แม่ปากร้ายยุค​ 80 636 ความอาวรณ์ของครูใหญ่

Now you are reading แม่ปากร้ายยุค​ 80 Chapter 636 ความอาวรณ์ของครูใหญ่ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่​ 636 ความ​อาวรณ์​ของ​ครูใหญ่​

หลิน​ม่าย​มีความสุข​มาก​จน​อยาก​จะมอง​ขึ้นไป​บน​ท้องฟ้า​และ​หัวเราะ​

แต่​เพื่อนร่วมชั้น​มากมาย​โดยรอบ​ต่าง​กำลัง​สลดใจ​ หาก​ทำ​แบบ​นั้น​เธอ​จะโดน​รุม​ประชาทัณฑ์​ไหม​?

หลิน​ม่าย​ไป​ยัง​ห้องเรียน​และ​ครูใหญ่​ก็​มาถึงแล้ว​ เมื่อ​เห็น​เธอ​ เขา​ก็​หัวเราะ​จน​กราม​แทบ​หลุด​และ​ชื่นชม​เธอ​ที่​ทำ​ข้อสอบ​ได้ดี​

หลิน​ม่าย​ยิ้ม​อย่าง​นอบน้อม​ “ไม่ขนาด​นั้น​หรอก​ค่ะ​”

หลังจากที่​นักเรียน​มาถึง ครูประจำชั้น​ก็​ชมเชย​หลิน​ม่าย​เป็น​อย่าง​แรก​ จากนั้น​จึงเริ่ม​แจก​ใบรายงาน​ผล​คะแนน​

นักเรียน​บางคน​กระโดดโลดเต้น​ด้วย​ความดีใจ​เมื่อ​ได้​ใบรายงาน​

นักเรียน​บางคน​เศร้าใจ​ถึงกับ​ร้องไห้​

เมื่อ​การประชุม​สิ้นสุดลง​ อาจารย์ใหญ่​ได้​กำชับ​นักเรียน​ที่​สอบ​ได้ดี​ให้​ตรวจสอบ​การ​รับสมัคร​

เพื่อ​จะได้​ไม่พลาด​การ​รับสมัคร​และ​ทำให้​ตัวเอง​ลำบาก​เมื่อ​ลงทะเบียน​ใน​เดือน​กันยายน​

หรือ​อาจ​มีคนอื่น​แอบอ้าง​ทำการ​สมัคร​แล้วไป​สอบ​เข้า​มหาวิทยาลัย​แทน​

การ​ไป​เรียน​แทน​เป็นเรื่อง​ที่​พบ​ได้​บ่อย​มาก​ใน​ยุค​นี้​

ส่วนใหญ่​เป็น​เพราะ​ข้อมูล​ยัง​ด้อยพัฒนา​ ผู้​ที่​ถูก​ปลอมแปลง​มัก​ไม่รู้​ว่า​ตน​ถูก​ปลอมแปลง​ข้อมูล​ และ​โดย​พื้นฐาน​แล้ว​ทาง​มหาวิทยาลัย​จะรับ​เข้า​ศึกษา​ตาม​ข้อมูล​ใน​ใบประกาศ​รับสมัคร​เท่านั้น​

ตราบเท่าที่​ข้อมูล​ของ​นักเรียน​สอดคล้อง​กับ​ประกาศ​รับสมัคร​ ทาง​มหาวิทยาลัย​ก็​จะยอมรับ​

สิ่งนี้​นำไปสู่​การ​ปลอมแปลง​ข้อมูล​ได้​ง่าย​

นอกจากนี้​แม้ว่า​จะถูก​จับได้​ แต่​การ​ลงโทษ​ก็​น้อย​มาก​ หรือ​อาจ​ไม่ได้​รับโทษ​เลย​ ดังนั้น​ผู้คน​จำนวนมาก​จึงกระทำ​เช่นนี้​

นั่น​เป็น​เหตุผล​ที่​ครูใหญ่​เน้นย้ำ​เรื่อง​นี้​กับ​พวกเขา​

นักเรียน​อำลา​ครูใหญ่​อย่าง​ไม่เต็มใจ​

แม้ว่า​ครูใหญ่​จะส่งนักเรียน​ออก​ไป​ทุก​ชั้นปี​ แต่​เขา​ก็​ไม่ชิน​กับ​มัน​

ทุกครั้งที่​นักเรียน​ถูก​ส่งออก​ไป​ เขา​อด​ไม่ได้​ที่จะ​น้ำตา​คลอ​ และ​ใน​ปี​นี้​ก็​ไม่มีข้อยกเว้น​

