ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง 578 สวีเชียนก็คือสวี่ชีอัน

Now you are reading ผู้พิทักษ์รัตติกาลแห่งต้าฟ่ง Chapter 578 สวีเชียนก็คือสวี่ชีอัน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 578 สวีเชียนก็คือสวี่ชีอัน

สำหรับการปรากฏตัวของซุนเสวียนจี เมืองเฉียนหลงและสำนักพุทธต่างไม่รู้สึกประหลาดใจทั้งสองฝ่าย เนื่องจากนี่เป็นเรื่องที่คาดคิดไว้นานแล้ว

จีเสวียนบีบหยกสื่อสารในมือไว้แน่นอย่างเงียบๆ มองโหรชุดขาวที่อยู่ไกลออกไปด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย

คนฉลาดจะไตร่ตรองอย่างละเอียดรอบคอบ จากการสันนิษฐานของพวกเขา มีความเป็นไปได้สูงว่าซุนเสวียนจีจะฉวยโอกาสตอนที่พวกเขาไม่ทันระวังตัว ใช้ค่ายกลลำเลียงในการชิงตัวคนไป

สวีเชียนคิดจะชิงผู้ถูกปราณมังกรอาศัย ก็จะต้องใช้ความได้เปรียบของฝ่ายตัวเองให้เหมาะสม เพื่อให้บรรลุจุดประสงค์ในการใช้ความอ่อนโยนชนะความแข็งแกร่ง แย่งอาหารจากปากเสือ

จากการคาดคะเนของจีเสวียนและคนอื่นๆ สิ่งที่เขาใช้ได้มีเพียงฝีมือวิชากู่ที่คาดเดายากของตัวเอง และความสามารถที่หลากหลายของซุนเสวียนจีโหรท่านนี้

ดังนั้น พวกเขาจึงเตรียมวิธีการรับมือไว้แต่เนิ่นๆ แล้ว รอเพียงสวีเชียนแสดงฝีมืออย่างเต็มที่ จากนั้นจึงทำให้พ่ายแพ้แล้วปราบความอหังการของเขา

แต่สิ่งที่เหนือความคาดหมายก็คือ ซุนเสวียนจีกลับปรากฏตัวขึ้นอย่างสง่าผ่าเผย ปรากฏตัวอยู่ด้านหลังกลุ่มดาวมังกรเจ็ดดวง “หึ!”

ในขณะส่งเสียงหึอย่างเย็นชานั้น ชังหลงหันกลับมาพร้อมกับฟันดาบยาว คนสวมเสื้อคลุมเจ็ดคนที่อยู่ข้างๆ เขา ก็ทำท่าทางเหมือนกันโดยไม่ต้องเอ่ยถ้อยความใด

ลำแสงของดาบรูปโค้งพุ่งออกมาจากคมดาบ อากาศระเหยออกจากปราณดาบบูดเบี้ยว

ซุนเสวียนจีไม่ขยับเขยื้อนแม้แต่น้อย ยกเท้าขึ้นเหยียบ ปรากฏลายบูดเบี้ยวลอยขึ้นเบื้องหน้า กลายเป็นกำแพงอากาศ ลำแสงของดาบฟันลงบนลายที่กลายเป็นกำแพงอากาศ แต่มันกลับกลายเป็นวัวดินตกสู่ทะเล ไม่รู้ว่าหายไปไหน

ค่ายกลลำเลียง!

โหรเชี่ยวชาญค่ายกลทุกชนิด สามารถแสดงการควบคุมได้มากมาย

ถึงอย่างไร ไม่ว่าผีหรือคนก็สามารถควบคุมได้ มีเพียงทหารเท่านั้นที่ต้องต้านทาน

ซุนเสวียนจีสะบัดมือเหวี่ยงม้วนภาพออกมาหนึ่งภาพ ม้วนภาพคลี่ออกเหนือศีรษะทุกคน จากนั้นกลายเป็นพายุหมุนพัดอย่างรุนแรง ต้องการดูดคนด้านล่างทุกคนเข้ามา

“ฝีมือระดับขี้ปะติ๋ว!”

คนสวมเสื้อคลุมเจ็ดคนที่นำโดยชังหลงเขย่าเสื้อคลุม พลังปราณเชื่อมต่อกัน รวมตัวกันเป็นพลังระดับเหนือมนุษย์

ดาบยาวของชังหลงชูขึ้น ลำแสงของดาบอันเจิดจ้าฟันลงไปในพายุหมุน

“ชิ้ง!”

ม้วนภาพแตกละเอียด กลายเป็นแสงสว่างกระจัดกระจายตกลงสู่พื้น

ซุนเสวียนจีไม่รีบร้อน ยกมือขึ้น แล้วคว้าไว้ทันที

แสงสว่างเหล่านี้บูดเบี้ยว เลื้อยคลาน กลายเป็นลวดลายสลับซับซ้อน

ตรงกลางลวดลายเป็นรูปกลุ่มดาวมังกรเจ็ดดวง

ทันทีที่แสงสว่างส่องแสง กลุ่มดาวมังกรเจ็ดดวงและซุนเสวียนจีก็อันตรธานไปพร้อมกัน พวกเขาถูกโหรระดับสามจับตัวไปไอรีนโนเวล

เวลานี้ สถานการณ์ในสนามคือ เทพอารักษ์ระดับสามสององค์ล้อมสวี่ชีอันไว้ สายตาทุกคู่จับจ้องมาที่สวี่ชีอัน หากจะพูดว่าเมื่อครู่ยังมีความระมัดระวังและความกลัวอยู่บ้าง เช่นนั้นตอนนี้ แม้แต่นักพรตเฒ่าเจียวเยี่ยที่สุขุมหนักแน่นที่สุด มีประสบการณ์มากที่สุด ก็ยังไม่คิดว่าสวีเชียนจะสามารถบันดาลให้เกิดคลื่นอะไรได้อีก

เทพอารักษ์สององค์ ขั้นสี่มากกว่าห้าคน และภิกษุจำนวนมาก แต่เวลานี้สวีเชียนมีแค่ตัวคนเดียว

“เขาน่าจะยังมีวิธี” จู่ๆ จีเสวียนก็พูดขึ้นมา

ในเวลานี้ จิ้งซินพูดเสียงดังว่า

“อาจารย์อาทั้งสอง จะให้เขาปลดปล่อยเจดีย์พุทธะออกมาไม่ได้เด็ดขาด”

พูดจบ ก็เห็นชาวเมืองเฉียนหลงส่งสายตาตั้งคำถาม จิ้งซินจึงอธิบายว่า “ก่อนหน้านี้เป็นเพราะสวีเชียนหลบเข้าไปในเจดีย์พุทธะ จึงหลบหนีการตามสังหารของท่านอาจารย์อาตู้หนานไปได้ เจดีย์นี้เป็นของวิเศษของพระโพธิสัตว์ฝ่าจี้แห่งสำนักพุทธของพวกเรา”

จีเสวียนและคนอื่นๆ เข้าใจในทันที พวกเขารู้แต่เพียงว่าสวีเชียนเคยรอดตายจากการตามสังหารของเทพอารักษ์ตู้หนาน แต่ไม่รู้รายละเอียด

สวี่หยวนไหวขมวดคิ้ว “หากเขาเข้าไปซ่อนตัวในเจดีย์พุทธะ เทพอารักษ์ทั้งสองจะสามารถดึงตัวออกมาได้หรือไม่?”

นักพรตเฒ่าเจียวเยี่ยพูดช้าๆ ว่า “มิน่าเล่าเขาจึงไม่สะทกสะท้าน”

ในระหว่างการสนทนา ก็เห็นสวี่ชีอันปลดปล่อยเจดีย์พุทธะออกมาจริงๆ เจดีย์ขนาดเล็กสีทองดำลอยออกมาจากหน้าอกเขา ก่อนจะเปลี่ยนเป็นขนาดใหญ่อย่างรวดเร็ว ทันใดนั้นก็กลายเป็นเจดีย์สูงหกสิบเมตรในทันที

เทพอารักษ์เผ่าอสูรตู้ฝานดีดนิ้วปล่อยพลังปราณออกมา เสียงดัง ‘ตึง’ ยิงโดนเจดีย์พุทธะ จนทำให้มันลอยเฉียงๆ ออกไป แล้วตกลงบนพื้นอยางแรง

จิ้งหยวนส่ายหน้าเบาๆ

“คิดจะปล่อยเจดีย์พุทธะออกมาต่อหน้าเทพอารักษ์ทั้งสององค์ ดูถูกกันเกินไปแล้ว”

คราวนี้คงหมดหนทางแล้วล่ะสิ

หลิ่วหงเหมียนพูดด้วยท่าทางงดงามว่า “ของล้ำค่าไม่น้อยเลยจริงๆ ผู้ชายน่าสนใจเช่นนี้ บวชเป็นภิกษุช่างน่าเสียดายจริงๆ”

ชาวเมืองเฉียนหลงต่างมองดูเงียบๆ ราวกับเห็นสวีเชียนถูกเทพอารักษ์ทั้งสององค์ปราบได้โดยง่าย

ส่งเขาไปสำนักพุทธก็ดี เมืองเฉียนหลงจะได้หมดมหันตภัยไปอีกหนึ่งคน…จีเสวียนไม่ได้กำหยกสื่อสารแน่นอีก

เทพอารักษ์ตู้หนานเดินไปหาสวี่ชีอันช้าๆ ทุกก้าวที่ก้าวออกไป จะมี ‘พลัง’ ที่เข้มแข็งเกิดขึ้น ดุจกรงขังที่ขังสวี่ชีอันไว้ข้างใน

พอจะคาดการณ์ได้ว่า เมื่อเขาเดินไปถึงเบื้องหน้าสวี่ชีอัน กรงขังก็จะมัดคนเจ้าหนุ่มคนนี้ไว้อย่างแน่นหนา จนไม่สามารถขยับเขยื้อนได้แม้แต่น้อย

เทพอารักษ์เผ่าอสูรไม่ได้ขยับ เอียงคอจ้องมองเจดีย์พุทธะ เพื่อป้องกันไม่ให้มันหนีไปโดยไม่ทันตั้งตัว ถือเป็นตัวแปรเดียวในสนาม

‘แม้ของวิเศษนี้จะมีพลังโจมตีไม่รุนแรง แต่กลับยุ่งยากเป็นอย่างยิ่ง แขนที่ขาดของเสินซูยังถูกปิดผนึกไว้ด้านใน จะได้ฉวยโอกาสนี้เอาคืนมา…’

เทพอารักษ์เผ่าอสูรกำลังคิดอยู่ในใจ ทันใดนั้น เขาซึ่งคอยจ้องมองเจดีย์พุทธะไว้ตลอดเวลาก็เห็นประตูเจดีย์เปิดออก มีผู้ชายหนึ่งคนและผู้หญิงหนึ่งคนเดินออกมา ผู้หญิงสวมชุดคลุมยาวสีขาว เส้นผมดำใช้ปิ่นหยกรวบไว้ ที่หหน้าอกปักลายสัญลักษณ์หยินหยางสีขาวดำ ผู้ชายเครายาวถึงหน้าอก สวมเสื้อคลุมนักบวชเต๋าสีดำ สวมรองเท้าหุ้มข้อเท้าสีดำ ศีรษะสวมหมวกดอกบัว ดวงตาเฉียบแหลมเย็นชา

นักพรตเครายาวยกมือขึ้น ฝ่ามือเล็งไปที่เทพอารักษ์ตู้หนาน แล้วออกแรงกำ

เทพอารักษ์ตู้หนานถูกโจมตีอย่างฉับพลันจึงหยุดเดิน จีวรที่สวมอยู่เริ่มทรยศเขา รัดแน่นอย่างแรง จนร่างสูงใหญ่แข็งแกร่งถึงกับขนลุกชูชัน ลูกประคำที่เขาแขวนไว้ตรงคอก็ทรยศเขา กระตุกไปด้านหลังหมายจะรัดคอเขาให้ตาย โชคดีที่เทพอารักษ์ไม่ต้องใช้อาวุธ มิเช่นนั้นอาวุธก็คงจะทรยศแทงเจ้าของเช่นเดียวกัน

ใบหน้าของเทพอารักษ์ตู้หนานแดงก่ำ คล้ายจะขาดใจ หน้าผากของเขามีเส้นเลือดปูดโปน คำรามอย่างหนักหน่วงครั้งหนึ่ง ทันใดนั้นจีวรก็ระเบิดออกเป็นชิ้นๆ ลูกประคำกระเด็นกระจัดกระจาย

“แกร๊งๆๆ!”

เนื่องจากสวี่ชีอันอยู่ใกล้ จึงได้รับผลกระทบไปด้วย มองลูกประคำที่แตกกระจายซึ่งพุ่งเข้ามาอย่างใจเย็น

เกิดอะไรขึ้น?

จีเสวียน สวี่หยวนซวง สวี่หยวนไหว จิ้งซิน จิ้งหยวน ผู้คอยปกป้องเหมียวโหย่วฟางที่ถูกปราณมังกรอาศัย ทั้งสองฝ่ายต่างหันไปมองเจดีย์พุทธะโดยพร้อมเพรียงกัน มองไปยังขั้นสามนิกายสวรรค์สองคนที่จู่ๆ ก็ปรากฏตัวขึ้น

“อาตมาเสวียนเฉิงแห่งนิกายสวรรค์”

“เทพธิดาปิงอี๋แห่งนิกายสวรรค์”

นักบวชเต๋าทั้งสองท่านแนะนำตัวเองด้วยท่าทางเย็นชา

เทพอารักษ์เผ่าอสูรจ้องมองทั้งสองคนด้วยดวงตาดุร้าย โพล่งออกมาสองคำอย่างช้าๆ

“เทพเจ้าหยาง!”

‘ขั้นสามลัทธิเต๋า เทพเจ้าหยาง!’

จีเสวียนและคนอื่นๆ ล้วนมาจากตระกูลที่มีการถ่ายทอดความรู้จากรุ่นสู่รุ่น ต่างรู้ดีว่า ‘เทพเจ้าหยาง’ หมายถึงอะไร

“นี่จึงนับเป็นไพ่ตายของเขา…” จีเสวียนพูดเสียงต่ำ

สีหน้าของหลิ่วหงเหมียนและคนอื่นๆ ไม่น่าดูเลย

สวี่หยวนไหวโกรธเคืองอย่างยิ่ง กำหมัดทั้งสองแน่น

“เหตุใดนิกายสวรรค์จึงเข้ามาพัวพันด้วย?”

อารมณ์โกรธภายในจิตใจเขาเกือบจะถึงจุดวิกฤติ ผ่านเรื่องราวความเปลี่ยนแปลงมามากมาย อยากจะจับกุมสวีเชียนให้พี่สาวแก้แค้น ปรากฏว่ากลับมีนักพรตนิกายสวรรค์กระโดดออกมาอีกสองคน ซ้ำยังเป็นเทพเจ้าหยางขั้นสาม

นักพรตเจียวเยี่ยพึมพำอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนกล่าวอย่างจนใจว่า

“ข้าเข้าใจแล้ว”

เมื่อเห็นทุกคนมองมา เขาก็ยิ้มแหยๆ พูดว่า

“วันนี้หลี่หลิงซู่พลาดจนถูกจับกุม เป็นความคิดของเขา โดยมีจุดประสงค์เพื่อต้องการดึงเทพเจ้าหยางของนิกายสวรรค์สององค์มาร่วมทำความชั่วด้วย มิน่าเล่าเมื่อครู่ซุนเสวียนจีจึงไม่ลอบโจมตีพวกเรา ที่แท้เขาก็วางแผนไว้นานแล้ว นี่ถึงจะเป็นไพ่ตายของเขา”

จีเสวียนก็ยิ้มแหยๆ เช่นกัน “ดังนั้น เวลานี้พวกเขากำลังเป็นฝ่ายล่าพวกเรา ไม่ใช่พวกเราที่กำลังล่าเขา”

ทุกคนมองไปที่สวีเชียนอีกครั้ง เวลานี้ พวกเขาจึงพบว่าตั้งแต่ต้นจนจบสวีเชียนไม่ได้เปลี่ยนท่ายืน เปลี่ยนตำแหน่ง หรือเปลี่ยนอารมณ์ความรู้สึกเลย เขายังคงยืนถือดาบ ดวงตาสงบ ราวกับว่าทุกอย่างอยู่ในการควบคุมของเขา

‘ฟืด…’ หลิ่วหงเหมียนสูดลมเย็นเบาๆ นางยอมรับว่านอกจากหน้าตาที่ธรรมดาแล้ว สติปัญญาของสวีเชียนนั้นโดดเด่นเหมือนกับกิริยาท่าทางของเขาไม่มีผิด

จิ้งซินกับจิ้งหยวนสบตากัน ต่างมองเห็นความล้มเหลวและความอ่อนเพลียอย่างยากที่จะบรรยายในแววตาของกันและกัน

สำหรับชาวเมืองเฉียนหลงแล้ว นี่เป็นการปะทะกับสวีเชียนเป็นครั้งแรกของพวกเขา

แต่จิ้งซินกับจิ้งหยวนนั้นถูกสวี่ชีอันควบคุมตามแต่ใจชอบอยู่ในกำมือตลอดเวลา จากเหลยโจวถึงเซียงโจว จากเซียงโจวถึงยงโจว สิ่งนี้ทำให้พวกเขาโกรธเคือง ขณะเดียวกันก็รู้สึกอ่อนเพลียอย่างมาก ไม่อยากต่อสู้กับเขาอีกแล้ว

ตู้หนานพูดด้วยความโมโหว่า “เริ่มจากลั่วอวี้เหิง ต่อมาก็นิกายสวรรค์ ลัทธิเต๋าของพวกเจ้าเจตนาตั้งตัวเป็นปรปักษ์กับสำนักพุทธของข้ารึ หากพระโพธิสัตว์ทั้งสี่มาด้วยตัวเอง นิกายสวรรค์ของพวกเจ้าจะแบกไฟแห่งความโกรธของสำนักพุทธไหวหรือ!”

เทพอารักษ์จ้องมองด้วยแววตาขุ่นเคือง

ตู้หนานก็โกรธเช่นกัน เขาก็เริ่มพ่ายแพ้ตั้งแต่เหลยโจว เมื่อถึงยงโจว ก็ได้ซุ่มจับกุมสวี่ชีอัน ผลปรากฏว่าถูกลั่วอวี้เหิงทำร้ายจนบาดเจ็บ

เวลานี้กว่าจะควบคุมให้อยู่ในเงื้อมมือได้ ปรากฏว่ากลับมีนักบวชชั่วร้ายที่เป็นอุปสรรคกระโดดออกมาอีกสองคน

เทพธิดาปิงอี๋ไม่ตอบสนองต่อน้ำเสียงอันโกรธเกรี้ยวนั้นแต่อย่างใด

“ส่งตัวเทพบุตรมา จะยกโทษตายให้เจ้า”

“ข้าจะสงเคราะห์พวกเจ้าก่อน”

เทพอารักษ์ตู้หนานโกรธอย่างมาก เสียงใต้ฝ่าเท้าดัง ‘โครม’ ดินและหินกระเด็น เขานำหน้าในการสังหารเทพเจ้าหยางสององค์ของนิกายสวรรค์ นักบวชเต๋าเสวียนเฉิงและเทพธิดาปิงอี๋ชูมือขึ้น ฝ่ามือยันกัน หลังจากสะสมพลังเป็นเวลาสั้นๆ แล้ว ก็ผลักสัญลักษณ์หยินหยางไปทางตู้หนานอย่างแรง สัญลักษณ์หยินหยางไม่มีคลื่นพลังปราณใดๆ ทั้งสิ้น แต่หลังจากที่คนซึ่งอยู่ไกลออกไปเห็นมัน ต่างก็รู้สึกหน้ามืดตาลาย จิตเดิมแกว่งไปมาจนเกือบตก

เทพอารักษ์ตู้หนานชนเข้ากับสัญลักษณ์หยินหยาง ‘หึ่ง’ ปรากฏคลื่นสั่นสะเทือนในอากาศ ร่างสูงแปดฟุตแข็งทื่อทันที เทพอารักษ์ตู้หนานที่เป็นภาพลวงตาไม่ชัดเจนทำท่าเอนตัวไปด้านหลัง จิตเดิมของเทพอารักษ์ขั้นสามเกือบถูกซัดออกมา

จิตเดิมของเทพอารักษ์ตู้หนานทำท่าพนมมือทันที จากนั้นจิตเดิมของเขาก็มั่นคง กลับมาสู่ตำแหน่งเดิมอีกครั้ง

เทพอารักษ์ตู้ฝานไล่สังหารตามมา จับมือกับตู้หนานที่จิตเดิมมั่นคงแล้ว หมายจะบุกโจมตีเทพเจ้าหยางสององค์ สู้กันตัวต่อตัว

เทพธิดาปิงอี๋กับนักบวชเต๋าเสวียนเฉิงเหยียบกระบี่บิน แผดเสียงก้องเหมือนลม ฝ่ายหนึ่งหนีฝ่ายหนึ่งไล่ตาม ระหว่างนั้นต่างแสดงอิทธิฤทธิ์ปาฏิหาริย์ไม่หยุดหย่อน ค่อยๆ ห่างทุกคนออกไป

สายตาของจีเสวียนและคนอื่นๆ มองตามผู้แข็งแกร่งทั้งสี่ที่อยู่ในระดับเหนือมนุษย์ไปจนพวกเขาอันตรธานไปจากสายตา หลังจากนั้น ทุกคนต่างถอนสายตา มองไปทางสวีเชียนพร้อมกันโดยไม่ต้องเอ่ยถ้อยความใด

สถานการณ์ตอนนี้คือ สวีเชียนหนึ่งคน ต่อสู้กับพวกเขาทั้งกลุ่ม

สวี่ชีอันลากดาบ เหลือบมองทุกคน แสยะปากยิ้มแล้วพูดว่า

“ทุกคน ความสนุกกำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว พวกเจ้าจะเข้ามาพร้อมกัน หรือจะตายทีละคนดีล่ะ”

อวดดีนัก!

พริบตาเดียว ยอดฝีมือที่เดินในเส้นทางวิทยายุทธ์หรือเส้นทางที่ใกล้เคียงวิทยายุทธ์เช่น สวี่หยวนไหว ไป๋หู่ หลิ่วหงเหมียน เหมียวโหย่วฟางผู้ถูกปราณมังกรอาศัย รวมทั้งจีเสวียนที่ความคิดล้ำลึก แล้วยังมีจอมยุทธ์ภิกษุจิ้งหยวน ต่างเกิดความคิดที่จะต่อสู้และต้านทานอย่างเข้มแข็ง ต้องการที่จะสั่งสอนคนอวดดีทะนงตนคนนี้

สวี่ชีอันเห็นเช่นนี้ ก็พึมพำในใจว่า เวลานี้หากศิษย์พี่หยางอยู่ด้วย ผลลัพธ์จะรุนแรงยิ่งกว่านี้ ฝีมือการเย้ยหยันหมู่ของศิษย์พี่หยางนั้นสุดยอดมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว

“วาจาโอหังยิ่งนัก เจ้าเพียงคนเดียว ยังกล้าท้าทายพวกเราอีกรึ?” สวี่หยวนไหวโกรธแค่นเสียงขำ “เจ้าคิดว่าตัวเองเป็นขั้นสามจริงๆ หรือ”

“เฮ้ๆ เจ้านี่ช่าง…”

ในที่สุดเหมียวโหย่วฟางก็หาโอกาสพูดได้แล้ว ยักๆ ไหล่ พูดว่า

“แม้จะไม่รู้ว่าเจ้าเป็นมิตรหรือศัตรู แต่ความสามารถในการรนหาที่ตายของเจ้าก็ยอดเยี่ยมจริงๆ ในบรรดาคนเหล่านี้ ข้าประเมินว่าขั้นสี่คงไม่น้อยกว่าห้าคน เพียงคนละหมัดก็เพียงพอที่จะซัดเจ้าตายแล้ว นี่ยังไม่นับภิกษุคนอื่นๆ อีก ถึงแม้เจ้าจะเป็นขั้นสี่เช่นกัน ก็คงโดนซัดอย่างไม่ต้องสงสัย”

คนอื่นๆ ไม่ได้พูดอะไร แต่มองสวีเชียนเหมือนมองคนบ้า

ด้วยพลังต่อสู้ของพวกเขา ยกเว้นขั้นสามแล้ว ไม่มียอดฝีมือขั้นสี่คนใดสามารถต่อต้านได้ แม้กระทั่งขั้นสี่ที่บำเพ็ญคู่ก็ไม่ได้เช่นกัน

“จะชะล่าใจไม่ได้”

ในเวลานี้ ทุกคนล้วนได้ยินน้ำเสียงเคร่งขรึมของจิ้งซินพูดว่า “แม้คนคนนี้จะไม่ใช่ขั้นสาม แต่กลับจัดการยากยิ่งกว่าขั้นสี่คนไหนๆ”

“เพราะอะไร?”

สวี่หยวนไหวขมวดคิ้ว ถามแทนทุกๆ คน

จิ้งซินถอนหายใจ พนมมือ “สวีเชียนก็คือสวี่ชีอัน”

หินก้อนเดียวทำให้เกิดคลื่นนับพันชั้น!

สวี่หยวนซวงกับสวี่หยวนไหวสองพี่น้องนั้นแสดงออกเกินจริงที่สุด เบิกตากลมโต สีหน้าแข็งทื่อ

สีหน้าของหลิ่วหงเหมียนคนงามเรียบเฉย แต่ดวงตาคู่งามกลับแวววาว มองสวี่ชีอันตาไม่กะพริบ

……………………………………..

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด