แม่ปากร้ายยุค​ 80 612 อาการเมาของฟางจั๋วเยวี่ย

Now you are reading แม่ปากร้ายยุค​ 80 Chapter 612 อาการเมาของฟางจั๋วเยวี่ย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 612 อาการเมาของฟางจั๋วเยวี่ย

ฟางจั๋วเยวี่ยเอนหลังพิงโซฟา ใบหน้าของเขารกครึ้มไปด้วยด้วยหนวดเคราที่ยังไม่ได้โกน ในมือมีขวดเบียร์ บนโต๊ะมีขวดเบียร์เปล่าวางอยู่รอบ ๆ อย่างน้อยสิบขวด

ยังมีเบียร์ที่ยังไม่ได้เปิดอีกครึ่งโหลอยู่ที่เท้าของเขา

สิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนี้ทำให้คุณย่าฟางโกรธจนเลือดขึ้นหน้า นางก้าวไปข้างหน้าและทุบตีฟางจั๋วเยวี่ยอย่างรุนแรง

“เด็กเลว ฉันไม่อยู่แค่สองสามวันแกทำบ้านรกขนาดนี้เลยเหรอ ลุกขึ้นมาทำความสะอาดห้องนั่งเล่นให้ฉันเดี๋ยวนี้! ”

ฟางจั๋วเยวี่ยแข็งแกร่งอย่างมาก แม้คุณย่าฟางจะทุบตีเขาสุดแรงเกิด แต่นางก็ยังไม่มีแรงมากพอที่จะทำให้ร่างกายของเขาขยับเขยื้อน

สำหรับฟางจั๋วเยวี่ยแล้ว ความรุนแรงเพียงเล็กน้อยนี้เป็นเพียงละอองฝน ไม่ได้สะท้านสะเทือนผิวกายแม้เพียงนิด

เขาใช้มือข้างหนึ่งปิดตาและพึมพำอย่างเมามาย “ถ้าผมยอมทำความสะอาดและจัดห้องนั่งเล่นให้มีระเบียบแล้ว จืออวิ๋นจะยอมรับรักผมไหม?”

ทุกคนมองหน้ากันด้วยความตกใจ

คุณย่าฟางกล่าวอย่างเหลือเชื่อ “จั๋วเยวี่ยกำลังจินตนาการถึงเสี่ยวเถาอย่างงั้นเหรอ?”

คุณปู่ฟางหัวเราะพลางกล่าว “ชอบไม่ชอบลองสังเกตดูเอาเถอะ แต่ดูๆ แล้วก็ดูเหมือนว่าเขาตกหลุมรักเสี่ยวเถาเพียงฝ่ายเดียว แต่เสี่ยวเถาไม่รับรักเขา”

คุณย่าฟางมองไปยังฟางจั๋วเยวี่ยที่กำลังเจ็บปวดอย่างมาก “ฉันควรทำอย่างไรดี?”

คุณปู่ฟางเตะฟางจั๋วเยวี่ย “เอาแต่เมาหัวราน้ำอยู่ที่บ้านแบบนี้ คิดว่าเสี่ยวเถาจะรับรักแกเหรอไง? แกต้องตามตื้อหล่อน! ไปทำให้หล่อนประทับใจซะ! ”

หลินม่ายพยักหน้าอย่างรวดเร็ว

ฟางจั๋วเยวี่ยไม่ได้เมามาก เขายังมีสติอยู่ครึ่งหนึ่ง

เมื่อได้ยินคำพูดของคุณปู่ฟาง เขาก็ตอบกลับด้วยสีหน้าผิดหวัง “ผมติดตามหล่อนไปทุกที่และพยายามทำให้หล่อนประทับใจแล้ว แต่จืออวิ๋นก็ไม่ได้ชอบผม คุณปู่คุณย่าครับ ช่วยขอให้เสี่ยวเถาแต่งงานกับผมได้ไหมครับ?”

ขณะที่คุณย่าฟางกำลังครุ่นคิดในเรื่องนี้ คุณปู่ฟางก็กล่าวขึ้นทันที “เราลองไปที่บ้านของเสี่ยวเถาดีไหม?”

แม้เถาจืออวิ๋นจะเป็นหญิงม่าย คุณย่าฟางก็ไม่ได้ดูถูกหล่อน และปฏิบัติกับเสี่ยวเถาเช่นเดียวกับที่เคยปฏิบัติต่อหลินม่าย

ในเมื่อฟางจั๋วเยวี่ยรักผู้หญิงคนนี้ ดังนั้นคุณย่าฟางจึงไม่คัดค้าน และต้องการจะจับคู่ให้ทั้งสองคน

คุณปู่ฟางก็มีความตั้งใจแบบนั้นเช่นเดียวกัน

ในขณะที่เขากำลังจะพยักหน้า หลินม่ายพลันพูดขึ้น “คุณปู่และคุณย่าห้ามไปที่บ้านของเสี่ยวเถาเพื่อขอแต่งงานนะคะ พี่เถาปฏิเสธเขาไปแล้ว หากคุณปู่และคุณย่าไปที่นั่นและขอให้หล่อนแต่งงานกับเขาอีกก็จะเป็นเหมือนกันถูกบังคับให้แต่งงาน นั่นคือสิ่งที่พี่เถาเกลียดมากที่สุด”

คุณปู่ฟางและคุณย่าฟางได้ยินดังนั้นก็คิดว่าสมเหตุสมผล และเตะฟางจั๋วเยวี่ยไปหนึ่งที “งั้นเราก็ช่วยแกในเรื่องนี้ไม่ได้แล้ว แกต้องพยายามอย่างดีที่สุดด้วยตัวเอง ถ้าคิดว่าอาการยังไม่ดีขึ้น แกก็ไม่จำเป็นต้องรีบร้อนทำความสะอาดห้องนั่งเล่น แต่หลังจากแกตั้งสติได้ว่าใครเป็นคนทำเลอะเทอะก็ค่อยทำความสะอาดแล้วกัน”

ในที่สุดฟางจั๋วเยวี่ยก็ทนการผสมโรงของคุณปู่และคุณย่าฟางไม่ได้ เขาลุกขึ้นจากโซฟาและจัดห้องนั่งเล่นอย่างขมขื่น

ฟางจั๋วเยวี่ยน้ำตาตกใน เขาอกหักไปตั้งแต่ก่อนที่จะเริ่มออกเดทแล้วยังต้องทำความสะอาดห้องนั่งเล่นอีก มีอะไรจะแย่ไปกว่าชีวิตของเขาในตอนนี้หรือไม่?

เมื่อเห็นท่าทางน่าสงสารของเขา โต้วโต้วจึงช่วยทำความสะอาด

การกระทำเช่นนี้ทำให้ฟางจั๋วเยวี่ยน้ำตาไหล เด็กคนนี้ช่างมีน้ำใจเหลือเกิน

เวลาดำเนินมาจวนจะเที่ยง หลินม่ายก็เริ่มทำอาหารกลางวัน

อาหวงซึ่งนั่งกระดิกหางเฝ้าดูฟางจั๋วเยวี่ยจัดห้องนั่งเล่นพลันลุกขึ้นยืน รีบวิ่งไปยังประตูราวกับลมกระโชก และเห่าเสียงดังไม่หยุดหย่อน

คุณปู่ฟางเอ่ยถามถึงผู้มาเยือนขณะเดินออกจากประตู และเห็นคนแปลกหน้าห้าคนยืนอยู่นอกประตูลานบ้าน

คนแปลกหน้าทั้งห้าดูเหมือนครอบครัว มีพ่อแม่และลูกสามคน

แต่คุณปู่ฟางไม่รู้จักพวกเขา

คุณปู่เดินไปและอาหวงก็เดินตามหลังอย่างใกล้ชิดราวกับคอยปกป้องเขาตลอดเวลา

ชายชราเดินไปยังประตูลานบ้านและไม่รีบเร่งที่จะเปิดประตู แต่ถามผ่านประตูอย่างใจดี “พวกคุณมาหาใครครับ?”

