แม่ปากร้ายยุค​ 80 601 อาจารย์เป็นรุ่นพี่หรอคะ?

Now you are reading แม่ปากร้ายยุค​ 80 Chapter 601 อาจารย์เป็นรุ่นพี่หรอคะ? at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 601 อาจารย์เป็นรุ่นพี่หรอคะ?

หลินม่ายเยาะเย้ย “ลูกบอลกระดาษไม่ทราบที่มา จะเรียกว่าเป็นหลักฐานได้ยังไงคะ? อาจารย์ช่างไม่มีกฎเกณฑ์และความยุติธรรมเอาซะเลย จนฉันสงสัยว่านี่อาจเป็นกับดักที่อาจารย์สร้างขึ้นเพื่อลงโทษฉัน!”

อาจารย์ผู้คุมสอบโกรธอย่างมากจนพูดไม่เป็นคำ “เธอ เธอ เธอ เธอกำลังใส่ร้ายป้ายสีฉัน!”

หลินม่ายเผชิญหน้าโดยไม่เกรงกลัว “คนที่พยายามใส่ร้ายป้ายสีคนอื่นไม่ใช่อาจารย์หรอกเหรอคะ พยายามจะใส่ร้ายป้ายสีคนอื่น คิดว่าตัวเองเป็นรุ่นพี่แล้วจะทำอะไรก็ได้เหรอคะ?”

ผู้สมัครหลายคนต่างหัวเราะเยาะ

เจ้าหน้าที่ชายเข้ามากระซิบกับเจ้าหน้าที่หญิง “นักเรียนคนนี้ไม่ได้ลอกใคร หล่อนทำข้อสอบเสร็จเร็วมาก”

อาจารย์ผู้คุมสอบหญิงกล่าวขึ้น “หล่อนจะลอกคนอื่นหรือไม่ไม่ใช่ประเด็น แต่ถ้าหล่อนส่งคำตอบของตัวเองให้คนอื่นก็ถือเป็นการโกง!”

หลินม่ายชำเลืองมองไปยังผู้สมัครคนอื่น ๆ

ภาษาอังกฤษเป็นวิชาที่ยากมากสำหรับนักเรียนวัยนี้

เธอไม่อยากให้ผู้เข้าสอบคนอื่นได้รับผลกระทบเพียงเพราะปัญหาจากตัวเธอเอง

เธอไม่ใช่แม่พระ แต่นี่คือจิตสำนึกที่ควรเป็นบรรทัดฐานของมนุษย์ เธอไม่ต้องการทำร้ายผู้อื่น

หลินม่ายเชิญชวนอาจารย์ผู้คุมสอบยิ่งให้ออกไปไกล่เกลี่ยปัญหาที่เกิดขึ้นกับเธอด้านนอก เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อบุคคลอื่นในห้องสอบ

อาจารย์ผู้ตรวจตราสองคนต่างโผล่ศีรษะเข้าไปยังประตูหลังของห้องเรียนเพื่อตรวจสอบสถานการณ์ของห้องสอบ

หลินม่ายรีบตะโกนบอกพวกเขา “อาจารย์คะ ตรงนี้มีปัญหาค่ะ”

อาจารย์ผู้ตรวจตราทั้งสองคนรีบเร่งเข้ามา คนหนึ่งเอ่ยถามอย่างสุภาพ “เกิดอะไรขึ้น?”

อาจารย์ผู้คุมสอบยิ่งบอกเล่าเรื่องราวทันทีโดยไม่รีรอ

แต่ก่อนที่หล่อนจะพูดจบประโยชน์ หลินม่ายก็ขัดจังหวะขึ้นทันที “ขอโทษนะคะ อาจารย์ช่วยเป็นมืออาชีพกว่านี้ได้ไหมคะ? ส่งเสียงดังแบบนี้ก็กระทบกับการสอบของผู้เข้าสอบคนอื่นหมด เราไปคุยเรื่องนี้กันที่อื่นดีไหมคะ?”

จากนั้นไม่นานผู้ตรวจตราก็นำพวกเธอไปแล้วปล่อยให้อาจารย์ผู้คุมสอบชายทำการคุมสอบต่อไป

ผู้ตรวจตรารับเอกสารการสอบของหลินม่ายจากอาจารย์ผู้คุมสอบหญิงแล้วจึงจากไป

การทุจริตถือเป็นปัญหาใหญ่

ผู้ตรวจตราคนนั้นนำหลินม่ายและอาจารย์ผู้คุมสอบหญิงเข้าไปหาหัวหน้าของพวกเขา

หัวหน้าเอ่ยถามถึงสิ่งที่เกิดขึ้น

อาจารย์ผู้คุมสอบหญิงรีบอธิบายสิ่งที่เกิดขึ้นอีกครั้ง

หล่อนหยิบก้อนกระดาษนั้นออกมาพร้อมยืนยันว่าเป็นของหลินม่ายและกล่าวตำหนิเธอมากมาย

หลินม่ายยิ้มเย้ยหยัน

หลังอาจารย์ผู้คุมสอบหญิงคนนั้นกล่าวจบ เธอก็พูดขึ้นด้วยท่าทางประชดประชัน “ขอหนูพูดบ้างได้ไหมคะ?”

อาจารย์ผู้คุมสอบหญิงเหลือบมองอย่างเหยียดหยาม “จะพูดก็พูดสิ มีใครบังคับปากเธออยู่หรือยังไง?”

หลินม่ายหัวเราะเยาะ “หนูอยากจะพูดตั้งนานแล้วค่ะ แต่เห็นอาจารย์รีบพูดจนเกินไปเลยคิดว่าคงไม่ให้โอกาสหนูได้พูดแล้ว และเมื่อไหร่ก็ตามที่หนูเปิดปาก อาจารย์ก็จะไม่อาจปิดบังความจริงที่อาจารย์เป็นผู้วางแผนใส่ร้ายหนูได้”

สีหน้าของอาจารย์หญิงผู้คุมสอบเปลี่ยนไปเล็กน้อยก่อนจะกลับมาเป็นปกติอย่างรวดเร็ว “ฉันใส่ร้ายเธอ? ไร้สาระ! ฉันกับเธอไม่เคยมีอะไรบาดหมางต่อกัน แล้วเราทั้งสองก็ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน ทำไมฉันต้องใส่ร้ายเธอด้วยล่ะ?”

“เพราะอาจารย์รับเงินจากคนอื่นมายังไงล่ะคะ”

ผู้คุมสอบหญิงโกรธเป็นอย่างมาก หล่อนต้องการให้หลินม่ายได้รับบทลงโทษ

สีหน้าของหัวหน้าดูน่าเกลียดมาก

เขายังนั่งหัวโด่อยู่ที่นี่ แต่สองคนนี้กลับทะเลาะกันโดยไม่ไว้หน้า เห็นเขาเป็นคนตายหรืออย่างไร?

ทั้งสองคนทะเลาะกันโดยไม่มองหน้าเขาเลยแม้เพียงนิด

“หยุดทะเลาะกันได้แล้ว!” หัวหน้าสั่งเสียงเข้ม

อาจารย์ผู้คุมสอบหญิงกล่าวด้วยความไม่เต็มใจ “นักเรียนคนนี้กำลังต่อปากต่อคำกับฉันนะคะ”

หัวหน้ากล่าวด้วยความโกรธเคือง “ไม่ว่าหล่อนจะต่อปากต่อคำกับคุณอย่างไร ผมก็เป็นคนตัดสินเรื่องนี้”

เขามองไปยังหลินม่ายด้วยสายตาอ่อนโยนลง

ไม่ว่านักเรียนจะโกงหรือทำผิดต่อผู้คุมสอบอย่างไร เขาก็ควรควบคุมสถานการณ์เพื่อให้ทั้งสองหยุดโต้เถียงกัน จากนั้นก็เปิดปากกล่าวอีกครั้ง

“พูดมา เล่าให้ฉันฟังสิว่าเกิดอะไรขึ้น?”

หลินม่ายเริ่มต้นบอกเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นโดยละเอียด

เธอบอกเล่าเพื่อพิสูจน์ความจริง “อาจารย์ผู้คุมสอบชายอีกคนหนึ่ง เห็นทุกอย่างในระหว่างกระบวนการสอบทั้งหมด คุณถามเขาได้เลยค่ะว่าสิ่งที่หนูพูดเป็นจริงหรือไม่”

หัวหน้าจ้องมองไปยังอาจารย์ผู้คุมสอบหญิง “สิ่งที่นักเรียนคนนี้พูดเป็นความจริงหรือ?”

อาจารย์ผู้คุมสอบหญิงพยักหน้าด้วยความไม่เต็มใจ

หล่อนปฏิเสธในสิ่งที่หลินม่ายพูดไม่ได้ เนื่องจากอีกฝ่ายมีพยานซึ่งก็คืออาจารย์ผู้คุมสอบชาย

หลินม่ายพยักหน้า “ในเมื่ออาจารย์ยอมรับแล้วว่าสิ่งที่หนูพูดเป็นความจริงทั้งหมด แล้วหนูขอถามได้ไหมคะว่า ทำไมอาจารย์ถึงยืนกรานว่าหนูทุจริตและเป็นเจ้าของก้อนกระดาษนั้น?”

อาจารย์ผู้คุมสอบหญิงกระแอมก่อนจะกล่าว “ก็ในเมื่อก้อนกระดาษนั่นไม่ได้ตกบนโต๊ะคนอื่น แต่อยู่บนโต๊ะของเธอ แล้วเธอยังจะบอกว่าตัวเองไม่ได้ทุจริตอย่างงั้นเหรอ?”

หลินม่ายเยาะเย้ย “อาจารย์เองก็ไม่ใช่เด็กแล้ว ไม่รู้จักคำว่าใส่ร้ายป้ายสีเหรอคะ?

อาจารย์ผู้คุมสอบหญิงพูดไม่ออก

หลินม่ายขมวดคิ้ว “หาว่าหนูทุจริตโดยไม่มีการสอบสวนและยังเก็บกระดาษคำตอบของหนูไปอีก ยิ่งหนูคิดถึงเรื่องนี้มากเท่าไหร่ก็ยิ่งรู้สึกว่า อาจารย์เป็นผู้วางแผนให้ก้อนกระดาษนั้นตกลงบนโต๊ะของหนู แล้วก็ทำการตัดสินว่าหนูเป็นคนทุจริต”

“ไร้สาระ!” อาจารย์ผู้คุมสอบหญิงเริ่มโกรธ

“หนูพูดไร้สาระงั้นเหรอคะ? ฮ่าๆ!” หลินหมายหัวเราะอย่างแผ่วเบา “หากเป็นไปตามสถานการณ์ปกติ อาจารย์ควรตรวจสอบลายมือในก้อนกระดาษนั้นแล้วเทียบกับลายมือของหนู ดูว่าเหมือนกันหรือไม่ แล้วอาจารย์ได้ทำแบบนั้นหรือเปล่าคะ?”

อาจารย์ผู้คุมสอบหญิงกล่าว “ก้อนกระดาษนั่นคือคำตอบที่ผู้อื่นโยนมาให้กับเธอ แล้วลายมือจะเหมือนของเธอได้ยังไง!”

“กระดาษก้อนนั้นเป็นกระดาษที่คนอื่นโยนมาให้กับหนู นึกว่าอาจารย์ไม่รู้เสียอีก”

น้ำเสียงของหลินม่ายเต็มไปด้วยการเหน็บแนม “ในเมื่ออาจารย์ก็รู้ว่ามีคนอื่นโยนก้อนกระดาษนั้นมาให้กับหนู แล้วทำไมถึงเอาแต่บอกว่าหนูทุจริตโดยการโยนก้อนกระดาษให้กับคนอื่น?”

อาจารย์ผู้คุมสอบหญิงพูดไม่ออกทันที

หลินม่ายกล่าวต่อ “หนูเป็นนักเรียนที่ครองอันดับหนึ่งด้านภาษาอังกฤษตลอดทั้งปี คิดว่าหนูยังจำเป็นต้องให้ใครส่งคำตอบให้อีกเหรอคะ?”

อาจารย์ผู้คุมสอบหญิงหน้าซีด

คนที่ขอให้อาจารย์ผู้คุมสอบหญิงทำแบบนี้ไม่เคยรู้มาก่อนว่า คะแนนภาษาอังกฤษของนักเรียนหญิงคนนี้อยู่ในระดับดีมาก!

หากรู้มาก่อนว่าคะแนนสอบภาษาอังกฤษของนักเรียนคนนี้อยู่ในระดับดีมาก หล่อนก็จะไม่รับสินจ้าง แล้วก็คงไม่ติดกับดักอย่างที่เป็นอยู่ในตอนนี้จริงไหม?

แต่ถึงคะแนนภาษาอังกฤษของนักเรียนหญิงคนนี้จะไม่ดี หล่อนก็จะไม่มีทางรับงาน เพราะเด็กหญิงคนนี้ฉลาดเฉลียวอย่างมาก

หล่อนสอนหนังสือมามากกว่าสิบปี แต่ไม่เคยพบนักเรียนชั้นดีเช่นนี้มาก่อน

หากเป็นนักเรียนคนอื่นที่พบเจอสถานการณ์เช่นนี้ พวกเขาก็จะต้องหวาดกลัว ร่ำไห้อย่างขมขื่นและก้มหน้ายอมรับความผิดใช่ไหม?

แต่นักเรียนหญิงคนนี้กลับมีความมุ่งมั่นอย่างแน่วแน่ที่จะต่อสู้จนถึงที่สุด

อาจารย์ผู้คุมสอบหญิงรู้สึกกระวนกระวายใจมาก รู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าตนเองกำลังตกอยู่ในน้ำมือของนักเรียนคนนี้

หลินม่ายกล่าวกับหัวหน้า “อาจารย์ช่วยตามหาเจ้าของก้อนกระดาษนั้นจากลายมือและนำมาสอบปากคำได้ไหมคะ? หนูคิดว่าเจ้าของก้อนกระดาษนั้นสามารถบอกเราได้ว่าใครคือผู้อยู่เบื้องหลังและมีผู้สมรู้ร่วมคิดในการใส่ร้ายหนูหรือไม่ หนูคิดว่าผู้กระทำมีมากกว่าหนึ่งค่ะ”

เมื่ออาจารย์ผู้คุมสอบหญิงได้ยินดังนั้น สีหน้าผ่อนคลายก็ปรากฏขึ้น

หลินม่ายขมวดคิ้วอย่างช่วยไม่ได้

หัวหน้าเรียกครูสองคนมาและให้นำก้อนกระดาษนี้ไปเทียบกับลายมือของนักเรียนทุกคนที่อยู่ในห้องสอบเดียวกันหลินม่าย

พวกเขาควรดำเนินการอย่างเงียบงันและระมัดระวัง เพื่อไม่ให้รบกวนหรือส่งผลกระทบต่อการสอบของนักเรียนคนอื่น

แม้จะทำการเทียบลายมือและทราบตัวเจ้าของลายมือแล้ว อาจารย์เหล่านี้ก็จะยังไม่นำตัวมาจนกว่าการสอบจะเสร็จสิ้นลง

เหลือเวลาอีกเพียงยี่สิบนาทีก่อนหมดเวลาสอบ

หลินม่ายคลายความสงสัย เธอส่งกระดาษคำตอบและจากไป

นอกจากฟางจั๋วหรานแล้วก็ไม่มีใครอยู่ที่บริเวณประตูโรงเรียนเลย

หลินม่ายยังคงไม่เดินออกไปและยืนอยู่ที่หน้าประตูโรงเรียนด้วยความรู้สึกผิด เธอบอกเล่าถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้นกับเขา

ฟางจั๋วหรานผู้ไม่เคยหัวร้อนกับอะไรง่าย ๆ กลับไม่พอใจเป็นอย่างมากในเวลานี้ และต้องการเข้าไปช่วยเป็นพยาน

หลินม่ายกลับหยุดเขาไว้

เธอขยิบตาให้เขาอย่างมีเลศนัย “คุณช่วยฉันโทรหาพวกนักข่าวให้มาที่นี่ดีกว่าค่ะ”

…………………………………………………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

น่าอายไหม รับสินบนเพื่อมารังแกเด็กน่ะอาจารย์?

ไหหม่า(海馬)

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด