ช้าก่อนคุณป๋อ! ครั้งนี้ขอเป็นรักสุดท้าย 397 ถ้าผมชนะ เธอเป็นของผม / 398 จำเป็นต้องทรมานคนโสดขนาดนี้เลยเหรอ

Now you are reading ช้าก่อนคุณป๋อ! ครั้งนี้ขอเป็นรักสุดท้าย Chapter 397 ถ้าผมชนะ เธอเป็นของผม / 398 จำเป็นต้องทรมานคนโสดขนาดนี้เลยเหรอ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 397 ถ้าผมชนะ เธอเป็นของผม

รถเบนซ์นำเข้ารุ่นท็อปค่อยๆ ขับเข้ามาในบริเวณคฤหาสน์ เสียงประตูรถปิดดัง “ปัง” ดังเข้าไปถึงโถงรับแขก

สีหน้าของป๋อจิ่งชวนนิ่งขรึมขึ้นว่าเดิม พร้อมกับมีกลิ่นอายเยือกเย็นแผ่ออกมา

“คุณ…คุณชาย คุณกลับมาแล้วเหรอ”

เสียงของผู้ดูแลบ้านที่อยู่ด้านนอกฟังดูไม่ค่อยเป็นธรรมชาติ ราวกับว่ากำลังตกใจอะไรบางอย่างอยู่

อาหารมื้อค่ำกำลังทยอยนำขึ้นมาเสิร์ฟบนโต๊ะทีละอย่างสองอย่าง เมื่อได้ยินเสียง ทุกคนก็รีบหันไปมองทางโถงรับแขกทันที

ทันใดนั้นก็ได้เห็นชายหนุ่มรูปร่างสูงตระหง่านและใบหน้าที่งดงามไม่ธรรมดากำลังหอบช่อดอกกุหลาบสีแดงสดไว้ในอ้อมกอดหนึ่งช่อย่างกรายเข้ามา

ดวงตาแหลมคมสอดส่ายมาบนตัวของทุกคนในห้องรับแขก ก่อนที่สุดท้ายสายตาจะไปหยุดบนตัวเฉินฝานซิงที่นั่งอยู่ด้านข้างเย่ซู่ซู่

ดวงตาสุกสกาวคู่นั้นชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะเหลือบไปมองใบหน้าที่เย็นชามืดหม่นของป๋อจิ่งชวน จากนั้นสายตาคู่นั้นก็ฉายประกายความมืดดำที่ยากจะสังเกตได้ออกมาแวบหนึ่ง สุดท้ายก็เลิกคิ้วขึ้นพลันยื่นช่อกุหลาบออกไปตรงหน้าเฉินฝานซิง

“เจอกันอีกแล้วนะ”

เขาเอื้อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน พร้อมกับส่งช่อกุหลาบเข้าไปในอ้อมแขนเฉินฝานซิงอย่างไม่ทันให้ตั้งตัว

เฉินฝานซิงไม่มีแม้แต่สิทธิ์ที่จะปฏิเสธ ดอกกุหลาบหอมฟุ้งช่อหนึ่งก็ถูกยัดเข้ามาในอ้อมแขน

เย่ซู่ซู่เห็นดังนั้นก็เม้มริมฝีปากด้วยความกังวลใจ

ท่าทางแบบนี้ของเจ้าลูกชายคนนี้ จะไปจีบสาวติดได้ยังไง

จะมอบดอกไม้ทำไมได้ยัดใส่มือดื้อๆ แบบนี้

“พวกเรา…เคยเจอกันเหรอ”

ขอโทษด้วย แต่เธอเองก็เป็นคนให้ความสำคัญกับหน้าตา ถ้าหากเคยเจอกับเขาจริง รูปร่างท่าทางของเขาแบบนี้ อย่างไรเสียเธอก็ต้องมีความทรงจำอะไรหลงเหลืออยู่บ้าง

“เมื่อคืนเห็นคุณเล่นเปียโน เล่นได้ไม่เลวเลย” เผยอวิ๋นเจ๋อน้ำเสียงยังคงเฉยชาเหมือนเคย

เย่ซู่ซู่ดวงตาเป็นประกาย รีบเงยหน้าขึ้นมามองลูกชายของตัวเอง

นี่เห็นแล้วเหรอ

ไม่เลว…

“อ๋อ…ขอบคุณค่ะ” เฉินฝานซิงกระอักกระอ่วน จู่ๆ ก็ถูกบังคับให้รับช่อดอกไม้จากชายแปลกหน้า ไม่ว่าอย่างไรก็รู้สึกแปลกๆ อยู่ดี

อู้หู!

จู่ๆ สวี่ชิงจือก็ทำท่าทางราวกับถูกอินรุ่ยเจวี๋ยเข้าสิง ภาพแรกในสมองที่ปรากฎขึ้นมาก็คือท่าทางการตอบสนองของเขาเช่นกัน

นี่มันเรื่องอะไรกันเนี่ย

มาถึงก็มอบดอกกุหลาบกันเลยเหรอ

ในระหว่างที่เฉินฝานซิงกำลังขัดเขินทำตัวไม่ถูก ดอกกุหลาบในอ้อมแขนก็ถูกใครบางคนหยิบออกไปอย่างกะทันหัน ก่อนจะยัดมันกลับเข้าไปในมือของเผยอวิ๋นเจ๋อ

“…”

“…”

สุดท้ายป๋อจิ่งชวนก็ดึงมือของเฉินฝานซิงมาแล้วชูขึ้น ประกายแสงสีเงินจากแหวนส่องแสงวิบวับต่อหน้าผู้คน

ริมฝีปากเรียวบางพูดเพียงสองคำด้วยความเย็นชา “ของผม”

“…”

“…”

ทุกคนชะงักงันไปอยู่ครู่ใหญ่

จากนั้นเผยอวิ๋นเจ๋อก็พูดออกมาด้วยท่าทางไม่รีบร้อน “แหวนเป็นของคุณ แต่คน สุดท้ายเป็นของใครยังไม่ได้กำหนด”

สิ้นเสียงพูดของเขา ภายในโถงรับแขกก็เข้าสู่ภวังค์ความเงียบ

สวี่ชิงจือที่ถึงแม้จะอยู่ห่างออกไปแต่กลับรู้สึกได้ว่าอากาศรอบตัวของป๋อจิ่งชวนกำลังค่อยๆ แข็งตัวเพราะความเยือกเย็นของเขา

“คุณอยากมีเรื่องเหรอ”

เผยอวิ๋นเจ๋อยิ้มกริ่ม “ผมชนะแล้วเธอจะเป็นของผมเหรอ”

สีหน้าของป๋อจิ่งชวนเหี้ยมโหดยิ่งกว่าเดิม

เฉินฝานซิงตะลึงงัน รีบกุมมือของป๋อจิ่งชวนไว้ ก่อนจะหันไปยิ้มให้ทางเผยอวิ๋นเจ๋อ “คุณชายเผยมีอารมณ์ขันจังเลย พวกเราเพิ่งจะเจอกันครั้งเดียวเอง…”

“รักแรกพบไม่ได้เหรอ”

ป๋อจิ่งชวนหรี่ตาลง

รักแรกพบ?

ครั้งนี้เฉินฝานซิงชะงักไป ก่อนที่สีหน้าจะเปลี่ยนเป็นความจริงจัง

“…ขอโทษด้วยคุณชายเผย ป๋อจิ่งชวนเป็นคนรักของฉันค่ะ”

เผยอวิ๋นเจ๋อจ้องเธออยู่อย่างนั้น ไม่ได้โต้ตอบ

เมื่อย้อนกลับไปมองป๋อจิ่งชวน น้ำแข็งที่เกาะกุมอยู่บนใบหน้าหล่อเหลาของเขาค่อยๆ ละลายลง กลิ่นอายความเยือกเย็นเข้ากระดูกของเขาสว่างไสวขึ้นมาในพริบตา

ดวงตาสุกใสมองไปยังเผยอวิ๋นเจ๋อ สีหน้าเต็มไปด้วยความภูมิใจ

“หึ”

เสียง “หึ” ดังลอดผ่านลำคอ ท่าทางกระหยิ่มยิ้มย่องเหมือนเด็กๆ ของเขานั้นทำให้หลายคนอดยิ้มมุมปากออกมาไม่ได้ สวี่ชิงจือเองก็เกือบจะหลุดขำออกมา

คุณพระช่วย ตาทึ่มนี่!

ตอนที่ 398 จำเป็นต้องทรมานคนโสดขนาดนี้เลยเหรอ

“เอาล่ะ ฝานซิง ชิงจือ พวกเธอไม่ใช่ว่ามีเรื่องจะหารือกับพวกเราอีกหรอกเหรอ รีบกินข้าวก่อนสิ”

เย่ซู่ซู่รีบออกมาตัดบท

ป๋อจิ่งชวนของเธอสบายใจแล้ว สามีกับลูกชายของเธอไม่ต้องไว้หน้าแล้วหรือยังไง

สวี่ชิงจือได้ยินดังนั้น ดวงตาก็สั่นไหวเบาๆ

เรื่องเมื่อตอนกลางวันที่ห้างเธอพอจะเดาผลลัพธ์ออกบ้างแล้ว จากนั้น ฝานซิงก็ยังพูดอีกว่าเรื่องเงินลงทุนของเผยซื่อค่อนข้างมั่นใจในระดับหนึ่งแล้ว ที่คุณนายเผยชวนพวกเธอมากินข้าวที่บ้านก็คงจะเป็นเพราะเรื่องนี้

ตอนนี้ดูเหมือนจะเป็นอย่างที่คิดไว้ไม่มีผิด

ป๋อจิ่งชวนเดินโอบเฉินฝานซิงเข้าไปในห้องอาหารอย่างอารมณ์ดี

ทั้งสองคนนั่งลงข้างๆ กัน ส่วนเผยอวิ๋นเจ๋อเมื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้วก็ลงมานั่งตรงข้ามเฉินฝานซิง

ตำแหน่งนี้ช่างเป็นตำแหน่งที่เหมาะเจาะ มองเห็นเฉินฝานซิงได้อย่างเปิดเผยแบบทุกมุม

วันนี้เธอใส่เสื้อเชิ้ตลายทางสีขาวกับกางเกงขาเก้าส่วนสีดำ เป็นการแต่งกายที่เรียบง่ายสุภาพ เพียงแต่ว่าผมที่สยายอยู่บริเวณหัวไหล่ ทำให้เธอดูแตกต่างไปจากท่าทางเมื่อคืนในงานเลี้ยงไม่น้อย

แต่อย่างไรก็ดูสบายตามากๆ อย่างเคย

เฉินฝานซิงถูกมองจนรู้สึกเกร็งไปทั้งตัว ทว่าสายตาเยือกเย็นของป๋อจิ่งชวนกลับถูกเผยอวิ๋นเจ๋อเพิกเฉย

เย่ซู่ซู่รู้สึกเป็นกังวลใจตลอดว่าจะมีคนพังโต๊ะกินข้าวนี้ทำให้กินได้ไม่กี่คำ

ก่อนจะรีบจบมื้ออาหารนี้ด้วยความหวาดระแวง ท่ามกลางสายตาที่เฉียบคมของป๋อจิ่งชวนนั้น อย่างไรเฉินฝานซิงก็ดึงดันจะเข้าไปในห้องหนังสือกับสวี่ชิงจือให้ได้

อำนาจการบริหารและการตัดสินใจในเผยซื่อตอนนี้ แน่นอนว่าต้องเป็นของเผยอวิ๋นเจ๋อ

เผยอวิ๋นเจ๋อนั่งอยู่บนเก้าอี้ในห้องหนังสือ สายตานิ่งเรียบมองมายังหญิงสาวสองคนฝั่งตรงข้าม

“จุดประสงค์ของพวกคุณ ผมรู้ดี ไม่เพียงแค่ต้องการเงินลงทุนจากเผยซื่อ แต่ยังอยากให้ถอนการลงทุนจากซูซื่อด้วยใช่ไหม”

เฉินฝานซิงพยักหน้าอย่างหนักแน่น “ตอนนี้ ซูซื่อไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีนัก”

เผยอวิ๋นเจ๋อยกมุมปาก ค่อยๆ ลืมตาขึ้นมามองเธอ “ทำไมล่ะ ตอนนั้นที่คุณช่วยซูซื่อเจรจาคงจะไม่ได้พูดแบบนี้แน่ ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้จือชิ่นกับซูซื่อ…ขอบเขตรูปแบบงานก็ไม่ต่างกันมากนัก”

“เพราะว่า ตอนนี้ซูซื่อไม่มีฉันแล้ว เทียบกับจือชิ่นไม่ได้หรอก”

เฉินฝานซิงพูดจาตรงไปตรงมา โจมตีภาพลักษณ์ของฝ่ายตรงข้ามโดยตรง

ฟังดูมั่นใจและโอ้อวด แต่ในการทำธุรกิจ ใครบ้างที่จะให้ความสำคัญกับคนที่ไม่มั่นใจแม้แต่กับกิจการของตัวเองล่ะ

เผยอวิ๋นเจ๋อพยักหน้าเบาๆ

สวี่ชิงจือถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก ไม่มีปัญหาแล้ว

“เอาเบอร์คุณมาให้ผม เงินลงทุนของซูซื่อ ผมยกให้คุณ”

“…”

การเจรจาธุรกิจครั้งนี้ งานหยาบเกินไปหรือเปล่า

เป็นเรื่องง่ายๆ แค่นี้เองน่ะเหรอ เบอร์โทรศัพท์แลกกับเงินลงทุนเป็นหลายแสน แน่นอนว่าเธอไม่ปฏิเสธให้ยืดเยื้อ

เมื่อทั้งหมดออกมาจากห้องหนังสือพร้อมกัน ป๋อจิ่งชวนก็รีบลุกขึ้นแล้วเดินเข้าไปดึงเฉินฝานซิงเข้ามาโอบไว้ทันที ก่อนจะพูดออกมาเบาๆ

“กลับกัน”

“…”

เฉินฝานซิงตั้งรับไม่ทันกับท่าทางที่ผิดแปลกของป๋อจิ่งชวนในคืนนี้ จำต้องรีบบอกลาขอตัวกลับก่อน

บนรถ

“ป๋อจิ่งชวน คุณทำตัวไม่ดีกับคุณชายเผยเอามากๆ เลย”

ป๋อจิ่งชวน “เขามอบกุหลาบให้คุณ”

“ฉันกับคุณชายเผยเพิ่งเจอกันครั้งแรก คุณไม่เห็นต้องกังวลขนาดนี้”

ป๋อจิ่งชวน “เขามอบกุหลาบให้คุณ”

“คุณก็ได้ยินแล้ว ว่าฉันพูดกับเขาไปชัดเจนแค่ไหน”

ป๋อจิ่งชวน “เขามอบกุหลาบให้คุณ”

เฉินฝานซิงถอนหายใจ “…คุณเลิกพูดเรื่องกุหลาบสักทีจะได้ไหม ฉันไม่ได้บอกให้เขามอบให้ฉันเสียหน่อย”

ป๋อจิ่งชวนชำเลืองมองเธอปราดหนึ่ง ก่อนจะพูดเบาๆ

“ท่าทางตอนที่คุณเล่นเปียโน เขาเห็นแล้ว เขาต้องการเป็นเจ้าของคุณ คุณปู่ของเขาอยากจะจับคู่ให้พวกคุณ พ่อแม่ของเขาอยากจับคู่พวกคุณ ต่อหน้าผม เขาก็แสดงท่าทีจีบคุณอย่างเปิดเผย…”

เฉินฝานซิงมึนงงไปชั่วขณะ “นี่ความผิดฉันเหรอ”

ป๋อจิ่งชวนพยักหน้า “ผิดที่คุณสวยเกินไป”

เฉินฝานซิงเขินใบหน้าแดงก่ำในทันที “พวกเราพูดเรื่องดอกกุหลาบเหมือนเดิมเถอะ”

สวี่ชิงจือที่นั่งขดอยู่เบาะหลังเอามือทาบอกด้วยความสะเทือนใจ

“พวกเธอ…ยังมีมนุษยธรรมอยู่หรือเปล่า”

จำเป็นต้องทรมานคนโสดขนาดนี้เลยเหรอ

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ช้าก่อนคุณป๋อ! ครั้งนี้ขอเป็นรักสุดท้าย 397 ถ้าผมชนะ เธอเป็นของผม / 398 จำเป็นต้องทรมานคนโสดขนาดนี้เลยเหรอ

Now you are reading ช้าก่อนคุณป๋อ! ครั้งนี้ขอเป็นรักสุดท้าย Chapter 397 ถ้าผมชนะ เธอเป็นของผม / 398 จำเป็นต้องทรมานคนโสดขนาดนี้เลยเหรอ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 397 ถ้าผมชนะ เธอเป็นของผม

รถเบนซ์นำเข้ารุ่นท็อปค่อยๆ ขับเข้ามาในบริเวณคฤหาสน์ เสียงประตูรถปิดดัง “ปัง” ดังเข้าไปถึงโถงรับแขก

สีหน้าของป๋อจิ่งชวนนิ่งขรึมขึ้นว่าเดิม พร้อมกับมีกลิ่นอายเยือกเย็นแผ่ออกมา

“คุณ…คุณชาย คุณกลับมาแล้วเหรอ”

เสียงของผู้ดูแลบ้านที่อยู่ด้านนอกฟังดูไม่ค่อยเป็นธรรมชาติ ราวกับว่ากำลังตกใจอะไรบางอย่างอยู่

อาหารมื้อค่ำกำลังทยอยนำขึ้นมาเสิร์ฟบนโต๊ะทีละอย่างสองอย่าง เมื่อได้ยินเสียง ทุกคนก็รีบหันไปมองทางโถงรับแขกทันที

ทันใดนั้นก็ได้เห็นชายหนุ่มรูปร่างสูงตระหง่านและใบหน้าที่งดงามไม่ธรรมดากำลังหอบช่อดอกกุหลาบสีแดงสดไว้ในอ้อมกอดหนึ่งช่อย่างกรายเข้ามา

ดวงตาแหลมคมสอดส่ายมาบนตัวของทุกคนในห้องรับแขก ก่อนที่สุดท้ายสายตาจะไปหยุดบนตัวเฉินฝานซิงที่นั่งอยู่ด้านข้างเย่ซู่ซู่

ดวงตาสุกสกาวคู่นั้นชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะเหลือบไปมองใบหน้าที่เย็นชามืดหม่นของป๋อจิ่งชวน จากนั้นสายตาคู่นั้นก็ฉายประกายความมืดดำที่ยากจะสังเกตได้ออกมาแวบหนึ่ง สุดท้ายก็เลิกคิ้วขึ้นพลันยื่นช่อกุหลาบออกไปตรงหน้าเฉินฝานซิง

“เจอกันอีกแล้วนะ”

เขาเอื้อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน พร้อมกับส่งช่อกุหลาบเข้าไปในอ้อมแขนเฉินฝานซิงอย่างไม่ทันให้ตั้งตัว

เฉินฝานซิงไม่มีแม้แต่สิทธิ์ที่จะปฏิเสธ ดอกกุหลาบหอมฟุ้งช่อหนึ่งก็ถูกยัดเข้ามาในอ้อมแขน

เย่ซู่ซู่เห็นดังนั้นก็เม้มริมฝีปากด้วยความกังวลใจ

ท่าทางแบบนี้ของเจ้าลูกชายคนนี้ จะไปจีบสาวติดได้ยังไง

จะมอบดอกไม้ทำไมได้ยัดใส่มือดื้อๆ แบบนี้

“พวกเรา…เคยเจอกันเหรอ”

ขอโทษด้วย แต่เธอเองก็เป็นคนให้ความสำคัญกับหน้าตา ถ้าหากเคยเจอกับเขาจริง รูปร่างท่าทางของเขาแบบนี้ อย่างไรเสียเธอก็ต้องมีความทรงจำอะไรหลงเหลืออยู่บ้าง

“เมื่อคืนเห็นคุณเล่นเปียโน เล่นได้ไม่เลวเลย” เผยอวิ๋นเจ๋อน้ำเสียงยังคงเฉยชาเหมือนเคย

เย่ซู่ซู่ดวงตาเป็นประกาย รีบเงยหน้าขึ้นมามองลูกชายของตัวเอง

นี่เห็นแล้วเหรอ

ไม่เลว…

“อ๋อ…ขอบคุณค่ะ” เฉินฝานซิงกระอักกระอ่วน จู่ๆ ก็ถูกบังคับให้รับช่อดอกไม้จากชายแปลกหน้า ไม่ว่าอย่างไรก็รู้สึกแปลกๆ อยู่ดี

อู้หู!

จู่ๆ สวี่ชิงจือก็ทำท่าทางราวกับถูกอินรุ่ยเจวี๋ยเข้าสิง ภาพแรกในสมองที่ปรากฎขึ้นมาก็คือท่าทางการตอบสนองของเขาเช่นกัน

นี่มันเรื่องอะไรกันเนี่ย

มาถึงก็มอบดอกกุหลาบกันเลยเหรอ

ในระหว่างที่เฉินฝานซิงกำลังขัดเขินทำตัวไม่ถูก ดอกกุหลาบในอ้อมแขนก็ถูกใครบางคนหยิบออกไปอย่างกะทันหัน ก่อนจะยัดมันกลับเข้าไปในมือของเผยอวิ๋นเจ๋อ

“…”

“…”

สุดท้ายป๋อจิ่งชวนก็ดึงมือของเฉินฝานซิงมาแล้วชูขึ้น ประกายแสงสีเงินจากแหวนส่องแสงวิบวับต่อหน้าผู้คน

ริมฝีปากเรียวบางพูดเพียงสองคำด้วยความเย็นชา “ของผม”

“…”

“…”

ทุกคนชะงักงันไปอยู่ครู่ใหญ่

จากนั้นเผยอวิ๋นเจ๋อก็พูดออกมาด้วยท่าทางไม่รีบร้อน “แหวนเป็นของคุณ แต่คน สุดท้ายเป็นของใครยังไม่ได้กำหนด”

สิ้นเสียงพูดของเขา ภายในโถงรับแขกก็เข้าสู่ภวังค์ความเงียบ

สวี่ชิงจือที่ถึงแม้จะอยู่ห่างออกไปแต่กลับรู้สึกได้ว่าอากาศรอบตัวของป๋อจิ่งชวนกำลังค่อยๆ แข็งตัวเพราะความเยือกเย็นของเขา

“คุณอยากมีเรื่องเหรอ”

เผยอวิ๋นเจ๋อยิ้มกริ่ม “ผมชนะแล้วเธอจะเป็นของผมเหรอ”

สีหน้าของป๋อจิ่งชวนเหี้ยมโหดยิ่งกว่าเดิม

เฉินฝานซิงตะลึงงัน รีบกุมมือของป๋อจิ่งชวนไว้ ก่อนจะหันไปยิ้มให้ทางเผยอวิ๋นเจ๋อ “คุณชายเผยมีอารมณ์ขันจังเลย พวกเราเพิ่งจะเจอกันครั้งเดียวเอง…”

“รักแรกพบไม่ได้เหรอ”

ป๋อจิ่งชวนหรี่ตาลง

รักแรกพบ?

ครั้งนี้เฉินฝานซิงชะงักไป ก่อนที่สีหน้าจะเปลี่ยนเป็นความจริงจัง

“…ขอโทษด้วยคุณชายเผย ป๋อจิ่งชวนเป็นคนรักของฉันค่ะ”

เผยอวิ๋นเจ๋อจ้องเธออยู่อย่างนั้น ไม่ได้โต้ตอบ

เมื่อย้อนกลับไปมองป๋อจิ่งชวน น้ำแข็งที่เกาะกุมอยู่บนใบหน้าหล่อเหลาของเขาค่อยๆ ละลายลง กลิ่นอายความเยือกเย็นเข้ากระดูกของเขาสว่างไสวขึ้นมาในพริบตา

ดวงตาสุกใสมองไปยังเผยอวิ๋นเจ๋อ สีหน้าเต็มไปด้วยความภูมิใจ

“หึ”

เสียง “หึ” ดังลอดผ่านลำคอ ท่าทางกระหยิ่มยิ้มย่องเหมือนเด็กๆ ของเขานั้นทำให้หลายคนอดยิ้มมุมปากออกมาไม่ได้ สวี่ชิงจือเองก็เกือบจะหลุดขำออกมา

คุณพระช่วย ตาทึ่มนี่!

ตอนที่ 398 จำเป็นต้องทรมานคนโสดขนาดนี้เลยเหรอ

“เอาล่ะ ฝานซิง ชิงจือ พวกเธอไม่ใช่ว่ามีเรื่องจะหารือกับพวกเราอีกหรอกเหรอ รีบกินข้าวก่อนสิ”

เย่ซู่ซู่รีบออกมาตัดบท

ป๋อจิ่งชวนของเธอสบายใจแล้ว สามีกับลูกชายของเธอไม่ต้องไว้หน้าแล้วหรือยังไง

สวี่ชิงจือได้ยินดังนั้น ดวงตาก็สั่นไหวเบาๆ

เรื่องเมื่อตอนกลางวันที่ห้างเธอพอจะเดาผลลัพธ์ออกบ้างแล้ว จากนั้น ฝานซิงก็ยังพูดอีกว่าเรื่องเงินลงทุนของเผยซื่อค่อนข้างมั่นใจในระดับหนึ่งแล้ว ที่คุณนายเผยชวนพวกเธอมากินข้าวที่บ้านก็คงจะเป็นเพราะเรื่องนี้

ตอนนี้ดูเหมือนจะเป็นอย่างที่คิดไว้ไม่มีผิด

ป๋อจิ่งชวนเดินโอบเฉินฝานซิงเข้าไปในห้องอาหารอย่างอารมณ์ดี

ทั้งสองคนนั่งลงข้างๆ กัน ส่วนเผยอวิ๋นเจ๋อเมื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้วก็ลงมานั่งตรงข้ามเฉินฝานซิง

ตำแหน่งนี้ช่างเป็นตำแหน่งที่เหมาะเจาะ มองเห็นเฉินฝานซิงได้อย่างเปิดเผยแบบทุกมุม

วันนี้เธอใส่เสื้อเชิ้ตลายทางสีขาวกับกางเกงขาเก้าส่วนสีดำ เป็นการแต่งกายที่เรียบง่ายสุภาพ เพียงแต่ว่าผมที่สยายอยู่บริเวณหัวไหล่ ทำให้เธอดูแตกต่างไปจากท่าทางเมื่อคืนในงานเลี้ยงไม่น้อย

แต่อย่างไรก็ดูสบายตามากๆ อย่างเคย

เฉินฝานซิงถูกมองจนรู้สึกเกร็งไปทั้งตัว ทว่าสายตาเยือกเย็นของป๋อจิ่งชวนกลับถูกเผยอวิ๋นเจ๋อเพิกเฉย

เย่ซู่ซู่รู้สึกเป็นกังวลใจตลอดว่าจะมีคนพังโต๊ะกินข้าวนี้ทำให้กินได้ไม่กี่คำ

ก่อนจะรีบจบมื้ออาหารนี้ด้วยความหวาดระแวง ท่ามกลางสายตาที่เฉียบคมของป๋อจิ่งชวนนั้น อย่างไรเฉินฝานซิงก็ดึงดันจะเข้าไปในห้องหนังสือกับสวี่ชิงจือให้ได้

อำนาจการบริหารและการตัดสินใจในเผยซื่อตอนนี้ แน่นอนว่าต้องเป็นของเผยอวิ๋นเจ๋อ

เผยอวิ๋นเจ๋อนั่งอยู่บนเก้าอี้ในห้องหนังสือ สายตานิ่งเรียบมองมายังหญิงสาวสองคนฝั่งตรงข้าม

“จุดประสงค์ของพวกคุณ ผมรู้ดี ไม่เพียงแค่ต้องการเงินลงทุนจากเผยซื่อ แต่ยังอยากให้ถอนการลงทุนจากซูซื่อด้วยใช่ไหม”

เฉินฝานซิงพยักหน้าอย่างหนักแน่น “ตอนนี้ ซูซื่อไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีนัก”

เผยอวิ๋นเจ๋อยกมุมปาก ค่อยๆ ลืมตาขึ้นมามองเธอ “ทำไมล่ะ ตอนนั้นที่คุณช่วยซูซื่อเจรจาคงจะไม่ได้พูดแบบนี้แน่ ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้จือชิ่นกับซูซื่อ…ขอบเขตรูปแบบงานก็ไม่ต่างกันมากนัก”

“เพราะว่า ตอนนี้ซูซื่อไม่มีฉันแล้ว เทียบกับจือชิ่นไม่ได้หรอก”

เฉินฝานซิงพูดจาตรงไปตรงมา โจมตีภาพลักษณ์ของฝ่ายตรงข้ามโดยตรง

ฟังดูมั่นใจและโอ้อวด แต่ในการทำธุรกิจ ใครบ้างที่จะให้ความสำคัญกับคนที่ไม่มั่นใจแม้แต่กับกิจการของตัวเองล่ะ

เผยอวิ๋นเจ๋อพยักหน้าเบาๆ

สวี่ชิงจือถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก ไม่มีปัญหาแล้ว

“เอาเบอร์คุณมาให้ผม เงินลงทุนของซูซื่อ ผมยกให้คุณ”

“…”

การเจรจาธุรกิจครั้งนี้ งานหยาบเกินไปหรือเปล่า

เป็นเรื่องง่ายๆ แค่นี้เองน่ะเหรอ เบอร์โทรศัพท์แลกกับเงินลงทุนเป็นหลายแสน แน่นอนว่าเธอไม่ปฏิเสธให้ยืดเยื้อ

เมื่อทั้งหมดออกมาจากห้องหนังสือพร้อมกัน ป๋อจิ่งชวนก็รีบลุกขึ้นแล้วเดินเข้าไปดึงเฉินฝานซิงเข้ามาโอบไว้ทันที ก่อนจะพูดออกมาเบาๆ

“กลับกัน”

“…”

เฉินฝานซิงตั้งรับไม่ทันกับท่าทางที่ผิดแปลกของป๋อจิ่งชวนในคืนนี้ จำต้องรีบบอกลาขอตัวกลับก่อน

บนรถ

“ป๋อจิ่งชวน คุณทำตัวไม่ดีกับคุณชายเผยเอามากๆ เลย”

ป๋อจิ่งชวน “เขามอบกุหลาบให้คุณ”

“ฉันกับคุณชายเผยเพิ่งเจอกันครั้งแรก คุณไม่เห็นต้องกังวลขนาดนี้”

ป๋อจิ่งชวน “เขามอบกุหลาบให้คุณ”

“คุณก็ได้ยินแล้ว ว่าฉันพูดกับเขาไปชัดเจนแค่ไหน”

ป๋อจิ่งชวน “เขามอบกุหลาบให้คุณ”

เฉินฝานซิงถอนหายใจ “…คุณเลิกพูดเรื่องกุหลาบสักทีจะได้ไหม ฉันไม่ได้บอกให้เขามอบให้ฉันเสียหน่อย”

ป๋อจิ่งชวนชำเลืองมองเธอปราดหนึ่ง ก่อนจะพูดเบาๆ

“ท่าทางตอนที่คุณเล่นเปียโน เขาเห็นแล้ว เขาต้องการเป็นเจ้าของคุณ คุณปู่ของเขาอยากจะจับคู่ให้พวกคุณ พ่อแม่ของเขาอยากจับคู่พวกคุณ ต่อหน้าผม เขาก็แสดงท่าทีจีบคุณอย่างเปิดเผย…”

เฉินฝานซิงมึนงงไปชั่วขณะ “นี่ความผิดฉันเหรอ”

ป๋อจิ่งชวนพยักหน้า “ผิดที่คุณสวยเกินไป”

เฉินฝานซิงเขินใบหน้าแดงก่ำในทันที “พวกเราพูดเรื่องดอกกุหลาบเหมือนเดิมเถอะ”

สวี่ชิงจือที่นั่งขดอยู่เบาะหลังเอามือทาบอกด้วยความสะเทือนใจ

“พวกเธอ…ยังมีมนุษยธรรมอยู่หรือเปล่า”

จำเป็นต้องทรมานคนโสดขนาดนี้เลยเหรอ

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+