ชายที่เหมือนพ่อถามด้วยความเคารพ “ขอโทษนะครับคุณลุง หลินม่ายอาศัยอยู่ที่นี่ใช่ไหมครับ?”

คุณปู่ฟางพยักหน้า “พวกคุณเป็นใคร?”

ชายคนนั้นชี้มาที่ตัวเองและผู้หญิงข้างๆ ก่อนกล่าวขึ้น “พวกเราอาจเป็นพ่อแม่แท้ ๆ ของหลินม่ายน่ะครับ”

จากนั้นเขาก็ชี้ไปยังลูกสามคนที่อยู่ข้าง ๆ แล้วกล่าว “คนเหล่านี้อาจเป็นพี่น้องร่วมสายเลือดของหล่อน ขอให้เราได้พบหลินม่ายทีนะครับ”

ครอบครัวนี้ไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นคนตระกูลไป๋

เนื่งจากหลินม่ายได้ออกข่าวทางทีวี ดังนั้นจึงเป็นเรื่องง่ายที่พวกเขาจะตามหาเธอ

ครอบครัวไป๋ใช้เวลาเพียงสามวันในการค้นหาที่อยู่ที่แท้จริงของหลินม่าย

ในวันเดียวกัน พวกเขาก็เร่งรุดมาที่นี่อย่างกระวนกระวายเพราะอยากพบหลินม่าย

แต่เขาไม่เคยคิดว่าหลินม่ายพาคุณปู่ฟางและคนอื่น ๆ กลับไปยังชนบทเพื่อพักผ่อนระยะสั้น และการเดินทางมาที่นี่ในครั้งนั้นของพวกเขาก็เปล่าประโยชน์

โชคดีที่พวกเขาได้เจอป้าหวงผู้มาตามเวลาเพื่อทำความสะอาด พ่อไป๋เอ๋ยถามถึงหลินม่ายและคนอื่น ๆ และได้รู้ว่าพวกเขาจะเดินทางกลับมาที่นี่ในตอนเที่ยงของวันนี้

ดังนั้นครอบครัวไป๋จึงเดินทางมาที่นี่อีกครั้งภายใต้ดวงอาทิตย์ที่แผดเผา

คุณปู่ฟางเผยสีหน้าสงสัย “พวกคุณเป็นญาติของหลินม่ายเหรอ? หล่อนมีญาติด้วยเหรอ?”

แม้ว่าคุณปู่ฟางและคุณย่าฟางจะไม่เคยพบกับหลินเจี้ยนกั๋ว ภรรยา และลูก ๆ ของพวกเขา แต่ก็รู้ว่าครอบครัวพวกเขาอาศัยอยู่ในชนบท

เห็นได้ชัดว่าครอบครัวนี้ไม่ใช่คนท้องถิ่นที่นี่และพวกเขาก็พูดสำเนียงเมืองหลวง อีกทั้งยังมาที่นี่และบอกว่าพวกเขา ‘อาจ’ เป็นญาติมิตรของหลินม่าย

ดังนั้นคุณปู่ฟางจึงรู้ว่าพวกเขาคงไม่ใช่ครอบครัวของซุนกุ้ยเซียง

เรื่องนี้ทำให้เขาสับสน

หลินม่ายไม่เคยบอกว่าเธอเป็นลูกบุญธรรมของหลินเจี้ยนกั๋วและซุนกุ้ยเซียง แต่ทำไมมีคนมาตามหาเธอพร้อมแอบอ้างว่าเป็นพ่อแม่ที่แท้จริง?

คุณพ่อไป๋จึงแจงสี่เบี้ยให้คุณปู่ฟางฟังทั้งหมด

เมื่อคุณปู่ฟังได้รับรู้เรื่องราว ก็เปิดประตูบ้านพลางกล่าว “ปรากฏว่าโรงพยาบาลทำผิดพลาดจากการสลับตัวเด็กนี่เอง ไม่แปลกใจเลยที่ครอยครัวหลินปฏิบัติต่อม่ายจื่ออย่างเลวร้าย!”

เมื่อพูดถึงสิ่งนี้ เขาก็พลันนึกบางอย่างขึ้นได้และพึมพำกับตัวเอง “แบบนี้มันไม่ถูกนี่ ถ้าทางโรงพยาบาลทำผิดพลาดจริง ครอบครัวของคุณก็ต้องไม่รู้เรื่องนี้ และตระกูลหลินก็ไม่ควรรู้เรื่องนี้เหมือนกัน ถ้าเกิดไม่รู้แล้ว พวกเขาก็ควรปฏิบัติต่อหลินม่ายอย่างดีเหมือนลูกแท้ ๆ เหมือนเป็นลูกของพวกเขาเองสิ จะปฏิบัติกับหล่อนอย่างเลวร้ายได้ยังไง? นอกเสียจากว่าสามีภรรยาคู่นั้นจะรู้อยู่แล้วว่าม่ายจื่อไม่ใช่ลูกแท้ ๆ ของพวกเขา จึงปฏิบัติกับหล่อนเช่นนั้น”

ยิ่งคุณปู่ฟางพูด เขาก็ยิ่งมั่นใจว่าสิ่งที่คิดเป็นความจริง

ไม่สมเหตุสมผลเลยที่หลินเจี้ยนกั๋วและภรรยาของเขาที่เลี้ยงลูกสามคน แต่กลับใจร้ายต่อหลินม่ายผู้กตัญญูและเชื่อฟังมากที่สุดเพียงคนเดียว

หลังจากฟังคำพูดของคุณปู่ฟาง พ่อไป๋กับแม่ไป๋ก็มองหน้ากันโดยไม่แสดงความคิดเห็น

ครอบครัวไป๋ตามคุณปู่ฟางเข้าไปในวิลล่า

สภาพของวิลล่าทำให้พวกเขาประหลาดใจมาก เพียงมองแวบแรกก็รู้ว่ามูลค่าของมันสูงลิ่วขนาดไหน กระทั่งภายในก็หรูหราอย่างมาก

ไม่ใช่เพียงหรูหรามีระดับ แต่เป็นความหรูหราที่เป็นมรดกตกทอดด้วย

ไป่ซวงมองดูเหตุการณ์ตรงหน้าด้วยความอิจฉา

เนื่องจากหลินเพ่ยตกต่ำเหมือนสุนัขหลงทาง หลินม่ายและหลินเพ่ยก็เป็นพี่น้องที่เติบโตมาด้วยกัน

ในความคิดของไป๋ซวง แม้ว่าหลินม่ายจะมีชีวิตที่ดีกว่าหลินเพ่ย แต่ก็ไม่ได้ดีไปกว่ามากนัก

แต่ไม่เคยนึกฝันมาก่อนว่าหลินม่ายจะอาศัยอยู่ในวิลล่าหลังใหญ่อย่างพระราชวังแบบนี้

หล่อนคิดในใจว่า หากแม่ของหล่อนไม่ได้สับเปลี่ยนตัวหล่อน คนที่อาศัยอยู่ในคฤหาสน์หลังใหญ่อย่างวังแห่งนี้ก็ควรจะเป็นหล่อน ต้องเป็นหล่อนเท่านั้น!

แต่หญิงแพศยาหลินม่ายกลับเอาทุกอย่างไปจากหล่อน

น่ารังเกียจมาก หล่อนต้องเอาทุกอย่างที่เป็นของหล่อนคืน!

คุณพ่อไป๋และคนอื่น ๆ ไม่ได้มาที่นี่มือเปล่า แต่มาพร้อมกับของขวัญมากมาย

ไม่ว่าหลินม่ายจะเป็นลูกสาวแท้ ๆ ของพวกเขาหรือไม่ แต่พวกเขาก็เตรียมของขวัญที่นี้ไว้เพื่อเป็นค่าชดเชยสำหรับการรบกวน

คุณย่าฟางยังไม่ทราบสถานการณ์ เมื่อเห็นว่าครอบครัวของคุณพ่อไป๋มอบของขวัญมากมายให้ นางก็สับสนและเอ่ยถามคุณปู่ฟางถึงสิ่งที่เกิดขึ้น

คุณปู่ฟางเล่าเรื่องทั้งหมดให้นางฟัง

คุณย่าฟางไปยังห้องครัวทันทีและบอกหลินม่ายด้วยความตื่นเต้นเล็กน้อยว่า พ่อแม่ผู้ให้กำเนิดของเธอพาพี่น้องมาเยือนที่นี่

หลินม่ายตกตะลึงนานกว่าหนึ่งนาที

ชาติที่แล้วเธอไม่มีพ่อแม่ผู้ให้กำเนิดพาพี่น้องมาถึงบ้าน แล้วในชีวิตนี้จะมีได้อย่างไร?

หลินม่ายคิดว่าอาจเป็นเพราะเธอเกิดใหม่และเปลี่ยนแปลงหลายสิ่งหลายอย่างส่งผลให้เกิดผลลัพธ์เช่นนี้ ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้ครอบครัวไป๋เดินทางมาที่นี่ในวันนี้

ไม่น่าเชื่อว่าหลินเจี้ยนกั๋วและซุนกุ้ยเซียงจะไม่ใช่พ่อแม่ผู้ให้กำเนิดของเธอจริง ๆ!

ความคับแค้นใจของหลินม่ายที่ไม่เคยละทิ้งจากชาติที่แล้วมลายหายไปในพริบตา

เนื่องจากหลินเจี้ยนกั๋วและซุนกุ้ยเซียงไม่ใช่พ่อแม่ผู้ให้กำเนิดของเธอ พวกเขาจึงยอมรับได้ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเธอ

หลินม่ายคิดเรื่องนี้อยู่นาน

ไม่ว่าหลินเจี้ยนกั๋วและซุนกุ้ยเซียงจะปฏิบัติต่อเธอเลวร้ายเพียงใด พวกเขาก็รับเธอมาเลี้ยงดู

เธอควรให้รางวัลพวกเขาหนึ่งหมื่นหยวนแทนคำขอบคุณ

นับจากนี้จะไม่มีอีกแล้ว ความใจดีที่พวกเขามีต่อเธอมีค่าเพียงหนึ่งหมื่นหยวนเท่านั้น

แต่หากเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นเป็นแผนการของพวกเขา เธอจะแก้แค้นพวกเขาอย่างแน่นอน

หลินม่ายรู้สึกเกลียดชังในใจ

เธอลดความร้อนของเตาแก๊สลง เติมน้ำครึ่งชามลงในหม้อ ด้วยกลัวว่าน้ำที่ระเหยไปจะทำให้เนื้อซี่โครงตุ๋นมะเขือเทศเสียหาย

จากนั้นเธอก็ล้างมือ ถอดผ้ากันเปื้อน แล้วเดินตามคุณย่าฟางไปยังห้องนั่งเล่น

……………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

รอเวลาก่อนนะจั๋วเยวี่ย บางทีตอนนี้อาจไม่ใช่เวลาที่เหมาะสม ถ้าถึงเวลาที่เหมาะสมแล้วความรักจะมาทักทายนายเอง

เดี๋ยวจะโดนไม่ใช่น้อยยัยไป๋ซวง พี่สาวหล่อนเน่าไปแล้ว ถ้าหล่อนคิดทำอะไรม่ายจื่อ เดี๋ยวหล่อนได้ร่วงเป็นมะม่วงตามพี่หล่อนไปติดๆ แน่

ไหหม่า(海馬)

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด