเริ่มต้นอยู่ที่สามสี่ล้าน ถือได้ว่าเป็นรถหรูในสายตาของทุกคน

 

 

แต่เธอไม่ค่อยสนใจรูปลักษณ์ภายนอกของรถราคาแพงมากนัก เธอสนใจฟังก์ชั่นการใช้งานมากกว่า บางครั้ง มองผิวเผินอาจดูเหมือนเป็นรถธรรมดา แต่ถ้าทำการปรับแต่งภายในใหม่หมดล่ะก็ ราคาก็ไม่ได้น้อยไปกว่ารถหรูเลยด้วยซ้ำ

 

 

 เรื่องแบบนี้ พบเห็นได้บ่อยในวงการแข่งรถ

 

 

แต่ว่ารถคันนี้ ต่อให้เธอไม่ใช่คนที่ติดตามรุ่นต่างๆ ของรถสักเท่าไหร่ก็ตาม ก็มีท่าทีสงบนิ่งราวกับไม่รู้สึกอะไรไม่ได้

 

 

เพียงแค่รูปทรงของสวยงามเรียบหรูบนตัวถังและสีดำซูพรีม ก็ให้รู้สึกถึงพลังน่าเกรงขราม

 

 

ไมบัค Exelero เครื่องยนต์ V12 เทอร์โบคู่ 700 แรงม้า เกียร์อัตโนมัติ 5 จังหวะ เครื่องแรงพลังล้น เวลาการเร่งเครื่องภายใน 100 กิโลเตร เพียง 4.4วินาที…

 

 

เฉินฝานซิงพยายามข่มความตื่นเต้นในใจไว้ แต่กลับเผลอเลียริมฝีปากโดยไม่รู้ตัว

 

 

นี่มันรถหรูรุ่นลิมิเต็ดที่มีแค่ไม่กี่คันในโลก รถแบบนี้ปรากฏขึ้นในสถานที่แบบนี้ เงินทองก็เป็นแค่เพียงตัวเลขเท่านั้น

 

 

ยังไม่ทันมีคนลงจากรถ เสียงลั่นชัตเตอร์ของเหล่านักข่าวที่กำลังเก็บภาพรูปรถคันนั้นก็ดังรัวขึ้นไม่หยุด

 

 

ทว่าในใจเฉินฝานซิงกลับค่อยๆ รู้สึกถึงลางไม่ดีบางอย่าง

 

 

ถึงแม้ไมบัคคันนี้จะต่างกับคันที่ป๋อจิ่งชวนขับโดยสิ้นเชิง แต่ว่า…

 

 

ไม่รอให้เธอได้คิดมากไปกว่านั้น ประตูรถคันนั้นก็ถูกเปิดออก รูปร่างสูงโปร่งลำคอตรงยาวยืนเด่นอยู่ตรงนั้นในชุดสูทหรูสีดำ ปลายแขนประดับด้วยเพชรระยิบระยับสะดุดตา รัศมีแห่งความสูงศักดิ์ที่ไม่มีใครทัดเทียมเปล่งประกายออกมาจากภายใน ใบหน้าที่งดงามหล่อเหลาราวกับเทพบุตร

 

 

ภายในหัวของเฉินฝานซิงมีเสียงดังอื้ออึงราวกับกำลังจะแตกออกเป็นเสี่ยง

 

 

เป็นอย่างที่คิดไว้!

 

 

ใช่เขาจริงๆ!

 

 

เมื่อได้เจอตัวเป็นๆ ในตอนนี้ เหล่านักข่าวยิ่งคลุ้มคลั่งหนักว่าเดิมจนแทบจะบินเข้าไปหาป๋อจิ่งชวนให้รู้แล้วรู้รอด

 

 

ผู้สืบทอดกิจการเครือสกุลป๋อ เปิดเผยตัวตาหน้าสาธารณชนเป็นครั้งที่สอง แน่นนอนว่าเป็นทรัพยากรที่พวกเขาไม่มีทางยอมปล่อยไปแน่ๆ

 

 

นัยน์ตาดำขลับของป๋อจิ่งชวนทอดมองไปบนตัวเฉินฝานซิงตั้งแต่ลงรถ แต่ไม่นานนักเขาก็ละสายตาจากเธอ ก่อนจะย่างกรายเข้ามาบนพรมแดงด้วยสายตาแน่นิ่ง

 

 

“นั่นคือใคร”

 

 

“ไม่…ไม่รู้…”

 

 

“แบบ…แบบว่า…นั่น…”

 

 

“ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกิจการเครือป๋อซื่อ”

 

 

“พระเจ้าช่วย เครือป๋อซื่อ…ก็เป็นนักศึกษามหาวิทยาลัย T เหมือนกันเหรอ”

 

 

เสียงกรีดร้องอย่างคลุ้มคลั่งที่แตกต่างไปจากก่อนหน้านี้ กลุ่มคนที่มุงดูจ้องเป็นตาเดียวโดยไม่รู้ว่าควรจะมีอาการตอบสนองอย่างไร แล้วก็ไม่รู้ว่าจะใช้คำพูดมาบรรยายลักษณะของชายหนุ่มที่ปรากฎต่อหน้าอย่างกะทันหันคนนี้อย่างไร

 

 

เฉินเชียนโหรวมองดูป๋อจิ่งชวนที่เดินเข้ามาใกล้เธอเรื่อยๆ หัวใจเต้นรัว ก่อนจะเกือบหยุดเต้นไป

 

 

เธอเคยเจอเขามาก่อน ในพิธีรับตำแหน่งของเขา

 

 

เขาน่าจะเป็นผู้ชายที่สมบูรณ์แบบที่สุดในโลก

 

 

คนที่ได้ยืนอยู่เคียงข้างเขาคงจะเป็นผู้หญิงที่โชคดีที่สุดในโลก มีความสุขไปกับชื่อเสียงลาภยศที่เขามี ครอบครองได้ทุกสิ่งทุกอย่าง

 

 

แต่เธอก็ยังไม่ลืมว่าเขาเคยใช้เงินร้อยล้านซื้อการเต้นรำของเฉินฝานซิง

 

 

เป็นการฉีกหน้าเธออย่างจัง

 

 

ซูเหิงหรี่ตามองป๋อจิ่งชวนที่กำลังเดินมา ถึงแม้พวกเขาเคยเจอกันเพียงครั้งเดียว แต่เขากลับรู้สึกมาตลอดว่าพวกเขาไม่ได้เคยเจอกันเพียงครั้งเดียว

 

 

แต่เขาก็มั่นใจอีกว่า ถ้าหากเคยเจอกันมาก่อนจริง เขาไม่มีทางจำไม่ได้แน่

 

 

เฉินฝานซิงก้มหน้าลงเล็กน้อยเพื่อหลบสายตาป๋อจิ่งชวน ทว่าป๋อจิ่งชวนกลับมายืนอยู่ข้างเธอแล้ว ก่อนจะหันไปมองอินรุ่ยเจวี๋ยแล้วพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา

 

 

“เมื่อกี้นายพูดว่าไงนะ”

 

 

ว่าแล้วเชียว!

 

 

อินรุ่ยเจี๋ยวครวญครางในใจ  เขาได้ยินแล้วจริงๆ ด้วย

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ช้าก่อนคุณป๋อ! ครั้งนี้ขอเป็นรักสุดท้าย 319 พวกเราเข้าคู่พอดี / 320 เมื่อกี้พูดว่าไงนะ

Now you are reading ช้าก่อนคุณป๋อ! ครั้งนี้ขอเป็นรักสุดท้าย Chapter 319 พวกเราเข้าคู่พอดี / 320 เมื่อกี้พูดว่าไงนะ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

 ตอนที่ 319 พวกเราเข้าคู่พอดี

 

 

“ซู่เอ่อร์ ซู่เอ่อร์ ซู่เอ่อร์”

 

 

“ซู่เอ่อร์สู้ๆ ”

 

 

แฟนคลับของเหลียงซูเอ่อร์ไม่ได้น้อยหน้าให้เฉินเชียนโหรวเลยแม้แต่น้อย แต่กริยามารยาทดีกว่าแฟนคลับของเฉินเชียนโหรวเยอะ

 

 

เหลียงซู่เอ่อร์โบกมือให้กับเหล่าแฟนคลับ จากนั้นก็ได้รับเสียงกรีดร้องตอบกลับมา

 

 

ที่จริงแล้ว พวกเขาส่วนใหญ่ก็อยากจะให้ลี่ถิงเซินปฏิบัติต่อเหลียงซู่เอ่อร์ให้ดีหน่อย ทั้งยังพยามยามแอบส่งต่อความรู้สึกนี้ผ่านหลากหลายวิธีการให้กับลี่ถิงเซิน

 

 

แต่ว่าในสถานที่สาธารณะแบบนี้ พวกเขากลับไม่กล้าบอกออกไปแบบนั้น

 

 

เพียงแค่เห็นท่าทางที่เย็นชานิ่งขรึมของลี่ถิงเซิน พวกเขาก็ถอยกรูดออกไปไกลแล้ว

 

 

ทุกคนต่างรู้กันดีกว่าที่เหลียงซู่เอ่อร์มีวันนี้ได้นั้นก็เพราะแรงสนับสนุนอยู่เบื้องหลังของลี่ถิงเซิน สำหรับเหลียงซู่เอ่อร์แล้ว เขาคือแฟน แล้วก็เป็นผู้อุปการะทางการเงินด้วย ซึ่งจะผิดใจล่วงเกินไปไม่ได้เด็ดขาด ในฐานะที่เป็นแฟนคลับที่มีสติปัญญา แน่นอนว่ารู้ดีว่าจะล่วงเกินลี่ถิงเซินไม่ได้เด็ดขาด

 

 

ผลจากการหาเรื่องให้ประธานลี่โมโห ไม่ว่าใครก็รับไว้ไม่ไหวทั้งนั้น

 

 

ในเมื่ออยู่ในวงการเดียวกัน การฟาดฟันประชันกันย่อมมีเป็นธรรมดา แต่ว่าเฉินเชียนโหรวก็ไม่มีทางขัดแย้งกับเหลียงซู่เอ่อร์ง่ายๆ ยิ่งไปกว่านั้น เธอก็ล่วงเกินลี่ถิงเซินไม่ได้เช่นกัน

 

 

เดิมทีตั้งใจจะตีสนิทกับเหลียงซู่เอ่อร์ แต่เหลียงซู่เอ่อร์กลับไม่แม้แต่จะชายตามองเธอ แต่กลับหันไปยิ้มทักทายให้กับเฉินฝานซิง

 

 

“อาซ้อ คุณก็มาด้วย”

 

 

ผู้คนตรงนั้นดวงตาเบิกโพลง หลังจากเงียบไปครู่หนึ่งก็มีเสียงฮือฮาออกมาระลอกใหญ่

 

 

“อะ…อะไรกัน…อาซ้อ?”

 

 

“เหลียงซู่เอ่อร์ไปมีพี่ชายตั้งแต่ตอนไหน”

 

 

ดวงตาของเฉินเชียนโหรวและซูเหิงเต็มไปด้วยความตะลึง

 

 

หรือว่าผู้ชายของเฉินฝานซิงก็คือพี่ชายของเหลียงซู่เอ่อร์

 

 

แต่ว่า เหลียงซู่เอ่อร์มีพี่ชายที่ไหนกัน

 

 

เฉินฝานซิงเม้นริมฝีปาก ในใจอัดแน่นไปด้วยความระอา

 

 

อินรุ่ยเจวี๋ยที่อยู่ด้านข้างส่งสายตาปริบๆ ให้กับเหลียงซู่เอ่อร์สุดแรงเกิด กว่าเหลียงซู่เอ่อร์จะรู้ตัว พลันรีบเอามือปิดปากด้วยท่าทางรู้สึกผิด รู้ตัวว่าตัวเองทำพลาดไปแล้ว ก่อนจะพูดขึ้นด้วยความรู้สึกสำนึกผิด

 

 

“ขอโทษด้วย พวกเราเข้าไปก่อนนะ”

 

 

 เฉินฝานซิงยกมือขึ้นมาลูบผมเบาๆ ในใจรู้สึกสับสนลังเล

 

 

ทั้งชีวิตนี้ของเธอ รู้จักคนอยู่แค่ไม่กี่คน สรุปว่าวันนี้ แทบทุกคนปรากฎตัวออกมาสร้างความลำบากให้เธอกันหมดเลย

 

 

“ต้าซิงซิง ผมว่าพวกเราเข้าไปด้านในกัน ดีไหม”

 

 

“ไม่ดีสิ คุณชายอิน นังนี่มันร้าย อยู่ให้ห่างเธอหน่อย”

 

 

“ใช่ คุณชายอิน ชีวิตส่วนตัวของเธอสกปรกมาก อย่าให้เธอมาแปดเปื้อนคุณเลย…”

 

 

อินรุ่ยเจี๋วยหลับตาลงอย่างหมดความอดทน ก่อนจะหันไปดูทางเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่ยืนอยู่ด้านข้างแล้วพูดขึ้นด้วยความไม่พอใจ “เมื่อกี้ใครเป็นคนพูด ไล่พวกเธอออกไปให้หมด”

 

 

“คุณชายอิน ทำไมถึงทำแบบนี้ พวกเราทำแบบนี้ก็เพราะหวังดีกับคุณนะ”

 

 

“ใช่ พวกเราก็แค่ไม่อยากให้คุณถูกผู้หญิงเลวนั่นแปดเปื้อน”

 

 

อินรุ่ยเจวี๋ยโบกมือ “เร็วเข้า เอาออกให้หมดเลย”

 

 

“มีสิทธิ์อะไร พวกเรามาดูเชียนโหรว พวกคุณมีสิทธิ์อะไรไล่พวกเราออกไป”

 

 

เฉินเชียนโหรวหน้าเหวอไปทันที  ยัยพวกโง่!

 

 

“คุณชายอิน พวกเธอยังเด็ก พูดอะไรไม่รู้จักยับยั้ง คุณจะช่วยเห็นแก่หน้าของฉันได้ไหม…”

 

 

“ไม่ได้”

 

 

รอยยิ้มบนใบหน้าของเฉินเชียนโหรวพังทลาย เธอกัดฟันกรอด โกรธจนตัวสั่น

 

 

“ปล่อยพวกเรา พวกคุณมีสิทธิ์อะไร…พวกเราเป็นแฟนคลับของเชียนโหรว…”

 

 

อินรุ่ยเจวี๋ยไม่ได้สนใจคนเหล่านี้ต่อ แต่กลับหันกลับไปยิ้มให้กับเฉินฝานซิงแล้วพูดอย่างอ้อนวอน

 

 

“ต้าซิงซิง ยังไงคืนนี้คุณก็ตัวคนเดียว ผมก็ตัวคนเดียว พวกเราเข้าคู่กันพอดี…ซี๊ดดด…”

 

 

จริงๆ แล้วเข้างานไปกับอินรุ่ยเจวี๋ย ก็ไม่ใช่เรื่องเสียหายอะไร

 

 

เฉินฝานซิงตั้งใจจะตอบตกลงอยู่แล้ว แต่ปรากฏว่าพูดถึงตอนสุดท้าย ระหว่างที่สายตาของอินรุ่ยเจวี๋ยมองไปอีกทางก็ได้ยินเสียงสูดลมหายใจของเขาดึงขึ้น

 

 

 จากนั้นเธอจึงหันมองไปตามสายตาของเขา ถึงจะพบว่าที่ปลายพรมแดงมี ไมบัคสีดำคันหนึ่งจอดนิ่งอยู่ตรงนั้นแล้ว…

 

 

 

 

 

ตอนที่ 320 เมื่อกี้พูดว่าไงนะ

 

 

คิ้วของเฉินฝานซิงกระตุกจนเห็นได้ชัด พลางจ้องไปยังรถคันนั้นเขม็ง

 

 

จริงๆ แล้วใช่ว่าเธอจะไม่คุ้นเคยกับรถ

 

 

รถที่ราคาเริ่มต้นอยู่ที่สามสี่ล้าน ถือได้ว่าเป็นรถหรูในสายตาของทุกคน

 

 

แต่เธอไม่ค่อยสนใจรูปลักษณ์ภายนอกของรถราคาแพงมากนัก เธอสนใจฟังก์ชั่นการใช้งานมากกว่า บางครั้ง มองผิวเผินอาจดูเหมือนเป็นรถธรรมดา แต่ถ้าทำการปรับแต่งภายในใหม่หมดล่ะก็ ราคาก็ไม่ได้น้อยไปกว่ารถหรูเลยด้วยซ้ำ

 

 

 เรื่องแบบนี้ พบเห็นได้บ่อยในวงการแข่งรถ

 

 

แต่ว่ารถคันนี้ ต่อให้เธอไม่ใช่คนที่ติดตามรุ่นต่างๆ ของรถสักเท่าไหร่ก็ตาม ก็มีท่าทีสงบนิ่งราวกับไม่รู้สึกอะไรไม่ได้

 

 

เพียงแค่รูปทรงของสวยงามเรียบหรูบนตัวถังและสีดำซูพรีม ก็ให้รู้สึกถึงพลังน่าเกรงขราม

 

 

ไมบัค Exelero เครื่องยนต์ V12 เทอร์โบคู่ 700 แรงม้า เกียร์อัตโนมัติ 5 จังหวะ เครื่องแรงพลังล้น เวลาการเร่งเครื่องภายใน 100 กิโลเตร เพียง 4.4วินาที…

 

 

เฉินฝานซิงพยายามข่มความตื่นเต้นในใจไว้ แต่กลับเผลอเลียริมฝีปากโดยไม่รู้ตัว

 

 

นี่มันรถหรูรุ่นลิมิเต็ดที่มีแค่ไม่กี่คันในโลก รถแบบนี้ปรากฏขึ้นในสถานที่แบบนี้ เงินทองก็เป็นแค่เพียงตัวเลขเท่านั้น

 

 

ยังไม่ทันมีคนลงจากรถ เสียงลั่นชัตเตอร์ของเหล่านักข่าวที่กำลังเก็บภาพรูปรถคันนั้นก็ดังรัวขึ้นไม่หยุด

 

 

ทว่าในใจเฉินฝานซิงกลับค่อยๆ รู้สึกถึงลางไม่ดีบางอย่าง

 

 

ถึงแม้ไมบัคคันนี้จะต่างกับคันที่ป๋อจิ่งชวนขับโดยสิ้นเชิง แต่ว่า…

 

 

ไม่รอให้เธอได้คิดมากไปกว่านั้น ประตูรถคันนั้นก็ถูกเปิดออก รูปร่างสูงโปร่งลำคอตรงยาวยืนเด่นอยู่ตรงนั้นในชุดสูทหรูสีดำ ปลายแขนประดับด้วยเพชรระยิบระยับสะดุดตา รัศมีแห่งความสูงศักดิ์ที่ไม่มีใครทัดเทียมเปล่งประกายออกมาจากภายใน ใบหน้าที่งดงามหล่อเหลาราวกับเทพบุตร

 

 

ภายในหัวของเฉินฝานซิงมีเสียงดังอื้ออึงราวกับกำลังจะแตกออกเป็นเสี่ยง

 

 

เป็นอย่างที่คิดไว้!

 

 

ใช่เขาจริงๆ!

 

 

เมื่อได้เจอตัวเป็นๆ ในตอนนี้ เหล่านักข่าวยิ่งคลุ้มคลั่งหนักว่าเดิมจนแทบจะบินเข้าไปหาป๋อจิ่งชวนให้รู้แล้วรู้รอด

 

 

ผู้สืบทอดกิจการเครือสกุลป๋อ เปิดเผยตัวตาหน้าสาธารณชนเป็นครั้งที่สอง แน่นนอนว่าเป็นทรัพยากรที่พวกเขาไม่มีทางยอมปล่อยไปแน่ๆ

 

 

นัยน์ตาดำขลับของป๋อจิ่งชวนทอดมองไปบนตัวเฉินฝานซิงตั้งแต่ลงรถ แต่ไม่นานนักเขาก็ละสายตาจากเธอ ก่อนจะย่างกรายเข้ามาบนพรมแดงด้วยสายตาแน่นิ่ง

 

 

“นั่นคือใคร”

 

 

“ไม่…ไม่รู้…”

 

 

“แบบ…แบบว่า…นั่น…”

 

 

“ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกิจการเครือป๋อซื่อ”

 

 

“พระเจ้าช่วย เครือป๋อซื่อ…ก็เป็นนักศึกษามหาวิทยาลัย T เหมือนกันเหรอ”

 

 

เสียงกรีดร้องอย่างคลุ้มคลั่งที่แตกต่างไปจากก่อนหน้านี้ กลุ่มคนที่มุงดูจ้องเป็นตาเดียวโดยไม่รู้ว่าควรจะมีอาการตอบสนองอย่างไร แล้วก็ไม่รู้ว่าจะใช้คำพูดมาบรรยายลักษณะของชายหนุ่มที่ปรากฎต่อหน้าอย่างกะทันหันคนนี้อย่างไร

 

 

เฉินเชียนโหรวมองดูป๋อจิ่งชวนที่เดินเข้ามาใกล้เธอเรื่อยๆ หัวใจเต้นรัว ก่อนจะเกือบหยุดเต้นไป

 

 

เธอเคยเจอเขามาก่อน ในพิธีรับตำแหน่งของเขา

 

 

เขาน่าจะเป็นผู้ชายที่สมบูรณ์แบบที่สุดในโลก

 

 

คนที่ได้ยืนอยู่เคียงข้างเขาคงจะเป็นผู้หญิงที่โชคดีที่สุดในโลก มีความสุขไปกับชื่อเสียงลาภยศที่เขามี ครอบครองได้ทุกสิ่งทุกอย่าง

 

 

แต่เธอก็ยังไม่ลืมว่าเขาเคยใช้เงินร้อยล้านซื้อการเต้นรำของเฉินฝานซิง

 

 

เป็นการฉีกหน้าเธออย่างจัง

 

 

ซูเหิงหรี่ตามองป๋อจิ่งชวนที่กำลังเดินมา ถึงแม้พวกเขาเคยเจอกันเพียงครั้งเดียว แต่เขากลับรู้สึกมาตลอดว่าพวกเขาไม่ได้เคยเจอกันเพียงครั้งเดียว

 

 

แต่เขาก็มั่นใจอีกว่า ถ้าหากเคยเจอกันมาก่อนจริง เขาไม่มีทางจำไม่ได้แน่

 

 

เฉินฝานซิงก้มหน้าลงเล็กน้อยเพื่อหลบสายตาป๋อจิ่งชวน ทว่าป๋อจิ่งชวนกลับมายืนอยู่ข้างเธอแล้ว ก่อนจะหันไปมองอินรุ่ยเจวี๋ยแล้วพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา

 

 

“เมื่อกี้นายพูดว่าไงนะ”

 

 

ว่าแล้วเชียว!

 

 

อินรุ่ยเจี๋ยวครวญครางในใจ  เขาได้ยินแล้วจริงๆ ด้วย

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+