แม่ปากร้ายยุค​ 80 204 สองครอบครัวต่อสู้กัน

Now you are reading แม่ปากร้ายยุค​ 80 Chapter 204 สองครอบครัวต่อสู้กัน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 204 สองครอบครัวต่อสู้กัน

โจวฉายอวิ๋นตกใจเมื่อได้ยินเช่นนั้น ตบหน้าอกและพูดอย่างมีความสุข “โชคดีที่พี่เฟิงออกมาช่วยเธอ ไม่เช่นนั้นเงินทั้งหมดจะถูกคนอื่นขโมยไปแล้ว”

หล่อนตบบ่าหลินม่ายเบาๆ “พี่เฟิงมีความเมตตาต่อเธอมาก ทำไมเธอไม่ลงไปชั้นล่างเพื่อสร้างความบันเทิงให้เขาล่ะ มาแอบฟักไข่อยู่ชั้นบนทำไม!”

หลินม่ายกลอกตา “เธอนี่มีตาหามีแววไม่จริงๆ ไม่เห็นผู้หญิงสวยคนหนึ่งนั่งอยู่ข้างๆ พี่เฟิงเหรอ? อีกอย่างสาวสวยคนนั้นมองฉันอย่างไม่ถูกชะตาด้วย ฉันเลยขึ้นมาชั้นบนนี่ไง ไม่ใช่เพราะหลีกเลี่ยงความเกลียดชังให้ตัวเองอยู่เหรอ”

โจวฉายอวิ๋นอึ้งงันไปครู่หนึ่ง “แล้วเราควรทำยังไงดี? พี่เฟิงใจดีกับเธอ ดังนั้นมันจะดูไม่ดีถ้าเธอไม่แสดงน้ำใจกับเขาสักหน่อยนะ”

หลินม่ายกล่าวว่า “ให้หมิงเฉิงดูแลพี่เฟิงซะสิ ถ้าพี่เฟิงไม่ถามเกี่ยวกับฉัน ก็ไม่ต้องพูดถึงฉัน ถ้าถามถึงฉัน ก็แค่บอกว่าฉันติดเรียนหนังสือเตรียมสอบเข้ามัธยมปลายอยู่”

โจวฉายอวิ๋นฮัมเพลงและลงไปชั้นล่าง

โชคดีที่เฉินเฟิงไม่ได้ถามเกี่ยวกับหลินม่าย และไม่ต้องการให้หลี่หมิงเฉิงคอยต้อนรับเขา พร้อมกับแสดงท่าทางเป็นกันเองไม่ถือตัว

หลังจากกินอาหารที่ร้านเสร็จ เฉินเฟิงก็เหลือบมองไปที่บันได แต่จากไปโดยไม่พูดอะไร เขาออกไปพร้อมกับเหลียนเฉียวและคนอื่นๆ

ตอนกลางคืน หลินม่ายที่นอนบนเตียงฟังเสียงฟ้าร้องอยู่ไกลๆ ก็คิดในใจว่าฝนจะตกหรือไม่?

ฝนฤดูร้อนในเจียงเฉิงไม่มีที่สิ้นสุด ถ้าฝนตกจริงๆ ก็ไม่รู้จะตกกี่วัน คงไม่ได้ไปตั้งร้านแน่ๆ

ในช่วงเช้าตรู่ ฝนก็ตกลงมาห่าใหญ่

เสียงฝนโปรยปรายช่วยให้ผู้คนนอนหลับ และหลินม่ายก็หลับไปท่ามกลางเสียงฝน

เมื่อตื่นขึ้นในตอนเช้า ฝนห่าใหญ่ยังคงโปรยปราย จนบรรยากาศทั่วไปแลดูขมุกขมัว

ฝนตกหนักมากจนจำนวนลูกค้าที่มากินอาหารเช้าลดลงหนึ่งในสาม

ธุรกิจของร้านอาหารเฟื่องฟูมาโดยตลอด แต่ถึงกระนั้นบ้านของป้าหูก็แทบจะไม่มีการค้าขายเลย

เมื่อฟางจั๋วหรานมากินอาหารเช้าในตอนเช้า เนื้อตัวของเขาก็ถูกฝนสาดจนเปียกโชก

หลินม่ายหยิบผ้าขนหนูมาเช็ดตัวให้เขา เมื่อโต้วโต้วเห็น หล่อนก็เอาผ้าขนหนูผืนเล็กมาเช็ดให้เขาด้วย

ฟางจั๋วหรานเผยรอยยิ้มบางๆ ไม่ค่อยยิ้มกว้างนัก

เด็กน้อยเอียงศีรษะและถามว่า “คุณอาศาสตราจารย์ ทำไมถึงมีความสุขจังคะ?”

ฟางจั๋วหรานกอดหล่อน “เพราะว่าอามีหนูกับคุณแม่น่ะสิ อาเลยมีความสุข!”

หลังจากฟางจั๋วหรานเช็ดตัวเสร็จ ทั้งสามคนก็กินอาหารเช้าด้วยกัน

หลินม่ายไม่ค่อยอ่านหนังสือพิมพ์มากนัก แต่ชอบฟังวิทยุ

ข้อมูลเกือบทั้งหมดของเธอมาจากวิทยุ

เช้านี้ก็ไม่เว้น ขณะกินอาหารเช้า เธอก็เปิดวิทยุเพื่อฟังรายการ

มีการออกอากาศรายการพยากรณ์อากาศทางวิทยุ โดยบอกว่าครั้งนี้ฝนจะตกหนักเป็นเวลานานกว่าครึ่งเดือน

ฝนตกหนักเช่นนี้ทำให้ไม่สามารถตั้งแผงขายของได้ ดังนั้นหลินม่ายจึงวางแผนที่จะพาโต้วโต้วไปที่ชนบทเพื่อไปเยี่ยมคุณปู่ฟางและคุณย่าฟาง

ถือโอกาสไปแอบสืบว่าหลินเพ่ยไปเรียนที่โรงเรียนมัธยมอวิ๋นเจิ้นได้อย่างไร

แต่เธอบอกเพียงฟางจั๋วหรานว่าเธอต้องการพาโต้วโต้วไปที่ชนบทเพื่อเยี่ยมคุณปู่ฟางและคุณย่าฟาง และไม่ได้พูดถึงสิ่งอื่นใด

หลังอาหารเช้า หลินม่ายไปที่ห้างสรรพสินค้าเจียงเฉิงฝั่งตรงข้ามเพื่อซื้อของขวัญ จากนั้นขับรถแทรกเตอร์กลับไปที่เมืองซื่อเหมยกับโต้วโต้ว

คุณปู่ฟางและคุณย่าฟางนั่งอยู่ในห้องโถง จ้องมองสายฝนข้างนอกด้วยสีหน้าว่างเปล่า

เมื่อเห็นหลินม่ายขับรถแทรกเตอร์มาพร้อมกับโต้วโต้ว ทุกคนก็มีความสุขมาก

คุณปู่ฟางอุ้มโต้วโต้วเข้าไปในบ้านภายใต้ร่มสีดำขนาดใหญ่

ส่วนคุณย่าฟางรีบเข้ามาถามไถ่ว่าเป็นอย่างไรบ้าง

หลินม่ายเดินเข้ามาพร้อมถุงเล็กถุงใหญ่ และพูดด้วยรอยยิ้ม “ดีขึ้นมากแล้วค่ะ ตราบใดที่หล่อนไม่หักโหมวิ่งหรือกระโดดเหมือนเด็กทั่วไป คุณปู่คุณย่าก็ไม่ต้องกังวล”

ผู้เฒ่าทั้งสองพูดซ้ำแล้วซ้ำอีก “ดีแล้ว ดีแล้ว”

ในวันที่หลินม่ายกับลูกสาวกลับมาที่เมืองซื่อเหม่ย ฟางถิงก็ได้รับการปล่อยตัวออกมา

ครอบครัวทั้งสามคนกอดคอและร้องไห้เสียงดังนอกสถานกักกัน จากนั้นขึ้นรถไฟกลับไปที่เจียงเฉิง

พวกเขาไม่คิดถึงความเหน็ดเหนื่อย และไม่คิดถึงฝนที่ตกลงมาห่าใหญ่ มุ่งหน้าไปที่บ้านของหวังหรงด้วยความโกรธ

หยางรั่วหลานทุบประตูบ้านของหวังหรงอย่างแรงโดยไม่เกรงใจพร้อมร้องตะโกน “หวังหรง! เปิดประตู!”

บ้านตรงข้ามของหวังหรงทนเสียงดังไม่ไหว นายหญิงเจ้าของบ้านถึงกับขมวดคิ้วและเปิดประตูบ้านออกมามอง

ขณะที่หล่อนกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง เช่น อย่าส่งเสียงดังมากเกินไป หัดรักษามารยาทในที่สาธารณะเสียบ้าง แต่เมื่อเห็นว่าเป็นครอบครัวของฟางเว่ยตั่ง หล่อนจึงรีบเปลี่ยนสีหน้าและทักทายด้วยรอยยิ้ม “ผู้อำนวยการฟาง ผู้อำนวยการหยาง มาหาญาติหรือคะ?”

ฟางเว่ยตั่งและภรรยาทำงานในโรงงานยาสูบ

ฟางเว่ยตั่งเป็นผู้อำนวยการสำนักงานทั่วไปของสำนักงานและอยู่ในกลุ่มผู้ปฏิบัติงานระดับกลาง

หยางรั่วหลานเป็นผู้อำนวยการสำนักงานระดับรากหญ้าและอยู่ในกลุ่มของผู้ปฏิบัติงานระดับรากหญ้า

ไม่ว่าจะเป็นระดับกลางหรือระดับต้น แต่ตำแหน่งคือ ผู้อำนวยการ

นั่นเป็นเหตุผลที่เพื่อนบ้านของหวังหรงเรียกทั้งสองว่าผู้อำนวยการและไม่กล้าหาเรื่องพวกเขา

ในฐานะผู้อำนวยการสำนักงานของรัฐวิสาหกิจผูกขาดขนาดใหญ่ หยางรั่วหลานมีความสง่างามและสุขุม

แต่ในเวลานี้หล่อนกลับไม่มีอะไรเหลือ ไม่ต่างจากแม่ค้าปากตลาดคนหนึ่งที่พูดอย่างโกรธเกรี้ยวกับเพื่อนบ้านหญิงของครอบครัวหวังหรง “ญาติชาติชั่วน่ะสิ! หวังหรงเป็นญาติฝ่ายไหนกับครอบครัวเรากัน! ฉันมาที่นี่ก็เพื่อถามหวังหรงคนชั่ว ว่าทำไมถึงได้ลอบทำร้ายถิงถิงของเรา!”

นี่คือข่าวที่น่าตกใจ

เพื่อนบ้านกำลังจะนินทาว่าเกิดอะไรขึ้น ประตูบ้านของหวังหรงก็เปิดออก

แม่ของหวังหรงปรากฏตัวต่อหน้าทุกคน

หล่อนเผยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์บนใบหน้า ก่อนยิ้มทักทายอย่างอบอุ่น “แขกคนสำคัญ แขกคนสำคัญ เชิญ..”

ก่อนที่หล่อนจะเอ่ย “เชิญ” หยางรั่วหลานก็ผลักหล่อนออกไป และเข้าไปในบ้านด้วยความโกรธ โดยมีฟางเว่ยตั่งกับลูกสาวตามมาติดๆ

เมื่อเห็นว่าเพื่อนบ้านตรงข้ามกำลังมองมาที่บ้านของหล่อนอย่างสงสัย แม่หวังหรงจึงรีบปิดประตู จนเพื่อนบ้านหันหลังกลับและเข้าไปในบ้านของตนอย่างเสียดาย

หยางรั่วหลานเดินไปที่ห้องนั่งเล่นในไม่กี่ก้าว

หวังหรงลุกขึ้นยืนจากโต๊ะอาหาร ตะโกนเรียก “คุณน้าหยาง” ด้วยความตื่นตระหนก ก่อนที่หยางรั่วหลานจะตบหน้าหล่อนอย่างแรง

หยางรั่วหลานชี้หน้าหล่อนและถามด้วยความโกรธ: “แกลอบทำร้ายถิงถิงทำไม? ทำไม!”

พ่อแม่ของหวังหรงยืนอยู่ต่อหน้าลูกสาวและขอร้องว่า “ถ้าคุณมีอะไรจะพูดก็พูดออกมาเถอะ อย่าลงไม้ลงมือกันเลย!”

ฟางเว่ยตั่งพูดอย่างโหดเหี้ยม “หรงหรงของพวกคุณทำร้ายถิงถิงของพวกเราแบบนี้ ที่ตบหล่อนถือว่าเบาแล้ว!”

พ่อแม่ของหวังหรงพูดอย่างเคร่งขรึม “หรงหรงของพวกเราเป็นเด็กดี กับถิงถิงก็เป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน หล่อนจะทำร้ายลูกคุณได้ยังไง พวกคุณอย่าพูดไร้สาระนะ!”

ทั้งฟางเว่ยตั่งและภรรยาของเขาหัวเราะด้วยความโกรธ “ถ้าหรงหรงของพวกคุณเป็นคนดี โลกนี้คงไม่มีคนเลวแล้ว”

หวังหรงกุมแก้มซีกหนึ่งไว้และพูดอย่างเสียใจ “ฉันไม่เคยทำร้ายถิงถิง คุณน้าหยางคุณอย่าไปเชื่อคนที่ใส่ความฉันนะคะ~”

หวังหรงมีความมั่นใจในตัวเอง

หล่อนชักจูงอันธพาลที่ฟางถิงจ้างให้เขาเปลี่ยนคำให้การต่อศาล เรื่องนี้ทำอย่างลับๆ และครอบครัวของฟางถิงก็ไม่รู้เรื่องนี้

ต่อให้ตายหล่อนก็จะไม่มีวันยอมรับว่าแว้งกัดฟางถิง ครอบครัวของฟางถิงจะทำอะไรหล่อนได้?

เมื่อเห็นว่าหวังหรงไม่ยอมรับ ฟางถิงก็โกรธมากจนเสียสติ

หล่อนกระโจนใส่อีกฝ่ายและทุบตี “ถึงตอนนี้เธอก็ยังปัดความรับผิดชอบให้หลินม่าย! แต่อันธพาลคนนั้นสารภาพแล้ว และเธอก็วิ่งไปที่ห้องพักผู้ป่วยของเขาเพื่อเกลี้ยกล่อมให้เขาเปลี่ยนคำสารภาพ เพราะคำสารภาพนั่นแท้ๆ ที่ทำให้ฉันเกือบติดคุก กล้าดียังไงมาแสร้งทำเป็นไร้เดียงสา! “

หยางรั่วหลานโมโหต่อทัศนคติของหวังหรงจนหัวแทบจะระเบิด และลงมือทุบตีหล่อนพร้อมกับลูกสาว “แกมันเสแสร้ง จนป่านนี้แล้วยังไม่ยอมรับ ฉันจะฆ่าแกให้ตายเลยนังคนชั่ว!”

พ่อแม่หวังหรงต้องการหยุดพวกเขา แต่ฟางเว่ยตั่งไม่ยอม และในที่สุดทั้งสองครอบครัวก็ทะเลาะกัน

ความแข็งแกร่งในการต่อสู้ของชายทั้งสองนั้นเท่ากัน ยากที่จะแยกออกจากกัน

อย่างไรก็ตามประสิทธิภาพการต่อสู้ของคู่แม่ลูกหวังหรงสูงกว่าคู่ของหยางรั่วหลาน และครอบครัวของฟางเว่ยตั่งก็พ่ายแพ้ในที่สุด

……………………………………………………………………………………………………………..

สารจากผู้แปล

โธ่ น่าจะสู้ชนะสักหน่อย หมั่นไส้นังหรงมานานแล้ว สตอทั้งไร่จนน่าหมั่นไส้

ไหหม่า(海馬)

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *