แม่ปากร้ายยุค​ 80 417 น้าหวงผู้มาเป็นแม่บ้าน

Now you are reading แม่ปากร้ายยุค​ 80 Chapter 417 น้าหวงผู้มาเป็นแม่บ้าน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 417 น้าหวงผู้มาเป็นแม่บ้าน

เช้าวันต่อมา หลินม่ายตื่นแต่เช้าตรู่

หลังจากอาบน้ำให้สดชื่นแล้ว ก็สวมเสื้อเชิ้ตแขนสั้นสีขาวคู่กับกระโปรงยีนสั้นมีระบายสามชั้นตัวนั้น

เธอมัดผมหางม้าสูงรวบตึง สวมที่คาดผมรูปโบว์แล้วออกจากบ้านไป

วันนี้เป็นวันเข้าโรงเรียนอนุบาลวันแรกของโต้วโต้ว เธอต้องรีบไปแต่งตัวให้โต้วโต้วที่วิลล่าให้เรียบร้อย

หลินม่ายซื้อซาลาเปา เกี๊ยวและขนมจีบจากร้านเปาห่าวชือของตน แล้วจึงขี่จักรยานไปที่วิลล่า

ทั้งคุณปู่คุณย่าต่างก็ให้ความสำคัญกับเรื่องที่โต้วโต้วเข้าโรงเรียนอนุบาลอย่างมาก ทั้งยังตื่นเต้นมาก จึงตื่นแต่เช้าขึ้นมาแต่งตัวให้เจ้าตัวน้อยเสียเช้งวับ

อาหวงแลบลิ้นห้อยคอยมองเจ้านายของตัวเองอยู่ตลอด

ทันใดนั้นหูของมันก็ตั้งขึ้น พลันหันตัวไปทางประตูใหญ่ และเห่าเสียงขรมอย่างดีใจไม่หยุด

“คุณแม่หนูมาแล้ว!” ฟางจั๋วหรานบอกกับโต้วโต้ว และอุ้มเธอขึ้นออกเดินไปข้างนอก

ฟางจั๋วเยวี่ยมองไปยังแผ่นหลังของฟางจั๋วหรานด้วยสายตาที่ยากจะอธิบายอยู่ที่เบื้องหลัง

พี่สะใภ้ก็มาอยู่ทุกวัน แต่พี่ใหญ่กลับทำท่าราวกับไม่ได้พบกันมาแสนนานอย่างนั้น ถึงกับต้องเล่นใหญ่ขนาดนี้เลยเหรอ?

ฟางจั๋วหรานอุ้มโต้วโต้วออกมานอกบ้าน หลินม่ายก็เปิดประตูรั้ว เข็นจักรยานเข้ามาข้างในแล้ว

อาหวงส่ายหางวนไปมารอบตัวเธออย่างดีใจ

หลินม่ายเห็นโต้วโต้วสวมชุดยีนเด็กชุดนั้นที่เถาจืออวิ๋นทำให้เธอแล้ว ก็พูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม “ถ้ารู้แต่แรกว่าคุณย่าจะเปลี่ยนเสื้อผ้าให้หนู แม่ก็คงไม่มาเช้าขนาดนี้หรอก”

เธอตั้งใจมาเช้าขนาดนี้ ก็เพราะอยากจะใส่ชุดยีนเด็กชุดนี้ให้กับโต้วโต้ว สองแม่ลูกจะได้ใส่เสื้อคู่กันไปโรงเรียนอนุบาล

โต้วโต้วชี้มายังกระโปรงยีนสั้นบนตัวของเธอพลางพูดขึ้นอย่างตื่นเต้น “กระโปรงของแม่เหมือนกับกระโปรงของหนูเลย!”

ฟางจั๋วหรานเองก็สังเกตเห็นแล้ว เขาจ้องมองเรียวขาทั้งสองที่ทั้งเรียวยาวและตั้งตรงของเธอ “กระโปรงตัวนี้มันไม่สั้นไปหน่อยเหรอ?”

หลินม่ายก้มหน้าลงมองกระโปรงเล็กน้อย “มินิสเกิร์ตก็เป็นแบบนี้หมดไม่ใช่เหรอคะ?”

ฟางจั๋วหรานนิ่งคิดอยู่ครู่หนึ่ง แล้วพูดขึ้นอย่างลังเลเล็กน้อย “คุณอย่าใส่มินิสเกิร์ตเลยได้ไหม?”

หลินม่ายถามอย่างงุนงงสงสัย “ทำไมเหรอคะ?”

ฟางจั๋วหรานมองดวงตาใสแจ๋วทั้งสองข้างของเธอ ดวงตากลมโตไร้ซึ่งความคิดฟุ้งซ่าน ทันใดนั้นก็รู้สึกว่าความคิดของตนค่อนข้างสกปรกโสมมไปหน่อย

เด็กสาวรักสวยรักงาม อยากจะใส่กระโปรงสั้น แต่ตนกลับไม่อยากให้ผู้ชายคนอื่นมาเห็นขาสวยๆ ของเธอแล้ว

ความรักคือการให้เกียรติและทะนุถนอม ไม่ใช่การควบคุมอีกฝ่าย

เขาวางโต้วโต้วลงบนพื้น แล้วจักรยานในมือของหลินม่ายไปจอดให้เธอ “ไม่มีอะไร ก็แค่กลัวว่าคุณใส่กระโปรงสั้นขนาดนี้เดี๋ยวขาจะโดนความเย็น ต่อไปจะเป็นเหน็บชาเอา”

หลินม่ายแย้มยิ้มออกมา “ตอนนี้เป็นหน้าร้อน อากาศยังร้อนอยู่เลย จะไปโดนความเย็นจนเป็นเหน็บชาได้ยังไง?

กลุ่มคนสามคนบวกกับหมาอีกหนึ่งตัวเดินเข้ามาในวิลล่า ฟางจั๋วเยวี่ยจ้องมองขาสวยของหลินม่ายแล้วพ่นลมหายใจ “พี่สะใภ้วันนี้สวยจริงๆ!”

ทันทีที่พูดจบ เขาก็เห็นพี่ใหญ่กำลังจ้องเขม็งมาที่เขาด้วยสายตาดุร้าย

สีหน้านั้น ราวกับสัตว์ร้ายที่กำลังหวงอาหารอย่างไรอย่างนั้น

รอยยิ้มบนใบหน้าของฟางจั๋วเยวี่ยค่อยๆ เลือนหายไป ในใจครุ่นคิดว่าตนทำเรื่องอะไรผิดไป ถึงทำให้พี่ใหญ่มองตนด้วยสายตาเกรี้ยวกราดเช่นนั้น

แต่คิดจนหัวแทบแตกก็ยังคิดไม่ออกว่าตนไปยั่วโมโหพี่ชายที่รักเอ็นดูเขาได้อย่างไร

หลินม่ายมองฟางจั๋วเยวี่ยอย่างแปลกใจเล็กน้อย

เธอใช้โอกาสตอนที่จัดอาหารเช้าที่นำมาลงบนโต๊ะอาหาร กระซิบถามฟางจั๋วหราน “น้องชายของคุณกระสุนหมดเสบียงแห้งอีกแล้วเหรอ ถึงได้วิ่งมาขอกินข้าวฟรีที่บ้านคุณแต่เช้า?”

แต่เธอคิดไปคิดมาก็รู้สึกว่ามันแปลกๆ

พลันขมวดคิ้วถาม “สิ้นเดือนก็เพิ่งจะได้เงินเดือน นี่เพิ่งจะวันแรกของเดือนก็หมดแล้วเหรอ? น้องชายคุณใช้เงินเก่งขนาดนั้นเลยเหรอ?”

ฟางจั๋วหรานพูด “เขาไม่ได้มาขอข้าวกิน เขาอาศัยอยู่ที่บ้านผมน่ะ”

หลินม่ายค่อนข้างประหลาดใจ “อย่างนั้นทำไมเมื่อวานตอนเที่ยงฉันไม่เห็นเขาเลยล่ะคะ?”

“ที่ทำงานของเขาค่อนข้างจะไกลจากบ้านของผม ตอนเที่ยงเลยไม่ได้กลับมา”

หลินม่ายร้องอ๋อเบาๆ

หลังจากกินอาหารเช้าเสร็จไม่นาน แม่บ้านที่ฟางจั๋วหรานว่าจ้างไว้ก็มาถึง

หล่อนเป็นคุณน้าที่ดูเคร่งครัดในหน้าที่อย่างมาก

คุณน้าคนนี้มีแซ่ว่าหวง

ฟางจั๋วหรานเรียกหล่อนว่าน้าหวง

เขายิ้มให้กับน้าหวงอย่างขอโทษ “เดิมทีอยากจะจ้างคุณมาเป็นแม่บ้าน แต่คุณปู่คุณย่าของผมต้องการแค่แม่บ้านรายวันเท่านั้น คุณยังเต็มใจจะทำหรือเปล่าครับ?”

น้าหวงงงงวยไปชั่วขณะ แล้วถามขึ้นเสียงค่อย “แม่บ้านรายวันคืออะไรเหรอคะ?”

ในยุคนี้มีแต่แม่บ้านประจำ ยังไม่มีแม่บ้านที่คิดค้าจ้างแบบรายชั่วโมง ดังนั้นน้าหวงจึงสับสนมึนงง

ฟางจั๋วหรานอธิบายให้หล่อนฟัง “แม่บ้านรายวัน ก็คือแม่บ้านที่ทำงานเพียงไม่กี่ชั่วโมงต่อวันน่ะครับ”

“อย่างนั้น…ทุกวันต้องทำงานกี่ชั่วโมง และค่าจ้างเท่าไรเหรอคะ?” น้าหวงถามด้วยใจเต้นตุ้มๆ ต่อมๆ

การที่หล่อนมาเป็นแม่บ้าน ก็เพื่อจะหาเงินไปจุนเจือค่าใช้จ่ายในบ้าน

หากทุกวันทำงานเพียงเวลาสั้นๆ ได้ค่าจ้างไม่เท่าไรต่อเดือน หล่อนก็ได้แต่ต้องหาบ้านถัดไปแล้ว

แต่งานแม่บ้านก็หาไม่ได้ง่ายๆ

ฟางจั๋วหรานพูด “ความคิดของคุณปู่คุณย่าผมก็คือ อยากให้คุณมาทำงานทุกวันตอนแปดโมงเช้า และเลิกงานตอนเที่ยงครับ ทำงานเพียง 4 ชั่วโมงต่อวัน วันหยุดวันเทศกาลไม่ต้องมาทำงาน ทุกๆ วันแค่ต้องทำงานบ้านทั้งหมดให้เสร็จเรียบร้อย จากนั้นทำอาหารเที่ยงสักมื้อก็ได้แล้วครับ ค่าจ้างไม่รวมอาหารสามมื้อต่อวัน น้อยกว่าเป็นแม่บ้านประจำ 5 หยวน คุณคิดว่ายังไงครับ?”

ค่าจ้างที่ศาสตราจารย์ฟางเสนอให้เป็นแม่บ้านประจำก่อนหน้านี้ก็สูงกว่าราคาตลาดถึง 5 หยวนแล้ว

ตอนนี้ตัดไป 5 หยวน ก็แค่เท่ากับราคาค่าจ้างทั่วไปของแม่บ้านประจำเท่านั้น

ที่สำคัญก็คือ หากทำงานที่บ้านของศาสตราจารย์ฟาง เวลาทำงานสั้นและยังมีวันหยุดอีกด้วย ถึงค่าจ้างจะน้อยกว่าที่ตกลงกันไว้ 5 หยวน แต่ก็คุ้มค่าอย่างมาก

น้าหวงจึงตอบตกลงเต็มเสียงด้วยความดีใจ

หล่อนเองก็หวังอยากมีวันหยุดเทศกาลบ้าง นอกจากนี้ยังไม่ค่อยชอบการอยู่ที่บ้านของเจ้านายนัก เพราะรู้สึกไม่เป็นอิสระ

คุณย่าฟางมอบหมายงานให้กับน้าหวงว่าต้องทำงานบ้านอะไรบ้าง และตอนเที่ยงต้องเตรียมอาหารอะไร แล้วจึงออกจากบ้านไปพร้อมกับพวกฟางจั๋วหรานอย่างเอิกเกริก

ฟางจั๋วเยวี่ยออกจากบ้านมาได้ไม่ไกล ก็แยกกับทุกคนไปอีกทาง แล้วขึ้นรถประจำทางไปทำงาน

ระหว่างทาง หลินม่ายถามฟางจั๋วหราน “น้าหวงคนนั้นเชื่อใจได้ไหม? หล่อนคงไม่ฉวยโอกาสตอนนี้ไม่มีใครอยู่ลักขโมยของหรอกนะคะ”

แม้ว่าน้าหวงคนนั้นจะดูซื่อสัตย์เคร่งครัด แต่คนเราก็รู้หน้าไม่รู้ใจ

ฟางจั๋วหรานส่ายหน้า “คงจะไม่ทำหรอก น้าหวงเป็นคนที่คนรู้จักคุ้นเคยของผมแนะนำมา คนรู้จักคนนั้นบอกว่าหล่อนซื่อสัตย์สุจริตมาก ทั้งยังทำงานได้ช่ำชองด้วย”

คุณย่าฟางพูดอย่างไม่เห็นด้วย “จะซื่อสัตย์ไม่ซื่อสัตย์ ลองทดสอบดูก็รู้แล้ว”

หลินม่ายถามด้วยสีหน้างุนงง “ทดสอบยังไงเหรอคะ?”

คุณย่าฟางพูด “ย่าจงใจวางธนบัตร 5 หยวนใบหนึ่งเอาไว้ที่มุมห้อง ธนบัตรใบนี้ดูแล้วเหมือนกับของที่ทำหล่นหาย ตราบใดที่น้าหวงทำงานบ้านอย่างเอาจริงเอาจัง ตอนที่ทำความสะอาดคงต้องพบธนบัตร 5 หยวนใบนี้แน่นอน หากหล่อนเป็นคนซื่อสัตย์ในหน้าที่ ก็จะนำธนบัตร 5 หยวนใบนั้นมามอบให้ย่า แต่ถ้าหล่อนไม่ซื่อสัตย์หรือชอบลักเล็กขโมยน้อย ก็ไม่มีทางมอบธนบัตร 5 หยวนใบนั้นคืนให้ย่าหรอก”

หลินม่ายพูดอย่างเลื่อมใส “ขิงยิ่งแก่ก็ยิ่งเผ็ด คุณย่าสุดยอดจริงๆ ค่ะ ใช้ธนบัตรเพียงหนึ่งใบ ไม่เพียงสามารถทดสอบว่าน้าหวงเป็นคนซื่อสัตย์สุจริตหรือไม่แล้ว ยังทดสอบได้ว่าหล่อนทำงานบ้านอย่างจริงจังหรือไม่ รอบคอบหรือเปล่าได้ด้วย ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว”

คุณปู่ฟางยิ้มอย่างเบิกบานพลางพูด “เมื่อก่อนย่าของเธอเคยทำงานเป็นสายสืบ ถ้าหล่อนไม่สุดยอดก็ไม่มีใครสุดยอดแล้ว!

โรงเรียนอนุบาลเสี่ยวหงฮวาห่างจากวิลล่าของฟางจั๋วหรานไม่ไกลมาก เดินกันมาประมาณ 15 นาทีก็ถึงแล้ว

เจ็ดโมงครึ่ง เป็นช่วงเวลาเร่งด่วนที่ผู้ปกครองมาส่งเด็กๆ เข้าโรงเรียนอนุบาลพอดี

ประตูโรงเรียนอนุบาลเต็มไปด้วยเหล่าผู้ปกครองและเจ้าเพื่อนตัวน้อย ดูครึกครื้นมาก!

มีพ่อค้าแผงลอยหัวแหลมสองคนมาตั้งแผงขายปาท่องโก๋ ฮวาเจวี่ยนและหมั่นโถวอยู่ที่หน้าประตูโรงเรียนอนุบาล

เด็กๆ ไม่น้อยทีเดียวร้องงอแงอยากกิน

ในยุคนี้ได้ดำเนินนโยบายลูกคนเดียวมาได้สามสี่ปี เด็กๆ เหล่านี้โดยส่วนมากจึงเป็นลูกคนเดียว

การมีลูกได้แค่คนเดียว คนเป็นพ่อแม่ย่อมเอาอกเอาใจสักหน่อยเป็นธรรมดา พอลูกงอแง พ่อแม่ก็ไม่อาจไม่ตามใจ ได้แต่ซื้อปาท่องโก๋หรือฮวาเจวี่ยน หรือไม่ก็เป็นหมั่นโถวชิ้นหนึ่งให้ลูกของตน

กิจการพ่อค้าแผงลอยทั้งสองขายดิบขายดีมาก

ฉีฉีที่ยืนอยู่ข้างกายเถาจืออวิ๋นกำลังกินปาท่องโก๋อย่างเอร็ดอร่อย ทันใดนั้นก็มองเห็นครอบครัวของโต้วโต้ว

เจ้าตัวน้อยตื่นเต้นขึ้นมาทันใด พลันใช้มือน้อยๆ ที่เปื้อนน้ำมันดึงชุดกระโปรงลูกไม้สีขาวของเถาจืออวิ๋น แล้วแหงนใบหน้าเล็กพูด “แม่ฮะ โต้วโต้ว น้าหลิน”

เถาจืออวิ๋นกำลังพูดคุยอยู่กับพ่อแม่ของหล่อนที่มาส่งฉีฉีเข้าโรงเรียนอนุบาลด้วยกัน เมื่อได้ยินเช่นนั้นจึงถาม “อยู่ไหนเหรอจ๊ะ?”

ฉีฉีใช้มือน้อยๆ ที่ถือปาท่องโก๋อยู่ชี้ไปที่ครอบครัวโต้วโต้ว “อยู่ตรงนั้นครับ!”

เถาจืออวิ๋นรีบโบกมือให้กับกลุ่มของหลินม่าย “ม่ายจื่อ ตรงนี้!”

หลินม่ายเองก็เห็นสองแม่ลูกแล้ว จึงพูดกับคุณปู่คุณย่าฟาง “คนนั้นก็คือพี่เถาที่ทำชุดกระโปรงกับกระเป๋าหนังสือยีนให้โต้วโต้วค่ะ”

คุณย่าฟางยิ้มพลางพูด “แม่หนูคนนี้หน้าตางดงามจริงเชียว!”

เมื่อโต้วโต้วเห็นฉีฉี หล่อนก็วิ่งทะยานไปหาเขาทันที คุณปู่ฟางจะรั้งก็รั้งไว้ไม่ไหว ได้แต่รีบตามไปข้างหลังเธอเหมือบกับแม่ไก่แก่ป้องลูกเจี๊ยบอย่างไรอย่างนั้น

เพื่อนตัวน้อยทั้งสองพบหน้ากัน ต่างตื่นเต้นดีใจเป็นพิเศษ ทั้งกอดกันทั้งกระโดดโลดเต้น

ฉีฉียังเอาปาท่องโก๋ในมือของตนให้โต้วโต้วกินอีกด้วย

โต้วโต้วเจ้าหนูจ้ำม่ำนั้นถึงแม้ว่าท้องน้อยๆ จะขยายจนกลมดิก แต่ก็ยังรับปาท่องโก๋ของฉีฉีมากิน

คุณย่าฟางกลัวว่าหล่อนจะกินมากเกินไปจนจุก จึงคว้าเอาปาท่องโก๋ในมือหล่อนมาฉีกชิ้นเล็กๆ ให้เธอชิ้นหนึ่ง แล้วคืนส่วนที่เหลือให้กับฉีฉี

โชคดีที่โต้วโต้วไม่ใช่เด็กโลภมาก คุณย่าฟางให้หล่อนกินแค่ไหนหล่อนก็กินแค่นั้น ไม่งอแงแต่อย่างใด

……………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

ย่าฟางจีเนียสมาก ใช้แค่ธนบัตรใบเดียวก็จับผิดและดูนิสัยคนได้

ไหหม่า(海馬)

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *