แม่ปากร้ายยุค​ 80 344 งานเลี้ยงอาหารค่ำของครอบครัว

Now you are reading แม่ปากร้ายยุค​ 80 Chapter 344 งานเลี้ยงอาหารค่ำของครอบครัว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 344 งานเลี้ยงอาหารค่ำของครอบครัว

ว่านฮุ่ยรู้ว่าเจอกับคนชั่วเข้าแล้ว จึงคิดจะขอความช่วยเหลือ แต่ปากกลับถูกมือข้างหนึ่งของชายชราปิดเอาไว้แน่น ไม่มีทางจะร้องขอความช่วยเหลือได้เลย ทำได้แค่ส่งเสียงอู้อี้ออกมาแว่วๆ เท่านั้น

ในใจของหล่อนนึกหวาดกลัว จึงดิ้นรนสุดแรงเกิด กระทืบเท้าข้างหนึ่งบนหลังเท้าของชายชรา

ชายชราเจ็บจนปล่อยมือโดยอัตโนมัติ ว่านฮุ่ยฉวยโอกาสนี้ผลักเขาออก แล้ววิ่งไปในทิศทางที่เดินมาอย่างไม่คิดชีวิต

ว่านฮุ่ยยังอ่อนเยาว์ จึงวิ่งได้เร็วมาก ไม่ใช่ความเร็วที่ตาแก่คนหนึ่งอย่างชายชราจะเทียบได้

หล่อนวิ่งมาถึงที่ที่มีคนพลุกพล่านในอึดใจเดียว ชายชราที่อยู่ข้างหลังจึงไม่กล้าไล่ตามมา และจากไปอย่างรวดเร็ว

เมื่อนั้นเองว่านฮุ่ยถึงกับร้องไห้จนเสียงแหบแห้งด้วยความนึกเสียใจ

ในใจนึกเกลียดชังหลินม่าย

ถ้าไม่ใช่เพราะหลินม่ายพูดไม่ดีเกี่ยวกับเรื่องของหล่อนกับหลี่หมิงเฉิง ตนจะกระวนกระวายใจเพราะยืมเงินจากหลี่หมิงเฉิงไม่ได้ แล้วเชื่อชายชราคนนั้นไปง่ายๆ จนเกือบจะเกิดเรื่องขึ้นได้อย่างไร!

หล่อนร้องไห้อยู่นาน แต่คนที่เดินผ่านไปมาก็ไม่คิดจะปลอบโยนหล่อนสักคน

ว่านฮุ่ยจึงเช็ดน้ำตาอย่างเฉยชาแล้วกลับบ้าน เมื่อเห็นแม่ว่านที่กำลังทำอาหารเย็นด้วยใบหน้าเขียวช้ำก็ตกตะลึงอย่างมาก

หลังแอบถามจากน้องชาย ถึงได้รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น

หล่อนไม่เพียงไม่เจ็บปวดใจ แต่ยังค่อนข้างยินดีในความทุกข์ของผู้อื่นอีกต่างหาก

หล่อนสิ้นหวังและโกรธแค้นชิงชังต่อพ่อแม่ของตนแล้ว

ถ้าไม่ใช่เพราะพวกเขาไม่ยอมให้หล่อนได้เรียนหนังสือ หล่อนก็คงไม่ถึงขั้นหาวิธีดิ้นรนไปทั่วเพื่อเงินค่าเล่าเรียนเพียงเล็กน้อย จนเกือบจะเกิดเรื่องกับตัวเองหรอก

แม้ว่านฮุ่ยจะมีความสุขที่เห็นแม่ว่านถูกพ่อว่านทุบตีมา แต่ก็ไม่ได้แสดงออกมาแม้แต่น้อย กลับกันยังทำเป็นปลอบโยนแม่ว่านอีกสองสามประโยคอย่างเสแสร้ง

เถาจืออวิ๋นและพี่สะใภ้ทั้งสองพร้อมกับแม่เถา ทั้งสี่คนใช้เวลาเกือบหนึ่งชั่วโมงในการทำอาหารมื้อใหญ่ มีไก่เป็ดปลาเนื้อครบทุกอย่าง

ฉีฉีเห็นของน่าอร่อยมากมายขนาดนั้นก็ตบมือด้วยความดีใจไม่หยุด

ทุกคนนั่งลงกินข้าวด้วยกัน

เถาจืออวิ๋นพูดกับพี่สะใภ้ทั้งสอง “น่าจะพาหลานชายกับหลานสาวมาด้วยนะคะ ทิ้งพวกเขาไว้ที่บ้าน ไม่มีใครทำอาหารเย็นให้ พวกเขาจะกินอะไรกัน?”

สะใภ้ใหญ่เถาพูดพลางหัวเราะ “เรื่องนี้เธอไม่ต้องเป็นห่วงหรอก พวกเราบอกกับพวกเขาแล้ว ว่าหลังเลิกเรียนให้พวกเขาไปกินข้าวที่บ้านคุณยายของตัวเองน่ะ”

เมื่อนั้นเถาจืออวิ๋นจึงวางใจ

พ่อเถาคีบน่องเป็ดชิ้นหนึ่งไว้ในถ้วยใบเล็กของฉีฉี แล้วถาม “ลูกทำงานให้เสี่ยวหลิน แล้วหล่อนให้เงินลูกเดือนละเท่าไหร่เหรอ?”

“เงินเดือนขั้นต่ำ100หยวน นอกจากนั้นยังมีเงินโบนัสตามผลงานแยกต่างหากด้วยค่ะ เมื่อเดือนก่อนก็ได้เงินโบนัสไปหลายร้อยแล้ว”

พ่อว่านและคนอื่นๆ ได้ยินแล้วต่างก็มองหน้ากัน พวกเขานึกไม่ถึงเลยว่าเถาจืออวิ๋นทำงานให้หลินม่ายจะได้เงินเยอะขนาดนี้ จึงไม่คัดค้านที่หล่อนหยุดงานโดยไม่รับค่าจ้าง

พี่ใหญ่เถาถาม “เธอไม่ได้อยากจะหย่ากับไอ้เวรตะไลหม่าเทานั่นหรอกเหรอ? เมื่อไหร่จะหย่ากันล่ะ?”

พวกพี่ชายต่างพากันสนับสนุนให้น้องสาวหย่า

ก่อนหน้านี้ที่ไม่ได้แสดงออกก็เพราะอยากให้เธอทุกข์ทรมานอีกสักหน่อย จะได้ตระหนักอย่างลึกซึ้งว่าหม่าเทานั้นน่ารังเกียจแค่ไหน ต่อไปหลังจากหย่าแล้วจึงจะตัดขาดกับเขาได้อย่างสมบูรณ์

ไม่อย่างนั้นต่อให้หย่ากันไป หากพาหม่าเทามาแสร้งทำเป็นอ่อนโยนต่อหน้าหล่อน ไม่แน่ว่าหล่อนอาจจะเปลี่ยนใจ กระโจนเข้ากองไฟไปอีกครั้งก็ได้

คนที่หน้ามืดตามัวในความรักนั้นทำให้คนอื่นปวดหัวไม่น้อย หมกมุ่นมัวเมาเสียจนไม่ว่าจะเกลี้ยกล่อมอย่างไรก็ไม่ฟัง พี่ชายทั้งสองจึงไม่อยากจะถูกน้องสาวของตนโกรธแทบตายกันไปข้างอีกต่อไป

ตอนนี้เห็นน้องสาวได้รับบทเรียนเพียงพอแล้ว นอกจากนี้ยังยืนกรานจะหย่ากับผู้ชายเฮงซวยอีก พี่ใหญ่เถาย่อมหวังให้หย่ากันเร็วๆ อยู่แล้ว

เถาจืออวิ๋นตอบ “ใกล้แล้วล่ะค่ะ”

พี่รองเถาใช้ตะเกียบชี้มาที่หล่อนอย่างไม่จริงจังนัก “ถ้าไอ้เฮงซวยนั่นไม่ยอมหย่า เธอก็บอกพวกเรานะ ฉันกับพี่ใหญ่จะต่อยหมอนั่นจนยอมหย่าเลย”

เถาจืออวิ๋นพยักหน้า แล้วขานรับอย่างขอไปที

หล่อนไม่ให้พี่ชายทั้งสองไปทำร้ายหม่าเทาเพื่อตัวเองหรอก

บางทีหม่าเทาอาจจะไปแจ้งความที่สถานีตำรวจก็ได้ ในช่วงที่มีการปราบปรามอย่างเข้มงวดนี้ น่ากลัวว่าพี่ชายทั้งสองนั้นถึงไม่ติดคุก ก็ต้องนั่งแกร่วอยู่ที่สถานีตำรวจสองสามวัน

พวกเขาก็จะมีจุดด่างพร้อยในชีวิต อีกทั้งตำแหน่งหน้าที่ราชการเองก็ไม่รับประกันเช่นกัน ค่าตอบแทนนั้นมากเกินไป

อย่างนั้นให้ตัวหล่อนเองสู้จ้างนักเลงสองสามคนไปรวบหม่าเทาเลยไม่ดีกว่าเหรอ

แต่ถ้าไม่อับจนหนทางจริงๆ หล่อนก็คงจะไม่ใช้วิธีนี้หรอก

พลเมืองที่เคารพตามกฎหมาย ไม่มีใครกล้าพอจะใช้ความรุนแรงต่อกรกับความรุนแรงหรอก นอกเสียจากจะถูกบีบบังคับให้จนตรอก

หลังจากกินอาหารเย็นเต็มโต๊ะจนหมด พี่สะใภ้ทั้งสองก็เก็บกวาดถ้วยชาม ให้เถาจืออวิ๋นพูดคุยเป็นเพื่อนพ่อเถาแม่เถา

แม่เถาดึงฉีฉีเข้ามาในอ้อมกอด แล้วพูดกับเถาจืออวิ๋น “ลูกต้องทำงาน งั้นก็ฝากฉีฉีไว้กับพวกเราเถอะ ถึงยังไงฉันกับพ่อของลูกปลดเกษียณอยู่บ้านก็ไม่มีอะไรทำอยู่แล้ว ก็ให้ฉีฉีอยู่เป็นเพื่อนพวกเรา”

เถาจืออวิ๋นลังเลเล็กน้อย “ดูแลเด็กเหนื่อยมากเลยนะคะ”

พ่อเถาถือแก้วน้ำเย็นดื่มทีละจิบ “แล้วลูกไปทำงานพร้อมดูแลเด็กไปด้วยไม่เหนื่อยเหรอ? ตอนนี้พ่อกับแม่ลูกสุขภาพยังดี ยังสามารถช่วยลูกเลี้ยงหลานได้ เดี๋ยวพอพวกเราแก่ตัวจนขยับตัวไม่ไหว ลูกอยากให้เราช่วยเลี้ยงเด็กเราก็เลี้ยงไม่ได้แล้ว”

พี่ใหญ่และพี่รองเถาต่างก็พากันโน้มน้าว “พ่อแม่จะช่วยเธอเลี้ยงลูก เธอตอบตกลงไปก็พอแล้ว ไม่ต้องเกรงใจอะไรหรอก”

เมื่อนั้นเถาจืออวิ๋นจึงพยักหน้าตกลง

เมื่อสะใภ้ใหญ่และสะใภ้รองเถาทำความสะอาดถ้วยชามเสร็จแล้ว แม่เถาและคนอื่นๆ เองก็ถึงเวลากลับ

ก่อนออกเดินทาง แม่เถาเอ่ยเสียงเบา “ถ้าเพื่อนบ้านนั่นยังก่อกวนลูกต่อ ลูกก็ย้ายกลับมาอยู่กับพวกเราเสียเลยนะ”

เถาจืออวิ๋นพูดด้วยรอยยิ้ม “หล่อนโดนสามีทุบตีจนกลายเป็นแบบนั้นไปแล้ว คงจะไม่มาก่อกวนฉันอีกแล้วล่ะค่ะ”

สะใภ้ทั้งสองให้เธอมีเวลาได้พบหน้าพูดคุยกับผู้สูงอายุทั้งสองครู่หนึ่ง

สะใภ้ใหญ่เถาพูด “คุณพ่อคุณแม่ไม่ขวางการหย่าของเธอกับหม่าเทาอีกแล้ว เธอไม่ต้องกลัวที่จะกลับบ้านแม่อีกต่อไปแล้วล่ะนะ”

เถาจืออวิ๋นพยักหน้าขานรับ

ขณะที่เดินผ่านประตูบ้านของแม่ว่าน สองพี่น้องเถานั้นเดิมทีอยากจะสั่งสอนแม่ว่านอีกสักสองสามคำ แต่เมื่อเห็นประตูบ้านของหล่อนปิดอย่างแน่นหนา ก็ได้แต่ปล่อยไป

……

หลังจากที่หลินม่ายพาโต้วโต้วกลับบ้าน เธอก็เริ่มลงมือทำอาหารเย็นทันที

สภาพอากาศร้อนอบอ้าวเกินไป เธอจึงตั้งใจทำเป็ดตุ๋นฟักเป็นพิเศษ ทั้งอร่อยทั้งดับร้อน

อาหารเย็นทำเสร็จได้ไม่นาน ฟางจั๋วหรานก็แบกกีตาร์ พร้อมกับถือถุงตาข่ายใส่หนังสือสองถุงเข้ามา

โต้วโต้วรีบวิ่งเข้าไปหา ชี้ไปที่กีตาร์ที่ฟางจั๋วหรานแบกอยู่ แล้วถามอย่างสงสัย “คุณอา นั่นคืออะไรเหรอคะ?”

ฟางจั๋วหรานวางถุงหนังสือลงบนโต๊ะน้ำชา แล้วหยิบกีตาร์ลงมาจากหลัง “นี่คือกีตาร์ เป็นรางวัลที่อาให้แม่ของหนูที่สอบเข้าโรงเรียนมัธยมปลายได้คะแนนดีน่ะ”

โต้วโต้วเอื้อมมือไปดีดสายกีตาร์ในมือของฟางจั๋วหราน ทันใดนั้นก็เกิดเสียงไพเราะดังขึ้นมา ทำให้หล่อนตื่นเต้นดีใจอย่างมาก แล้วเอื้อมมือไปดีดอีกครั้ง ก่อนหัวเราะคิกคักอย่างมีความสุข

ฟางจั๋วหรานจึงนั่งลงบนโซฟา และเตรียมจะสอนหล่อนดีดกีตาร์

หลินม่ายเตรียมอาหารเรียบร้อยแล้ว ก็พูดขึ้น “กินข้าวกันก่อนเถอะ เดี๋ยวกินเสร็จแล้วค่อยเล่นกีตาร์นะ”

ฟางจั๋วหรานวางกีตาร์ไว้บนโซฟา พาโต้วโต้วไปล้างมือที่ห้องน้ำ จากนั้นจึงเดินไปนั่งลงที่โต๊ะอาหาร แล้วทุกคนก็กินอาหารเย็นด้วยกัน

หลินม่ายใช้ตะเกียบชี้ไปที่ถุงตาข่ายหนังสือพวกนั้นบนโต๊ะน้ำชาของฟางจั๋วหราน “พวกนั้นคือหนังสืออะไรเหรอคะ?”

“แบบเรียนทั้งหมดตั้งแต่ปีหนึ่งถึงปีสาม เพื่อนร่วมงานของผมมีลูกคนหนึ่งที่กำลังจะสอบเข้ามหาวิทยาลัยในปีนี้พอดี ผมก็เลยขอหนังสือเรียนชั้นมัธยมปลายของเขาทั้งหมดมาน่ะ”

หลินม่ายแย้มยิ้มออกมา “อย่างนั้นก็ดีเลยค่ะ ตอนที่ฉันเรียนด้วยตัวเองที่บ้านก็สามารถก้าวหน้าได้เร็วขึ้น หวังว่าจะข้ามชั้นได้ แล้วเรียนมัธยมปลายจบเร็วๆ นะ”

ปากของเธอพูดว่าคาดหวัง แต่เธอรู้ว่าการข้ามชั้นนั้นไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไรสำหรับเธอเลย

วิชาความรู้ในยุคนี้ง่ายกว่าอีกหลายสิบปีข้างหน้ามาก

แถมตัวเธอในชาติก่อนก็เคยเรียนมหาวิทยาลัยผู้ใหญ่แล้วด้วย เพียงแค่ดึงความรู้ที่ลืมไปแล้วกลับมาก็ไม่ได้ลำบากมากนัก ไม่อย่างนั้นเธอคงไม่ได้ที่ 3 ในการสอบเข้าชั้นมัธยมปลายหรอก

ดังนั้นเธอจึงค่อนข้างมั่นใจกับการสอบข้ามชั้นมากทีเดียว

ฟางจั๋วหรานพยักหน้า “โอเค ถ้าคุณมีอะไรไม่เข้าใจเกี่ยวกับเรื่องเรียน ต้องมาถามผมนะ”

เดิมทีหลินม่ายไม่จำเป็นต้องให้คนสอน แต่เธอก็ยังขานรับด้วยรอยยิ้มหวาน

ฟางจั๋วหรานพูดถึงคุณปู่ฟางผู้สูงอายุทั้งสองขึ้นมา “ตอนบ่ายคุณปู่โทรศัพท์มาถามผมว่าคุณสอบเข้าเป็นยังไงบ้าง ผมบอกผลคะแนนให้คุณปู่ฟังแล้ว และยังบอกว่าคุณสอบได้ที่สามในรุ่นด้วย คุณปู่ดีใจสุดๆ ไปเลย บอกว่าถ้าคุณได้รับใบประกาศรับเข้าเรียนแล้ว ให้คุณจัดโต๊ะฉลองได้เลย คุณปู่กับคุณย่าจะกินเลี้ยงฉลองกับคุณด้วย”

หลินม่ายเองก็อยากจะรับคนชราทั้งสองท่านมาที่บ้านใหม่ของเธอเหมือนกัน ด้วยเหตุนี้จึงรับปากในทันที

เมื่อกินข้าวกันเสร็จ ฟางจั๋วหรานก็ไม่ได้รีบไป แต่มาสอนสาวน้อยสองคนทั้งคนโตคนเล็กดีดกีตาร์

สิ่งที่ทำให้เขาประหลาดใจคือ หลินม่ายเรียนกีตาร์แค่คราวเดียวก็เล่นเป็นทันที แบบนี้มันไอคิวสูงเกินไปแล้ว

หลินม่ายไม่มีทางบอกเขาหรอกว่า เธอนั้นเชี่ยวชาญเครื่องดนตรีหลายชนิด

ตอนกลางคืนหลังจากอาบน้ำมานอนบนเตียงแล้ว หลินม่ายพลิกหนังสือเรียนชั้นมัธยมปลายของปี80 อ่านดู และวางแผนที่จะเรียนมัธยมปลายทั้งสามชั้นปีให้จบภายในปีเดียว

ไม่เพียงจะเรียนชั้นมัธยมปลายสามปีให้จบในหนึ่งปีเท่านั้น นอกจากนี้เธอยังคิดจะสอบเข้ามหาวิทยาลัยชิงเต่าหรือมหาวิทยาลัยปักกิ่ง ให้ทุกคนทึ่งไปเลย

………………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

ทำตัวเองโดนกับตัวเองแล้วยังโทษคนอื่นอีกนะว่านฮุ่ย ความคิดไม่พัฒนาบ้างเลยเหรอ

เอาเลยม่ายจื่อ เอาให้ทุกคนตะลึงตึงตึงจนหงายหลังไปเลย

ไหหม่า(海馬)

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *