แม่ปากร้ายยุค​ 80 76 แม่ต้าเป่าดื่มยาฆ่าแมลง

Now you are reading แม่ปากร้ายยุค​ 80 Chapter 76 แม่ต้าเป่าดื่มยาฆ่าแมลง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 76 แม่ต้าเป่าดื่มยาฆ่าแมลง

หลังอาหารกลางวัน หลินม่ายปล่อยให้โต้วโต้วอยู่ที่บ้านกับอาหวง ส่วนเธอเดินทางไปที่โรงพยาบาลตามลำพังเพื่อเข้าเยี่ยมป้ากู่

โรงพยาบาลเต็มไปด้วยผู้ป่วย แน่นอนว่ามีเชื้อโรคจำนวนมากด้วยเช่นกัน ไม่เหมาะที่จะพาเด็กไปด้วย

เมื่อไปถึงห้องของป้ากู่ เธอเห็นอีกฝ่ายนอนหลับอยู่บนเตียงคนไข้โดยมีผ้าคาดบริเวณเอวเอาไว้แน่น

หลินม่ายถามไถ่อาการของนางจากลูกชายคนโตของป้ากู่ “อาการล่าสุดของคุณป้าเป็นอย่างไรบ้างคะ ต้องรักษาเอวกับสะโพกอีกนานไหม?”

ลูกชายของป้ากู่ตอบกลับด้วยความซาบซึ้ง “ตอนนี้อาการดีขึ้นมากแล้วล่ะครับ ถ้าคุณไม่ร้องห้ามไม่ให้ทุกคนเข้ามาขยับตัวแม่ผม กระดูกสันหลังของแม่คงเคล็ดผิดรูปไปนานแล้ว ตอนนี้ท่านอาจเป็นอัมพาตครึ่งซีกไปแล้วก็ได้”

หลินม่ายยิ้มตอบอย่างสุภาพ “อย่าพูดเกินจริงถึงขั้นนั้นเลยค่ะ”

ลูกชายของป้ากู่พูดต่อด้วยท่าทางเคร่งขรึม “ผมเปล่าพูดเกินจริง คุณหมอบอกผมว่ากระดูกสันหลังของแม่ได้รับการกระทบกระเทือนจากการล้ม ถ้าเผลอไปขยับตัวท่านพลาดแค่ครั้งเดียว ผลอาจร้ายแรงกว่าที่คิด”

หลินม่ายปลอบลูกชายของป้ากู่และให้กำลังใจเขาในการอยู่ดูแลอาการคนเจ็บ ก่อนจะขอตัวจากไป

คราวนี้พอเธอเดินผ่านบ้านของต้าเป่าอีกครั้ง ก็ได้ยินเสียงแม่ต้าเป่ากำลังตะคอกใครบางคนอยู่ที่บริเวณลานบ้าน

หลินม่ายอดคิดในใจไม่ได้ คนที่กำลังทะเลาะกับผู้หญิงไม่มีเหตุผลคนนี้เป็นใครกัน

หลังจากเงี่ยหูฟังสองสามประโยค ที่แท้แม่ต้าเป่าก็กำลังดุด่าสามีของตัวเอง

หล่อนด่าทอว่าเขาเป็นคนไร้ประโยชน์ แม้แต่ตอนที่คนอื่นลงมือทุบตีภรรยาของตัวเองยังปกป้องอะไรไม่ได้

หล่อนด่าทอด้วยความโกรธ ถึงขั้นพาดพิงถึงบรรพบุรุษในตระกูลของเขาทั้งแปดชั่วอายุคนซ้ำแล้วซ้ำอีก

พ่อต้าเป่าถูกด่าทอหนักข้อเข้าก็ไม่อยากทนอยู่ในบ้านอีกต่อไป ได้แต่วิ่งหลบหนีออกมาด้วยใบหน้าซีดเผือด ขณะที่พยายามหลีกเลี่ยงเสือโคร่งในบ้านก็เกือบวิ่งชนเข้ากับหลินม่าย

แม่ต้าเป่าแบกร่างอ้วนวิ่งตามออกมา ปากก็พ่นคำด่าไม่ขาดช่วง ทันทีที่เห็นหลินม่าย ปากที่ไม่มีหูรูดเป็นทุนเดิมอยู่แล้วก็พ่นคำสบถออกมาทันที “เป็นแค่หมากลับพยายามจะจับหนู(1) ยุ่งเรื่องของคนอื่นไม่เข้าท่า นังคนสารเลว!”

หลินม่ายหน้าตึงทันที “คุณว่าใครเป็นหมา? พูดมาสิ คุณด่าใครว่าสารเลว!”

แม่ต้าเป่าชี้หน้าเธอก่อนจะร่ายประโยคยาวเหยียด “จะมีใครอีกล่ะ? ก็หล่อนไง! ลืมแล้วเหรอตัวเองทำอะไรลงไปตอนที่นังคนแซ่กู่นั่นล้มลงกับพื้น? เป็นเพราะหล่อนเอะอะโวยวายจะส่งตัวมันเข้าโรงพยาบาลยังไงล่ะ โรงพยาบาลน่ะเครื่องสูบเงินชั้นดี จะป่วยหนักป่วยเบาก็ขูดรีดค่ารักษาพยาบาลเอากับประชาชนตาดำ ๆ ทั้งนั้น ถ้าหล่อนไม่พยายามส่งตัวนังคนแซ่กู่นั่นเข้าโรงพยาบาล ลูกชายกับลูกสาวของมันจะวิ่งโร่มาหาฉันที่บ้าน แล้วเรียกร้องค่ารักษาพยาบาลกับค่าเสียหายรึ?!”

พ่อต้าเป่าเหลือบมองภรรยาของตัวเองอย่างนึกรังเกียจ ขณะเดียวกันนั้นก็หันหน้าไปปลอบหลินม่าย “อย่าถือสาหล่อนเลย ปากคอหล่อนเราะรายอย่างนี้มาตั้งแต่ไหนแต่ไร”

“หน็อย! ไอ้ผัวสารเลว แม้แต่แกก็เข้าข้างนังจิ้งจอกนี่ถึงขั้นด่าฉันงั้นเรอะ!”

เมื่อแม่ต้าเป่าได้ยินว่าสามีของตัวเองที่ไม่เคยมีปากมีเสียงมาตั้งแต่ไหนแต่ไรดุด่าหล่อนเป็นครั้งแรกเพราะหลินม่าย ความโกรธของหล่อนยิ่งทวีคูณขึ้นจนแทบบ้า

พ่อต้าเป่ายกมือขึ้นชี้หน้าภรรยาของตัวเองด้วยภาวะอารมณ์ที่พบเห็นได้ยาก พูดว่า “ถ้าคุณยังกล้าด่าหล่อนว่านังจิ้งจอกอีก ผมจะตบหน้าคุณซะ! คุณกล่าวหาว่าหล่อนยุ่งวุ่นวายเรื่องของคนอื่นไม่เข้าท่าได้ยังไง? ถ้าไม่ใช่เพราะเสี่ยวหลินห้ามไม่ให้ทุกคนเข้าไปแตะต้องป้ากู่ แล้วป้ากู่เกิดเจ็บหนักถึงขั้นเป็นอัมพาตขึ้นมา บ้านเราคงสูญเงินมากกว่านี้เสียอีก! นอกจากไม่คิดจะขอบคุณแล้วยังด่าทอเสี่ยวหลินอีก ไม่รู้ว่าคุณป่วยทางจิต สมองมีปัญหา หรือโง่เกินกว่าจะแยกแยะดีชั่วกันแน่!”

หลินม่ายแอบคิดในใจ ‘แน่ล่ะ หล่อนทั้งป่วยทางจิต สมองมีปัญหา และโง่เขลารวมอยู่ในตัวคนเดียว’

“คิดจะตบฉันงั้นเหรอ? ฉันนี่แหละจะฆ่าแกก่อน!” แม่ต้าเป่ารีบวิ่งพรวดเข้าไปหมายจะข่วนหน้าสามี

แต่คราวนี้สามีของหล่อนไม่ยอมนิ่งเฉยอีกต่อไป เขาผลักหล่อนให้ล้มลงไปกองกับพื้น ก่อนจะลงมือตบตีอย่างรุนแรง จนหล่อนร้องห่มร้องไห้

ชาวบ้านที่เห็นเหตุการณ์รู้สึกบันเทิงใจไม่น้อย นอกจากจะไม่ยื่นมือเข้าไปห้ามไม่ให้สองผัวเมียทะเลาะกัน ยังยกนิ้วโป้งให้กับพ่อต้าเป่า เป็นเชิงสนับสนุนว่าเขาควรทำแบบนี้กับหล่อนตั้งนานแล้ว

สภาพอากาศในเมืองเจียงเฉิงไม่ค่อยแน่นอนนัก เมื่อวานนี้ดวงอาทิตย์ยังแผดแสงจ้าจนร้อนระอุ แต่พอตกกลางคืนกลับมีลมหนาวพัดกระโชกแรง อุณหภูมิลดฮวบ เมื่อตื่นนอนอีกครั้งก็พบว่าเข้าสู่ฤดูหนาวอย่างสมบูรณ์

เช้าตรู่วันนี้ หลินม่ายและลูกสาวสวมใส่เสื้อแจ็กเกตผ้าฝ้ายตัวหนา หลังจากเตรียมข้าวของเสร็จสรรพก็ออกจากบ้านไปตั้งแผงลอยตามปกติ

พอมาถึงทางเข้าหมู่บ้าน เธอพบเจอกับผู้ค้ารายย่อยสองสามคนจากในหมู่บ้านเดียวกัน จึงมีเพื่อนร่วมทางไปที่ท่าเรือ

ใครคนหนึ่งถามหลินม่ายว่าเธอรู้เรื่องที่แม่ต้าเป่าพยายามจะฆ่าตัวตายด้วยการดื่มยาฆ่าแมลงแล้วหรือยัง ตอนนี้หล่อนนอนรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลหลังจากล้างท้อง

หลินม่ายถามกลับด้วยความประหลาดใจ “แค่เพราะถูกสามีตัวเองตบตี หล่อนน้อยใจถึงขั้นดื่มยาฆ่าแมลงเลยหรือ?”

“ไม่ใช่อย่างนั้นหรอก!” ตู้จวนพูดด้วยน้ำเสียงดูถูก “แม่ต้าเป่าก็เป็นคนแบบนี้แหละ เพื่อขู่ให้สามีตัวเองกลัว อะไรที่เสี่ยงชีวิตก็ยอมทำทั้งนั้น”

ชาวบ้านอีกคนถอนหายใจ พูดเสริม “พ่อต้าเป่าเองก็ขี้ขลาดกลัวเมียมาตั้งแต่ไหนแต่ไร เมียตัวเองสร้างปัญหาแบบนี้ เขาจะยังทนดูดายได้อีกหรือ?”

ชาวบ้านอีกคนหนึ่งกลับแสดงความคิดเห็นอย่างไม่นึกเห็นอกเห็นใจ “ใครสั่งใครสอนให้เขาเป็นคนขี้ขลาดแบบนั้นกันล่ะ? ถ้าเขาใจแข็งกว่านี้สักหน่อย ก็ควรเลิกให้ความสนใจพฤติกรรมของเมียตัวเองได้แล้ว ในเมื่อหล่อนชอบดื่มยาฆ่าแมลงนักก็ปล่อยให้หล่อนดื่มจนพอใจ ดูซิว่าครั้งต่อ ๆ ไปหล่อนยังจะกล้าใช้ลูกไม้เดิม ๆ นี้อยู่อีกไหม!”

หลินม่ายยิ้มพลางโคลงศีรษะ “การดื่มยาฆ่าแมลงไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ ถ้าส่งตัวหล่อนไปล้างท้องที่โรงพยาบาลไม่ทัน อาจเสี่ยงอันตรายถึงแก่ชีวิต ทำไมคุณถึงอยากให้พ่อต้าเป่าลำบากใจล่ะคะ?”

ชาวบ้านคนเดิมยังคงเหยียดหยาม “คุณคิดว่าแม่ต้าเป่าอยากตายจริง ๆ เหรอ? ที่หล่อนยอมดื่มยาฆ่าแมลงก็เพื่อเรียกร้องความสนใจจากสามีตัวเองเท่านั้นแหละ ตราบใดที่ผู้ชายคนนั้นยังกลัวว่าหล่อนจะตาย เขาก็ยอมอยู่ในโอวาทของหล่อนอย่างเชื่อฟังอยู่แล้ว เพราะแบบนี้ทุกครั้งที่หล่อนดื่มยาฆ่าแมลงก็เป็นยาที่เจือจางมาก ๆ กินยังไงก็ไม่ถึงตาย”

หลินม่ายตกตะลึง ผู้หญิงคนนี้คือสุดยอดนักสู้ชีวิตอย่างแท้จริง พอถึงจุดที่ตัวเองจนตรอกกลับหาวิธีพลิกสถานการณ์กลับมาได้อย่างไม่น่าเชื่อ!

แม่ต้าเป่าเข้าโรงพยาบาล ดังนั้นบริเวณท่าเรือจึงมีแค่ร้านของหลินม่ายที่ขายเกี๊ยว ธุรกิจของเธอเฟื่องฟูกว่าทุกวันเสียอีก

ขณะที่เธฮกำลังยุ่งอยู่กับการค้าขาย พ่อต้าเป่าก็เดินมาหาเธอถึงที่แผงลอยด้วยใบหน้าซีดเซียว

เมื่อเหลือบไปเห็นผู้ชายที่ยืนทำหน้าตาหดหู่อยู่ตรงหน้า หลินม่ายยังอุตส่าห์ถามไถ่ด้วยความห่วงใยในฐานะมนุษย์ด้วยกันว่า “คุณเป็นอะไรหรือเปล่า?”

พ่อต้าเป่าไม่ตอบกลับ หลังจากนั้นพักหนึ่ง เขาถามเธอด้วยความลังเล “คุณ… คุณรู้เรื่องที่ภรรยาของผมพยายามฆ่าตัวตายด้วยการดื่มยาฆ่าแมลงแล้วหรือยัง?”

การแสดงออกของหลินม่ายแปรเปลี่ยนเป็นไม่แยแสในทันที “ภรรยาของคุณเอาแต่โยนสิ่งปฏิกูลใส่หัวฉันไม่เว้นวัน เรื่องอะไรฉันจะต้องสนใจความเป็นตายของหล่อนด้วย?”

พ่อต้าเป่าถึงกับสำลักน้ำลาย ถึงอย่างนั้นก็ยังคงรวบรวมความกล้าแล้วพูดต่อ “ภะ… ภรรยาของผมได้รับการรักษาพยาบาลไม่ดีเท่าไหร่ ผม… ผมอยากให้คุณไปขอโทษหล่อนต่อหน้า แล้วช่วยจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้กับหล่อนด้วย ไม่อย่างนั้น เกรงว่าผลที่ตามมาหลังจากนี้คงไม่ดีนัก…”

หลินม่ายหันขวับมองไปทางผู้ชายไร้ประโยชน์ที่ยืนอยู่ตรงหน้าด้วยสายตาเหลือเชื่อ “หล่อนไม่มีค่ารักษาแล้วมันเกี่ยวอะไรกับฉัน? ฉันบีบปากหล่อนแล้วกรอกยาฆ่าแมลงลงไปหรือไง? นั่นมันเรื่องของพวกคุณสองคน จะดึงฉันเข้าไปข้องเกี่ยวเพื่ออะไร? ถ้าหล่อนอยากให้ฉันไปขอโทษ แสดงว่าสมองของหล่อนมีปัญหาจริง ๆ แล้วล่ะ อย่าลืมเข้ารับการบำบัดด้วยนะ!”

ใบหน้าของพ่อต้าเป่าแดงก่ำยิ่งกว่าเดิม คำพูดของเขาหลังจากนั้นตะกุกตะกักมากขึ้นเรื่อย ๆ

“ผม… ผมรู้ว่าการพยายามฆ่าตัวตายของหล่อนไม่เกี่ยวอะไรกับคุณ ตะ… แต่… หล่อนยืนกรานว่าคุณยุ่งเรื่องของคนอื่นไม่เข้าท่า เป็นต้นเหตุที่ทำให้ลูก ๆ ของป้ากู่มาเรียกร้องค่าเสียหายจากครอบครัวของเรา หล่อนยังบอกด้วยว่าคุณจะต้องไปขอโทษหล่อนให้ได้ ถ้าคุณไม่ยอม หล่อนออกจากโรงพยาบาลได้เมื่อไหร่จะแขวนคอที่หน้าประตูบ้านทันที เพราะแบบนี้คุณถึงต้องเป็นฝ่ายยอมหล่อน”

หลินม่ายตอบกลับอย่างเย็นชา “ก็เรื่องของหล่อนสิ ถ้าหล่อนนึกอุตริจะมาแขวนคอที่หน้าประตูบ้านจริง ๆ ก็แล้วแต่ ตราบใดที่ไม่พาตัวเองมาแขวนคอหน้าประตูบ้านของฉัน ถ้าหล่อนกล้ามาแขวนคอที่หน้าประตูบ้านฉันละก็ ฉันจะขึ้นโรงพักแล้วแจ้งความหล่อนข้อหาบุกรุก ต่อให้ความผิดไม่ร้ายแรงมาก แต่ปล่อยให้หล่อนนอนคุกสักสองสามคืนก็น่าจะดี”

พ่อต้าเป่าตกตะลึงจนพูดอะไรไม่ออก

ฟางจั๋วหรานมาอุดหนุนเกี๊ยวร้านเธอตามปกติ เผอิญได้ยินบทสนทนาระหว่างทั้งสองเข้าพอดี จึงหันไปพูดกับหลินม่ายว่า “ถ้าผู้หญิงคนนั้นมาแขวนคอหน้าประตูบ้านของคุณจริง อย่าได้ปล่อยผ่านเด็ดขาด คุณสามารถยื่นเรื่องฟ้องศาลได้ เพราะพฤติกรรมของหล่อนอาจส่งผลกระทบต่อมูลค่าบ้านของคุณ ครอบครัวของหล่อนจะต้องชดใช้ค่าเสียหาย”

จากนั้นเขาก็หันไปทางพ่อต้าเป่าแล้วพูดว่า “กลับไปบอกภรรยาของคุณซะ อย่าคิดเอาชีวิตของตัวเองมาใช้เป็นเครื่องมือคุกคามคนอื่น ในเมื่อหล่อนอยากตายก็ปล่อยให้หล่อนตายไปซะ จะไม่มีใครต้องรับผิดชอบต่อการตายของหล่อนทั้งนั้น หลังจากหล่อนตาย แน่นอนว่าปัญหาที่หล่อนทิ้งไว้ย่อมตกอยู่กับคุณ”

พ่อต้าเป่าได้แต่ถอนหายใจอย่างจนปัญญา ในใจครุ่นคิดว่าสองคนนี้ช่างโหดเหี้ยมยิ่งกว่าใครที่เขาเคยพบเจอเสียอีก จากนั้นก็จำใจลากฝีเท้าอันหนักอึ้งเดินออกไป

……………………………………………………………………………………………………………….

สุนัขพยายามจับหนู หมายถึง คนที่เข้าไปยุ่งวุ่นวายเรื่องของคนอื่น เปรียบกับสุนัขที่อยากจะจับหนู ทั้ง ๆ ที่เป็นหน้าที่ของแมวต่างหาก

สารจากผู้แปล

บ้าบอ ดื่มยาฆ่าตัวตายเองแล้วยังใช้การตายของตัวเองมาบีบคนอื่นอีก

พี่หมอถึงกับช่วยม่ายจื่อแบบไม่สนจรรยาบรรณวิชาชีพตัวเองเลยอะ

ไหหม่า(海馬)

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *