แม่ปากร้ายยุค​ 80 153 เรียกค่าชดเชย

Now you are reading แม่ปากร้ายยุค​ 80 Chapter 153 เรียกค่าชดเชย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 153 เรียกค่าชดเชย

เนื่องจากได้งีบหลับในตอนเช้าแล้ว หลินม่ายจึงยังไม่รู้สึกง่วงในตอนนี้

หลังจากกลับถึงบ้าน ดื่มน้ำแก้วใหญ่ ล้างหน้าล้างตาด้วยน้ำเย็นเรียกความสดชื่น เธอก็เดินตรงไปที่บ้านป้าหู

แม้โต้วโต้วเป็นโรคหัวใจพิการโดยกำเนิด แต่ที่ครั้งนี้อาการกลับแย่ลงกว่าเดิมก็เป็นเพราะหยางหยางหลานชายของป้าหูมีส่วนเกี่ยวข้อง เธอจึงต้องให้ครอบครัวเขาชดใช้

ก่อนหน้านั้นโต้วโต้วกำลังอาหารหนักและเธอเองก็อ่อนล้า ตอนนี้เธอมีเวลาแล้ว ย่อมต้องจัดการเรื่องนี้ให้เสร็จสิ้น

โต้วโต้วเข้าโรงพยาบาล ทำให้หลินม่ายได้รับความทุกข์ทรมานเป็นอย่างมาก ทว่าป้าหูก็ไม่ได้ดีกว่ากันไปเท่าไร

ไม่ได้เป็นเพราะโต้วโต้ว หากเป็นความยุ่งเหยิงของตัวเอง

หล่อนจ้างคนงานด้วยค่าจ้างต่ำมาก คนหนุ่มสาวจึงไม่อยากมา จึงได้แต่จ้างคุณป้าวัยห้าสิบปีซึ่งอายุรุ่นราวคราวเดียวกับหล่อน

คุณป้าสูงวัยล้วนมีมือเท้าไม่ค่อยคล่องแคล่ว

เมื่อคืนนี้ป้าที่เป็นผู้ช่วยหล่อนถือซุปกระดูกไม่มั่นคงนักในตอนที่นำไปเสิร์ฟลูกค้า จึงทำมันหกใส่ตัวเอง ทำให้เกิดแผลน้ำร้อนลวกขนาดใหญ่จนต้องเข้าโรงพยาบาลเพื่อรักษาตัว

ลูกชายและลูกสาวของผู้ช่วยคนนั้นร้องขอให้ป้าหูช่วยออกค่ารักษาพยาบาล ค่าบำรุงร่างกาย และค่าขาดรายได้

เพื่อที่จะแข่งขันกับหลินม่ายในการทำกิจการ ป้าหูทำธุรกิจเข้าเนื้อตลอดเวลา ไม่เพียงแต่จะไม่ได้เงินแล้วยังต้องเสียเงินอีกด้วย

หล่อนเพิ่งจ่ายค่าจ้างให้ผู้ช่วยเมื่อไม่กี่วันนี้เอง การเงินยิ่งตึงมือยิ่งกว่าเดิมจนรู้สึกหดหู่เจียนตาย

ดังนั้นเมื่อลูกชายและลูกสาวของผู้ช่วยคนนั้นเรียกร้องให้หล่อนจ่ายค่ารักษาพยาบาล ค่าบำรุงร่างกายและค่าเสียเวลา เธอจึงระเบิดอารมณ์ตรงนั้น

เธอตบโต๊ะดังปังแล้วพูด “แม่พวกเธอทำตัวเอง แล้วจะมาบอกให้ฉันจ่ายค่านู่นค่านี่อีกเหรอ? หล่อนทำงานที่นี่ให้ฉัน ทำน้ำร้อนลวกตัวเองไม่พอยังทำให้กิจการฉันล่าช้าอีก ดีแค่ไหนแล้วที่ฉันไม่หักเงินเดือนหล่อน พวกเธอยังจะให้ฉันจ่ายค่ารักษาพยาบาลและค่ากระจุกกระจิกอีก ฉันว่าพวกเธอบ้าเงินเกินไปแล้ว!”

ทั้งลูกสาวและลูกชายของผู้ช่วยไม่มีใครรังแกได้ง่าย ทั้งยังมีฝีปากเป็นพรสวรรค์ “แม่ฉันบาดเจ็บเพราะทำงานที่บ้านป้า นี่เป็นการบาดเจ็บจากที่ทำงาน ถ้าป้าไม่จ่ายค่าใช้จ่ายพวกนี้ จะให้พวกฉันจ่ายเองรึไง?”

ป้าหูเถียงไม่ชนะลูกชายลูกสาวผู้ช่วยแม้แต่คำเดียว จะตบตีกันอย่างนั้นเหรอ? หล่อนก็ไม่กล้าขนาดนั้น

คนในครอบครัวนั้นมีเยอะ บ้านพวกเขาคนน้อย สู้กันได้ที่ไหน?

ป้าหูโกรธจัดทว่าไม่มีทางเลือก

เมื่อเห็นหลินม่ายเดินเข้ามา หล่อนก็ตะโกนขึ้นโดยไม่ระงับโทสะ “มีอะไร? เห็นความครื้นเครงเลยมาแอบดูครอบครัวฉันเหรอ ไปให้พ้นเลยนะ!”

หลินม่ายรู้สึกรังเกียจขึ้นมาทันที “ป้าคิดว่าคนอื่นเขาจะเหมือนป้าหรือไงกันที่ชอบดูชมเรื่องตลกของคนอื่น ฉันมาที่นี่เพื่อขอค่ารักษาโต้วโต้วของบ้านฉันต่างหาก”

สิ่งที่ป้าหูเกลียดที่สุดตอนนี้คือมีคนมาขอเงินจากตน หล่อนจึงระเบิดโทสะในทันที “เธอจะมาขอค่ารักษาพยาบาลโต้วโต้วจากฉันทำไม? เธอเองก็บ้าเงินเหรอ?”

หลินม่ายพูดเสียงเย็น “โต้วโต้วบ้านฉันถูกหยางหยางบ้านป้าผลักจนต้องเข้าโรงพยาบาลและต้องผ่าตัด ยังไงก็ตามแต่ครอบครัวป้าต้องจ่ายค่ารักษาพยาบาลและค่าบำรุงร่างกายอย่างน้อยครึ่งหนึ่ง”

ถึงแม้หลินม่ายจะเกลียดป้าหูและหลานชายของเธอมาก แต่เธอไม่ได้อยากจะให้โต้วโต้วเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลเพื่อกำจัดป้าหู

ดังนั้นการที่จะขอค่ารักษาพยาบาลและค่าพักฟื้นร่างกายเพียงครึ่งหนึ่งก็นับว่ายุติธรรมแล้ว

แม้หยางหยางจะผลักโต้วโต้วล้มลงบนพื้นจนทำให้โรคหัวใจของหล่อนกำเริบก็ตาม

อย่างไรก็ตาม เรื่องที่โต้วโต้วเป็นโรคหัวใจอยู่แล้วเป็นความจริง ไม่สามารถให้ป้าหูจ่ายค่ารักษาพยาบาลและค่าบำรุงร่างกายทั้งหมดได้

แต่เรื่องที่โต้วโต้วเข้าโรงพยาบาลตั้งแต่เมื่อคืนจนถึงตอนนี้แล้วครอบครัวป้าหูไม่ใส่ใจถามไถ่ หลินม่ายไม่อยากถือสาหาความ

ถามเรื่องความเป็นคนจากคนที่ไม่มีความเป็นคนก็ประหนึ่งสีซอให้ควายฟัง

เธอแค่ต้องการค่ารักษาพยาบาลและค่าพักฟื้นร่างกายที่ควรจะจ่าย

ป้าหูกราดเกรี้ยวขึ้นมาทันที าหล่อนชี้ไปที่ปลายจมูกของหลินม่ายแล้วพูด “โต้วโต้วบ้านเธอเป็นโรคหัวใจตั้งแต่เกิด เธออย่ามาทำเหมือนฉันไม่รู้เรื่องหน่อยเลย! หยางหยางบ้านพวกเราไม่ได้ผลักโต้วโต้วบ้านเธอ ไม่แน่นะอาจมีวันใดวันหนึ่งที่โต้วโต้วบ้านเธอป่วยตายก็ได้ เธอช่างดีเหลือเกินนะ ใช้ประโยชน์จากโรคของโต้วโต้วบ้านเธอมาดูดเอาเงินจากฉัน รอดูสิว่าฉันจะให้เธอหรือไม่ให้!”

เย็นเมื่อวานหยางหยางผลักโต้วโต้วทำให้โต้วโต้วเป็นลม ป้าหูไม่อาจปัดความรับผิดชอบได้

ดังนั้นจึงแอบสอบถามสถานการณ์ของโต้วโต้วแล้วรู้ว่าเธอเป็นโรคหัวใจพิการโดยกำเนิด

แน่นอนว่าหากรู้แล้วแล้วย่อมไม่เกรงกลัว

หล่อนคิดเองเออเองว่าการที่โต้วโต้วเป็นลมไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับหลานชายของหล่อน มันเป็นโรคภัยของเด็กน้อยเอง

หลินม่ายมีสีหน้าเยือกเย็น “จริงอยู่ที่โต้วโต้วมีอาการหัวใจวายเฉียบพลัน แต่ถ้าหยางหยางบ้านป้าไม่ผลักเธอ เธอจะหัวใจวายไหม? โต้วโต้วหัวใจวายกระทันหันเป็นความรับผิดชอบของหยางหยางบ้านป้า ฉันเรียกร้องค่าใช้จ่ายรักษาพยาบาลกับค่าบำรุงร่างกายจากป้าไม่สมควรเหรอไง!”

ลูกชายและลูกสาวของผู้ช่วยคนนั้นที่อยู่ด้านข้างก็รีบโหมกระพือไฟ “แม่ฉันทุกข์ทรมานบาดแผลจากการทำงานที่บ้านเธอ พวกเขาปฏิเสธที่จะจ่าย เด็กบ้านพวกคุณเดิมทีก็ป่วยแล้ว ยิ่งเป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะจ่าย!”

หลินม่ายยิ้มหยัน “ไม่จ่ายก็เพราะบ้านพวกเขาไม่อยากเสียเงินน่ะสิ ลองไปหาสำนักงานแขวง ไปหาผู้นำองค์กรของลูกชายลูกสะใภ้ ฉันไม่เชื่อหรอกว่าฉันจะหาที่ที่มีเหตุผลสักที่ไม่ได้”

ลูกชายและลูกสาวของผู้ช่วยป้าหูรวมกลุ่มกับเธอเพื่อที่จะไปที่สำนักงานแขวงและไปพบผู้นำองค์กรของลูกชายลูกสะใภ้

ทั้งลูกชายลูกสะใภ้ของป้าหูล้วนตื่นตระหนกกันหมด

พวกเขาเป็นคนทำงานในองค์กร หากเรื่องราวถูกส่งไปถึงผู้นำองค์กร ผู้นำองค์กรย่อมไม่ให้เรื่องส่วนตัวมากระทบหน้าที่ การชดใช้ต้องเกิดขึ้นอย่างเลี่ยงไม่ได้

เรียกร้องให้พวกเขานำเงินออกมา และยังเป็นเงินจำนวนใหญ่โต นี่ไม่เท่ากับต้องการฆ่าพวกเขาหรือ

เย็นวันนั้นลูกชายและสะใภ้ป้าหูไปหาหลินม่าย กล่าวถึงความยากลำบากต่าง ๆ นานาสารพัดสิ่งของตน ต้องการให้หลินม่ายร้องขอค่าชดใช้น้อยลง แน่นอนว่าไม่เรียกเลยจะดีที่สุด

ตั้งแต่โต้วโต้วเข้าโรงพยาบาล ครอบครัวพวกเขาเฉยเมยเป็นที่สุด ไม่แม้แต่จะขอให้หยางหยางขอโทษโต้วโต้ว

ภายในใจหลินม่ายเต็มไปด้วยความโกรธ จะให้เรียกร้องค่าชดใช้น้อยลงได้อย่างไร และไม่ต้องกล่าวถึงว่าจะไม่ชดใช้เลย

ในท้ายที่สุด ด้วยการไกล่เกลี่ยของสำนักงานแขวงและผู้นำองค์กรของลูกชายลูกสะใภ้ป้าหู หลินม่ายได้รับค่าชดใช้จำนวน 800 หยวน

แม้มันจะน้อยกว่าที่เธอต้องการ แต่ก็ยังดีกว่าครอบครัวป้าหูไม่จ่ายแม้แต่สตางค์แดงเดียว

สองวันผ่านไปในพริบตา ถึงโต้วโต้วจะยังไม่พ้นระยะอันตรายโดยสมบูรณ์และยังคงอยู่ในห้องไอซียู แต่ก็สามารถลุกขึ้นนั่งได้ด้วยการช่วยเหลือของพยาบาลและกินอาหารเหลวได้แล้ว สถานการณ์เริ่มดีขึ้นวันต่อวัน

หลินม่ายไม่ได้ทุกข์ทรมานเหมือนแต่ก่อน สีหน้าของเธอดีขึ้นมาก

กลับกันครอบครัวของหวังหรงราวกับตกอยู่ในน้ำลึกไฟแผดเผา*

หวังเฉียงถูกจับและเพื่อนของเขาสองคนติดคุก พวกเขาถูกขังอยู่ด้วยกันที่สถานีตำรวจ

พ่อแม่ของเพื่อนทั้งสองคนของเขารู้ว่าลูกชายโง่เง่าของตนถูกจับเพราะหวังเฉียง ใจพวกเขาก็ลุกเป็นไฟ อดรนทนไม่ไหวมาเยือนถึงหน้าประตู

แล้วสั่งให้พ่อของหวังหรงไปหาคน ถ้าหาคนไม่พบจะตามครอบครัวพวกเขาไม่จบไม่สิ้นแน่นอน

เพื่อที่จะสอบถามว่าหลินม่ายอยู่ที่ไหน สมาชิกครอบครัวของหวังหรงทั้งสามคนไม่แม้แต่จะไปทำงาน

พวกเขาลาหยุด หนึ่งคนหนึ่งจักรยานค้นหาทั่วทั้งสามเมืองโดยเน้นปูพรมค้นหาใกล้สถานีรถไฟ

หวังหรงไม่ลืมถามแม่เฒ่าผางที่ให้หลินม่ายเช่าแผงลอยขายเกาลัดถึงที่อยู่ของหลินม่าย โชคไม่ดีที่หล่อนไม่พบอะไรเลย

แม่เฒ่าผางอายุอานามมากแล้ว ทำให้เข้าใจคนอย่างทะลุปรุโปร่ง ไม่ต้องกล่าวถึงว่าแม่เฒ่าไม่รู้รายละเอียดที่อยู่ของหลินม่าย ถึงแม้จะรู้ก็ไม่บอกหวังหรงคนแปลกหน้าคนนี้

หากหวังหรงคนนี้ไม่ประสงค์ดีต่อหลินม่าย หล่อนจะไม่ไปทำร้ายเธอหรือ?

สมาชิกครอบครัวหวังหรงทั้งสามหวาดหวั่นต่อพ่อแม่เพื่อนทั้งสองของหวังเฉียง จึงไปหาหวังเหวินฟางเพื่อหาทางออก

หวังเหวินฟางทั้งร้อนใจทั้งฉุนเฉียวจึงด่าหวังหรงอย่างเกรี้ยวกราด

หากไม่ใช่หล่อนที่ยุยงพี่ชายให้ขับไล่หลินม่ายออกไป จะเกิดปัญหาตามมาทีหลังได้อย่างไร!

หวังหรงก้มหัวต่ำไม่กล้าพูดจา

หวังเหวินฟางเดินวนไปมาในห้องด้วยความคิดยุ่งเหยิงปนเป “ตอนนี้อยู่ระหว่างการลงโทษขั้นรุนแรงแล้ว พวกเธอเพิ่งจะมาหาฉัน ฉันก็ไม่รู้จะช่วยเหลืออย่างไร”

สีหน้าของแม่หวังหรงในตอนนั้นไม่ดีนัก “เหวินฟาง ตระกูลหวังของพวกเรามีคนบางเบาเช่นนี้ รุ่นหรงหรงมีเสี่ยวเฉียงเป็นเด็กผู้ชายเพียงคนเดียว ถ้าเธอไม่ช่วยเขา เสี่ยวเฉียงจบเห่แน่!”

หวังเหวินฟางกล่าวด้วยสีหน้าอึมครึม “เธอพูดมา ว่าต้องการให้ฉันช่วยยังไง?”

………………………………………………………………………………………………………………………….

*สำนวน หมายถึง ตกอยู่ในก้นบึ้งของความทุกข์

สารจากผู้แปล

กรรมตามสนองบ้านป้าหูและนังหรงแล้ว เป็นไงล่ะการหวังเอาชนะม่ายจื่อแบบไม่ดูกำลังตัวเอง

ไหหม่า(海馬)

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *