ช้าก่อนคุณป๋อ! ครั้งนี้ขอเป็นรักสุดท้าย 363 เปรียบเทียบเอาก็รู้ / 364 ไม่รู้จักคำว่าโรแมนติกเอาซะเลย

Now you are reading ช้าก่อนคุณป๋อ! ครั้งนี้ขอเป็นรักสุดท้าย Chapter 363 เปรียบเทียบเอาก็รู้ / 364 ไม่รู้จักคำว่าโรแมนติกเอาซะเลย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 363 เปรียบเทียบเอาก็รู้

ป๋อจิ่งชวนนั่งอยู่บนเก้าอี้ประธาน เขามองเอกสารการวางแผนสองฉบับตรงหน้าอย่างไร้อารมณ์ นัยน์ตาลึกล้ำทอแสงอ่อนๆ

“ตอนนี้สกุลซูกำลังแข็งแกร่ง ไม่ได้หมายความว่าที่ผ่านมาพวกเขาจะแข็งแกร่งมาโดยตลอด ขนาดของจือชิ่นเล็กไปหน่อยก็จริง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าวันข้างหน้าจะไม่ขยับขยาย ส่วนเรื่องที่ว่าความสามารถของใครจะเป็นฝ่ายชนะขาด เปรียบเทียบเอาก็รู้”

ป๋อจิ่งชวนพูดขึ้นอย่างประหยัดถ้อยคำ เสียงเย็นเปี่ยมไปด้วยความสูงศักดิ์และความสง่าหาที่เปรียบได้ยากอันติดตัวมาตั้งแต่กำเนิด

ห้องประชุมตกอยู่ในความเงียบสงัดไปครู่หนึ่ง จู่ๆ ก็มีเสียงดังขึ้น

“ฉันได้ยินมาว่าการแข่งขันแฟชั่นในประเทศปีนี้ใกล้จะถึงแล้ว หรือท่านประธานกำลังจะบอกว่าให้ทั้งสองฝ่ายเข้าร่วมการแข่งขันในครั้งนี้เหรอคะ”

ป๋อจิ่งชวนเลิกคิ้วขึ้น นิ้วเรียวยาวกดลงบนเอกสารการวางแผนของจือชิ่น แววตาเย็นชาวูบไหวเข้มสลับจาง ก่อนที่แสงหนึ่งจะเปล่งประกายออกมาจากเบื้องลึกของดวงตา

“ในเมื่ออยากจะร่วมงานกับสกุลป๋อ แค่ชื่อเสียงระดับประเทศจะพอพิสูจน์อะไร”

ใครคนหนึ่งทำสีหน้าตะลึงราวกับคิดอะไรออก เขาเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เจือความตื่นเต้น “ฉันจำงานแข่งขันนักปรุงน้ำหอมนานาชาติที่ฝรั่งเศสของปีนี้ได้ การแข่งขันนี่น่าจะเป็นการแข่งขันระดับนานาชาติที่มีประสิทธิภาพสูงที่สุดแล้ว ถ้าใครคว้ารางวัลชนะเลิศนักปรุงน้ำหอมระดับนานาชาติมาได้ล่ะก็ ผลประโยชน์ที่จะตามมาหลังจากนั้นก็…”

ป๋อจิ่งชวนกระตุกมุมปากขึ้นจางๆ จนไม่อาจสังเกตเห็น ร่างสูงสง่าลุกพรวดขึ้นเต็มความสูง

“เลิกประชุม”

เสียงในลำคอราบเรียบไร้อารมณ์ ทว่าก็ทำให้หลายคนต้องใจสั่น

อวี๋ซงเดินตามมาข้างหลังเขา

“คุณผู้ชายครับ ในเมื่อเฉินเชียนโหรวเคยเข้าร่วมการแข่งขันนักปรุงน้ำหอมที่ฝรั่งเศสมาแล้ว แถมยังติดอันดับอีก แล้วอย่างนี้จะไม่เป็นอุปสรรคต่อคุณฝานซิงหรือครับ”

เพิ่งเดินเข้าห้องทำงานมาได้ไม่นาน อวี๋ซงก็เอ่ยถามกับผู้เป็นนายด้วยความกลัดกลุ้ม ได้ยินดังนั้น ป๋อจิ่งชวนจึงหันมาถามเขากลับด้วยเสียงเย็น

“นายคิดว่าฝานซิงจะแพ้ให้กับเฉินเชียนโหรว?”

หัวใจของคนถูกถามสั่นระรัว เนื้อตัวเกร็งแข็งขึ้นมาเสียดื้อๆ

“ไม่ครับ”

“ไม่แน่นอน”

“…” อวี๋ซงเม้มริมฝีปาก อยากตีปากตัวเองสักทีสองที

ไม่รู้เรื่องแล้วยังจะไปห่วงเขาอีก!

การประชุมของสกุลซูยังคงไม่สิ้นสุด แต่ในเวลาเดียวกันนี้ พวกเขาก็ได้ยินข่าวเรื่องการจะให้ฝ่ายที่ชนะเลิศการแข่งขันนักปรุงน้ำหอมระดับนานาชาติมีสิทธิ์ได้เข้าเป็นส่วนหนึ่งกับสกุลป๋อ

สำหรับซูเหิงแล้วเรื่องที่ได้ยินมาช่างน่ายินดีเป็นที่สุด

เฉินเชียนโหรวเองก็เคยเข้าร่วมแข่งขันมาก่อน แถมยังได้คะแนนดีเป็นอันดับที่สี่ การแข่งขันในครั้งนี้เมื่อเทียบกับคนที่ไม่เคยมีประสบการณ์สักครั้งอย่างเฉินฝานซิง เธอได้เปรียบเห็นๆ

หากชนะมาได้ล่ะก็ คอมมิชชั่นยี่สิบห้าเปอร์เซ็นก่อนหน้านี้ก็คงจะไม่มีอีกต่อไป

ซูเหิงลอบถอนหายใจโล่งอก แต่เมื่อนึกไปถึงเฉินเชียนโหรว ความหมองหม่นในใจของเขายังคงไม่อาจลบเลือนหายไป

เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานจนถึงวันนี้ก็ยังไม่ถูกสะสางให้เข้าที่ ไม่เลยแม้แต่น้อย

เขาถึงกับต้องหาเหตุผลเพื่อให้ตัวเองอภัยให้กับเชียนโหรว แต่แค่นึกไปถึงการกระทำของฝานซิง หัวใจเขาก็เจ็บแปลบขึ้นมา

แม้แต่ตัวเองเขาก็ไม่อาจให้อภัยได้

เมื่อเห็นสถานการณ์บนอินเตอร์เน็ตเริ่มจะดีขึ้น เฉินเชียนโหรวจึงผ่อนลมหายใจออกมาด้วยความโล่งอก

เดิมเธอตั้งใจจะไปหาซูเหิงที่สกุลซู แต่กลับถูกผู้จัดงานโอเชี่ยนซาวด์คัพดักไว้เสียก่อน ไม่นานหลังจากนั้นเธอก็ได้รับโทรศัพท์จากหลินเฟยเฟย

ทันทีที่ได้ยินเสียงในโทรศัพท์ เธอก็รู้ได้ทันทีว่าเธอต้องผ่านพ้นวิกฤติในครั้งนี้ไปได้แน่นอน

เพียงแต่ว่าตอนนี้บนโลกโซเชียลยังคงมีความเคลือบแคลงสงสัย

เธอสูดหายใจเข้าเต็มปอด ข่มอารมณ์ตัวเองให้ใจเย็นลง

เรื่องนี้ฝากบทเรียนไว้ให้กับเธออย่างใหญ่หลวง

เผชิญหน้ากับเฉินฝานซิงจะประมาทไม่ได้เด็ดขาด

หลังจากที่ดูเวลาเสร็จ ความหมองเศร้าก็ปรากฏให้เห็นบนใบหน้าของเธอ เธอครุ่นคิดเล็กน้อย ก่อนจะลุกขึ้นคว้ากระเป๋าเดินออกจากห้องทำงานไป

เฉินฝานซิงกลับมาถึงห้องก็กวาดสายตามองเหตุการณ์บนโลกโซเชียลอีกครั้ง

ตอนนี้สถานการณ์เปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อย

ตอนที่ 364 ไม่รู้จักคำว่าโรแมนติกเอาซะเลย

ตอนนี้สถานการณ์เปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อย

ไม่รู้เหมือนกันว่าเฉินเชียนโหรวเกลี้ยกล่อมหลินเฟยเฟยท่าไหน เธอถึงได้ยอมลงทุนอัดคลิปตัวเองแชร์ลงอินเตอร์เน็ตไปแบบนั้น

เธอยอมรับว่าเรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นเมื่อคืนวานเธอเป็นคนลงมือเอง และเธอทำเรื่องทั้งหมดคนเดียว เป็นเพราะเธอไม่ชอบเฉินฝานซิงมาตั้งแต่เด็กๆ เลยเอาเหตุผลที่เธอโดนเฉินฝานซิงหักแขน เรื่องที่ทำให้เธอโชว์หวอกลางงานเลี้ยงและโดนขับไล่ไสส่ง รวมถึงอีกครั้งที่เฉินฝานซิงบังคับให้เธอหมอบลงคำนับกลางห้าง เธอเก็บทั้งเรื่องเล็กเรื่องใหญ่ทั้งหมดเข้ามาผูกรวมกันทีละเล็กทีละน้อยจนมันทำให้เธอเกลียดเฉินฝานซิงจนเข้าไส้ ดังนั้นเธอจึงได้จ้องจะหาโอกาสเอาคืน

ตอนที่เธอถูกชาวเน็ตเค้นถามว่าทำไมสุดท้ายเธอถึงได้โผล่ไปทำเรื่องสกปรกพรรค์นั้นกับเฉินหยินเซิน เธอก็ตอบแค่เพียงว่าตอนนั้นเธอดื่มหนักมาก เรื่องมันถึงได้กลายเป็นแบบนั้น

ส่วนเรื่องที่เธอกระโจนออกมาถามเฉินเชียนโหรวในตอนนั้น ก็เป็นเพราะว่าตอนแรกพวกเธอสองคนตกลงกันว่าจะนอนห้องเดียวกัน แต่เธอดันมาเกิดเรื่องแบบนั้นกับเฉินหยินเซินและเฉินเชียนโหรวก็ไม่อยู่ เธอจึงร้อนรนจนเผลอพูดออกไปเช่นนั้น

ทุกคำแก้ตัวข้างๆ คูๆ นั้นใช่ว่าจะไม่ฟังดูน่าสงสัย และที่สำคัญไปกว่านั้น ตอนสุดท้ายที่เฉินเชียนโหรวเป็นคนเรียกคนในสกุลเฉินมาต่อว่าทั้งยังตบหน้าเฉินฝานซิง ยังทำเอาพวกเขารู้สึกเกลียดเธอจนจับขั้วหัวใจ

แต่ว่าเรื่องนี้เฉินเชียนโหรวก็ได้ให้คำอธิบายที่คลุมเครือไปแล้วตั้งแต่เมื่อคืน

ทุกพิรุธและข้อสงสัยก็นับเป็นคำอธิบายอย่างหนึ่งเช่นกัน

แน่นอนว่าคนในโลกอินเตอร์เน็ตมีทั้งคนที่เชื่อและไม่เชื่อ

ท้ายที่สุดหลินเฟยเฟยก็ได้ถูกแบนจากชาวเน็ตทุกช่องทาง อนาคตของหญิงสาวคนหนึ่งที่กำลังไลฟ์สดอยู่ดีๆ ก็ต้องมาสิ้นสุดลงเช่นนี้

เฉินฝานซิงเห็นแล้วก็ยกยิ้มเย็นขึ้นมาอีกครั้ง

เฉินเชียนโหรวเองก็นับว่าเป็นคนที่ทำร้ายหลินเฟยเฟยทางอ้อมจนต้องมาตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ หลินเฟยเฟยกำลังคิดอะไรอยู่กันแน่ นอกจากไม่คิดจะเอาคืนเฉินเชียนโหรวแล้ว ดันมายอมรับผิดคนเดียวอีก นี่ยิ่งทำให้ไม่ว่าเธอจะคิดอย่างไรก็คิดไม่ออกเสียที!

เธอนึกออกแค่ว่าหลินเฟยเฟยได้สร้างช่องโหว่ให้กับเฉินเชียนโหรว แต่ทำไปเพื่ออะไรกันล่ะ

ความบริสุทธิ์ของผู้หญิงคนหนึ่งถูกทำลายลงยังไม่พอ แถมยังประกาศให้คนเขารู้กันไปทั่ว แล้วยังจะมีสิ่งไหนที่เธอแคร์อีก

คิดเท่าไหร่ก็คิดไม่ออก

เพียงแต่ว่าแนวโน้มบนโซเชียลในตอนนี้…

เฉินฝานซิงขมวดคิ้วพร้อมทั้งข่มตาลง

เกรงว่าครั้งนี้จะทำให้เฉินเชียนโหรวลอยนวลไปได้อีกตามเคย

แต่ก็ใช้ว่าจะสูญเปล่า เพราะครั้งนี้หลานอวิ้นเองก็สาหัสพอตัว!

ยิ่งไปกว่านั้น อุปสรรคนี้จะหมายความว่าอย่างไรได้อีก

หนทางยังอีกยาวไกล

เธอตระหนักได้ในทันทีว่าหากไม่ใช่เรื่องน่าหนักใจของคนสกุลเฉิน เธอก็มีความสุขได้ทุกที่ทุกเวลา

เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดข้อความแล้วส่งข้อความหาป๋อจิ่งชวนทันที…

[เย็นนี้เลิกงานกี่โมงคะ]

ในขณะนั้น ป๋อจิ่งชวนก็กำลังเดินสำรวจอาคารอยู่ ร่างสูงสง่าสวมทับไว้ด้วยเสื้อสูทตัวแพง ท่าทางของเขาดูสงบเยือกเย็น เบื้องหลังของเขาคือผู้บริหารระดับสูงกลุ่มหนึ่งที่คอยเดินตามเขาต้อยๆ อย่างระมัดระวังด้วยใบหน้าเครียดเกร็ง

ตอนที่โทรศัพท์ของเขาส่งเสียงดัง กลุ่มคนที่คอยตามอยู่ข้างหลังก็ถึงกับใจหล่นลงไปอยู่ที่ตาตุ่ม รีบคลำหาโทรศัพท์บนร่างกายของตัวเองกันอย่างลนลาน

หลังจากที่เวลาผ่านไปพักใหญ่ พวกเขาก็มองหน้ากันเองก่อนจะส่ายหน้าให้กัน

ไม่ใช่ของพวกเขา!

ทอดถอนหายใจยาวเหยียด หลายคนได้สติกลับมาอีกครั้ง แต่กลับพบว่านายเหนือหัวของตัวเองกำลังยกโทรศัพท์ขึ้นมาอย่างใจเย็น ทั้งยังเดินไปพลาง ก้มลงมองโทรศัพท์ไปพลาง

กลุ่มคนพวกนั้นก้มหน้าเดินตามเขาไปอย่างเงียบเชียบ ทว่าป๋อจิ่งชวนกลับชะงักเท้าลงเมื่อเห็นข้อความในโทรศัพท์

จนกระทั่งคนกลุ่มหนึ่งรู้สึกตัวขึ้น ทันใดนั้นพวกเขาก็มองไปยังป๋อจิ่งชวนที่กำลังก้มหน้าเล่นโทรศัพท์อยู่กับที่ราวกับเกิดมาเพิ่งจะเคยเห็น

“…”

“…”

[หกโมง]

เฉินฝานซิง : [เย็นนี้ถ้าไม่ติดอะไรล่ะก็ พวกเราไปดูอัลปาก้าที่คุณส่งให้ฉันที่คฤหาสน์เซิ่งจิ่งหน่อยได้ไหม ฉันยังไม่ทันได้ดูเขาให้เต็มๆ ตาเลย]

ป๋อจิ่งชวน : [ได้]

เฉินฝานซิงมองสองข้อความที่ป๋อจิ่งชวนตอบกลับมา พลางบุ้ยปากเล็กน้อย

เย็นชาชะมัด ไม่รู้จักคำว่าโรแมนติกเอาซะเลย มิน่าล่ะ ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาทั้งคู่ถึงช้าขนาดนี้

ความคิดเพิ่งก่อตัวขึ้นในสมองของเธอไปหมาดๆ แต่วินาทีต่อมาโทรศัพท์ของเธอก็ดังขึ้นอีกครั้ง

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ช้าก่อนคุณป๋อ! ครั้งนี้ขอเป็นรักสุดท้าย 363 เปรียบเทียบเอาก็รู้ / 364 ไม่รู้จักคำว่าโรแมนติกเอาซะเลย

Now you are reading ช้าก่อนคุณป๋อ! ครั้งนี้ขอเป็นรักสุดท้าย Chapter 363 เปรียบเทียบเอาก็รู้ / 364 ไม่รู้จักคำว่าโรแมนติกเอาซะเลย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 363 เปรียบเทียบเอาก็รู้

ป๋อจิ่งชวนนั่งอยู่บนเก้าอี้ประธาน เขามองเอกสารการวางแผนสองฉบับตรงหน้าอย่างไร้อารมณ์ นัยน์ตาลึกล้ำทอแสงอ่อนๆ

“ตอนนี้สกุลซูกำลังแข็งแกร่ง ไม่ได้หมายความว่าที่ผ่านมาพวกเขาจะแข็งแกร่งมาโดยตลอด ขนาดของจือชิ่นเล็กไปหน่อยก็จริง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าวันข้างหน้าจะไม่ขยับขยาย ส่วนเรื่องที่ว่าความสามารถของใครจะเป็นฝ่ายชนะขาด เปรียบเทียบเอาก็รู้”

ป๋อจิ่งชวนพูดขึ้นอย่างประหยัดถ้อยคำ เสียงเย็นเปี่ยมไปด้วยความสูงศักดิ์และความสง่าหาที่เปรียบได้ยากอันติดตัวมาตั้งแต่กำเนิด

ห้องประชุมตกอยู่ในความเงียบสงัดไปครู่หนึ่ง จู่ๆ ก็มีเสียงดังขึ้น

“ฉันได้ยินมาว่าการแข่งขันแฟชั่นในประเทศปีนี้ใกล้จะถึงแล้ว หรือท่านประธานกำลังจะบอกว่าให้ทั้งสองฝ่ายเข้าร่วมการแข่งขันในครั้งนี้เหรอคะ”

ป๋อจิ่งชวนเลิกคิ้วขึ้น นิ้วเรียวยาวกดลงบนเอกสารการวางแผนของจือชิ่น แววตาเย็นชาวูบไหวเข้มสลับจาง ก่อนที่แสงหนึ่งจะเปล่งประกายออกมาจากเบื้องลึกของดวงตา

“ในเมื่ออยากจะร่วมงานกับสกุลป๋อ แค่ชื่อเสียงระดับประเทศจะพอพิสูจน์อะไร”

ใครคนหนึ่งทำสีหน้าตะลึงราวกับคิดอะไรออก เขาเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เจือความตื่นเต้น “ฉันจำงานแข่งขันนักปรุงน้ำหอมนานาชาติที่ฝรั่งเศสของปีนี้ได้ การแข่งขันนี่น่าจะเป็นการแข่งขันระดับนานาชาติที่มีประสิทธิภาพสูงที่สุดแล้ว ถ้าใครคว้ารางวัลชนะเลิศนักปรุงน้ำหอมระดับนานาชาติมาได้ล่ะก็ ผลประโยชน์ที่จะตามมาหลังจากนั้นก็…”

ป๋อจิ่งชวนกระตุกมุมปากขึ้นจางๆ จนไม่อาจสังเกตเห็น ร่างสูงสง่าลุกพรวดขึ้นเต็มความสูง

“เลิกประชุม”

เสียงในลำคอราบเรียบไร้อารมณ์ ทว่าก็ทำให้หลายคนต้องใจสั่น

อวี๋ซงเดินตามมาข้างหลังเขา

“คุณผู้ชายครับ ในเมื่อเฉินเชียนโหรวเคยเข้าร่วมการแข่งขันนักปรุงน้ำหอมที่ฝรั่งเศสมาแล้ว แถมยังติดอันดับอีก แล้วอย่างนี้จะไม่เป็นอุปสรรคต่อคุณฝานซิงหรือครับ”

เพิ่งเดินเข้าห้องทำงานมาได้ไม่นาน อวี๋ซงก็เอ่ยถามกับผู้เป็นนายด้วยความกลัดกลุ้ม ได้ยินดังนั้น ป๋อจิ่งชวนจึงหันมาถามเขากลับด้วยเสียงเย็น

“นายคิดว่าฝานซิงจะแพ้ให้กับเฉินเชียนโหรว?”

หัวใจของคนถูกถามสั่นระรัว เนื้อตัวเกร็งแข็งขึ้นมาเสียดื้อๆ

“ไม่ครับ”

“ไม่แน่นอน”

“…” อวี๋ซงเม้มริมฝีปาก อยากตีปากตัวเองสักทีสองที

ไม่รู้เรื่องแล้วยังจะไปห่วงเขาอีก!

การประชุมของสกุลซูยังคงไม่สิ้นสุด แต่ในเวลาเดียวกันนี้ พวกเขาก็ได้ยินข่าวเรื่องการจะให้ฝ่ายที่ชนะเลิศการแข่งขันนักปรุงน้ำหอมระดับนานาชาติมีสิทธิ์ได้เข้าเป็นส่วนหนึ่งกับสกุลป๋อ

สำหรับซูเหิงแล้วเรื่องที่ได้ยินมาช่างน่ายินดีเป็นที่สุด

เฉินเชียนโหรวเองก็เคยเข้าร่วมแข่งขันมาก่อน แถมยังได้คะแนนดีเป็นอันดับที่สี่ การแข่งขันในครั้งนี้เมื่อเทียบกับคนที่ไม่เคยมีประสบการณ์สักครั้งอย่างเฉินฝานซิง เธอได้เปรียบเห็นๆ

หากชนะมาได้ล่ะก็ คอมมิชชั่นยี่สิบห้าเปอร์เซ็นก่อนหน้านี้ก็คงจะไม่มีอีกต่อไป

ซูเหิงลอบถอนหายใจโล่งอก แต่เมื่อนึกไปถึงเฉินเชียนโหรว ความหมองหม่นในใจของเขายังคงไม่อาจลบเลือนหายไป

เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานจนถึงวันนี้ก็ยังไม่ถูกสะสางให้เข้าที่ ไม่เลยแม้แต่น้อย

เขาถึงกับต้องหาเหตุผลเพื่อให้ตัวเองอภัยให้กับเชียนโหรว แต่แค่นึกไปถึงการกระทำของฝานซิง หัวใจเขาก็เจ็บแปลบขึ้นมา

แม้แต่ตัวเองเขาก็ไม่อาจให้อภัยได้

เมื่อเห็นสถานการณ์บนอินเตอร์เน็ตเริ่มจะดีขึ้น เฉินเชียนโหรวจึงผ่อนลมหายใจออกมาด้วยความโล่งอก

เดิมเธอตั้งใจจะไปหาซูเหิงที่สกุลซู แต่กลับถูกผู้จัดงานโอเชี่ยนซาวด์คัพดักไว้เสียก่อน ไม่นานหลังจากนั้นเธอก็ได้รับโทรศัพท์จากหลินเฟยเฟย

ทันทีที่ได้ยินเสียงในโทรศัพท์ เธอก็รู้ได้ทันทีว่าเธอต้องผ่านพ้นวิกฤติในครั้งนี้ไปได้แน่นอน

เพียงแต่ว่าตอนนี้บนโลกโซเชียลยังคงมีความเคลือบแคลงสงสัย

เธอสูดหายใจเข้าเต็มปอด ข่มอารมณ์ตัวเองให้ใจเย็นลง

เรื่องนี้ฝากบทเรียนไว้ให้กับเธออย่างใหญ่หลวง

เผชิญหน้ากับเฉินฝานซิงจะประมาทไม่ได้เด็ดขาด

หลังจากที่ดูเวลาเสร็จ ความหมองเศร้าก็ปรากฏให้เห็นบนใบหน้าของเธอ เธอครุ่นคิดเล็กน้อย ก่อนจะลุกขึ้นคว้ากระเป๋าเดินออกจากห้องทำงานไป

เฉินฝานซิงกลับมาถึงห้องก็กวาดสายตามองเหตุการณ์บนโลกโซเชียลอีกครั้ง

ตอนนี้สถานการณ์เปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อย

ตอนที่ 364 ไม่รู้จักคำว่าโรแมนติกเอาซะเลย

ตอนนี้สถานการณ์เปลี่ยนแปลงไปเล็กน้อย

ไม่รู้เหมือนกันว่าเฉินเชียนโหรวเกลี้ยกล่อมหลินเฟยเฟยท่าไหน เธอถึงได้ยอมลงทุนอัดคลิปตัวเองแชร์ลงอินเตอร์เน็ตไปแบบนั้น

เธอยอมรับว่าเรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นเมื่อคืนวานเธอเป็นคนลงมือเอง และเธอทำเรื่องทั้งหมดคนเดียว เป็นเพราะเธอไม่ชอบเฉินฝานซิงมาตั้งแต่เด็กๆ เลยเอาเหตุผลที่เธอโดนเฉินฝานซิงหักแขน เรื่องที่ทำให้เธอโชว์หวอกลางงานเลี้ยงและโดนขับไล่ไสส่ง รวมถึงอีกครั้งที่เฉินฝานซิงบังคับให้เธอหมอบลงคำนับกลางห้าง เธอเก็บทั้งเรื่องเล็กเรื่องใหญ่ทั้งหมดเข้ามาผูกรวมกันทีละเล็กทีละน้อยจนมันทำให้เธอเกลียดเฉินฝานซิงจนเข้าไส้ ดังนั้นเธอจึงได้จ้องจะหาโอกาสเอาคืน

ตอนที่เธอถูกชาวเน็ตเค้นถามว่าทำไมสุดท้ายเธอถึงได้โผล่ไปทำเรื่องสกปรกพรรค์นั้นกับเฉินหยินเซิน เธอก็ตอบแค่เพียงว่าตอนนั้นเธอดื่มหนักมาก เรื่องมันถึงได้กลายเป็นแบบนั้น

ส่วนเรื่องที่เธอกระโจนออกมาถามเฉินเชียนโหรวในตอนนั้น ก็เป็นเพราะว่าตอนแรกพวกเธอสองคนตกลงกันว่าจะนอนห้องเดียวกัน แต่เธอดันมาเกิดเรื่องแบบนั้นกับเฉินหยินเซินและเฉินเชียนโหรวก็ไม่อยู่ เธอจึงร้อนรนจนเผลอพูดออกไปเช่นนั้น

ทุกคำแก้ตัวข้างๆ คูๆ นั้นใช่ว่าจะไม่ฟังดูน่าสงสัย และที่สำคัญไปกว่านั้น ตอนสุดท้ายที่เฉินเชียนโหรวเป็นคนเรียกคนในสกุลเฉินมาต่อว่าทั้งยังตบหน้าเฉินฝานซิง ยังทำเอาพวกเขารู้สึกเกลียดเธอจนจับขั้วหัวใจ

แต่ว่าเรื่องนี้เฉินเชียนโหรวก็ได้ให้คำอธิบายที่คลุมเครือไปแล้วตั้งแต่เมื่อคืน

ทุกพิรุธและข้อสงสัยก็นับเป็นคำอธิบายอย่างหนึ่งเช่นกัน

แน่นอนว่าคนในโลกอินเตอร์เน็ตมีทั้งคนที่เชื่อและไม่เชื่อ

ท้ายที่สุดหลินเฟยเฟยก็ได้ถูกแบนจากชาวเน็ตทุกช่องทาง อนาคตของหญิงสาวคนหนึ่งที่กำลังไลฟ์สดอยู่ดีๆ ก็ต้องมาสิ้นสุดลงเช่นนี้

เฉินฝานซิงเห็นแล้วก็ยกยิ้มเย็นขึ้นมาอีกครั้ง

เฉินเชียนโหรวเองก็นับว่าเป็นคนที่ทำร้ายหลินเฟยเฟยทางอ้อมจนต้องมาตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ หลินเฟยเฟยกำลังคิดอะไรอยู่กันแน่ นอกจากไม่คิดจะเอาคืนเฉินเชียนโหรวแล้ว ดันมายอมรับผิดคนเดียวอีก นี่ยิ่งทำให้ไม่ว่าเธอจะคิดอย่างไรก็คิดไม่ออกเสียที!

เธอนึกออกแค่ว่าหลินเฟยเฟยได้สร้างช่องโหว่ให้กับเฉินเชียนโหรว แต่ทำไปเพื่ออะไรกันล่ะ

ความบริสุทธิ์ของผู้หญิงคนหนึ่งถูกทำลายลงยังไม่พอ แถมยังประกาศให้คนเขารู้กันไปทั่ว แล้วยังจะมีสิ่งไหนที่เธอแคร์อีก

คิดเท่าไหร่ก็คิดไม่ออก

เพียงแต่ว่าแนวโน้มบนโซเชียลในตอนนี้…

เฉินฝานซิงขมวดคิ้วพร้อมทั้งข่มตาลง

เกรงว่าครั้งนี้จะทำให้เฉินเชียนโหรวลอยนวลไปได้อีกตามเคย

แต่ก็ใช้ว่าจะสูญเปล่า เพราะครั้งนี้หลานอวิ้นเองก็สาหัสพอตัว!

ยิ่งไปกว่านั้น อุปสรรคนี้จะหมายความว่าอย่างไรได้อีก

หนทางยังอีกยาวไกล

เธอตระหนักได้ในทันทีว่าหากไม่ใช่เรื่องน่าหนักใจของคนสกุลเฉิน เธอก็มีความสุขได้ทุกที่ทุกเวลา

เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดข้อความแล้วส่งข้อความหาป๋อจิ่งชวนทันที…

[เย็นนี้เลิกงานกี่โมงคะ]

ในขณะนั้น ป๋อจิ่งชวนก็กำลังเดินสำรวจอาคารอยู่ ร่างสูงสง่าสวมทับไว้ด้วยเสื้อสูทตัวแพง ท่าทางของเขาดูสงบเยือกเย็น เบื้องหลังของเขาคือผู้บริหารระดับสูงกลุ่มหนึ่งที่คอยเดินตามเขาต้อยๆ อย่างระมัดระวังด้วยใบหน้าเครียดเกร็ง

ตอนที่โทรศัพท์ของเขาส่งเสียงดัง กลุ่มคนที่คอยตามอยู่ข้างหลังก็ถึงกับใจหล่นลงไปอยู่ที่ตาตุ่ม รีบคลำหาโทรศัพท์บนร่างกายของตัวเองกันอย่างลนลาน

หลังจากที่เวลาผ่านไปพักใหญ่ พวกเขาก็มองหน้ากันเองก่อนจะส่ายหน้าให้กัน

ไม่ใช่ของพวกเขา!

ทอดถอนหายใจยาวเหยียด หลายคนได้สติกลับมาอีกครั้ง แต่กลับพบว่านายเหนือหัวของตัวเองกำลังยกโทรศัพท์ขึ้นมาอย่างใจเย็น ทั้งยังเดินไปพลาง ก้มลงมองโทรศัพท์ไปพลาง

กลุ่มคนพวกนั้นก้มหน้าเดินตามเขาไปอย่างเงียบเชียบ ทว่าป๋อจิ่งชวนกลับชะงักเท้าลงเมื่อเห็นข้อความในโทรศัพท์

จนกระทั่งคนกลุ่มหนึ่งรู้สึกตัวขึ้น ทันใดนั้นพวกเขาก็มองไปยังป๋อจิ่งชวนที่กำลังก้มหน้าเล่นโทรศัพท์อยู่กับที่ราวกับเกิดมาเพิ่งจะเคยเห็น

“…”

“…”

[หกโมง]

เฉินฝานซิง : [เย็นนี้ถ้าไม่ติดอะไรล่ะก็ พวกเราไปดูอัลปาก้าที่คุณส่งให้ฉันที่คฤหาสน์เซิ่งจิ่งหน่อยได้ไหม ฉันยังไม่ทันได้ดูเขาให้เต็มๆ ตาเลย]

ป๋อจิ่งชวน : [ได้]

เฉินฝานซิงมองสองข้อความที่ป๋อจิ่งชวนตอบกลับมา พลางบุ้ยปากเล็กน้อย

เย็นชาชะมัด ไม่รู้จักคำว่าโรแมนติกเอาซะเลย มิน่าล่ะ ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาทั้งคู่ถึงช้าขนาดนี้

ความคิดเพิ่งก่อตัวขึ้นในสมองของเธอไปหมาดๆ แต่วินาทีต่อมาโทรศัพท์ของเธอก็ดังขึ้นอีกครั้ง

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+