แม่ปากร้ายยุค​ 80 430 การโต้กลับของกวนหย่งหัว

Now you are reading แม่ปากร้ายยุค​ 80 Chapter 430 การโต้กลับของกวนหย่งหัว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 430 การโต้กลับของกวนหย่งหัว

ขณะกินอาหารเช้าไปได้ครึ่งทาง จู่ ๆ หลินม่ายก็ถามฟางจั๋วหราน “ฉันจำได้ว่าคุณมีเครื่องบันทึกเทปแบบพกพาที่นำเข้าจากเยอรมนี ขอยืมใช้หน่อยได้ไหมคะ?”

ฟางจั๋วเยวี่ยถึงกับผงะเมื่อได้ยินแบบนั้น และเร่งจัดการกับอาหารเช้าตรงหน้า

ฟางจั๋วหรานไม่พอใจเล็กน้อย “ขอยืม? ทำไมไม่ขอขาดแบบไม่ต้องคืนไปเลยล่ะ? คู่หมั้นที่ไหนเขามัวเกรงใจคู่หมั้นตัวเองแบบคุณกัน?”

หลินม่ายพูดด้วยความเก้อเขิน “เรายังไม่อยู่ในสถานะนั้นซะหน่อยค่ะ”

คุณปู่ฟางพูดยิ้ม ๆ “อีกไม่นานก็เป็นแล้ว จั๋วหรานพูดถูก ไม่ต้องขอยืมเขาหรอก ในเมื่ออยากได้ก็เอาไปเลย”

ฟางจั๋วเยวี่ยคีบขนมจีบสองชิ้นเข้าปากคำโต ตามด้วยเสี่ยวหลงเปาอีกสองสามชิ้น จากนั้นก็ลุกขึ้นยืน หันไปขอตัวกับคุณปู่ฟางและคุณย่าฟาง จากนั้นก็ตั้งท่าจะเผ่นแน่บ รีบเดินเลี่ยงออกไปอย่างรวดเร็ว

แต่ไม่ว่าจะรีบแค่ไหน ฟางจั๋วหรานก็หยุดเขาเอาไว้เสียก่อน “ไปเอาเครื่องบันทึกเทปเยอรมันอันนั้นมาให้พี่สะใภ้นายหน่อย จากนั้นค่อยไปทำงาน”

นับตั้งแต่ฟางจั๋วหรานมอบเครื่องบันทึกเทปขนาดพกพาที่นำเข้าจากเยอรมนีให้ฟางจั๋วเยวี่ย เพื่อใช้เป็นเครื่องมือสำหรับเก็บหลักฐานในการจัดการกับนางหวังและครอบครัวของหวังหรง ที่พยายามจะรวบหัวรวบหางเขาในคราวล่าสุด

ฟางจั๋วเยวี่ยก็ไม่เคยคืนเครื่องบันทึกเสียงนั้นให้เขาอีกเลย

พอหลินม่ายขอยืมเครื่องบันทึกเสียงแบบพกพาจากฟางจั๋วหราน ฟางจั๋วเยวี่ยก็รู้สึกหวงของขึ้นมา จึงพยายามหลบหน้าจากพวกเขา แต่ทำไม่สำเร็จ

ฟางจั๋วเยวี่ยชอบเครื่องบันทึกเทปขนาดพกพาของเยอรมนีอันนั้นมาก

ไม่ใช่แค่มันมีคุณภาพสูง แต่เป็นเพราะภายในประเทศจีนหรืออย่างแคบที่สุดก็ในเจียงเฉิง เขาไม่สามารถซื้อเครื่องบันทึกเทปขนาดพกพาแบบเดียวกันนี้ได้จากที่ไหนเลย ซื้อได้เต็มที่ก็เพียงลำโพงซันโยเท่านั้น

เครื่องบันทึกเทปของเยอรมนีนี้ทำให้เขาสามารถเอามันไปอวดเพื่อน ๆ ได้ ทั้งยังมีอีกหลายเหตุผลที่ทำให้เขาไม่เต็มใจจะส่งมอบมันให้กับอีกฝ่าย

เขาพูดกับหลินม่ายด้วยน้ำเสียงละเหี่ยใจ “พี่สะใภ้ เครื่องบันทึกเทปอันนั้นจะไปมีประโยชน์อะไรกัน ทิ้งไว้ให้ผมใช้ดีกว่า”

หลินม่ายพูดอย่างจริงจัง “มีประโยชน์สิ ฉันจะได้เอามันไว้ใช้ฟังเพลงไง”

สีหน้าของฟางจั๋วหรานเปลี่ยนเป็นเย็นชา “ฉันบอกให้นายทำอะไรก็ทำไปเถอะ มัวพูดมากไร้สาระไปทำไมกัน!”

ความกลัวที่มีต่อพี่ชายแบบเข้าเส้นเลือดทำให้ฟางจั๋วเยวี่ยไม่กล้าปฏิเสธอีก

เขาวิ่งกลับขึ้นไปชั้นบนอย่างจำใจ เอาเครื่องบันทึกเทปลงมาส่งให้หลินม่าย จากนั้นก็ไปทำงานด้วยอารมณ์หดหู่

หลังอาหารเช้ายังเหลือเวลาอีกพอสมควร หลินม่ายกับคุณปู่ฟางและภรรยาของเขาจึงออกไปส่งโต้วโต้วที่โรงเรียนอนุบาลด้วยกัน

บังเอิญเจอกับเถาจืออวิ๋นที่หน้าประตูโรงเรียนอนุบาลพอดี

เถาจืออวิ๋นระเบิดเสียงหัวเราะทันทีเมื่อเห็นเธอ “ม่ายจื่อ เมื่อวานนี้เสื้อผ้า Unique ของเราขายดีเป็นประวัติการณ์เลยล่ะ รองผู้จัดการโรงงานยังบอกด้วยว่ายอดขายทั้งหมดของเมื่อวานนี้น่าจะทำลายสถิติยอดขายสูงสุดของครั้งที่แล้ว!”

หลินม่ายประหลาดใจ “พนักงานส่งเสริมการขายช่วยได้มากขนาดนี้เลยเหรอ?”

เถาจืออวิ๋นส่ายหน้า “ไม่ใช่แค่บทบาทของพนักงานส่งเสริมการขายแค่อย่างเดียว ฉันได้ยินพนักงานขายของเราบอกว่าลูกค้าส่วนใหญ่ต่างมาอุดหนุนสินค้าของเราเพราะอยากสนับสนุนธุรกิจที่ดำเนินการโดยเอกชนในพื้นที่”

หลินม่ายเข้าใจอย่างรวดเร็ว

หลังจากบทความของหนิวลี่ลี่ที่สัมภาษณ์เธอถูกเผยแพร่ลงหนังสือพิมพ์เมื่อวานนี้ มันก็ยิ่งกระตุ้นความไม่พอใจของประชาชนทั่วไปต่อการปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรมต่อร้าน Unique ทำให้พวกเขาหันมาให้การสนับสนุนร้าน Unique อย่างเต็มที่

ดูเหมือนว่าสื่อจะมีบทบาทต่อสังคมมากทีเดียว!

เธออดรู้สึกตื่นเต้นไม่ได้ หลังจากส่งเด็ก ๆ ให้อยู่ในความดูแลของคุณครูเรียบร้อยแล้ว เธอกับเถาจืออวิ๋นก็บอกลาสองสามีภรรยาชรา แล้วเดินไปที่โรงงานตัดเสื้อด้วยกัน

พอเห็นยอดขายที่ถล่มทลายของเมื่อวานแล้วก็ชื่นใจมาก

ตัวเลขไม่เพียงทำลายสถิติสูงสุดของยอดขายที่ผ่านมา แต่ยังมากกว่าสถิติสูงสุดเดิมถึงสองเท่า!

เธอทำการกักตุนผ้าจำนวนมากไว้ตั้งแต่สมัยที่ผ้ายังมีราคาต่ำ เทียบกับแบรนด์เสื้อผ้าของผู้ผลิตรายอื่นแล้ว สินค้าของเธอนับว่ามีต้นทุนต่ำมาก แต่กลับทำกำไรได้อย่างมหาศาล

เฉพาะกำไรสุทธิที่ได้จากยอดขายของเมื่อวานแค่อย่างเดียวก็เกินความคาดหมายไปตั้งไม่รู้เท่าไร

หลินม่ายกำชับเหรินเป่าจูกับโฮ่วซินอี้ ให้คนหนึ่งคอยเฝ้าจับตายอดขาย ส่วนอีกคนให้คอยควบคุมการผลิตให้ดี จากนั้นก็รีบไปที่สำนักหนังสือพิมพ์ฉู่เป้า

หนิวลี่ลี่เพิ่งจะกินเสี่ยวหลงเปาที่ตัวเองซื้อมาจากร้านเปาห่าวซือเสร็จหมาด ๆ จากนั้นก็เช็ดปากด้วยความเอร็ดอร่อย

ระหว่างนั้นก็คิดในใจว่า เสี่ยวหลงเปาของร้านเปาห่าวซือนี่อร่อยมากจริง ๆ วันหลังต้องซื้อมาหลาย ๆ เข่งเสียแล้ว ไม่อย่างนั้นคงไม่หนำใจ

ทันใดนั้น เสียงโทรศัพท์บนโต๊ะก็ดังขึ้น

หล่อนยกหูขึ้นเพื่อรับสาย

ยามเฝ้าประตูโทรมาแจ้งว่าคุณผู้หญิงที่ชื่อหลินม่ายต้องการพบหล่อน โดยไม่ลืมถามว่าหล่อนอนุญาตให้อีกฝ่ายเข้าพบไหม

หนิวลี่ลี่ตอบกลับทางโทรศัพท์ “ให้เข้ามาเลย”

ประมาณสิบนาทีต่อมา หลินม่ายก็เดินขึ้นมาถึงห้องทำงานของหล่อน

หนิวลี่ลี่เชิญให้เธอนั่งลง ก่อนจะพูดด้วยเสียงกระซิบ “คุณบอกว่าจะมาหาฉันตอนบ่ายไม่ใช่เหรอคะ ทำไมถึงได้มาเร็วนักล่ะ”

“ตอนนี้ฉันว่างพอดีน่ะค่ะ” หลินม่ายตอบกลับด้วยรอยยิ้ม

เหตุผลที่เธอรีบบึ่งมาที่นี่ใช่เป็นเพราะว่างงานเพียงอย่างเดียว

แต่เป็นเพราะเธอต้องการตีเหล็กในขณะที่ยังร้อน อาศัยช่วงที่กวนหย่งหัวยังไม่ทันตั้งตัว โจมตีเขาด้วยมาตรการรุนแรง

ขณะเดียวกัน กวนหย่งหัวก็นั่งอยู่ในออฟฟิศแสนหรูหราของเขา หลังจากเมื่อวานนี้ได้ข้อมูลมาว่าหลินม่ายกักตุนผ้าราคาถูกเอาไว้ใช้ในการผลิตเป็นจำนวนมาก เขาก็เหล่มองไปที่บทความซึ่งหนิวลี่ลี่เป็นคนสัมภาษณ์ตัวเอง แล้วแสยะยิ้มอย่างมีชัย

เขาอดเม้มปากพลางแสดงความเย้ยหยันในใจไม่ได้ อยากหงายการ์ดขอความเห็นใจ ทำให้ผู้บริโภครู้สึกว่าแบรนด์ซีม่านกำลังรังแกแบรนด์ Unique อย่างนั้นหรือ?

หึๆ!

ถ้าผู้บริโภครู้ว่าเสื้อผ้าแบรนด์ Unique มีการลอกเลียนแบบสไตล์ของเสื้อผ้าแบรนด์ซีม่าน ไม่รู้ว่าคนพวกนั้นจะยังสนับสนุนร้าน Unique เหมือนคนโง่แบบเมื่อวานอีกไหม

พอนึกถึงเมื่อวาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงบ่ายของเมื่อวานนี้ ยอดขายของแบรนด์ซีม่านตกต่ำมาก หนำซ้ำยังถูกลูกค้าหน้าโง่พวกนั้นด่าสาดเสียเทเสีย ยิ่งคิดก็ยิ่งโกรธจนเลือดขึ้นหน้า

แต่วันนี้เขากลับรู้สึกกระหยิ่มยิ้มย่องด้วยความภูมิใจ

เขาเรียกหาผู้จัดการฝ่ายขายมาถามว่า “จัดเตรียมพนักงานส่งเสริมการขายไว้หรือยัง?”

ผู้จัดการฝ่ายขายพยักหน้า “เตรียมการทุกอย่างไว้พร้อมแล้วค่ะ ตามคำขอของคุณ พวกหล่อนทุกคนหน้าตาสวยหุ่นดี ใส่เสื้อแขนกุดกระโปรงสั้น เย้ายวนใจท่านชายมาก ๆ”

กวนหย่งหัวพยักหน้า “ให้พนักงานพวกนั้นยืนขนาบข้างพนักงานของร้าน Unique ไว้เลย ตราบใดที่ลูกค้าสนใจจะไปกับพนักงานส่งเสริมการขายของร้าน Unique ให้คนของเราบอกลูกค้าว่าเสื้อผ้าของร้านนั้นลอกเลียนแบบมาจากเสื้อผ้าของร้านซีม่าน แล้วพูดจูงใจไปว่า ตอนนี้ร้านซีม่านแจกผ้าพันคอสี่เหลี่ยมแบรนด์นำเข้าจากฮ่องกงฟรี”

พอเห็นแผ่นหลังของผู้จัดการฝ่ายขายเดินห่างออกไป รอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความหมายมาดก็กระจายไปทั่วใบหน้า

ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ เขาเองก็จะโจมตีธุรกิจของคู่แข่งอย่างหนักเหมือนกัน!

………………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

มาดูกันค่ะว่าใครจะเป็นผู้ชนะในแคมเปญนี้ เจอมวยถูกคู่แล้ว

ไหหม่า(海馬)

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *