เผยตัวตนลับ จับหัวใจเธอ 266 ทั่วประเทศเกิดวิปริต

Now you are reading เผยตัวตนลับ จับหัวใจเธอ Chapter 266 ทั่วประเทศเกิดวิปริต at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

หลังจากได้ยินคำพูดของนายท่านเฉิง

พ่อบ้านเฉิง “…”

เขาเปิดประตูลงจากรถเงียบๆ

นายท่านเฉิงชั่วขณะหนึ่งไม่ได้สนใจว่าพ่อบ้านจะตอบหรือเปล่า กำลังจดจ่อกับความคิดของตัวเอง

พวกเฉิงเจวี้ยนก้าวลงจากรถ เขายืนอยู่หน้าประตู ถือโทรศัพท์มือถือ สีหน้าเอื่อยเฉื่อย

ไม่รู้ว่าเขาดูข้อความอะไรในโทรศัพท์มือถือ มุมปากมีรอยยิ้มปรากฏขึ้นอย่างเลือนราง ใบหน้าดูสง่างามมากยิ่งขึ้น

นายท่านเฉิงลงจากรถแล้วก็ละล้าละลัง เอามือไพล่หลัง เริ่มมองทิวทัศน์รอบด้าน “พวกเธอเข้าไปก่อน ไม่ต้องรอฉัน ฉันจะเดินเล่นข้างนอก”

“ครับ” เฉิงเจวี้ยนพยักหน้า แล้วหันสายตาไปที่พ่อบ้านเฉิงอย่างว่านอนสอนง่าย “คุณไปอยู่เป็นเพื่อนเขาเถอะ”

พ่อบ้านเฉิงพยักหน้ารับคำ

รอจนเฉิงเจวี้ยนเข้าไปแล้ว นายท่านเฉิงจึงได้มองไปที่พ่อบ้าน เขาปล่อยมือลงแล้วยื่นออกไปจัดระเบียบคอเสื้ออย่างใจเย็น

พ่อบ้านรีบตอบ “ชุดของนายท่านเป็นดีไซน์ใหม่ของห้องเสื้อ L ใช่ไหมครับ ใส่แล้วดูมีราศีมากเลยครับ”

“อย่างนั้นเหรอ” นายท่านเฉิงเลิกคิ้ว แล้วยื่นมือไปลูบแขนเสื้อให้เรียบ จากนั้นก็เดินไปที่ประตูใหญ่อย่างช้าๆ สีหน้าสุขุมเคร่งขรึม

พ่อบ้านเฉิงตามอยู่หลังเขา สีหน้ายากจะอธิบาย

ในห้องโถงคฤหาสน์ ฉินหร่านกำลังเล่นเกมอยู่กับลู่จ้าวอิ่ง

ทั้งสองคนนั่งตรงข้ามกันอยู่ข้างโต๊ะ โต๊ะตัวนี้คือโต๊ะคอมพิวเตอร์ที่เฉิงเจวี้ยนให้คนไปย้ายกลับมาโดยเฉพาะ เป็นทรงสี่เหลี่ยม นั่งประชันหน้าเล่นเกมได้อารมณ์อย่างยิ่ง

ฉินหร่านหันหน้าไปทางประตูใหญ่ เธอสวมเสื้อยืดแขนสั้นสีขาว กางเกงยีนสีดำ ยังสวมรองเท้าแตะอีกคู่หนึ่ง นั่งไขว่ห้าง มือข้างหนึ่งจับเมาส์ มืออีกข้างกดคีย์บอร์ด ผมเพิ่งจะสระเสร็จ จึงแหวกเอาไว้พอประมาณ ดูแล้วกระเซอะกระเซิงอยู่เล็กน้อย

“ฉินเสี่ยวหร่านช่วยฉันหน่อยๆ”

“เฮ้ยๆ ตายๆ แม่งอ๊ย!”

“โอ๊ยยย ตายแน่”

ตลอดเกมลู่จ้าวอิ่งที่อยู่ตรงหน้ากำลังคลุ้มคลั่งและดุดัน

ฉินหร่านยิ้ม ควบคุมเกมอย่างสบายอารมณ์ ผมสีดำขลับเลื่อนผ่านแก้ม น้ำเสียงของเธอสบายอารมณ์ “ไม่ต้องตื่นตูม เดี๋ยวจัดให้”

เฉิงเจวี้ยนไปยกน้ำมาจากห้องครัว

นายท่านเฉิงที่เพิ่งเดินเข้าประตูใหญ่มาได้ยินคำพูดนี้แล้ว “…”

เพิ่งจบไปหนึ่งเกม ลู่จ้าวอิ่งก็ถามเฉิงเจวี้ยนว่าจะเข้าร่วมทีมสามคนไหม เห็นสีหน้าเฉิงเจวี้ยนดูผิดปกติ เขาก็มองไปด้านหลังแวบหนึ่ง

