ช้าก่อนคุณป๋อ! ครั้งนี้ขอเป็นรักสุดท้าย 233 แม่มดสองคำนี้ไม่ใช่แค่ข่าวลือไม่มีมูล / 234 เพื่อนเก่าสมัยเรียน

Now you are reading ช้าก่อนคุณป๋อ! ครั้งนี้ขอเป็นรักสุดท้าย Chapter 233 แม่มดสองคำนี้ไม่ใช่แค่ข่าวลือไม่มีมูล / 234 เพื่อนเก่าสมัยเรียน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

 ตอนที่ 233 แม่มดสองคำนี้ไม่ใช่แค่ข่าวลือไม่มีมูล

 

 

เฉินฝานซิงเดินเข้าไปในห้องด้วยท่าทางสบายๆ ราวกับว่ารังสีอำมหิตจากฉู่อี้ไม่ได้อยู่ในสายตาเธอเลยแม้แต่น้อย

 

 

แต่เธอกลับมองเขาด้วยสีหน้าที่เหมือนจะยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้ม “เพราะงั้นหมายความว่า เมื่อวานที่ฉีดวัคซีนให้นายไป แต่นายก็ยังไม่ยอมตื่นงั้นเหรอ”

 

 

สีหน้าของฉู่อี้เคร่งขรึมลงไปกว่าเดิม

 

 

“ของพวกนี้เธอเป็นคนจัดแจงงั้นเหรอ”

 

 

เฉินฝานซิงเลิกคิ้วพลางหันไปมองเขาด้วยสายตาเฉยชา

 

 

ฉู่อี้เข้าใจทั้งหมดได้เพียงชั่ววินาที

 

 

ก่อนจะกัดฟันพูด “เธอมันยัยแม่มด”

 

 

เฉินฝานซิงเลิกคิ้วก่อนจะหยิบโทรศัพท์ออกมาสไลด์ไปมาไม่กี่ครั้งเสียงเพลงที่ดังสนั่นอยู่ในห้องก็เงียบลงทันที

 

 

มุมปากของฉู่อี้เผลอกระตุกอย่างควบคุมไม่ได้

 

 

ใช้ระบบควบคุมจากสมาร์ทโฟนเลยเหรอ

 

 

“ให้เวลาสิบนาที อาบน้ำแต่งตัวให้เรียบร้อย”

 

 

ปั้ง  เสียงประตูถูกปิดอย่างแรง

 

 

เสี่ยวเจ้าที่เสื้อผ้ายับยู่ยี่ไปหมดในเวลานี้เดินเข้ามาหาเฉินฝานซิง

 

 

เฉินฝานซิงเงยหน้าขึ้นมามองเย่หมิงที่ยังไม่คลายความโกรธอยู่ด้านหลังเขา ก่อนจะเม้นริมฝีปากเบาๆ

 

 

“พี่ซิง…”

 

 

“อย่ามาทำตัวน่าสงสารกับฉัน แผนสูงกับเด็กสาวที่ใสซื่อก็สมควรโดนอัดแล้ว”

 

 

เสี่ยวเจ้าตกใจอ้าปากหวอ “แต่ว่าความคิดนี้เป็นความคิดของพี่นะ”

 

 

“แต่นายก็เลือกที่จะไม่ทำตามได้ไม่ใช่เหรอ สรุปแล้ว ยังไงก็เป็นเพราะนาย…”

 

 

เสี่ยวเจ้ารีบยกมือแสดงความจำนน “เป็นความผิดของผมเอง ผมยอมแล้ว นี่เป็นสิ่งที่ผมควรรับผิดชอบ”

 

 

เฉินฝานซิงพยักหน้า จากนั้นก็เดินไปยังห้องรับแขกเพื่อสำรวจดอกไม้ในแจกันที่ถูกทะนุถนอมอย่างเป็นพิเศษในช่วงสองวันนี้

 

 

ดูแลได้ไม่เลวเลย

 

 

สิบนาทีผ่านไป ฉู่อี้เปิดประตูออกมาอย่างตรงเวลา

 

 

ทั้งยังแต่งตัวดูเป็นระเบียบเรียบร้อย

 

 

เสี่ยวเจ้าและเย่หมิงสองคนตกใจอ้าปากค้างจนคางแทบจะหลุดออกมา

 

 

ตลอดระหว่างทางที่ไปสตูดิโอถ่ายรายการ ความศรัทธาเลื่อมใสในตัวเฉินฝานซิงของทั้งสองคนไม่แผ่วลงเลยแม้แต่น้อย

 

 

“พี่ซิง พี่มีเรื่องลับมุมมืดอะไรของฉู่อี้ไว้ในกำมือหรือเปล่า ทั้งๆ ที่พี่ดูเหมือนจะซื่อตรงไม่มีพิษภัย แถมยังเป็นแค่ผู้หญิงบอบบางตัวเล็กๆ คนหนึ่ง”

 

 

ฉู่อี้แอบยิ้มเยาะอยู่ข้างๆ

 

 

บอบบางตัวเล็กงั้นเหรอ

 

 

ซื่อตรงไม่มีพิษภัยงั้นเหรอ

 

 

เหอะ

 

 

หากเป็นเมื่อหกปีก่อน เธอเป็นแบบนั้นจริงๆ

 

 

ทั้งยังขี้ขลาดกว่าคำบรรยายพวกนั้นร้อยเท่าพันเท่า

 

 

ตอนนี้น่ะเหรอ

 

 

นอกจากไม่เห็นว่าอีคิวจะมีการพัฒนาแล้ว ฉายา “แม่มด” ของเธอคำนี้ใช่ว่าจะตั้งให้เธอขึ้นมาลอยๆ โดยไร้สาเหตุ

 

 

เฉินฝานซิงเพียงแค่ยิ้มุกมปาก “ไม่มีหรอก ถ้าหากเขามีเรื่องลับมุมมืดจริงๆ ฉันคงปวดหัวแย่”

 

 

ระหว่างที่พูด เธอก็เลื่อนดูข่าวในอินเตอร์เน็ตไปด้วย

 

 

เพราะว่าหลังจากฉู่อี้กลับเข้าประเทศมาก็รับงานจากจือชิ่นเลยทันที เพิ่งกลับเข้าประเทศมาครั้งแรก การตอบรับก็ดีขนาดนี้

 

 

อิทธิพลจากดารานี่ไม่ธรรมดาเลย ฝ่ายการตลาดของจือชิ่นทำผลสรุปออกมา ยอดขายเพียงแค่วันเดียวก็เกือบจะเป็นในหนึ่งสามของยอดขายที่ผ่านมาทุกเดือนก่อนหน้านี้แล้ว

 

 

หนึ่งในสาม นี่ไม่ใช่ตัวเลขน้อยๆ เลย

 

 

ย้อนกลับมาดูทางด้านของซูซื่อ…

 

 

หลังจากที่เธอลาออกมา เฉินเชียนโหรวที่มีแฟนคลับจำนวนไม่น้อยก็เข้ามาแทนที่ทันที ทว่า ยอดขายกลับไม่ได้เพิ่มขึ้นเท่าไหร่นัก ไหนเลยตอนนี้จะมีข่าวฉาวด้านลบพัวพัน เรื่องยอดขายนั้นไม่ต้องคิดอะไรเลย มีเพียงแค่ผลลัพธ์เดียวเท่านั้น

 

 

แต่ตั้งแต่เมื่อวานที่เฉินเชียนโหรวเป็นลมเข้าโรงพยาบาล สื่อหลักชื่อดังหลายสำนักพากันลงข่าว ภาพลักษณ์ของเฉินเชียนโหรวก็ค่อยๆ ถูกดึงกลับมา

 

 

รวมทั้งซูเหิงด้วย

 

 

เนื้อหาข่าวเรื่องนั้นมีเพียงแค่

 

 

  ช่วงนี้ เฉินเชียนโหรวได้รับการกระทบกระเทือนทางจิตใจติดกันหลายครั้ง สภาพจิตใจบาดเจ็บอย่างรุนแรงจนร่างกายรับไม่ไหวเป็นลมล้มไป

 

 

ส่วนซูเหิงยอมทิ้งภาระหนักอึ้งจากบริษัท รีบมุ่งตรงไปยังโรงพยาบาลในทันที คอยเฝ้าอยู่ข้างเตียงผู้ป่วยไม่ยอมห่างไปไหน ดูแลเอาใจใส่อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง

 

 

จากนั้นก็คือ

 

 

“ไม่ทอดทิ้ง พึ่งพากันและกัน อันที่จริง รักแท้ก็เรียบง่ายและบริสุทธิ์แบบนี้เอง”

 

 

“รักแท้ชนะทุกอย่าง”

 

 

“มีคำกล่าวว่าล้มป่วยเป็นเวลานานลูกหลานจะพาลหายหน้า แต่ซูเหิงกับเฉินเชียนโหรวกลับได้พบเจอความจริงใจในยามทุกข์ยาก”

 

 

เฉินฝานซิงแสยะยิ้ม นี่น่ะเหรอ พบเจอความจริงใจในยามทุกข์ยาก!

 

 

 

 

 

ตอนที่ 234 เพื่อนเก่าสมัยเรียน

 

 

เฉินฝานซิงแสยะยิ้ม นี่น่ะเหรอ พบเจอความจริงใจในยามทุกข์ยาก!

 

 

ที่แท้ที่ใครๆ เรียกกันว่าพบเจอความจริงใจในยามทุกข์ยากมันเป็นแบบนี้นี่เอง

 

 

ฉู่อี้รู้สึกได้ถึงความเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ของเฉินฝานซิงได้อย่างชัดเจน เมื่อเขาเงยหน้าไปมองเธอ ก็เห็นสีหน้าของหญิงสาวเฉยชานิ่งเรียบ ทว่า มุมปากกลับกำลังแสยะยิ้มอย่างเห็นได้ชัด นั่นพิสูจน์ให้เห็นว่าความรู้สึกของเขาเมื่อครู่นี้ไม่ผิดเลย

 

 

หลังจากที่เหลือบมองแท็บเล็ตในมือของเฉินฝานซิงและเห็นเนื้อหาด้านบนแล้ว สีหน้าของเขาก็เคร่งขรึมขึ้นมาจนสังเกตเห็นได้

 

 

เวลานี้ ยังสนใจความเคลื่อนไหวของสองคนนั้นอยู่อีกเหรอ

 

 

ยัยแม่มด เธอนี่เกินเยียวยาแล้ว!

 

 

รถจอดในเวลานี้พอดี เฉินฝานซิงเก็บแท็บเล็ตด้วยใบหน้านิ่งเฉย ก่อนจะหยิบหมวกสีดำด้านข้างโยนให้ฉู่อี้ แล้วจึงเปิดประตูรถก้าวลงจากรถไป

 

 

เสี่ยวเจ้าและเย่หมิงสองคนก็ตามลงไปด้วย จากนั้นก็เป็นฉู่อี้ที่ลงตามไปทีหลัง

 

 

ทั้งสามคนเดิมล้อมฉู่อี้ไว้ตลอดทางที่มุ่งหน้าไปยังอาคารสถานีโทรทัศน์

 

 

เฉินฝานซิงเสนอให้เก็บเรื่องการไปไหนมาไหนของฉู่อี้ไว้เป็นความลับ เพราะความโด่งดังของเขาไม่ว่าจะไปที่ไหนก็อาจจะทำให้เกิดเรื่องวุ่นวายที่ไม่จำเป็นตามมาได้

 

 

ทว่าเหล่าแฟนคลับมักจะหาหนทางที่จะรู้เบาะแสของศิลปินที่ตัวเองชื่นชอบได้เสมอ นับภาษาอะไรกับสถานที่อย่างสถานีโทรทัศน์ที่เป็นตำแหน่งที่มักจะมีแฟนคลับมาสำรวจพื้นที่อยู่บ่อยๆ

 

 

แฟนคลับที่รู้เรื่องการเดินทางของฉู่อี้มีไม่มากนัก แต่ที่นี่กลับห้อมล้อมไปด้วยกลุ่มแฟนคลับอย่างคับคั่ง

 

 

เฉินฝานซิงสังเกตเห็นเหตุการณ์ตั้งแต่ตอนที่อยู่บนรถแล้ว ในบรรดากลุ่มคนด้านนอก ส่วนใหญ่แล้วล้วนแต่เป็นกลุ่มแฟนคลับของคนอื่น

 

 

ในขณะที่ฉู่อี้ลงจากรถ ก็มีแฟนคลับส่งเสียงเรียกขึ้นมาในทันที

 

 

“ฉู่อี้ เจ้าพ่อจอเงินฉู่”

 

 

“กรี๊ดๆๆๆ”

 

 

ฉู่อี้ถึงแม้ว่าจะใส่หมวกอยู่ แต่สีหน้าของเขาอึมครึมอย่างเห็นได้ชัด

 

 

อันที่จริงจะว่าไป มนุษย์มักเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีความขัดแย้งและซับซ้อนในตัวเอง

 

 

ยกตัวอย่างเช่นเหล่าดารา สิ่งที่จะทำให้พวกเขาประสบความสำเร็จ แน่นอนว่าคือการยกยอปอปั้นจากเหล่าแฟนคลับอย่างไม่ต้องสงสัย

 

 

พวกเขาหวังว่าแฟนคลับของตัวเองจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แต่ในขณะเดียวกันก็รำคาญและต่อต้านการไล่ตามอย่างบ้าคลั่งโดยขาดสติของเหล่าแฟนคลับเช่นกัน

 

 

ฉู่อี้เองก็เช่นกัน

 

 

ยิ่งไปกว่านั้น เดิมทีนิสัยของเขาก็เป็นคนที่เยือกเย็น

 

 

แฟนคลับพวกนั้นต่างก็ชื่นชอบคลั่งไคล้ในนิสัยที่เย็นชาดุจน้ำแข็งของเขาเป็นที่สุด

 

 

เสียงตะโกนเรียกจากแฟนคลับหนึ่งประโยค ดึงดูดผู้คนจำนวนไม่น้อยได้อย่างรวดเร็ว

 

 

ยังไงซะ ฉู่อี้ก็เป็นถึงนักแสดงสัญชาติจีนที่โด่งดังไปถึงต่างประเทศ จึงไม่แปลกที่จะได้รับความสนใจจากแฟนคลับของคนอื่นด้วย

 

 

ผู้คนเริ่มเบียดเสียดพลุกพล่านขึ้นมาถนัดตา สถานีโทรทัศน์จึงต้องส่งพนักงานรักษาความปลอดภัยออกมาจัดระเบียบความเรียบร้อย

 

 

กว่าจะเบียดผู้คนเดินไปประตูสถานีโทรทัศน์เข้ามาถึงโถงใหญ่กลางอาคารได้ แต่ละคนถึงกับถอนใจออกมาด้วยความโล่งไปตามๆ กัน

 

 

ภายในอ้อมแขนของเสี่ยวเจ้าและเย่หมิงไม่รู้ว่ามีของขวัญกองโตถูกยัดเข้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่

 

 

ทั้งสองคนวิ่งไปยังล็อบบี้เพื่อจะฝากของ ส่วนฉู่อี้ที่ยืนอยู่ที่เดิมกำลังยื่นมือออกมาปัดเสื้อผ้าที่ไม่ได้มีรอยยับอะไรมากนักของตัวเองด้วยท่าทางรังเกียจ

 

 

เฉินฝานซิงก้มหน้าดูนาฬิกา เป็นเวลาเก้าโมงแล้ว

 

 

“โอ๊ะ นี่ไม่ใช่เพื่อนเก่าสมัยเรียนของฉันหรอกเหรอ”

 

 

เสียงของชายหนุ่มที่ฟังดูแล้วถือได้ว่าเป็นเสียงที่สดใสอารมณ์ดีอยู่ไม่น้อยดังขึ้น

 

 

เฉินฝานซิงไม่ได้ใส่ใจกับคำว่าเพื่อนเก่าสมัยเรียนคำนี้ ดูเหมือนมันจะเป็นเรื่องที่ห่างไกลจากเธอเหลือเกิน

 

 

“เฉินฝานซิงใช่ไหม”

 

 

จนกระทั่งฝ่ายตรงข้ามเรียกชื่อเธออกมา เฉินฝานซิงถึงจะหันหน้าไปมองเขา

 

 

ดวงตาคู่นั้นหรี่ลงเล็กน้อย

 

 

มองเห็นฝั่งตรงข้ามมีกลุ่มคนกำลังเดินตรงเข้ามา

 

 

ใบหน้าของคนที่เดินนำหน้านั้น เธอก็ไม่ได้รู้สึกแปลกหน้าไปเสียทีเดียว

 

 

กู้เจ๋อเหยียน

 

 

นักแสดงที่จัดอยู่ในระดับ แนวสอง [1]ขึ้นไป แต่ยังไม่ถึงระดับแนวหน้าของวงการบันเทิงในประเทศ

 

 

สกุลกู้มีบริษัทเอนเตอร์เทนเมนต์เป็นของตัวเอง กู้เจ๋อเหยียนรูปลักษณ์ภายนอกดีใช้ได้ แต่เดิม ภายในบริษัทยังมีศิลปินที่พอจะเป็นหน้าเป็นตาให้ได้ไม่มากนัก เขาจึงออกโรงเอง ตอนนี้รับช่วงต่อจากบริษัทของตระกูลตัวเองแล้ว

 

 

ความสำเร็จนับว่าไม่เลวเลย

 

 

พวกเขาเป็นเพื่อนสมัยเรียนตั้งแต่สมัยม.ปลายจนเข้าสู่ช่วงมหาวิทยาลัยจริงๆ แต่ทั้งสองคนกลับไม่ได้มีความสัมพันธ์สนิทสนมอะไรกันมากนัก

 

 

อ๋อ อย่างเดียวที่มีก็คือ ในช่วงสมัยเรียน กู้เจ๋อเหยียนถือเป็นชายหนุ่มที่ตามจีบเฉินเชียนโหรวผู้ซื่อสัตย์คนหนึ่ง

 

 

 

 

[1]การจัดระดับนักแสดงในประเทศจีน จะแบ่งเป็น แนวหน้า (แนวหนึ่ง) แนวสอง และแนวสาม โดยจะจัดตามชื่อเสียง คุณภาพผลงาน และค่าตัวเป็นต้น

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

ช้าก่อนคุณป๋อ! ครั้งนี้ขอเป็นรักสุดท้าย 233 แม่มดสองคำนี้ไม่ใช่แค่ข่าวลือไม่มีมูล / 234 เพื่อนเก่าสมัยเรียน

Now you are reading ช้าก่อนคุณป๋อ! ครั้งนี้ขอเป็นรักสุดท้าย Chapter 233 แม่มดสองคำนี้ไม่ใช่แค่ข่าวลือไม่มีมูล / 234 เพื่อนเก่าสมัยเรียน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

 ตอนที่ 233 แม่มดสองคำนี้ไม่ใช่แค่ข่าวลือไม่มีมูล

 

 

เฉินฝานซิงเดินเข้าไปในห้องด้วยท่าทางสบายๆ ราวกับว่ารังสีอำมหิตจากฉู่อี้ไม่ได้อยู่ในสายตาเธอเลยแม้แต่น้อย

 

 

แต่เธอกลับมองเขาด้วยสีหน้าที่เหมือนจะยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้ม “เพราะงั้นหมายความว่า เมื่อวานที่ฉีดวัคซีนให้นายไป แต่นายก็ยังไม่ยอมตื่นงั้นเหรอ”

 

 

สีหน้าของฉู่อี้เคร่งขรึมลงไปกว่าเดิม

 

 

“ของพวกนี้เธอเป็นคนจัดแจงงั้นเหรอ”

 

 

เฉินฝานซิงเลิกคิ้วพลางหันไปมองเขาด้วยสายตาเฉยชา

 

 

ฉู่อี้เข้าใจทั้งหมดได้เพียงชั่ววินาที

 

 

ก่อนจะกัดฟันพูด “เธอมันยัยแม่มด”

 

 

เฉินฝานซิงเลิกคิ้วก่อนจะหยิบโทรศัพท์ออกมาสไลด์ไปมาไม่กี่ครั้งเสียงเพลงที่ดังสนั่นอยู่ในห้องก็เงียบลงทันที

 

 

มุมปากของฉู่อี้เผลอกระตุกอย่างควบคุมไม่ได้

 

 

ใช้ระบบควบคุมจากสมาร์ทโฟนเลยเหรอ

 

 

“ให้เวลาสิบนาที อาบน้ำแต่งตัวให้เรียบร้อย”

 

 

ปั้ง  เสียงประตูถูกปิดอย่างแรง

 

 

เสี่ยวเจ้าที่เสื้อผ้ายับยู่ยี่ไปหมดในเวลานี้เดินเข้ามาหาเฉินฝานซิง

 

 

เฉินฝานซิงเงยหน้าขึ้นมามองเย่หมิงที่ยังไม่คลายความโกรธอยู่ด้านหลังเขา ก่อนจะเม้นริมฝีปากเบาๆ

 

 

“พี่ซิง…”

 

 

“อย่ามาทำตัวน่าสงสารกับฉัน แผนสูงกับเด็กสาวที่ใสซื่อก็สมควรโดนอัดแล้ว”

 

 

เสี่ยวเจ้าตกใจอ้าปากหวอ “แต่ว่าความคิดนี้เป็นความคิดของพี่นะ”

 

 

“แต่นายก็เลือกที่จะไม่ทำตามได้ไม่ใช่เหรอ สรุปแล้ว ยังไงก็เป็นเพราะนาย…”

 

 

เสี่ยวเจ้ารีบยกมือแสดงความจำนน “เป็นความผิดของผมเอง ผมยอมแล้ว นี่เป็นสิ่งที่ผมควรรับผิดชอบ”

 

 

เฉินฝานซิงพยักหน้า จากนั้นก็เดินไปยังห้องรับแขกเพื่อสำรวจดอกไม้ในแจกันที่ถูกทะนุถนอมอย่างเป็นพิเศษในช่วงสองวันนี้

 

 

ดูแลได้ไม่เลวเลย

 

 

สิบนาทีผ่านไป ฉู่อี้เปิดประตูออกมาอย่างตรงเวลา

 

 

ทั้งยังแต่งตัวดูเป็นระเบียบเรียบร้อย

 

 

เสี่ยวเจ้าและเย่หมิงสองคนตกใจอ้าปากค้างจนคางแทบจะหลุดออกมา

 

 

ตลอดระหว่างทางที่ไปสตูดิโอถ่ายรายการ ความศรัทธาเลื่อมใสในตัวเฉินฝานซิงของทั้งสองคนไม่แผ่วลงเลยแม้แต่น้อย

 

 

“พี่ซิง พี่มีเรื่องลับมุมมืดอะไรของฉู่อี้ไว้ในกำมือหรือเปล่า ทั้งๆ ที่พี่ดูเหมือนจะซื่อตรงไม่มีพิษภัย แถมยังเป็นแค่ผู้หญิงบอบบางตัวเล็กๆ คนหนึ่ง”

 

 

ฉู่อี้แอบยิ้มเยาะอยู่ข้างๆ

 

 

บอบบางตัวเล็กงั้นเหรอ

 

 

ซื่อตรงไม่มีพิษภัยงั้นเหรอ

 

 

เหอะ

 

 

หากเป็นเมื่อหกปีก่อน เธอเป็นแบบนั้นจริงๆ

 

 

ทั้งยังขี้ขลาดกว่าคำบรรยายพวกนั้นร้อยเท่าพันเท่า

 

 

ตอนนี้น่ะเหรอ

 

 

นอกจากไม่เห็นว่าอีคิวจะมีการพัฒนาแล้ว ฉายา “แม่มด” ของเธอคำนี้ใช่ว่าจะตั้งให้เธอขึ้นมาลอยๆ โดยไร้สาเหตุ

 

 

เฉินฝานซิงเพียงแค่ยิ้มุกมปาก “ไม่มีหรอก ถ้าหากเขามีเรื่องลับมุมมืดจริงๆ ฉันคงปวดหัวแย่”

 

 

ระหว่างที่พูด เธอก็เลื่อนดูข่าวในอินเตอร์เน็ตไปด้วย

 

 

เพราะว่าหลังจากฉู่อี้กลับเข้าประเทศมาก็รับงานจากจือชิ่นเลยทันที เพิ่งกลับเข้าประเทศมาครั้งแรก การตอบรับก็ดีขนาดนี้

 

 

อิทธิพลจากดารานี่ไม่ธรรมดาเลย ฝ่ายการตลาดของจือชิ่นทำผลสรุปออกมา ยอดขายเพียงแค่วันเดียวก็เกือบจะเป็นในหนึ่งสามของยอดขายที่ผ่านมาทุกเดือนก่อนหน้านี้แล้ว

 

 

หนึ่งในสาม นี่ไม่ใช่ตัวเลขน้อยๆ เลย

 

 

ย้อนกลับมาดูทางด้านของซูซื่อ…

 

 

หลังจากที่เธอลาออกมา เฉินเชียนโหรวที่มีแฟนคลับจำนวนไม่น้อยก็เข้ามาแทนที่ทันที ทว่า ยอดขายกลับไม่ได้เพิ่มขึ้นเท่าไหร่นัก ไหนเลยตอนนี้จะมีข่าวฉาวด้านลบพัวพัน เรื่องยอดขายนั้นไม่ต้องคิดอะไรเลย มีเพียงแค่ผลลัพธ์เดียวเท่านั้น

 

 

แต่ตั้งแต่เมื่อวานที่เฉินเชียนโหรวเป็นลมเข้าโรงพยาบาล สื่อหลักชื่อดังหลายสำนักพากันลงข่าว ภาพลักษณ์ของเฉินเชียนโหรวก็ค่อยๆ ถูกดึงกลับมา

 

 

รวมทั้งซูเหิงด้วย

 

 

เนื้อหาข่าวเรื่องนั้นมีเพียงแค่

 

 

  ช่วงนี้ เฉินเชียนโหรวได้รับการกระทบกระเทือนทางจิตใจติดกันหลายครั้ง สภาพจิตใจบาดเจ็บอย่างรุนแรงจนร่างกายรับไม่ไหวเป็นลมล้มไป

 

 

ส่วนซูเหิงยอมทิ้งภาระหนักอึ้งจากบริษัท รีบมุ่งตรงไปยังโรงพยาบาลในทันที คอยเฝ้าอยู่ข้างเตียงผู้ป่วยไม่ยอมห่างไปไหน ดูแลเอาใจใส่อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง

 

 

จากนั้นก็คือ

 

 

“ไม่ทอดทิ้ง พึ่งพากันและกัน อันที่จริง รักแท้ก็เรียบง่ายและบริสุทธิ์แบบนี้เอง”

 

 

“รักแท้ชนะทุกอย่าง”

 

 

“มีคำกล่าวว่าล้มป่วยเป็นเวลานานลูกหลานจะพาลหายหน้า แต่ซูเหิงกับเฉินเชียนโหรวกลับได้พบเจอความจริงใจในยามทุกข์ยาก”

 

 

เฉินฝานซิงแสยะยิ้ม นี่น่ะเหรอ พบเจอความจริงใจในยามทุกข์ยาก!

 

 

 

 

 

ตอนที่ 234 เพื่อนเก่าสมัยเรียน

 

 

เฉินฝานซิงแสยะยิ้ม นี่น่ะเหรอ พบเจอความจริงใจในยามทุกข์ยาก!

 

 

ที่แท้ที่ใครๆ เรียกกันว่าพบเจอความจริงใจในยามทุกข์ยากมันเป็นแบบนี้นี่เอง

 

 

ฉู่อี้รู้สึกได้ถึงความเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ของเฉินฝานซิงได้อย่างชัดเจน เมื่อเขาเงยหน้าไปมองเธอ ก็เห็นสีหน้าของหญิงสาวเฉยชานิ่งเรียบ ทว่า มุมปากกลับกำลังแสยะยิ้มอย่างเห็นได้ชัด นั่นพิสูจน์ให้เห็นว่าความรู้สึกของเขาเมื่อครู่นี้ไม่ผิดเลย

 

 

หลังจากที่เหลือบมองแท็บเล็ตในมือของเฉินฝานซิงและเห็นเนื้อหาด้านบนแล้ว สีหน้าของเขาก็เคร่งขรึมขึ้นมาจนสังเกตเห็นได้

 

 

เวลานี้ ยังสนใจความเคลื่อนไหวของสองคนนั้นอยู่อีกเหรอ

 

 

ยัยแม่มด เธอนี่เกินเยียวยาแล้ว!

 

 

รถจอดในเวลานี้พอดี เฉินฝานซิงเก็บแท็บเล็ตด้วยใบหน้านิ่งเฉย ก่อนจะหยิบหมวกสีดำด้านข้างโยนให้ฉู่อี้ แล้วจึงเปิดประตูรถก้าวลงจากรถไป

 

 

เสี่ยวเจ้าและเย่หมิงสองคนก็ตามลงไปด้วย จากนั้นก็เป็นฉู่อี้ที่ลงตามไปทีหลัง

 

 

ทั้งสามคนเดิมล้อมฉู่อี้ไว้ตลอดทางที่มุ่งหน้าไปยังอาคารสถานีโทรทัศน์

 

 

เฉินฝานซิงเสนอให้เก็บเรื่องการไปไหนมาไหนของฉู่อี้ไว้เป็นความลับ เพราะความโด่งดังของเขาไม่ว่าจะไปที่ไหนก็อาจจะทำให้เกิดเรื่องวุ่นวายที่ไม่จำเป็นตามมาได้

 

 

ทว่าเหล่าแฟนคลับมักจะหาหนทางที่จะรู้เบาะแสของศิลปินที่ตัวเองชื่นชอบได้เสมอ นับภาษาอะไรกับสถานที่อย่างสถานีโทรทัศน์ที่เป็นตำแหน่งที่มักจะมีแฟนคลับมาสำรวจพื้นที่อยู่บ่อยๆ

 

 

แฟนคลับที่รู้เรื่องการเดินทางของฉู่อี้มีไม่มากนัก แต่ที่นี่กลับห้อมล้อมไปด้วยกลุ่มแฟนคลับอย่างคับคั่ง

 

 

เฉินฝานซิงสังเกตเห็นเหตุการณ์ตั้งแต่ตอนที่อยู่บนรถแล้ว ในบรรดากลุ่มคนด้านนอก ส่วนใหญ่แล้วล้วนแต่เป็นกลุ่มแฟนคลับของคนอื่น

 

 

ในขณะที่ฉู่อี้ลงจากรถ ก็มีแฟนคลับส่งเสียงเรียกขึ้นมาในทันที

 

 

“ฉู่อี้ เจ้าพ่อจอเงินฉู่”

 

 

“กรี๊ดๆๆๆ”

 

 

ฉู่อี้ถึงแม้ว่าจะใส่หมวกอยู่ แต่สีหน้าของเขาอึมครึมอย่างเห็นได้ชัด

 

 

อันที่จริงจะว่าไป มนุษย์มักเป็นสิ่งมีชีวิตที่มีความขัดแย้งและซับซ้อนในตัวเอง

 

 

ยกตัวอย่างเช่นเหล่าดารา สิ่งที่จะทำให้พวกเขาประสบความสำเร็จ แน่นอนว่าคือการยกยอปอปั้นจากเหล่าแฟนคลับอย่างไม่ต้องสงสัย

 

 

พวกเขาหวังว่าแฟนคลับของตัวเองจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แต่ในขณะเดียวกันก็รำคาญและต่อต้านการไล่ตามอย่างบ้าคลั่งโดยขาดสติของเหล่าแฟนคลับเช่นกัน

 

 

ฉู่อี้เองก็เช่นกัน

 

 

ยิ่งไปกว่านั้น เดิมทีนิสัยของเขาก็เป็นคนที่เยือกเย็น

 

 

แฟนคลับพวกนั้นต่างก็ชื่นชอบคลั่งไคล้ในนิสัยที่เย็นชาดุจน้ำแข็งของเขาเป็นที่สุด

 

 

เสียงตะโกนเรียกจากแฟนคลับหนึ่งประโยค ดึงดูดผู้คนจำนวนไม่น้อยได้อย่างรวดเร็ว

 

 

ยังไงซะ ฉู่อี้ก็เป็นถึงนักแสดงสัญชาติจีนที่โด่งดังไปถึงต่างประเทศ จึงไม่แปลกที่จะได้รับความสนใจจากแฟนคลับของคนอื่นด้วย

 

 

ผู้คนเริ่มเบียดเสียดพลุกพล่านขึ้นมาถนัดตา สถานีโทรทัศน์จึงต้องส่งพนักงานรักษาความปลอดภัยออกมาจัดระเบียบความเรียบร้อย

 

 

กว่าจะเบียดผู้คนเดินไปประตูสถานีโทรทัศน์เข้ามาถึงโถงใหญ่กลางอาคารได้ แต่ละคนถึงกับถอนใจออกมาด้วยความโล่งไปตามๆ กัน

 

 

ภายในอ้อมแขนของเสี่ยวเจ้าและเย่หมิงไม่รู้ว่ามีของขวัญกองโตถูกยัดเข้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่

 

 

ทั้งสองคนวิ่งไปยังล็อบบี้เพื่อจะฝากของ ส่วนฉู่อี้ที่ยืนอยู่ที่เดิมกำลังยื่นมือออกมาปัดเสื้อผ้าที่ไม่ได้มีรอยยับอะไรมากนักของตัวเองด้วยท่าทางรังเกียจ

 

 

เฉินฝานซิงก้มหน้าดูนาฬิกา เป็นเวลาเก้าโมงแล้ว

 

 

“โอ๊ะ นี่ไม่ใช่เพื่อนเก่าสมัยเรียนของฉันหรอกเหรอ”

 

 

เสียงของชายหนุ่มที่ฟังดูแล้วถือได้ว่าเป็นเสียงที่สดใสอารมณ์ดีอยู่ไม่น้อยดังขึ้น

 

 

เฉินฝานซิงไม่ได้ใส่ใจกับคำว่าเพื่อนเก่าสมัยเรียนคำนี้ ดูเหมือนมันจะเป็นเรื่องที่ห่างไกลจากเธอเหลือเกิน

 

 

“เฉินฝานซิงใช่ไหม”

 

 

จนกระทั่งฝ่ายตรงข้ามเรียกชื่อเธออกมา เฉินฝานซิงถึงจะหันหน้าไปมองเขา

 

 

ดวงตาคู่นั้นหรี่ลงเล็กน้อย

 

 

มองเห็นฝั่งตรงข้ามมีกลุ่มคนกำลังเดินตรงเข้ามา

 

 

ใบหน้าของคนที่เดินนำหน้านั้น เธอก็ไม่ได้รู้สึกแปลกหน้าไปเสียทีเดียว

 

 

กู้เจ๋อเหยียน

 

 

นักแสดงที่จัดอยู่ในระดับ แนวสอง [1]ขึ้นไป แต่ยังไม่ถึงระดับแนวหน้าของวงการบันเทิงในประเทศ

 

 

สกุลกู้มีบริษัทเอนเตอร์เทนเมนต์เป็นของตัวเอง กู้เจ๋อเหยียนรูปลักษณ์ภายนอกดีใช้ได้ แต่เดิม ภายในบริษัทยังมีศิลปินที่พอจะเป็นหน้าเป็นตาให้ได้ไม่มากนัก เขาจึงออกโรงเอง ตอนนี้รับช่วงต่อจากบริษัทของตระกูลตัวเองแล้ว

 

 

ความสำเร็จนับว่าไม่เลวเลย

 

 

พวกเขาเป็นเพื่อนสมัยเรียนตั้งแต่สมัยม.ปลายจนเข้าสู่ช่วงมหาวิทยาลัยจริงๆ แต่ทั้งสองคนกลับไม่ได้มีความสัมพันธ์สนิทสนมอะไรกันมากนัก

 

 

อ๋อ อย่างเดียวที่มีก็คือ ในช่วงสมัยเรียน กู้เจ๋อเหยียนถือเป็นชายหนุ่มที่ตามจีบเฉินเชียนโหรวผู้ซื่อสัตย์คนหนึ่ง

 

 

 

 

[1]การจัดระดับนักแสดงในประเทศจีน จะแบ่งเป็น แนวหน้า (แนวหนึ่ง) แนวสอง และแนวสาม โดยจะจัดตามชื่อเสียง คุณภาพผลงาน และค่าตัวเป็นต้น

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+