ครูใหญ่​ไม่ต้อง​การร้องไห้​ต่อหน้า​นักเรียน​ เพราะ​หาก​เป็น​เช่นนั้น​ก็​คง​น่าอาย​จน​เกินไป​

ดังนั้น​เขา​จึงหันหลัง​ ถอด​แว่น​ แล้ว​แอบ​เช็ด​น้ำตา​

เมื่อ​หันกลับ​ไป​มอง​นักเรียน​อี​กรอบ​ ห้องเรียน​ก็​พลัน​ว่างเปล่า​ ไม่เหลือ​นักเรียน​สัก​คนเดียว​…

ในเวลานี้​หลิน​ม่าย​และ​เพื่อนร่วมชั้น​มาถึงสนามเด็กเล่น​ และ​ร้องเพลง​ ‘เพื่อน​จ๋าเรา​มาพบกัน​’ อย่าง​สุนทรี​ขณะ​กำลัง​เดิน​

หลิน​ม่าย​รู้สึก​ตลก​อยู่​ใน​ใจ เธอ​เป็น​มนุษย์​มาสอง​ชั่วอายุคน​ และ​อายุ​จิตใจ​ของ​เธอ​ก็​ไม่เด็ก​แล้ว​ ทว่า​เธอ​กลับ​ดูเหมือน​เด็กสาว​อายุ​สิบ​เก้า​ปี​ใน​โรงเรียนมัธยม​ที่​กำลัง​ร้องเพลง​ประสานเสียง​กับ​เพื่อนร่วมชั้น​

ทันทีที่​คน​กลุ่ม​หนึ่ง​เดิน​ออกจาก​โรงเรียน​ นักข่าว​หลาย​คน​รุมล้อม​หลิน​ม่าย​ และ​สัมภาษณ์เธอ​เกี่ยวกับ​ผล​คะแนน​สอบ​ภาษาอังกฤษ​

นักเรียน​คน​หนึ่ง​รีบ​ตอบ​ “119 คะแนน​ ขาด​คะแนน​ไป​อีก​แค่​ 1 คะแนน​ก็ได้​คะแนนเต็ม​แล้ว​ค่ะ​”

นักข่าว​ทุกคน​ประหลาดใจ​

ภาษาอังกฤษ​เป็น​วิชา​ใหม่​ใน​หลาย​โรงเรียน​ แม้แต่​ความสามารถ​ทาง​ภาษาอังกฤษ​ของ​ครู​สอน​ภาษาอังกฤษ​ยัง​ไม่ดี​นัก​

การ​สอบผ่าน​ก็​ถือ​เป็นเรื่อง​ที่​น่า​ตะลึงงัน​แล้ว​ ทว่า​หลิน​ม่าย​กลับ​ได้​คะแนน​สูงถึง 119 คะแนน​

เรียก​ได้​ว่า​เป็น​คะแนน​ที่​สูงลิ่ว​

สาเหตุ​ที่​นักข่าว​เหล่านี้​มาสัมภาษณ์คะแนน​ภาษาอังกฤษ​ของ​หลิน​ม่าย​ เพราะ​หลิน​ม่าย​อ้างว่า​เธอ​เป็น​ผู้เชี่ยวชาญ​ด้าน​ภาษาอังกฤษ​

นักข่าว​ต่าง​พา​กัน​หาว่า​หลิน​ม่าย​พูดเล่น​ แต่​ไม่มีใคร​รู้​เลย​ว่า​ทุกอย่าง​ที่​เธอ​พูด​คือ​ความจริง​

หลังจาก​ให้​สัมภาษณ์นักข่าว​ หลิน​ม่าย​ที่​รู้สึก​ตื่นเต้น​ก็​เดิน​ไป​ยัง​โรงพยาบาล​ผู่​จี้โดย​ต้องการ​บอก​ข่าวดี​ให้​ฟางจั๋ว​หรา​นท​ราบ​โดยเร็ว​ที่สุด​

เธอ​มาที่นี่​ด้วย​ความ​ลิงโลด​ แต่กลับ​ผิดหวัง​

ฟางจั๋ว​หรา​น​กำลัง​อยู่​ใน​ระหว่าง​การ​ผ่าตัด​ครั้ง​ใหญ่​ ทำให้​เธอ​ไม่อาจ​เข้าพบ​เขา​ได้​

หลิน​ม่าย​กลับบ้าน​ด้วย​ความขุ่นเคือง​

คุณปู่​ฟาง คุณย่า​ฟาง และ​โต้​ว​โต้​วอ​ยู่​ที่​บ้าน​เพื่อ​รอ​ฟังผลสอบ​เข้า​มหาวิทยาลัย​ของ​หลิน​ม่าย​

ทันทีที่​เธอ​กลับมา​ ทุกคน​แทบ​รอ​ไม่ไหว​ที่จะ​ถามคะแนน​สอบ​เข้า​มหาวิทยาลัย​ของ​เธอ​

หลิน​ม่าย​รู้สึก​มีความสุข​อีกครั้ง​และ​แสดง​ใบรายงาน​การ​สอบ​เข้า​วิทยาลัย​ให้​พวกเขา​ดู​

คุณปู่​ฟางและ​คุณย่า​ฟางต่าง​ดีใจ​เมื่อ​ได้​เห็น​ และ​คุณปู่​ฟางก็​ตั้งใจ​จะออก​ไป​ซื้อ​ขนม​เพื่อ​นำ​ไป​แจก​เพื่อนบ้าน​

ข้างนอก​ร้อน​เกินไป​ หลิน​ม่าย​กลัว​ว่า​ปู่​ฟางจะเป็นโรค​ลมแดด​จึงอาสา​ไป​ซื้อ​ลูกอม​แจกจ่าย​เพื่อนบ้าน​ด้วยตัวเอง​

แม้ว่า​ครอบครัว​ของ​พวกเขา​จะอาศัย​อยู่​ที่นี่​มาระยะ​หนึ่ง​แล้ว​ แต่​พวกเขา​ก็​ไม่รู้จัก​ใคร​นอกจาก​เฉินเฟิง​และ​ภรรยา​ของ​เขา​

เนื่องจาก​ที่นี่​เป็น​เขต​ตัวเมือง​ ผู้คน​จึงไม่ค่อย​รู้จัก​กัน​มาก​เท่ากับ​ชุมชน​ใน​ชนบท​

หลิน​ม่าย​มายัง​ประตู​บ้าน​ของ​เพื่อนบ้าน​เพื่อ​แจกจ่าย​ขนม​ เพื่อนบ้าน​ต่าง​พูดคุย​กับ​เธอ​อย่าง​มีความสุข​

เค​อจื่อฉิง​มีความสุข​มากขึ้น​เมื่อ​เธอ​ได้รับ​ขนม​ของ​หลิน​ม่าย​และ​ถามหลิน​ม่าย​ว่า​จะจัด​งานเลี้ยง​ฉลอง​หรือไม่​?

หลิน​ม่าย​คิด​อยู่​ครู่หนึ่ง​และ​กล่าว​ “ต้งรอ​ดู​ว่า​คุณปู่​กับ​คุณย่า​จะว่า​ยังไง​ ให้​พวกเขา​ตัดสินใจ​ดีกว่า​”

เธอ​ไม่สนใจ​ที่จะ​จัด​งานเลี้ยง​ และ​หาก​เธอ​ต้องการ​แบบ​นั้น​ก็​จะไม่มีงานเลี้ยง​เกิดขึ้น​

หลังจาก​คุย​กับ​เค​อจื่อฉิง​สักพัก​ก็​เป็นเวลา​เที่ยงวัน​แล้ว​

เฉินเฟิง​ขี่​มอเตอร์ไซค์​กลับมา​ และ​เมื่อ​เขา​เห็น​หลิน​ม่าย​ก็​ถามเกี่ยวกับ​ผลสอบ​เข้า​มหาวิทยาลัย​ของ​เธอ​

เค​อจื่อฉิง​ชี้ไป​ยัง​ลูกกวาด​บน​โต๊ะ​กาแฟ​แล้ว​กล่าว​ “ม่าย​จื่อ​อยู่​ที่นี่​ ก็​แน่นอน​อยู่แล้ว​ล่ะ​ว่า​หล่อน​มีผล​การ​สอบ​ดีเยี่ยม​!” ​

หลิน​ม่าย​บอก​คะแนน​ที่​แน่นอน​ให้​เฉินเฟิง​ฟังก่อน​จะเดินทาง​กลับ​

เธอ​พบ​ฟางจั๋ว​หรา​น​ที่​ประตู​ลานบ้าน​ จึงถามด้วย​ความประหลาดใจ​ว่า​ “คุณ​กลับมา​ทำไม​คะ​?”

เนื่องจาก​ต้อง​ทำงาน​ ฟางจั๋ว​หรา​น​จึงไม่ค่อย​กลับบ้าน​ตอนเที่ยง​ เว้น​แต่ว่า​จะไม่มีผู้ป่วย​ที่​อาการหนัก​ใน​วันนั้น​

ฟางจั๋ว​หรา​น​ยิ้ม​อย่าง​อ่อนโยน​ “ผม​อยากรู้​ผลสอบ​เข้า​มหาวิทยาลัย​ของ​คุณ​จึงกลับมา​”

หลิน​ม่าย​ไม่ได้​บอ​กว่า​เธอ​ไป​โรงพยาบาล​เพื่อ​ตามหา​เขา​ แต่​บอก​ผล​การ​สอบ​เข้า​มหาวิทยาลัย​ให้​เขา​ฟังอย่าง​มีความสุข​

ฟางจั๋ว​หรา​น​ลูบ​ศีรษะ​เธอ​ “ภรรยา​ของ​ผม​น่าทึ่ง​มาก​!”

หลิน​ม่าย​ปัด​มือ​ของ​เขา​ออก​และ​พูด​อย่าง​เขินอาย​ “ใคร​คือ​ภรรยา​ของ​คุณ​ไม่ทราบ​?”

ฟางจั๋ว​หรา​นม​อง​เธอ​เหมือน​คนโง่​ “คุณ​ไง! จะใคร​อีก​?”

หลิน​ม่าย​กล่าว​อย่าง​เคร่งขรึม​ “แต่​เรา​ยัง​ไม่ได้​จดทะเบียนสมรส​”

“เอา​น่า​ อีกไม่นาน​แล้ว​”

หลิน​ม่าย​หน้าแดง​และ​กลอกตา​ใส่เขา​ “ใคร​จะรีบเร่ง​ขนาด​นั้น​!”

ทั้งสอง​เข้าไป​คุย​กัน​ใน​ห้อง​

คุณย่า​ฟางนั่ง​อยู่​บน​โซฟา มือ​ข้าง​หนึ่ง​ถือ​โทรศัพท์​และ​กวักมือ​เรียก​หลิน​ม่าย​ “ม่าย​จื่อ​ พี่สาว​ของ​เธอ​โทร​มา!”

หลัง​ได้ยิน​ดังนั้น​ หลิน​ม่าย​ก็​รีบ​วิ่ง​ไป​ทันที​

ปลาย​สาย​คือ​ไป๋​ลู่​ หล่อน​โทร​มาถามหลิน​ม่าย​เกี่ยวกับ​ผลสอบ​เข้า​มหาวิทยาลัย​ใน​

หลิน​ม่าย​จึงบอก​ให้​หล่อน​ฟัง

ไป๋​ลู่​กรีดร้อง​อย่าง​ตื่นเต้น​ “ว้าว​! เธอ​เก่ง​มาก​! ไม่ว่า​จะเป็น​มหาวิทยาลัย​ชิงหวา​หรือ​มหาวิทยาลัย​ปักกิ่ง​ก็​ล้วน​เป็น​มหาวิทยาลัย​ที่​มีชื่อเสียง​ทั้งนั้น​!”

หล่อน​บอก​หลิน​ม่าย​ครั้งแล้วครั้งเล่า​ว่า​ทันทีที่​เดินทาง​ไป​ถึงเมืองหลวง​ให้​โทร​หา​หล่อน​ เพื่อ​ที่​หล่อน​ พี่ชาย​ และ​พ่อ​จะได้​เดินทาง​ไป​รับ​หลิน​ม่าย​ที่​สถานีรถไฟ​

หลิน​ม่าย​เอ่ย​ถามหล่อน​ถึงการ​ตรวจร่างกาย​ของ​ไป๋​ซวง​ และ​ไป๋​ลู่​ก็ได้​เปิดเผย​ความจริง​ว่า​หล่อน​แกล้ง​ป่วย​

ไป๋​ลู่​กล่าว​ “ไม่จำเป็นต้อง​พา​หล่อน​ไป​ตรวจร่างกาย​หรอก​ ความจริง​ได้​เปิดเผย​แล้ว​ว่า​หล่อน​ไม่ได้​ป่วย​จริง​ ทั้งหมด​เป็น​เพียง​การเสแสร้ง​”

หลิน​ม่าย​ถามด้วย​ความสงสัย​ “พี่​รู้​ได้​ยังไง​?”

ไป๋​ลู่​ขอให้​ไป๋​เซี่ย​และ​พ่อ​ไป๋​ทำตาม​แผนการ​ของหล่อน​ นั่น​คือ​ติดตาม​ไป๋​ซวง​ไป​ยัง​โรงพยาบาล​

ไป๋​ลู่​เล่า​ให้​หลิน​ม่าย​ฟังถึงเรื่อง​ที่​ไป๋​ซวง​ใช้วิธี​อัน​น่าขยะแขยง​เพื่อ​ควบคุม​หัวหน้า​พาน​แห่ง​แผนก​ห้องปฏิบัติการ​ของ​โรงพยาบาล​ฉือ​ซิน​ และ​ขอให้​หัวหน้า​พาน​ปลอมแปลง​ผล​การ​ตรวจร่างกาย​ให้​หล่อน​

หลังจาก​ได้ยิน​สิ่งนี้​ หลิน​ม่าย​ทำได้​เพียง​ชื่นชม​ใน​ความ​แข็งแกร่ง​ของ​พันธุกรรม​ความ​ชั่วร้าย​แห่ง​ตระกูล​หลิน​

แม้แม่ไป๋​จะยัง​ไม่สามารถ​แยกแยะ​ถูก​ผิด​ได้​ แต่​การ​ได้​เติบ​โตมา​ใน​ครอบครัว​นักปราชญ์​อย่าง​หล่อน​ก็​จะต้อง​ทำให้​พื้นฐาน​ครอบครัว​ของ​ตระกูล​ไป๋​เติบ​โตมา​อย่าง​มีคุณภาพ​

สภาพแวดล้อม​ที่​ดี​เช่นนี้​ไม่อาจ​ทำให้​ไป๋​ซวง​กลายเป็น​คน​ชั่วร้าย​แบบนี้​ได้​ นอกจาก​พันธุกรรม​ที่​ถ่ายทอด​ผ่าน​ตระกูล​หลิน​แล้ว​ ก็​ไม่มีสิ่งใด​อธิบาย​ความ​ชั่วร้าย​นี้​ได้​เลย​

หลิน​ม่าย​ถาม “ตอนที่​แม่ไป๋​รู้​ว่า​ไป๋​ซวง​แสร้ง​ทำเป็น​ป่วย​ ท่าน​มีปฏิกิริยา​อย่างไร​?”

ทันทีที่​พูดถึง​แม่ไป๋​ หัวใจ​ของ​ไป๋​ลู่​ก็​หนักอึ้ง​ “ฉัน​คิด​ว่า​แม่เอง​ก็​คง​เสียใจ​อยู่​ไม่น้อย​แต่​ในขณะที่​ใจท่าน​กำลัง​เอนเอียง​ ไป๋​ซวง​ก็​กิน​ยา​ฆ่าตัวตาย​ เรื่อง​นี้​เลย​ทำให้​แม่อยู่​เคียงข้าง​หล่อน​โดยสิ้นเชิง​ ไม่ว่า​พ่อ​และ​พี่ชาย​ของ​ฉัน​จะเกลี้ยกล่อม​อย่างไร​แม่ก็​ไม่ฟัง หลังจาก​เกลี้ยกล่อม​หลายครั้ง​ ท่าน​ก็​ร้องไห้​ออกมา​โดย​บอ​กว่า​ไป๋​ซวง​ช่างน่าสงสาร​ และ​ถึงกับ​ขู่​ว่า​หาก​ใคร​ยืนกราน​ที่จะ​ขับไล่​ไป๋​ซวง​ ท่าน​จะออกจาก​บ้าน​ตระกูล​ไป๋​ไป​พร้อมกับ​ยัย​นั่น​”

เมื่อ​นึกถึง​วันที่​ไป๋​ซวง​ฆ่าตัวตาย​และ​เข้า​รับ​การรักษา​ใน​โรงพยาบาล​ พ่อ​ไป๋​ก็​ตกลง​กับ​สอง​พี่น้อง​ว่า​จะพูดคุย​ถึงวิธีการ​จัดการ​นาง​งูพิษ​ไป๋​ซวง​หลัง​กลับ​จาก​เลิกงาน​

ผล​ของ​การหารือ​ระหว่าง​พ่อ​ลูก​คือ​ ส่งไป๋​ซวง​กลับ​ไป​ยัง​ตระกูล​หลิน​

แต่​แม่ไป๋​ไม่เห็นด้วย​ ทำให้​จนถึง​ตอนนี้​ไป๋​ซวง​ยังคง​อาศัย​อยู่​ใน​บ้าน​ของ​พวกเขา​

หลิน​ม่าย​ไม่ได้​คาดหวัง​ว่า​ไป๋​ซวง​จะชั่วร้าย​ถึงขนาดที่​กล้า​แสร้ง​ฆ่าตัวตาย​

เธอ​เย้ยหยัน​ “ทำไม​ไป๋​ซวง​ถึงน่าสมเพช​ขนาด​นี้​? หล่อน​มีชีวิต​ที่​ดี​ตั้งแต่​เกิด​ แต่​ฉัน​กลับ​ถูก​ตระกูล​หลิน​ข่มเหง​ หาก​จะบอ​กว่า​หล่อน​น่าสงสาร​ ฉัน​ก็​คง​น่าสังเวช​ ทำไม​คุณ​ไป๋​ถึงไม่เคย​หลั่ง​น้ำตา​เพราะ​สงสาร​ฉัน​บ้าง​?”

เมื่อ​ได้ยิน​หลิน​ม่าย​เรียก​แม่ไป๋​ว่า​คุณ​ไป๋​ ไป๋​ลู่​ก็​ไม่ได้​รู้สึก​ว่า​คำสรรพนาม​นี้​ดู​ห่างเหิน​จน​เกินไป​

เพราะ​แม่ของหล่อน​ปฏิบัติ​ต่อ​หลิน​ม่าย​ไม่ดี​ หาก​หลิน​ม่าย​ไม่เต็มใจ​ที่จะ​เรียก​แม่ก็​ไม่ใช่ความผิด​ของ​เธอ​

ไป๋​ลู่​ลด​เสียง​ลง​และ​กล่าว​ “ตัว​ฉัน​เอง​ก็​เศร้าใจ​ไม่น้อย​ไป​กว่า​เธอ​ แต่​ชะตา​ของ​เธอ​น่ะ​เลวร้าย​สู้ไป๋​ซวง​ไม่ได้​เลย​สักนิด​”

หลิน​ม่าย​รู้สึก​ประหลาดใจ​มาก​ “เป็นไปได้​อย่างไร​!”

ด้วย​กลัว​ว่า​จะมีใคร​อยู่​รอบ​ ๆ และ​บังเอิญ​ได้ยิน​เข้า​ ไป๋​ลู่​จึงกล่าว​ต่อ​หลิน​ม่าย​ “ฉัน​ไม่สะดวก​ที่จะ​บอก​เธอ​ผ่าน​ทาง​โทรศัพท์​ ไว้​จะเล่า​ทุกอย่าง​ให้​ฟังหลังจากที่​เธอ​เดินทาง​มาถึงเมืองหลวง​นะ​”

หลังจาก​วางสาย​ หลิน​ม่าย​ก็​ไป​รับประทาน​อาหารกลางวัน​ขณะที่​ทุกคน​นั่ง​รอ​อยู่​

โดยปกติ​แล้ว​ มื้อ​เที่ยง​ของ​บ้าน​หลัง​นี้​จะมีอาหาร​เพียง​สามอย่าง​และ​ซุป​หนึ่ง​อย่าง​ แต่​วันนี้​ล้วน​มีกับข้าว​รส​เลิศ​มากมาย​

คุณย่า​ฟางยิ้ม​และ​พูด​กับ​หลิน​ม่าย​ “อาหารกลางวัน​กำลังจะ​เสร็จ​แล้ว​ ย่า​จะให้​จั๋ว​หรา​น​ทำการ​จอง​ร้านอาหาร​ใน​โรงแรม​ของ​เจียง​เฉิง เพื่อ​ทำการ​ฉลอง​ให้​กับ​เธอ​ก่อน​เบื้องต้น​ เมื่อ​ได้รับ​การ​ยืนยัน​ว่า​ผ่าน​การ​สมัคร​แล้ว​จริง ๆ​ เรา​ถึงค่อย​จัด​งานเลี้ยง​ฉลอง​ครั้ง​ใหญ่​ให้​”

หลิน​ม่าย​กล่าว​อย่าง​นอบน้อม​ “ทุกอย่าง​ให้​ขึ้นอยู่กับ​การตัดสินใจ​ของ​คุณปู่​และ​คุณย่า​เลย​ค่ะ​”

คุณย่า​ฟางพยักหน้า​ด้วย​ความพึงพอใจ​พร้อม​เตือน​เธอ​และ​ฟางจั๋ว​หรา​น​ว่า​งานแต่งงาน​ของ​พวกเขา​กำลัง​ใกล้​เข้ามา​แล้ว​ แต่​พวกเขา​ยัง​ไม่ได้​เตรียม​อะไร​เลย​

ฟางจั๋ว​หรา​น​พูด​ด้วย​ความ​งุนงง​ “นอกเหนือจาก​ชุด​ที่​ผม​และ​ม่าย​จื่อ​สวมใส่​ใน​วันนั้น​แล้ว​ เรา​ควร​เตรียม​อะไร​อีก​เหรอ​ครับ​…”

สำหรับ​เรื่อง​อาหาร​ก็​ไม่ใช่เรื่อง​ยาก​ จอง​โรงแรม​ระดับ​ไฮเอนด์​ก่อน​การ​แต่งงาน​เพียง​หนึ่ง​สัปดาห์​ก็​ยัง​ทัน​

เขา​ไม่รู้​จริง ๆ​ ว่า​ต้อง​เตรียม​อะไร​อีก​บ้าง​

คุณย่า​ฟางจ้องมอง​เขา​ด้วย​ความโกรธ​ “สมัยนี้​นิยม​ซื้อ​ทอง​สามอย่าง​ให้​เป็น​ของขวัญ​สำหรับ​การ​แต่งงาน​ หลาน​ไม่คิด​จะซื้อ​ทอง​ให้​กับ​ม่าย​จื่อ​เลย​เหรอ​? อีก​อย่าง​แม้บ้าน​หลัง​นั้น​จะมีคน​คอย​จัดการ​ดูแล​ให้​ แต่​หลาน​ก็​ยังคง​ต้อง​ตกแต่ง​ด้วย​ตนเอง​ แน่นอน​ว่า​จำเป็นต้อง​จับจ่าย​ซื้อ​ของ​เพื่อ​ตกแต่ง​บ้าน​ใหม่​ ซื้อ​ผ้าปูที่นอน​สีแดง​มงคล​สำหรับ​วัน​แต่งงาน​แล้ว​หรือยัง​? การ​แต่งงาน​ต้อง​มีการ​เตรียมการ​มากมาย​ ไม่เหมือน​งาน​หมั้น​ที่​เพียง​เชิญแขก​มางานฉลอง​ก็​เสร็จ​นะ​”

คุณย่า​ฟางส่าย​ศีรษะ​พลาง​พูดไม่ออก​ “ไม่ผิดที่​ม่าย​จื่อ​ยัง​เด็ก​และ​ไม่เข้าใจ​อะไร​เลย​ แต่​หลาน​อยู่​ใน​วัย​สามสิบ​แล้ว​ ทำไม​ถึงยัง​ไม่รู้​อะไร​อีก​!”

ฟางจั๋ว​หรา​น​รู้สึก​ละอายใจ​ “ผม​จะหารือ​กับ​ม่าย​จื่อ​ใน​ภายหลัง​ แล้ว​ค่อย​หา​เวลา​ซื้อ​ของ​จัดเตรียม​งานแต่งงาน​ครับ​”

หลัง​อาหารกลางวัน​ ฟางจั๋ว​หรา​น​ไม่รีบ​ไป​โรงพยาบาล​ เขา​นั่ง​บน​โซฟาใน​ห้องนั่งเล่น​และ​คุย​กับ​หลิน​ม่าย​ว่า​จะซื้อ​อะไร​บ้าง​

คุณย่า​ฟางกอด​โต้​ว​โต้​ว​ คุณปู่​ฟางซึ่งนั่ง​อยู่​ด้าน​ข้าง​คอย​แทรกแซง​บทสนทนา​ของ​พวกเขา​เป็นครั้งคราว​

………………………………………………………………………………………………………………………….

สาร​จาก​ผู้แปล​

พี่​หมอ​ยัง​ไม่ได้​เตรียม​งานแต่ง​อีก​เหรอ​คะ​ ต้อง​ให้​ย่า​สอน​เสียแล้ว​

ไหหม่า​(海馬)

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด