ช้าก่อนคุณป๋อ! ครั้งนี้ขอเป็นรักสุดท้าย 341 สรุปว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่! / 342 ทำไมถึงล้มเลิก

Now you are reading ช้าก่อนคุณป๋อ! ครั้งนี้ขอเป็นรักสุดท้าย Chapter 341 สรุปว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่! / 342 ทำไมถึงล้มเลิก at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 341 สรุปว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่!

 

 

“สงสัยว่าในห้องฉันจะมีผู้ชาย ก็เลยแห่กันมาเป็นโขยง?”

 

 

เฉินฝานซิงเอนตัวพิงขอบประตู กวาดสายตามองฝูงคนที่มาออกันอยู่หน้าห้องก่อนจะผินหน้ากลับมามองเฉินเชียนโหรวด้วยสีหน้าถากถาง

 

 

เฉินเชียนโหรวหน้าเปลี่ยนสีไปทันที “ฉันไม่ได้เรียกพวกเขามานะ! สงสัยพวกเขาคงบังเอิญได้ยินเข้า ฉันก็มัวแต่เป็นห่วงพี่ก็เลยไม่ทันได้ห้าม”

 

 

“หึ เธอเป็นห่วงฉัน?”

 

 

เฉินเชียนโหรวกัดริมฝีปากด้วยใบหน้าเศร้าหมอง “ถึงพี่ไม่เชื่อว่าฉันเป็นห่วงพี่จริงๆ! แต่ไม่ว่ายังไงพี่ก็ยังเป็นคนของสกุลเฉิน หากวันนี้เกิดอะไรขึ้นกับพี่แล้วเรื่องมันหลุดออกไปล่ะก็ สิ่งที่จะเสื่อมเสียก็คือชื่อเสียงสกุลเฉิน ไม่ว่าพี่จะจงเกลียดจงชังฉันแค่ไหน เคียดแค้นสกุลเฉินมากแค่ไหน แต่เราก็เมินเฉยต่อพี่ไม่ลง!”

 

 

เฉินฝานซิงกรีดยิ้มเย็น ราวกับนัยน์ตาคู่นั้นกำลังมองตัวตลกตัวหนึ่งอยู่ ใบหน้าหยามเหยียดนั้นเรียกให้ความขุ่นแค้นประทุขึ้นในใจของเฉินเชียนโหรว

 

 

“ในห้องฉันไม่มีใคร เพราะงั้นเธอวางใจและถอนหายใจแทนสกุลเฉินได้เลย”

 

 

เฉินเชียนโหรวย่นคิ้ว เธอหันหน้าไปเล็กน้อยแล้วกวาดตามมองไปข้างๆ และทันใดนั้นข้างๆ ก็ได้มีหญิงสาวในเดรสสั้นสีชมพูก้าวออกมา

 

 

“เหลวไหล ตอนที่ลงลิฟต์มากับพี่เฟยเฟยฉันยังเห็น…”

 

 

เฉินฝานซิงเลื่อนสายตามองหญิงสาวที่กำลังพูดอยู่ ดูเหมือนเธอ…จะเป็นศิลปินคนหนึ่งที่ไม่ได้โดดเด่นอะไรของหลานอวิ้น รู้สึกว่าจะชื่อฉีเหยาเหยา อาศัยการแต่งตัวที่น่ารักสดใสในการดึงดูดสายตาผู้คน

 

 

เฉินฝานซิงหรี่ตามอง “เธอเห็นอะไร”

 

 

ฉีเหยาเหยาตกใจกับสายตาและน้ำเสียงที่เย็นราวกับน้ำแข็งของเฉินฝานซิงจนต้องถอยไปหลบอยู่ข้างหลัง เธอมองเฉินเชียนโหรวอีกครั้ง ก่อนจะเอ่ยปาก

 

 

“เขาเร็วมาก ตอนนั้นฉันเห็นแค่เงารางๆ กว่าครึ่งหนึ่งของชายคนนั้นได้เข้าไปอยู่ในห้องเธอแล้ว แต่ฉันรู้จักผู้ชายคนนั้น เขาใส่สูทสีเทาและเชิ้ตสีควันบุหรี่ และเขาก็คือเฉินหยินเซิน กรรมการในงานแข่งขันเปียโนที่ถูกเธอให้ท่าไปเมื่อหกปีก่อนไงล่ะ!”

 

 

สิ้นคำนั้น พวกที่เหลือก็ฮือหากันยกใหญ่

 

 

“ว่าไงนะ! หรือจะเป็นเรื่องเดียวกันกับที่พูดในห้องจัดเลี้ยงเมื่อกี้!”

 

 

“ที่แท้ก็เป็นเรื่องจริง หลายปีมานี้พวกเขายังติดต่อกันมาตลอด?”

 

 

“ทำเรื่องบัดสีพรรค์นี้ในมหาวิทยาลัยได้ ไร้ยางอายสิ้นดี!”

 

 

ทว่าเฉินฝานซิงหาได้มีท่าทีทุกข์ร้อน

 

 

“อ๋อ งั้นเหรอ เห็นแค่เงา ตัวของเขากว่าครึ่งหนึ่งเข้ามาอยู่ในห้องฉันแล้ว เธอยังอุตส่าห์มองออกอีกนะว่าเขาใส่เชิ้ตสีควันบุหรี่ แถมยังมั่นใจอีกว่านั่นคือเฉินหยินเซิน จะว่าไปแล้วคนที่อยู่กับเฉินเชียนโหรวเนี่ย ตาแหลมดีจริงๆ”

 

 

สิ้นเสียงที่เอ่ยขึ้นอย่างราบเรียบของเฉินฝานซิง คนที่เหลือก็พากันได้สติกลับมาในทันที คำพูดของฉีเหยาเหยาย้อนแย้งกันอย่างเห็นได้ชัด เมื่อไตร่ตรองดูแล้วก็ทำให้ตระหนักได้ว่าฉีเหยาเหยานั้นโป้ปดเพื่อป้ายสีเฉินฝานซิง

 

 

ฉีเหยาเหยาลนลานไปทันที เธอรีบหันขวับไปมองเฉินเชียนโหรวหลายต่อหลายครั้ง

 

 

สีหน้าของซูเหิงก็ขุ่นลงไปตามกัน เขาหันหน้ามองเฉินเชียนโหรวพร้อมคิ้วที่ผูกกันเป็นปม

 

 

จิตใจของเฉินเชียนโหรวเริ่มอยู่ไม่สุข เธอคว้าไหล่ของซูเหิงเอาไว้แน่น พลางหันไปขมวดคิ้วถามฉีเหยาเหยาเสียงเขียว

 

 

“เหยาเหยา สรุปว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่!”

 

 

เฉินฝานซิงหัวเราะเย็นในใจ ตัวบงการเป็นเธอเห็นๆ แต่เธอยังจะหน้าไม่เปลี่ยนสีหันไปสาดน้ำครำใส่คนอื่นอย่างไม่นึกละอาย ส่วนเธอก็ยังคงสวมบทคนดีตลอดกาล

 

 

ทว่าคนบางคนก็คล้ายว่าจะทำไอคิวหล่นหายไปแล้ว จึงยังยอมเป็นเครื่องมือให้เฉินเชียนโหรวอย่างเต็มใจ

 

 

ฉีเหยาเหยากลัวจนแข้งขาสั่น ทว่าจู่ๆ ความคิดก็จุดสว่างขึ้นในขณะที่เธอกำลังสับสน เธอจึงรีบตอบกลับไปอย่างลนลาน

 

 

“พี่เฟยเฟยเป็นคนพูด! จะว่าไปเธอจะมายืนบ้าน้ำลายขวางประตูอยู่ทำไม ฉันว่าสภาพของเธอไม่เห็นจะเหมือนคนที่ถูกรังแกเลยสักนิด นี่เธอคงเข้าไปทำเรื่องสกปรกกับเฉินหยินเซินล่ะสินะ”

 

 

พริบตาเดียวความหนาวเหน็บก็ฉาบทับไปทั่วดวงตาของเฉินฝานซิง ฝ่ามือเธอวาดลงไปบนแก้มของฉีเหยาเหยาสองฉาด

 

 

ทั้งสองฉาดนั้นเสียงดังฟังชัด ทันใดนั้นใบหน้าเล็กๆ อมชมพูของฉีเหยาเหยาก็ได้บวมเป่งขึ้นมา

 

 

 

 

 

ตอนที่ 342 ทำไมถึงล้มเลิก

 

 

“คิดจะเลียแข้งเลียขาก็หัดใช้สมองด้วยนะ สาดโคลนใส่ฉันโดยไม่มีหลักฐานแบบนี้ เขาเรียกว่าใส่ความ! เดี๋ยวก็ไม่ทันได้ใช้สมบัติที่ใครบางคนให้มาเพราะโง่จนโดนไล่ออกไปซะก่อนหรอก!”

 

 

ทุกคนต่างก็ฟังออกถึงความหมายที่เคลือบแฝงอยู่ในคำพูดนั้นของเฉินฝานซิง

 

 

ฉีเหยาเหยาเป็นศิลปินของหลานอวิ้น และหลานอวิ้นก็ต้องมีผู้ที่มีอำนาจในการจัดสรรปันส่วนทรัพยากรของบริษัทได้ ในฐานะที่เฉินเชียนโหรวเป็นหลานสาวของสกุลเฉิน แน่นอนว่าเธอย่อมได้รับสิทธิ์นั้นอยู่บ้างไม่มากก็น้อย

 

 

ราวกับคำพูดนั้นของเฉินฝานซิงเรียกสติให้เธอ ทันใดนั้นหน้าของเธอก็ซีดเผือดทันที เธออ้าปากพะงาบๆ แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่มีคำพูดใดเล็ดลอดออกมา

 

 

อีกทั้งสายตาทุกคู่ที่เคยมองมายังเฉินเชียนโหรวอย่างรักใคร่ บัดนี้มันค่อยๆ แปรเปลี่ยนไปเป็นสายตาที่เต็มไปด้วยคำถาม ทุกคำไต่ถามทำให้เฉินเชียนโหรวต้องแอบกัดฟันแน่น

 

 

“พี่คะ อันที่จริงไม่เห็นต้องยุ่งยากขนาดนี้ก็ได้ ถ้าหากในห้องพี่ไม่มีใครจริงๆ พี่ก็แค่พิสูจน์โดยการเปิดประตูให้เราดูก็สิ้นเรื่อง ไม่เห็นจำเป็นต้องทำให้เรื่องมันใหญ่โตขนาดนี้”

 

 

เฉินฝานซิงยกมือขึ้นกอดอก สองมือแอบกำเข้าหากันแน่นโดยที่ใครก็ไม่อาจสังเกตเห็น เฉินฝานซิงจ้องเธอเขม็ง แล้วเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเยียบเย็น

 

 

“นิสัยชอบเอาชนะของเธอนี่ไม่เปลี่ยนเลยนะ! คำก็เพื่อศักดิ์ศรีของสกุลเฉิน สองคำก็เพื่อศักดิ์ศรีของสกุลเฉิน เรื่องเน่าเสียในบ้านห้ามแพร่งพรายออกไปให้ใครรู้ แต่เธอดันมาสงสัยฉันแล้วยังลากกันมาเยอะขนาดนี้โดยที่ ‘ไม่ได้ตั้งใจ’! ถามจริงเถอะ เธอไม่ได้ตั้งใจแค่ไหนเหรอ!”

 

 

เฉินฝานซิงก้าวเข้ามาประชิดจนทำเอาเฉินเชียนโหรวเสียการตั้งรับไปชั่วขณะ

 

 

ขณะเดียวกันนี้เอง คนคนหนึ่งก็ได้แทรกตัวเข้ามาท่ามกลางฝูงชน “เกิดอะไรขึ้นกันน่ะ”

 

 

ใครคนนั้นก็คืออธิการบดี

 

 

ความเยือกเย็นผุดขึ้นจากก้นบึ้งของดวงตาเฉินฝานซิง เธอจำได้ดีว่าในปีนั้นอธิการบดีคนนี้ชื่นชมเฉินเชียนโหรวมากแค่ไหน

 

 

นับตั้งแต่ที่เธอก้าวเข้ามาในวิทยาลัย เขาก็มักจะยกเฉินเชียนโหรวมาเปรียบเทียบกับเธออยู่เสมอ โดยมักจะหยิบยกเฉินเชียนโหรวมาเป็นแบบอย่างที่ดีให้นักเรียนคนอื่นๆ เพื่อสร้างแรงบันดาลใจ และหยิบยกเธอมาเป็นแบบอย่างที่แย่โดยไม่คำนึงถึงจิตใจเธอแม้แต่น้อย

 

 

การทะเลาะกันใหญ่โตระหว่างเธอกับเฉินเชียนโหรวเรื่องการขโมยสูตรน้ำหอมในครั้งนั้นและเรื่องที่เธอถูกตัดสิทธิ์การเข้าแข่งขันเปียโนเพราะไปทอดสะพานให้กรรมการในงานจนทำให้เฉินเชียนโหรวได้กอดถ้วยรางวัลชนะเลิศของโอเชี่ยนซาวด์กลับไปครอง ก็ยิ่งทำให้เขาไม่ชอบเธอหนักขึ้นอีก

 

 

ยังไม่ทันที่ใครจะได้พูดอะไรออกมา เมื่ออธิการบดีหันไปเห็นเฉินเชียนโหรว นักเรียนที่สร้างเกียรติยศให้กับสถาบันมาแล้วไม่รู้เท่าไหร่ต่อเท่าไหร่ เขาก็เผยยิ้มออกมาด้วยความยินดี นัยน์ตาคู่นั้นเปี่ยมไปด้วยความชื่นชม

 

 

“เชียนโหรวนี่เอง นี่มันเกิดอะไรขึ้นเหรอ”

 

 

เฉินเชียนโหรวยิ้มขึ้นน้อยๆ แต่อึดใจเดียวหลังจากนั้นเธอก็กลับมามีสีหน้าหนักใจอีกครั้ง “ต้องขอโทษด้วยนะคะอธิการ แค่เรื่องในครอบครัวแท้ๆ นึกไม่ถึงเลยว่าจะกลายเป็นเรื่องราวใหญ่โตได้ขนาดนี้”

 

 

ในเมื่อเป็นงานฉลองของโรงเรียน เกิดเรื่องวุ่นวายในวันสำคัญแบบนี้ก็ไม่นับว่าเป็นเรื่องเล็กๆ แล้ว

 

 

“เกิดอะไรขึ้น”

 

 

“ก็แม่พี่สาวตัวดีของเชียนโหรวคนนี้น่ะสิ มีคนบอกว่าเห็นผู้ชายเข้าไปในห้องเธอ เชียนโหรวก็กลัวว่าเธอจะโดนรังแกก็เลยรีบมาด้วยความเป็นห่วง…แต่เธอ…ก็ยังจะกล้าทำเรื่องแบบนี้ในงานฉลองของวิทยาลัย…”

 

 

คนที่เข้าข้างเฉินเชียนโหรวอีกคนพูดขึ้น เธอรู้ดีว่าอธิการบดีชื่นชมเฉินเชียนโหรวและไม่ชอบเฉินฝานซิง

 

 

สายตาของอธิการบดีได้จดจ้องอยู่ที่เฉินฝานซิงมาตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้ว

 

 

ตอนนี้เฉินฝานซิงอยู่ในเสื้อคลุมอาบน้ำและปล่อยผมสยาย ต่างกันกับครั้งสุดท้ายที่เจอกันตรงสนามด้านหลังราวฟ้ากับเหว และนั่นก็ยิ่งทำให้ทิฐิที่มีต่อเฉินฝานซิงเพิ่มสูงยิ่งขึ้น ตีเขาให้ตายเขาก็ไม่มีวันจินตนาการออกว่า ผู้หญิงที่ไม่มีอะไรดีสักอย่างอย่างเฉินฝานซิงจะเป็นคนรักของป๋อจิ่งชวนที่เขาได้เห็นไปก่อนหน้านี้

 

 

เมื่อมั่นใจแล้วว่านี่คือเฉินฝานซิง ความเกลียดชังจึงปรากฏขึ้นมาให้เห็นภายในดวงตาอย่างง่ายดาย

 

 

“เฉินฝานซิง? ฉันจำได้ว่าที่นี่คือสถานศึกษา คืองานเลี้ยงฉลอง การที่สถาบันเชิญเธอมาโดยมองข้ามสิ่งที่เธอเคยก่อไว้ในอดีตมันไม่ได้ทำให้เธอสงบเสงี่ยมลงได้สักนิดเลยเหรอ”

 

 

เฉินฝานซิงยืนอยู่ตรงนั้นอย่างเงียบๆ ด้วยสีหน้าเรียบเฉยอย่างที่เคยเป็นมา

 

 

“หากไม่ใช่เพราะคนที่เรียกตัวเองว่าน้องสาวสงสัยว่าฉันจะก่อเรื่องจนต้องยกโขยงกันมาเพื่อไล่จับชู้ ฉันว่ามันก็น่าจะสงบเสงี่ยมได้มากกว่านี้”

 

 

อธิการบดีถึงกับสำลัก

 

 

อันที่จริงเมื่อไตร่ตรองดูแล้ว ความรักระหว่างชายหญิงสมัยนี้ อะไรที่เกิดขึ้นจากความยินยอมพร้อมใจกันทั้งสองฝ่าย เป็นสิ่งที่ผู้คนเลิกตำหนิติฉินกันไปตั้งนานแล้ว โตๆ กันแล้วทั้งนั้น เรื่องแบบนี้ธรรมดาจะตายไป

 

 

แต่ว่าการยกโขยงกันมารวดเดียวทั้งหมู่บ้านแบบนี้ เอาเข้าจริงๆ มันก็ดูจะเกินไปหน่อย!

 

 

แน่นอนว่าเฉินเชียนโหรวรู้ดีอยู่แก่ใจ!

 

 

เดิมตั้งใจจะให้หลินเฟยเฟยเป็นคนพาคนพวกนี้มา แต่สุดท้ายใครจะไปรู้กันล่ะว่ายัยบื้อนั่นมัวไปมุดหัวอยู่ที่ไหนในเวลาสำคัญแบบนี้!

 

 

เธอพาเฉินหยินเซินมาก็เพื่อจะเหยียบเฉินฝานซิงให้จมดินนะ!

 

 

วางแผนตั้งนาน ทำไมจู่ๆ ถึงได้ล้มเลิกไปง่ายๆ แบบนี้ล่ะ!

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ช้าก่อนคุณป๋อ! ครั้งนี้ขอเป็นรักสุดท้าย 341 สรุปว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่! / 342 ทำไมถึงล้มเลิก

Now you are reading ช้าก่อนคุณป๋อ! ครั้งนี้ขอเป็นรักสุดท้าย Chapter 341 สรุปว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่! / 342 ทำไมถึงล้มเลิก at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 341 สรุปว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่!

 

 

“สงสัยว่าในห้องฉันจะมีผู้ชาย ก็เลยแห่กันมาเป็นโขยง?”

 

 

เฉินฝานซิงเอนตัวพิงขอบประตู กวาดสายตามองฝูงคนที่มาออกันอยู่หน้าห้องก่อนจะผินหน้ากลับมามองเฉินเชียนโหรวด้วยสีหน้าถากถาง

 

 

เฉินเชียนโหรวหน้าเปลี่ยนสีไปทันที “ฉันไม่ได้เรียกพวกเขามานะ! สงสัยพวกเขาคงบังเอิญได้ยินเข้า ฉันก็มัวแต่เป็นห่วงพี่ก็เลยไม่ทันได้ห้าม”

 

 

“หึ เธอเป็นห่วงฉัน?”

 

 

เฉินเชียนโหรวกัดริมฝีปากด้วยใบหน้าเศร้าหมอง “ถึงพี่ไม่เชื่อว่าฉันเป็นห่วงพี่จริงๆ! แต่ไม่ว่ายังไงพี่ก็ยังเป็นคนของสกุลเฉิน หากวันนี้เกิดอะไรขึ้นกับพี่แล้วเรื่องมันหลุดออกไปล่ะก็ สิ่งที่จะเสื่อมเสียก็คือชื่อเสียงสกุลเฉิน ไม่ว่าพี่จะจงเกลียดจงชังฉันแค่ไหน เคียดแค้นสกุลเฉินมากแค่ไหน แต่เราก็เมินเฉยต่อพี่ไม่ลง!”

 

 

เฉินฝานซิงกรีดยิ้มเย็น ราวกับนัยน์ตาคู่นั้นกำลังมองตัวตลกตัวหนึ่งอยู่ ใบหน้าหยามเหยียดนั้นเรียกให้ความขุ่นแค้นประทุขึ้นในใจของเฉินเชียนโหรว

 

 

“ในห้องฉันไม่มีใคร เพราะงั้นเธอวางใจและถอนหายใจแทนสกุลเฉินได้เลย”

 

 

เฉินเชียนโหรวย่นคิ้ว เธอหันหน้าไปเล็กน้อยแล้วกวาดตามมองไปข้างๆ และทันใดนั้นข้างๆ ก็ได้มีหญิงสาวในเดรสสั้นสีชมพูก้าวออกมา

 

 

“เหลวไหล ตอนที่ลงลิฟต์มากับพี่เฟยเฟยฉันยังเห็น…”

 

 

เฉินฝานซิงเลื่อนสายตามองหญิงสาวที่กำลังพูดอยู่ ดูเหมือนเธอ…จะเป็นศิลปินคนหนึ่งที่ไม่ได้โดดเด่นอะไรของหลานอวิ้น รู้สึกว่าจะชื่อฉีเหยาเหยา อาศัยการแต่งตัวที่น่ารักสดใสในการดึงดูดสายตาผู้คน

 

 

เฉินฝานซิงหรี่ตามอง “เธอเห็นอะไร”

 

 

ฉีเหยาเหยาตกใจกับสายตาและน้ำเสียงที่เย็นราวกับน้ำแข็งของเฉินฝานซิงจนต้องถอยไปหลบอยู่ข้างหลัง เธอมองเฉินเชียนโหรวอีกครั้ง ก่อนจะเอ่ยปาก

 

 

“เขาเร็วมาก ตอนนั้นฉันเห็นแค่เงารางๆ กว่าครึ่งหนึ่งของชายคนนั้นได้เข้าไปอยู่ในห้องเธอแล้ว แต่ฉันรู้จักผู้ชายคนนั้น เขาใส่สูทสีเทาและเชิ้ตสีควันบุหรี่ และเขาก็คือเฉินหยินเซิน กรรมการในงานแข่งขันเปียโนที่ถูกเธอให้ท่าไปเมื่อหกปีก่อนไงล่ะ!”

 

 

สิ้นคำนั้น พวกที่เหลือก็ฮือหากันยกใหญ่

 

 

“ว่าไงนะ! หรือจะเป็นเรื่องเดียวกันกับที่พูดในห้องจัดเลี้ยงเมื่อกี้!”

 

 

“ที่แท้ก็เป็นเรื่องจริง หลายปีมานี้พวกเขายังติดต่อกันมาตลอด?”

 

 

“ทำเรื่องบัดสีพรรค์นี้ในมหาวิทยาลัยได้ ไร้ยางอายสิ้นดี!”

 

 

ทว่าเฉินฝานซิงหาได้มีท่าทีทุกข์ร้อน

 

 

“อ๋อ งั้นเหรอ เห็นแค่เงา ตัวของเขากว่าครึ่งหนึ่งเข้ามาอยู่ในห้องฉันแล้ว เธอยังอุตส่าห์มองออกอีกนะว่าเขาใส่เชิ้ตสีควันบุหรี่ แถมยังมั่นใจอีกว่านั่นคือเฉินหยินเซิน จะว่าไปแล้วคนที่อยู่กับเฉินเชียนโหรวเนี่ย ตาแหลมดีจริงๆ”

 

 

สิ้นเสียงที่เอ่ยขึ้นอย่างราบเรียบของเฉินฝานซิง คนที่เหลือก็พากันได้สติกลับมาในทันที คำพูดของฉีเหยาเหยาย้อนแย้งกันอย่างเห็นได้ชัด เมื่อไตร่ตรองดูแล้วก็ทำให้ตระหนักได้ว่าฉีเหยาเหยานั้นโป้ปดเพื่อป้ายสีเฉินฝานซิง

 

 

ฉีเหยาเหยาลนลานไปทันที เธอรีบหันขวับไปมองเฉินเชียนโหรวหลายต่อหลายครั้ง

 

 

สีหน้าของซูเหิงก็ขุ่นลงไปตามกัน เขาหันหน้ามองเฉินเชียนโหรวพร้อมคิ้วที่ผูกกันเป็นปม

 

 

จิตใจของเฉินเชียนโหรวเริ่มอยู่ไม่สุข เธอคว้าไหล่ของซูเหิงเอาไว้แน่น พลางหันไปขมวดคิ้วถามฉีเหยาเหยาเสียงเขียว

 

 

“เหยาเหยา สรุปว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่!”

 

 

เฉินฝานซิงหัวเราะเย็นในใจ ตัวบงการเป็นเธอเห็นๆ แต่เธอยังจะหน้าไม่เปลี่ยนสีหันไปสาดน้ำครำใส่คนอื่นอย่างไม่นึกละอาย ส่วนเธอก็ยังคงสวมบทคนดีตลอดกาล

 

 

ทว่าคนบางคนก็คล้ายว่าจะทำไอคิวหล่นหายไปแล้ว จึงยังยอมเป็นเครื่องมือให้เฉินเชียนโหรวอย่างเต็มใจ

 

 

ฉีเหยาเหยากลัวจนแข้งขาสั่น ทว่าจู่ๆ ความคิดก็จุดสว่างขึ้นในขณะที่เธอกำลังสับสน เธอจึงรีบตอบกลับไปอย่างลนลาน

 

 

“พี่เฟยเฟยเป็นคนพูด! จะว่าไปเธอจะมายืนบ้าน้ำลายขวางประตูอยู่ทำไม ฉันว่าสภาพของเธอไม่เห็นจะเหมือนคนที่ถูกรังแกเลยสักนิด นี่เธอคงเข้าไปทำเรื่องสกปรกกับเฉินหยินเซินล่ะสินะ”

 

 

พริบตาเดียวความหนาวเหน็บก็ฉาบทับไปทั่วดวงตาของเฉินฝานซิง ฝ่ามือเธอวาดลงไปบนแก้มของฉีเหยาเหยาสองฉาด

 

 

ทั้งสองฉาดนั้นเสียงดังฟังชัด ทันใดนั้นใบหน้าเล็กๆ อมชมพูของฉีเหยาเหยาก็ได้บวมเป่งขึ้นมา

 

 

 

 

 

ตอนที่ 342 ทำไมถึงล้มเลิก

 

 

“คิดจะเลียแข้งเลียขาก็หัดใช้สมองด้วยนะ สาดโคลนใส่ฉันโดยไม่มีหลักฐานแบบนี้ เขาเรียกว่าใส่ความ! เดี๋ยวก็ไม่ทันได้ใช้สมบัติที่ใครบางคนให้มาเพราะโง่จนโดนไล่ออกไปซะก่อนหรอก!”

 

 

ทุกคนต่างก็ฟังออกถึงความหมายที่เคลือบแฝงอยู่ในคำพูดนั้นของเฉินฝานซิง

 

 

ฉีเหยาเหยาเป็นศิลปินของหลานอวิ้น และหลานอวิ้นก็ต้องมีผู้ที่มีอำนาจในการจัดสรรปันส่วนทรัพยากรของบริษัทได้ ในฐานะที่เฉินเชียนโหรวเป็นหลานสาวของสกุลเฉิน แน่นอนว่าเธอย่อมได้รับสิทธิ์นั้นอยู่บ้างไม่มากก็น้อย

 

 

ราวกับคำพูดนั้นของเฉินฝานซิงเรียกสติให้เธอ ทันใดนั้นหน้าของเธอก็ซีดเผือดทันที เธออ้าปากพะงาบๆ แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่มีคำพูดใดเล็ดลอดออกมา

 

 

อีกทั้งสายตาทุกคู่ที่เคยมองมายังเฉินเชียนโหรวอย่างรักใคร่ บัดนี้มันค่อยๆ แปรเปลี่ยนไปเป็นสายตาที่เต็มไปด้วยคำถาม ทุกคำไต่ถามทำให้เฉินเชียนโหรวต้องแอบกัดฟันแน่น

 

 

“พี่คะ อันที่จริงไม่เห็นต้องยุ่งยากขนาดนี้ก็ได้ ถ้าหากในห้องพี่ไม่มีใครจริงๆ พี่ก็แค่พิสูจน์โดยการเปิดประตูให้เราดูก็สิ้นเรื่อง ไม่เห็นจำเป็นต้องทำให้เรื่องมันใหญ่โตขนาดนี้”

 

 

เฉินฝานซิงยกมือขึ้นกอดอก สองมือแอบกำเข้าหากันแน่นโดยที่ใครก็ไม่อาจสังเกตเห็น เฉินฝานซิงจ้องเธอเขม็ง แล้วเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเยียบเย็น

 

 

“นิสัยชอบเอาชนะของเธอนี่ไม่เปลี่ยนเลยนะ! คำก็เพื่อศักดิ์ศรีของสกุลเฉิน สองคำก็เพื่อศักดิ์ศรีของสกุลเฉิน เรื่องเน่าเสียในบ้านห้ามแพร่งพรายออกไปให้ใครรู้ แต่เธอดันมาสงสัยฉันแล้วยังลากกันมาเยอะขนาดนี้โดยที่ ‘ไม่ได้ตั้งใจ’! ถามจริงเถอะ เธอไม่ได้ตั้งใจแค่ไหนเหรอ!”

 

 

เฉินฝานซิงก้าวเข้ามาประชิดจนทำเอาเฉินเชียนโหรวเสียการตั้งรับไปชั่วขณะ

 

 

ขณะเดียวกันนี้เอง คนคนหนึ่งก็ได้แทรกตัวเข้ามาท่ามกลางฝูงชน “เกิดอะไรขึ้นกันน่ะ”

 

 

ใครคนนั้นก็คืออธิการบดี

 

 

ความเยือกเย็นผุดขึ้นจากก้นบึ้งของดวงตาเฉินฝานซิง เธอจำได้ดีว่าในปีนั้นอธิการบดีคนนี้ชื่นชมเฉินเชียนโหรวมากแค่ไหน

 

 

นับตั้งแต่ที่เธอก้าวเข้ามาในวิทยาลัย เขาก็มักจะยกเฉินเชียนโหรวมาเปรียบเทียบกับเธออยู่เสมอ โดยมักจะหยิบยกเฉินเชียนโหรวมาเป็นแบบอย่างที่ดีให้นักเรียนคนอื่นๆ เพื่อสร้างแรงบันดาลใจ และหยิบยกเธอมาเป็นแบบอย่างที่แย่โดยไม่คำนึงถึงจิตใจเธอแม้แต่น้อย

 

 

การทะเลาะกันใหญ่โตระหว่างเธอกับเฉินเชียนโหรวเรื่องการขโมยสูตรน้ำหอมในครั้งนั้นและเรื่องที่เธอถูกตัดสิทธิ์การเข้าแข่งขันเปียโนเพราะไปทอดสะพานให้กรรมการในงานจนทำให้เฉินเชียนโหรวได้กอดถ้วยรางวัลชนะเลิศของโอเชี่ยนซาวด์กลับไปครอง ก็ยิ่งทำให้เขาไม่ชอบเธอหนักขึ้นอีก

 

 

ยังไม่ทันที่ใครจะได้พูดอะไรออกมา เมื่ออธิการบดีหันไปเห็นเฉินเชียนโหรว นักเรียนที่สร้างเกียรติยศให้กับสถาบันมาแล้วไม่รู้เท่าไหร่ต่อเท่าไหร่ เขาก็เผยยิ้มออกมาด้วยความยินดี นัยน์ตาคู่นั้นเปี่ยมไปด้วยความชื่นชม

 

 

“เชียนโหรวนี่เอง นี่มันเกิดอะไรขึ้นเหรอ”

 

 

เฉินเชียนโหรวยิ้มขึ้นน้อยๆ แต่อึดใจเดียวหลังจากนั้นเธอก็กลับมามีสีหน้าหนักใจอีกครั้ง “ต้องขอโทษด้วยนะคะอธิการ แค่เรื่องในครอบครัวแท้ๆ นึกไม่ถึงเลยว่าจะกลายเป็นเรื่องราวใหญ่โตได้ขนาดนี้”

 

 

ในเมื่อเป็นงานฉลองของโรงเรียน เกิดเรื่องวุ่นวายในวันสำคัญแบบนี้ก็ไม่นับว่าเป็นเรื่องเล็กๆ แล้ว

 

 

“เกิดอะไรขึ้น”

 

 

“ก็แม่พี่สาวตัวดีของเชียนโหรวคนนี้น่ะสิ มีคนบอกว่าเห็นผู้ชายเข้าไปในห้องเธอ เชียนโหรวก็กลัวว่าเธอจะโดนรังแกก็เลยรีบมาด้วยความเป็นห่วง…แต่เธอ…ก็ยังจะกล้าทำเรื่องแบบนี้ในงานฉลองของวิทยาลัย…”

 

 

คนที่เข้าข้างเฉินเชียนโหรวอีกคนพูดขึ้น เธอรู้ดีว่าอธิการบดีชื่นชมเฉินเชียนโหรวและไม่ชอบเฉินฝานซิง

 

 

สายตาของอธิการบดีได้จดจ้องอยู่ที่เฉินฝานซิงมาตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้ว

 

 

ตอนนี้เฉินฝานซิงอยู่ในเสื้อคลุมอาบน้ำและปล่อยผมสยาย ต่างกันกับครั้งสุดท้ายที่เจอกันตรงสนามด้านหลังราวฟ้ากับเหว และนั่นก็ยิ่งทำให้ทิฐิที่มีต่อเฉินฝานซิงเพิ่มสูงยิ่งขึ้น ตีเขาให้ตายเขาก็ไม่มีวันจินตนาการออกว่า ผู้หญิงที่ไม่มีอะไรดีสักอย่างอย่างเฉินฝานซิงจะเป็นคนรักของป๋อจิ่งชวนที่เขาได้เห็นไปก่อนหน้านี้

 

 

เมื่อมั่นใจแล้วว่านี่คือเฉินฝานซิง ความเกลียดชังจึงปรากฏขึ้นมาให้เห็นภายในดวงตาอย่างง่ายดาย

 

 

“เฉินฝานซิง? ฉันจำได้ว่าที่นี่คือสถานศึกษา คืองานเลี้ยงฉลอง การที่สถาบันเชิญเธอมาโดยมองข้ามสิ่งที่เธอเคยก่อไว้ในอดีตมันไม่ได้ทำให้เธอสงบเสงี่ยมลงได้สักนิดเลยเหรอ”

 

 

เฉินฝานซิงยืนอยู่ตรงนั้นอย่างเงียบๆ ด้วยสีหน้าเรียบเฉยอย่างที่เคยเป็นมา

 

 

“หากไม่ใช่เพราะคนที่เรียกตัวเองว่าน้องสาวสงสัยว่าฉันจะก่อเรื่องจนต้องยกโขยงกันมาเพื่อไล่จับชู้ ฉันว่ามันก็น่าจะสงบเสงี่ยมได้มากกว่านี้”

 

 

อธิการบดีถึงกับสำลัก

 

 

อันที่จริงเมื่อไตร่ตรองดูแล้ว ความรักระหว่างชายหญิงสมัยนี้ อะไรที่เกิดขึ้นจากความยินยอมพร้อมใจกันทั้งสองฝ่าย เป็นสิ่งที่ผู้คนเลิกตำหนิติฉินกันไปตั้งนานแล้ว โตๆ กันแล้วทั้งนั้น เรื่องแบบนี้ธรรมดาจะตายไป

 

 

แต่ว่าการยกโขยงกันมารวดเดียวทั้งหมู่บ้านแบบนี้ เอาเข้าจริงๆ มันก็ดูจะเกินไปหน่อย!

 

 

แน่นอนว่าเฉินเชียนโหรวรู้ดีอยู่แก่ใจ!

 

 

เดิมตั้งใจจะให้หลินเฟยเฟยเป็นคนพาคนพวกนี้มา แต่สุดท้ายใครจะไปรู้กันล่ะว่ายัยบื้อนั่นมัวไปมุดหัวอยู่ที่ไหนในเวลาสำคัญแบบนี้!

 

 

เธอพาเฉินหยินเซินมาก็เพื่อจะเหยียบเฉินฝานซิงให้จมดินนะ!

 

 

วางแผนตั้งนาน ทำไมจู่ๆ ถึงได้ล้มเลิกไปง่ายๆ แบบนี้ล่ะ!

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+