แม่ปากร้ายยุค​ 80 264 ดำเนินการฝากส่ง

Now you are reading แม่ปากร้ายยุค​ 80 Chapter 264 ดำเนินการฝากส่ง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 264 ดำเนินการฝากส่ง

หลินม่ายมุ่งตรงไปยังสถานีรถไฟ

ตอนนี้เป็นเวลาอาหารเที่ยงพอดี พนักงานบริการบนรถไฟในชุดเครื่องแบบหลายคนกำลังจับกลุ่มกินอาหารเที่ยงที่พกมาเองสามคนบ้างสองคนบ้างอยู่ที่ชานชาลา

หลินม่ายมองสำรวจดูรอบหนึ่ง แล้วเดินไปหาพนักงานรถไฟอายุ17-18ปีที่ดูไม่มีประสบการณ์มากนักสองคน

พนักงานแบบนี้ถึงจะคุยด้วยง่าย

เธอพูดด้วยรอยยิ้ม “สาวสวยทั้งสองท่าน ขอสอบถามสักหน่อยนะคะ ตอนนี้หัวหน้าที่รับผิดชอบการขนส่งทางรถไฟของสถานีพวกคุณคือใครเหรอคะ?”

ไม่ว่าจะยุคไหนก็ล้วนมองเสื้อผ้าก่อนค่อยมองหน้า

เสื้อผ้าที่หลินม่ายใส่คือชุดกระโปรงที่ฟางจั๋วหรานซื้อให้ตอนมากว่างโจวครั้งก่อน

ตัวเธอเองก็ทั้งสวยและบุคลิกดี

พนักงานที่ไร้เดียงสาสองคนนั้นจึงมีความประทับใจแรกพบต่อหลินม่ายดีมาก

โดยส่วนมากเด็กสาวจะอิจฉาแค่คนใกล้ตัวที่เป็นคนสวย แต่กลับกันจะเป็นมิตรกับคนสวยแปลกหน้า

พนักงานคนหนึ่งในนั้นพูดขึ้น “หัวหน้าข่ง ข่งลิ่งเสียงน่ะค่ะ”

หลินม่ายสวมวิญญาณนักแสดงทันที “เป็นหัวหน้าข่งนี่เอง อย่างนั้นก็เยี่ยมไปเลยค่ะ พวกคุณสักคนช่วยฉันเรียกเขาออกมาได้ไหมคะ บอกเขาว่าเพื่อนเก่ามาหา”

“ฉันไปเองค่ะ” สาวน้อยพนักงานคนหนึ่งตอบรับด้วยความกระตือรือร้น หล่อนรีบพุ้ยข้าวในกล่องข้าวอลูมิเนียม แล้วจึงไปเรียกหัวหน้าข่ง

หัวหน้าข่งคือผู้ชายวัยสามสิบท่าทางปลิ้นปล้อน

เมื่อได้ยินพนักงานสาวบอกว่ามีเพื่อนเก่ามาหา เขาก็เดินมาพลางสอบถามกับพนักงานสาวว่าเพื่อนเก่าคนนั้นลักษณะเป็นอย่างไร

พนักงานสาวเองก็จำอะไรได้ไม่มาก นึกอยู่ครู่ใหญ่จึงเอ่ยบรรยายออกมา “สาวมาก สวยมาก แล้วก็ดูทันสมัยมาก แถมยังบุคลิกดีสุดๆ ด้วยค่ะ”

คำพูดคลุมเครือขนาดนั้น พูดออกมาแล้วก็ไม่ต่างจากไม่พูดเท่าไรนัก

แต่คำว่าสาวสวยทันสมัยบุคลิกดีเหล่านี้กลับโดนใจหัวหน้าข่งเข้าอย่างจัง

เขาเดินไปดูเบื้องหน้าหลินม่าย ปรากฏว่าทั้งสาวทั้งสวยทันสมัยแถมบุคลิกดีจริงๆ

แต่ปัญหาก็คือ เขาไม่รู้จักเธอเลยสักนิด

หัวหน้าข่งถามอย่างมึนงง “คุณคือ…”

หลินม่ายยกยิ้มมุมปาก ดั่งดอกไม้บานสะพรั่ง ราวท้องฟ้าสุกสกาวยามราตรี

“สวัสดีค่ะ ฉันชื่อหลินม่าย ฉันอยากไหว้วานให้หัวหน้าข่งบางเรื่อง แต่ก็กลัวว่าหัวหน้าข่งจะไม่ยอมมาพบฉันน่ะค่ะ ก็เลยแกล้งทำเป็นคนรู้จักของคุณ หวังว่าหัวหน้าข่งจะไม่โกรธเคืองกันนะคะ”

ใครจะไปโกรธสาวสวยกัน

แล้วนับประสาอะไรกับสาวสวยที่ยื่นบุหรี่ยี่ห้อหยุนเยียนราคาแพงกล่องหนึ่งมาให้

หัวหน้าข่งรับหยุนเยียนกล่องนั้นเก็บเข้ากระเป๋าอย่างเป็นธรรมชาติ แล้วเอ่ยถามด้วยรอยยิ้มบางๆ “อยากให้ผมช่วยอะไรเหรอครับ?”

“คือว่า ฉันมีสินค้าล็อตหนึ่งที่ต้องการฝากส่งทางรถไฟน่ะค่ะ คุณว่าได้ไหมคะ”

หัวหน้าข่งพยักหน้า “ได้แน่นอน!”

หลินม่ายถามอีกครั้ง “สามารถจัดส่งด่วนพิเศษได้ใช่ไหมคะ?”

ผลิตภัณฑ์อาหารพวกนั้นอายุการเก็บรักษาเหลืออีกแค่ไม่กี่เดือน รอธนาณัติก็เสียเวลาไป 5 วันแล้ว จะให้ล่าช้าอีกไม่ได้ ดังนั้นหลินม่ายจึงอยากจัดส่งแบบด่วนพิเศษ

“ได้สิ” หัวหน้าข่งยังคงตอบรับอย่างรวดเร็ว

หลินม่ายรีบเช่ารถบรรทุกของศุลกากร แล้วขนสินค้าทั้งหมด รวมถึงเสื้อผ้าที่เธอซื้อที่ตลาดเสื้อผ้าค้าส่งมาทำการฝากส่งแบบด่วนพิเศษทันที

เมื่อนึกได้ว่าหลังจากนี้หากตนจะมาซื้อสินค้าที่กว่างโจว ก็อาจจะยังต้องทำการฝากส่งอีก

หลินม่ายก็ขอช่องทางการติดต่อของหัวหน้าข่งด้วยรอยยิ้ม ต่อไปถ้ามาฝากส่งอีกจะได้สามารถมาหาเขาโดยตรง

โชคดีที่แม้แต่สินค้าที่รับมาจากตลาดเสื้อผ้าค้าส่งเองก็ฝากขนส่งไปแล้ว

ในตอนกลางคืน โจรกลุ่มหนึ่งได้ทำการปล้นบนรถไฟ หลินม่ายเสียไปเพียงแหวนทองปลอมที่เอามาใช้เป็นอุปกรณ์การแสดงกับเงินไม่กี่สิบหยวนเท่านั้น

มีพ่อค้าที่ไปรับสินค้าที่กว่างโจวเช่นเดียวกับหลินม่าย ถูกปล้นสินค้าราคาหลายพันหยวนไป เสียหายยับเยิน

สินค้าที่ถูกปล้นนั้นถูกโยนออกไปจากทางหน้าต่าง โดยมีพวกเดียวกันกับโจรพวกนั้นมารับไว้

พวกโจรปล้นเสร็จ ก็กระโดดหน้าต่างหนีออกไป ขั้นตอนทั้งหมดน่าตื่นเต้นหวาดเสียวราวกับในภาพยนตร์อย่างไรอย่างนั้น

ตอนที่หลินม่ายกลับมาถึงเมืองเจียงเฉิงก็เที่ยงคืนแล้ว หลังจากอาบน้ำเธอก็นอนหลับไปทันที

วันต่อมาเธอหลับยาวไปจนถึง 8 โมงเช้าถึงตื่นนอน

แม้ฟางจั๋วหรานจะมากินอาหารเช้าที่ร้านแล้ว แต่หลินม่ายกำลังนอนหลับอยู่ ทั้งสองจึงไม่ได้เจอกัน

โจวฉายอวิ๋นเสิร์ฟอาหารเช้าให้กับหลินม่าย พร้อมกับเล่าเรื่องตลกเรื่องหนึ่งให้เธอฟัง

ในวันที่สองที่หลินม่ายไปกว่างโจว ชุนซิ่งโร่ไปยังตลาดสดที่ถนนเจี่ยเฟิง อยากจะซื้อข้าวโพด500ฝักในราคาส่งฝักละ5เฟิน

สุดท้ายหล่อนก็ไม่ได้อยู่ในรายชื่อของบุคคลที่มีสิทธิพิเศษ ของก็เอามาไม่ได้ แถมยังถูกเพื่อนบ้านเยาะเย้ยอีก

ตอนนี้หลินม่ายกำลังมุ่งความสนใจอยู่กับเงินทุนหกหมื่นหยวนของสินค้าที่ตนซื้อกลับมาจากด่านศุลกากรอยู่!

เธอมีกะจิตกะใจจะสนใจเรื่องขี้ปะติ๋วพวกนี้ที่ไหนกัน เมื่อกินอาหารเช้าเสร็จเธอก็ไปพบกับเฉินเฟิงที่ตลาดสดทันที

เฉินเฟิงรอเธออยู่ก่อนแล้ว

เมื่อหลินม่ายมาถึง เขาก็รีบเปิดประตูที่นั่งข้างคนขับของรถบรรทุกคันหนึ่ง แล้วให้เธอเข้าไปนั่งข้างใน

หลังจากที่ตัวเองขึ้นมานั่งที่นั่งคนขับแล้ว เขาก็ขับรถบรรทุกมุ่งตรงไปยังสถานีรถไฟ

ด้านหลังของเขา ยังมีรถบรรทุกว่างตามพวกไปรับสินค้าที่สถานีรถไฟด้วยกันอีกสองคน

เป็นการดีที่ฝากส่งแบบด่วนพิเศษ หลังจากที่คนมาถึงเจียงเฉิง สินค้าก็ตามมาถึงในเวลาหลังจากนั้น 6 ชั่วโมง

ถ้าจัดการฝากส่งมาแบบธรรมดา อย่างน้อยก็ต้องรออีกสามวัน

แต่ผลิตภัณฑ์อาหารพวกนี้ต้องรีบขายออกไปให้เร็วที่สุด

ครั้นหลินม่ายมาถึงแผนกการฝากขนส่งทางรถไฟ และดำเนินขั้นตอนรับสินค้าเสร็จสิ้น ลูกน้องของเฉินเฟิงก็ขนสินค้าทั้งหมดขึ้นรถบรรทุก แล้วขนกลับไปที่ตลาดสด

ทันทีที่มาถึงตลาดสด เฉินเฟิงก็เอาสินค้าประเภทอาหารทั้งหมดมาเปิดดูอย่างละหนึ่งกล่อง ดวงตาพลันเป็นประกายขึ้นมา

ถึงเขาจะมีประสบการณ์และความรู้กว้างขวาง ในอดีตก็เคยผ่านช่วงเวลาที่เสี่ยงอันตราย และหล่อหลอมอุปนิสัยอันเยือกเย็นไม่ตื่นตระหนกง่ายๆ มานานแล้ว แต่เวลานั้นเขากลับตื่นเต้นขึ้นมาอย่างอดไม่ได้

“พวกนี้เป็นของดีๆ ทั้งนั้นเลย! หลังจากขายหมดแล้ว อย่างน้อยก็ได้กำไรสองล้านเชียว!”

ในยุคนี้ เงินสองล้านหยวนมีมูลค่าพอๆ กับสองร้อยล้านหยวนในอีก40ปีข้างหน้า

หลินม่ายชี้ไปที่เนสกาแฟพวกนั้นแล้วพูดขึ้น “ต้องขายเนสกาแฟออกไปก่อน ตอนนี้อายุการเก็บรักษาของมันมีไม่ถึงสองเดือนแล้ว”

เฉินเฟิงพูดอย่างมั่นใจเต็มเปี่ยม “สินค้าพวกนี้ทั้งหมดแค่หนึ่งอาทิตย์ฉันก็ขายหมดแล้ว เธอไม่ต้องเป็นห่วง”

เขาให้ลูกน้องยกถุงน่องยาวลงมาอีกลังหนึ่ง “ของนี่ต้องให้เหลียนเฉียวส่งเสริมการขายจะดีกว่า”

หลินม่ายเพิ่งจะพบว่า ตั้งแต่เธอจ้างเฉินเฟิงมาทำงานที่ตลาดสดของเธอ ก็เหมือนว่าจะไม่ได้เจอกับเหลียนเฉียวเลย

จึงถามอย่างสอดรู้สอดเห็น “เหลียนเฉียวไปไหนเหรอ?”

“แม่ของหล่อนป่วย หล่อนเลยกลับไปดูแลน่ะ”

หลินม่ายพูดไม่ออก

เธอนึกมาตลอดเลยว่าคนในเส้นทางสีเทาคงไม่มีพ่อแม่พี่น้อง ไม่นึกเลยว่าคนอื่นเขาเองก็มีครอบครัวปกติเหมือนกัน

นั่นทำให้เธอนึกถึงเครื่องดนตรีที่แขวนไว้เต็มห้องที่บ้านพักของเฉินเฟิง

ผู้ชายคนนี้เองก็เคยมีครอบครัวปกติเหมือนกันสินะ

หลินม่ายพูด “ถึงยังไงถุงน่องตั้งไว้ก็ไม่เสีย งั้นก็รอให้เหลียนเฉียวกลับมาค่อยว่ากันก็ได้”

“ไม่ต้องรอหล่อนกลับมาหรอก ฉันจะให้ลูกน้องไปขายก่อน”

เฉินเฟิงเรียกรวมตัวลูกน้องสองสามคนที่ใช้การได้มาเพื่อมอบหมายงาน

จากนั้นหลินม่ายก็ไปเดินดูในตลาดสด

เฉินเฟิงมีประสิทธิภาพในการทำงานสูงมาก ไม่เพียงทำการปรับปรุงตลาดสดเสร็จแล้วเท่านั้น นอกจากนี้เขายังเปลี่ยนป้ายชื่อ และเริ่มเปิดทำการแล้ว

ประตูใหญ่ของตลาดสดสองฝั่งเต็มไปด้วยกองแตงโมสีเขียวเป็นมันขลับและแคนตาลูปสีเหลืองอร่าม

ส่วนธัญพืชและน้ำมันในท้องถิ่นทุกชนิด ผักสด สัตว์ปีก เนื้อหมู สัตว์น้ำและไข่ทั้งหมดล้วนมีขายอยู่ในตลาดสด

มีเพียงพื้นที่สำหรับอาหารทะเลแห้ง ผักดอง อาหารตุ๋นพะโล้และอาหารสำเร็จรูปสามสี่ล็อคเท่านั้นที่ว่างอยู่

ในตลาดสดมีลูกค้าไม่น้อย ธุรกิจเฟื่องฟูอย่างมาก หลินม่ายจึงพึงพอใจมาก

เธอใช้เข็นรถเข็นคันเล็กขนเสื้อผ้าที่ซื้อกลับมาจากกว่างโจว พร้อมกับถุงน่องยาวห้าพันคู่กลับบ้าน

เธอเห็นธุรกิจของร้านหวังหรงที่อยู่ข้างเคียงเงียบสนิท และป้าหูก็กำลังคุยกับชายหนุ่มที่ดูค่อนข้างน่ากลัวคนหนึ่ง

หลินม่ายรู้จักผู้ชายคนนั้น เขาคือผู้ชายที่ยืนอยู่ข้างหลังหวังหรงตอนเจอที่ร้านเว่ยเซียงในเช้าวันนั้นก่อนจะไปเที่ยวไม่ใช่เหรอ?

หลินม่ายยังจำได้ว่าตอนนั้นผู้ชายคนนั้นได้มองไปที่ด้านหลังของหวังหรง สายตาดูลึกลับซับซ้อนอย่างมาก

ไม่รู้ว่าผู้ชายคนนั้นเป็นเจ้าของร้านเว่ยเซียงหรือเปล่า

ป้าหูเห็นหลินม่ายจ้องมองมาที่พวกตน ก็ยิ่งกดเสียงเบาลงไปอีก

หลินม่ายคิดในใจ แปดในสิบส่วนของยายแก่นั่นต้องยุแหย่ให้คนอื่นมาจัดการกับเธออยู่แน่ๆ ไม่อย่างนั้นคงไม่ทำลับๆ ล่อๆ หรอก

แต่ก็ไม่รู้ว่าผู้ชายคนนั้นจะจัดการเธอตามแผนของยายแก่หรือเปล่า

…………………………………………………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

ใช้เทคนิคเล็ก ๆ น้อยๆ นิดหน่อยก็ฝากส่งสินค้าจนได้นะม่ายจื่อ

ยัยป้าหูนี่ยังไม่เลิกอีกนะ

ไหหม่า(海馬)

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *