จอมนักรบทรงเกียรติยศ 555 เจ้าสาวไม่ได้ตื่นเต้น

Now you are reading จอมนักรบทรงเกียรติยศ Chapter 555 เจ้าสาวไม่ได้ตื่นเต้น at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

การแต่งงานจำต้องคำนับฟ้าดิน การคำนับฟ้าดินนั้นจำต้องกราบไหว้บรรพบุรุษ นี่เป็นธรรมเนียมของประเทศหวาที่ปฏิบัติสืบทอดกันมา ในฐานะที่เป็นตระกูลใหญ่ดั้งเดิม แน่นอนว่างานแต่งงานคงไม่สามารถใช้วิธีการจัดงานแบบตะวันตกได้ หรือพูดอีกอย่างหนึ่งก็คือ ตระกูลใหญ่โตของประเทศหวาโดยแท้จริงไม่ได้เห็นงานแต่งงานแบบตะวันตกอยู่ในสายตา ดังนั้นงานแต่งงานรูปแบบตะวันตกในปัจจุบัน จะมีเพียงผู้ที่โง่เขลาและน่าเบื่อหน่ายเท่านั้นที่จะจัดขึ้น

ขณะที่ทั้งสองคนยืนอยู่บนห้องโถงใหญ่ ข้างกายมีชายวัยกลางคนที่สวมชุดสีแดงอ่อนยืนอยู่ ชายวัยกลางคนเอ่ยกับทั้งสองคนว่า “ลำดับต่อไปจะเป็นลำดับพิธีของเจ้าบ่าวเจ้าสาว คำนับฟ้าดินก่อน จากนั้นก็คำนับผู้นำตระกูล และคำนับพ่อแม่ คำนับผู้ที่มาเป็นสักขีพยานทุกท่าน หลังจากที่คำนับเสร็จแล้ว ก็จะเป็นสามีภรรยาคำนับต่อกัน จากนั้นจึงจะส่งเข้าห้องหอได้”

“กระผมขอเสนอ! ตอนที่คำนับสักขีพยาน พวกเราส่งตัวแทนสักขีพยานมาหนึ่งท่านก็พอแล้ว ถ้าให้คู่บ่าวสาวคำนับหลายคนแบบนั้น คงจะคำนับจนเข่าอ่อนกันเป็นแน่ ขอตัวแทนสักขีพยานมาหนึ่งท่าน พวกเราพอใจแล้ว”

“อืม ถูกต้อง ผมก็เห็นด้วยกับข้อเสนอนี้! พวกเราเลือกผู้ที่มีคุณธรรมบารมีสูงส่งออกมาหนึ่งท่าน ที่จะสามารถเป็นตัวแทนของพวกเราในการเป็นสักขีพยานก็พอแล้ว ข้อกำหนดโบราณนั้นจะขาดไม่ได้ การมีบุคคลตัวแทนออกมาได้ ก็ถือว่าเป็นตัวแทนของพวกเราทั้งหมดทุกคนแล้ว”

“ตามความเห็นของผม ทำไมไม่ให้คู่บ่าวสาวคำนับจอมพลโผ้จวินเสียเลยล่ะ จอมพลเป็นถึงสมบัติแห่งเมืองของประเทศหวา เป็นเทพแห่งสงครามของยุค เป็นผู้นำในการปกป้องประเทศหวา แถมยังเป็นแบบอย่างของผมและคนรุ่นหลัง หากได้จอมพลโผ้จวินมาเป็นสักขีพยานในงานแต่ง ต้องเป็นความรุ่งโรจน์ของคู่บ่าวสาวเป็นแน่ ผมคิดว่าปีหน้าจะต้องมีทายาทสืบสกุล ตระกูลโจวต้องมีอำนาจเกรียงไกรยิ่งขึ้นแน่นอน”

ประสบสอพลอ นี่เป็นการประจบสอพลออย่างเดียว ทว่าหากสามารถประจบสอพลอบุคคลเช่นนี้ได้ ผู้ใดไม่ยินยอมที่จะประจบเล่า? บุคคลเช่นนี้ แค่คนธรรมดาจะมีโอกาสได้ประจบเช่นนั้นหรือ? นั่นจำต้องดูว่ามีความสามารถนี้หรือไม่

มีคนอีกกี่คนที่เข้าแถวต้องการที่จะประจบบุคคลที่มีอำนาจเช่นนี้ ทว่าเนื่องจากไม่มีความสามารถนั้นส่งผลให้ประจบไม่ได้ ดังนั้น หากจะสามารถประจบเขาได้จำต้องมีความสามารถเท่านั้น

สักขีพยานของงานแต่งที่ว่านั้น อันที่จริงก็คือพิธีการดั้งเดิมของตระกูลใหญ่ เนื่องจากผู้ที่สามารถมาเข้าร่วมงานแต่งงานของตระกูลใหญ่เช่นนี้ได้ล้วนแล้วแต่มีสถานะที่ไม่ธรรมดา ดังนั้นคู่บ่าวสาวก็จำต้องไปคำนับเป็นรายบุคคล การคำนับเช่นนี้ไม่ใช่การดื่มเหล้าเคารพแต่อย่างใด ครั้นเป็นการให้คนผู้นั้นเป็นสักขีพยาน กล่าวคำอวยพรให้ หรือพูดอีกอย่างคือการขอความเป็นสิริมงคล คำอวยพร

ตระกูลใหญ่อย่างตระกูลโจวนั้นไม่จำเป็นต้องไปประจบสอพลอผู้ใด ในทางกลับกันตระกูลใหญ่อย่างตระกูลโจวจะมีผู้คนมากมายที่มางานมาประจบเสียมากกว่า พวกเขาแต่งงาน ก็แน่นอนว่าจำต้องมีคนเสนอข้อแนะนำเช่นนี้ขึ้นมา นั่นคือการส่งตัวแทนที่มีคุณธรรมบารมีสูงส่ง ซึ่งจะเป็นตัวแทนที่มีคุณธรรมและความสามารถก็พอแล้ว ก่อนหน้าที่จอมพลโผ้จวินยังไม่มา ผู้ที่มีคุณสมบัติมากที่สุดก็คือหยางจิ่งเซียน หนึ่งเนื่องจากตระกูลของเขา สองเนื่องจากเขาเป็นคนที่เชิดหน้าชูตาของดินแดนตะวันตก แน่นอนว่าหลังจากที่จอมพลโผ้จวินแห่งตระกูลหวาผู้นี้มาแล้วนั้น ก็จำต้องเป็นนายพลโผ้จวินท่านนี้มาเป็นสักขีพยานเท่านั้นแล้ว

เมื่อได้ยินถึงตรงนี้ ก็ตรงกับความคิดของโจวปินคางเป็นอย่างยิ่ง เขาเคลื่อนสายตามายังชายหนุ่มผู้นั้น เอ่ยถามว่า “ผมเข้าใจความหมายของทุกท่านดี ก็แค่ไม่ทราบว่าท่านจอมพลโผ้จวินคิดเห็นอย่างไร?”

ชายหนุ่มผู้นั้นมองโจวปินคางด้วยสายตาที่สงบนิ่งแวบหนึ่ง จากนั้นก็กวาดสายตามองไปยังทุกท่านที่อยู่ ณ สถานที่จัดงานหนึ่งรอบ สุดท้ายเขาจึงเอ่ยกับโจวปินคางว่า “ในเมื่อทุกท่านคิดเห็นเช่นนี้ เช่นนั้นผมก็จะไม่ปฏิเสธ”

ไม่มีความเกรงใจ และไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเกรงใจ ตามสถานะและตำแหน่งของเขา ไม่มีทางที่จะเกรงใจผู้ใด

โจวชื่อเจี๋ยยิ้มพร้อมเอ่ยว่า “เช่นนั้นก็ต้องขอบคุณจอมพลโผ้จวินด้วย นี่นับเป็นความโชคดีของลูกชายและลูกสะใภ้ของกระผม ยังไม่รีบขอบคุณโผ้จวินอีก!”

โจวเจิ้งรีบโค้งคำนับให้กับชายหนุ่มทันที เอ่ยว่า “ขอบคุณจอมพลโผ้จวิน!”

ชายหนุ่มยิ้มเพียงเท่านั้น ไม่ได้เอ่ยอันใด สรุปการกระทำทุกประการของเขาล้วนแต่มีท่าทางของจอมพล

หลังจากที่ทุกคนตกลงกันแล้ว พิธีการของงานแต่งก็เริ่มต้นขึ้น ผู้ดำเนินพิธีเอ่ยเสียงดังกับคู่บ่าวสาว “คำนับฟ้าดิน!”

แววตาของโจวเจิ้งมีความตื่นเต้นผุดขึ้นมา เขาไม่ได้พบว่าฟางเหยียนก็อยู่ในงานด้วย หลังจากที่เดินเข้ามา สายตาของเขาก็จับจ้องอยู่บนชายหนุ่มผู้นั้นโดยตลอด ดังนั้นจึงไม่ได้พบว่าแถวที่สองนั้นมีฟางเหยียนนั่งอยู่

หลังจากที่เสียงบอกให้คำนับฟ้าดิน โจวเจิ้งก็ก้มหัวคำนับ ทว่าเจ้าสาวมิได้คำนับ กลับยืนตัวตรงอยู่อย่างนั้น

เมื่อเห็นเช่นนี้ ทุกคนจึงเกิดเป็นเสียงฮือฮาขึ้นมา

การกราบไหว้ฟ้าดินนั้นมิใช่เรื่องที่จะทำเล่นได้ หากมีความล่าช้าเพียงเล็กน้อย อาจทำให้ผู้คนไม่พอใจได้ มีคนจำนวนมากมายที่นี่ที่มองดูพวกเขาจัดพิธี หากในพิธีมีความผิดพลาดอันใดเกิดขึ้น ผู้ที่จะเสียหน้าก็คือคนของตระกูลโจว

ตระกูลโจวเป็นตระกูลยิ่งใหญ่อันดับต้น แน่นอนว่าคงไม่ยอมให้เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นต่อหน้าธูปของบรรพบุรุษตนได้ ดังนั้นโจวชื่อเจี๋ยจึงกระแอมไปสองครั้ง ส่งสัญญาณบอกให้หวังชิงชิงรีบกราบไหว้ฟ้าดิน

โจวเจิ้งก็ยกมือขึ้นมากระตุกขอบเสื้อของหวังชิงชิง ส่งสัญญาณให้เธอรีบกราบไหว้ฟ้าดิน

ขณะนี้เอง ผู้ดำเนินพิธีที่ตะโกนบอกให้กราบไหว้ฟ้าดินได้ตะโกนเสียงดังขึ้นมาอีกครา “คำนับฟ้าดิน!”

หวังชิงชิงยังคงไม่ขยับเขยื้อนเช่นเคย สีหน้าของโจวปินคางดำทมิฬเป็นที่เรียบร้อย นี่กำลังทำให้เขาขายหน้าอย่างเห็นได้ชัด เขาอายุตั้งมากมายถึงเพียงนี้แล้ว หากต้องมาขายหน้าให้กับคนเหล่านี้ก็ไม่เป็นอันใดมาก จะไม่มีผู้ใดที่จะมาต่อว่าเขาแม้แต่น้อย ทว่าบัดนี้เขาอยู่ต่อหน้าโผ้จวินแห่งประเทศหวา เขาไม่สามารถที่จะขายหน้าได้อย่างแน่นอน

ประจวบเหมาะ เวลานี้ก็มีคนเอ่ยสอบถามขึ้นมา “เจ้าสาวคนนี้เป็นอะไร? บอกให้คำนับฟ้าดินแล้ว ทำไมไม่คำนับอยู่นั่น! เป็นเพราะเจ้าสาวตื่นเต้นเกินไป ก็เลยลืมกราบไหว้ฟ้าดินอย่างนั้นหรือ?”

สำหรับพวกเขา การที่สามารถแต่งงานเข้าสู่ตระกูลโจวได้นั้นนับเป็นเกียรติอย่างยิ่ง จากนี้ไปก็จะเป็นภรรยาแห่งตระกูลที่ยิ่งใหญ่ของดินแดนตะวันตกอันดับหนึ่งแล้ว ดังนั้นทุกคนจึงคิดว่าเธอตื่นเต้นเกินไป ทุกคนไม่ทราบถึงความเจ็บปวดใจในเวลานี้ของเธอ

โจวเจิ้งดึงมุมเสื้อของหวังชิงชิง เอ่ยขึ้นเสียงเบาว่า “ผมบอกคุณแล้ว อย่าเล่นแบบนี้! อย่าทำให้ตระกูลโจวผมต้องขายหน้า คำนับฟ้าดินซะ! ผมจะพิจารณาปล่อยเจ้าหมอนั่นไป อย่าไม่รู้จักอะไรควรไม่ควร! วันนี้ที่นี่มีแต่แขกผู้มีเกียรติสูงทั้งนั้นนะ”

เวลานี้โจวชื่อเจี๋ยรีบเอ่ยขึ้น “ไม่เป็นไรๆ เจ้าสาวแค่ตื่นเต้นเล็กน้อย”

“ชิงชิง ยังไม่รีบกราบไหว้ฟ้าดินอีก!” สิ้นเสียง เขาก็ขึงตาใส่หวังชิงชิง

“ผมคิดว่า เจ้าสาวไม่ได้ตื่นเต้น แต่ไม่เต็มใจเสียมากกว่ามั้ง!” ในเวลานี้ มีน้ำเสียงก้องกังวานดังขึ้นมาท่ามกลางฝูงชน

คำพูดนี้ทำให้ภายในห้องโถงเกิดเป็นเสียงฮือฮาขึ้นมา หากคำพูดนี้ดังขึ้นที่สถานที่อื่น คาดว่าคงไม่ทำให้ผู้คนรู้สึกสงสัยแต่อย่างใด สามารถมองได้ว่านี่เป็นคำพูดตลกเท่านั้น หรือสามารถมองได้ว่าเป็นคำพูดของผู้ที่โง่เขลา ทว่าคำพูดนี้ถูกเอ่ยขึ้นมาท่ามกลางครอบครัวของตระกูลโจว ในตระกูลโจว คำพูดเช่นนี้จะพูดตามอำเภอใจได้อย่างไร นี่ถือเป็นการตบหน้าตระกูลโจว

เจ้าสาวไม่ได้ตื่นเต้น แต่ไม่เต็มใจ คำพูดนี้แสดงว่าตระกูลโจวกำลังบังคับให้เธอแต่งงานกับหลานชายเขา คำพูดนี้เป็นคำพูดตลกสิ้นดี การที่สามารถแต่งงานเข้าสู่ตระกูลเศรษฐีแห่งตระกูลโจวได้ แถมยังเป็นตระกูลนินจาอีก นั่นเป็นความใฝ่ฝันของผู้หญิงตั้งกี่คนเชียว เมื่อแต่งเข้าสู่ตระกูลโจวแล้ว ก็แสดงว่าจะพลอยได้ดีลอยขึ้นสวรรค์ไปด้วย อยู่ในตำแหน่งที่สูงส่งไปนับแต่บัดนี้

ภายในสถานที่จัดงานแห่งนี้ มีอย่างน้อยเก้าสิบเปอร์เซ็นต์ที่ต้องการประจบตระกูลโจว ล้วนแต่ต้องการให้ลูกสาวของตนเองแต่งงานกับนายน้อยแห่งตระกูลโจว

เมื่อโจวปินคางได้ยินประโยคนี้แล้ว สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนแปลงไป สายตาของเขากวาดมองหาต้นตอของเสียงนั้นอย่างเฉียบคม ผู้ที่เอ่ยขึ้นมานั้นแน่นอนว่าเป็นฟางเหยียน ช่วงเวลาที่มองเห็นฟางเหยียน ใบหน้าที่ดำทมิฬของโจวปินคางก็ขมวดคิ้วขึ้นมาทันที

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

จอมนักรบทรงเกียรติยศ 555 เจ้าสาวไม่ได้ตื่นเต้น

Now you are reading จอมนักรบทรงเกียรติยศ Chapter 555 เจ้าสาวไม่ได้ตื่นเต้น at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

การแต่งงานจำต้องคำนับฟ้าดิน การคำนับฟ้าดินนั้นจำต้องกราบไหว้บรรพบุรุษ นี่เป็นธรรมเนียมของประเทศหวาที่ปฏิบัติสืบทอดกันมา ในฐานะที่เป็นตระกูลใหญ่ดั้งเดิม แน่นอนว่างานแต่งงานคงไม่สามารถใช้วิธีการจัดงานแบบตะวันตกได้ หรือพูดอีกอย่างหนึ่งก็คือ ตระกูลใหญ่โตของประเทศหวาโดยแท้จริงไม่ได้เห็นงานแต่งงานแบบตะวันตกอยู่ในสายตา ดังนั้นงานแต่งงานรูปแบบตะวันตกในปัจจุบัน จะมีเพียงผู้ที่โง่เขลาและน่าเบื่อหน่ายเท่านั้นที่จะจัดขึ้น

ขณะที่ทั้งสองคนยืนอยู่บนห้องโถงใหญ่ ข้างกายมีชายวัยกลางคนที่สวมชุดสีแดงอ่อนยืนอยู่ ชายวัยกลางคนเอ่ยกับทั้งสองคนว่า “ลำดับต่อไปจะเป็นลำดับพิธีของเจ้าบ่าวเจ้าสาว คำนับฟ้าดินก่อน จากนั้นก็คำนับผู้นำตระกูล และคำนับพ่อแม่ คำนับผู้ที่มาเป็นสักขีพยานทุกท่าน หลังจากที่คำนับเสร็จแล้ว ก็จะเป็นสามีภรรยาคำนับต่อกัน จากนั้นจึงจะส่งเข้าห้องหอได้”

“กระผมขอเสนอ! ตอนที่คำนับสักขีพยาน พวกเราส่งตัวแทนสักขีพยานมาหนึ่งท่านก็พอแล้ว ถ้าให้คู่บ่าวสาวคำนับหลายคนแบบนั้น คงจะคำนับจนเข่าอ่อนกันเป็นแน่ ขอตัวแทนสักขีพยานมาหนึ่งท่าน พวกเราพอใจแล้ว”

“อืม ถูกต้อง ผมก็เห็นด้วยกับข้อเสนอนี้! พวกเราเลือกผู้ที่มีคุณธรรมบารมีสูงส่งออกมาหนึ่งท่าน ที่จะสามารถเป็นตัวแทนของพวกเราในการเป็นสักขีพยานก็พอแล้ว ข้อกำหนดโบราณนั้นจะขาดไม่ได้ การมีบุคคลตัวแทนออกมาได้ ก็ถือว่าเป็นตัวแทนของพวกเราทั้งหมดทุกคนแล้ว”

“ตามความเห็นของผม ทำไมไม่ให้คู่บ่าวสาวคำนับจอมพลโผ้จวินเสียเลยล่ะ จอมพลเป็นถึงสมบัติแห่งเมืองของประเทศหวา เป็นเทพแห่งสงครามของยุค เป็นผู้นำในการปกป้องประเทศหวา แถมยังเป็นแบบอย่างของผมและคนรุ่นหลัง หากได้จอมพลโผ้จวินมาเป็นสักขีพยานในงานแต่ง ต้องเป็นความรุ่งโรจน์ของคู่บ่าวสาวเป็นแน่ ผมคิดว่าปีหน้าจะต้องมีทายาทสืบสกุล ตระกูลโจวต้องมีอำนาจเกรียงไกรยิ่งขึ้นแน่นอน”

ประสบสอพลอ นี่เป็นการประจบสอพลออย่างเดียว ทว่าหากสามารถประจบสอพลอบุคคลเช่นนี้ได้ ผู้ใดไม่ยินยอมที่จะประจบเล่า? บุคคลเช่นนี้ แค่คนธรรมดาจะมีโอกาสได้ประจบเช่นนั้นหรือ? นั่นจำต้องดูว่ามีความสามารถนี้หรือไม่

มีคนอีกกี่คนที่เข้าแถวต้องการที่จะประจบบุคคลที่มีอำนาจเช่นนี้ ทว่าเนื่องจากไม่มีความสามารถนั้นส่งผลให้ประจบไม่ได้ ดังนั้น หากจะสามารถประจบเขาได้จำต้องมีความสามารถเท่านั้น

สักขีพยานของงานแต่งที่ว่านั้น อันที่จริงก็คือพิธีการดั้งเดิมของตระกูลใหญ่ เนื่องจากผู้ที่สามารถมาเข้าร่วมงานแต่งงานของตระกูลใหญ่เช่นนี้ได้ล้วนแล้วแต่มีสถานะที่ไม่ธรรมดา ดังนั้นคู่บ่าวสาวก็จำต้องไปคำนับเป็นรายบุคคล การคำนับเช่นนี้ไม่ใช่การดื่มเหล้าเคารพแต่อย่างใด ครั้นเป็นการให้คนผู้นั้นเป็นสักขีพยาน กล่าวคำอวยพรให้ หรือพูดอีกอย่างคือการขอความเป็นสิริมงคล คำอวยพร

ตระกูลใหญ่อย่างตระกูลโจวนั้นไม่จำเป็นต้องไปประจบสอพลอผู้ใด ในทางกลับกันตระกูลใหญ่อย่างตระกูลโจวจะมีผู้คนมากมายที่มางานมาประจบเสียมากกว่า พวกเขาแต่งงาน ก็แน่นอนว่าจำต้องมีคนเสนอข้อแนะนำเช่นนี้ขึ้นมา นั่นคือการส่งตัวแทนที่มีคุณธรรมบารมีสูงส่ง ซึ่งจะเป็นตัวแทนที่มีคุณธรรมและความสามารถก็พอแล้ว ก่อนหน้าที่จอมพลโผ้จวินยังไม่มา ผู้ที่มีคุณสมบัติมากที่สุดก็คือหยางจิ่งเซียน หนึ่งเนื่องจากตระกูลของเขา สองเนื่องจากเขาเป็นคนที่เชิดหน้าชูตาของดินแดนตะวันตก แน่นอนว่าหลังจากที่จอมพลโผ้จวินแห่งตระกูลหวาผู้นี้มาแล้วนั้น ก็จำต้องเป็นนายพลโผ้จวินท่านนี้มาเป็นสักขีพยานเท่านั้นแล้ว

เมื่อได้ยินถึงตรงนี้ ก็ตรงกับความคิดของโจวปินคางเป็นอย่างยิ่ง เขาเคลื่อนสายตามายังชายหนุ่มผู้นั้น เอ่ยถามว่า “ผมเข้าใจความหมายของทุกท่านดี ก็แค่ไม่ทราบว่าท่านจอมพลโผ้จวินคิดเห็นอย่างไร?”

ชายหนุ่มผู้นั้นมองโจวปินคางด้วยสายตาที่สงบนิ่งแวบหนึ่ง จากนั้นก็กวาดสายตามองไปยังทุกท่านที่อยู่ ณ สถานที่จัดงานหนึ่งรอบ สุดท้ายเขาจึงเอ่ยกับโจวปินคางว่า “ในเมื่อทุกท่านคิดเห็นเช่นนี้ เช่นนั้นผมก็จะไม่ปฏิเสธ”

ไม่มีความเกรงใจ และไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเกรงใจ ตามสถานะและตำแหน่งของเขา ไม่มีทางที่จะเกรงใจผู้ใด

โจวชื่อเจี๋ยยิ้มพร้อมเอ่ยว่า “เช่นนั้นก็ต้องขอบคุณจอมพลโผ้จวินด้วย นี่นับเป็นความโชคดีของลูกชายและลูกสะใภ้ของกระผม ยังไม่รีบขอบคุณโผ้จวินอีก!”

โจวเจิ้งรีบโค้งคำนับให้กับชายหนุ่มทันที เอ่ยว่า “ขอบคุณจอมพลโผ้จวิน!”

ชายหนุ่มยิ้มเพียงเท่านั้น ไม่ได้เอ่ยอันใด สรุปการกระทำทุกประการของเขาล้วนแต่มีท่าทางของจอมพล

หลังจากที่ทุกคนตกลงกันแล้ว พิธีการของงานแต่งก็เริ่มต้นขึ้น ผู้ดำเนินพิธีเอ่ยเสียงดังกับคู่บ่าวสาว “คำนับฟ้าดิน!”

แววตาของโจวเจิ้งมีความตื่นเต้นผุดขึ้นมา เขาไม่ได้พบว่าฟางเหยียนก็อยู่ในงานด้วย หลังจากที่เดินเข้ามา สายตาของเขาก็จับจ้องอยู่บนชายหนุ่มผู้นั้นโดยตลอด ดังนั้นจึงไม่ได้พบว่าแถวที่สองนั้นมีฟางเหยียนนั่งอยู่

หลังจากที่เสียงบอกให้คำนับฟ้าดิน โจวเจิ้งก็ก้มหัวคำนับ ทว่าเจ้าสาวมิได้คำนับ กลับยืนตัวตรงอยู่อย่างนั้น

เมื่อเห็นเช่นนี้ ทุกคนจึงเกิดเป็นเสียงฮือฮาขึ้นมา

การกราบไหว้ฟ้าดินนั้นมิใช่เรื่องที่จะทำเล่นได้ หากมีความล่าช้าเพียงเล็กน้อย อาจทำให้ผู้คนไม่พอใจได้ มีคนจำนวนมากมายที่นี่ที่มองดูพวกเขาจัดพิธี หากในพิธีมีความผิดพลาดอันใดเกิดขึ้น ผู้ที่จะเสียหน้าก็คือคนของตระกูลโจว

ตระกูลโจวเป็นตระกูลยิ่งใหญ่อันดับต้น แน่นอนว่าคงไม่ยอมให้เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นต่อหน้าธูปของบรรพบุรุษตนได้ ดังนั้นโจวชื่อเจี๋ยจึงกระแอมไปสองครั้ง ส่งสัญญาณบอกให้หวังชิงชิงรีบกราบไหว้ฟ้าดิน

โจวเจิ้งก็ยกมือขึ้นมากระตุกขอบเสื้อของหวังชิงชิง ส่งสัญญาณให้เธอรีบกราบไหว้ฟ้าดิน

ขณะนี้เอง ผู้ดำเนินพิธีที่ตะโกนบอกให้กราบไหว้ฟ้าดินได้ตะโกนเสียงดังขึ้นมาอีกครา “คำนับฟ้าดิน!”

หวังชิงชิงยังคงไม่ขยับเขยื้อนเช่นเคย สีหน้าของโจวปินคางดำทมิฬเป็นที่เรียบร้อย นี่กำลังทำให้เขาขายหน้าอย่างเห็นได้ชัด เขาอายุตั้งมากมายถึงเพียงนี้แล้ว หากต้องมาขายหน้าให้กับคนเหล่านี้ก็ไม่เป็นอันใดมาก จะไม่มีผู้ใดที่จะมาต่อว่าเขาแม้แต่น้อย ทว่าบัดนี้เขาอยู่ต่อหน้าโผ้จวินแห่งประเทศหวา เขาไม่สามารถที่จะขายหน้าได้อย่างแน่นอน

ประจวบเหมาะ เวลานี้ก็มีคนเอ่ยสอบถามขึ้นมา “เจ้าสาวคนนี้เป็นอะไร? บอกให้คำนับฟ้าดินแล้ว ทำไมไม่คำนับอยู่นั่น! เป็นเพราะเจ้าสาวตื่นเต้นเกินไป ก็เลยลืมกราบไหว้ฟ้าดินอย่างนั้นหรือ?”

สำหรับพวกเขา การที่สามารถแต่งงานเข้าสู่ตระกูลโจวได้นั้นนับเป็นเกียรติอย่างยิ่ง จากนี้ไปก็จะเป็นภรรยาแห่งตระกูลที่ยิ่งใหญ่ของดินแดนตะวันตกอันดับหนึ่งแล้ว ดังนั้นทุกคนจึงคิดว่าเธอตื่นเต้นเกินไป ทุกคนไม่ทราบถึงความเจ็บปวดใจในเวลานี้ของเธอ

โจวเจิ้งดึงมุมเสื้อของหวังชิงชิง เอ่ยขึ้นเสียงเบาว่า “ผมบอกคุณแล้ว อย่าเล่นแบบนี้! อย่าทำให้ตระกูลโจวผมต้องขายหน้า คำนับฟ้าดินซะ! ผมจะพิจารณาปล่อยเจ้าหมอนั่นไป อย่าไม่รู้จักอะไรควรไม่ควร! วันนี้ที่นี่มีแต่แขกผู้มีเกียรติสูงทั้งนั้นนะ”

เวลานี้โจวชื่อเจี๋ยรีบเอ่ยขึ้น “ไม่เป็นไรๆ เจ้าสาวแค่ตื่นเต้นเล็กน้อย”

“ชิงชิง ยังไม่รีบกราบไหว้ฟ้าดินอีก!” สิ้นเสียง เขาก็ขึงตาใส่หวังชิงชิง

“ผมคิดว่า เจ้าสาวไม่ได้ตื่นเต้น แต่ไม่เต็มใจเสียมากกว่ามั้ง!” ในเวลานี้ มีน้ำเสียงก้องกังวานดังขึ้นมาท่ามกลางฝูงชน

คำพูดนี้ทำให้ภายในห้องโถงเกิดเป็นเสียงฮือฮาขึ้นมา หากคำพูดนี้ดังขึ้นที่สถานที่อื่น คาดว่าคงไม่ทำให้ผู้คนรู้สึกสงสัยแต่อย่างใด สามารถมองได้ว่านี่เป็นคำพูดตลกเท่านั้น หรือสามารถมองได้ว่าเป็นคำพูดของผู้ที่โง่เขลา ทว่าคำพูดนี้ถูกเอ่ยขึ้นมาท่ามกลางครอบครัวของตระกูลโจว ในตระกูลโจว คำพูดเช่นนี้จะพูดตามอำเภอใจได้อย่างไร นี่ถือเป็นการตบหน้าตระกูลโจว

เจ้าสาวไม่ได้ตื่นเต้น แต่ไม่เต็มใจ คำพูดนี้แสดงว่าตระกูลโจวกำลังบังคับให้เธอแต่งงานกับหลานชายเขา คำพูดนี้เป็นคำพูดตลกสิ้นดี การที่สามารถแต่งงานเข้าสู่ตระกูลเศรษฐีแห่งตระกูลโจวได้ แถมยังเป็นตระกูลนินจาอีก นั่นเป็นความใฝ่ฝันของผู้หญิงตั้งกี่คนเชียว เมื่อแต่งเข้าสู่ตระกูลโจวแล้ว ก็แสดงว่าจะพลอยได้ดีลอยขึ้นสวรรค์ไปด้วย อยู่ในตำแหน่งที่สูงส่งไปนับแต่บัดนี้

ภายในสถานที่จัดงานแห่งนี้ มีอย่างน้อยเก้าสิบเปอร์เซ็นต์ที่ต้องการประจบตระกูลโจว ล้วนแต่ต้องการให้ลูกสาวของตนเองแต่งงานกับนายน้อยแห่งตระกูลโจว

เมื่อโจวปินคางได้ยินประโยคนี้แล้ว สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนแปลงไป สายตาของเขากวาดมองหาต้นตอของเสียงนั้นอย่างเฉียบคม ผู้ที่เอ่ยขึ้นมานั้นแน่นอนว่าเป็นฟางเหยียน ช่วงเวลาที่มองเห็นฟางเหยียน ใบหน้าที่ดำทมิฬของโจวปินคางก็ขมวดคิ้วขึ้นมาทันที

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+