ทันทีที่เห็น ลู่จ้าวอิ่งก็ตกใจจนแทบร่วงลงจากเก้าอี้

เมาส์ที่อยู่ในมือเขาสั่นคลอน ร่วงหล่นลงพื้นดัง “ตุบ” “น…นายท่านเฉิง”

คนผู้นี้เป็นบุคคลที่น่ากลัวเสียยิ่งกว่านายท่านใหญ่ของบ้านพวกเขา ลู่จ้าวอิ่งลุกขึ้นยืน เก็บไม้เก็บมือยืนอยู่อีกด้านหนึ่ง

นายท่านเฉิงมองเขาแวบหนึ่ง  แล้วพูดขึ้นว่า “อืม” สีหน้าเรียบเฉย

ใบหน้าเขาเคร่งขรึม รูปลักษณ์เช่นนี้ชวนให้คนรู้สึกกลัว

ลู่จ้าวอิ่งไม่กล้าพูดแม้เพียงคำเดียว

ฉินหร่านหันความสนใจออกจากคอมพิวเตอร์ เธอไม่รู้จักนายท่านใหญ่แห่งตระกูลเฉิง เพียงแต่พอรู้ว่าน่าจะเป็นคนที่เฉิงเจวี้ยนไปรับมา

เธอจึงลุกขึ้น แล้วมองไปที่เฉิงเจวี้ยนด้านข้างทีหนึ่ง

เฉิงเจวี้ยนเอาแก้วน้ำวางข้างมือเธอ แล้วพูดขึ้นอย่างสบายอารมณ์ “ขอแนะนำหน่อย นี่คือพ่อของฉัน”

จากนั้นก็เดินไปข้างตัวนายท่านใหญ่ แล้วยื่นแก้วให้กับเขา “เข้ามาสิครับ อย่ายืนขวางประตู บังทางพ่อบ้านเขา ”

นายท่านเฉิงไม่ขยับตัว

เขากับฉินหร่าน ต่างคนต่างถือแก้วชาในมือคนละแก้ว มองหน้ากันและกัน

ทางสองฝ่ายทักทายกันอย่างทื่อๆ

“กินอะไรก่อนเถอะ” เฉิงเจวี้ยนให้คนยกถ้วยซุปข้นออกมา จากนั้นก็มองไปยังนายท่านเฉิง “ยาบำรุงตอนเช้าครับ”

นายท่านเฉิงจึงนั่งลงที่หน้าโต๊ะอาหารแล้วลงมือกิน

แต่สายตากลับจับจ้องไปที่เฉิงเจวี้ยนและฉินหร่าน

หลังจากเฉิงเจวี้ยนยกยาไปให้นายท่านเฉิง ก็มองไปยังฉินหร่าน แล้วถามเธอเบาๆ ว่าเช้านี้กินอะไร

“เอ่อ” ฉินหร่านตอบเสียงเงียบ “คุณอย่าเพิ่งคุยกับฉัน”

เฉิงเจวี้ยนเงียบ

ฉินหร่านวางมือหลังท้ายทอย “ฉันไม่อยากทะเลาะกับคุณ”

เฉิงเจวี้ยน “…”

เขาเอามือกดหว่างคิ้ว

เสียงทั้งสองคนคุยกันถึงแม้ว่าจะเบาเป็นอย่างมาก แต่มือที่ถือช้อนของนายท่านเฉิงที่กำลังนั่งกินข้าวอยู่ที่โต๊ะอาหารกลับหยุดขึ้นมากะทันหัน

เขามองทั้งสองคน หนึ่งทีอย่างเงียบๆ

สักครู่ใหญ่หลังจากนั้น เขาจึงกินยาหมด แล้วรับผ้าเช็ดปากลายตารางมาจากพ่อบ้าน เช็ดที่มุมปากและกลางฝ่ามือ แล้วจึงพูดอย่างน่าเกรงขามว่า “เอาละ ไม่ต้องมองฉันแล้ว พ่อบ้าน พาฉันขึ้นไปดูห้องที่ชั้นบนที”

พ่อบ้านเฉิงพาเขาขึ้นชั้นบนไป

หลังจากทั้งสองเดินขึ้นชั้นบนไป ลู่จ้าวอิ่งก็ปาดเหงื่อ แล้วพยายามรวบรวมความกล้ามองไปที่เฉิงเจวี้ยน แล้วเอ่ยปากขึ้นเบาๆ “คุณชายเจวี้ยน นายท่านเฉิงมาได้อย่างไรกัน”

เฉิงเจวี้ยนมองไปที่ฉินหร่านหนึ่งที อีกฝ่ายหนึ่งยังคงเอามือไว้ที่ท้ายทอย เขารู้สึกปวดหัวขึ้นมาเล็กน้อย “มาชมทิวทัศน์”

**

ที่ชั้นบน เมื่อปิดประตูห้องลง นายท่านเฉิงก็หยิบโทรศัพท์มือถือออก ผ่อนคลายสีหน้า “เจ้าราชามารร้ายนั่น ในที่สุดก็เจอคู่ปรับแล้วงั้นสิ”

พ่อบ้านตระกูลเฉิงทันทีที่เห็นสีหน้าของเขา ก็รู้ได้ทันทีว่านายท่านใหญ่รู้สึกพอใจอย่างมากต่อคุณหนูฉินหร่าน

เขายิ้ม “คงจะไม่ใช่หรอก”

คุณหนูฉินเอาตามตรงวางมาดเสียยิ่งกว่าคุณชายสามเสียอีก

ทั้งสองคนนี้ หากมาที่เมืองหลวง คงจะสนุกไม่น้อยเลยทีเดียว

นายท่านเฉิงกลับไม่ได้คิดอะไรมากมาย เขาก้มหน้าลง แล้วกดโทรออกหมายเลขที่โทรออกบ่อยในช่วงนี้

โทรครั้งแรกไม่ติด

นายท่านเฉิงไม่ได้รู้สึกหงุดหงิดรำคาญใจแต่โทรออกไปอีกเป็นครั้งที่สอง

คราวนี้เสียงในโทรศัพท์ดังอยู่ไม่กี่สิบวิก็ถูกรับสายอย่างหงุดหงิด อีกฝั่งหนึ่งเสียงดังจอแจ “นายท่านเฉิง คุณโทรศัพท์มาหาฉันอีกทำไมกัน หรือว่าโทรมาเรื่องเด็กในบ้านพวกคุณอีกแล้ว”

“แน่นอน ฉันไม่รู้ว่าเธอจะชอบสาขาคอมพิวเตอร์หรือเปล่า ถึงตอนนั้นอาจจะต้องเปลี่ยนสาขา” นายท่านเฉิงตอบด้วยน้ำเสียงอันแสนจะนิ่งเฉย

คนที่อยู่อีกด้านของสายคืออธิการบดีของมหาวิทยาลัยเมืองหลวงคุณโจวซาน

เมื่อฟังจบ อธิการบดีมหาวิทยาลัยเมืองหลวงที่อยู่อีกฝั่งก็โกรธจนหัวเราะออกมา “คุณเฉิง คุณอย่าให้มันหนักข้อนักนะ คุณคิดว่าการเข้าอยู่ในรายชื่อของพวกเรามันง่ายขนาดนั้นเลยหรือ”

นายท่านเฉิงเดินไปข้างหน้าต่าง “พวกเราตกลงกันได้ ปีนี้ทรัพยากรสาขาวิชาต่างๆ ก็มาจากการจัดสรรของตระกูลเฉิงของพวกเรา”

ทั้งสองคนต่อรองกันไปมา

ฝ่ายโจวซานนิ่งไปชั่วครู่ ไม่ได้ปฏิเสธกลับโดยทันที “เอาละ เรื่องนี้พวกเราอีกสองวันค่อยคุยกัน พวกเราทางนี้ยังมีเรื่องด่วนที่ต้องทำอยู่เรื่องหนึ่งนะ!”

“เรื่องอะไรกัน นี่ทำคุณไม่สนใจแม้แต่ทรัพยากรของสาขาวิชาต่างๆ เลยเชียวหรือ” นายท่านเฉิงหรี่ตาเล็กน้อย

“ในปีนี้เกิดวิปริตทั้งประเทศ” โจวซานดูเหมือนจะร้อนรน น้ำเสียงที่พูดดูเร่งรีบ “ข้อมูลหาได้ยากมาก ตอนแรกผมก็เก็บไว้จำนวนหนึ่ง สุดท้ายก็เก็บไว้ไม่มิด เมื่อกี้กระทรวงศึกษาธิการแจ้งมาว่าเจอข้อมูลแล้ว ผมต้องรีบโทรศัพท์หาพวกเขา จะยอมให้มหาวิทยาลัย A ชิงไปก่อนไม่ได้เป็นอันขาด!”

นายท่านเฉิงหรี่ตาหนึ่งที “เทียบกับปีที่แล้วใครนะ…ซ่งอะไรนั่น คนนี้ยังสุดยอดกว่าอีกหรือ”

“เรื่องนี้ผมไม่คุยกับคุณ ไว้อีกสองสามวันพวกเราค่อยคุยกัน ช้ากว่านี้คงถูกคนอื่นชิงไปก่อน!” โจวซานพูดขึ้น แล้ววางสายอย่างรีบร้อน

นายท่านเฉิงวางโทรศัพท์มือถือลง แล้วมองไปที่หน้าจอที่หรี่ลง เขาหรี่ตาลงเล็กน้อย

ท่าทีที่ร้อนรนของโจวซานไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยๆ

พ่อบ้านเฉิงยืนอยู่ข้างกายนายท่านเฉิง ย่อมต้องได้ยินคำพูดของโจวซาน

เขาชำเลืองมองอย่างแปลกใจ “ที่มหาวิทยาลัยเมืองหลวงมีใครปรากฏตัวหรือครับ”

นายท่านเฉิงใช้นิ้วเคาะที่โทรศัพท์มือถือแล้วส่ายหน้า “ไม่แน่ใจ สภาพการณ์ตอนนี้ของเมืองหลวงดูซับซ้อนวุ่นวาย มหาวิทยาลัยใหญ่ๆ หลายแห่งกำลังแข่งขันกัน ตระกูลใหญ่หลายบ้านมีทายาทเกิดมาไม่น้อย มหาวิทยาลัยใหญ่ๆ หลายแห่งถูกตระกูลเหล่านั้นครอบครอง ข้อสอบเข้ามหาวิทยาลัยในปีนี้มหาวิทยาลัยต่างๆ จึงจับมือกันออกข้อสอบ นับได้ว่าเป็นการหาวิธีรักษาคนอัจฉริยะของพวกเขาไว้…ตอนนี้ทำให้โจวซานร้อนตัวได้ แถมยังทำให้เขาต้องดิ้นถึงขนาดนี้ นับว่าไม่ใช่เรื่องธรรมดาแน่ ไม่แน่ว่าอาจจะเป็นเหมือนเมื่อสิบปีก่อนที่…”

พูดได้เพียงครึ่งเดียว นายท่านเฉิงก็ส่ายหน้า ไม่รู้ว่าเขานึกถึงอะไรขึ้นมา จึงไม่ได้พูดต่อ เพียงแต่ถอนหายใจเบาๆ

แต่พ่อบ้านนึกเชื่อมโยงถึงคนหนึ่งขึ้นมา สีหน้าดูตกใจอยู่เล็กน้อย

“เรื่องนี้พวกเราไม่ต้องพูด พวกอิทธิพลใหญ่แข่งขันกัน เป็นเรื่องของตระกูลสวี” นายท่านเฉิงคิดถึงเรื่องโรงเรียนของฉินหร่านขึ้นมา ก็พูดขึ้นพลางเดินออกไปด้านนอก “เด็กสาวคนนั้นเธอ…ยังไม่ได้ดูผลคะแนนสอบเข้ามหาวิทยาลัยปีนี้หรือ”

ได้ยินแบบนั้น สีหน้าของพ่อบ้านเฉิงก็เปลี่ยนเป็นขึ้นมาอย่างรวดเร็ว เขาเปิดประตูห้องให้นายท่านเฉิงออกไป กดเสียงต่ำพูดขึ้นว่า “วันนี้อย่าเพิ่งพูดนะครับ เรื่องของคุณหนูฉินเดี๋ยวผมจะคุยกับท่านทีหลัง”

เห็นพ่อบ้านตระกูลเฉิงท่าทีระมัดระวังเช่นนี้ นายท่านเฉิงก็อดเลิกคิ้วไม่ได้ “ได้ อย่างนั้นไว้ถึงเวลาค่อยคุยแล้วกัน”

นายท่านเฉิงขึ้นไปชั้นบน เพื่อต่อรองกับโจวซานเรื่องสาขาวิชาที่ฉินหร่านจะเข้าเรียน

เมื่อคุยโทรศัพท์จบ เขาก็ลงมา

ที่ชั้นล่าง เฉิงเจวี้ยนกับฉินหร่านและลู่จ้าวอิ่งสามคนยังคงนั่งอยู่ที่โต๊ะสี่เหลี่ยม

“ท่านเฉิง” เมื่อเห็นตัว ลู่จ้าวอิ่งก็รีบลุกขึ้นมา

นายท่านเฉิงยกมือโบกไปมา แล้วพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ฉันแค่ลงมาเดินเล่น”

พอดีจังหวะเดียวกันนั้นเองโทรศัพท์ที่โซฟาก็ดังขึ้น

นายท่านเฉิงมองไปทางพวกฉินหร่าน แล้วยื่นมือไปยกหูโทรศัพท์ที่โซฟาขึ้น

เสียงในสายดูอ่อนโยน และมีมารยาทอย่างมาก…

“ขอโทษครับ ใช่บ้านของนักเรียนฉินหร่านหรือเปล่า คือว่าอย่างนี้นะ โรงเรียนของพวกเราอยากจะเชิญคุณฉิน สำหรับการต้อนรับโดยพิเศษ…”

นายท่านเฉิงเลิกคิ้ว เขาเอ่ยปากขึ้นอย่างงุนงงสงสัย “โจว…โจวซานหรือ”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

เผยตัวตนลับ จับหัวใจเธอ 266 ทั่วประเทศเกิดวิปริต

Now you are reading เผยตัวตนลับ จับหัวใจเธอ Chapter 266 ทั่วประเทศเกิดวิปริต at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

หลังจากได้ยินคำพูดของนายท่านเฉิง

พ่อบ้านเฉิง “…”

เขาเปิดประตูลงจากรถเงียบๆ

นายท่านเฉิงชั่วขณะหนึ่งไม่ได้สนใจว่าพ่อบ้านจะตอบหรือเปล่า กำลังจดจ่อกับความคิดของตัวเอง

พวกเฉิงเจวี้ยนก้าวลงจากรถ เขายืนอยู่หน้าประตู ถือโทรศัพท์มือถือ สีหน้าเอื่อยเฉื่อย

ไม่รู้ว่าเขาดูข้อความอะไรในโทรศัพท์มือถือ มุมปากมีรอยยิ้มปรากฏขึ้นอย่างเลือนราง ใบหน้าดูสง่างามมากยิ่งขึ้น

นายท่านเฉิงลงจากรถแล้วก็ละล้าละลัง เอามือไพล่หลัง เริ่มมองทิวทัศน์รอบด้าน “พวกเธอเข้าไปก่อน ไม่ต้องรอฉัน ฉันจะเดินเล่นข้างนอก”

“ครับ” เฉิงเจวี้ยนพยักหน้า แล้วหันสายตาไปที่พ่อบ้านเฉิงอย่างว่านอนสอนง่าย “คุณไปอยู่เป็นเพื่อนเขาเถอะ”

พ่อบ้านเฉิงพยักหน้ารับคำ

รอจนเฉิงเจวี้ยนเข้าไปแล้ว นายท่านเฉิงจึงได้มองไปที่พ่อบ้าน เขาปล่อยมือลงแล้วยื่นออกไปจัดระเบียบคอเสื้ออย่างใจเย็น

พ่อบ้านรีบตอบ “ชุดของนายท่านเป็นดีไซน์ใหม่ของห้องเสื้อ L ใช่ไหมครับ ใส่แล้วดูมีราศีมากเลยครับ”

“อย่างนั้นเหรอ” นายท่านเฉิงเลิกคิ้ว แล้วยื่นมือไปลูบแขนเสื้อให้เรียบ จากนั้นก็เดินไปที่ประตูใหญ่อย่างช้าๆ สีหน้าสุขุมเคร่งขรึม

พ่อบ้านเฉิงตามอยู่หลังเขา สีหน้ายากจะอธิบาย

ในห้องโถงคฤหาสน์ ฉินหร่านกำลังเล่นเกมอยู่กับลู่จ้าวอิ่ง

ทั้งสองคนนั่งตรงข้ามกันอยู่ข้างโต๊ะ โต๊ะตัวนี้คือโต๊ะคอมพิวเตอร์ที่เฉิงเจวี้ยนให้คนไปย้ายกลับมาโดยเฉพาะ เป็นทรงสี่เหลี่ยม นั่งประชันหน้าเล่นเกมได้อารมณ์อย่างยิ่ง

ฉินหร่านหันหน้าไปทางประตูใหญ่ เธอสวมเสื้อยืดแขนสั้นสีขาว กางเกงยีนสีดำ ยังสวมรองเท้าแตะอีกคู่หนึ่ง นั่งไขว่ห้าง มือข้างหนึ่งจับเมาส์ มืออีกข้างกดคีย์บอร์ด ผมเพิ่งจะสระเสร็จ จึงแหวกเอาไว้พอประมาณ ดูแล้วกระเซอะกระเซิงอยู่เล็กน้อย

“ฉินเสี่ยวหร่านช่วยฉันหน่อยๆ”

“เฮ้ยๆ ตายๆ แม่งอ๊ย!”

“โอ๊ยยย ตายแน่”

ตลอดเกมลู่จ้าวอิ่งที่อยู่ตรงหน้ากำลังคลุ้มคลั่งและดุดัน

ฉินหร่านยิ้ม ควบคุมเกมอย่างสบายอารมณ์ ผมสีดำขลับเลื่อนผ่านแก้ม น้ำเสียงของเธอสบายอารมณ์ “ไม่ต้องตื่นตูม เดี๋ยวจัดให้”

เฉิงเจวี้ยนไปยกน้ำมาจากห้องครัว

นายท่านเฉิงที่เพิ่งเดินเข้าประตูใหญ่มาได้ยินคำพูดนี้แล้ว “…”

เพิ่งจบไปหนึ่งเกม ลู่จ้าวอิ่งก็ถามเฉิงเจวี้ยนว่าจะเข้าร่วมทีมสามคนไหม เห็นสีหน้าเฉิงเจวี้ยนดูผิดปกติ เขาก็มองไปด้านหลังแวบหนึ่ง

ทันทีที่เห็น ลู่จ้าวอิ่งก็ตกใจจนแทบร่วงลงจากเก้าอี้

เมาส์ที่อยู่ในมือเขาสั่นคลอน ร่วงหล่นลงพื้นดัง “ตุบ” “น…นายท่านเฉิง”

คนผู้นี้เป็นบุคคลที่น่ากลัวเสียยิ่งกว่านายท่านใหญ่ของบ้านพวกเขา ลู่จ้าวอิ่งลุกขึ้นยืน เก็บไม้เก็บมือยืนอยู่อีกด้านหนึ่ง

นายท่านเฉิงมองเขาแวบหนึ่ง  แล้วพูดขึ้นว่า “อืม” สีหน้าเรียบเฉย

ใบหน้าเขาเคร่งขรึม รูปลักษณ์เช่นนี้ชวนให้คนรู้สึกกลัว

ลู่จ้าวอิ่งไม่กล้าพูดแม้เพียงคำเดียว

ฉินหร่านหันความสนใจออกจากคอมพิวเตอร์ เธอไม่รู้จักนายท่านใหญ่แห่งตระกูลเฉิง เพียงแต่พอรู้ว่าน่าจะเป็นคนที่เฉิงเจวี้ยนไปรับมา

เธอจึงลุกขึ้น แล้วมองไปที่เฉิงเจวี้ยนด้านข้างทีหนึ่ง

เฉิงเจวี้ยนเอาแก้วน้ำวางข้างมือเธอ แล้วพูดขึ้นอย่างสบายอารมณ์ “ขอแนะนำหน่อย นี่คือพ่อของฉัน”

จากนั้นก็เดินไปข้างตัวนายท่านใหญ่ แล้วยื่นแก้วให้กับเขา “เข้ามาสิครับ อย่ายืนขวางประตู บังทางพ่อบ้านเขา ”

นายท่านเฉิงไม่ขยับตัว

เขากับฉินหร่าน ต่างคนต่างถือแก้วชาในมือคนละแก้ว มองหน้ากันและกัน

ทางสองฝ่ายทักทายกันอย่างทื่อๆ

“กินอะไรก่อนเถอะ” เฉิงเจวี้ยนให้คนยกถ้วยซุปข้นออกมา จากนั้นก็มองไปยังนายท่านเฉิง “ยาบำรุงตอนเช้าครับ”

นายท่านเฉิงจึงนั่งลงที่หน้าโต๊ะอาหารแล้วลงมือกิน

แต่สายตากลับจับจ้องไปที่เฉิงเจวี้ยนและฉินหร่าน

หลังจากเฉิงเจวี้ยนยกยาไปให้นายท่านเฉิง ก็มองไปยังฉินหร่าน แล้วถามเธอเบาๆ ว่าเช้านี้กินอะไร

“เอ่อ” ฉินหร่านตอบเสียงเงียบ “คุณอย่าเพิ่งคุยกับฉัน”

เฉิงเจวี้ยนเงียบ

ฉินหร่านวางมือหลังท้ายทอย “ฉันไม่อยากทะเลาะกับคุณ”

เฉิงเจวี้ยน “…”

เขาเอามือกดหว่างคิ้ว

เสียงทั้งสองคนคุยกันถึงแม้ว่าจะเบาเป็นอย่างมาก แต่มือที่ถือช้อนของนายท่านเฉิงที่กำลังนั่งกินข้าวอยู่ที่โต๊ะอาหารกลับหยุดขึ้นมากะทันหัน

เขามองทั้งสองคน หนึ่งทีอย่างเงียบๆ

สักครู่ใหญ่หลังจากนั้น เขาจึงกินยาหมด แล้วรับผ้าเช็ดปากลายตารางมาจากพ่อบ้าน เช็ดที่มุมปากและกลางฝ่ามือ แล้วจึงพูดอย่างน่าเกรงขามว่า “เอาละ ไม่ต้องมองฉันแล้ว พ่อบ้าน พาฉันขึ้นไปดูห้องที่ชั้นบนที”

พ่อบ้านเฉิงพาเขาขึ้นชั้นบนไป

หลังจากทั้งสองเดินขึ้นชั้นบนไป ลู่จ้าวอิ่งก็ปาดเหงื่อ แล้วพยายามรวบรวมความกล้ามองไปที่เฉิงเจวี้ยน แล้วเอ่ยปากขึ้นเบาๆ “คุณชายเจวี้ยน นายท่านเฉิงมาได้อย่างไรกัน”

เฉิงเจวี้ยนมองไปที่ฉินหร่านหนึ่งที อีกฝ่ายหนึ่งยังคงเอามือไว้ที่ท้ายทอย เขารู้สึกปวดหัวขึ้นมาเล็กน้อย “มาชมทิวทัศน์”

**

ที่ชั้นบน เมื่อปิดประตูห้องลง นายท่านเฉิงก็หยิบโทรศัพท์มือถือออก ผ่อนคลายสีหน้า “เจ้าราชามารร้ายนั่น ในที่สุดก็เจอคู่ปรับแล้วงั้นสิ”

พ่อบ้านตระกูลเฉิงทันทีที่เห็นสีหน้าของเขา ก็รู้ได้ทันทีว่านายท่านใหญ่รู้สึกพอใจอย่างมากต่อคุณหนูฉินหร่าน

เขายิ้ม “คงจะไม่ใช่หรอก”

คุณหนูฉินเอาตามตรงวางมาดเสียยิ่งกว่าคุณชายสามเสียอีก

ทั้งสองคนนี้ หากมาที่เมืองหลวง คงจะสนุกไม่น้อยเลยทีเดียว

นายท่านเฉิงกลับไม่ได้คิดอะไรมากมาย เขาก้มหน้าลง แล้วกดโทรออกหมายเลขที่โทรออกบ่อยในช่วงนี้

โทรครั้งแรกไม่ติด

นายท่านเฉิงไม่ได้รู้สึกหงุดหงิดรำคาญใจแต่โทรออกไปอีกเป็นครั้งที่สอง

คราวนี้เสียงในโทรศัพท์ดังอยู่ไม่กี่สิบวิก็ถูกรับสายอย่างหงุดหงิด อีกฝั่งหนึ่งเสียงดังจอแจ “นายท่านเฉิง คุณโทรศัพท์มาหาฉันอีกทำไมกัน หรือว่าโทรมาเรื่องเด็กในบ้านพวกคุณอีกแล้ว”

“แน่นอน ฉันไม่รู้ว่าเธอจะชอบสาขาคอมพิวเตอร์หรือเปล่า ถึงตอนนั้นอาจจะต้องเปลี่ยนสาขา” นายท่านเฉิงตอบด้วยน้ำเสียงอันแสนจะนิ่งเฉย

คนที่อยู่อีกด้านของสายคืออธิการบดีของมหาวิทยาลัยเมืองหลวงคุณโจวซาน

เมื่อฟังจบ อธิการบดีมหาวิทยาลัยเมืองหลวงที่อยู่อีกฝั่งก็โกรธจนหัวเราะออกมา “คุณเฉิง คุณอย่าให้มันหนักข้อนักนะ คุณคิดว่าการเข้าอยู่ในรายชื่อของพวกเรามันง่ายขนาดนั้นเลยหรือ”

นายท่านเฉิงเดินไปข้างหน้าต่าง “พวกเราตกลงกันได้ ปีนี้ทรัพยากรสาขาวิชาต่างๆ ก็มาจากการจัดสรรของตระกูลเฉิงของพวกเรา”

ทั้งสองคนต่อรองกันไปมา

ฝ่ายโจวซานนิ่งไปชั่วครู่ ไม่ได้ปฏิเสธกลับโดยทันที “เอาละ เรื่องนี้พวกเราอีกสองวันค่อยคุยกัน พวกเราทางนี้ยังมีเรื่องด่วนที่ต้องทำอยู่เรื่องหนึ่งนะ!”

“เรื่องอะไรกัน นี่ทำคุณไม่สนใจแม้แต่ทรัพยากรของสาขาวิชาต่างๆ เลยเชียวหรือ” นายท่านเฉิงหรี่ตาเล็กน้อย

“ในปีนี้เกิดวิปริตทั้งประเทศ” โจวซานดูเหมือนจะร้อนรน น้ำเสียงที่พูดดูเร่งรีบ “ข้อมูลหาได้ยากมาก ตอนแรกผมก็เก็บไว้จำนวนหนึ่ง สุดท้ายก็เก็บไว้ไม่มิด เมื่อกี้กระทรวงศึกษาธิการแจ้งมาว่าเจอข้อมูลแล้ว ผมต้องรีบโทรศัพท์หาพวกเขา จะยอมให้มหาวิทยาลัย A ชิงไปก่อนไม่ได้เป็นอันขาด!”

นายท่านเฉิงหรี่ตาหนึ่งที “เทียบกับปีที่แล้วใครนะ…ซ่งอะไรนั่น คนนี้ยังสุดยอดกว่าอีกหรือ”

“เรื่องนี้ผมไม่คุยกับคุณ ไว้อีกสองสามวันพวกเราค่อยคุยกัน ช้ากว่านี้คงถูกคนอื่นชิงไปก่อน!” โจวซานพูดขึ้น แล้ววางสายอย่างรีบร้อน

นายท่านเฉิงวางโทรศัพท์มือถือลง แล้วมองไปที่หน้าจอที่หรี่ลง เขาหรี่ตาลงเล็กน้อย

ท่าทีที่ร้อนรนของโจวซานไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยๆ

พ่อบ้านเฉิงยืนอยู่ข้างกายนายท่านเฉิง ย่อมต้องได้ยินคำพูดของโจวซาน

เขาชำเลืองมองอย่างแปลกใจ “ที่มหาวิทยาลัยเมืองหลวงมีใครปรากฏตัวหรือครับ”

นายท่านเฉิงใช้นิ้วเคาะที่โทรศัพท์มือถือแล้วส่ายหน้า “ไม่แน่ใจ สภาพการณ์ตอนนี้ของเมืองหลวงดูซับซ้อนวุ่นวาย มหาวิทยาลัยใหญ่ๆ หลายแห่งกำลังแข่งขันกัน ตระกูลใหญ่หลายบ้านมีทายาทเกิดมาไม่น้อย มหาวิทยาลัยใหญ่ๆ หลายแห่งถูกตระกูลเหล่านั้นครอบครอง ข้อสอบเข้ามหาวิทยาลัยในปีนี้มหาวิทยาลัยต่างๆ จึงจับมือกันออกข้อสอบ นับได้ว่าเป็นการหาวิธีรักษาคนอัจฉริยะของพวกเขาไว้…ตอนนี้ทำให้โจวซานร้อนตัวได้ แถมยังทำให้เขาต้องดิ้นถึงขนาดนี้ นับว่าไม่ใช่เรื่องธรรมดาแน่ ไม่แน่ว่าอาจจะเป็นเหมือนเมื่อสิบปีก่อนที่…”

พูดได้เพียงครึ่งเดียว นายท่านเฉิงก็ส่ายหน้า ไม่รู้ว่าเขานึกถึงอะไรขึ้นมา จึงไม่ได้พูดต่อ เพียงแต่ถอนหายใจเบาๆ

แต่พ่อบ้านนึกเชื่อมโยงถึงคนหนึ่งขึ้นมา สีหน้าดูตกใจอยู่เล็กน้อย

“เรื่องนี้พวกเราไม่ต้องพูด พวกอิทธิพลใหญ่แข่งขันกัน เป็นเรื่องของตระกูลสวี” นายท่านเฉิงคิดถึงเรื่องโรงเรียนของฉินหร่านขึ้นมา ก็พูดขึ้นพลางเดินออกไปด้านนอก “เด็กสาวคนนั้นเธอ…ยังไม่ได้ดูผลคะแนนสอบเข้ามหาวิทยาลัยปีนี้หรือ”

ได้ยินแบบนั้น สีหน้าของพ่อบ้านเฉิงก็เปลี่ยนเป็นขึ้นมาอย่างรวดเร็ว เขาเปิดประตูห้องให้นายท่านเฉิงออกไป กดเสียงต่ำพูดขึ้นว่า “วันนี้อย่าเพิ่งพูดนะครับ เรื่องของคุณหนูฉินเดี๋ยวผมจะคุยกับท่านทีหลัง”

เห็นพ่อบ้านตระกูลเฉิงท่าทีระมัดระวังเช่นนี้ นายท่านเฉิงก็อดเลิกคิ้วไม่ได้ “ได้ อย่างนั้นไว้ถึงเวลาค่อยคุยแล้วกัน”

นายท่านเฉิงขึ้นไปชั้นบน เพื่อต่อรองกับโจวซานเรื่องสาขาวิชาที่ฉินหร่านจะเข้าเรียน

เมื่อคุยโทรศัพท์จบ เขาก็ลงมา

ที่ชั้นล่าง เฉิงเจวี้ยนกับฉินหร่านและลู่จ้าวอิ่งสามคนยังคงนั่งอยู่ที่โต๊ะสี่เหลี่ยม

“ท่านเฉิง” เมื่อเห็นตัว ลู่จ้าวอิ่งก็รีบลุกขึ้นมา

นายท่านเฉิงยกมือโบกไปมา แล้วพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ฉันแค่ลงมาเดินเล่น”

พอดีจังหวะเดียวกันนั้นเองโทรศัพท์ที่โซฟาก็ดังขึ้น

นายท่านเฉิงมองไปทางพวกฉินหร่าน แล้วยื่นมือไปยกหูโทรศัพท์ที่โซฟาขึ้น

เสียงในสายดูอ่อนโยน และมีมารยาทอย่างมาก…

“ขอโทษครับ ใช่บ้านของนักเรียนฉินหร่านหรือเปล่า คือว่าอย่างนี้นะ โรงเรียนของพวกเราอยากจะเชิญคุณฉิน สำหรับการต้อนรับโดยพิเศษ…”

นายท่านเฉิงเลิกคิ้ว เขาเอ่ยปากขึ้นอย่างงุนงงสงสัย “โจว…โจวซานหรือ”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+