แม่ปากร้ายยุค​ 80 405 สั่งซื้อนมวัว

Now you are reading แม่ปากร้ายยุค​ 80 Chapter 405 สั่งซื้อนมวัว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 405 สั่งซื้อนมวัว

เมื่อมีคนเอานมมาส่งในตอนเช้า หลินม่ายก็แก้ไขที่อยู่ให้พวกเขาไปส่งนมที่วิลล่า และซื้อขวดเปล่าจากพวกเขาสองขวด

คนส่งนมเกาศีรษะ ถามด้วยความไม่เข้าใจ “คุณจะเอาขวดนมเปล่าไปทำอะไร?”

หลินม่ายจึงบอกจุดประสงค์แก่เขา

คนส่งนมพูดตอบอย่างลังเลว่า “ผมหานมสดให้คุณได้ แต่ราคาจะแพงกว่าหน่อยหนึ่งนะ”

ดวงตาหลินม่ายเป็นประกาย เธอลืมไปได้อย่างไรว่าพนักงานส่งนมในอุตสาหกรรมนมของแม่น้ำหยางจื่อมีโควตาภายใน?

“เงินไม่ใช่ปัญหา คุณช่วยหามาสามที่ได้ไหม?”

เนื่องจากสามารถหาโควตาได้ เธอจึงอยากให้ฟางจั๋วหรานด้วยอีกหนึ่งที่

ให้เขาดื่มนมสดหนึ่งขวดทุกวันเพื่อเติมพลังงานในร่างกาย

คนส่งนมตื่นเต้นนิดหน่อย “ได้แน่นอน!”

หลินม่ายจ่ายเงินทันที ให้เขาส่งนมให้เธอที่นี่แค่ขวดเดียว ที่เหลืออีกสี่ขวดให้ส่งไปที่วิลล่าทั้งหมด

ตอนนั้นเองที่เธอได้รู้ว่าทำไมคนส่งนมถึงลังเล

ตอนที่เขาขายนมสดให้เธอ ราคาสินค้าไม่ใช่แค่แพงกว่านิดหน่อย แต่มันแพงกว่าเกือบถึงสองเท่า

ช่างเถอะ ในฐานะคนที่อยู่ในเมืองห่างไกล ได้กินนมสดก็ถือว่าไม่เลวแล้ว

คนมีเงินบางคนก็กำเงินไปซื้อนมสดไม่ได้

พอถึงแปดโมงเช้า หลินม่ายก็ปั่นจักรยานไปที่โรงงานตัดเย็บเสื้อผ้า

ไปถึงก็จัดประชุมทำความเข้าใจสถานการณ์ยอดขายของร้านเสื้อผ้า Unique และร้านเครื่องประดับผมไป๋เหอซื่อโถว

เหรินเป่าจูพูดว่า “ยอดขายเสื้อผ้าของ Unique เพิ่มขึ้นอย่างมั่นคง แต่ยอดขายเครื่องประดับผมของไป๋เหอซื่อโถวเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว”

หล่อนส่งรายงานยอดขายเครื่องประดับผมไป๋เหอซื่อโถวของเมื่อวานให้หลินม่าย “จากการวิเคราะห์ข้อมูลเหล่านี้ อาจจะเป็นเพราะว่าคุณถ่ายโปสเตอร์ให้ Unique และใส่เครื่องประดับผมไป๋เหอซื่อโถว”

หลินม่ายก้มลงมองรายงานยอดขาย

ยอดขายเครื่องประดับผมไป๋เหอซื่อโถวสองสามแบบที่เธอใส่ถ่ายโปสเตอร์ให้กับ Unique ล้วนอยู่ในอันดับบนๆ ทั้งหมด

เถาจืออวิ๋นยิ้มตอบ “ถ้ารู้ว่าเธอใส่เครื่องประดับผมแล้วยอดขายดีขนาดนี้ก็ควรให้เธอถ่ายโปสเตอร์เครื่องประดับผมไป๋เหอซื่อโถวนะ โปสเตอร์ที่ฉันถ่ายให้เครื่องประดับผมไป๋เหอซื่อโถวไม่ค่อยได้รับการตอบรับเลย”

หลินม่ายหัวเราะ เอ่ยถามเหรินเป่าจูด้วยความไม่เข้าใจ “ทำไมยอดขายริบบิ้นไม่ดีเลยล่ะ? ฉันเห็นอยู่ว่าบนถนนเต็มไปด้วยเด็กผู้หญิงที่ผูกริบบิ้น”

เหรินเป่าจูโบกมือ “อ่า ไม่ต้องพูดถึงเลย ตอนนี้บนถนนมีแต่ริบบิ้นประดับผมไป๋เหอซื่อโถวที่เลียนแบบของเรา คนซื้อเพราะเห็นว่าราคาถูกกว่า ริบบิ้นของเราก็เลยยอดขายไม่ดีเท่าไหร่”

สินค้าเล็กๆ แบบนี้เลียนแบบได้ง่าย แต่ถ้าจะจัดการของปลอมก็ไม่คุ้มเงิน

สุดท้ายแล้วกำไรก็มีจำกัด อีกทั้งราคาที่ต้องจ่ายในการกวาดล้างของปลอมก็สูง

หลินม่ายเงียบคิดอยู่พักหนึ่งแล้วพูดว่า “เพิ่มสัญลักษณ์เป็นจุดเด่นให้ริบบิ้นของเราดีกว่า”

“เพิ่มสัญลักษณ์ที่เป็นจุดเด่น เพิ่มยังไงคะ?” เหรินเป่าจูเอ่ยถาม

หลินม่ายหยิบปากกาขึ้นมา วาดไป๋เหอซื่อโถวลงบนกระดาษและยื่นให้โฮ่วซินอี้ “ต่อไปรูปนี้จะเป็นโลโก้ของเครื่องประดับผมไป๋เหอซื่อโถว คุณหาเวลาไปลงทะเบียนที่สำนักงานอุตสาหกรรมและการค้า จากนั้นก็บอกให้คนงานที่ทำเครื่องประดับหัวไป๋เหอซื่อโถวและช่างตัดที่ทำริ้บบิ้นของเราให้พวกเขาปักโลโก้นี้ลงไปบนริบบิ้น”

โฮ่วซินอี้รับภาพมาและพยักหน้า

เหรินเป่าจูพูด “มีโลโก้แล้วก็คงไม่ได้มีประโยชน์เท่าไร คนอื่นสามารถเลียนแบบได้อย่างรวดเร็วอยู่ดี”

“ปล่อยให้พวกเขาปลอมไป” หลินม่ายไม่ได้จริงจัง “สถานการณ์แบบนี้ไม่มีวันจบหรอก ต้องเรียนรู้ที่จะยอมรับมัน ต่อให้มีคนเลียนแบบ แต่มันก็ไม่ได้ทำลายแบรนด์ของไป๋เหอซื่อโถว นับว่าเป็นการโฆษณาแฝงให้เรา ทำให้คนรู้จักสินค้าของเรามากขึ้นแบบฟรีๆ”

หลังจากคุยกันเรื่องปัญหายอดขายของไป๋เหอซื่อโถวแล้ว หลินม่ายก็เอ่ยถามเหรินเป่าจู “ที่ให้คุณร่างประกาศรับสมัครโรงเรียนอนุบาล คุณร่างเสร็จหรือยัง?”

“ร่างเสร็จแล้วค่ะ”

เหรินเป่าจูหยิบร่างประกาศรับสมัครโรงเรียนอนุบาลส่งให้หลินม่ายดู

หล่อนเขียนประกาศรับสมัครได้ไม่เลว เน้นว่าโรงเรียนอนุบาลเสี่ยวหงฮวามีแผนการเข้าสำหรับเข้าเรียนก่อนวัย ร้องเพลง วาดรูป เต้นและทักษะอื่นๆ

ค่าเรียนก็ไม่แพงมาก เดือนละสามหยวน ไม่รวมค่าอาหารกลางวัน

อาหารกลางวันมื้อละสามเหมา ตามความสมัครใจ

หลินม่ายพยักหน้า “เขียนดีทีเดียว”

เรื่องที่ต้องคุยก็คุยไปหมดแล้ว การประชุมจึงจบลง

เถาจืออวิ๋นจึงได้บอกหลินม่ายว่าหล่อนย้ายกลับบ้านตัวเองแล้ว และคืนบ้านเช่านั้นให้กับเธอไป

หลินม่ายถาม “เดรัจฉานพวกนั้นไม่ได้มารบกวนพี่ใช่ไหม?”

เถาจืออวิ๋นรู้ว่าเดรัจฉานที่เธอหมายถึงคือใคร “ไม่มา ลูกชายพวกเขาโดนจับขังคุกจนไม่หลงเหลือความกล้ากันแล้ว จะกล้ามารบกวนฉันได้ยังไง”

หลินม่ายจึงวางใจ สะพายกระเป๋าขึ้นหลังกำลังจะจากไป

ตอนนั้นเองลุงเฝ้าประตูก็เดินเข้ามาพร้อมกับผู้ชายที่ดูฉลาดมากคนหนึ่ง

แล้วพูดกับเธอว่า “ผู้อำนวยการหลิน คุณคนนี้บอกว่ามีธุระสำคัญอยากคุยกับคุณ”

ผู้ชายคนนั้นยื่นมือที่ได้รับการดูแลอย่างดีมาข้างหน้า ทั้งขาวและอวบ พูดแนะนำตัวเองด้วยสำเนียงอู่ฮั่น

“สวัสดีครับผู้อำนวยการหลิน ผมมาจากร้านขายส่งเสื้อผ้าจินซิงที่ถนนฮั่นเจิ้งชื่อเกาจื้อหย่วนครับ ผมอายุมากกว่าคุณ คุณเรียกผมว่าพี่ใหญ่เกาก็ได้ครับ”

หลินม่ายจับมือกับเขา “สวัสดีค่ะเถ้าแก่เกา มีเรื่องอะไรก็เข้ามาคุยกันในห้องทำงานฉันเถอะค่ะ”

ทั้งสองคนเข้าไปในห้องทำงานของหลินม่าย

หลินม่ายเชิญให้เกาจื้อหย่วนนั่งลง รินชาให้เขาแก้วหนึ่ง วางไว้ข้างหน้าแล้วถามพร้อมรอยยิ้ม “ไม่รู้ว่าเถ้าแก่เกามีธุระอะไรจะคุยกับฉันเหรอคะ?”

เกาจื้อหย่วนหยิบชาขึ้นมาจิบ “ร้าน Unique ของคุณขายแค่ที่เจียงเฉิงเท่านั้นเหรอครับ?”

Uniqueเพิ่งจะก่อตั้งมาไม่นาน จึงมีขายเฉพาะที่เจียงเฉิงเท่านั้น

หลินม่ายนั่งลงบนโซฟาเดี่ยวด้านข้าง “ใช่ค่ะ ทำไมเหรอคะ?”

เกาจื้อหย่วนตอบ “คุณไม่อยากให้ร้าน Unique ของคุณกระจายออกจากหูหนานไปทั่วประเทศเหรอ? ถ้าเป็นแบบนั้นจะทำเงินได้มากกว่านะครับ”

หลินม่ายยิ้ม “ทหารที่ไม่ต้องการเป็นนายพลไม่ใช่ทหารที่ดี นักธุรกิจที่ไม่ต้องการขยายธุรกิจเองก็เช่นกัน ฉันต้องอยากกระจายสาขา Unique ไปทั่วประเทศอยู่แล้ว แต่ปัญหาคือ Unique เพิ่งอยู่ในช่วงเริ่มก่อตั้งแบรนด์ ยังไม่เริ่มหัดเดินก็ให้หัดวิ่ง นั่นจะไม่ทำให้สะดุดล้มเหรอคะ?”

เกาจื้อหย่วนได้ยินดังนั้น ใบหน้าของเขาก็เต็มไปด้วยความผิดหวัง “วันนี้ผมมาพบคุณเป็นพิเศษ ต้องการซื้อเสื้อผ้าของคุณไปขายในร้านขายส่งของผม คุณเองก็รู้ว่าเถ้าแก่ที่มาซื้อของที่ถนนฮั่นเจิ้งล้วนมาจากทั่วประเทศ ถ้าเสื้อผ้าเอามาวางขายในร้านของผม ไม่นานก็สามารถเปิดขายได้ทั่วประเทศแล้ว แต่ฟังจากที่คุณพูดแบบนี้ พวกเราคงไม่ได้ทำงานร่วมกันในตอนนี้แล้วล่ะครับ”

หลินม่ายหัวเราะและตอบว่า “ในอนาคตจะได้ร่วมมือกันแน่นอนค่ะ”

เกาจื้อหย่วนรีบถาม “อนาคตคือตอนไหนเหรอครับ?”

หลินม่ายคิดอยู่พักหนึ่ง “ช้าที่สุดคือหลังวันชาติ”

ตอนนี้เธอต้องเตรียมรับเทศกาลเปิดเทอม เทศกาลไหว้พระจันทร์และวันชาติที่จะมาถึง จึงไม่มีเรี่ยวแรงเหลือพอมาเปิดขายทั่วประเทศ

เกาจื้อหย่วนคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วตอบว่า “งั้นหลังวันชาติผมจะมาหาคุณ”

พูดจบก็ลุกขึ้นจับมือกับหลินม่าย บอกลาและจากไป

ก่อนหลินม่ายกลับบ้าน เธอก็แวะไปที่ร้านเซาเข่าเหรินเจียนเยียนหั่ว

ให้วังเสี่ยวลี่ช่วยเธอติดประกาศเช่าบ้านและประกาศรับสมัครพี่เลี้ยงเด็กที่หน้าประตูร้าน จากนั้นจึงกลับบ้านไปทำข้อสอบ

ยังทำไปไม่ถึงครึ่งหน้า โทรศัพท์บนหัวเตียงก็ส่งเสียงขึ้นมา

เธอเดินเข้าไปรับสาย

ทันทีที่ต่อสายติด เสียงตื่นเต้นของเหรินเป่าจูก็ดังออกมา “ผู้อำนวยการหลิน ผ้าของรัฐในตลาดขึ้นราคาทั้งหมด เราจะขึ้นราคาด้วยไหมคะ?”

หลินม่ายคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงตอบ “ขึ้นเถอะ แต่ของเราจะขึ้นน้อยกว่าแบรนด์อื่น”

เหรินเป่าจูถามด้วยความสงสัย “เสื้อผ้าของพวกเราขายได้มากกว่าแบรนด์อื่นตั้งเยอะ ถ้าขึ้นน้อยกว่าที่อื่น ฉันกลัวว่าจะจัดหาวัสดุไม่ได้”

หลินม่ายตอบ “อุปทานแค่ครึ่งวันก็ไม่มีปัญหาหรอก ฉันจะโทรหาเถาจืออวิ๋นตอนนี้ ให้หล่อนติดต่อไปที่โรงงานเสื้อผ้าของรัฐที่หนึ่งให้ช่วยดำเนินการให้เรา ถ้าติดต่อไม่ได้ พวกเราค่อยขึ้นราคาอีกครั้งตอนบ่าย”

เหรินเป่าจูยังคงไม่เข้าใจอยู่ “ทำไมไม่ขึ้นราคาทีเดียวเลยล่ะคะ ทำไมต้องแบ่งเป็นสองครั้ง?”

หลินม่ายอธิบาย “แน่นอนว่าเพื่อให้มีการพูดปากต่อปากไง!ให้ลูกค้าคิดว่าพวกเราไม่ได้อยากขึ้นราคา แต่เพราะทนต่อวัสดุที่ขึ้นราคาไม่ได้จึงจำต้องขึ้นราคา”

หลังจากคุยกับเหรินเป่าจูเสร็จ หลินม่ายก็รีบโทรหาเถาจืออวิ๋น ให้หล่อนช่วยรีบติดต่อโรงงานเสื้อผ้าของรัฐอีกที่หนึ่งเพื่อดำเนินการให้ Unique

เหตุผลที่เลือกหล่อนให้ทำเรื่องนี้เพราะว่าหล่อนเคยทำงานที่โรงงานเสื้อผ้าของรัฐมาก่อน ต้องรู้จักคนไม่น้อย

ในช่วงเวลาเร่งด่วน ให้หล่อนหาโรงงานที่น่าเชื่อถือที่สุดดำเนินการให้จะเป็นการเร็วที่สุด

ซึ่งแน่นอนว่าครึ่งชั่วโมงต่อมาเถาจืออวิ๋นก็โทรกลับ บอกว่าติดต่อให้โรงงานเสื้อผ้าดำเนินการให้แล้ว

หล่อนกำลังจะเอาแบบเสื้อผ้าไปที่โรงงานด้วยตัวเอง เพื่อการันตีคุณภาพ

หลินม่ายทำข้อสอบต่อด้วยความสบายใจ

จนถึงประมาณสิบเอ็ดโมงจึงวางปากกาลง ปั่นจักรยานไปที่วิลล่าเพื่อทำมื้อเที่ยงให้คุณปู่คุณย่า

ครั้นผ่านตลาดฝูตัวตัวจึงเข้าไปซื้อวัตถุดิบ

เห็นว่ามีผักเบี้ย ผักฮุยฮุย และกระเทียมหัวเล็ก

หลินม่ายเคยซื้อพวกมันมาก่อนจึงเอ่ยถามคุณป้าคนขายผัก “ผักพวกนี้ขายดีไหมคะ?”

“นอกจากกระเทียมหัวเล็กแล้ว ผักเบี้ยกับผักฮุยฮุยขายไม่ค่อยดีเลยจ้ะ”

“ขายหมดทุกวันไหมคะ?”

“ผักป่าสามชนิดนี้รับมาก็วันละยี่สิบสามสิบชั่งแล้ว จะขายหมดได้ยังไง”

หลินม่ายลองคิด ชีวิตก่อน ไม่ว่าผักป่าชนิดไหนก็ขายดี

แต่ตอนนี้กลับขายไม่ค่อยดี เนื่องจากเจียงเฉิงมีประชากรไม่ได้หนาแน่น หมู่บ้านในแถบชานเมืองก็มีมาก

ถ้าคนอยากจะกินผักป่าก็ไปเก็บเอาในที่ว่างๆ ใครจะอยากเสียเงินซื้อ

แต่ถ้าขายได้วันละหลายชั่งก็คงจะเป็นเงินช่วยเหลือครอบครัวฟู่เฉียงได้

………………………………………………………………………………………………………………………..

สารจากผู้แปล

งานหนักมาเป็นระลอกเลย หลังวันชาติต้องยุ่งมากแน่ ๆ

ไหหม่า(海馬)

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *