แม่ปากร้ายยุค​ 80 81 คืนถิ่นในวันฝนโปรย

Now you are reading แม่ปากร้ายยุค​ 80 Chapter 81 คืนถิ่นในวันฝนโปรย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 81 คืนถิ่นในวันฝนโปรย

ในตอนแรกฟางจั๋วหลานอยากจะให้หลินม่ายมาทำงานในศูนย์อาหารที่โรงพยาบาลของเขา แต่ก็เป็นอันต้องพับเก็บแผนการไปอย่างเงียบ ๆ เมื่อได้ยินสิ่งที่เธอพูด

ทุก ๆ คนล้วนแต่มีเป้าหมายในชีวิตเป็นของตนเอง แม้ตัวเขาจะต้องเจ็บปวดที่ได้เพียงเฝ้าดูแต่ก็ต้องยอมรับว่าตนเองไม่ได้อยู่ในฐานะที่จะเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการตัดสินใจของเธอได้

หลินม่ายกลับมาที่บ้าน ลงมือนับเงินที่ได้จากการขายซาลาเปาและไข่ต้มดองซีอิ๊วของเมื่อเช้านี้

ถึงจะต้องคอยเล่นไล่จับกับเหล่าเทศกิจ แต่เธอก็ยังสามารถขายซาลาเปาได้ 200 ลูกกับไข่ต้มดองซีอิ๊ว 100 ฟอง ได้เงินมากกว่า 10 หยวน ในทุก ๆ เช้า

พระเจ้าไม่เคยทอดทิ้งคนที่ขยันทำงาน ตอนนี้เธอมีเงินเก็บอยู่มากกว่า 2,000 หยวนแล้ว

หลินม่ายวางแผนจะเปิดร้านขายของกินเล่นริมทางในช่วงเดือนหน้า

เพราะฉะนั้นเพื่อความปลอดภัยในตอนนี้ เธออาจจะต้องระวังตัวให้มากขึ้นเวลาเอารถเข็นออกไปขายซาลาเปากับไข่ต้มดองซีอิ๊ว

พอเห็นที่ว่างตรงถนนเส้นไหนที่เหมาะจะเปิดร้านขายของกินเล่น หลินม่ายก็ไม่ลังเลที่จะเข้าไปติดต่อเพื่อจะเช่าที่ตรงนั้น

เนื่องจากเมืองนี้เป็นเมืองที่มีแม่น้ำแยงซีไหลผ่าน ทำให้ที่นี่มีฝนตกเยอะเป็นพิเศษ โดยเฉพาะในช่วงฤดูใบไม้ผลิที่มีฝนตกต่อกันยาวนานหลายวัน

ฝนเริ่มโปรยปรายลงมาอีกครั้งในวันนี้ พยากรณ์อากาศจากวิทยุของเพื่อนบ้านคาดว่าฝนจะตกแบบนี้ไปอย่างน้อยสามวัน

ฝนตกแบบนี้ก็ออกไปข้างนอกไม่ได้ คนกระตือรือร้นอย่างเธอคงต้องเฉาตายถ้าต้องอยู่เฉย ๆ ในบ้านจนเห็ดขึ้นตัวตั้งสามวัน

ตั้งแต่มาถึงที่นี่ในช่วงหลังตรุษจีน หลินม่ายก็ไม่ได้มีโอกาสกลับไปหาคุณปู่กับคุณย่าฟางเลย

หญิงสาวถักเสื้อไหมพรมสำหรับลูกน้อยและคุณปู่คุณย่าฟางเอาไว้นานแล้ว

จึงคิดขึ้นได้ว่าระหว่างที่ไม่สามารถออกไปตั้งแผงขายของได้ในช่วงฝนตก จะเดินทางกลับไปที่บ้านเพื่อเยี่ยมเยือนผู้อาวุโสทั้งสอง แล้วถือโอกาสเอาเสื้อไหมพรมไปให้พวกท่านด้วย

ฤดูใบไม้ผลิในเมืองเจียงเฉิงนั้นแสนสั้น เพียงชั่วพริบตาฤดูร้อนก็จะหมุนเวียนมาถึง

ถ้าไม่รีบเอาเสื้อไหมพรมไปให้พวกท่านในช่วงฤดูใบไม้ผลิแบบนี้ เสื้อผ้าที่อุตส่าห์ถักเตรียมไว้ก็คงไม่มีโอกาสได้ถูกหยิบขึ้นมาสวมอีกจนกว่าจะถึงช่วงฤดูใบไม้ร่วง

แถมยังมีเรื่องเอกสารทะเบียนบ้านของเธอและลูกที่ยังไม่ได้แจ้งย้าย นี่คงจะเป็นเวลาที่เหมาะสมสำหรับการจัดการเรื่องเอกสารเหล่านี้ให้เรียบร้อย

ในวันแรก หลินม่ายเลือกซื้อของขวัญติดไม้ติดมือไปฝากผู้ใหญ่ทั้งสอง และไปติดต่อผู้ใหญ่บ้านเรื่องเอกสารทะเบียนบ้าน

เช้าวันถัดมาเธอพาโต้วโต้วออกเดินทางไปด้วยกัน และฝากอาหวงให้อยู่ในความดูแลของเพื่อนบ้านเป็นเวลาสองวัน

โต้วโต้วชอบคุณปู่และคุณย่าฟางมาก เด็กน้อยตื่นเต้นอย่างมากที่จะได้เดินทางกลับไปเยี่ยมพวกท่านที่บ้านเกิด

อีกสาเหตุหนึ่งที่โต้วโต้วชอบไปเจอผู้ใหญ่ทั้งสองก็คงจะหนีไม่พ้นเรื่องที่ว่า การอยู่กับแม่ในวันที่ฝนตกทำให้หล่อนต้องถูกแม่เคี่ยวกรำอย่างหนักในการฝึกอ่านเขียน จนรู้สึกปวดหัวไปหมด

เมื่อไปถึงที่บ้านของปู่ย่า เด็กน้อยก็จะรอดพ้นจากการเรียนหนังสือ และได้เล่นกับคุณปู่คุณย่าฟางอย่างสนุกสนาน

คุณย่าฟางดีใจอย่างมากเมื่อสองแม่ลูกเดินทางไปถึงที่บ้าน

เมื่อเห็นว่าสองมือของเธอเต็มไปด้วยของฝาก หญิงชราก็บ่นอุบว่าหลินม่ายไม่จำเป็นจะต้องสิ้นเปลืองเงินซื้อของเหล่านี้มาเลย

แม้ว่าฝนด้านนอกจะยังตกหนัก แต่หญิงสาวก็ยังต้องออกไปที่ตลาดสหกรณ์ หาซื้อปลาและเนื้อหมูกลับมาเพื่อเตรียมอาหารอร่อย ๆ สำหรับมื้อเที่ยง

หลินม่ายรีบวางข้าวของที่เอามาด้วยลงแล้วออกจากบ้านไปยังตลาดสหกรณ์พร้อมกับร่มสำหรับกันฝน

เลยสิบโมงเช้ามาแล้ว ที่เคาน์เตอร์เนื้อสัตว์ของตลาดสหกรณ์ยังมีเนื้อหมูสามชั้นวางขายอยู่

หญิงสาวเลือกซื้อหมูสามชั้นอย่างดีหนึ่งชั่ง ขาหมูชิ้นใหญ่ 1 ชิ้น ปลาตะเพียนสองสามตัว เนื้อไก่มังสวิรัติครึ่งชั่งแล้วก็กลับไปที่บ้าน

ตอนที่หลินม่ายกลับมาถึงบ้านเธอยังไม่ได้เจอกับคุณปู่ฟาง และจนตอนนี้ที่หญิงสาวกลับมาจากการจ่ายตลาด ก็ยังคงไร้เงาของชายชรา

เธอมองออกไปด้านนอกที่มีฝนตกลงมาอย่างไม่ขาดสายจากในตัวบ้าน แล้วเอ่ยถามคุณย่าฟาง “คุณย่าคะ แล้วคุณปู่ล่ะ ออกไปบ้านใครเหรอ?”

หญิงชรานั่งลงที่ห้องโถงแล้วเริ่มหั่นผักเตรียมสำหรับทำอาหาร “เมื่อสองสามวันก่อน คนที่มีแรงทำงานทั้งหมดถูกเรียกตัวไปช่วยงานในนารวมกันหมด ถ้าปู่เขาแค่อยากไปหาพวกเขาก็คงจะพยายามมากไปหน่อยแล้ว”

หลินม่ายเริ่มช่วยคุณย่าฟางหั่นผักบ้างหลังจากที่นั่งลงในตำแหน่งตรงข้ามของอีกฝ่ายบนเก้าอี้หัวกลม

เธอถามออกไปอย่างไม่เข้าใจ “แล้วถ้างั้น…คุณปู่ไปไหนล่ะคะ”

“ก็ออกไปดูนารวมกับเขากันนั่นแหละ”

หลินม่ายได้ยินแบบนั้นก็ยิ่งสับสนมากขึ้นอีก “ทำไมคุณปู่ต้องออกไปกับเขาด้วยคะ”

คุณย่าฟางอธิบายว่า “พอบ้านแต่ละหลังทำสัญญาเข้าร่วมนารวมแล้ว พวกข้าวของอะไรก็ต้องแบ่งกัน แจกจ่ายกันใช้ทั้งหมด

ไอ้พวกอุปกรณ์เรื่องมืออะไร ๆ ก็แบ่งกันง่าย แต่อย่างพวกวัวหรือรถแทรกเตอร์นี่สิแบ่งกันยาก บางคนต้องแบ่งเงินไว้ซื้อทั้งวัวทั้งรถแทรกเตอร์อย่างละครึ่ง

วัวราคาแค่ 50 หยวนใคร ๆ ก็ซื้อได้

หลายบ้านก็เลยมาแย่งกันซื้อวัวไม่มีใครยอมใคร จนเจ้าหน้าที่เขาต้องมาขอให้ปู่ไปช่วยไกล่เกลี่ยให้

รถแทรกเตอร์ก็ราคาเกิน 1,000 หยวนโน่นแหละ ใครจะไปมีเงินจ่าย ก็ต้องหารกัน พวกเขาเลยจะถอดมันเป็นชิ้น ๆ เพื่อแบ่งกัน ปู่เขาก็เลยต้องไปห้าม

เมื่อเช้าพอกินข้าวเสร็จปู่ก็ออกไปกับพวกสมาชิกเพื่อสะสางเรื่องน่าปวดหัวทั้งหมด”

“เรื่องทำสัญญาของบ้านกับนารวมนี่ เพิ่งจะเริ่มคุยกันเมื่อปีสองปีมานี้เอง ตอนนี้เอามาทำกันจริง ๆ แล้ว ไม่รู้จะเร่งรีบอะไรกันขนาดนี้” หญิงชราว่าพลางถอนหายใจอย่างเสียไม่ได้

หลินม่ายเองก็พยักหน้าเห็นด้วย

หลังจากที่ช่วยคุณย่าฟางเตรียมผักและล้างจานเรียบร้อย หลินม่ายก็ลงมือทำหมูตงปอกับขาหมูตุ๋นที่ต้องใช้เวลาค่อนข้างนานทั้งคู่จนเสร็จ

อาหารทั้งหมดพร้อมสำหรับมื้อกลางวัน แต่คุณปู่ฟางก็ยังไม่กลับมา

คุณย่าฟางยืนอยู่ที่ประตูบ้าน ทอดสายตาไปที่หมอกจาง ๆ ท่ามกลางกลุ่มฝนที่ตกอยู่ด้านนอกพลางเอ่ยกับตัวเองเบา ๆ “ทำไมป่านนี้แล้วยังไม่กลับมาอีกนะ”

หลินม่ายจึงหยิบร่มคู่ใจขึ้นมาแล้วอาสาออกไปดูให้ “เดี๋ยวหนูจะไปดูให้เองค่ะ”

เธอออกเดินไปตามทาง ฝ่าสายฝนที่โปรยปรายลงมาแบบไม่มีทีท่าว่าจะหยุด ไปถึงบริเวณที่ทำการกองทหารซึ่งมีเสียงจอแจดังออกมา บ่งบอกว่ามีผู้คนรวมตัวกันอยู่ที่นั่น

หญิงสาวเข้าไปยืนร่วมกับฝูงชนอย่างเงียบ ๆ เพื่อสังเกตการณ์ว่าทุกคนกำลังโต้เถียงเรื่องอะไรกันอยู่ที่นี่

เจ้าหน้าที่ของหมู่บ้านกำลังแนะนำว่าใครที่ต้องการซื้อรถแทรกเตอร์จะสามารถผ่อนจ่ายได้

แต่เป็นเพราะกว่าจะผ่อนค่ารถแทรกเตอร์ได้หมดก็ต้องกินเวลายาวนานมาก ชาวบ้านที่ฟังอยู่จึงไม่เห็นด้วย

การจ่ายเงิน 100 หยวน ติดต่อกันเป็นเวลา 12 ปีเป็นเรื่องง่ายพอ ๆ กับการซื้อวัว ชาวบ้านบางคนสามารถจ่ายเงินจำนวนนี้ได้

แต่ติดที่ว่าควรจะขายมันให้กับใคร

ยังต้องคิดถึงประเด็นที่ว่าราคาของสินค้าแต่ละอย่างไม่ค่อยคงที่เหมือนเมื่อก่อน แต่กลับแพงขึ้นเรื่อย ๆ มาตั้งแต่ช่วงปีใหม่ สินค้าในตลาดมืดเองก็ราคาพุ่งขึ้นเหมือนติดจรวด

กระทะอลูมิเนียมที่ราคาเพียง 3 หยวนในปีที่แล้วกลับต้องใช้เงินถึง 4 หยวนเพื่อซื้อหามันมาในปีนี้

ถ้าปล่อยให้มีคนผ่อนค่ารถแทรกเตอร์นานถึง 12 ปี กว่าจะถึงวันนั้นเงิน 100 หยวนพอเอามาหารแบ่งกันแล้วจะเหลือมูลค่าสักกี่มากน้อย

ชาวบ้านส่วนมากจึงคัดค้านเรื่องการผ่อนรถแทรกเตอร์นี้

นั่นหมายความว่าถ้าต้องการจะซื้อสินค้า ก็ควรที่จะต้องจ่ายเงินแบบเป็นก้อนเดียว

ผู้นำชุมชนเริ่มอธิบายขึ้นมาว่า “ถ้ามีใครซักคนที่จ่ายเงินซื้อรถนี่ด้วยเงินก้อนเดียวได้ มันจะไม่ยุ่งยากเลยซักนิด แต่ผมคิดวิธีนี้ขึ้นมาเพราะว่าไม่มีใครจ่ายไหวไงล่ะ”

“ถ้างั้นท่านก็ต้องแก้ปัญหาด้วย หาวิธีตัดสินมาเลยสิ ว่าจะขายรถแทรกเตอร์นี่ให้ใคร” ชาวบ้านคนหนึ่งเอ่ยขึ้นอย่างไม่พอใจ

“งั้นก็จับสลากเหมือนตอนขายวัว” หัวหน้าชุมชนเสนอ

แต่ชาวบ้านที่ต้องจับสลากก็ไม่เห็นด้วยอีก

เพราะการซื้อรถแทรกเตอร์แบบผ่อนจ่ายเป็นอะไรที่คุ้มค่ามากเกินกว่าจะใช้การเสี่ยงดวงเป็นตัวตัดสิน

คุณปู่ฟางที่นั่งฟังอยู่เห็นว่าจนแล้วจนรอดปัญหาก็ยังไม่ได้ข้อสรุปเสียที ประจวบเหมาะกับที่หลินม่ายกำลังมาทางนี้ ท่านจึงลุกขึ้นแล้วโบกมือไปมา “ทุกคนแยกย้ายไปกินข้าวเที่ยงกันก่อนเถอะ เอาไว้เรากลับมาคุยเรื่องนี้กันต่อตอนบ่ายแล้วกัน”

สิ้นคำกล่าวนั้นผู้คนที่ชุมนุมกันอยู่ก็เริ่มสลายตัวไป

ปู่ฟางตรงเข้ามาหาหญิงสาวด้วยรอยยิ้ม “ไม่เห็นรู้เลยว่าหนูจะกลับมา”

“ช่วงนี้ฝนตกหนักจนทำให้ออกไปขายของไม่ได้ หนูก็เลยพาโต้วโต้วกลับมาเยี่ยมคุณปู่คุณย่าน่ะค่ะ”

หลินม่ายเอ่ยตอบอย่างเรื่อย ๆ ระหว่างทางที่เดินกลับบ้านพร้อมกับคุณปู่

ทันทีที่เห็นว่ามีหมูตงปอและขาหมูตุ๋น คุณปู่ฟางก็ยิ้มออกมาอย่างมีความสุข

ท่านชอบสองเมนูนี้ที่หลินม่ายเป็นคนทำให้มากที่สุด เพราะสัมผัสที่นุ่มละลายชุ่มฉ่ำด้วยซอสเข้มข้น เหมาะกับคนแก่ที่เริ่มจะฟันไม่ค่อยดี เคี้ยวอาหารเหนียว ๆ ได้ลำบาก

บนโต๊ะอาหาร ผู้อาวุโสทั้งสองถามไถ่เรื่องราวต่าง ๆ ของหลินม่ายและเด็ก ๆ อยู่เรื่อย ๆ

แต่ส่วนมากคนที่ตอบคำถามเหล่านั้นกลับเป็นโต้วโต้ว ในขณะที่หลินม่ายเอาแต่ครุ่นคิดอะไรบางอย่าง

“ม่ายจื่อ เป็นอะไรไป เธอดูเครียด ๆ นะ เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า”

……………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

เดาว่าม่ายจื่อกำลังคิดหาเงินมาผ่อนแทรกเตอร์แน่เลยค่ะ

ไหหม่า(海馬)

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *