ช้าก่อนคุณป๋อ! ครั้งนี้ขอเป็นรักสุดท้าย 405 เข้ามาเอี่ยว / 406 ละเลย

Now you are reading ช้าก่อนคุณป๋อ! ครั้งนี้ขอเป็นรักสุดท้าย Chapter 405 เข้ามาเอี่ยว / 406 ละเลย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 405 เข้ามาเอี่ยว

คำพูดของหยางลี่เวยเต็มไปด้วยความถากถางที่มีต่อเฉินฝานซิง ทว่าเฉินเชียนโหรวกลับนิ่งไป

ความสามารถของเฉินฝานซิงเป็นอย่างไร เธอรู้ดี

แต่ที่เธอไม่กังวลใจอะไรเกี่ยวกับเฉินฝานซิงเลย เพราะอีกฝ่ายไม่มีประสบการณ์การแข่งขันอะไรทั้งสิ้น

ซ้ำการแข่งขันเพียงครั้งเดียวที่เคยเข้าร่วมก็ยังโดนตราหน้าว่าลอกผลงาน อีกทั้งครั้งนี้ก็ดูเหมือนสวรรค์จะอยู่ข้างเธอ

การแข่งขันรอบคัดเลือกระดับประเทศจัดขึ้นที่มหาวิทยาลัย T พอดี

เรื่องที่ถูกใส่ร้ายในการแข่งขันเปียโนครั้งก่อน เธอทวงคืนความยุติธรรมให้ตัวเองได้สำเร็จแล้ว อย่างนั้นเรื่องการลอกผลงานครั้งนี้ เธอจะไม่ทำอย่างเดิมอีกได้หรือ

ท่ามกลางความกดดันขนาดนี้ เธอจะแสดงความสามารถออกมาอย่างเต็มที่ได้หรือ

ยิ่งไปกว่านั้น เธอจะปล่อยให้อีกฝ่ายได้แสดงความสามารถออกมาได้อย่างไร

ลอกผลงาน…

จู่ๆ ดวงตาของเฉินเชียนโหรวก็ฉายประกายสว่างออกมา

เมื่อนึกถึงจุดจบของเฉินฝานซิง สมองที่ตื้อของเฉินเชียนโหรวก่อนหน้านี้ก็เริ่มแล่นฉิวในทันที

อยากจะเข้ารอบระดับนานาชาติ อย่างนั้นเธอก็จะทำให้อีกฝ่าย “ตาย” ไปในรอบคัดเลือกเสียเลย

เช้าวันรุ่งขึ้น เฉินฝานซิงเก็บกวาดห้องเรียบร้อยก็ลงมาชั้นล่าง ทุกคนกำลังนั่งรับประทานอาหารเช้าในห้องอาหาร

เฉินฝานซิงเดินตรงดิ่งเข้าไป ก่อนจะลากเก้าอี้ตัวหนึ่งออกมาแล้วนั่งลงบน

เจียงหรงหรงและหยางลี่เวยชายตามองเธอ แต่ไม่ได้พูดอะไร

คนใช้ที่ยืนอยู่ด้านข้างเหลือบมองเฉินฝานซิงด้วยสายตารังเกียจปราดหนึ่ง แต่ก็ไม่มีท่าทีว่าจะขยับไปไหน

ไม่นานนัก เมื่อเห็นนมในแก้วของเฉินเชียนโหรวลดเหลือถึงก้นแก้วแล้ว สาวใช้คนนั้นก็รีบเข้าไปถาม

“คุณหนู จะรับเพิ่มไหมคะ”

เฉินเชียนโหรวพยักหน้าเบาๆ “ขออีกครึ่งแล้วกัน”

“ได้ค่ะ”

หญิงรับใช้ตอบรับ ก่อนจะเทนมให้เฉินเชียนโหรวอีกครึ่งแก้วด้วยความระมัดระวัง

จากนั้นก็กลับไปยืนที่เดิม สีหน้าแฝงไปด้วยความไม่พอใจและท้าทาย

ตรงหน้าของเฉินฝานซิงมีเพียงความว่างเปล่า นิ้วเรียวยาวของเธอกำลังเคาะขอบโต๊ะเบาๆ

เธอไม่พูดอะไร เจียงหรงหรงและหยางลี่เวยก็ทำเป็นมองไม่เห็น นั่งกินข้าวของตัวเองไปราวกับว่ารอบข้างไม่มีใคร

ผ่านไปสองนาที นิ้วที่เคาะโต๊ะอยู่ของเฉินฝานซิงหยุดนิ่ง จากนั้น เธอค่อยๆ ลุกขึ้นยืนแล้วเดินเข้าครัวไปหยิบอาหารเช้าออกมาเองหนึ่งชุด

หญิงรับใช้คนนั้นมีท่าทีลำพองตนมากกว่าเดิม สายตาที่ดูถูกเหยียดหยามแสดงออกอย่างชัดเจนมากขึ้น

ไม่เคยเจอใครหน้าหนาขนาดนี้มาก่อน ไม่มีอาหารเช้าวางไว้ให้ก็ยังเข้าไปหยิบจากในครัวออกมาเองอีก ไม่ได้กินสักมื้อจะหิวตายหรือยังไง

เฉินฝานซิงวางจานในมือลงบนโต๊ะอย่างกระแทกกระทั้นเสียงดังทำให้ทุกคนต่างก็หันไปมองเธออย่างไม่สบอย่างอารมณ์

เฉินฝานซิงไม่ได้นั่งลง แต่กลับเงยหน้าขึ้นมา มองไปทางสาวใช้ที่ชักสีหน้าใส่เธอในตอนแรก

“ข้าวเช้าฉันไปหยิบมาเองแล้ว”

สาวใช้สีหน้างุนงง

เจียงหรงหรงและคนอื่นๆ ก็มองเธอด้วยท่าทางข้องใจเช่นกัน

ไม่เข้าใจเลยว่าเธอต้องการจะทำอะไรอีกแล้ว

เฉินฝานซิงยกมุมปาก จ้องมองไปยังสาวใช้คนนั้น จากนั้นน้ำเสียงและคำพูดที่เย็นชาก็ออกมาจากริมฝีปากเรียวบางของเธอ

“ดูเหมือนสมองเธอจะไม่ค่อยไวเท่าไหร่นะ ฟังภาษาคนไม่รู้เรื่องเหรอ”

หลังจากที่เธอพูดคำนี้ออกมา เจียงหรงหรง หยางลี่เวย และเฉินเชียนโหรวต่างก็หน้าถอดสี

รู้ตัวทันทีว่าตัวเองต้องเข้ามาเอี่ยวในเรื่องนี้แล้ว

สีหน้าของหญิงรับใช้บ่งบอกถึงความไม่ยอมจำนน

“ฉันไม่รู้ว่าคุณหนูใหญ่หมายความว่ายังไง ในเมื่อไปยกอาหารเช้าออกมาเองแล้ว ก็เชิญคุณรับประทานได้เลย”

“ฉันจะเก็บเธอไว้ทำไม”

หญิงรับใช้ขมวดคิ้ว ยังไม่ทันที่เธอจะตอบสนอง เฉินฝานซิงก็พูดขึ้นมาอีกครั้งด้วยใบหน้าที่เฉยชา

“เมื่อกี้เธอเองก็เรียกฉันว่าคุณหนูใหญ่ แต่กลับให้ฉันไปยกอาหารเช้าออกมาเอง ฉันเก็บเธอไว้จะมีประโยชน์อะไร ตอนนี้ไปเก็บข้าวของของเธอแล้วรีบออกไปจากที่นี่ เธอโดนไล่ออกแล้ว”

สาวใช้ได้ยินดังนั้นก็หน้าเสียทันที สายตาวิงวอนร้องขอความช่วยเหลือทอดมองไปยังเฉินเชียนโหรวและหยางลี่เวย

ขณะนั้นเอง เจียงหรงหรงกลับพูดออกมาด้วยความเกรี้ยวกราดเสียก่อน

“แกนี่มันอวดดีจริงๆ แค่มื้อเช้าปรนนิบัติไม่ทั่วถึง เอะอะก็จะไล่ออกเลยเหรอ”

ตอนที่ 406 ละเลย

“แกนี่มันอวดดีจริงๆ แค่มื้อเช้าปรนนิบัติไม่ทั่วถึง เอะอะก็จะไล่ออกเลยเหรอ”

เฉินฝานซิงไม่สะทกสะท้าน “เธอมาอยู่ที่นี่ก็เพื่อที่จะปรนนิบัติพวกเรา ถ้าทำได้ไม่ทั่วถึงก็ต้องตกงาน หากเป็นในสมัยโบราณคงต้องโดนลากออกไปโบยจนตายแล้ว แต่ตอนนี้เป็นสังคมที่อยู่ภายใต้กฎหมายคุ้มครอง ฉันก็แค่ไล่เธออกก็เท่านั้น”

สาวใช้คนนั้นโกรธจนเลือดขึ้นหน้า นี่อีกฝ่ายเอาตัวเธอไปเทียบกับพวกทาสขัดดอกที่ไม่มีสิทธิ์มีเสียงในความเป็นมนุษย์อะไรเลยพวกนั้นเหรอ

ขณะนั้นเอง เฉินเชียนโหรวก็พูดเสริมทัพขึ้นมาอย่างถูกจังหวะ “พี่คะ เมื่อกี้เสี่ยวหลินกำลังรินนมให้ฉันอยู่ เลยอาจจะละเลยพี่ไปบ้าง พี่ลอง…”

เฉินฝานซิงชำเลืองมองเธออย่างไม่ใส่ใจ “ทำไมถึงเป็นฉันที่ถูกละเลย ฉันไม่ชอบใจ ไม่ต้องการเธออีก”

“…”

“…”

“พอสักที รีบไปนั่งกินข้าวเดี๋ยวนี้”

ความโมโหของเจียงหรงหรงเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว รีบตะคอกใส่เฉินฝานซิงทันที ทำให้สาวใช้ที่ชื่อเสี่ยวหลินเชิดหน้าชูคอด้วยท่าทางแข็งข้อไม่ยอมแพ้

เฉินฝานซิงยิ้มมุมปากอย่างเยือกเย็นพร้อมกับจ้องเขม็งไปทางใบหน้าลำพองตนของเสี่ยวหลิน ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมายกสายหาใครบางคน

“ฮัลโหล คุณปู่ ช่วยออกมาไล่คนใช้คนหนึ่งให้หนูหน่อยได้ไหมคะ…เรื่องอะไรน่ะเหรอ จงใจไม่เตรียมอาหารเช้าให้หนู นับไหมคะ เหอะ…หนูเหรอ คำพูดหนูไม่มีน้ำหนัก แม้แต่คนใช้ก็ยังชักสีหน้าใส่หนู หนูรับมือไม่ไหว…ขอบคุณค่ะคุณปู่”

หลังจากที่วางสาย สีหน้าของทุกคนบนโต๊ะก็อึมครึมลงไปถนัดตา

สีหน้าของเสี่ยวหลินยิ่งลนลานอย่างเห็นได้ชัดกว่าใคร เงินเดือนที่สกุลเฉินไม่ใช่น้อยๆ เธอไม่มีวุฒิการศึกษา ออกไปหางานใหม่ทำ เกรงว่าจะหางานที่มีสวัสดิการดีแบบนี้ได้ยาก

แต่ถ้าเรียกคุณท่านออกมาแบบนี้ เธอคง…

เฉินฝานซิงไม่ได้กินข้าวเช้าต่อ เพียงแต่หยิบกระเป๋าที่วางอยู่ข้างๆ ขึ้นมาแล้วเดินออกไปด้านนอกด้วยสีหน้าเย็นชา

ขณะที่เดินไปถึงหน้าประตู มีคนใช้คนหนึ่งกำลังถือตระกร้าผลไม้เดินไปมาทำให้ชนเข้ากับเฉินฝานซิงโดยไม่ทันระวัง มะเขือเทศในตะกร้าหล่นลงพื้น น้ำจากผลมะเขือเทศกระเด็นมาโดนรองเท้าส้นสูงสีขาวของเฉินฝานซิงทันที

สาวใช้สะดุ้งตกใจ เธอรู้ดีว่าทำงานในบ้านคนรวย เสื้อผ้าทุกชิ้นที่อยู่บนตัวของพวกเขาเพียงชิ้นเดียวก็เท่ากับเงินเดือนของพวกเธอหลายปีแล้ว

ตอนนี้รองเท้าของเฉินฝานซิงเลอะเทอหมดแล้ว เธอจะ…ไปมีปัญญาชดใช้ได้ที่ไหน

“ขอโทษค่ะ คุณหนูใหญ่ ฉันจะช่วยคุณเช็ด…”

คนใช้พูดด้วยความลนลานทำอะไรไม่ถูก ระหว่างนั้นเองก็ก้มลงเช็ดน้ำมะเขือเทศบนรองเท้าของเฉินฝานซิง ทว่าเฉินฝานซิงกลับรีบดึงเท้ากลับไปอย่างรวดเร็ว

“คุณหนูใหญ่…”

สาวใช้เงยหน้าขึ้นมามองเธอ เฉินฝานซิงกลับส่ายหน้าแล้วพูดกับเธอ

“ไม่เป็นไร เธอไปทำงานของเธอเถอะ”

สาวใช้ชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะรีบหยิบกระดาษทิชชู่ในกล่องยื่นให้เฉินฝานซิง

“ขอบคุณ”

เฉินฝานซิงรับมาแต่โดยดี ก่อนจะก้มตัวลงไปเช็ดน้ำมะเทศบนรองเท้า ระหว่างที่กำลังจะลุกขึ้นมา เธอยังเอื้อมไปหยิบมะเขือเทศที่ยังไม่เละกลับขึ้นมาแล้วยื่นให้คนใช้ด้วย จากนั้นก็หันหลังเดินจากไปในทันที

สาวใช้มองแผ่นหลังของเฉินฝานซิงค่อยๆ ห่างออกไป สีหน้ากระวนกระวายเล็กน้อย ใครๆ ก็บอกว่าคุณหนูใหญ่เป็นคนอำมหิต แถมอารมณ์ร้ายอีกต่างหาก แต่เมื่อกี้…มันไม่ใช่อย่างนั้นเลยด้วยซ้ำ

เธอรับรู้ได้ถึงความอ่อนโยนและเอาใจใส่ของคุณหนูใหญ่ ถึงแม้ภายนอกจะดูเย็นชาอย่างเคยก็ตาม

หลังจากที่ขับรถมาถึงบริษัท เฉินฝานซิงก็เริ่มทำงานงกๆ ตลอดทั้งช่วงเช้าโดยไม่ได้หยุดพัก

ตอนเที่ยงเธอขับรถออกไปด้านนอก จากนั้นก็กลับมาดูเอกสารต่ออีกสองชุด เมื่อก้มหน้าดูเวลาก็เป็นเวลาบ่ายสองโมงแล้ว จึงหยิบโทรศัพท์ออกมาโทรหาใครบางคน

ถือสายรออยู่ไม่นานก็มีคนรับ เธอถือโทรศัพท์แนบไว้ข้างหู หลังจากที่ได้ยินเสียงตอบรับจากฝ่ายตรงข้าม เธอก็ยิ้มออกมาน้อยๆ น้ำเสียงสดใสค่อยๆ ดังขึ้น เป็นภาษาฝรั่งเศสที่พูดได้อย่างคล่องแคล่ว

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ช้าก่อนคุณป๋อ! ครั้งนี้ขอเป็นรักสุดท้าย 405 เข้ามาเอี่ยว / 406 ละเลย

Now you are reading ช้าก่อนคุณป๋อ! ครั้งนี้ขอเป็นรักสุดท้าย Chapter 405 เข้ามาเอี่ยว / 406 ละเลย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 405 เข้ามาเอี่ยว

คำพูดของหยางลี่เวยเต็มไปด้วยความถากถางที่มีต่อเฉินฝานซิง ทว่าเฉินเชียนโหรวกลับนิ่งไป

ความสามารถของเฉินฝานซิงเป็นอย่างไร เธอรู้ดี

แต่ที่เธอไม่กังวลใจอะไรเกี่ยวกับเฉินฝานซิงเลย เพราะอีกฝ่ายไม่มีประสบการณ์การแข่งขันอะไรทั้งสิ้น

ซ้ำการแข่งขันเพียงครั้งเดียวที่เคยเข้าร่วมก็ยังโดนตราหน้าว่าลอกผลงาน อีกทั้งครั้งนี้ก็ดูเหมือนสวรรค์จะอยู่ข้างเธอ

การแข่งขันรอบคัดเลือกระดับประเทศจัดขึ้นที่มหาวิทยาลัย T พอดี

เรื่องที่ถูกใส่ร้ายในการแข่งขันเปียโนครั้งก่อน เธอทวงคืนความยุติธรรมให้ตัวเองได้สำเร็จแล้ว อย่างนั้นเรื่องการลอกผลงานครั้งนี้ เธอจะไม่ทำอย่างเดิมอีกได้หรือ

ท่ามกลางความกดดันขนาดนี้ เธอจะแสดงความสามารถออกมาอย่างเต็มที่ได้หรือ

ยิ่งไปกว่านั้น เธอจะปล่อยให้อีกฝ่ายได้แสดงความสามารถออกมาได้อย่างไร

ลอกผลงาน…

จู่ๆ ดวงตาของเฉินเชียนโหรวก็ฉายประกายสว่างออกมา

เมื่อนึกถึงจุดจบของเฉินฝานซิง สมองที่ตื้อของเฉินเชียนโหรวก่อนหน้านี้ก็เริ่มแล่นฉิวในทันที

อยากจะเข้ารอบระดับนานาชาติ อย่างนั้นเธอก็จะทำให้อีกฝ่าย “ตาย” ไปในรอบคัดเลือกเสียเลย

เช้าวันรุ่งขึ้น เฉินฝานซิงเก็บกวาดห้องเรียบร้อยก็ลงมาชั้นล่าง ทุกคนกำลังนั่งรับประทานอาหารเช้าในห้องอาหาร

เฉินฝานซิงเดินตรงดิ่งเข้าไป ก่อนจะลากเก้าอี้ตัวหนึ่งออกมาแล้วนั่งลงบน

เจียงหรงหรงและหยางลี่เวยชายตามองเธอ แต่ไม่ได้พูดอะไร

คนใช้ที่ยืนอยู่ด้านข้างเหลือบมองเฉินฝานซิงด้วยสายตารังเกียจปราดหนึ่ง แต่ก็ไม่มีท่าทีว่าจะขยับไปไหน

ไม่นานนัก เมื่อเห็นนมในแก้วของเฉินเชียนโหรวลดเหลือถึงก้นแก้วแล้ว สาวใช้คนนั้นก็รีบเข้าไปถาม

“คุณหนู จะรับเพิ่มไหมคะ”

เฉินเชียนโหรวพยักหน้าเบาๆ “ขออีกครึ่งแล้วกัน”

“ได้ค่ะ”

หญิงรับใช้ตอบรับ ก่อนจะเทนมให้เฉินเชียนโหรวอีกครึ่งแก้วด้วยความระมัดระวัง

จากนั้นก็กลับไปยืนที่เดิม สีหน้าแฝงไปด้วยความไม่พอใจและท้าทาย

ตรงหน้าของเฉินฝานซิงมีเพียงความว่างเปล่า นิ้วเรียวยาวของเธอกำลังเคาะขอบโต๊ะเบาๆ

เธอไม่พูดอะไร เจียงหรงหรงและหยางลี่เวยก็ทำเป็นมองไม่เห็น นั่งกินข้าวของตัวเองไปราวกับว่ารอบข้างไม่มีใคร

ผ่านไปสองนาที นิ้วที่เคาะโต๊ะอยู่ของเฉินฝานซิงหยุดนิ่ง จากนั้น เธอค่อยๆ ลุกขึ้นยืนแล้วเดินเข้าครัวไปหยิบอาหารเช้าออกมาเองหนึ่งชุด

หญิงรับใช้คนนั้นมีท่าทีลำพองตนมากกว่าเดิม สายตาที่ดูถูกเหยียดหยามแสดงออกอย่างชัดเจนมากขึ้น

ไม่เคยเจอใครหน้าหนาขนาดนี้มาก่อน ไม่มีอาหารเช้าวางไว้ให้ก็ยังเข้าไปหยิบจากในครัวออกมาเองอีก ไม่ได้กินสักมื้อจะหิวตายหรือยังไง

เฉินฝานซิงวางจานในมือลงบนโต๊ะอย่างกระแทกกระทั้นเสียงดังทำให้ทุกคนต่างก็หันไปมองเธออย่างไม่สบอย่างอารมณ์

เฉินฝานซิงไม่ได้นั่งลง แต่กลับเงยหน้าขึ้นมา มองไปทางสาวใช้ที่ชักสีหน้าใส่เธอในตอนแรก

“ข้าวเช้าฉันไปหยิบมาเองแล้ว”

สาวใช้สีหน้างุนงง

เจียงหรงหรงและคนอื่นๆ ก็มองเธอด้วยท่าทางข้องใจเช่นกัน

ไม่เข้าใจเลยว่าเธอต้องการจะทำอะไรอีกแล้ว

เฉินฝานซิงยกมุมปาก จ้องมองไปยังสาวใช้คนนั้น จากนั้นน้ำเสียงและคำพูดที่เย็นชาก็ออกมาจากริมฝีปากเรียวบางของเธอ

“ดูเหมือนสมองเธอจะไม่ค่อยไวเท่าไหร่นะ ฟังภาษาคนไม่รู้เรื่องเหรอ”

หลังจากที่เธอพูดคำนี้ออกมา เจียงหรงหรง หยางลี่เวย และเฉินเชียนโหรวต่างก็หน้าถอดสี

รู้ตัวทันทีว่าตัวเองต้องเข้ามาเอี่ยวในเรื่องนี้แล้ว

สีหน้าของหญิงรับใช้บ่งบอกถึงความไม่ยอมจำนน

“ฉันไม่รู้ว่าคุณหนูใหญ่หมายความว่ายังไง ในเมื่อไปยกอาหารเช้าออกมาเองแล้ว ก็เชิญคุณรับประทานได้เลย”

“ฉันจะเก็บเธอไว้ทำไม”

หญิงรับใช้ขมวดคิ้ว ยังไม่ทันที่เธอจะตอบสนอง เฉินฝานซิงก็พูดขึ้นมาอีกครั้งด้วยใบหน้าที่เฉยชา

“เมื่อกี้เธอเองก็เรียกฉันว่าคุณหนูใหญ่ แต่กลับให้ฉันไปยกอาหารเช้าออกมาเอง ฉันเก็บเธอไว้จะมีประโยชน์อะไร ตอนนี้ไปเก็บข้าวของของเธอแล้วรีบออกไปจากที่นี่ เธอโดนไล่ออกแล้ว”

สาวใช้ได้ยินดังนั้นก็หน้าเสียทันที สายตาวิงวอนร้องขอความช่วยเหลือทอดมองไปยังเฉินเชียนโหรวและหยางลี่เวย

ขณะนั้นเอง เจียงหรงหรงกลับพูดออกมาด้วยความเกรี้ยวกราดเสียก่อน

“แกนี่มันอวดดีจริงๆ แค่มื้อเช้าปรนนิบัติไม่ทั่วถึง เอะอะก็จะไล่ออกเลยเหรอ”

ตอนที่ 406 ละเลย

“แกนี่มันอวดดีจริงๆ แค่มื้อเช้าปรนนิบัติไม่ทั่วถึง เอะอะก็จะไล่ออกเลยเหรอ”

เฉินฝานซิงไม่สะทกสะท้าน “เธอมาอยู่ที่นี่ก็เพื่อที่จะปรนนิบัติพวกเรา ถ้าทำได้ไม่ทั่วถึงก็ต้องตกงาน หากเป็นในสมัยโบราณคงต้องโดนลากออกไปโบยจนตายแล้ว แต่ตอนนี้เป็นสังคมที่อยู่ภายใต้กฎหมายคุ้มครอง ฉันก็แค่ไล่เธออกก็เท่านั้น”

สาวใช้คนนั้นโกรธจนเลือดขึ้นหน้า นี่อีกฝ่ายเอาตัวเธอไปเทียบกับพวกทาสขัดดอกที่ไม่มีสิทธิ์มีเสียงในความเป็นมนุษย์อะไรเลยพวกนั้นเหรอ

ขณะนั้นเอง เฉินเชียนโหรวก็พูดเสริมทัพขึ้นมาอย่างถูกจังหวะ “พี่คะ เมื่อกี้เสี่ยวหลินกำลังรินนมให้ฉันอยู่ เลยอาจจะละเลยพี่ไปบ้าง พี่ลอง…”

เฉินฝานซิงชำเลืองมองเธออย่างไม่ใส่ใจ “ทำไมถึงเป็นฉันที่ถูกละเลย ฉันไม่ชอบใจ ไม่ต้องการเธออีก”

“…”

“…”

“พอสักที รีบไปนั่งกินข้าวเดี๋ยวนี้”

ความโมโหของเจียงหรงหรงเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว รีบตะคอกใส่เฉินฝานซิงทันที ทำให้สาวใช้ที่ชื่อเสี่ยวหลินเชิดหน้าชูคอด้วยท่าทางแข็งข้อไม่ยอมแพ้

เฉินฝานซิงยิ้มมุมปากอย่างเยือกเย็นพร้อมกับจ้องเขม็งไปทางใบหน้าลำพองตนของเสี่ยวหลิน ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมายกสายหาใครบางคน

“ฮัลโหล คุณปู่ ช่วยออกมาไล่คนใช้คนหนึ่งให้หนูหน่อยได้ไหมคะ…เรื่องอะไรน่ะเหรอ จงใจไม่เตรียมอาหารเช้าให้หนู นับไหมคะ เหอะ…หนูเหรอ คำพูดหนูไม่มีน้ำหนัก แม้แต่คนใช้ก็ยังชักสีหน้าใส่หนู หนูรับมือไม่ไหว…ขอบคุณค่ะคุณปู่”

หลังจากที่วางสาย สีหน้าของทุกคนบนโต๊ะก็อึมครึมลงไปถนัดตา

สีหน้าของเสี่ยวหลินยิ่งลนลานอย่างเห็นได้ชัดกว่าใคร เงินเดือนที่สกุลเฉินไม่ใช่น้อยๆ เธอไม่มีวุฒิการศึกษา ออกไปหางานใหม่ทำ เกรงว่าจะหางานที่มีสวัสดิการดีแบบนี้ได้ยาก

แต่ถ้าเรียกคุณท่านออกมาแบบนี้ เธอคง…

เฉินฝานซิงไม่ได้กินข้าวเช้าต่อ เพียงแต่หยิบกระเป๋าที่วางอยู่ข้างๆ ขึ้นมาแล้วเดินออกไปด้านนอกด้วยสีหน้าเย็นชา

ขณะที่เดินไปถึงหน้าประตู มีคนใช้คนหนึ่งกำลังถือตระกร้าผลไม้เดินไปมาทำให้ชนเข้ากับเฉินฝานซิงโดยไม่ทันระวัง มะเขือเทศในตะกร้าหล่นลงพื้น น้ำจากผลมะเขือเทศกระเด็นมาโดนรองเท้าส้นสูงสีขาวของเฉินฝานซิงทันที

สาวใช้สะดุ้งตกใจ เธอรู้ดีว่าทำงานในบ้านคนรวย เสื้อผ้าทุกชิ้นที่อยู่บนตัวของพวกเขาเพียงชิ้นเดียวก็เท่ากับเงินเดือนของพวกเธอหลายปีแล้ว

ตอนนี้รองเท้าของเฉินฝานซิงเลอะเทอหมดแล้ว เธอจะ…ไปมีปัญญาชดใช้ได้ที่ไหน

“ขอโทษค่ะ คุณหนูใหญ่ ฉันจะช่วยคุณเช็ด…”

คนใช้พูดด้วยความลนลานทำอะไรไม่ถูก ระหว่างนั้นเองก็ก้มลงเช็ดน้ำมะเขือเทศบนรองเท้าของเฉินฝานซิง ทว่าเฉินฝานซิงกลับรีบดึงเท้ากลับไปอย่างรวดเร็ว

“คุณหนูใหญ่…”

สาวใช้เงยหน้าขึ้นมามองเธอ เฉินฝานซิงกลับส่ายหน้าแล้วพูดกับเธอ

“ไม่เป็นไร เธอไปทำงานของเธอเถอะ”

สาวใช้ชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะรีบหยิบกระดาษทิชชู่ในกล่องยื่นให้เฉินฝานซิง

“ขอบคุณ”

เฉินฝานซิงรับมาแต่โดยดี ก่อนจะก้มตัวลงไปเช็ดน้ำมะเทศบนรองเท้า ระหว่างที่กำลังจะลุกขึ้นมา เธอยังเอื้อมไปหยิบมะเขือเทศที่ยังไม่เละกลับขึ้นมาแล้วยื่นให้คนใช้ด้วย จากนั้นก็หันหลังเดินจากไปในทันที

สาวใช้มองแผ่นหลังของเฉินฝานซิงค่อยๆ ห่างออกไป สีหน้ากระวนกระวายเล็กน้อย ใครๆ ก็บอกว่าคุณหนูใหญ่เป็นคนอำมหิต แถมอารมณ์ร้ายอีกต่างหาก แต่เมื่อกี้…มันไม่ใช่อย่างนั้นเลยด้วยซ้ำ

เธอรับรู้ได้ถึงความอ่อนโยนและเอาใจใส่ของคุณหนูใหญ่ ถึงแม้ภายนอกจะดูเย็นชาอย่างเคยก็ตาม

หลังจากที่ขับรถมาถึงบริษัท เฉินฝานซิงก็เริ่มทำงานงกๆ ตลอดทั้งช่วงเช้าโดยไม่ได้หยุดพัก

ตอนเที่ยงเธอขับรถออกไปด้านนอก จากนั้นก็กลับมาดูเอกสารต่ออีกสองชุด เมื่อก้มหน้าดูเวลาก็เป็นเวลาบ่ายสองโมงแล้ว จึงหยิบโทรศัพท์ออกมาโทรหาใครบางคน

ถือสายรออยู่ไม่นานก็มีคนรับ เธอถือโทรศัพท์แนบไว้ข้างหู หลังจากที่ได้ยินเสียงตอบรับจากฝ่ายตรงข้าม เธอก็ยิ้มออกมาน้อยๆ น้ำเสียงสดใสค่อยๆ ดังขึ้น เป็นภาษาฝรั่งเศสที่พูดได้อย่างคล่องแคล่ว

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ช้าก่อนคุณป๋อ! ครั้งนี้ขอเป็นรักสุดท้าย 405 เข้ามาเอี่ยว / 406 ละเลย

Now you are reading ช้าก่อนคุณป๋อ! ครั้งนี้ขอเป็นรักสุดท้าย Chapter 405 เข้ามาเอี่ยว / 406 ละเลย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 405 เข้ามาเอี่ยว

คำพูดของหยางลี่เวยเต็มไปด้วยความถากถางที่มีต่อเฉินฝานซิง ทว่าเฉินเชียนโหรวกลับนิ่งไป

ความสามารถของเฉินฝานซิงเป็นอย่างไร เธอรู้ดี

แต่ที่เธอไม่กังวลใจอะไรเกี่ยวกับเฉินฝานซิงเลย เพราะอีกฝ่ายไม่มีประสบการณ์การแข่งขันอะไรทั้งสิ้น

ซ้ำการแข่งขันเพียงครั้งเดียวที่เคยเข้าร่วมก็ยังโดนตราหน้าว่าลอกผลงาน อีกทั้งครั้งนี้ก็ดูเหมือนสวรรค์จะอยู่ข้างเธอ

การแข่งขันรอบคัดเลือกระดับประเทศจัดขึ้นที่มหาวิทยาลัย T พอดี

เรื่องที่ถูกใส่ร้ายในการแข่งขันเปียโนครั้งก่อน เธอทวงคืนความยุติธรรมให้ตัวเองได้สำเร็จแล้ว อย่างนั้นเรื่องการลอกผลงานครั้งนี้ เธอจะไม่ทำอย่างเดิมอีกได้หรือ

ท่ามกลางความกดดันขนาดนี้ เธอจะแสดงความสามารถออกมาอย่างเต็มที่ได้หรือ

ยิ่งไปกว่านั้น เธอจะปล่อยให้อีกฝ่ายได้แสดงความสามารถออกมาได้อย่างไร

ลอกผลงาน…

จู่ๆ ดวงตาของเฉินเชียนโหรวก็ฉายประกายสว่างออกมา

เมื่อนึกถึงจุดจบของเฉินฝานซิง สมองที่ตื้อของเฉินเชียนโหรวก่อนหน้านี้ก็เริ่มแล่นฉิวในทันที

อยากจะเข้ารอบระดับนานาชาติ อย่างนั้นเธอก็จะทำให้อีกฝ่าย “ตาย” ไปในรอบคัดเลือกเสียเลย

เช้าวันรุ่งขึ้น เฉินฝานซิงเก็บกวาดห้องเรียบร้อยก็ลงมาชั้นล่าง ทุกคนกำลังนั่งรับประทานอาหารเช้าในห้องอาหาร

เฉินฝานซิงเดินตรงดิ่งเข้าไป ก่อนจะลากเก้าอี้ตัวหนึ่งออกมาแล้วนั่งลงบน

เจียงหรงหรงและหยางลี่เวยชายตามองเธอ แต่ไม่ได้พูดอะไร

คนใช้ที่ยืนอยู่ด้านข้างเหลือบมองเฉินฝานซิงด้วยสายตารังเกียจปราดหนึ่ง แต่ก็ไม่มีท่าทีว่าจะขยับไปไหน

ไม่นานนัก เมื่อเห็นนมในแก้วของเฉินเชียนโหรวลดเหลือถึงก้นแก้วแล้ว สาวใช้คนนั้นก็รีบเข้าไปถาม

“คุณหนู จะรับเพิ่มไหมคะ”

เฉินเชียนโหรวพยักหน้าเบาๆ “ขออีกครึ่งแล้วกัน”

“ได้ค่ะ”

หญิงรับใช้ตอบรับ ก่อนจะเทนมให้เฉินเชียนโหรวอีกครึ่งแก้วด้วยความระมัดระวัง

จากนั้นก็กลับไปยืนที่เดิม สีหน้าแฝงไปด้วยความไม่พอใจและท้าทาย

ตรงหน้าของเฉินฝานซิงมีเพียงความว่างเปล่า นิ้วเรียวยาวของเธอกำลังเคาะขอบโต๊ะเบาๆ

เธอไม่พูดอะไร เจียงหรงหรงและหยางลี่เวยก็ทำเป็นมองไม่เห็น นั่งกินข้าวของตัวเองไปราวกับว่ารอบข้างไม่มีใคร

ผ่านไปสองนาที นิ้วที่เคาะโต๊ะอยู่ของเฉินฝานซิงหยุดนิ่ง จากนั้น เธอค่อยๆ ลุกขึ้นยืนแล้วเดินเข้าครัวไปหยิบอาหารเช้าออกมาเองหนึ่งชุด

หญิงรับใช้คนนั้นมีท่าทีลำพองตนมากกว่าเดิม สายตาที่ดูถูกเหยียดหยามแสดงออกอย่างชัดเจนมากขึ้น

ไม่เคยเจอใครหน้าหนาขนาดนี้มาก่อน ไม่มีอาหารเช้าวางไว้ให้ก็ยังเข้าไปหยิบจากในครัวออกมาเองอีก ไม่ได้กินสักมื้อจะหิวตายหรือยังไง

เฉินฝานซิงวางจานในมือลงบนโต๊ะอย่างกระแทกกระทั้นเสียงดังทำให้ทุกคนต่างก็หันไปมองเธออย่างไม่สบอย่างอารมณ์

เฉินฝานซิงไม่ได้นั่งลง แต่กลับเงยหน้าขึ้นมา มองไปทางสาวใช้ที่ชักสีหน้าใส่เธอในตอนแรก

“ข้าวเช้าฉันไปหยิบมาเองแล้ว”

สาวใช้สีหน้างุนงง

เจียงหรงหรงและคนอื่นๆ ก็มองเธอด้วยท่าทางข้องใจเช่นกัน

ไม่เข้าใจเลยว่าเธอต้องการจะทำอะไรอีกแล้ว

เฉินฝานซิงยกมุมปาก จ้องมองไปยังสาวใช้คนนั้น จากนั้นน้ำเสียงและคำพูดที่เย็นชาก็ออกมาจากริมฝีปากเรียวบางของเธอ

“ดูเหมือนสมองเธอจะไม่ค่อยไวเท่าไหร่นะ ฟังภาษาคนไม่รู้เรื่องเหรอ”

หลังจากที่เธอพูดคำนี้ออกมา เจียงหรงหรง หยางลี่เวย และเฉินเชียนโหรวต่างก็หน้าถอดสี

รู้ตัวทันทีว่าตัวเองต้องเข้ามาเอี่ยวในเรื่องนี้แล้ว

สีหน้าของหญิงรับใช้บ่งบอกถึงความไม่ยอมจำนน

“ฉันไม่รู้ว่าคุณหนูใหญ่หมายความว่ายังไง ในเมื่อไปยกอาหารเช้าออกมาเองแล้ว ก็เชิญคุณรับประทานได้เลย”

“ฉันจะเก็บเธอไว้ทำไม”

หญิงรับใช้ขมวดคิ้ว ยังไม่ทันที่เธอจะตอบสนอง เฉินฝานซิงก็พูดขึ้นมาอีกครั้งด้วยใบหน้าที่เฉยชา

“เมื่อกี้เธอเองก็เรียกฉันว่าคุณหนูใหญ่ แต่กลับให้ฉันไปยกอาหารเช้าออกมาเอง ฉันเก็บเธอไว้จะมีประโยชน์อะไร ตอนนี้ไปเก็บข้าวของของเธอแล้วรีบออกไปจากที่นี่ เธอโดนไล่ออกแล้ว”

สาวใช้ได้ยินดังนั้นก็หน้าเสียทันที สายตาวิงวอนร้องขอความช่วยเหลือทอดมองไปยังเฉินเชียนโหรวและหยางลี่เวย

ขณะนั้นเอง เจียงหรงหรงกลับพูดออกมาด้วยความเกรี้ยวกราดเสียก่อน

“แกนี่มันอวดดีจริงๆ แค่มื้อเช้าปรนนิบัติไม่ทั่วถึง เอะอะก็จะไล่ออกเลยเหรอ”

ตอนที่ 406 ละเลย

“แกนี่มันอวดดีจริงๆ แค่มื้อเช้าปรนนิบัติไม่ทั่วถึง เอะอะก็จะไล่ออกเลยเหรอ”

เฉินฝานซิงไม่สะทกสะท้าน “เธอมาอยู่ที่นี่ก็เพื่อที่จะปรนนิบัติพวกเรา ถ้าทำได้ไม่ทั่วถึงก็ต้องตกงาน หากเป็นในสมัยโบราณคงต้องโดนลากออกไปโบยจนตายแล้ว แต่ตอนนี้เป็นสังคมที่อยู่ภายใต้กฎหมายคุ้มครอง ฉันก็แค่ไล่เธออกก็เท่านั้น”

สาวใช้คนนั้นโกรธจนเลือดขึ้นหน้า นี่อีกฝ่ายเอาตัวเธอไปเทียบกับพวกทาสขัดดอกที่ไม่มีสิทธิ์มีเสียงในความเป็นมนุษย์อะไรเลยพวกนั้นเหรอ

ขณะนั้นเอง เฉินเชียนโหรวก็พูดเสริมทัพขึ้นมาอย่างถูกจังหวะ “พี่คะ เมื่อกี้เสี่ยวหลินกำลังรินนมให้ฉันอยู่ เลยอาจจะละเลยพี่ไปบ้าง พี่ลอง…”

เฉินฝานซิงชำเลืองมองเธออย่างไม่ใส่ใจ “ทำไมถึงเป็นฉันที่ถูกละเลย ฉันไม่ชอบใจ ไม่ต้องการเธออีก”

“…”

“…”

“พอสักที รีบไปนั่งกินข้าวเดี๋ยวนี้”

ความโมโหของเจียงหรงหรงเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว รีบตะคอกใส่เฉินฝานซิงทันที ทำให้สาวใช้ที่ชื่อเสี่ยวหลินเชิดหน้าชูคอด้วยท่าทางแข็งข้อไม่ยอมแพ้

เฉินฝานซิงยิ้มมุมปากอย่างเยือกเย็นพร้อมกับจ้องเขม็งไปทางใบหน้าลำพองตนของเสี่ยวหลิน ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมายกสายหาใครบางคน

“ฮัลโหล คุณปู่ ช่วยออกมาไล่คนใช้คนหนึ่งให้หนูหน่อยได้ไหมคะ…เรื่องอะไรน่ะเหรอ จงใจไม่เตรียมอาหารเช้าให้หนู นับไหมคะ เหอะ…หนูเหรอ คำพูดหนูไม่มีน้ำหนัก แม้แต่คนใช้ก็ยังชักสีหน้าใส่หนู หนูรับมือไม่ไหว…ขอบคุณค่ะคุณปู่”

หลังจากที่วางสาย สีหน้าของทุกคนบนโต๊ะก็อึมครึมลงไปถนัดตา

สีหน้าของเสี่ยวหลินยิ่งลนลานอย่างเห็นได้ชัดกว่าใคร เงินเดือนที่สกุลเฉินไม่ใช่น้อยๆ เธอไม่มีวุฒิการศึกษา ออกไปหางานใหม่ทำ เกรงว่าจะหางานที่มีสวัสดิการดีแบบนี้ได้ยาก

แต่ถ้าเรียกคุณท่านออกมาแบบนี้ เธอคง…

เฉินฝานซิงไม่ได้กินข้าวเช้าต่อ เพียงแต่หยิบกระเป๋าที่วางอยู่ข้างๆ ขึ้นมาแล้วเดินออกไปด้านนอกด้วยสีหน้าเย็นชา

ขณะที่เดินไปถึงหน้าประตู มีคนใช้คนหนึ่งกำลังถือตระกร้าผลไม้เดินไปมาทำให้ชนเข้ากับเฉินฝานซิงโดยไม่ทันระวัง มะเขือเทศในตะกร้าหล่นลงพื้น น้ำจากผลมะเขือเทศกระเด็นมาโดนรองเท้าส้นสูงสีขาวของเฉินฝานซิงทันที

สาวใช้สะดุ้งตกใจ เธอรู้ดีว่าทำงานในบ้านคนรวย เสื้อผ้าทุกชิ้นที่อยู่บนตัวของพวกเขาเพียงชิ้นเดียวก็เท่ากับเงินเดือนของพวกเธอหลายปีแล้ว

ตอนนี้รองเท้าของเฉินฝานซิงเลอะเทอหมดแล้ว เธอจะ…ไปมีปัญญาชดใช้ได้ที่ไหน

“ขอโทษค่ะ คุณหนูใหญ่ ฉันจะช่วยคุณเช็ด…”

คนใช้พูดด้วยความลนลานทำอะไรไม่ถูก ระหว่างนั้นเองก็ก้มลงเช็ดน้ำมะเขือเทศบนรองเท้าของเฉินฝานซิง ทว่าเฉินฝานซิงกลับรีบดึงเท้ากลับไปอย่างรวดเร็ว

“คุณหนูใหญ่…”

สาวใช้เงยหน้าขึ้นมามองเธอ เฉินฝานซิงกลับส่ายหน้าแล้วพูดกับเธอ

“ไม่เป็นไร เธอไปทำงานของเธอเถอะ”

สาวใช้ชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะรีบหยิบกระดาษทิชชู่ในกล่องยื่นให้เฉินฝานซิง

“ขอบคุณ”

เฉินฝานซิงรับมาแต่โดยดี ก่อนจะก้มตัวลงไปเช็ดน้ำมะเทศบนรองเท้า ระหว่างที่กำลังจะลุกขึ้นมา เธอยังเอื้อมไปหยิบมะเขือเทศที่ยังไม่เละกลับขึ้นมาแล้วยื่นให้คนใช้ด้วย จากนั้นก็หันหลังเดินจากไปในทันที

สาวใช้มองแผ่นหลังของเฉินฝานซิงค่อยๆ ห่างออกไป สีหน้ากระวนกระวายเล็กน้อย ใครๆ ก็บอกว่าคุณหนูใหญ่เป็นคนอำมหิต แถมอารมณ์ร้ายอีกต่างหาก แต่เมื่อกี้…มันไม่ใช่อย่างนั้นเลยด้วยซ้ำ

เธอรับรู้ได้ถึงความอ่อนโยนและเอาใจใส่ของคุณหนูใหญ่ ถึงแม้ภายนอกจะดูเย็นชาอย่างเคยก็ตาม

หลังจากที่ขับรถมาถึงบริษัท เฉินฝานซิงก็เริ่มทำงานงกๆ ตลอดทั้งช่วงเช้าโดยไม่ได้หยุดพัก

ตอนเที่ยงเธอขับรถออกไปด้านนอก จากนั้นก็กลับมาดูเอกสารต่ออีกสองชุด เมื่อก้มหน้าดูเวลาก็เป็นเวลาบ่ายสองโมงแล้ว จึงหยิบโทรศัพท์ออกมาโทรหาใครบางคน

ถือสายรออยู่ไม่นานก็มีคนรับ เธอถือโทรศัพท์แนบไว้ข้างหู หลังจากที่ได้ยินเสียงตอบรับจากฝ่ายตรงข้าม เธอก็ยิ้มออกมาน้อยๆ น้ำเสียงสดใสค่อยๆ ดังขึ้น เป็นภาษาฝรั่งเศสที่พูดได้อย่างคล่องแคล่ว

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ช้าก่อนคุณป๋อ! ครั้งนี้ขอเป็นรักสุดท้าย 405 เข้ามาเอี่ยว / 406 ละเลย

Now you are reading ช้าก่อนคุณป๋อ! ครั้งนี้ขอเป็นรักสุดท้าย Chapter 405 เข้ามาเอี่ยว / 406 ละเลย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 405 เข้ามาเอี่ยว

คำพูดของหยางลี่เวยเต็มไปด้วยความถากถางที่มีต่อเฉินฝานซิง ทว่าเฉินเชียนโหรวกลับนิ่งไป

ความสามารถของเฉินฝานซิงเป็นอย่างไร เธอรู้ดี

แต่ที่เธอไม่กังวลใจอะไรเกี่ยวกับเฉินฝานซิงเลย เพราะอีกฝ่ายไม่มีประสบการณ์การแข่งขันอะไรทั้งสิ้น

ซ้ำการแข่งขันเพียงครั้งเดียวที่เคยเข้าร่วมก็ยังโดนตราหน้าว่าลอกผลงาน อีกทั้งครั้งนี้ก็ดูเหมือนสวรรค์จะอยู่ข้างเธอ

การแข่งขันรอบคัดเลือกระดับประเทศจัดขึ้นที่มหาวิทยาลัย T พอดี

เรื่องที่ถูกใส่ร้ายในการแข่งขันเปียโนครั้งก่อน เธอทวงคืนความยุติธรรมให้ตัวเองได้สำเร็จแล้ว อย่างนั้นเรื่องการลอกผลงานครั้งนี้ เธอจะไม่ทำอย่างเดิมอีกได้หรือ

ท่ามกลางความกดดันขนาดนี้ เธอจะแสดงความสามารถออกมาอย่างเต็มที่ได้หรือ

ยิ่งไปกว่านั้น เธอจะปล่อยให้อีกฝ่ายได้แสดงความสามารถออกมาได้อย่างไร

ลอกผลงาน…

จู่ๆ ดวงตาของเฉินเชียนโหรวก็ฉายประกายสว่างออกมา

เมื่อนึกถึงจุดจบของเฉินฝานซิง สมองที่ตื้อของเฉินเชียนโหรวก่อนหน้านี้ก็เริ่มแล่นฉิวในทันที

อยากจะเข้ารอบระดับนานาชาติ อย่างนั้นเธอก็จะทำให้อีกฝ่าย “ตาย” ไปในรอบคัดเลือกเสียเลย

เช้าวันรุ่งขึ้น เฉินฝานซิงเก็บกวาดห้องเรียบร้อยก็ลงมาชั้นล่าง ทุกคนกำลังนั่งรับประทานอาหารเช้าในห้องอาหาร

เฉินฝานซิงเดินตรงดิ่งเข้าไป ก่อนจะลากเก้าอี้ตัวหนึ่งออกมาแล้วนั่งลงบน

เจียงหรงหรงและหยางลี่เวยชายตามองเธอ แต่ไม่ได้พูดอะไร

คนใช้ที่ยืนอยู่ด้านข้างเหลือบมองเฉินฝานซิงด้วยสายตารังเกียจปราดหนึ่ง แต่ก็ไม่มีท่าทีว่าจะขยับไปไหน

ไม่นานนัก เมื่อเห็นนมในแก้วของเฉินเชียนโหรวลดเหลือถึงก้นแก้วแล้ว สาวใช้คนนั้นก็รีบเข้าไปถาม

“คุณหนู จะรับเพิ่มไหมคะ”

เฉินเชียนโหรวพยักหน้าเบาๆ “ขออีกครึ่งแล้วกัน”

“ได้ค่ะ”

หญิงรับใช้ตอบรับ ก่อนจะเทนมให้เฉินเชียนโหรวอีกครึ่งแก้วด้วยความระมัดระวัง

จากนั้นก็กลับไปยืนที่เดิม สีหน้าแฝงไปด้วยความไม่พอใจและท้าทาย

ตรงหน้าของเฉินฝานซิงมีเพียงความว่างเปล่า นิ้วเรียวยาวของเธอกำลังเคาะขอบโต๊ะเบาๆ

เธอไม่พูดอะไร เจียงหรงหรงและหยางลี่เวยก็ทำเป็นมองไม่เห็น นั่งกินข้าวของตัวเองไปราวกับว่ารอบข้างไม่มีใคร

ผ่านไปสองนาที นิ้วที่เคาะโต๊ะอยู่ของเฉินฝานซิงหยุดนิ่ง จากนั้น เธอค่อยๆ ลุกขึ้นยืนแล้วเดินเข้าครัวไปหยิบอาหารเช้าออกมาเองหนึ่งชุด

หญิงรับใช้คนนั้นมีท่าทีลำพองตนมากกว่าเดิม สายตาที่ดูถูกเหยียดหยามแสดงออกอย่างชัดเจนมากขึ้น

ไม่เคยเจอใครหน้าหนาขนาดนี้มาก่อน ไม่มีอาหารเช้าวางไว้ให้ก็ยังเข้าไปหยิบจากในครัวออกมาเองอีก ไม่ได้กินสักมื้อจะหิวตายหรือยังไง

เฉินฝานซิงวางจานในมือลงบนโต๊ะอย่างกระแทกกระทั้นเสียงดังทำให้ทุกคนต่างก็หันไปมองเธออย่างไม่สบอย่างอารมณ์

เฉินฝานซิงไม่ได้นั่งลง แต่กลับเงยหน้าขึ้นมา มองไปทางสาวใช้ที่ชักสีหน้าใส่เธอในตอนแรก

“ข้าวเช้าฉันไปหยิบมาเองแล้ว”

สาวใช้สีหน้างุนงง

เจียงหรงหรงและคนอื่นๆ ก็มองเธอด้วยท่าทางข้องใจเช่นกัน

ไม่เข้าใจเลยว่าเธอต้องการจะทำอะไรอีกแล้ว

เฉินฝานซิงยกมุมปาก จ้องมองไปยังสาวใช้คนนั้น จากนั้นน้ำเสียงและคำพูดที่เย็นชาก็ออกมาจากริมฝีปากเรียวบางของเธอ

“ดูเหมือนสมองเธอจะไม่ค่อยไวเท่าไหร่นะ ฟังภาษาคนไม่รู้เรื่องเหรอ”

หลังจากที่เธอพูดคำนี้ออกมา เจียงหรงหรง หยางลี่เวย และเฉินเชียนโหรวต่างก็หน้าถอดสี

รู้ตัวทันทีว่าตัวเองต้องเข้ามาเอี่ยวในเรื่องนี้แล้ว

สีหน้าของหญิงรับใช้บ่งบอกถึงความไม่ยอมจำนน

“ฉันไม่รู้ว่าคุณหนูใหญ่หมายความว่ายังไง ในเมื่อไปยกอาหารเช้าออกมาเองแล้ว ก็เชิญคุณรับประทานได้เลย”

“ฉันจะเก็บเธอไว้ทำไม”

หญิงรับใช้ขมวดคิ้ว ยังไม่ทันที่เธอจะตอบสนอง เฉินฝานซิงก็พูดขึ้นมาอีกครั้งด้วยใบหน้าที่เฉยชา

“เมื่อกี้เธอเองก็เรียกฉันว่าคุณหนูใหญ่ แต่กลับให้ฉันไปยกอาหารเช้าออกมาเอง ฉันเก็บเธอไว้จะมีประโยชน์อะไร ตอนนี้ไปเก็บข้าวของของเธอแล้วรีบออกไปจากที่นี่ เธอโดนไล่ออกแล้ว”

สาวใช้ได้ยินดังนั้นก็หน้าเสียทันที สายตาวิงวอนร้องขอความช่วยเหลือทอดมองไปยังเฉินเชียนโหรวและหยางลี่เวย

ขณะนั้นเอง เจียงหรงหรงกลับพูดออกมาด้วยความเกรี้ยวกราดเสียก่อน

“แกนี่มันอวดดีจริงๆ แค่มื้อเช้าปรนนิบัติไม่ทั่วถึง เอะอะก็จะไล่ออกเลยเหรอ”

ตอนที่ 406 ละเลย

“แกนี่มันอวดดีจริงๆ แค่มื้อเช้าปรนนิบัติไม่ทั่วถึง เอะอะก็จะไล่ออกเลยเหรอ”

เฉินฝานซิงไม่สะทกสะท้าน “เธอมาอยู่ที่นี่ก็เพื่อที่จะปรนนิบัติพวกเรา ถ้าทำได้ไม่ทั่วถึงก็ต้องตกงาน หากเป็นในสมัยโบราณคงต้องโดนลากออกไปโบยจนตายแล้ว แต่ตอนนี้เป็นสังคมที่อยู่ภายใต้กฎหมายคุ้มครอง ฉันก็แค่ไล่เธออกก็เท่านั้น”

สาวใช้คนนั้นโกรธจนเลือดขึ้นหน้า นี่อีกฝ่ายเอาตัวเธอไปเทียบกับพวกทาสขัดดอกที่ไม่มีสิทธิ์มีเสียงในความเป็นมนุษย์อะไรเลยพวกนั้นเหรอ

ขณะนั้นเอง เฉินเชียนโหรวก็พูดเสริมทัพขึ้นมาอย่างถูกจังหวะ “พี่คะ เมื่อกี้เสี่ยวหลินกำลังรินนมให้ฉันอยู่ เลยอาจจะละเลยพี่ไปบ้าง พี่ลอง…”

เฉินฝานซิงชำเลืองมองเธออย่างไม่ใส่ใจ “ทำไมถึงเป็นฉันที่ถูกละเลย ฉันไม่ชอบใจ ไม่ต้องการเธออีก”

“…”

“…”

“พอสักที รีบไปนั่งกินข้าวเดี๋ยวนี้”

ความโมโหของเจียงหรงหรงเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว รีบตะคอกใส่เฉินฝานซิงทันที ทำให้สาวใช้ที่ชื่อเสี่ยวหลินเชิดหน้าชูคอด้วยท่าทางแข็งข้อไม่ยอมแพ้

เฉินฝานซิงยิ้มมุมปากอย่างเยือกเย็นพร้อมกับจ้องเขม็งไปทางใบหน้าลำพองตนของเสี่ยวหลิน ก่อนจะหยิบโทรศัพท์ขึ้นมายกสายหาใครบางคน

“ฮัลโหล คุณปู่ ช่วยออกมาไล่คนใช้คนหนึ่งให้หนูหน่อยได้ไหมคะ…เรื่องอะไรน่ะเหรอ จงใจไม่เตรียมอาหารเช้าให้หนู นับไหมคะ เหอะ…หนูเหรอ คำพูดหนูไม่มีน้ำหนัก แม้แต่คนใช้ก็ยังชักสีหน้าใส่หนู หนูรับมือไม่ไหว…ขอบคุณค่ะคุณปู่”

หลังจากที่วางสาย สีหน้าของทุกคนบนโต๊ะก็อึมครึมลงไปถนัดตา

สีหน้าของเสี่ยวหลินยิ่งลนลานอย่างเห็นได้ชัดกว่าใคร เงินเดือนที่สกุลเฉินไม่ใช่น้อยๆ เธอไม่มีวุฒิการศึกษา ออกไปหางานใหม่ทำ เกรงว่าจะหางานที่มีสวัสดิการดีแบบนี้ได้ยาก

แต่ถ้าเรียกคุณท่านออกมาแบบนี้ เธอคง…

เฉินฝานซิงไม่ได้กินข้าวเช้าต่อ เพียงแต่หยิบกระเป๋าที่วางอยู่ข้างๆ ขึ้นมาแล้วเดินออกไปด้านนอกด้วยสีหน้าเย็นชา

ขณะที่เดินไปถึงหน้าประตู มีคนใช้คนหนึ่งกำลังถือตระกร้าผลไม้เดินไปมาทำให้ชนเข้ากับเฉินฝานซิงโดยไม่ทันระวัง มะเขือเทศในตะกร้าหล่นลงพื้น น้ำจากผลมะเขือเทศกระเด็นมาโดนรองเท้าส้นสูงสีขาวของเฉินฝานซิงทันที

สาวใช้สะดุ้งตกใจ เธอรู้ดีว่าทำงานในบ้านคนรวย เสื้อผ้าทุกชิ้นที่อยู่บนตัวของพวกเขาเพียงชิ้นเดียวก็เท่ากับเงินเดือนของพวกเธอหลายปีแล้ว

ตอนนี้รองเท้าของเฉินฝานซิงเลอะเทอหมดแล้ว เธอจะ…ไปมีปัญญาชดใช้ได้ที่ไหน

“ขอโทษค่ะ คุณหนูใหญ่ ฉันจะช่วยคุณเช็ด…”

คนใช้พูดด้วยความลนลานทำอะไรไม่ถูก ระหว่างนั้นเองก็ก้มลงเช็ดน้ำมะเขือเทศบนรองเท้าของเฉินฝานซิง ทว่าเฉินฝานซิงกลับรีบดึงเท้ากลับไปอย่างรวดเร็ว

“คุณหนูใหญ่…”

สาวใช้เงยหน้าขึ้นมามองเธอ เฉินฝานซิงกลับส่ายหน้าแล้วพูดกับเธอ

“ไม่เป็นไร เธอไปทำงานของเธอเถอะ”

สาวใช้ชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะรีบหยิบกระดาษทิชชู่ในกล่องยื่นให้เฉินฝานซิง

“ขอบคุณ”

เฉินฝานซิงรับมาแต่โดยดี ก่อนจะก้มตัวลงไปเช็ดน้ำมะเทศบนรองเท้า ระหว่างที่กำลังจะลุกขึ้นมา เธอยังเอื้อมไปหยิบมะเขือเทศที่ยังไม่เละกลับขึ้นมาแล้วยื่นให้คนใช้ด้วย จากนั้นก็หันหลังเดินจากไปในทันที

สาวใช้มองแผ่นหลังของเฉินฝานซิงค่อยๆ ห่างออกไป สีหน้ากระวนกระวายเล็กน้อย ใครๆ ก็บอกว่าคุณหนูใหญ่เป็นคนอำมหิต แถมอารมณ์ร้ายอีกต่างหาก แต่เมื่อกี้…มันไม่ใช่อย่างนั้นเลยด้วยซ้ำ

เธอรับรู้ได้ถึงความอ่อนโยนและเอาใจใส่ของคุณหนูใหญ่ ถึงแม้ภายนอกจะดูเย็นชาอย่างเคยก็ตาม

หลังจากที่ขับรถมาถึงบริษัท เฉินฝานซิงก็เริ่มทำงานงกๆ ตลอดทั้งช่วงเช้าโดยไม่ได้หยุดพัก

ตอนเที่ยงเธอขับรถออกไปด้านนอก จากนั้นก็กลับมาดูเอกสารต่ออีกสองชุด เมื่อก้มหน้าดูเวลาก็เป็นเวลาบ่ายสองโมงแล้ว จึงหยิบโทรศัพท์ออกมาโทรหาใครบางคน

ถือสายรออยู่ไม่นานก็มีคนรับ เธอถือโทรศัพท์แนบไว้ข้างหู หลังจากที่ได้ยินเสียงตอบรับจากฝ่ายตรงข้าม เธอก็ยิ้มออกมาน้อยๆ น้ำเสียงสดใสค่อยๆ ดังขึ้น เป็นภาษาฝรั่งเศสที่พูดได้อย่างคล่องแคล่ว

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+