เผยตัวตนลับ จับหัวใจเธอ 275 ดอกไม้จีนและการจัดอันดับนักเรียน

Now you are reading เผยตัวตนลับ จับหัวใจเธอ Chapter 275 ดอกไม้จีนและการจัดอันดับนักเรียน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ฉินหร่าน “…”

เธอก็แค่ถามอย่างไม่คิดอะไรประโยคหนึ่ง

เดิมลู่จ้าวอิ่งที่เดินอยู่ด้านข้างกำลังคิดถึงเรื่องเหวินอิน เมื่อได้ยินเช่นนี้เขาก็มองเวลาในโทรศัพท์มือถือ จากนั้นหันมาถามด้านข้าง “ฉินเสี่ยวหราน ตอนนี้ก็เกือบเที่ยงแล้ว ได้เวลากินข้าวเที่ยงพอดี งั้นพวกเราไปกินข้าวกันเลยไหม?”

เขาแสดงออกอย่างเป็นธรรมชาติไม่ต่างอะไรกับตอนปกติ

เฉิงเจวี้ยนสอดมือทั้งสองข้างไว้ในกระเป๋าขณะเดินตามหลังฉินหร่าน พลางยกคิ้วให้ลู่จ้าวอิ่ง เป็นครั้งแรกที่ส่งสัญญาณทางสายตาให้เขา

ลู่จ้าวอิ่งแทบตกใจแทบหลั่งน้ำตา นี่เป็นครั้งแรกที่นายท่านเจวี้ยนมองเขาราวกับไม่ต่างอะไรกับคนโง่

ฉินหร่านมองลู่จ้าวอิ่งแวบหนึ่ง ก่อนยื่นมือกดปีกหมวกลง พูดเสียงใสว่า “ฉันง่วงนิดหน่อยน่ะ”

เฉิงเจวี้ยนยิ้ม “งั้นก็กลับไปพักผ่อนก่อน”

**

ศูนย์การเงินเมืองหลวง

“คุณหนูใหญ่ครับ” ในห้องทำงานหนึ่ง เลขานุการในแว่นดำเดินเข้ามา ขณะนำเอกสารกองหนึ่งส่งให้หญิงสาวที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ทำงาน “นี่เป็นแผนสำหรับวันนี้ครับ”

หญิงสาวสวมกระโปรงสีดำ ก้มหน้าต่ำ ดูมีประติญาณไหวพริบและมากด้วยประสบการณ์ ขณะที่ด้านหน้ามีคอมพิวเตอร์วางอยู่ หน้าจอคอมพิวเตอร์มีกราฟวิเคราะห์สีแดงเขียวสลับซับซ้อนอยู่คู่หนึ่ง

เธอรับเอกสารจากเลขา ก่อนเงยหน้า หน้าตาที่ประณีตงดงามมีความยิ่งยโสซ่อนอยู่ “บ่ายนี้มีแผนไปไหนไหม?”

ไม่มีใครคาดเดาอายุที่แท้จริงของเธอได้ ทว่าเมื่อมองดูแล้วกลับรู้สึกถึงพลังของคนอายุสามสิบกว่าได้

คุณหนูใหญ่แห่งสกุลเฉิง เฉิงเวินหรู ปีนี้อายุสามสิบห้า สถานะโสด

“บ่ายโมงมีคุยสัญญากับหัวหน้าหลี่ครับ บ่ายสองโมงครึ่งบริษัทมีประชุมประจำเดือนขนาดเล็ก…” เลขานุการดันแว่น ก่อนตอบอย่างรวดเร็ว

“น้องชายฉันว่ายังไงบ้าง?” เฉิงเวินหรูยกมือมองนาฬิกาข้อมือบอกเวลาสิบเอ็ดโมงสี่สิบนาที

เลขาส่ายหน้า

เฉิงเวินหรูเลิกคิ้วพลางหัวเราะเป็นอันเข้าใจ

เธอหยิบปากกาที่อยู่ในกล่อง เซ็นเอกสารที่วางอยู่บนโต๊ะ ก่อนเอนตัวพิงเก้าอี้พลางกอดอก ผ่านไปครู่ใหญ่จึงเปิดปากพูด “ช่วงนี้ช่วยฉันดูของขวัญที่เด็กสาวเขาชอบกันหน่อยนะ”

ทักษะและความเชี่ยวชาญของเลขานุการหลี่สามารถอยู่ในสายตาของสตรีทรงอิทธิพลได้ เขาเป็นเลขาชั้นนำของโลก ทั้งยังเป็นผู้ช่วยที่นายท่านเฉิงจัดเตรียมให้เฉิงเวินหรูเป็นพิเศษ

เขาจัดเตรียมเรื่องนี้ไว้ในกำหนดการ ก่อนพูดต่อไปว่า “ผมเตรียมงานประมูลในอีกสามวันหลังจากนี้ให้คุณเรียบร้อยแล้วนะครับ”

เฉิงเวินหรูใช้มือกดขมับของตัวเองอย่างอ่อนเพลียเล็กน้อย “ครั้งนี้มีดอกไม้จีนไหม?”

ร่างกายของนายท่านเฉิงไม่ค่อยดี ต้องมีดอกไม้จีนติดตัวตลอดถึงช่วยบรรเทาได้ ส่วนดอกไม้จีนนั้น…ไม่มีใครรู้ว่าของพิเศษพันธุ์นี้มีที่มาอย่างไร

คนส่วนใหญ่สามารถพบเห็นได้แต่ไม่อาจครอบครอง ทุกครั้งที่ไปงานประมูลราวกับอยู่ในสมรภูมิที่เต็มไปด้วยลมเหม็นและฝนเลือด

“มีครับ แต่ว่างานประมูลครั้งนี้มีขวดเดียวเท่านั้น”

“ขวดเดียว?” นิ้วมือของเฉิงเวินหรูเคาะลงบนโต๊ะ นี่เป็นเรื่องยุ่งยากแล้ว

เฉิงเวินหรูต้องเข้างานประมูลหนึ่งครั้งในทุกเดือน และทุกเดือนจะมีดอกไม้จีนรวมทั้งหมดสิบกระป๋อง เมืองหลวงมีผู้คนเยอะแยะมากมาย รวมทั้งห้องทดลองระดับสูงต่างวิจัยเรื่องดอกไม้จีนกันมาก ทุกครั้งในงานประมูล ทั้งสิบขวดนี้มีเพียงสี่ขวดที่ถูกคนเดิมประเมินไป หนึ่งในนั้นคือเฉิงเวินหรู

ที่เหลือหกขวดคือผู้ที่มีอำนาจคนอื่นแย่งไป

ทว่าตอนนี้เหลือเพียงขวดเดียวเท่านั้น…

ทุกคนล้วนต้องการดอกไม้จีนขวดนี้ ถึงเวลานั้นต้องเกิดศึกแย่งชิงแน่นอน

“ทำไมถึงเหลือขวดเดียวได้?”

เลขาหลี่ส่ายหัว ตอบอย่างไม่มั่นใจ “น่าจะเพราะเกิดเรื่องอะไรขึ้นรึเปล่าครับ? เห็นศูนย์วิจัยฝั่งนั้นพูดกันว่าต้นไม้พันธุ์นี้ดูแลยากมาก”

ดูจากสถานการณ์ปัจจุบันแล้ว การคาดเดานี้น่าจะเป็นจริง

“แล้วหาที่มาของดอกไม้จีนไม่เจอเลยเหรอ?” เฉิงเวินหรูรู้ดีว่าต้องหาตัวคนขายเท่านั้น ถึงสามารถระบุแหล่งที่มาได้

ทว่าไม่มีข่าวคราวใดจากฝั่งงานประมูลเลย เพื่อป้องกันความขัดแย้ง จึงไม่รู้ว่าทางฝั่งงานประมูลเองจงใจปิดบังชื่อแซ่ของผู้ซื้อและผู้ขายไว้หมด ทำให้เฉิงเวินหรูไม่สามารถค้นหาได้แม้แต่น้อย

เลขาหลี่พยักหน้า “ก่อนหน้านี้นายท่านเองก็ไปหาคุณหนูโอวหยางเพื่อสอบถามเรื่องนี้ครับ”

ทุกคนต่างรู้ว่านี่เป็นครั้งแรกที่หน่วยสืบสวน129 เปิดรับเจ้าหน้าที่ระดับทั่วไปจากตระกูลใหญ่ในเมืองหลวง เพราะน้อยมากที่หน่วยสืบสวน129จะเปิดรับคนรุ่นใหม่ โดยปกติจะรับสมัครเพียงเจ้าหน้าที่ระดับทั่วไป หากอยากเลื่อนขั้นในตำแหน่งสูงเป็นเรื่องที่ยากมาก แต่อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ระดับทั่วไปก็สามารถเรียนรู้หลายสิ่งหลายอย่างในหน่วยสืบสวน129ได้ ทั้งมีสิทธิ์ในการเข้าถึงข้อมูลทั้งหมดของเจ้าหน้าที่ภายใน

ทุกคนต่างรู้ว่าเครือข่ายของหน่วยสืบสวน129ครอบคลุมเกือบทั่วโลก

ในเมืองหลวงไม่มีบ้านตระกูลไหนหรือผู้มีอำนาจคนใดไม่อยากเป็นพันธมิตรกับหน่วยสืบสวน129

แม้โอวหยางเวยเป็นเพียงเจ้าหน้าที่ระดับทั่วไป ทว่าเป็นคนของภายใน เธอมีสิทธิพิเศษมากกว่าคนทั่วไป

ครั้งที่เธอเข้าร่วมหน่วยสืบ129ได้สำเร็จ สถานภาพของสกุลโอวหยางที่อยู่ในเมืองหลวงก็สูงขึ้นอย่างก้าวกระโดด

เฉิงเหวินหรูพยักหน้า “ช่วยฉันนัดกับโอวหยางเวยหน่อย ฉันจะคุยกับเธอ”

“ผมได้ทำการนัดหมายแล้วครับ แต่ว่าคุณหนูโอวหยางทางฝั่งนั้นนัดได้ยากมาก” ตอนนี้โอวหยางเวยเป็นที่ต้องการในเมืองหลวงเป็นพิเศษ เธอเข้าใจในจุดนี้ ไม่ใช่อยากนัดก็สามารถนัดได้ตามใจชอบ “ผมได้ยินมาว่า…คุณชายใหญ่ก็นัดกับโอวหยางเวยไว้ครับ”

“เขาเนี่ยนะ?” เฉิงเวินหรูพยักหน้าไม่พูดอะไรอีก

เธอโบกมือให้เลขาออกไป ก่อนส่งข้อความหาเฉิงเจวี้ยน ถามว่าเขาจะมากินข้าวกี่โมง

**

ในเวลาเดียวกัน

ย่านคอนโดถิงหลาน

ฉินหร่านเดินขึ้นด้านบนไม่ได้ซ้อมไวโอลิน วันนี้เธอต้องจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อย

เนื่องจากการสอบเข้ามหาวิทยาลัย เหยียนซีจึงไม่ได้ติดต่อกับเธอมาสองเดือนเต็ม

แม้ว่าทุกครั้งที่เธอบอกว่าตัวเองจะสอบเข้ามหาลัย แต่เหยียนซีดูไม่ค่อยเชื่อนัก

วันนี้ได้เข้าสมาคมไวโอลิน ส่วนพรุ่งนี้เข้าเรียนที่สมาคมไวโอลินอย่างเป็นทางการ ฉินหร่านไม่มีเวลามากนัก บทประพันธ์ทั้งสองเพลงที่ต้องเตรียมส่งวันนี้ได้จัดการเสร็จเรียบร้อยแล้ว

เธอเรียบเรียนเพลงหลังจากสอบเข้ามหาวิทยาลัยเสร็จ ทว่าตอนนั้นมือใช้งานไม่สะดวก จึงมีเพียงแบบร่างคร่าวๆ ในหัว ก่อนที่ผลคะแนนสอบออก เธอก็คิดเอาไว้เรียบร้อยส่วนหนึ่ง

ตอนนี้ทำเสร็จเกือบทั้งหมด วันพรุ่งนี้น่าจะจัดการส่วนที่เหลือแล้วเสร็จได้

ด้านล่าง

เฉิงมู่เดินไปยังขอบหน้าต่างที่วางกระถางต้นไม้สองต้นไว้ ในมือถือกระบอกรดน้ำรดน้ำทีละนิด ก่อนวางกระบอกลง

หยิบโทรศัพท์เปิดหน้าฟีดกลุ่มเพื่อน

มีสถานะของหลินซือหรานที่เพิ่งโพสต์ว่า

[ดูเหมือนมี่มี่จะกัดใบหญ้าจนหมดต้น ตอนนี้พ่อลงโทษมันให้อดเนื้อปลาสามวัน] จากนั้นมีรูปภาพแต่งที่ขึ้นว่ายินดีในความโชคร้ายของคนอื่นรูปหนึ่ง

เฉิงมู่รู้ว่าหลินซือหรานก็คือบล็อกเกอร์คนนั้นที่ติดตามเวยป๋อของฉินหร่าน

ครั้งที่แล้วหลินซือหรานก็โพสต์รูปมี่มี่ถูกลงโทษโดยการหันหน้าเข้าหากำแพงเพื่อสำนึกผิดลงเวยป๋อ

เฉิงมู่ยังคงถอนหายใจอย่างอดไม่ได้ ทำไมสกุลหลินต้องทรมานแมวขนาดนี้ด้วย?

แค่ต้นหญ้าไม่กี่ต้นเองไม่ใช่หรอ?

เขาส่งวีแชทหาหลินซือหรานประโยคหนึ่งว่า

[ยังไงก็เป็นแค่แมว อย่าคาดหวังอะไรกับมันมากนักเลย]

อีกฝั่งตอบมาคำหนึ่ง “…”

เฉิงจินเดินออกมาจากลิฟต์บ้านเฉิงมู่ เมื่อเห็นเฉิงมู่กำลังพึมพำอะไรอยู่นั้น ก็เลิกคิ้วอย่างสงสัย “บ่นอะไรอยู่น่ะ? นายท่านเจวี้ยนล่ะ?”

เฉิงมู่เล่าเรื่องความโหดร้ายของสกุลหลินให้เฉิงจินรอบหนึ่งก่อนตอบคำถามเฉิงจินว่า “นายท่านเจวี้ยนอยู่ห้องหนังสือด้านบน

“ห้องนายด้านล่างมีกล่องดำอยู่กล่องนึง จัดการกับของของตัวเองให้ดีละ” เฉิงจินไม่สนใจปัญหาว่าอะไรคือแมวไม่แมว และอะไรคือหญ้า เมื่อรู้คำตอบแล้วจึงไปหาเฉิงเจวี้ยนด้านบน

เฉิงมู่คิดถึงเรื่องกล่องสีดำ

กล่องดำกล่องนั้นวางอยู่กับของชิ้นเล็กชิ้นน้อย

เฉิงมู่เดินลงไปหยิบกล่องดำขึ้นมา จากนั้นจัดการเปิดทีละอย่าง ด้านในส่วนใหญ่เป็นของที่พวกเขาทิ้งไว้ก่อนหน้านี้ คนห้องเก้าไว้วานให้เขานำของขวัญจบการศึกษามาให้ฉินหร่าน

มีของอยู่เยอะมาก ทันใดนั้นเฉิงมู่เห็นขวดแก้วขวดหนึ่งกลิ้งตกอยู่บริเวณมุมกล่อง เป็นของขวัญจบการศึกษาที่หลินซือหรานมอบให้ฉินหร่าน

เนื่องจากก่อนหน้านี้มีเรื่อง “ก้อนหิน” ของกู้ซีฉือ เฉิงมู่จึงสังเกตขวดเล็กขวดน้อยเป็นพิเศษ ครั้งนี้ด้านบนไม่มีรหัสติดอยู่ด้านบน แม้แต่ฝาเปิดขวดก็ไม่มี

เขาอดใจไม่ไหวอยากถามสาวน้อยคนนั้นว่าเอาหญ้าใส่เข้าไปยังไง?

**

วันนี้ ฉินหร่านเข้าเรียนที่สมาคมไวโอลิน

หกโมงเช้าลุกจากเตียง หกโมงครึ่งออกเดินทาง เฉิงเจวี้ยนพึ่งกลับจากการวิ่งชั้นล่างในยามเช้า ก่อนพาเธอไปส่งที่สมาคมไวโอลิน

“อาจารย์เว่ยได้กำหนดงานไหว้ครูไว้แล้ว” อาจารย์เว่ยได้คุยกับเฉิงเจวี้ยนโดยตรง เมื่อวานตอนเย็นเพิ่งได้คำนวณตามปฏิทินโบราณเสร็จ

ฉินหร่านกำลังแชทกับหลินซือหราน พลางตอบ “อืม” อย่างไม่คิดอะไรมาก มือของเธอยันอยู่บนกระจกรถ พลางเท้าคาง “ขอให้ไม่ใช่พิธีใหญ่โตอะไรก็รับได้หมดแหละ”

สี่สิบนาทีต่อมา เมื่อเดินทางถึงสมาคมไวโอลิน

ฉินหร่านลงจากรถ พร้อมใส่หมวกแก๊ป มืออีกข้างหนึ่งล้วงกระเป๋า อีกข้างโบกมือลารถด้านหลัง แต่หัวไม่ได้หันไปด้วย

เฉิงเจวี้ยนยืนพิงรถมองดูจากด้านหลังอยู่สักพักก่อนเปิดประตูขึ้นรถ

เนื่องจากวันนี้มีนักเรียนใหม่ ทางสมาคมไวโอลินจึงติดป้ายเตือนนักเรียนใหม่ที่ชี้ไปยังอาคารฝึกซ้อมทั้งหมดห้าชั้น

ณ ปากทางเข้าประตูใหญ่ มีอาจารย์ท่านหนึ่งยืนอยู่หน้าประตูเพื่อรอรับนักเรียนใหม่ทั้งหมด ฉินหร่านมาก่อนเวลาสิบนาที ด้านหลังของเธอมีเถียนเซียวเซียวที่เพิ่งมาถึงหมาดๆ อาจารย์ท่านนั้นเห็นว่านักเรียนมาครบแล้ว จึงเริ่มพูดว่า “ผมเป็นอาจารย์ประจำชั้นหนึ่ง มีแซ่สวี ทุกคนที่สามารถเข้าร่วมสมาคมไวโอลินได้ ล้วนเป็นผู้ที่มีพรสวรรค์ แต่ว่าสมาคมไวโอลินไม่เคยขาดแคลนนักเรียนที่มีพรสวรรค์ ทุกคนน่าจะเคยได้ยินกฎเกณฑ์ของสมาคมไวโอลินมาบ้าง สมาคมไวโอลินมีหลักสูตรเฉพาะทางที่เอาไว้แบ่งมาตรฐานระดับการทดสอบ ตั้งแต่ชั้นแรกจนถึงชั้นที่ห้า คือห้องฝึกซ้อมระดับสามถึงระดับเก้า ทุกชั้นจะมีอาจารย์ที่ปรึกษาและวิดีโอฝึกสอนของแต่ละชั้น พวกเราสามารถอ้างอิงจากระดับทั้งหมดที่สอดคล้องกันตามประกาศระดับของการทดสอบการแข่งขันเมื่อวานนี้ได้ แต่ตอนนี้ทุกคนไปที่ห้อง101ก่อน”

เมื่อฉินหร่านได้ยินดังนั้น ก็ก้มหน้ามองคู่มือที่อยู่ในมือของตัวเอง

ระดับสามอยู่ชั้นหนึ่ง

ระดับสี่ถึงห้าอยู่ชั้นสอง

ระดับหกถึงเจ็ดอยู่ชั้นสาม

ระดับแปดอยู่ชั้นสี่

ระดับเก้าอยู่ชั้นห้า

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

เผยตัวตนลับ จับหัวใจเธอ 275 ดอกไม้จีนและการจัดอันดับนักเรียน

Now you are reading เผยตัวตนลับ จับหัวใจเธอ Chapter 275 ดอกไม้จีนและการจัดอันดับนักเรียน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ฉินหร่าน “…”

เธอก็แค่ถามอย่างไม่คิดอะไรประโยคหนึ่ง

เดิมลู่จ้าวอิ่งที่เดินอยู่ด้านข้างกำลังคิดถึงเรื่องเหวินอิน เมื่อได้ยินเช่นนี้เขาก็มองเวลาในโทรศัพท์มือถือ จากนั้นหันมาถามด้านข้าง “ฉินเสี่ยวหราน ตอนนี้ก็เกือบเที่ยงแล้ว ได้เวลากินข้าวเที่ยงพอดี งั้นพวกเราไปกินข้าวกันเลยไหม?”

เขาแสดงออกอย่างเป็นธรรมชาติไม่ต่างอะไรกับตอนปกติ

เฉิงเจวี้ยนสอดมือทั้งสองข้างไว้ในกระเป๋าขณะเดินตามหลังฉินหร่าน พลางยกคิ้วให้ลู่จ้าวอิ่ง เป็นครั้งแรกที่ส่งสัญญาณทางสายตาให้เขา

ลู่จ้าวอิ่งแทบตกใจแทบหลั่งน้ำตา นี่เป็นครั้งแรกที่นายท่านเจวี้ยนมองเขาราวกับไม่ต่างอะไรกับคนโง่

ฉินหร่านมองลู่จ้าวอิ่งแวบหนึ่ง ก่อนยื่นมือกดปีกหมวกลง พูดเสียงใสว่า “ฉันง่วงนิดหน่อยน่ะ”

เฉิงเจวี้ยนยิ้ม “งั้นก็กลับไปพักผ่อนก่อน”

**

ศูนย์การเงินเมืองหลวง

“คุณหนูใหญ่ครับ” ในห้องทำงานหนึ่ง เลขานุการในแว่นดำเดินเข้ามา ขณะนำเอกสารกองหนึ่งส่งให้หญิงสาวที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ทำงาน “นี่เป็นแผนสำหรับวันนี้ครับ”

หญิงสาวสวมกระโปรงสีดำ ก้มหน้าต่ำ ดูมีประติญาณไหวพริบและมากด้วยประสบการณ์ ขณะที่ด้านหน้ามีคอมพิวเตอร์วางอยู่ หน้าจอคอมพิวเตอร์มีกราฟวิเคราะห์สีแดงเขียวสลับซับซ้อนอยู่คู่หนึ่ง

เธอรับเอกสารจากเลขา ก่อนเงยหน้า หน้าตาที่ประณีตงดงามมีความยิ่งยโสซ่อนอยู่ “บ่ายนี้มีแผนไปไหนไหม?”

ไม่มีใครคาดเดาอายุที่แท้จริงของเธอได้ ทว่าเมื่อมองดูแล้วกลับรู้สึกถึงพลังของคนอายุสามสิบกว่าได้

คุณหนูใหญ่แห่งสกุลเฉิง เฉิงเวินหรู ปีนี้อายุสามสิบห้า สถานะโสด

“บ่ายโมงมีคุยสัญญากับหัวหน้าหลี่ครับ บ่ายสองโมงครึ่งบริษัทมีประชุมประจำเดือนขนาดเล็ก…” เลขานุการดันแว่น ก่อนตอบอย่างรวดเร็ว

“น้องชายฉันว่ายังไงบ้าง?” เฉิงเวินหรูยกมือมองนาฬิกาข้อมือบอกเวลาสิบเอ็ดโมงสี่สิบนาที

เลขาส่ายหน้า

เฉิงเวินหรูเลิกคิ้วพลางหัวเราะเป็นอันเข้าใจ

เธอหยิบปากกาที่อยู่ในกล่อง เซ็นเอกสารที่วางอยู่บนโต๊ะ ก่อนเอนตัวพิงเก้าอี้พลางกอดอก ผ่านไปครู่ใหญ่จึงเปิดปากพูด “ช่วงนี้ช่วยฉันดูของขวัญที่เด็กสาวเขาชอบกันหน่อยนะ”

ทักษะและความเชี่ยวชาญของเลขานุการหลี่สามารถอยู่ในสายตาของสตรีทรงอิทธิพลได้ เขาเป็นเลขาชั้นนำของโลก ทั้งยังเป็นผู้ช่วยที่นายท่านเฉิงจัดเตรียมให้เฉิงเวินหรูเป็นพิเศษ

เขาจัดเตรียมเรื่องนี้ไว้ในกำหนดการ ก่อนพูดต่อไปว่า “ผมเตรียมงานประมูลในอีกสามวันหลังจากนี้ให้คุณเรียบร้อยแล้วนะครับ”

เฉิงเวินหรูใช้มือกดขมับของตัวเองอย่างอ่อนเพลียเล็กน้อย “ครั้งนี้มีดอกไม้จีนไหม?”

ร่างกายของนายท่านเฉิงไม่ค่อยดี ต้องมีดอกไม้จีนติดตัวตลอดถึงช่วยบรรเทาได้ ส่วนดอกไม้จีนนั้น…ไม่มีใครรู้ว่าของพิเศษพันธุ์นี้มีที่มาอย่างไร

คนส่วนใหญ่สามารถพบเห็นได้แต่ไม่อาจครอบครอง ทุกครั้งที่ไปงานประมูลราวกับอยู่ในสมรภูมิที่เต็มไปด้วยลมเหม็นและฝนเลือด

“มีครับ แต่ว่างานประมูลครั้งนี้มีขวดเดียวเท่านั้น”

“ขวดเดียว?” นิ้วมือของเฉิงเวินหรูเคาะลงบนโต๊ะ นี่เป็นเรื่องยุ่งยากแล้ว

เฉิงเวินหรูต้องเข้างานประมูลหนึ่งครั้งในทุกเดือน และทุกเดือนจะมีดอกไม้จีนรวมทั้งหมดสิบกระป๋อง เมืองหลวงมีผู้คนเยอะแยะมากมาย รวมทั้งห้องทดลองระดับสูงต่างวิจัยเรื่องดอกไม้จีนกันมาก ทุกครั้งในงานประมูล ทั้งสิบขวดนี้มีเพียงสี่ขวดที่ถูกคนเดิมประเมินไป หนึ่งในนั้นคือเฉิงเวินหรู

ที่เหลือหกขวดคือผู้ที่มีอำนาจคนอื่นแย่งไป

ทว่าตอนนี้เหลือเพียงขวดเดียวเท่านั้น…

ทุกคนล้วนต้องการดอกไม้จีนขวดนี้ ถึงเวลานั้นต้องเกิดศึกแย่งชิงแน่นอน

“ทำไมถึงเหลือขวดเดียวได้?”

เลขาหลี่ส่ายหัว ตอบอย่างไม่มั่นใจ “น่าจะเพราะเกิดเรื่องอะไรขึ้นรึเปล่าครับ? เห็นศูนย์วิจัยฝั่งนั้นพูดกันว่าต้นไม้พันธุ์นี้ดูแลยากมาก”

ดูจากสถานการณ์ปัจจุบันแล้ว การคาดเดานี้น่าจะเป็นจริง

“แล้วหาที่มาของดอกไม้จีนไม่เจอเลยเหรอ?” เฉิงเวินหรูรู้ดีว่าต้องหาตัวคนขายเท่านั้น ถึงสามารถระบุแหล่งที่มาได้

ทว่าไม่มีข่าวคราวใดจากฝั่งงานประมูลเลย เพื่อป้องกันความขัดแย้ง จึงไม่รู้ว่าทางฝั่งงานประมูลเองจงใจปิดบังชื่อแซ่ของผู้ซื้อและผู้ขายไว้หมด ทำให้เฉิงเวินหรูไม่สามารถค้นหาได้แม้แต่น้อย

เลขาหลี่พยักหน้า “ก่อนหน้านี้นายท่านเองก็ไปหาคุณหนูโอวหยางเพื่อสอบถามเรื่องนี้ครับ”

ทุกคนต่างรู้ว่านี่เป็นครั้งแรกที่หน่วยสืบสวน129 เปิดรับเจ้าหน้าที่ระดับทั่วไปจากตระกูลใหญ่ในเมืองหลวง เพราะน้อยมากที่หน่วยสืบสวน129จะเปิดรับคนรุ่นใหม่ โดยปกติจะรับสมัครเพียงเจ้าหน้าที่ระดับทั่วไป หากอยากเลื่อนขั้นในตำแหน่งสูงเป็นเรื่องที่ยากมาก แต่อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่ระดับทั่วไปก็สามารถเรียนรู้หลายสิ่งหลายอย่างในหน่วยสืบสวน129ได้ ทั้งมีสิทธิ์ในการเข้าถึงข้อมูลทั้งหมดของเจ้าหน้าที่ภายใน

ทุกคนต่างรู้ว่าเครือข่ายของหน่วยสืบสวน129ครอบคลุมเกือบทั่วโลก

ในเมืองหลวงไม่มีบ้านตระกูลไหนหรือผู้มีอำนาจคนใดไม่อยากเป็นพันธมิตรกับหน่วยสืบสวน129

แม้โอวหยางเวยเป็นเพียงเจ้าหน้าที่ระดับทั่วไป ทว่าเป็นคนของภายใน เธอมีสิทธิพิเศษมากกว่าคนทั่วไป

ครั้งที่เธอเข้าร่วมหน่วยสืบ129ได้สำเร็จ สถานภาพของสกุลโอวหยางที่อยู่ในเมืองหลวงก็สูงขึ้นอย่างก้าวกระโดด

เฉิงเหวินหรูพยักหน้า “ช่วยฉันนัดกับโอวหยางเวยหน่อย ฉันจะคุยกับเธอ”

“ผมได้ทำการนัดหมายแล้วครับ แต่ว่าคุณหนูโอวหยางทางฝั่งนั้นนัดได้ยากมาก” ตอนนี้โอวหยางเวยเป็นที่ต้องการในเมืองหลวงเป็นพิเศษ เธอเข้าใจในจุดนี้ ไม่ใช่อยากนัดก็สามารถนัดได้ตามใจชอบ “ผมได้ยินมาว่า…คุณชายใหญ่ก็นัดกับโอวหยางเวยไว้ครับ”

“เขาเนี่ยนะ?” เฉิงเวินหรูพยักหน้าไม่พูดอะไรอีก

เธอโบกมือให้เลขาออกไป ก่อนส่งข้อความหาเฉิงเจวี้ยน ถามว่าเขาจะมากินข้าวกี่โมง

**

ในเวลาเดียวกัน

ย่านคอนโดถิงหลาน

ฉินหร่านเดินขึ้นด้านบนไม่ได้ซ้อมไวโอลิน วันนี้เธอต้องจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อย

เนื่องจากการสอบเข้ามหาวิทยาลัย เหยียนซีจึงไม่ได้ติดต่อกับเธอมาสองเดือนเต็ม

แม้ว่าทุกครั้งที่เธอบอกว่าตัวเองจะสอบเข้ามหาลัย แต่เหยียนซีดูไม่ค่อยเชื่อนัก

วันนี้ได้เข้าสมาคมไวโอลิน ส่วนพรุ่งนี้เข้าเรียนที่สมาคมไวโอลินอย่างเป็นทางการ ฉินหร่านไม่มีเวลามากนัก บทประพันธ์ทั้งสองเพลงที่ต้องเตรียมส่งวันนี้ได้จัดการเสร็จเรียบร้อยแล้ว

เธอเรียบเรียนเพลงหลังจากสอบเข้ามหาวิทยาลัยเสร็จ ทว่าตอนนั้นมือใช้งานไม่สะดวก จึงมีเพียงแบบร่างคร่าวๆ ในหัว ก่อนที่ผลคะแนนสอบออก เธอก็คิดเอาไว้เรียบร้อยส่วนหนึ่ง

ตอนนี้ทำเสร็จเกือบทั้งหมด วันพรุ่งนี้น่าจะจัดการส่วนที่เหลือแล้วเสร็จได้

ด้านล่าง

เฉิงมู่เดินไปยังขอบหน้าต่างที่วางกระถางต้นไม้สองต้นไว้ ในมือถือกระบอกรดน้ำรดน้ำทีละนิด ก่อนวางกระบอกลง

หยิบโทรศัพท์เปิดหน้าฟีดกลุ่มเพื่อน

มีสถานะของหลินซือหรานที่เพิ่งโพสต์ว่า

[ดูเหมือนมี่มี่จะกัดใบหญ้าจนหมดต้น ตอนนี้พ่อลงโทษมันให้อดเนื้อปลาสามวัน] จากนั้นมีรูปภาพแต่งที่ขึ้นว่ายินดีในความโชคร้ายของคนอื่นรูปหนึ่ง

เฉิงมู่รู้ว่าหลินซือหรานก็คือบล็อกเกอร์คนนั้นที่ติดตามเวยป๋อของฉินหร่าน

ครั้งที่แล้วหลินซือหรานก็โพสต์รูปมี่มี่ถูกลงโทษโดยการหันหน้าเข้าหากำแพงเพื่อสำนึกผิดลงเวยป๋อ

เฉิงมู่ยังคงถอนหายใจอย่างอดไม่ได้ ทำไมสกุลหลินต้องทรมานแมวขนาดนี้ด้วย?

แค่ต้นหญ้าไม่กี่ต้นเองไม่ใช่หรอ?

เขาส่งวีแชทหาหลินซือหรานประโยคหนึ่งว่า

[ยังไงก็เป็นแค่แมว อย่าคาดหวังอะไรกับมันมากนักเลย]

อีกฝั่งตอบมาคำหนึ่ง “…”

เฉิงจินเดินออกมาจากลิฟต์บ้านเฉิงมู่ เมื่อเห็นเฉิงมู่กำลังพึมพำอะไรอยู่นั้น ก็เลิกคิ้วอย่างสงสัย “บ่นอะไรอยู่น่ะ? นายท่านเจวี้ยนล่ะ?”

เฉิงมู่เล่าเรื่องความโหดร้ายของสกุลหลินให้เฉิงจินรอบหนึ่งก่อนตอบคำถามเฉิงจินว่า “นายท่านเจวี้ยนอยู่ห้องหนังสือด้านบน

“ห้องนายด้านล่างมีกล่องดำอยู่กล่องนึง จัดการกับของของตัวเองให้ดีละ” เฉิงจินไม่สนใจปัญหาว่าอะไรคือแมวไม่แมว และอะไรคือหญ้า เมื่อรู้คำตอบแล้วจึงไปหาเฉิงเจวี้ยนด้านบน

เฉิงมู่คิดถึงเรื่องกล่องสีดำ

กล่องดำกล่องนั้นวางอยู่กับของชิ้นเล็กชิ้นน้อย

เฉิงมู่เดินลงไปหยิบกล่องดำขึ้นมา จากนั้นจัดการเปิดทีละอย่าง ด้านในส่วนใหญ่เป็นของที่พวกเขาทิ้งไว้ก่อนหน้านี้ คนห้องเก้าไว้วานให้เขานำของขวัญจบการศึกษามาให้ฉินหร่าน

มีของอยู่เยอะมาก ทันใดนั้นเฉิงมู่เห็นขวดแก้วขวดหนึ่งกลิ้งตกอยู่บริเวณมุมกล่อง เป็นของขวัญจบการศึกษาที่หลินซือหรานมอบให้ฉินหร่าน

เนื่องจากก่อนหน้านี้มีเรื่อง “ก้อนหิน” ของกู้ซีฉือ เฉิงมู่จึงสังเกตขวดเล็กขวดน้อยเป็นพิเศษ ครั้งนี้ด้านบนไม่มีรหัสติดอยู่ด้านบน แม้แต่ฝาเปิดขวดก็ไม่มี

เขาอดใจไม่ไหวอยากถามสาวน้อยคนนั้นว่าเอาหญ้าใส่เข้าไปยังไง?

**

วันนี้ ฉินหร่านเข้าเรียนที่สมาคมไวโอลิน

หกโมงเช้าลุกจากเตียง หกโมงครึ่งออกเดินทาง เฉิงเจวี้ยนพึ่งกลับจากการวิ่งชั้นล่างในยามเช้า ก่อนพาเธอไปส่งที่สมาคมไวโอลิน

“อาจารย์เว่ยได้กำหนดงานไหว้ครูไว้แล้ว” อาจารย์เว่ยได้คุยกับเฉิงเจวี้ยนโดยตรง เมื่อวานตอนเย็นเพิ่งได้คำนวณตามปฏิทินโบราณเสร็จ

ฉินหร่านกำลังแชทกับหลินซือหราน พลางตอบ “อืม” อย่างไม่คิดอะไรมาก มือของเธอยันอยู่บนกระจกรถ พลางเท้าคาง “ขอให้ไม่ใช่พิธีใหญ่โตอะไรก็รับได้หมดแหละ”

สี่สิบนาทีต่อมา เมื่อเดินทางถึงสมาคมไวโอลิน

ฉินหร่านลงจากรถ พร้อมใส่หมวกแก๊ป มืออีกข้างหนึ่งล้วงกระเป๋า อีกข้างโบกมือลารถด้านหลัง แต่หัวไม่ได้หันไปด้วย

เฉิงเจวี้ยนยืนพิงรถมองดูจากด้านหลังอยู่สักพักก่อนเปิดประตูขึ้นรถ

เนื่องจากวันนี้มีนักเรียนใหม่ ทางสมาคมไวโอลินจึงติดป้ายเตือนนักเรียนใหม่ที่ชี้ไปยังอาคารฝึกซ้อมทั้งหมดห้าชั้น

ณ ปากทางเข้าประตูใหญ่ มีอาจารย์ท่านหนึ่งยืนอยู่หน้าประตูเพื่อรอรับนักเรียนใหม่ทั้งหมด ฉินหร่านมาก่อนเวลาสิบนาที ด้านหลังของเธอมีเถียนเซียวเซียวที่เพิ่งมาถึงหมาดๆ อาจารย์ท่านนั้นเห็นว่านักเรียนมาครบแล้ว จึงเริ่มพูดว่า “ผมเป็นอาจารย์ประจำชั้นหนึ่ง มีแซ่สวี ทุกคนที่สามารถเข้าร่วมสมาคมไวโอลินได้ ล้วนเป็นผู้ที่มีพรสวรรค์ แต่ว่าสมาคมไวโอลินไม่เคยขาดแคลนนักเรียนที่มีพรสวรรค์ ทุกคนน่าจะเคยได้ยินกฎเกณฑ์ของสมาคมไวโอลินมาบ้าง สมาคมไวโอลินมีหลักสูตรเฉพาะทางที่เอาไว้แบ่งมาตรฐานระดับการทดสอบ ตั้งแต่ชั้นแรกจนถึงชั้นที่ห้า คือห้องฝึกซ้อมระดับสามถึงระดับเก้า ทุกชั้นจะมีอาจารย์ที่ปรึกษาและวิดีโอฝึกสอนของแต่ละชั้น พวกเราสามารถอ้างอิงจากระดับทั้งหมดที่สอดคล้องกันตามประกาศระดับของการทดสอบการแข่งขันเมื่อวานนี้ได้ แต่ตอนนี้ทุกคนไปที่ห้อง101ก่อน”

เมื่อฉินหร่านได้ยินดังนั้น ก็ก้มหน้ามองคู่มือที่อยู่ในมือของตัวเอง

ระดับสามอยู่ชั้นหนึ่ง

ระดับสี่ถึงห้าอยู่ชั้นสอง

ระดับหกถึงเจ็ดอยู่ชั้นสาม

ระดับแปดอยู่ชั้นสี่

ระดับเก้าอยู่ชั้นห้า

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+